“เจน?” เสียงชายหนุ่มคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
เจนหันไปมอง ก่อนจะเห็นโต๊ดและเจษเดินตรงมาที่โต๊ะ
“อ้าว โต๊ด เจษ มายังไงเนี่ย?” เธอทักอย่างแปลกใจ
ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมคณะที่ต้องทำงานกลุ่มด้วยกันในวิชาการตลาด ซึ่งมีพรีเซนต์ส่งอาจารย์ทุกสองสัปดาห์
“พวกเรามาที่นี่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่เธอสิแปลก อยู่ดีๆ มาเที่ยวได้” เจษพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งลงข้างเจนอย่างไม่ต้องขออนุญาต
“เบื่อๆ เซ็งๆ เลยออกมาผ่อนคลาย” เจนตอบเรียบๆ พลางหันมองไปทางฟลอร์เต้นรำที่เริ่มคึกคักขึ้น เมื่อดนตรีสดพักการแสดง และดีเจเริ่มเปิดเพลงจังหวะสนุก
เจษยิ้มมุมปาก ขยับตัวเข้าใกล้เล็กน้อย
“เบื่อๆ เซ็งๆ งั้นเหรอ งั้นไปสนุกกันหน่อยดีมั้ย?”
เจนเลิกคิ้วมองเขา “สนุกอะไร?”
เจษพยักเพยิดไปทางฟลอร์
“ไปเต้นไง ฉันรู้ว่าเธอชอบเพลงนี้”
“เฮ้ย ไม่เอา ฉันเต้นไม่เป็น” เจนรีบปฏิเสธทันที
“ใครบอกต้องเต้นเป็น แค่ไปปล่อยตัวปล่อยใจสนุกๆ เดี๋ยวฉันช่วย” เจษยื่นมือมาให้เธอ พร้อมสายตาที่มองมาเหมือนจะไม่รับคำปฏิเสธ
ฟ้ากับแจงที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมองพร้อมกัน ก่อนจะยิ้มขำแล้วสะกิดเจน
“ไปเถอะ อย่าให้พวกฉันเสียโอกาสดูฉากเด็ดแบบนี้”
เจนกลอกตา แต่สุดท้ายก็ยอมยื่นมือไปจับมือเจษ
“โอเค... แต่อย่าทำให้ฉันขายหน้าก็พอ”
เจษหัวเราะเบาๆ พลางจูงมือเธอลุกขึ้น แล้วพาเดินไปยังฟลอร์เต้นรำที่เต็มไปด้วยแสงไฟสลัวหลากสี
เมื่อถึงฟลอร์ เจษปล่อยมือเจนแล้วเริ่มขยับตัวตามจังหวะเพลงง่ายๆ แต่ดูมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ เจนยืนมองอย่างลังเลก่อนจะค่อยๆ ขยับตามเขา
“เห็นมั้ย ไม่ยากเลย” เจษพูดใกล้หูเธอ เสียงของเขาแทบกลบไปกับเสียงเพลง
เจนเม้มริมฝีปากแน่น ความรู้สึกประหม่าหายไปทีละน้อยเมื่อจังหวะเพลงพาเธอขยับตัวตามไปอย่างลื่นไหล ดวงตาคมของเจษที่มองเธอเต็มไปด้วยความพอใจยิ่งทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ
“นายมองอะไร?” เจนถามพลางเลิกคิ้ว
“มองเธอน่ะสิ” เจษตอบตรงๆ พร้อมรอยยิ้ม
“เธอดูดีมากตอนนี้”
คำพูดของเขาทำให้หัวใจเจนเต้นแรง เธอเบือนหน้าหนีทันที แต่เจษกลับโน้มตัวเข้าใกล้อีกนิด พร้อมกระซิบที่ข้างหู
“เธอไม่รู้หรอกว่า มีเสน่ห์แค่ไหนตอนเต้นแบบนี้”
เจนหันกลับมาสบตาเขาทันที “นายก็พูดเกินไป”
“เปล่าหรอก ฉันพูดจริง” เจษยิ้ม ก่อนจะยื่นมือออกมาเหมือนจะเชื้อเชิญเธอให้สนุกต่อ
“มาเถอะ สนุกกันต่อ อย่าเพิ่งหยุด”
เจนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมก้าวตามจังหวะอีกครั้ง ท่ามกลางแสงไฟและเสียงเพลงที่ดังก้องรอบตัว
พลันเสียงเพลงสนุกสนานจบลง จังหวะเพลงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นท่วงทำนองช้าๆ โรแมนติก เจนที่กำลังหมุนตัวกลับไปนั่งที่โต๊ะ กลับถูกเจษคว้าเอวไว้จนตัวเธอแนบชิดกับอกแกร่ง
“นายจะทำอะไร?” เจนเลิกคิ้วถามพลางเงยหน้ามองเขา
“เต้นเพลงเร็วไปแล้ว ลองเพลงช้าดูมั่งสิ” เจษยิ้มมุมปาก ดวงตาพราวระยับ
ไม่รอให้เธอปฏิเสธ เขาจับแขนเรียวของเธอให้โอบรอบคอเขา ก่อนจะเลื่อนแขนโอบรอบเอวเธอแน่น จังหวะก้าวเท้าของเขาช้าและมั่นคง พาเธอเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน
“หึ นายนี่นะ” เจนหัวเราะเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน เธอปล่อยตัวตามจังหวะเพลงและการนำของเขา
แสงไฟสลัวในผับยิ่งขับให้บรรยากาศดูอบอุ่นและใกล้ชิด เจษที่แอบชอบเจนมานานอดไม่ได้ที่จะจ้องลึกลงในดวงตาของเธอ หัวใจเขาเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้เธอขนาดนี้
“เจน...” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ขณะค่อยๆ โน้มหน้าเข้าใกล้เธอทีละน้อย
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
สายตาคมกริบของเชษที่มองจากมุมโต๊ะวีไอพีไม่คลาดไปจากภาพตรงหน้า ความไม่พอใจวิ่งพล่านในอกเมื่อเห็นเจษและเจนอยู่ใกล้กันเกินไป เขากระดกเหล้าในแก้วจนหมดในรวดเดียวก่อนจะวางกระแทกลงบนโต๊ะ
เฟิร์นที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นอาการของเขาก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรเหรอ?”
เชษไม่ตอบ เขาลุกขึ้นทันที พร้อมจับมือเฟิร์นดึงให้ตามไป
“ไปเต้นกัน”
เฟิร์นชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยอมลุกตามอย่างว่าง่าย เชษพาเธอตรงไปยังฟลอร์เต้นรำ ไม่ห่างจากที่เจษและเจนกำลังเต้นเพลงช้า
ขณะที่เขาและเฟิร์นเริ่มเต้นตามจังหวะเพลง ชายหนุ่มก็ขยับเข้าไปใกล้คู่ของเจษและเจน ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบแต่เด็ดขาด
“ขอโทษนะ ขอเปลี่ยนตัวคู่เต้นหน่อย”
ทั้งเจษและเจนชะงัก เจนเงยหน้ามองเชษด้วยความแปลกใจ
“อะไรของนาย?”
เชษไม่ได้ตอบ แต่เขาคว้ามือเจนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงเธอออกจากเจษ
“เฮ้ เชษ! นายทำอะไร?” เจษถามเสียงไม่พอใจ
เชษยิ้มเย็น ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบแต่เจือแววท้าทาย
“ไม่ต้องห่วง ฉันแค่เต้นกับเพื่อนร่วมมหาลัย”
เขาพูดเน้นคำว่า’ ร่วม’ อย่างจงใจ พลางโอบเอวเจนเข้ามาใกล้
เจนเบิกตากว้างเล็กน้อย เมื่อเห็นแววตาของเชษ
“มันจะมากไป...”
“ไม่เป็นไร ก็แค่เต้นน่ะ” เจนหันไปห้ามเจษด้วยเสียงที่พยายามสงบ ก่อนจะปล่อยให้เชษจูงเธอไป ทิ้งให้เจษยืนฮึดฮัดอยู่กับเฟิร์นที่มองตามด้วยสายตาไม่พอใจเช่นกัน
“เต้นกับฉันให้เหมือนเต้นกับมันหน่อยดิ” เชษกระซิบข้างหูเจนด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม ก่อนจะจับแขนเรียวของเธอให้โอบรอบคอของเขา มือหนาของเขาเลื่อนมาโอบเอวบางไว้แน่นจนหน้าอกของเธอเบียดกับอกแกร่งของเขา
“นายต้องการอะไร?” เจนถามเสียงเข้ม พยายามรักษาสีหน้าให้เรียบเฉย แม้ว่าหัวใจของเธอจะเต้นแรงจนแทบสงบไม่ได้
เชษก้มลงมองเธอ ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยของเธออย่างแน่วแน่ ก่อนจะตอบเรียบๆ แต่หนักแน่น
“..เธอไง”
เจนชะงัก รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะ
“นายพูดบ้าอะไร...”
“ไม่บ้า” เชษพูดต่อ น้ำเสียงจริงจังมากขึ้น
“ฉันหมายความตามนั้น ฉันไม่ชอบเห็นเธออยู่ใกล้กับคนอื่นแบบนั้น...”
คำพูดของเขาทำให้เจนอึ้งและไม่พอใจในคราวเดียวกัน เธอสูดลมหายใจลึกพยายามตั้งสติ
“นายไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องของฉัน”
เชษกระตุกยิ้มร้าย ดึงเธอเข้ามาใกล้จนใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ ก่อนจะโน้มตัวกระซิบที่ข้างหูของเธอ น้ำเสียงเจือแววเจ้าเล่ห์
“เธอลืมอะไรไปรึเปล่า? ว่าเราสองคนน่ะ...”
เจนตัวแข็งทื่อ มือกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาดุดัน
“อย่ามาตลก มันก็แค่วันไนท์” เจนกระซิบเสียงเข้ม
คำพูดของเธอเหมือนเข็มที่ทิ่มแทง แต่แทนที่เชษจะสะทกสะท้าน เขากลับหัวเราะในลำคอ ดวงตาคมพราวระยับ
“เหรอ? แค่วันไนท์? แต่ดูเหมือนเธอยังจำได้ดีนี่...”
เจนเม้มริมฝีปากแน่น เธอรู้ว่าเขากำลังใช้คำพูดยั่วอารมณ์ แต่ยิ่งพยายามสะกดความโกรธ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบ
“ฉันลืมไปหมดแล้ว” เธอพูดเสียงเย็น ดันตัวเขาออกแล้วหมุนตัวเดินหนี
แต่เชษไม่ปล่อยง่ายๆ เขาคว้าข้อมือเธอไว้ ก่อนจะโน้มตัวกระซิบอีกครั้ง
“ถ้าเธอลืม ฉันจะทำให้เธอจำได้เอง”
“เธอไม่สนนาย แล้วนายจะรั้งเธอไว้ทำไม” เสียงหวานของเฟิร์นดังขึ้น ก่อนจะดึงแขนของเชษออกมาให้ห่างจากตัวเจน
เชษหันไปมองเฟิร์นที่เดินเข้ามาแทรกอย่างไม่พอใจ ดวงตาคมวาวโรจน์ในความมืดของแสงไฟสลัว
“มันไม่เกี่ยวกับเธอ” น้ำเสียงเขาติดจะเย็นชา ขณะที่ข้อมือยังจับเจนไว้แน่น
“เกี่ยว เพราะฉันอยู่กับนาย” เฟิร์นพูดเสียงนิ่ง แต่สายตาที่มองเจนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เจนสะบัดข้อมือออกแรงๆ ก่อนจะก้าวถอยห่าง
“เลิกยุ่งกับฉันซะที” พูดจบเธอก็เดินหายไปในฝูงชน
เฟิร์นมองตามเจนด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันกลับมาหาเชษ
“นายจริงจังรึไง?”
เชษยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาคมจ้องไปยังทิศทางที่เจนจากไป ก่อนจะถอนหายใจยาว
“ฉันว่า เรากลับกันเถอะ”
“เชษ!” เฟิร์นเรียกเขาเสียงดัง รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่วิ่งพล่านในอก
“ฉันถามว่า นายจริงจังกับเธอเหรอ?”
เชษมองหน้าเฟิร์นเพียงชั่วครู่ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ถึงเราจะนอนด้วยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมีสิทธิ์ยุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันนะ”
“นาย!” พูดจบเชษก็เดินหนีทิ้งให้เฟิร์นยืนนิ่งอยู่เพียงลำพัง
อีกด้านหนึ่งเจนเดินกลับไปที่โต๊ะ ฟ้าและแจงมองเธอด้วยสายตาสงสัย“เกิดอะไรขึ้น?”“ไม่มีอะไร” เจนตอบเรียบๆ พลางหยิบแก้วน้ำแอปเปิ้ลโซดาขึ้นมาดื่มฟ้ากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะกระซิบแจงเบาๆ“แกว่า... เจษหรือเชษ?”แจงพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ว่าใคร ก็วุ่นวายแน่ๆ”เจนฟังเสียงกระซิบกระซาบของเพื่อน แต่เลือกที่จะเงียบและปล่อยให้พวกเธอคาดเดาไป ตอนนี้ตัวเธอรู้สึกแค่ว่า เชษกำลังทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้นในผับไนท์อาวน์หลังจากเชษเห็นเจนเดินออกไปพร้อมฟ้าและแจง เขากลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง ดวงตาคมยังมองไปที่ฟลอร์เต้นรำอย่างไร้จุดหมาย“เป็นอะไร?ทำหน้าเหมือนหมาหงอยโดนทิ้ง” โจ้ เพื่อนสนิทแซะด้วยน้ำเสียงกวนๆ พลางกระดกเหล้าเชษไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด“พี่เชษ” เสียงหวานใสดังขึ้นจากข้างโจ้หันไปมองทันที ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดที่เผยสัดส่วนเย้ายวน ผมยาวดัดลอนสีน้ำตาลอ่อนส่งประกายภายใต้แสงไฟ เธอส่งยิ้มหวานให้เชษ ก่อนจะเลื่อนตัวลงนั่งข้างเขาโดยไม่รอคำเชิญเชษเลิกคิ้วเล็กน้อย“มีอะไร?” น้ำเสียงของเขายังคงเรียบเฉย“หนูชื่อมินนี่ค่ะ
เชษฐา วรวิชญานนท์ หรือ เชษ ชายหนุ่มหล่อผู้เติบโตมาในครอบครัวที่มั่งคั่งและทรงอิทธิพลในวงการก่อสร้าง พ่อของเขาเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ส่วนแม่เป็นนักออกแบบภายในชื่อดัง บ้านที่หรูหราและเครือข่ายทางสังคมกว้างขวางคือโลกที่เขาเติบโตมาด้วยรูปลักษณ์โดดเด่น สูง 185 ซม. ดวงตาคมที่แฝงเสน่ห์ลึกลับ เชษมักเป็นจุดสนใจของสาวๆ แต่ลึกๆ เขากลับ ‘ไม่เชื่อในความรัก’ การเติบโตในครอบครัวที่ขาดความอบอุ่นและเต็มไปด้วยความเย็นชา ทำให้เขามองความรักในแง่ลบเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาผูกพัน เขาเลือกที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่มีข้อยกเว้นสำหรับ เฟิร์น เพื่อนสาวคนสนิทจากกลุ่มเพื่อนวิศวะ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มจากข้อตกลงง่ายๆ ว่าจะมีแค่เรื่องทางกายโดยไม่มีข้อผูกมัดทางใจแต่สิ่งที่เชษไม่เคยรู้คือ เฟิร์นเก็บซ่อนความรู้สึกที่มีต่อเขาไว้มาเนิ่นนาน เธอหวังว่าสักวันหนึ่ง เขาจะหันมามองและเลือกเธอ แทนที่จะเป็นแค่คู่นอนเท่านั้นเช้าวันหนึ่งในห้องเรียนวิชาการตลาดซึ่งเป็นวิชาเลือกที่นักศึกษาสามารถลงทะเบียนได้เอง เชษนั่งอยู่ที่โต๊ะหลังสุดของห้อง ท่าทางเหมือนกำลังฟังอาจารย์สอน แต่ความจริงสายตาเ
วันสุ่มจับคู่ในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย นักศึกษาปี 3 จากทั้งสองคณะต่างหลั่งไหลกันเข้ามาเต็มพื้นที่ บรรยากาศคึกคักไปด้วยเสียงพูดคุยและความตื่นเต้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เวทีที่จัดเตรียมไว้สำหรับการประกาศรายชื่อ“นี่ถ้าฉันจับคู่ได้กับคนขี้เกียจ จะทำไงดีเนี่ย?” แจงพึมพำเบาๆ พลางถอนหายใจ“ก็ทำใจสิ แก” ฟ้าหัวเราะเสียงใส ก่อนตบไหล่เพื่อนเบาๆ“เอาน่า ไม่แน่นะ แกอาจโชคดีก็ได้”ทันใดนั้น เสียงประกาศจากไมโครโฟนดังขึ้น เรียกความสนใจของทุกคนในห้อง“ขอให้นักศึกษาทั้งสองคณะเตรียมตัวสำหรับการสุ่มจับคู่ ทีมของคุณ จะขึ้นอยู่กับโชคชะตา... หรืออาจจะเป็นโอกาสที่คุณได้พบคนที่ใช่สำหรับงานนี้”เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นเป็นระลอกในกลุ่มนักศึกษา หลายคนแอบกระซิบกระซาบถึงความตื่นเต้น“เอาล่ะ เราจะเริ่มการสุ่มจับคู่โดยใช้ระบบออนไลน์ ทุกคนสามารถตรวจสอบรายชื่อคู่ของตนเองได้จากหน้าจอที่จะแสดงผลทันที”แสงไฟในห้องค่อยๆ หรี่ลง หน้าจอขนาดใหญ่เริ่มฉายผลการจับคู่แบบเรียลไทม์ รายชื่อนักศึกษาจากทั้งสองคณะถูกจับคู่โดยระบบอัตโนมัติ ชื่อทีละชื่อค่อยๆ ปรากฏขึ้นเจนมองหน้าจออย่างจดจ่อ ฟ้ากับแจงที่อยู่ข้างๆ ก็ทำหน้าไม่ต่างกัน“มา
วันรุ่งขึ้น: ห้องสมุดมหาวิทยาลัยช่วงเย็นหลังเลิกเรียน เจนเดินตรงมายังห้องสมุดของมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการเรียนมาทั้งวัน เธอมองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่นัดไว้ และพบเชษกำลังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องสมุดร่างสูงนั่งหลังตรง ดวงตาคมจับจ้องหน้าจอแล็ปท็อป ขณะที่มือเลื่อนเมาส์และพิมพ์งานอย่างตั้งใจ รอบตัวเขามีเอกสารวางเป็นระเบียบ ทั้งชีตข้อมูล ไอเดียการออกแบบ และตัวเลขที่คำนวณอย่างละเอียดเจนเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามเขา“นายมานานแล้วเหรอ?”เชษเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์“สักพัก แต่ไม่เป็นไร ฉันกำลังตรวจแบบแผนงานอยู่”“แผนงาน?” เจนถามด้วยความสงสัยเชษยื่นเอกสารบางส่วนให้เธอ“นี่คือรายละเอียดโครงการที่จะส่งเข้าประกวด มันคือการออกแบบระบบ ‘พลังงานหมุนเวียนในชุมชน’ ”เจนเปิดเอกสารอ่าน ดวงตาเริ่มจับจ้องรายละเอียดที่ซับซ้อน“แนวคิดคือการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ร่วมกับกังหันลมขนาดเล็ก เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ในชุมชนที่ห่างไกล แถมยังสามารถเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในแบตเตอรี่สำรองเพื่อใช้ในช่วงที่ไม่มีแดดหรือลม”เชษพูดต่อพร้อมเลื่อนภาพกราฟิกจำลองให้เธอดู
เชษไม่หันกลับมาสนใจ มีเพียงรอยยิ้มขำที่แต้มอยู่บนมุมปาก ขณะพวกเขาเดินเคียงกันไปในความเงียบกระทั่งเสียง โครกกกก! ดังขึ้นจากท้องของเจนทำลายความสงบลง เชษหยุดเดินก่อนหันมามองเธอ รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นอย่างห้ามไม่ได้“หาอะไรกินก่อนกลับละกัน” เขาพูดขึ้นเรียบๆ“แต่—” เจนทำท่าจะค้าน แต่เชษยกคิ้วขึ้นนิดๆ“ท้องเธอร้องดังขนาดนี้ มีอะไรจะแก้ตัวล่ะ?” น้ำเสียงของเขาแฝงความขบขันเจนยืนอึ้งไปเล็กน้อยก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ เสียงท้องร้องเมื่อครู่ทำลายเหตุผลทั้งหมดที่เธอคิดจะอ้าง“ก็ได้...” เธอพึมพำเหมือนยอมจำนนเชษยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะเดินนำไปยังร้านอาหารใกล้ๆ โดยมีเจนเดินตามหลังมาเงียบๆ แม้จะยังทำหน้าขัดใจ แต่แก้มที่แดงนิดๆ ก็บ่งบอกว่าเธอเองก็เขินอยู่เหมือนกันร้านอาหารริมถนนเชษพาเจนมาที่ร้านอาหารเล็กๆ ใกล้มหาวิทยาลัย บรรยากาศเรียบง่าย แต่ดูอบอุ่นด้วยแสงไฟสีส้มอ่อนๆ ที่ส่องอยู่เหนือโต๊ะไม้เล็กๆ“นั่งนี่แหละ” เขาพูดพร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้เจนเจนมองเขาเล็กน้อยอย่างแปลกใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วหยิบเมนูขึ้นมาเปิด รายการอาหารในนั้นธรรมดาอย่างข้าวผัด ราดหน้า และแกงจืด“มาร้านแบบนี้...ไม่เข้ากับลุคของนายเลย
เชษเดินออกจากคอนโดด้วยสีหน้าหงุดหงิด ภายในหัวเต็มไปด้วยความคิดที่วุ่นวาย เขาตรงไปยังลานจอดรถส่วนตัว ก่อนจะหยิบกุญแจรถออกมาMcLaren Artura สีดำเงาวาว ราวกับสะท้อนตัวตนที่ทั้งมั่นใจและหยิ่งทะนง เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำทันทีที่เขาสตาร์ทรถ เชษนั่งนิ่งครู่หนึ่ง สูดลมหายใจลึก ก่อนจะเหยียบคันเร่งเบาๆ รถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนตัวออกจากลานจอดไปหน้าคอนโดสกายไลท์ของเจนเชษจอดรถหน้าอาคาร ดวงตาคมกริบมองตรงไปยังทางเข้าที่มีลุงรปภ.นั่งประจำการอยู่ เขาปรับสีหน้าให้ดูผ่อนคลาย ก่อนจะเดินตรงเข้าไป“อ่า... สวัสดีครับลุง” เชษเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรลุงรปภ.มองเขาอย่างแปลกใจ“มาหาใครเหรอ หนุ่ม?”เชษยิ้มบางๆ ก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาโชว์รูปของเจน รูปที่เขาแอบถ่ายไว้ตอนเธอนอนหลับที่ห้องสมุด“มาหาแฟนครับ นี่เธอ...เจนจิรา ห้อง...” เชษพูดพร้อมระบุหมายเลขห้องที่ได้มาจากทะเบียนนักศึกษา น้ำเสียงฟังดูมั่นใจจนไม่มีช่องให้สงสัยลุงรปภ.มองรูปในโทรศัพท์ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมามองเชษ“แต่หนุ่มไม่มีคีย์การ์ดนี่ จะขึ้นไปยังไง?”เชษหัวเราะเบาๆ ก่อนล้วงธนบัตรสีเทาออกมาสองสามใบ ยัดใส่มือของลุงอย่างเนียนๆ“ผมลืมคีย์การ์ดไว้ที่ห้อ
“ทำกันนะ…” เชษกระซิบเสียงพร่า หลังถอนจูบที่ร้อนแรง ริมฝีปากของเขายังคงคลอเคลียแก้มนวลอย่างแผ่วเบา ดวงตาคมจ้องใบหน้าหวานที่แดงระเรื่อเพราะฝีมือของเขาเจนเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นระส่ำจนแทบไม่เป็นจังหวะ ความร้อนวูบวาบแล่นไปทั่วร่าง เธอหลบสายตาของเขา แต่สัมผัสของริมฝีปากและลมหายใจอุ่นๆ ทำให้เธอไม่อาจขยับหนีไปไหน“ฉันอยากทำกับเธอ...” เชษพึมพำเสียงเบา ขณะที่ริมฝีปากร้อนของเขาไล้แตะเบาๆ ลงบนริมฝีปากบางของเจน จูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวาน ราวกับกำลังขอคำยินยอมจากเธอเจนหลับตาแน่น รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นระส่ำอยู่ในอก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง“...ฉันไม่มีถุง...” คำตอบนั้นทำให้เชษชะงักไปเล็กน้อย รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายระยับ“ฉันมี...” เขารีบลุกขึ้น เดินไปหยิบของจากกระเป๋าสตางค์ที่พกติดตัวไว้เสมอ ขณะที่เจนได้แต่หลบสายตา แก้มแดงซ่านไม่อาจปิดบังเชษกลับขึ้นเตียง พลางวางถุงยางไว้บนหัวเตียง โดยไม่พูดอะไร ก่อนจะโน้มตัวขึ้นคร่อมร่างของเจนอย่างช้าๆ สายตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธ
เช้าวันรุ่งขึ้น เชษที่ตื่นก่อนกำลังก้มเก็บถุงยางใช้แล้วที่กระจัดกระจายอยู่รอบเตียงของเจน ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มผุดขึ้น ขณะนับจำนวนถุงยางในมือ“ห้า..หก...หืม? เมื่อคืนแค่หกรอบเองเหรอเนี่ย” เขาพึมพำเบาๆ พลางหัวเราะในลำคออย่างพอใจสายตาคมกริบเลื่อนไปมองร่างบางที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ผ้าห่มเลื่อนลงไปเผยให้เห็นเรือนร่างขาวเนียนที่เปลือยเปล่าเต็มไปด้วยร่องรอยที่เขาดูดจนเป็นรอยแดงเต็มไปหมดเชษทิ้งถุงยางลงในถังขยะ ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียง มือหนาเอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าของเธอออกเบาๆ ดวงตาคมมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจและอ่อนโยน“น่ารักดีเวลาหลับ...” เขากระซิบเบาๆเชษเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือของเจนที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้เตียง เขามองร่างบางที่ยังหลับสนิทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้โทรศัพท์สแกนใบหน้าของเธอเพื่อปลดล็อกหน้าจอเมื่อหน้าจอปลดล็อกสำเร็จ เชษยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนกดโทรออกไปยังเบอร์ของตัวเอง เขารอจนโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้น จากนั้นจึงวางสายและจัดการบันทึกเบอร์ของเขาลงในรายชื่อโทรศัพท์ของเธอชื่อที่เขาเมมไว้เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความจงใจ‘เชษ (คนสำคัญ) ’หลังจากจัดการทุกอย
หลังจากจบงานพรีเซนต์ เชษก็จำใจต้องกลับไปคอนโดของตัวเอง เพราะครบกำหนดเวลาตามที่เขาอ้างไว้แล้ว เขามีท่าทีอิดออดอย่างเห็นได้ชัด ขณะเก็บของออกจากห้องของเจน“เธอแน่ใจนะว่าไม่ให้ฉันอยู่ต่อ?” เชษถามเป็นครั้งที่สาม พร้อมหันมาส่งสายตาอ้อน“แน่สิ! นายอยู่จนฉันจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวแล้ว” เจนพูดเสียงแข็ง แต่กลับรู้สึกใจหวิวแปลกๆ“งั้นไปละนะ...” เชษพูดพลางลากเสียงยาว ก่อนเดินออกจากห้องไปเมื่อประตูปิดลง เจนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างหมดแรง มือบางคว้ามือถือขึ้นมาไถดูข่าวสารในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย“อื้ม...อาทิตย์หน้าต้องไปออกค่ายแล้วนี่นา หวังว่าคงไม่ซวยเกินไปนะ” เธอพึมพำเบาๆแต่หลังจากนอนนิ่งไปได้สักพัก ความเงียบในห้องก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ เจนเปิดโทรศัพท์ดูซีรีส์ที่ค้างไว้ แต่กลับไม่มีสมาธิดูเหมือนปกติ“พอหมอนั่นไม่อยู่...ห้องดูเงียบพิลึกแฮะ” เธอพูดเบาๆ พลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าไปมองเตียงที่เคยมีใครบางคนนอนอยู่ข้างๆ“...ทำไมต้องคิดถึงเขาด้วยเนี่ย” เจนเอ่ยกับตัวเอง ขณะที่มือยังถือรีโมตเลื่อนไปมาบนหน้าจอทีวีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตัดความเงียบในห้อง เจนหยิบขึ้นมาดูชื่อ
ไม่นานนัก ไนท์ผู้จัดการผับไนท์อาวน์ก็เดินมาเชิญทั้งสองคนให้ขึ้นไปที่ห้องด้านบนของผับเมื่อถึงเวลา เจินและเจษเดินเข้ามาในห้องพร้อมกัน ดวงตาของทั้งคู่สบกันด้วยความประหลาดใจ“เธอมาที่นี่ทำไม?” เจษถามเจินด้วยความงุนงง“ฉันควรถามนายมากกว่า ว่ามาทำไม” เจินแปลกใจเช่นกันยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้โต้เถียงกันต่อ ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของเชษที่ก้าวเข้ามา“โอ้...มาครบดีนี่” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาคมจ้องมองทั้งสองคน“เชษ?” เจษขมวดคิ้ว“นายต้องการอะไร?”เชษไม่ตอบ แต่โยนแฟ้มเอกสารสองแฟ้มลงบนโต๊ะ“นี่คือสิ่งที่พวกนายควรดู”เจษหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดอ่าน ภายในเต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเขากับเจิน การช่วยเหลือเจินในบางเรื่อง รวมถึงข้อความบางส่วนที่บ่งบอกว่าเขาเคยพยายามเข้าใกล้เจนด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์“นี่นายตามสืบฉันเหรอ?” เจษถามเสียงแข็ง ดวงตาเบิกกว้างด้านเจิน เมื่อเปิดแฟ้มของตัวเอง ภายในเอกสารมีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับการว่าจ้างพี่ตั้มให้ฉุดเจน ทั้งรายละเอียดการโอนเงิน และข้อความสนทนาที่เปิดเผยว่าเธอเป็นคนวางแผนทั้งหมดเจินหน้าซีดเผือด มือที่ถือแฟ้มสั่นเทา“นี่มัน...” เจินพึ
หลังจากเชษส่งทุกคนลงที่หน้ามหาวิทยาลัยเรียบร้อย เขาก็ขับรถพาเจนกลับมาที่คอนโดของเธอ บรรยากาศภายในรถเงียบงันตลอดทาง เชษไม่พูดอะไร ส่วนเจนก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในห้วงความคิด กำลังวางแผนว่าควรจะจัดการกับเจินอย่างไรดี ความอึมครึมระหว่างทั้งสองคนทำให้ทุกอย่างดูอึดอัดเมื่อมาถึงห้องพัก เชษไม่พูดอะไรสักคำ แต่เดินตรงเข้ามาช้อนตัวเจนขึ้นทันทีโดยไม่ทันให้ตั้งตัว“เฮ้ย!” เจนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รีบยกแขนโอบรอบคอเขาไว้ตามสัญชาตญาณเชษวางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล“อยู่นิ่งๆ” เขาสั่งเสียงเรียบ“เอ่อ...” เจนอ้าปากจะพูด แต่เชษยกมือขึ้นปราม“นั่งเฉยๆ เถอะน่ะ” น้ำเสียงของเขาไม่เปิดโอกาสให้เธอเถียงไม่นาน เขาก็เดินกลับมาจากห้องน้ำพร้อมอ่างน้ำและผ้าขนหนูในมือ เขาวางอุปกรณ์ทั้งหมดลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ“นาย...”“เงียบเถอะ” เขาตอบสั้นๆ แต่หนักแน่น พลางหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำอย่างใจเย็น แล้วเริ่มเช็ดมือของเจนที่เต็มไปด้วยรอยช้ำและรอยเปื้อนจากการต่อสู้ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองไปยังรอยแผลเล็กๆ ที่มือบาง เขาขบกรามแน่น สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุดันอย่างเห็นได้ชัด“ใคร? มันเป็นใคร?” เชษถามเสียงต่ำ ดวงตาวาว
เชษที่ยืนอึ้งอยู่กับภาพตรงหน้า เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ เขาลืมไปเสียสนิทว่า เจนเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวย ไอ้พวกนี้จะทำอะไรเธอได้ ดีแค่ไหนที่ไอ้พวกนี้ไม่ตายคาตีนเธอเขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาเธอ ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ากำปั้นเล็กๆ ของเธอเปื้อนเลือดจนแดงฉานเจนที่เพิ่งได้คำตอบว่าใครเป็นคนจ้างชายพวกนี้มา โยนร่างของชายที่คอเสื้อยังอยู่ในมือเธอลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี ก่อนจะหันมาเจอเชษยืนมองอยู่ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ“นะ...นะ...นายมาได้ไง” เธอพูดตะกุกตะกัก มองซ้ายขวาเลิกลั่กเชษอมยิ้มออกมาน้อยๆ ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเธอ แม้จะเพิ่งจัดการพวกชายฉกรรจ์จนปางตาย แต่สำหรับเขากลับดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ“เธอนี่นะ...” เชษพึมพำเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ ดึงร่างเล็กของเธอเข้ามากอดแน่น“หืม?” เจนเลิกคิ้วงุนงง แต่ไม่ได้ขัดขืน“ฉันเป็นห่วงแทบแย่” เชษพูดเสียงทุ้มเบาๆ ใกล้หูเธอเจนกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะพึมพำตอบเสียงอ่อน“อะ...โทษทีที่ทำให้เป็นห่วง”เชษไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ก้มมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มที่มีเสน่ห์จนเจนถึงกับเบลอไปชั่วขณะรู้ตัวอีกที ริมฝีปากร้อ
ภายในห้องนั่งเล่นของเจิน บรรยากาศเงียบสงัด แต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหรู มือเรียวกำโทรศัพท์ไว้แน่น ใบหน้าสวยที่มักแสดงความมั่นใจ ตอนนี้ฉายแววขุ่นเคืองทุกครั้งที่สายตาเลื่อนผ่านโพสต์ข่าวหรือรูปของเจนในกลุ่มต่างๆ“เจษต้องเป็นของฉัน...” เธอพึมพำเสียงแผ่ว ดวงตาวาวโรจน์ไปด้วยความริษยาเธอเริ่มครุ่นคิดหาวิธีที่จะจัดการเจน ใบหน้าแสดงความมุ่งมั่นราวกับกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง สุดท้าย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์โทรหาใครบางคนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“พี่ตั้ม ว่างปะ?” เสียงเธอเปลี่ยนเป็นหวานลื่นทันทีที่ปลายสายรับสาย“ว่าง มีอะไรเหรอ?” เสียงห้าวของชายอีกฝั่งดังขึ้น“ฉันอยากให้พี่ช่วยงานหน่อยน่ะ... งานง่ายๆ พี่น่าจะถนัด” เจินพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งอ้อนและเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกัน“ว่ามา งานอะไร?”เธอยิ้มมุมปาก ลดเสียงให้เบาลง ราวกับกลัวว่าความลับนี้จะเล็ดลอดไปถึงหูคนอื่น“ดักฉุดสาวคนนึง... เธออยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัย เดี๋ยวฉันส่งรายละเอียดให้”“แล้วต้องถึงขั้นไหน?” ตั้มถามอย่างไม่ใส่ใจ“ตามใจพี่เลย... จะทำยังไงก็ได้ ขอแค่ให้มันเรียบร้อย” เจินพูด พลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างสบายใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น เชษขับรถมาส่งเจนที่หน้าตึกไม่ไกลจากคณะบัญชี ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ มือหนาของเขาก็คว้าข้อมือเธอเอาไว้“ระวังไอ้เจษด้วย” เขาเตือนเสียงจริงจัง“รู้แล้วน่า” เจนตอบพร้อมย่นจมูกใส่เขาเล็กน้อย ท่าทีขี้เล่นของเธอทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้“เลิกเรียนแล้ว เดี๋ยวฉันมารับ” เชษพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่ม“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันกลับเอง” เจนส่ายหน้า แต่สายตาของเขาที่มองมา ทำให้เธอกลอกตาไปมาใช้ความคิดดวงตาคมจับจ้องเธอเขม็งจนเจนรู้สึกถึงแรงกดดัน เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนตัดสินใจยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็วเชษเบิกตากว้าง ราวกับไม่คาดคิดมาก่อน มือที่จับข้อมือเธอไว้เผลอคลายออกทันทีเจนยิ้มเล็กๆ รีบลงจากรถก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร“ไปก่อนนะ!” เธอหันมายิ้มหวาน พร้อมโบกมือให้เขา ก่อนจะรีบเดินเข้าตึกไปทันทีเชษนั่งนิ่งอยู่ในรถ ใบหน้ายังคงติดรอยยิ้ม มือหนายกขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ ก่อนจะหัวเราะในลำคอ“แสบไม่เบาเลยนะ เจน...”ขณะที่เจนกำลังเร่งเท้าจะเดินเข้าห้องเรียน แขนสองข้างของเธอก็ถูกสอดเข้ามาจับไว้โดยฟ้าและแจง“หยุดเลย! วันนี้ไม่ต้องเรียน!” ฟ้าพูดเสียงเข้ม“ใช่ๆ วันนี้แกต้องโดนสอบสวน
แสงแดดยามสายส่องเข้ามาภายในห้อง ทะลุผ่านม่านสีอ่อนที่ปลิวไหวไปตามสายลมอ่อนๆ แสงนั้นตกกระทบใบหน้าของเจนที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่เธอขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ด้วยความง่วงงุน ดวงตากลมโตกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่แยงเข้ามาแต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของใครบางคนอยู่ใกล้จนแทบจะชนกัน“เชษ!” เธอร้องเสียงหลง รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีคนที่ถูกเรียกชื่อขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาคมปรือขึ้นมามองเธอด้วยแววตากึ่งง่วงกึ่งขำ“เสียงดังแต่เช้าเลยนะ...”“ทำไม?...นาย??” เจนยกมือกุมหัวเมื่อรู้สึกยังมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืนเธอก้มลงมองตัวเอง ก่อนจะร้องเสียงหลงอีกครั้ง“เฮ้ย! แล้วทำไม!!”สายตาของเธอหยุดที่เนินอกของตัวเองซึ่งเต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำๆ ชัดเจนที่สำคัญเธอ โป๊!!!“ฮื้อ...เธอไม่ง่วงรึไง” เชษพึมพำเสียงต่ำ ก่อนจะใช้มือหนาดึงร่างของเธอให้ล้มลงนอนอีกครั้ง แล้วรวบร่างเธอเข้ามากอดแนบอก“นี่นาย! ตอบฉันก่อนดิ!” เจนดิ้นขลุกขลัก พยายามผละตัวออกจากอ้อมแขนเขา“เธอนั่นล่ะ ทำไมดื่มแอลกอฮอล์?” เชษพูดเสียงเข้ม ดวงตาคมมองเธออย่างคาดคั้น“ฉัน... ก็...แค่สปาย...” เจนพูดตะกุกตะกัก พ
ในร้านพิซซ่า พวกเจนกำลังฉลองวันเกิดให้เจินกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของเพื่อนในคณะเกือบสิบคนเจษที่นั่งข้างเจนดูแลเธออย่างเอาใจใส่ เขาคอยบริการตักพิซซ่าและอาหารอื่นๆ ให้เธอตลอด“เจน ลองสปายหน่อยมั้ย?” เจษพูดพร้อมยื่นแก้วสปายไวน์คูลเลอร์สีสวยให้เจน“ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์น่ะ” เจนส่ายหน้าพลางปฏิเสธ“นี่สปายไหมไทย เป็นค็อกเทลผลไม้ ไม่แรงหรอก ฉันว่าเธอน่าจะดื่มได้ ลองดิ” เจษบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ พร้อมยิ้มกริ่มเจนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะรับแก้วมาจากเจษ“อะ...อืม ก็ได้”เมื่อจิบเข้าไป เจนย่นคิ้วเล็กน้อย“อืม...กลิ่นแรงจัง แต่ก็อร่อยดีนะ” เธอพูดหลังจากรับรู้รสชาติฝาดๆ แต่มีความหวานเปรี้ยวแบบผลไม้“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้ว” เจษยิ้มกว้างอย่างพอใจในขณะที่เจษกำลังเอาใจใส่เจน เจินที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน เธอจิบสปายที่อยู่ในแก้วของตัวเองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเจษสนใจแต่เจน เจินเริ่มซดสปายขวดแล้วขวดเล่าโดยไม่หยุด จนไม่นานนัก เธอก็เริ่มมีอาการมึนเล็กน้อย ใบหน้าแดงเรื่อ และดูเหมือนเธอจะเริ่มหมดความอดทนกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าขณะเดียวกัน ฟ้าแ
ที่โต๊ะประจำของกลุ่มเจน บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เจนนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อป กำลังพิมพ์ข้อมูลลงในรายงานการตลาดที่ต้องพรีเซนต์ในสัปดาห์นี้ ฟ้ากับแจงช่วยกันยื่นเอกสารต่างๆ ที่มีข้อมูลเพิ่มเติมให้เธอบันทึกอย่างขะมักเขม้นไม่นานนัก สมาชิกอีกส่วนของกลุ่มอย่างเจษ โต๊ด เจิน และมิ้ม ก็เดินตรงเข้ามาที่โต๊ะพร้อมเอกสารในมือ“ฉันเอาข้อมูลมาเพิ่มให้” เจินพูดพลางวางเอกสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ในการนำเสนอ“ชาเย็นไข่มุกของเธอ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ พลางวางแก้วเครื่องดื่มลงตรงหน้าเจน ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เธอโดยไม่สนใจสายตาแซวๆ ของเพื่อนร่วมโต๊ะที่มองมาด้วยความรู้ทัน“ขอบใจนะ” เจนยิ้มบาง พลางหยิบแก้วชาขึ้นมาดูดอึกใหญ่ แล้ววางลง ก่อนจะหันกลับไปพิมพ์งานต่อ“อะไรเนี่ย! มีแค่ของเจนคนเดียวเนี่ยนะ?” ฟ้ากับแจงโวยวายขึ้นพร้อมกัน สีหน้าผสมทั้งความไม่พอใจและแอบแซว“ใจเย็น ของพวกเธอก็มี อะนี่” โต๊ดหัวเราะขำ พลางวางแก้วชาเย็นลงตรงหน้าสองสาวขี้โวยวาย“นี่สิถึงจะถูก!” ฟ้าพูดพร้อมหยิบแก้วของตัวเองมาดูดอย่างพอใจ ส่วนแจงก็ยิ้มรับพลางแอบเหล่เจนกับเจษที่ดูจะนั่งใกล้กันเกินไปหน่อย“ว่าแต่ เห็นประกาศกิจกร