อีกด้านหนึ่ง
เจนเดินกลับไปที่โต๊ะ ฟ้าและแจงมองเธอด้วยสายตาสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร” เจนตอบเรียบๆ พลางหยิบแก้วน้ำแอปเปิ้ลโซดาขึ้นมาดื่ม
ฟ้ากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะกระซิบแจงเบาๆ
“แกว่า... เจษหรือเชษ?”
แจงพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ว่าใคร ก็วุ่นวายแน่ๆ”
เจนฟังเสียงกระซิบกระซาบของเพื่อน แต่เลือกที่จะเงียบและปล่อยให้พวกเธอคาดเดาไป ตอนนี้ตัวเธอรู้สึกแค่ว่า เชษกำลังทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้น
ในผับไนท์อาวน์
หลังจากเชษเห็นเจนเดินออกไปพร้อมฟ้าและแจง เขากลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง ดวงตาคมยังมองไปที่ฟลอร์เต้นรำอย่างไร้จุดหมาย
“เป็นอะไร?ทำหน้าเหมือนหมาหงอยโดนทิ้ง” โจ้ เพื่อนสนิทแซะด้วยน้ำเสียงกวนๆ พลางกระดกเหล้า
เชษไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
“พี่เชษ” เสียงหวานใสดังขึ้นจากข้าง
โจ้หันไปมองทันที ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดที่เผยสัดส่วนเย้ายวน ผมยาวดัดลอนสีน้ำตาลอ่อนส่งประกายภายใต้แสงไฟ เธอส่งยิ้มหวานให้เชษ ก่อนจะเลื่อนตัวลงนั่งข้างเขาโดยไม่รอคำเชิญ
เชษเลิกคิ้วเล็กน้อย
“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงเรียบเฉย
“หนูชื่อมินนี่ค่ะ ได้ยินเรื่องของพี่มานานแล้ว” มินนี่พูดเสียงอ่อนหวาน ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ
“แล้ว?” เชษมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง พลางหมุนแก้วเปล่าในมือ
“พี่อารมณ์ไม่ค่อยดีเหรอคะ?” มินนี่พูด พร้อมขยับตัวเข้าใกล้เขาอีกเล็กน้อย
เชษหรี่ตามองเธอ
“ถ้าเป็นงั้นจริง เธอจะทำไม?” น้ำเสียงติดจะเย้ยเล็กๆ
มินนี่ส่งยิ้มยั่ว ดวงตาของเธอฉายแววความปรารถนา
“ถ้าพี่อยากรู้...คืนนี้ไปห้องหนูสิคะ?” เธอขยับเข้าใกล้จนริมฝีปากแทบจะแตะใบหูของเขา
โจ้ยกคิ้วสูง มองเชษด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“สาวอ่อยขนาดนี้ มึงยังเฉยอีกเหรอ?”
เชษเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมหยิบเสื้อคลุมของตัวเอง
“งั้นก็ไปสิ” เขาพูดเรียบๆ
มินนี่ส่งยิ้มกว้างอย่างพอใจ ก่อนจะเกาะแขนเชษเดินออกจากผับไป พร้อมสายตาของโจ้ที่มองตามอย่างล้อเลียน
“เพื่อนกูนี่มันสุดจริงๆ”
ในห้องของมินนี่
ไฟในห้องสลัวสร้างบรรยากาศชวนลุ่มหลง อบอวลไปด้วยความเร่าร้อน มินนี่ดึงตัวเชษเข้ามาประกบจูบอย่างดื่มด่ำ ริมฝีปากบดเบียดแนบแน่น ก่อนที่มือเรียวจะเลื่อนลูบไล้ไปตามแผงอกแข็งแกร่งของเขาอย่างแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา
เชษปล่อยให้เธอจูบเขาอย่างไม่ขัดขืน ร่างสูงโอบเอวบางของมินนี่ไว้แน่น ก่อนจะกดตัวเธอลงบนที่นอน ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาเริ่มไล้ตั้งแต่ซอกคอลงต่ำไปจนถึงเนินอก ก่อนจะเม้มดูดยอดถันด้วยความชำนาญและเร่าร้อน
“อา..อ๊า...” มินนี่ครางเสียงกระเส่าด้วยความเสียวซ่าน มือเรียวจิกบ่ากว้างของเขาแน่น เชษหยิบถุงยางขึ้นมาสวมอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะค่อยๆ สอดใส่แก่นกายเข้าไปในร่างของเธอ เริ่มขยับสะโพกช้าๆ ก่อนจะเพิ่มจังหวะให้เร่าร้อนและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
แต่ในขณะที่ทุกอย่างควรดำเนินไปตามอารมณ์ ใบหน้าของเจนกลับผุดขึ้นในความคิดของเขา ราวกับเธอยังอยู่ตรงหน้า
ภาพใบหน้าหวาน แดงระเรื่อในค่ำคืนที่เร่าร้อนนั้น ยังคงติดตรึงในความทรงจำ กลิ่นหอมจากกายของเธอยังคงวนเวียนอยู่ในจมูก รอยสัมผัสจากผิวเนียนนุ่ม จุดอ่อนไหวที่ดึงดูดทุกสัมผัสทำให้อยากชิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่องทางคับแน่นที่ยากจะลืม และแววตาดื้อรั้นพร้อมน้ำเสียงที่เถียงเขาอย่างไม่ยอมแพ้... ทุกอย่างชัดเจนจนทำให้หัวใจเขาสั่นไหวอีกครั้ง
“พี่เชษ...?” มินนี่พึมพำเสียงแผ่ว ขณะปรือตามองเขาอย่างสับสน เมื่อเชษหยุดนิ่งไปกลางคัน
“พอ...” เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้น สวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสายตาของเธอ
“เดี๋ยวสิคะ พี่เชษ! ทำไมล่ะ?หนูทำอะไรผิดเหรอ?” มินนี่ร้องถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความงุนงง
เชษไม่ตอบ เขาหยิบเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย
ประตูปิดดัง “ปัง!” ทิ้งมินนี่ไว้ในความเงียบและคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ
ข้างนอกอาคาร
เชษยืนพิงกำแพง สูดลมหายใจลึกพยายามระงับความวุ่นวายในใจ เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าด้วยความสับสน ก่อนจะหัวเราะเบาๆ อย่างคนที่ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึก
“แม่งเอ๊ย...” เขาพึมพำเสียงแผ่วกับตัวเอง พลางหลับตาลง
“นี่ฉันเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย?”
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน ในหัวกลับมีเพียงภาพของเจน เสียงครางหวานของเธอที่เขาได้ยินในคืนนั้น ลมหายใจหอบกระชั้นของเธอ ทุกสัมผัส ทุกจังหวะ ทุกความเร่าร้อนและร้อนแรง ทุกอย่างยังคงชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
เชษหลับตาแน่น หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความสับสน เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว ความคิดถึงใครบางคนที่ไม่ควรอยู่ในหัว ยิ่งพยายามไล่ก็ยิ่งชัดเจน
เขาสูดลมหายใจลึก ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากตึกไปอย่างไร้จุดหมาย
อีกด้านหนึ่ง
เจนกลับมาถึงห้องพักของตัวเองแล้ว เธอทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ร่างกายอ่อนเพลีย แต่หัวใจกับสมองกลับยังทำงานไม่หยุด
คำพูดของเชษในผับวนเวียนอยู่ในหัว
“ถ้าเธอลืม ฉันจะทำให้เธอจำได้เอง”
เจนพลิกตัวไปมองเพดาน ถอนหายใจยาว
“นี่ฉันจะต้องคิดถึงเรื่องนั้นอีกนานแค่ไหนวะ?”
เธอหยิบมือถือขึ้นมา ตั้งใจจะเลื่อนดูอะไรเพลินๆ เพื่อคลายความคิดฟุ้งซ่าน แต่กลับพบข้อความจากฟ้า
ฟ้า: ถึงห้องรึยัง?
เจนพิมพ์ตอบกลับสั้นๆ ถึงแล้ว
ฟ้า: ดีแล้ว ว่าแต่..แกเป็นอะไร ทำไมดูเหม่อๆ
เจนอ่านแล้วนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพิมพ์ตอบ
ไม่มีไรน่ะ แกคิดมาก
แต่เธอรู้ดีว่าในใจลึกๆ มันไม่ใช่แบบนั้น
ริมถนนหน้าคอนโดของเชษ
ร่างสูงเดินอย่างไร้จุดหมาย ท่ามกลางอากาศยามดึกที่เย็นลงเล็กน้อย เขาหยุดยืนมองท้องฟ้าที่ไม่มีดาว ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ
“เจนจิรา...”
เขาพึมพำชื่อเธอ รู้สึกถึงความหน่วงในอกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหน ทำให้เขาตระหนักว่า...
ในตอนนี้ เขาไม่ต้องการใครอื่นเลย...นอกจากเธอ
เชษฐา วรวิชญานนท์ หรือ เชษ ชายหนุ่มหล่อผู้เติบโตมาในครอบครัวที่มั่งคั่งและทรงอิทธิพลในวงการก่อสร้าง พ่อของเขาเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ส่วนแม่เป็นนักออกแบบภายในชื่อดัง บ้านที่หรูหราและเครือข่ายทางสังคมกว้างขวางคือโลกที่เขาเติบโตมาด้วยรูปลักษณ์โดดเด่น สูง 185 ซม. ดวงตาคมที่แฝงเสน่ห์ลึกลับ เชษมักเป็นจุดสนใจของสาวๆ แต่ลึกๆ เขากลับ ‘ไม่เชื่อในความรัก’ การเติบโตในครอบครัวที่ขาดความอบอุ่นและเต็มไปด้วยความเย็นชา ทำให้เขามองความรักในแง่ลบเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผูกพัน เขาเลือกที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่มีข้อยกเว้นสำหรับ เฟิร์น เพื่อนสาวคนสนิทจากกลุ่มเพื่อนวิศวะ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มจากข้อตกลงง่ายๆ ว่าจะมีแค่เรื่องทางกายโดยไม่มีข้อผูกมัดทางใจแต่สิ่งที่เชษไม่เคยรู้คือ เฟิร์นเก็บซ่อนความรู้สึกที่มีต่อเขาไว้มาเนิ่นนาน เธอหวังว่าสักวันหนึ่ง เขาจะหันมามองและเลือกเธอ แทนที่จะเป็นแค่คู่นอนเท่านั้นเช้าวันหนึ่งในห้องเรียนวิชาการตลาดซึ่งเป็นวิชาเลือกที่นักศึกษาสามารถลงทะเบียนได้เอง เชษนั่งอยู่ที่โต๊ะหลังสุดของห้อง ท่าทางเหมือนกำลังฟังอาจารย์สอน แต่ความจริงสายตาเ
วันสุ่มจับคู่ในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย นักศึกษาปี 3 จากทั้งสองคณะต่างหลั่งไหลกันเข้ามาเต็มพื้นที่ บรรยากาศคึกคักไปด้วยเสียงพูดคุยและความตื่นเต้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เวทีที่จัดเตรียมไว้สำหรับการประกาศรายชื่อ“นี่ถ้าฉันจับคู่ได้กับคนขี้เกียจ จะทำไงดีเนี่ย?” แจงพึมพำเบาๆ พลางถอนหายใจ“ก็ทำใจสิ แก” ฟ้าหัวเราะเสียงใส ก่อนตบไหล่เพื่อนเบาๆ“เอาน่า ไม่แน่นะ แกอาจโชคดีก็ได้”ทันใดนั้น เสียงประกาศจากไมโครโฟนดังขึ้น เรียกความสนใจของทุกคนในห้อง“ขอให้นักศึกษาทั้งสองคณะเตรียมตัวสำหรับการสุ่มจับคู่ ทีมของคุณ จะขึ้นอยู่กับโชคชะตา... หรืออาจจะเป็นโอกาสที่คุณได้พบคนที่ใช่สำหรับงานนี้”เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นเป็นระลอกในกลุ่มนักศึกษา หลายคนแอบกระซิบกระซาบถึงความตื่นเต้น“เอาล่ะ เราจะเริ่มการสุ่มจับคู่โดยใช้ระบบออนไลน์ ทุกคนสามารถตรวจสอบรายชื่อคู่ของตนเองได้จากหน้าจอที่จะแสดงผลทันที”แสงไฟในห้องค่อยๆ หรี่ลง หน้าจอขนาดใหญ่เริ่มฉายผลการจับคู่แบบเรียลไทม์ รายชื่อนักศึกษาจากทั้งสองคณะถูกจับคู่โดยระบบอัตโนมัติ ชื่อทีละชื่อค่อยๆ ปรากฏขึ้นเจนมองหน้าจออย่างจดจ่อ ฟ้ากับแจงที่อยู่ข้างๆ ก็ทำหน้าไม่ต่างกัน“มา
วันรุ่งขึ้น: ห้องสมุดมหาวิทยาลัยช่วงเย็นหลังเลิกเรียน เจนเดินตรงมายังห้องสมุดของมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการเรียนมาทั้งวัน เธอมองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่นัดไว้ และพบเชษกำลังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องสมุดร่างสูงนั่งหลังตรง ดวงตาคมจับจ้องหน้าจอแล็ปท็อป ขณะที่มือเลื่อนเมาส์และพิมพ์งานอย่างตั้งใจ รอบตัวเขามีเอกสารวางเป็นระเบียบ ทั้งชีตข้อมูล ไอเดียการออกแบบ และตัวเลขที่คำนวณอย่างละเอียดเจนเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามเขา“นายมานานแล้วเหรอ?”เชษเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์“สักพัก แต่ไม่เป็นไร ฉันกำลังตรวจแบบแผนงานอยู่”“แผนงาน?” เจนถามด้วยความสงสัยเชษยื่นเอกสารบางส่วนให้เธอ“นี่คือรายละเอียดโครงการที่จะส่งเข้าประกวด มันคือการออกแบบระบบ ‘พลังงานหมุนเวียนในชุมชน’ ”เจนเปิดเอกสารอ่าน ดวงตาเริ่มจับจ้องรายละเอียดที่ซับซ้อน“แนวคิดคือการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ร่วมกับกังหันลมขนาดเล็ก เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ในชุมชนที่ห่างไกล แถมยังสามารถเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในแบตเตอรี่สำรองเพื่อใช้ในช่วงที่ไม่มีแดดหรือลม”เชษพูดต่อพร้อมเลื่อนภาพกราฟิกจำลองให้เธอดู
เชษไม่หันกลับมาสนใจ มีเพียงรอยยิ้มขำที่แต้มอยู่บนมุมปาก ขณะพวกเขาเดินเคียงกันไปในความเงียบกระทั่งเสียง โครกกกก! ดังขึ้นจากท้องของเจนทำลายความสงบลง เชษหยุดเดินก่อนหันมามองเธอ รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นอย่างห้ามไม่ได้“หาอะไรกินก่อนกลับละกัน” เขาพูดขึ้นเรียบๆ“แต่—” เจนทำท่าจะค้าน แต่เชษยกคิ้วขึ้นนิดๆ“ท้องเธอร้องดังขนาดนี้ มีอะไรจะแก้ตัวล่ะ?” น้ำเสียงของเขาแฝงความขบขันเจนยืนอึ้งไปเล็กน้อยก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ เสียงท้องร้องเมื่อครู่ทำลายเหตุผลทั้งหมดที่เธอคิดจะอ้าง“ก็ได้...” เธอพึมพำเหมือนยอมจำนนเชษยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะเดินนำไปยังร้านอาหารใกล้ๆ โดยมีเจนเดินตามหลังมาเงียบๆ แม้จะยังทำหน้าขัดใจ แต่แก้มที่แดงนิดๆ ก็บ่งบอกว่าเธอเองก็เขินอยู่เหมือนกันร้านอาหารริมถนนเชษพาเจนมาที่ร้านอาหารเล็กๆ ใกล้มหาวิทยาลัย บรรยากาศเรียบง่าย แต่ดูอบอุ่นด้วยแสงไฟสีส้มอ่อนๆ ที่ส่องอยู่เหนือโต๊ะไม้เล็กๆ“นั่งนี่แหละ” เขาพูดพร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้เจนเจนมองเขาเล็กน้อยอย่างแปลกใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วหยิบเมนูขึ้นมาเปิด รายการอาหารในนั้นธรรมดาอย่างข้าวผัด ราดหน้า และแกงจืด“มาร้านแบบนี้...ไม่เข้ากับลุคของนายเลย
เชษเดินออกจากคอนโดด้วยสีหน้าหงุดหงิด ภายในหัวเต็มไปด้วยความคิดที่วุ่นวาย เขาตรงไปยังลานจอดรถส่วนตัว ก่อนจะหยิบกุญแจรถออกมาMcLaren Artura สีดำเงาวาว ราวกับสะท้อนตัวตนที่ทั้งมั่นใจและหยิ่งทะนง เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำทันทีที่เขาสตาร์ทรถ เชษนั่งนิ่งครู่หนึ่ง สูดลมหายใจลึก ก่อนจะเหยียบคันเร่งเบาๆ รถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนตัวออกจากลานจอดไปหน้าคอนโดสกายไลท์ของเจนเชษจอดรถหน้าอาคาร ดวงตาคมกริบมองตรงไปยังทางเข้าที่มีลุงรปภ.นั่งประจำการอยู่ เขาปรับสีหน้าให้ดูผ่อนคลาย ก่อนจะเดินตรงเข้าไป“อ่า... สวัสดีครับลุง” เชษเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรลุงรปภ.มองเขาอย่างแปลกใจ“มาหาใครเหรอ หนุ่ม?”เชษยิ้มบางๆ ก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาโชว์รูปของเจน รูปที่เขาแอบถ่ายไว้ตอนเธอนอนหลับที่ห้องสมุด“มาหาแฟนครับ นี่เธอ...เจนจิรา ห้อง...” เชษพูดพร้อมระบุหมายเลขห้องที่ได้มาจากทะเบียนนักศึกษา น้ำเสียงฟังดูมั่นใจจนไม่มีช่องให้สงสัยลุงรปภ.มองรูปในโทรศัพท์ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมามองเชษ“แต่หนุ่มไม่มีคีย์การ์ดนี่ จะขึ้นไปยังไง?”เชษหัวเราะเบาๆ ก่อนล้วงธนบัตรสีเทาออกมาสองสามใบ ยัดใส่มือของลุงอย่างเนียนๆ“ผมลืมคีย์การ์ดไว้ที่ห้อ
“ทำกันนะ…” เชษกระซิบเสียงพร่า หลังถอนจูบที่ร้อนแรง ริมฝีปากของเขายังคงคลอเคลียแก้มนวลอย่างแผ่วเบา ดวงตาคมจ้องใบหน้าหวานที่แดงระเรื่อเพราะฝีมือของเขาเจนเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นระส่ำจนแทบไม่เป็นจังหวะ ความร้อนวูบวาบแล่นไปทั่วร่าง เธอหลบสายตาของเขา แต่สัมผัสของริมฝีปากและลมหายใจอุ่นๆ ทำให้เธอไม่อาจขยับหนีไปไหน“ฉันอยากทำกับเธอ...” เชษพึมพำเสียงเบา ขณะที่ริมฝีปากร้อนของเขาไล้แตะเบาๆ ลงบนริมฝีปากบางของเจน จูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวาน ราวกับกำลังขอคำยินยอมจากเธอเจนหลับตาแน่น รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นระส่ำอยู่ในอก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง“...ฉันไม่มีถุง...” คำตอบนั้นทำให้เชษชะงักไปเล็กน้อย รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายระยับ“ฉันมี...” เขารีบลุกขึ้น เดินไปหยิบของจากกระเป๋าสตางค์ที่พกติดตัวไว้เสมอ ขณะที่เจนได้แต่หลบสายตา แก้มแดงซ่านไม่อาจปิดบังเชษกลับขึ้นเตียง พลางวางถุงยางไว้บนหัวเตียง โดยไม่พูดอะไร ก่อนจะโน้มตัวขึ้นคร่อมร่างของเจนอย่างช้าๆ สายตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธ
เช้าวันรุ่งขึ้น เชษที่ตื่นก่อนกำลังก้มเก็บถุงยางใช้แล้วที่กระจัดกระจายอยู่รอบเตียงของเจน ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มผุดขึ้น ขณะนับจำนวนถุงยางในมือ“ห้า..หก...หืม? เมื่อคืนแค่หกรอบเองเหรอเนี่ย” เขาพึมพำเบาๆ พลางหัวเราะในลำคออย่างพอใจสายตาคมกริบเลื่อนไปมองร่างบางที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ผ้าห่มเลื่อนลงไปเผยให้เห็นเรือนร่างขาวเนียนที่เปลือยเปล่าเต็มไปด้วยร่องรอยที่เขาดูดจนเป็นรอยแดงเต็มไปหมดเชษทิ้งถุงยางลงในถังขยะ ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียง มือหนาเอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าของเธอออกเบาๆ ดวงตาคมมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจและอ่อนโยน“น่ารักดีเวลาหลับ...” เขากระซิบเบาๆเชษเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือของเจนที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้เตียง เขามองร่างบางที่ยังหลับสนิทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้โทรศัพท์สแกนใบหน้าของเธอเพื่อปลดล็อกหน้าจอเมื่อหน้าจอปลดล็อกสำเร็จ เชษยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนกดโทรออกไปยังเบอร์ของตัวเอง เขารอจนโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้น จากนั้นจึงวางสายและจัดการบันทึกเบอร์ของเขาลงในรายชื่อโทรศัพท์ของเธอชื่อที่เขาเมมไว้เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความจงใจ‘เชษ (คนสำคัญ) ’หลังจากจัดการทุกอย
กว่าที่เชษจะยอมให้เจนออกจากคอนโดได้ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง เพราะไม่ว่าเธอจะแต่งตัวยังไง เขาก็หาข้อตำหนิได้ตลอดเสื้อกล้ามแบบสปอร์ตเกิร์ลที่เธอใส่ตอนแรก ถูกเขาส่ายหน้าปฏิเสธทันที“เปิดไปทั้งตัวแบบนี้ เธอจะออกไปเดินหรือแจกเบอร์ให้คนทั้งถนน?”เมื่อเธอเปลี่ยนมาใส่เสื้อที่ปิดมิดชิดด้านหน้า แต่ด้านหลังกลับผ่าลึกตั้งแต่ต้นคอถึงเอว เชษก็ทำหน้าไม่พอใจอีก“ใครคิดล่ะ เสื้อแบบนี้...เธออยากโชว์รอยที่ฉันดูดให้คนอื่นดูรึไง?”“ไอ้บ้านี่! ใครให้นายทำจนเป็นรอยแดงกันล่ะ” เจนค้อนควับใส่เขา พลางเถียงอย่างไม่ยอมแพ้สุดท้าย หลังจากเถียงกันอยู่นาน เขาก็หยิบเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์จากตู้เสื้อผ้าให้เธอใส่ พร้อมกับบังคับให้เธอใส่คู่กับกางเกงขาสั้น“โอเค แบบนี้ไม่โป๊ละ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ขณะมองเธอที่ยืนทำหน้ามุ่ยแต่ถึงจะเป็นเสื้อโอเวอร์ไซส์ ตอนนี้มันกลับดูเหมือนเสื้อพอดีตัว เพราะหน้าอกของเธอที่ใหญ่จนทำให้เนื้อผ้าตึง“แค่นี้ก็ยังจะเด่น...” เขาพึมพำเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจคว้าเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมให้เธอทับอีกชั้นเจนมองเขาอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“นี่นาย ไหนบอกหิวไง?”เชษยิ้มมุ
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน
ภายในห้องแกรนด์ฮออล์ของโรงแรม Aurora Heights หรูหราใจกลางเมือง สถานที่จัดงานแถลงข่าวและพิธีเซ็นสัญญาโครงการใหญ่ ‘เซ็นทรัลอเวนิว ทาวเวอร์’ ที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของย่านธุรกิจพื้นที่ภายในถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยโทนสีทองและขาว โต๊ะลงทะเบียนสำหรับแขกผู้มีเกียรติถูกตั้งไว้หน้าประตูเข้างาน ด้านในมีเวทีขนาดใหญ่พร้อมแบ็กดรอปที่แสดงชื่อโครงการและโลโก้ของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่น และ ‘Phoenix Development Group’ เจ้าของโครงการ ซึ่งนำโดย คุณอนุชิต วิจิตรกาญจนา ซีอีโอหนุ่มไฟแรงกล้องจากนักข่าวหลากหลายสำนักถูกตั้งเรียงรายอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด เพื่อจับภาพเหตุการณ์สำคัญ โต๊ะนักข่าวเต็มไปด้วยเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการ และขนมขบเคี้ยวที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้บรรยากาศภายในงานคึกคักตั้งแต่ก่อนเริ่มพิธี แขกผู้มีเกียรติในวงการธุรกิจ นักการเมือง และนักลงทุน ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา เสียงแฟลชจากกล้องนักข่าวที่ประจำการอยู่หน้าเวทีดังขึ้นเป็นระยะเชษและเจนก้าวเข้ามาในงานอย่างเงียบๆ ทั้งคู่เลือกที่จะยืนแอบอยู่มุมหนึ่งของห้อง โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนักเชษอยู่ในชุดสูทสีดำเรียบ
วันถัดมา เชษ โจ้ และเฟย์พากันไปเยี่ยมเฟิร์นที่โรงพยาบาลเซนต์แพทริค โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังใจกลางเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการดูแลผู้ป่วยอย่างพิถีพิถันเมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วย VIP บนชั้นสูงสุด บรรยากาศภายในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังสม่ำเสมอ และเสียงเตียงปรับระดับที่ขยับขึ้นลงเป็นระยะ ห้องถูกตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีขาวสะอาดตา ตัดกับม่านโปร่งที่ปล่อยให้แสงแดดลอดเข้ามาเพียงเล็กน้อยเฟิร์นนอนหลับอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่ดูซูบเซียวและอ่อนแรง ใบหน้าของเธอยังคงมีรอยฟกช้ำชัดเจน โดยเฉพาะตรงแก้มทั้งสองข้างและมุมปาก ฟันหน้าที่โยกถูกดามไว้ด้วยลวดดัดชั่วคราว ทำให้เธอไม่สามารถพูดได้ถนัดโจ้กับเฟย์ยืนเกร็งอยู่ใกล้ปลายเตียง ขณะที่เชษก้าวเข้าไปใกล้ เขามองเฟิร์นด้วยสายตาที่ผสมระหว่างความเห็นใจและความเย็นชา ขณะที่หมอประจำห้องเดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลที่ถือแฟ้มข้อมูลผู้ป่วย“อาการเธอเป็นไงมั่งครับ?”“อาการของคุณเฟิร์นตอนนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น แต่ยังต้องพักรักษาตัวอีกอย่างน้อยสองสัปดาห์ครับ” หมอรายงาน พร้อมเปิดแฟ้มข้อมูล“ฟันที่โยกต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด และจะมีการประเมินอีก
วันรุ่งขึ้น เวลา 13.30 น.เจนลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดยามบ่ายลอดผ่านม่านมาทาบทับบนใบหน้า เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ ปรับเข้ากับแสงรอบตัว เธอพยายามขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะนิ่วหน้า เมื่อความรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยแล่นผ่านเข้ามา“อื้อ...” เธอครางเบาๆ พร้อมกับพลิกตัวไปอีกด้าน แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างหนาที่นอนอยู่ข้างๆเจนเหลือบตามองเชษที่กำลังหลับสนิท แขนแกร่งยังพาดอยู่บนเอวของเธอเหมือนจะกอดไว้แน่นไม่ให้หนีไปไหน ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเคร่งขรึมในเวลาปกติ ตอนนี้กลับดูสงบ อ่อนโยน อย่างไม่น่าเชื่อว่า เมื่อคืนเขาจะดุดันและร้อนแรงกว่าทุกครั้งภาพเหตุการณ์เมื่อคืนฉายชัดในหัวของเธอ ใบหน้าสวยร้อนผ่าวทันที‘ยัยบ้า! คิดอะไรเนี่ย!’เจนกัดริมฝีปากแน่น พยายามข่มความคิดที่วิ่งวุ่นในหัว เธอยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างเขินอาย ก่อนจะค่อยๆ ดันแขนเขาออกอย่างเบามือ แต่ร่างสูงกลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น รั้งเธอไว้เหมือนจะไม่ยอมให้ขยับไปไหน“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำที่ยังแหบพร่าดังขึ้นข้างหู ทำให้เธอสะดุ้ง“อะ...นาย!”เชษลืมตาขึ้นมองเธอ ดวงตาคมกริบแฝงแววขี้เล่น เขายิ้มมุมปากก่อนจะพูดขึ้น“เป็