รักต้องแลก
Writer : Aile'N
ตอนที่ 10
พอสติกลับคืนมานิชาก็รู้สึกอายจนไม่อยากมองหน้าอัคคีเลยตลอดการเดินทางมาร้านอาหาร ทำในห้องทำงานว่าน่าอายแล้ว นี่ทำในห้องประชุมอีก ประชุมคราวหน้าเธอจะมีสมาธิทำงานได้ยังไง แถมสิบนาทีที่รับปากไว้ก็ไม่มีอยู่จริง! เลยเที่ยงมาครึ่งชั่วโมงแล้วเนี่ย กว่าจะขับรถมาอีก หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว!
"หึ...กินเลอะก็เป็น" เสียงทุ้มพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือมาหมายจะเช็ดปากให้ แต่นิชาเบี่ยงหน้าหนีทัน
"แค่บอกก็พอค่ะ เช็ดเองได้" มือบางรีบหยิบทิชชูมาเช็ดรอบๆ ริมฝีปาก จนแน่ใจว่าไม่มีเลอะที่ไหนอีก
"คุณนี่ไม่มีความโรแมนติกเอาซะเลยนะ" อัคคีส่ายหน้าอย่างระอา
"คุณคาดหวังอะไรคะ นิต้องแก้มแดง เขินอายเวลาที่คุณทำอะไรแบบนี้หรือไง ดูละครมากไปหรือเปล่าคะ" นิชากรอกตาใส่เขาอย่างไม่ปิดบัง
"ก็ผู้หญิงทุกคนเป็นแบบนั้น" เขายักไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน มีความมั่นอกมั่นใจในคำพูดซะจนน่าหมั่นไส้ ห้อยหลวงปู่มั่นหรือไงไม่ทราบ!
"อย่าเอานิไปเหมารวมกับพวกผู้หญิงของคุณ..." ร่างบางพูดเสียงเรียบ ไม่พอใจที่ถูกเอาไปเหมารวมกับใคร แม้สถานะในตอนนี้แทบจะไม่ต่างจากพวกหล่อนเลยก็ตาม
"ก็จริง...คุณดีกว่าเยอะ" อัคคีกดยิ้มลึก มองสบตากลมสวยอย่างมีเลศนัย
"ทานเถอะค่ะ จะได้รีบกลับ บ่ายสองต้องเข้าโรงงานอีก" นิชามองเขาอย่างหวาดระแวง ก่อนเปลี่ยนเรื่อง เมินรอยยิ้มและท่าทางเจ้าชู้ของเขา นั่งทานข้าวต่ออย่างตั้งใจ
"อ้าว พี่ไฟ"
พี่ไฟ..?
"อ้าว ริณ มาไงครับเนี่ย"
"ริณไปหาเพื่อนมาน่ะค่ะ ขากลับเลยแวะหาอะไรทาน เข้ามาก็เจอพี่พอดี จะว่าอะไรมั้ยคะถ้าริณจะขอนั่งด้วย" ไอริณถามยิ้มๆ มองอัคคีกับนิชาสลับกัน
"เชิญเลยค่ะ นิอิ่มพอดีเลย เดี๋ยวไปรอที่รถนะคะ จะได้มีเวลาส่วนตัวกัน" นิชาเป็นฝ่ายเชิญชวนอย่างรู้หน้าที่ เธอลุกขึ้นรวบเก็บจานของตัวเองเอาไปส่งให้พนักงานเก็บและบอกให้มารับออเดอร์จากไอริณด้วย เมื่อเรียบร้อยเธอก็ออกไปหาร้านกาแฟนั่งรอ
'พี่ไฟ' สิทธิพิเศษของคนเป็นคู่หมั้นสินะ?
เท่าที่รู้จักกันมาเธอเคยได้ยินคนเรียกชื่อเล่นของอัคคีแค่ไม่กี่คน ก็คือพ่อแม่ น้องชาย และพื่อนๆ ของเขา ตอนนี้มีเพิ่มอีกหนึ่งคนก็คือไอริณ แต่ก็ไม่แปลก ไอริณคือคู่หมั้น ส่วนเธอเป็นเพียงลูกจ้าง จะไปเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนมแบบนั้นได้ยังไง รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังรู้สึกหน่วงๆ ในอกอยู่ดี...
โคตรแย่...ชั่วโมงก่อนมีอะไรกับเขา ตอนนี้ต้องหลีกทางให้ตัวจริง แล้วจะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ถ้าเต็มสองปีเหมือนในสัญญาเธอได้อกแตกตายก่อนแน่
ตื๊ดด~
อัคคี : อยู่ไหน
นิชามองข้อความที่ส่งเข้ามาก่อนมองนาฬิกาด้วยความแปลกใจ เพราะเพิ่งผ่านไปไม่กี่นาทีเอง นึกว่าจะต้องรอนานกว่านี้เสียอีก
Nicha : เดี๋ยวไปค่ะ
ร่างบางเก็บโทรศัพท์ลง คว้าแก้วโกโก้ปั่นมาดูดจนหมดก่อนทิ้งลงถังขยะแล้วเดินกลับไปที่รถ ขึ้นไปนั่งทันทีที่เห็นว่าอัคคีนั่งรออยู่ในรถก่อนแล้ว
"เป็นอะไร" ร่างสูงถามเมื่อเห็นผู้เป็นเลขานั่งหน้าบึ้งตึงไม่พูดอะไร
"เปล่าค่ะ ใกล้บ่ายสองแล้ว เข้าโรงงานเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวสาย" เธอเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่สามารถปรับอารมณ์ให้เป็นปกติได้
อัคคีมองมานิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ สตาร์ทรถขับไปยังโรงงานผลิตที่อยู่แถบชานเมือง ไปถึงทันนัดพอดี
ที่นี่คือโรงงานผลิตรถยนต์รวมถึงอะไหล่ต่างๆ วันนี้คู่ค้าขอนัดเข้ามาเที่ยวชมดูขั้นตอนการผลิต นิชาไม่มีหน้าที่อะไรมากแค่เดินตามช่วยดูแลแขก เพราะรายละเอียดทุกอย่างอัคคีเป็นคนแนะนำหมด
‘A.K. Group’ เป็นบริษัทผลิตรถยนต์และอะไหล่ที่เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง เริ่มจากการชอบและสะสมรถยนต์สัญชาติต่างๆ ทั้งสมัยเก่าและสมัยใหม่ ซื้อจนไม่มีที่จอด ต้องสร้างโกดังเก็บรถส่วนตัว ง่ายๆ คือรวยจนไม่รู้จะรวยไปไหน
สองชั่วโมงกับการพาคู่ค้าทัวร์โรงงานและกลับมาทำงานต่อที่บริษัทอีกชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็ได้เวลาเลิกงานเสียที นิชาแยกกับอัคคีโดยที่เขาไม่ได้นัดอะไรเธอนอกรอบอีก ซึ่งนั่นก็ดีเพราะเธอมีนัดกับเพื่อนๆ แล้ว วันนี้เหนื่อยทั้งกายและใจ ได้ดื่มสักหน่อยก็น่าจะคลายความตึงเครียดลงไปได้บ้าง
"ถามจริง มึงจะใส่ชุดนี้ไปจริงดิ?" เพียวยืนเท้าเอวมองเพื่อนอย่างเหลือจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น กางเกงยีนขายาวกับเสื้อยืดเนี่ยนะ?
"โอ๊ย โคตรจะเฉิ่ม! ไปตี้นะเว้ยไปตี้ มึงช่วยใช้หน้าสวยๆ หุ่นดีๆ ให้เกิดประโยชน์หน่อยได้มั้ยวะ กูเสียดาย" เพียวโวยวายขึ้นมาอีกเมื่อเห็นนิชาพยักหน้ารับอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก็แค่ไปดื่ม ใส่ชุดไหนก็ได้ไหม
"ขี้เกียจแต่ง" เธอบอกอย่างไม่คิดอะไร
"โอ๊ย มานี่ กูแต่งให้" เพียวลากนิชามาที่ตู้เสื้อผ้า ก่อนค้นดูตู้เสื้อผ้าของเพื่อน เลือกเดรสแซ่บๆ ที่พอใจได้หนึ่งชุดแล้วยัดใส่มือ
"ตัวนี้เลย เอาไปเปลี่ยนแล้วมาแต่งหน้า"
"..."
"เร็วๆ" เพียวเร่งเมื่อเห็นร่างบางยื่นนิ่ง เมื่อถูกรบเร้ามากๆ นิชาก็เลยต้องไปเปลี่ยน ก่อนออกมาให้เพื่อนดูชม เพราะเท่าที่จำได้ชุดนี้ตั้งแต่ซื้อมายังไม่เคยใส่เลยสักครั้งเพราะมันโป๊เกินไป
"เออ ต้องงี้สิวะ มานั่งๆ" เพียวหน้าระรื่นทันทีเมื่อนิชาเปลี่ยนชุดเสร็จ ก่อนลากเธอไปแต่งหน้าทำผม นิชาก็ปล่อยให้เพื่อนทำไปเพราะเหนื่อยๆ นอยๆ ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น
"เรียบร้อย! สวยแบบตะโกน นี่ถ้าอีตาบอสมาเห็นนะ ไม่หลงให้มันรู้ไป" เพียวกอดอกมองผลงานของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
"เพ้อเจ้อ" น้ำเสียงเนือยๆ แย้งขึ้น
"เอ้า พูดจริง ลองแกล้งๆ โทรชวนเขามาดื่มด้วยสิ"
"ชวนมาทำไม งานกร่อยเปล่าๆ" นิชาขมวดคิ้วไม่พอใจ ที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่นี่ก็เพราะเขา ยังจะให้เจอเขาเพื่ออะไรอีก
"ก็เผื่ออยากพิสูจน์ไง"
"พอๆ ไปกันได้แล้ว ไอ้วีรอแล้วมั้งเนี่ย" หลังได้คุยกันมากขึ้นและกลับมาสนิทกันเหมือนเดิม สรรพนามที่ใช้เรียกกันก็เปลี่ยนไปตามสถานการณ์
เมื่อเตรียมตัวเสร็จนิชาก็ติดรถเพียวไปที่บาร์ เธอบอกแม่ว่าอาจจะค้างกับเพียวเลยไม่ได้เอารถไป ไม่นานก็ไปถึงร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เป็นจุดนัดหมาย วีมารออยู่ก่อนแล้วเพราะคอนโดอยู่ใกล้ร้านมากกว่าและร้านนี้เขาก็เป็นคนจอง
"เฮ้ยยย นี่คนเดียวกันกับที่เจอวันนั้นจริงดิ" อีกฝ่ายจ้องนิชาตาถลน หมดมาดหล่อเท่ตอนนั่งอยู่คนเดียวไปในทันที
"เออ ไอ้เพียวมันแต่งให้อะ" ร่างบางตอบปัดๆ ก่อนเดินไปนั่งลงที่โต๊ะโซนวีไอพีด้านนอก
"เพียวววว" วีหันไปทักเพียวด้วยความตื่นเต้นเพราะตลอดมาคุยกันผ่านไลน์ที่นิชาเอาให้ เพิ่งได้กลับมาเจอกันครั้งแรก
"โห กว่าจะหันมาทัก นึกว่าลืมกูซะละ"
"ตะลึงความสวยไอ้นิมันอยู่นี่หว่า ไปๆ นั่งกัน"
ทันทีที่อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งมาเสิร์ฟ ก็มีเพียงเพียวกับวีที่พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบในช่วงที่ห่างหายกันไป ส่วนนิชาเอาแต่นั่งดื่มเงียบๆ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปกับเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ ในร้าน จนทั้งคู่รู้สึกว่าเธอเงียบไปเลยหันมาหา
"นิ...นิชา...ไอ้นิ!"
"ฮะ? ตะโกนทำไม" ร่างบางที่กำลังเหม่อสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ
"โอ้โห เรียกจนคอจะแตก เป็นอะไรของมึงเนี่ย นั่นเหม่ออยู่ได้ มาดื่มกับเพื่อนนะเว้ย จอยๆ หน่อยดิ" วีที่ไม่รู้อะไรได้แต่ทำหน้างง
"ช่างมันเหอะมึง คนอกหักก็เงี้ย" เพียวบอกพลางส่ายหน้าเอือมระอาเต็มที
"ฮะ อกหักเหรอ จากใครวะ หล่อเท่ากูป้ะ" วีนั่งหลังตรงกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นจนออกนอกหน้า
"หล่อกว่า รวยกว่าด้วย มึงรู้จักคุณอัคคี ศิระพักตร์พิมลป้ะ นั่นแหละ" เพียวยื่นหน้าเข้าไปเม้าท์ใกล้ๆ
"รู้จัก แต่แค่เผินๆ อะ กูเพิ่งกลับจากต่างประเทศ พ่อแม่กูน่าจะรู้จักมากกว่า แต่มึงไปเจอคนระดับนั้นได้ยังไงวะ คบกันกี่ปีอะ" วีนึกคิดไปถึงชายหนุ่มที่มีชื่ออยู่ในบทสนทนา จำได้ว่าเป็นนักธุกิจชื่อดังที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ที่สงสัยคือนิชาไปรู้จักคนระดับนั้นได้ยังไง
"ไม่ได้คบจ้า ไอ้นิมันทำงานเป็นเลขาเขา แล้วความใกล้ชิดอะมึง ก็เลยนั่นแหละ สำคัญเลยตรงที่เขามีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนแล้วด้วย" ยิ่งพูดเพียวก็ยิ่งใส่อารมณ์เพราะยังโมโหกับเรื่องวันนี้ที่นิชาเล่าให้ฟังไม่หาย
"โห ชีวิตจริงยิ่งกว่าละครของแทร่" วียิ้มแห้งพลางมองเพื่อนด้วยความเห็นใจ
"เออ ช่างเรื่องกูเถอะน่า กินๆ ไป" นิชาบอกปัดอย่างไม่พอใจ เพราะไม่อยากคิดถึงเพื่อนก็ยังพูดถึงใครคนนั้นขึ้นมาอีก
"ไม่สมหวังก็ตัดใจแล้วมีคนใหม่สิวะ ไม่ต้องห่วงนะเพื่อนกูหล่อๆ รวยๆ เยอะแยะ เดี๋ยวหาดีๆ ให้สักคน" วีบอกอย่างกระตือรือร้น ถ้านับเรื่องฐานะและหน้าตาทางสังคมของครอบครัวเขานั้นถึงไม่เทียบเท่าแต่ก็ไม่ได้ห่างชั้นจากอัคคีมากนัก พ่อแม่เขาก็เป็นนักธุรกิจรุ่นใหญ่ เป็นที่รู้จักของหลายๆ คนเช่นเดียวกัน
"ไม่ต้องอะ ยังไม่อยากมีตอนนี้ ช่างกูเถอะ กินๆ ไป" นิชาย้ำคำเดิมเสียงเรียบ เพื่อนๆ จึงเลิกเซ้าซี้ นั่งดื่มกินกันต่อไปเรื่อยๆ
อีกด้านที่ประตูทางเข้าร้านชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา เขามองไปรอบๆ ร้านเล็กน้อย ก่อนจะสะดุดอยู่ที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โซนวีไอพีด้านนอก เขารู้สึกว่าเธอหน้าคุ้นๆ แต่จ้องนานเกินไปก็เสียมารยาทเขาจึงเก็บความสงสัยไว้ในใจ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อนๆ ในโซนวีไอพีด้านใน
"มาสักที กูนึกว่ามึงจะเบี้ยวนัดละ" เสียงทักของ 'เรย์' ดังขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้าไป
"ก็บอกอยู่ว่าติดงาน มึงนี่"
"เออๆ เอ้า แดก!" เรย์ตอบส่งๆ ก่อนชงเหล้าให้ 'คริส' อย่างกระตือรือร้น
"เออ ไอ้ไฟ เมื่อกี้ตอนเดินเข้ามา กูเห็นคนหน้าคุ้นๆ เหมือนเลขามึงเลยว่ะ แต่สวยจัดอะ แต่งตัวโคตรแซ่บ เลยไม่แน่ใจว่าใช่มั้ย ไม่เคยเห็นมุมแบบนี้เลย" คริสหันไปบอกเพื่อนอีกคนที่นั่งดื่มพลางเขี่ยโทรศัพท์เล่นอยู่เงียบๆ
"คงแค่คนหน้าเหมือนมั้ง ยัยนั่นสามทุ่มก็เข้านอนแล้ว ไม่มาที่แบบนี้หรอก" อัคคีเงยหน้าขึ้นพูดอย่างไม่ใส่ใจ
"มึงใช้งานเขาหนักอะดิ แต่ละวัน เลขาหรือทาสกูถามจริง ทำทุกอย่างคนเดียวเลย คนอื่นกูเห็นจ้างเลขาสองคนสามคน ผู้ช่วยต่างหากอีก" เรย์บ่นเพื่อนอย่างอดไม่ไหว เขาเคยเจอนิชาอยู่หลายครั้ง แต่ละครั้งก็เห็นทำงานจนหัวหมุน แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไอ้ประธานทำเองได้อีกฝ่ายก็ยังทำให้ ดูแลดียิ่งกว่าพ่อแม่อีก ไม่รู้อาสาทำเองหรืออัคคีบอกให้ทำกันแน่
"คนอื่นแม่งไม่ได้ดั่งใจนี่หว่า" อัคคียักไหล่ ไม่สนใจคำแนะนำของเพื่อน
"ไม่ได้ดั่งใจหรือกลัวจะมาเป็น กขค.? กูเห็นนะ สายตาที่มึงมองเขาอะ กะเคลมเลขาตัวเองเหรอวะ ของขาดขนาดนั้นเลย?" เรย์โพล่งในสิ่งที่เขาจับสังเกตได้และคิดว่าไม่น่าพลาดออกไปพลางหรี่ตามองอัคคีอย่างจับผิด
"เออ ปล่อยไปสักคนเหอะ เดี๋ยวก็มองหน้ากันไม่ติด ดูท่าแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจมึงเหมือนผู้หญิงคนอื่นด้วย" คริสเองก็พอจะมองออกอยู่บ้าง นิสัยผู้ชายน่ะดูไม่ยากหรอก ยิ่งนิสัยเพื่อนสนิทด้วยแล้ว ยิ่งดูออกง่าย
"นั่นแหละ...กูยิ่งอยากได้" อัคคีกดยิ้มลึกอย่างชอบใจ ไม่สนคำพูดมากมายของเพื่อนเลยแม้แต่น้อย
"ไอ้สัตว์นี่ ที่บอกไปไม่เข้าหูเลยไง" เรย์สบถด่าด้วยความหงุดหงิด
"ก็กูได้ไปแล้ว"
"ฮะ!? /อะไรนะ!?" สองหนุ่มอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
"มึงบังคับเขาเหรอวะ"
"ก็...ไม่เชิงอะ"
"ไหนเล่า" พอถูกเพื่อนประกบซ้ายขวากดดัน อัคคีก็ยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทั้งคู่ฟังโดยไม่ปิดบัง
"ไอ้เหี้ยไฟ มึงนี่มันเหี้ยจริงๆ มึงฉวยโอกาสตอนเขาเดือดร้อนทำเหี้ยๆ กับเขาเนี่ยนะ ไม่เห็นแก่ที่เขาทำงานกับมึงมาตั้งหลายปีบ้างวะ ทำงานดีด้วย เป็นกู กูให้ฟรีแล้ว แค่สิบล้านเอง"
เรย์สบถด่าออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้โมโหยิ่งกว่าเดิมอีกเพราะเขามีน้องสาวและรักน้องมากเลยอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้พอสมควร กลัวน้องจะบังเอิญเจอผู้ชายเลวๆ แบบเพื่อนตัวเอง ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับน้องสาวเขาจริงๆ เขาอาจจะสติแตกบุกไปฆ่าผู้ชายคนนั้นถึงที่ก็เป็นได้!
"เออ โคตรเหี้ย มึงอย่าให้พ่อแม่มึงรู้เชียว คู่หมั้นมึงอีก ทำไมมึงไม่หยุดเพื่อเขาวะ" คริสเองถึงไม่ใช่คนดีเด่อะไรแต่ก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่อัคคีทำ
"ทำไมต้องหยุด กูไม่ได้เป็นคนอยากหมั้นนี่ รับไม่ได้ก็ถอนหมั้นไป" อัคคีขมวดคิ้วไม่ชอบใจ เขาอาจจะเป็นคนไม่ดีจริง แต่เรื่องหมั้นไม่ใช่ความต้องการของเขา ทำไมเขาต้องแคร์ด้วย
"แล้วกับคู่หมั้น...ได้กันยัง" เรย์ถามด้วยความอยากรู้ แต่ก็คิดไปแล้วว่าคงไม่รอด
"ยัง"
"เป็นไปได้เหรอวะ อย่างมึงเนี่ยนะจะไม่เอา" เพื่อนสองคนมีท่าทีแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะความเจ้าชู้ของอัคคีแม้แต่เด็กสามขวบยังรู้เลย
"ก็ถ้ากูไม่แต่ง จะได้ไม่มีอะไรมาเรียกร้องได้ไง" เขายักไหล่ยิ้มๆ ถึงภายนอกจะปฏิบัติตัวดีกับไอริณราวกับเต็มใจหมั้นหมาย แต่ที่จริงแล้วมันก็เป็นนิสัยปกติของผู้ชายเจ้าชู้ที่เห็นผู้หญิงสวยๆ เป็นไม่ได้ก็เท่านั้น
"ทีงี้ล่ะฉลาดนัก"
"ช่างเรื่องกูได้ละ แดกๆ ไป"
อัคคีบอกปัดเปลี่ยนเรื่องไปเพราะขี้เกียจฟังคำบ่นคำด่าของเพื่อนๆ เต็มที ทั้งสามคนนั่งดื่มกินกันต่อไปจนเริ่มดึก อัคคีที่รู้สึกอยากดูดบุหรี่และเข้าห้องน้ำจึงลุกออกไปด้านนอก เมื่อเรียบร้อยกำลังจะเดินกลับเข้ามาก็พลันนึกถึงคำพูดของเพื่อนว่าเจอคนหน้าเหมือนเลขา เลยมองหาดูเล่นๆ ไม่คิดอะไร แต่กลับเจอจริง...เจออยู่กับผู้ชายเสียด้วย!
..
..
..
..
ยังไงงงงงงงง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 11หมับ "อะ...คุณอัค?" นิชาที่กำลังกระซิบกระซาบคุยกับเพื่อนชายเนื่องจากเสียงเพลงดัง ตัวลอยวืดออกมาด้วยแรงกระชากของใครบางคน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบใบหน้านิ่งเรียบของเจ้านายหนุ่ม ที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง "ไปกับผม" น้ำเสียงดุดันเอ่ยสั่ง พร้อมกับกระชากข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นยืน "ไปไหน นี่ไม่ใช่เวลางานนะคะ" นิชาที่เริ่มเมาได้ที่ขัดขืนไม่ยินยอม "แล้วยังไง ผมสั่งคุณได้ทุกเวลาคุณก็รู้" อัคคียื่นหน้าเข้าไปกระซิบขู่ใกล้ๆ เผื่อความเมาจะทำให้ร่างบางหลงลืมไปว่ายังมีสัญญาคู่นอนสองปีอยู่ "แต่นิมากับเพื่อน" เสียงหวานแย้งอย่างไม่ยินยอม ถ้าเป็นปกติเธอคงจะทำใจไปกับเขาง่ายๆ แต่ตอนนี้อารมณ์ของเธอไม่ปกติ มันแปรปรวนและคนที่ไม่อยากเจอหน้าที่สุดก็คือเขา! "จะไปดีๆ หรืออยากให้เพื่อนคุณเดือดร้อน?" อัคคีขบกรามขู่เสียงต่ำ และนิชาก็รู้ซึ้งถึงอำนาจที่เขามีมากกว่าใคร ดวงตาคู่สวยจ้องหน้าเขาด้วยความโกรธจัด แต่เธอก็ยังมีสติอยู่และไม่อยากให้เพื่อนต้องมาเดือดร้อนทั้งที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วย "...วี เดี๋ยวเราไปต่อกับเจ้านาย ฝากบอกเพียวด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวกลับเอง" นิชาข่มอา
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 12นิชาที่นอนหลับไปนาน ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นเจ้านาย ดวงตาคู่สวยกะพริบปริบๆ ด้วยความมึนงงเพราะยังปะติดปะต่ออะไรไม่ได้ ได้แต่ตาจ้องตากับร่างสูงอยู่อย่างนั้น จนสติเริ่มมาเธอก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง พบว่าตัวเองเผลอหลับและไปนอนบนหนุนตักเขาได้ยังไงไม่รู้ แถมเมื่อกี้ยังรู้สึกเหมือนโดนลูบหัวด้วย "นิ...กลับได้ยังคะ" นิชารีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูนาฬิกาที่ล่วงเลยมาจนบ่ายสองแล้ว ก่อนจะหันไปถามเจ้าของห้องอย่างอายๆ ไม่รู้ตอนหลับเผลอละเมออะไรออกไปหรือเปล่า "อืม เดี๋ยวไปส่ง" อัคคีลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "นิกลับเองดีกว่าค่ะ" เธอรีบปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียเวลาขับรถไปมา "ผมจะไปส่ง" ตาคมจ้องหน้าเธอเขม็ง เป็นสัญญาณว่าห้ามปฏิเสธ "...ค่ะ" สุดท้ายนิชาก็ต้องยอมให้อัคคีไปส่ง เราทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันเลยสักคำ เขาไม่ถามซ้ำว่าเมื่อคืนเธออยู่กับใคร เหมือนพอโกรธและได้ระบายอารมณ์ด้วยเซ็กส์แล้วก็ปล่อยเรื่องทั้งหมดให้เงียบหายไป ไม่เคลียร์กันให้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร หรือไม่ก็เชื่อแค่ความคิดของตัวเองเท่านั้น เพียวบอกว่า 'เขาห
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 13งานประมูลเครื่องเพชรการกุศลเริ่มต้นขึ้นและดำเนินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงสีของเพชรเม็ดงามที่สะท้อนแสงไฟวิบวับจนแสบตา นิชาเข้าไม่ถึงของแพงๆ พวกนี้จึงได้แต่นั่งเหม่อ ปล่อยใจล่องลอยไปไกลแสนไกล คนนอกมองมาคงจะเข้าใจว่าเธอนั่งมองผู้คนบนเวทีที่กำลังนำเสนอเครื่องเพชรอย่างตั้งใจ แต่เปล่าเลย เธอเหมือนคนหลับใน ตาดูแต่หูไม่ได้ฟัง ใจก็ไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่มองเลยแม้แต่น้อย แต่ก็มีบ้างที่สติกกลับคืนมาตอนปฐพีชวนคุยเป็นครั้งคราว หลังจบบทสนทนาเธอจึงมีสติจ้องมองเครื่องเพชรเหล่านั้นอย่างสนใจจริงๆ เช่นเดียวกับตอนนี้ที่เห็นกำไลข้อมือวงหนึ่งที่นางแบบกำลังใส่อวดโฉมอยู่บนเวที ลายของมันค่อนข้างเรียบง่ายมีเพชรประดับเพียงไม่กี่เม็ดแต่เรียบหรูใส่ได้ทุกโอกาส "สวยมั้ย" อัคคีถามขึ้น หลังสังเกตเห็นว่านิชาดูจะสนใจกำไลวงนี้เป็นพิเศษ "ก็สวยดีค่ะ" เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าเมื่อเริ่มเปิดประมูล อัคคีที่นั่งเงียบมาตั้งแต่งานเริ่ม กลับลงประมูลกำไลชิ้นนี้เป็นครั้งแรก "ห้าล้านครับ" เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมาไม่น้อยหลังสิ้นเสียงเขา เพราะกำไลเล็กๆ วงนั้นเริ่มต้นที่หนึ่งล้านบาทและยังไม่มีใครล
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 14ผ่านไปหลายวันจากวันงานประมูล มีหลายสิ่งกำลังรบกวนจิตใจของนิชาอย่างหนัก ส่งผลให้กลางคืนนอนไม่หลับ กลางวันนั่งเหม่อ เธอรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจกับสิ่งที่อัคคีทำ ทั้งประมูลกำไลให้ จูบนุ่มๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเซ็กส์ ไหนจะท่าทางหงุดหงิดเวลาเห็นเธออยู่กับคนอื่นอีก ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย รักเหรอ? ...ไม่มีทาง! คนเดียวที่เขารักนอกจากครอบครัวก็คือตัวเขาเองต่างหาก "เที่ยงไม่ต้องสั่งอาหารนะ ไอริณจะซื้อเข้ามากินด้วย เดี๋ยวแวะเข้ามา" อัคคีบอกอย่างไม่คิดอะไร ในขณะที่นิชาคิดมากจนนอนไม่หลับ แล้วทำไมถึงเป็นเธอที่คิดมากอยู่ฝ่ายเดียว ใกล้เที่ยงไอริณก็มาจริงๆ หล่อนหอบข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ นิชาจึงต้องรีบเข้าไปช่วยถือและแยกส่วนที่เป็นอาหารเที่ยงไปจัดใส่จานยกเข้ามาเสิร์ฟให้ "แล้วของคุณล่ะ" ร่างสูงถามเมื่อมีข้าวเปล่าแค่สองจาน "นิมีนัดกับเพื่อนแล้วน่ะค่ะ ตามสบายนะคะ" เธอบอกเขาก่อนหันไปบอกไอริณ จากนั้นก็แยกตัวหยิบกระเป๋าสะพายเดินออกมา ความจริงแล้วไม่ได้มีนัดที่ไหนหรอก แค่ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใคร ข้าวก็ไม่หิว อยากนอนมากกว่าเลยตั้งใจว่าจะลงไปงีบที่รถ "ริณจำได้ว
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 15และแล้วสิ่งที่นิชาเป็นกังวลก็เกิดขึ้นจนได้ หลังจากที่ทะเลาะกับลูกชายไปวันนั้น วันต่อมาคุณหญิงดาริกาก็ต่อสายมาหาเธอ นัดออกไปคุยที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังเลิกงาน "สวัสดีค่ะ คุณหญิง" "สวัสดีจ้ะ เชิญนั่ง" อีกฝ่ายผายมือให้เธอนั่งลงฝั่งตรงข้าม บนโต๊ะมีอาหารวางรออยู่ก่อนแล้ว แต่นิชาไม่คิดแตะต้อง "มีอะไรจะคุยกับนิเหรอคะ" เธอถามเข้าเรื่องทันที แม้จะเตรียมใจมาก่อนแล้วแต่ลึกๆ ก็ประหม่าอยู่ไม่น้อย "เธอน่าจะรู้ว่าเรื่องอะไร" คุณหญิงพูดเสียงเรียบและมองเธอนิ่งๆ ไม่เหมือนทุกครั้งที่เคยเจอ "ค่ะ แล้วคุณหญิงอยากให้นิทำยังไงเหรอคะ" นิชาถามด้วยความอยากรู้ ถ้อยคำของเธออาจจะฟังดูอวดดีไปบ้าง แต่มันก็คือความจริง "เธอกับตาไฟมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่" คุณหญิงดาริกาไม่ตอบ แต่ถามย้ำเอาคำตอบที่มาจากปากเธอตรงๆ "แค่เจ้านายกับลูกน้องค่ะ" นิชาตอบตามความจริง ก็เธอกับเขาเป็นแค่นี้จริงๆ นี่นา ขึ้นเตียงยามอยากก็ใช่ แต่ก็ยังไม่ใช่แฟนอยู่ดี จะให้ตอบว่าไงล่ะ "อย่าโกหก เจ้านายกับลูกน้องที่ไหนจะประมูลของให้กันเป็นล้าน!" คุณหญิงดาริกากดเสียงเข้ม ไม่เคยมีอคติกับเลขาของลูกชายมาก่อน ออกจ
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 16เดือนต่อมาก็ถึงวันเอาท์ติ้งบริษัท สถานที่คือรีสอร์ตแห่งหนึ่งในอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เดินทางไปกลับง่ายไม่ทรมานร่างกายจนเกินไป อัคคีเหมารีสอร์ตทั้งหมดเอาไว้เพื่อให้พนักงานพักและทำกิจกรรมโดยเฉพาะ เนื่องจากถ้ามีคนนอกอยู่กลัวกิจกรรมของพนักงานจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนของพวกเขาการเดินทางก็เหมารถทัวร์รับส่ง แต่ถ้าใครจะไปรถส่วนตัวก็ทำได้ตามสะดวก นิชาไปรถอัคคี สถานการณ์ดูเหมือนจะราบรื่นไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งไปถึงรีสอร์ตที่พัก กลับเจอไอริณนั่งรออยู่แบบงงๆ "คุณแม่บอกว่าบริษัทพี่มีเอาท์ติ้งกัน ริณเบื่อๆ อยากเที่ยวพอดี ขอเที่ยวด้วยคนนะคะ" ทันทีที่เห็นทั้งคู่อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาหาพร้อมบอกจุดประสงค์ที่ตามมาถึงที่นี่ "ตามสบายครับ" อัคคีตอบรับอย่างเสียไม่ได้ ก็ตามมาถึงนี่แล้วนี่นา "เดี๋ยวนิไปรับกุญแจห้องให้นะคะ" นิชาบอก ก่อนเดินไปที่เคาน์เตอร์ แจ้งพนักงานว่าขอโซนห้องพักที่เป็นส่วนตัวหน่อยเพราะเป็นห้องของประธานบริษัท จนได้คีย์การ์ดมาคนละห้อง ห้องของอัคคีและไอริณอยู่ติดกัน ส่วนห้องของเธอเว้นห่างมาอีกสามห้องเพื่อความเป็นส่วนต
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 17ตื๊ดดด Tonliew : พี่นิ หลับยัง มีเรื่องจะเล่า Nicha : ว่า? Tonliew : เมื่อกี้หนูว่าจะไปหาพี่ที่ห้องอะ แต่...เห็นท่านประธานกันคู่หมั้นมีปากเสียงกันนิดหน่อย เกี่ยวกับพี่อะ Nicha : เรื่องที่เขามาดูแลพี่อะเหรอ Tonliew : ก็ประมาณนั้นอะค่ะ คุณไอริณเธอบอกให้เรียกพนักงานไปดูแลพี่แทน แต่ท่านประธานไม่ทำ เขาจะดูแลพี่เอง คุณไอริณเลยโกรธว่าเขาดูเป็นห่วงพี่มากเกินไป แถมเธอยังไปได้ยินข่าวลือที่พนักงานลือๆ กันมาอีก น่าจะหึงอะ ไม่อยากให้ประธานทำตัวสนิทสนมกับพี่ แต่ประธานก็ไม่ฟังนะ ถ้ารับไม่ได้เขาท้าให้ถอนหมั้นด้วย! Nicha : ไม่มีใครบังคับคุณอัคคีได้หรอก แม้แต่พี่เอง พี่จะเรียกเรามาดูแลแล้ว แต่เขาบอกจะช่วยเอง คงอยากตอบแทนแหละ เพราะตอนที่เขาไม่สบาย พี่ก็คอยหาข้าวหาน้ำให้กิน Tonliew : หนูเข้าใจนะ พี่กับท่านประธานทำงานด้วยกันมานานอะ สนิทกันก็ไม่แปลก แต่คนอื่นนี่สิ มีปากก็พูดไป ไม่คิดเลยสักนิด Nicha : ช่างเถอะ ไม่ต้องคิดมากเรื่องพี่หรอก ใครจะพูดอะไรก็ให้พูดไป เราห้ามอะไรไม่ได้หรอก Tonliew : พี่ก็ชิลเกิ๊น แล้วนี่เป็นไงบ้างคะ เจ็บมากมั้ย Nicha : เย็บเจ็ดเข็มอะ ปว
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 18นิชาตื่นอีกทีก็บ่ายกว่าแล้ว เธอไม่เห็นอัคคีอยู่ในห้องแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ออกจะดีใจด้วยซ้ำ เธออาการดีขึ้นมากแล้ว และไม่อยากอุดอู้อยู่แต่ในห้องจึงพยุงตัวเองเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาแต่งตัวใหม่ แล้วค่อยพยุงตัวเองออกไปข้างนอก ทันทีที่ได้สัมผัสกับสายลมเย็นๆร่างกายก็รู้สึกปลอดโปร่งและสดชื่นขึ้นไม่น้อย "อ้าว พี่นิ จะออกมาทำไมไม่โทรตามหนูไปช่วย" ต้นหลิวกับคนอื่นๆ ที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำในรีสอร์ตเดินผ่านมาเห็นพอดี เลยเข้ามาช่วยพยุง "กลัวไม่ว่าง พี่แค่ออกมาสูดอากาศอะ อยู่ในห้องมันอุดอู้" นิชาบอกน้อง เพราะเวลานี้เป็นเวลาทำกิจกรรมของพนักงานคนอื่นๆ จึงไม่อยากรบกวนใคร "มาค่ะ เดี๋ยวหนูพาไป อากาศกำลังดีเลย" ต้นหลิวช่วยพยุงเธอไปนั่งที่เก้าอี้ผ้าใบริมหาด ที่ตอนนี้ท้องฟ้ากำลังครึ้ม ไม่มีแดด แถมยังลมเย็นสบาย น่านั่งเล่นนอนเล่นที่สุด "พี่นิหิวไหม กินอะไรหรือยัง ทางรีสอร์ตมีของว่าง เดี๋ยวหนูไปเอามาให้" "หิวนิดหน่อย ขอบใจนะ" "รอแป๊บนะ เดี๋ยวหนูมา" ระหว่างที่รอต้นหลิวกลับมา นิชาก็นั่งมองทะเลไปเรื่อยๆ มีคนเข้ามาถามไถ่อาการบ้างเพราะตั้งแต่กลับจากหาหมอก็ไม่มีใครเห็นเธอ
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 27 (ตอนจบ)ผ่านไปหลายเดือนอะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มลงตัวมากขึ้น น้องปุณณ์กับน้องปัญญ์ได้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติที่มีราคาค่าเทอมพอๆ กับราคาบ้านหลังใหญ่หนึ่งหลัง มีคนขับรถรับส่งอย่างดี ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีอัคคีเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงเท่านี้แต่เขายังคิดเผื่อไปถึงชีวิตในรั้วโรงเรียนที่ถึงแม้จะมีแต่ลูกหลานคนรวยก็ใช่ว่าจะมีแต่คนดีๆ ด้วยกลัวว่าหลานๆ จะถูกรังแกหรือดูถูกว่ามาจากครอบครัวธรรมดา อัคคีถึงกับลงทุนรับเด็กทั้งสองมาเป็นลูกบุญธรรม โดยให้ใช้นามสกุล 'ศิระพักตร์พิมล' ของเขาเป็นเกราะคุ้มกัน เพราะถ้าลูกหลานตระกูลไหนกล้ารังแกเด็กๆ ทั้งสองก็เท่ากับตั้งตนเป็นศัตรูกับเขาด้วยเช่นกัน ส่วนแม่ของนิชา อัคคีได้จ้างแม่บ้านมาคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเพราะอยากให้เธอย้ายไปอยู่ด้วยกัน ตอนแรกนิชาไม่ยอมเพราะเป็นห่วงแม่ กลัวแม่ไม่มีเพื่อนแล้วจะเหงา เขาก็เลยจ้างแม่บ้านที่ไว้ใจได้สองคนมาคอยดูแล อายุเท่ากันกับแม่เธอหนึ่งคน ไว้คอยอยู่เป็นเพื่อนและหญิงวัยกลางคนอีกหนึ่งคนไว้คอยดูแลบ้านและเรื่องอาหารการกิน มีรถและคนขับรถให้เวลาอยากออกไปข้างนอก คนเจ้าเล่ห์จัดแจง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 26"ครับแม่" บ่ายวันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งทำงานตามปกติ ร่างสูงที่มีสายเรียกเข้าก็กดรับสาย แต่พอรู้ว่าปลายสายเป็นใครนิชาก็หูผึ่ง เพราะไม่รู้ว่าแม่ของเขาโทรมาทำไม ที่รู้คือคุณหญิงดาริกาไม่ค่อยชอบเธอตั้งแต่ที่เรียกไปคุยส่วนตัวในวันนั้น พอเกิดเรื่องถอนหมั้นและมีเธอเป็นต้นเหตุ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะยิ่งไม่ชอบเธอแค่ไหน หลายครั้งที่ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแม่และจบลงที่การทะเลาะ นิชาก็ยิ่งคิดหนัก แม่ไม่ชอบแต่ลูกชายกำลังจีบเธอ ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ที่หลายคนมองว่าเบสิก แต่ก็ทำคนเลิกกันมาตั้งเท่าไร "นิ..." "..." "นิ!" "อะ คะ?" "เหม่ออะไร พี่เรียกตั้งนาน" สรรพนามที่เปลี่ยนไปของอัคคี นิชาไม่เคยชินเลยสักที ไม่พอเขายังบังคับให้เธอเรียกเขาว่าพี่ด้วย "อ้อ เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ว่าแต่มีอะไรเหรอคะ" เธอแสร้งถามเผื่อเขาจะตอบความจริง เพราะความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้มันก้าวข้ามคำว่า 'แฟน' มาไกลมากแล้ว "เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านพี่นะ แม่โทรมาชวน" "คะ?" นิชาได้ฟังก็ยิ่งงง เขากับแม่ดีกันตั้งแต่เมื่อไร ถึงขั้นชวนเธอไปทานข้าวที่บ้านด้วย ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกหวาดร
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 25หลังเดินตลาดจนเหนื่อยทุกคนก็เดินกลับโรงแรมและแยกย้ายกันเข้าห้อง อัคคีทำทีเป็นกลับห้องตัวเอง แต่จริงๆ แค่มาอาบน้ำแล้วค่อยแอบออกไปเคาะห้องลูกสาวคนอื่นตอนดึก นิชาที่เห็นเขาไม่ตามมาที่ห้องก็พลันรู้สึกห่อเหี่ยวใจแปลกๆ เพราะคิดว่าเขาจะมานอนด้วยกันอีก พอเขาไม่มาเลยแอบผิดหวัง แต่ก็พยายามสลัดความคิดทิ้งไป หยิบข้าวของเข้าไปอาบน้ำและสวมแค่ชุดคลุมออกมา ขณะที่กำลังจะแต่งตัวก็ได้ยินเสียงเคาะประตู คิดว่าแม่อาจจะมาเลยเดินไปเปิดอย่างไม่คิดอะไร แต่กลับเจออัคคียืนอยู่หน้าห้องและแทรกตัวเข้ามาอย่างถือวิสาสะ "มาทำไมคะ" แม้จะแอบดีใจจนเนื้อเต้น แต่นิชาก็ยังแสดงออกนิ่งๆ เหมือนเดิม "อยากดื่ม มาดื่มกันเถอะ" ร่างสูงชูเครื่องดื่มที่สั่งมาจากบาร์ของโรงแรมให้ดู ก่อนเดินไปนั่งที่เตียง เทเครื่องดื่ม เปิดทีวีดูอย่างสบายใจ นิชาปล่อยเขาดื่มไปก่อน เพราะเธอยังต้องแต่งตัวและเป่าผมให้แห้ง ใช้เวลาสักพักก็เสร็จ เธอจึงปิดไฟสร้างบรรยากาศ เปิดไว้แค่แสงสีส้มจากโคมไฟหัวเตียง เธอขึ้นเตียงไปนั่งข้างเขาแต่ถูกดึงไปนั่งตรงหว่างขา รั้งตัวเอนพิงอกและกอดไว้หลวมๆ ก่อนจะเทเครื่องดื่มให้ พวกเรานั่ง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 24"ปะ ปล่อยได้แล้วค่ะ ไม่ทำนะคะ เดี๋ยวแม่มาเจอ" นิชาพยายามดันร่างสูงออกห่าง ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ เขินทั้งจูบหวานๆ และสายตาที่เขาเอาแต่มองมาไม่หยุด "คุณน้าอนุญาตให้ผมจีบคุณแล้ว...แล้วคุณล่ะ" อัคคีไม่ได้ปล่อยมือจากเอวบาง ยังคงกอดไว้อย่างแนบชิด ก่อนจะก้มลงถามความรู้สึกของเธอบ้าง "...คุณแน่ใจแล้วเหรอคะ" นิชาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะย้อนถามเขา "ผมพูดกับแม่คุณขนาดนั้น คุณยังคิดว่าผมเล่นๆ อีกเหรอ" คิ้วเข้มขมวดชนกันคล้ายว่าจะไม่พอใจที่เห็นเธอยังไม่เชื่อใจเขา "ก็...เปล่าค่ะ แต่บอกตรงๆ ว่านิไม่คู่ควรกับคุณหรอกค่ะ ความรักมันไม่ใช่แค่คนสองคนรักกันแล้วทุกอย่างจะราบรื่น คุณมีครอบครัว มีสังคมสูงๆ ที่ไม่มีทางยอมรับคนธรรมดาอย่างนิ...นิเหนื่อยมามากพอแล้วค่ะ ไม่อยากเจอเรื่องยุ่งยากอะไรอีก..." ร่างบางเปิดเผยสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจให้เขาได้รับรู้จนหมด แววตาคู่สวยเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวมากมายในชีวิตที่ผ่านมา "ผมขอโทษ...ที่เริ่มต้นกับคุณได้ไม่ดี ขอโทษที่เป็นหนึ่งในเรื่องร้ายๆ ในชีวิตของคุณ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมปล่อยมือคุณเด็ดขาด ให้โอกาสผมสักครั้ง ผมจะทำให้ค
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 23"เย่ๆ ทาเล๊~~" หลังจากที่คุณอาไฟบอกว่าจะพาไปเที่ยวทะเลในวันนั้น สองพี่น้องก็เก็บกระเป๋านั่งนับวันนับคืนรออย่างใจจดจ่อ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง อัคคีมารับแต่เช้าด้วยรถตู้คันใหญ่พร้อมคนขับส่วนตัวที่นิชาคุ้นหน้าคุ้นตาดีคือ 'พี่ชิด' คนขับรถที่เขามักเรียกใช้เวลาเดินทางออกต่างจังหวัดไกลๆ หรือเวลาขี้เกียจขับรถเอง ส่วนเจ้าลัคกี้เอาไปฝากไว้ที่โรงแรมแมวแล้ว หายห่วง เมื่อมาถึงโรงแรมก็เช็กอินแบ่งห้องกันตามที่อัคคีจองไว้ให้คือเธอกับเขาและพี่ชิดคนละห้อง ส่วนแม่และหลานๆ ห้องเดียวกัน เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จ เด็กๆ ก็อ้อนขอออกไปเล่นน้ำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งนิชา แม่และอัคคีต่างถูกหลานๆ ดึงให้ลงไปเล่นด้วยกัน แต่ด้วยความที่อายุเยอะแล้วนางพิมพาเล่นด้วยได้ไม่นานก็ขอไปนั่งดูดีกว่า สุดท้ายเลยเหลือแค่นิชากับอัคคีที่อยู่เล่นกับเด็กๆ ร่างสูงเล่นน้ำไปพลางแอบมองเลขาคนสวยไปด้วย เพราะเธอหัวเราะและยิ้มกว้างมาก เหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองจากเรื่องเครียดๆ มากมายเพื่อเล่นสนุกกับสองพี่น้อง ทั้งที่สภาพเปียกปอนไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย นิชาเงยหน้า
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 22"อะไรนะคะ? ได้ค่ะ จะรีบไป!" ร่างบางวางสายโทรศัพท์ด้วยความเคร่งเครียด เนื่องจากคุณครูประจำชั้นโทรมาเรียกให้ไปที่โรงเรียนด่วน เพราะหลานชายมีเหตุทะเลาะวิวาทกับเพื่อนที่โรงเรียน ตอนนี้รออยู่ในห้องปกครอง "มีอะไรหรือเปล่า" อัคคีถามด้วยความห่วงใย มีไม่กี่เรื่องในชีวิตที่ทำให้เลขาคนสวยเป็นเดือดเป็นร้อนได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่แม่ก็ต้องเป็นหลานๆ "นิขอลาช่วงบ่ายนะคะ คุณครูแจ้งมาว่าน้องปุณณ์มีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน" ร่างบางพูดไปเก็บของไปด้วยความรีบเร่ง หลักๆ เลยคือเป็นห่วงเพราะเชื่อว่าหลานเธอไม่ได้เริ่มก่อนแน่นอน "ผมไปด้วย" ร่างสูงทิ้งงานลุกขึ้นทันที จะปฏิเสธก็ไม่ทัน เพราะเขาเดินนำไปก่อนแล้ว เมื่อมาถึงโรงเรียนนิชาก็ตรงไปที่ห้องปกครองทันที ก่อนจะได้รู้จากครูที่ประจำการอยู่ว่าผู้ปกครองของคู่กรณีต้องการให้เรื่องถึงผู้อำนวยการ เด็กๆ จึงถูกพาไปตัดสินที่ห้องของผู้อำนวยการ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความสงสัย แค่เด็กทะเลาะกันทำไมถึงต้องไปที่ห้องผู้อำนวยการ มันเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมครูปกครองถึงตัดสินกันเองไม่ได้ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง หรือไม่คงมี 'บาง
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 21"เฮ้อออ..." นิชาถอนหายใจอย่างหัวเสีย เหตุมาจากกำลังขับรถไปทำงานอยู่ดีๆ เครื่องก็ดับ สตาร์ทไม่ติด ดีว่าค่อยๆ ประคองรถเข้าข้างทางจนปลอดภัยได้ และตอนนี้ก็กำลังยืนรอช่างอยู่บนทางด่วนท่ามกลางแสงแดดยามสายที่ไม่ได้มีแค่วิตามินดีอย่างแน่นอน ขณะที่กำลังรออยู่นั้นอัคคีก็โทรเข้ามา คาดว่าเขาน่าจะไปถึงบริษัทแล้วแต่ไม่เจอเธอเหมือนทุกวันเลยโทรถามเพราะเธอไม่ได้แจ้งลางานเอาไว้ ("คุณอยู่ไหน") "รถเสียอยู่บนทางด่วนค่ะ กำลังรอช่าง" ("ทำไมไม่รีบบอกผม! รออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวไปรับ") "เอ่อ..." นิชาไม่ทันได้ปฏิเสธอัคคีก็วางสายไปแล้ว แถมน้ำเสียงก็ดูโกรธมากด้วย เธอก็ได้แต่งงๆ ว่าการที่เธอไม่ได้บอกเขานี่มันผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ หรือกลัวเธอไปทำงานสายแล้วจะทำงานไม่คุ้มค่าแรง ถ้าเป็นแบบนั้นเมื่อก่อนเขาจะรบกวนเวลาทำงานของเธอบ่อยๆ ทำไม เมื่อไม่รู้นิชาก็ไม่คิดหาคำตอบ ยังคงยืนรอช่างต่อไป อากาศแม้จะเป็นตอนเช้าแต่แดดประเทศนี้โดนนิดเดียวก็เหงื่อเริ่มซึม และมันก็เป็นคราวซวยของเธอนี่แหละที่หยิบร่มออกจากรถวันก่อนแล้วลืมเอากลับมาคืน รอสักพักในที่สุดช่างก็มา เธอแจ้งอาการรถให้เขารู้ ซึ
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 20"ทำไมคุณพ่อไม่จัดการให้ริณคะ! ปล่อยให้พวกมันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของพวกเราได้ยังไง!?" ไอริณเดินเข้าบ้านมาอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โซฟาก็ตรงเข้าไปโวยวายใส่เสียงดัง เธอคิดว่าพ่อแม่จะออกโรงปกป้องและเอาเรื่องอัคคีให้ถึงที่สุด แต่นี่กลับเงียบและยอมรับการถอนหมั้นง่ายๆ ทั้งที่เธอถูกเหยียดหยามจนไฟแค้นมันสุมอกแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว "ถ้าแกไม่รู้อะไรก็อย่าพูด!"เจ้าสัวเจนภพที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เหมือนถูกสุมไฟเพิ่ม สองพ่อลูกเลยไม่มีใครยอมใคร "แล้วมันอะไรล่ะคะ พ่อก็บอกริณมาสิ!" ไอริณทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่ครอบครัวเราก็มีทั้งอำนาจและเงินไม่ต่างอัคคีเลยสักนิด ทำไมพ่อยังต้องไว้หน้าเขาด้วย "แกมันก็ไม่เคยรู้อะไรทั้งนั้นแหละ แทนที่จะจับอัคคีให้อยู่หมัด เลี้ยงเสียข้าวสุก!" "ทำไมพ่อจะต้องให้ความสำคัญเขาถึงขนาดนั้นด้วย เขานอกใจริณนะ!" "ศักดิ์ศรีของแกมันกินได้มั้ยล่ะ! ครอบครัวเราจะล้มละลายกันอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก บริษัทไม่ถูกมันเทคโอเวอร์ก็บุญหัวเท่าไรแล้ว!" "หมายความว่าไงคะ เราจะล้มละลายได้ยังไง!?" เมื่อถู
รักต้องแลกWriter : Aile'Nตอนที่ 19"นิ...เจ็บมั้ย" หลังจากไอริณออกไป อัคคีก็เข้าไปถามไถ่นิชาด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ทว่ามือที่กำลังจะยื่นไปหากลับถูกเธอปัดออกอย่างไม่ไยดี "นิอยากอยู่คนเดียวค่ะ...เชิญ" เธอชี้นิ้วไปที่ประตู ไล่เขาเสียงห้วน ไม่แม้แต่จะมองสบตา "แต่..." "นิขอร้องล่ะค่ะ! นิยังไม่พร้อมจะคุยอะไรทั้งนั้น" เมื่อพูดดีๆ ไม่ฟังร่างบางก็ตะคอกเสียงดังลั่น ไหล่บางสั่นเทิ้ม จิกมือเข้าหากันแน่นด้วยความอดทน "...." "นิขออยู่คนเดียว..." เห็นท่าทางต่อต้านไม่อยากรับฟังอะไรของนิชาแล้วอัคคีก็จนคำพูด เมื่อทำอะไรไม่ได้เขาก็ยอมออกไปจากห้อง รอให้อารมณ์เย็นก่อนค่อยมาคุยกัน ทันทีที่ประตูปิดลงร่างบางก็ทรุดนั่งบนพื้นเพราะฝืนความเจ็บที่ขาต่อไปไม่ไหว แขนด้านขวารู้สึกระบมและมีรอยถลอกจากตอนล้ม แก้มก็เจ็บและชาแถมมีเลือดออกในปาก คาดว่าคนตบคงจะใส่แรงทั้งหมดที่มี เธอสมควรที่จะโดนแบบนี้แล้วใช่ไหม?คนผิดที่แท้จริงแล้วมันคือเธอจริงๆ เหรอ?ทั้งๆ ที่คิดว่าคงด้านชาจนไม่รู้สึกอะไรแล้วน้ำตาไม่รู้มากมายมาจากไหนกลับไหลพรากไม่หยุด พอห้ามไม่ได้ก็เลยนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นจนกว่าจะระบายมันออกไปจนหมด "อึ่ก..มึง..มารับ