วันรุ่งขึ้น: ห้องสมุดมหาวิทยาลัย
ช่วงเย็นหลังเลิกเรียน เจนเดินตรงมายังห้องสมุดของมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการเรียนมาทั้งวัน เธอมองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่นัดไว้ และพบเชษกำลังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องสมุด
ร่างสูงนั่งหลังตรง ดวงตาคมจับจ้องหน้าจอแล็ปท็อป ขณะที่มือเลื่อนเมาส์และพิมพ์งานอย่างตั้งใจ รอบตัวเขามีเอกสารวางเป็นระเบียบ ทั้งชีตข้อมูล ไอเดียการออกแบบ และตัวเลขที่คำนวณอย่างละเอียด
เจนเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามเขา
“นายมานานแล้วเหรอ?”
เชษเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์
“สักพัก แต่ไม่เป็นไร ฉันกำลังตรวจแบบแผนงานอยู่”
“แผนงาน?” เจนถามด้วยความสงสัย
เชษยื่นเอกสารบางส่วนให้เธอ
“นี่คือรายละเอียดโครงการที่จะส่งเข้าประกวด มันคือการออกแบบระบบ ‘พลังงานหมุนเวียนในชุมชน’ ”
เจนเปิดเอกสารอ่าน ดวงตาเริ่มจับจ้องรายละเอียดที่ซับซ้อน
“แนวคิดคือการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ร่วมกับกังหันลมขนาดเล็ก เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ในชุมชนที่ห่างไกล แถมยังสามารถเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในแบตเตอรี่สำรองเพื่อใช้ในช่วงที่ไม่มีแดดหรือลม”
เชษพูดต่อพร้อมเลื่อนภาพกราฟิกจำลองให้เธอดู
“ฉันออกแบบระบบให้รองรับการใช้งานหลากหลาย เช่น ไฟฟ้าสำหรับโรงเรียน หรือสถานพยาบาลเล็กๆ ในชุมชน มันจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น”
เจนมองเขาด้วยความทึ่ง
“นายทำทั้งหมดนี้คนเดียว?”
“เธอคิดว่าไงล่ะ?” เขายิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ สายตาคมจ้องมองเธออย่างมีความหมาย
เจนหลบสายตาของเขา ก้มลงพลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติม
“เอ้อ...ฉันไม่คิดว่านายจะทุ่มเทกับอะไรแบบนี้ขนาดนี้”
“ทำไมล่ะ?” เชษเลิกคิ้ว
“ก็นายดูเป็นพวกไม่ค่อยใส่ใจอะ” เจนตอบตรงๆ
เชษหัวเราะเบาๆ
“ฉันใส่ใจบางเรื่องนะ เผื่อเธอไม่รู้” พูดจบเขาก็มองตาเธอนิ่ง สายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของเขา ทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว
“แล้วฉันต้องทำไรอะ?” เจนพูดพลางวางเอกสารลง
“ช่วยดูการนำเสนอนี่แหละ” เขาหยิบเอกสารอีกชุดขึ้นมา
“ฉันยังไม่ค่อยมั่นใจเรื่องลำดับการอธิบาย”
เจนรับเอกสารมาอ่านอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มชี้จุดที่ควรปรับปรุง
“นายอาจจะเริ่มจากปัญหาในชุมชนก่อน แล้วค่อยพูดถึงโซลูชั่นที่เราเสนอ มันจะช่วยให้คนฟังเข้าใจง่ายขึ้น”
เชษพยักหน้า พร้อมจดบันทึกในสมุดของเขา
บรรยากาศในห้องสมุดค่อยๆ เปลี่ยนไป ทั้งสองคนจดจ่อกับงานตรงหน้า เชษที่ปกติชอบกวนประสาทเธอ กลับแสดงด้านที่จริงจังและตั้งใจออกมาอย่างชัดเจน
เชษและเจนใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดจนดึกดื่น เตรียมงานพรีเซนต์โครงการรอบแรกที่กำลังจะถึงในอีกไม่กี่วัน นาฬิกายังคงเดินต่อไป บ่งบอกว่าใกล้ถึงเวลาปิด ห้องสมุดรอบตัวเงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจ มีเพียงพวกเขาสองคนในมุมลึกของห้องสมุด ท่ามกลางแสงไฟสลัว เสียงพลิกหน้ากระดาษและเสียงแป้นพิมพ์ที่ดังเบาๆ เท่านั้น
เจนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มรู้สึกง่วงหลังจากใช้สมองมาทั้งวัน เธอฟุบลงบนโต๊ะอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าเรียวของเธอซุกอยู่บนท่อนแขน ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย
เชษเงยหน้าขึ้นจากแล็ปท็อป เมื่อเห็นเจนที่นั่งหลับอยู่ก็ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคมจับจ้องภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบาย
“ยัยคนนี้นี่...จริงๆ เลย” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ สุดท้ายก็ถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก คลี่มันอย่างระมัดระวัง แล้ววางคลุมบนตัวเธอเบาๆ
เชษนั่งมองเจนที่หลับสนิท ราวกับไม่สนใจโลกใบนี้ ดวงหน้าของเธอสงบนิ่ง ริมฝีปากบางเผยอเล็กน้อย ทำให้เขาหวนคิดถึงค่ำคืนอันเร่าร้อนระหว่างพวกเขาอีกครั้ง ความรู้สึกบางอย่างในใจพาให้เขาก้มหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากบางของเธออย่างแผ่วเบา
ดูเหมือนเธอกำลังฝันถึงอะไรบางอย่าง ริมฝีปากบางขยับไปมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ราวกับจูบตอบสัมผัสของเขา เชษยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ เมื่อได้รับการตอบรับที่ไม่คาดคิดจากเธอ
เขาค่อยๆ ไล้ปลายลิ้นเบาๆ ไปบนริมฝีปากล่างของเธอ ก่อนจะแทรกเรียวลิ้นเข้าไปช้าๆ สัมผัสปลายลิ้นของเธออย่างแผ่วเบา เติมเต็มจูบให้ลึกซึ้งขึ้น แล้วเม้มริมฝีปากเธอเบาๆ ราวกับหลงใหลในรสสัมผัสนั้น สุดท้ายจึงถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ทิ้งไว้เพียงความวาบหวามที่ยังค้างคาในใจเขา
“หวังว่า...คราวหน้าเธอจะจูบฉันแบบมีสติมั่งนะ” เชษพึมพำเบาๆ ริมฝีปากยังคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กๆ ก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แววตากลับยังแฝงความรู้สึกที่ยากจะปิดซ่อนไว้
ไม่นานนัก เจนเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เธอกวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะเห็นเชษยังคงนั่งทำงานต่ออย่างตั้งใจ แสงจากหน้าจอแล็ปท็อปสะท้อนกับใบหน้าคมคายของเขา
เธอก้มมองเสื้อคลุมที่คลุมตัวเองอยู่ ก่อนจะเงยหน้าถามเขาด้วยเสียงแหบพร่า
“นาย... ทำไมไม่ปลุกฉัน?”
เชษเงยหน้าขึ้นมองเธอ พร้อมรอยยิ้มบาง
“เธอดูเหนื่อย ฉันเลยปล่อยให้พัก”
เจนก้มมองเสื้อคลุมที่คลุมตัวอยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองเขา
“นี่นาย...?”
“คิดว่าเธอคงหนาว” เขาตอบเสียงเรียบ พลางเอนตัวพิงเก้าอี้
“อืม...ขอบใจนะ” เจนพึมพำเบาๆ
เชษปิดแล็ปท็อป พลางเก็บเอกสารอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเธอตื่นแล้ว ก็กลับกันเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเรียกแกร็บกลับเอง” เจนรีบปฏิเสธ แต่เชษกลับลุกขึ้น คว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพาย
“ห้องสมุดจะปิดแล้ว เธอจะยืนรอแกร็บคนเดียวตอนนี้?ฉันว่ามันเสี่ยงอยู่นะ” เชษพูดขึ้นเรียบๆ พลางเอื้อมมือหยิบกระเป๋าของเธอโดยไม่รอฟังคำคัดค้าน
“ไปเถอะ ฉันจะไปส่ง”
เจนมองเชษที่จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพไปโดยไม่ถามความเห็นของเธอสักคำ เธอถอนหายใจเบาๆ พ่นลมออกจมูกอย่างหงุดหงิด แต่สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้นตามเขาไปจนได้
“ก็ได้...” เธอตอบอย่างเสียไม่ได้
เชษหัวเราะเบาๆ กับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของเธอ ก่อนจะเดินนำออกจากห้องสมุดอย่างสบายๆ ขณะที่เจนเดินตามหลังเขาไป บ่นงึมงำอะไรบางอย่างด้วยความขัดใจตามนิสัย
เชษไม่หันกลับมาสนใจ มีเพียงรอยยิ้มขำที่แต้มอยู่บนมุมปาก ขณะพวกเขาเดินเคียงกันไปในความเงียบกระทั่งเสียง โครกกกก! ดังขึ้นจากท้องของเจนทำลายความสงบลง เชษหยุดเดินก่อนหันมามองเธอ รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นอย่างห้ามไม่ได้“หาอะไรกินก่อนกลับละกัน” เขาพูดขึ้นเรียบๆ“แต่—” เจนทำท่าจะค้าน แต่เชษยกคิ้วขึ้นนิดๆ“ท้องเธอร้องดังขนาดนี้ มีอะไรจะแก้ตัวล่ะ?” น้ำเสียงของเขาแฝงความขบขันเจนยืนอึ้งไปเล็กน้อยก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ เสียงท้องร้องเมื่อครู่ทำลายเหตุผลทั้งหมดที่เธอคิดจะอ้าง“ก็ได้...” เธอพึมพำเหมือนยอมจำนนเชษยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะเดินนำไปยังร้านอาหารใกล้ๆ โดยมีเจนเดินตามหลังมาเงียบๆ แม้จะยังทำหน้าขัดใจ แต่แก้มที่แดงนิดๆ ก็บ่งบอกว่าเธอเองก็เขินอยู่เหมือนกันร้านอาหารริมถนนเชษพาเจนมาที่ร้านอาหารเล็กๆ ใกล้มหาวิทยาลัย บรรยากาศเรียบง่าย แต่ดูอบอุ่นด้วยแสงไฟสีส้มอ่อนๆ ที่ส่องอยู่เหนือโต๊ะไม้เล็กๆ“นั่งนี่แหละ” เขาพูดพร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้เจนเจนมองเขาเล็กน้อยอย่างแปลกใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วหยิบเมนูขึ้นมาเปิด รายการอาหารในนั้นธรรมดาอย่างข้าวผัด ราดหน้า และแกงจืด“มาร้านแบบนี้...ไม่เข้ากับลุคของนายเลย
เชษเดินออกจากคอนโดด้วยสีหน้าหงุดหงิด ภายในหัวเต็มไปด้วยความคิดที่วุ่นวาย เขาตรงไปยังลานจอดรถส่วนตัว ก่อนจะหยิบกุญแจรถออกมาMcLaren Artura สีดำเงาวาว ราวกับสะท้อนตัวตนที่ทั้งมั่นใจและหยิ่งทะนง เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำทันทีที่เขาสตาร์ทรถ เชษนั่งนิ่งครู่หนึ่ง สูดลมหายใจลึก ก่อนจะเหยียบคันเร่งเบาๆ รถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนตัวออกจากลานจอดไปหน้าคอนโดสกายไลท์ของเจนเชษจอดรถหน้าอาคาร ดวงตาคมกริบมองตรงไปยังทางเข้าที่มีลุงรปภ.นั่งประจำการอยู่ เขาปรับสีหน้าให้ดูผ่อนคลาย ก่อนจะเดินตรงเข้าไป“อ่า... สวัสดีครับลุง” เชษเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรลุงรปภ.มองเขาอย่างแปลกใจ“มาหาใครเหรอ หนุ่ม?”เชษยิ้มบางๆ ก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาโชว์รูปของเจน รูปที่เขาแอบถ่ายไว้ตอนเธอนอนหลับที่ห้องสมุด“มาหาแฟนครับ นี่เธอ...เจนจิรา ห้อง...” เชษพูดพร้อมระบุหมายเลขห้องที่ได้มาจากทะเบียนนักศึกษา น้ำเสียงฟังดูมั่นใจจนไม่มีช่องให้สงสัยลุงรปภ.มองรูปในโทรศัพท์ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมามองเชษ“แต่หนุ่มไม่มีคีย์การ์ดนี่ จะขึ้นไปยังไง?”เชษหัวเราะเบาๆ ก่อนล้วงธนบัตรสีเทาออกมาสองสามใบ ยัดใส่มือของลุงอย่างเนียนๆ“ผมลืมคีย์การ์ดไว้ที่ห้อ
“ทำกันนะ…” เชษกระซิบเสียงพร่า หลังถอนจูบที่ร้อนแรง ริมฝีปากของเขายังคงคลอเคลียแก้มนวลอย่างแผ่วเบา ดวงตาคมจ้องใบหน้าหวานที่แดงระเรื่อเพราะฝีมือของเขาเจนเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจเต้นระส่ำจนแทบไม่เป็นจังหวะ ความร้อนวูบวาบแล่นไปทั่วร่าง เธอหลบสายตาของเขา แต่สัมผัสของริมฝีปากและลมหายใจอุ่นๆ ทำให้เธอไม่อาจขยับหนีไปไหน“ฉันอยากทำกับเธอ...” เชษพึมพำเสียงเบา ขณะที่ริมฝีปากร้อนของเขาไล้แตะเบาๆ ลงบนริมฝีปากบางของเจน จูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวาน ราวกับกำลังขอคำยินยอมจากเธอเจนหลับตาแน่น รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นระส่ำอยู่ในอก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง“...ฉันไม่มีถุง...” คำตอบนั้นทำให้เชษชะงักไปเล็กน้อย รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายระยับ“ฉันมี...” เขารีบลุกขึ้น เดินไปหยิบของจากกระเป๋าสตางค์ที่พกติดตัวไว้เสมอ ขณะที่เจนได้แต่หลบสายตา แก้มแดงซ่านไม่อาจปิดบังเชษกลับขึ้นเตียง พลางวางถุงยางไว้บนหัวเตียง โดยไม่พูดอะไร ก่อนจะโน้มตัวขึ้นคร่อมร่างของเจนอย่างช้าๆ สายตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธ
เช้าวันรุ่งขึ้น เชษที่ตื่นก่อนกำลังก้มเก็บถุงยางใช้แล้วที่กระจัดกระจายอยู่รอบเตียงของเจน ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มผุดขึ้น ขณะนับจำนวนถุงยางในมือ“ห้า..หก...หืม? เมื่อคืนแค่หกรอบเองเหรอเนี่ย” เขาพึมพำเบาๆ พลางหัวเราะในลำคออย่างพอใจสายตาคมกริบเลื่อนไปมองร่างบางที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ผ้าห่มเลื่อนลงไปเผยให้เห็นเรือนร่างขาวเนียนที่เปลือยเปล่าเต็มไปด้วยร่องรอยที่เขาดูดจนเป็นรอยแดงเต็มไปหมดเชษทิ้งถุงยางลงในถังขยะ ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียง มือหนาเอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าของเธอออกเบาๆ ดวงตาคมมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจและอ่อนโยน“น่ารักดีเวลาหลับ...” เขากระซิบเบาๆเชษเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือของเจนที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้เตียง เขามองร่างบางที่ยังหลับสนิทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้โทรศัพท์สแกนใบหน้าของเธอเพื่อปลดล็อกหน้าจอเมื่อหน้าจอปลดล็อกสำเร็จ เชษยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนกดโทรออกไปยังเบอร์ของตัวเอง เขารอจนโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้น จากนั้นจึงวางสายและจัดการบันทึกเบอร์ของเขาลงในรายชื่อโทรศัพท์ของเธอชื่อที่เขาเมมไว้เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความจงใจ‘เชษ (คนสำคัญ) ’หลังจากจัดการทุกอย
กว่าที่เชษจะยอมให้เจนออกจากคอนโดได้ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง เพราะไม่ว่าเธอจะแต่งตัวยังไง เขาก็หาข้อตำหนิได้ตลอดเสื้อกล้ามแบบสปอร์ตเกิร์ลที่เธอใส่ตอนแรก ถูกเขาส่ายหน้าปฏิเสธทันที“เปิดไปทั้งตัวแบบนี้ เธอจะออกไปเดินหรือแจกเบอร์ให้คนทั้งถนน?”เมื่อเธอเปลี่ยนมาใส่เสื้อที่ปิดมิดชิดด้านหน้า แต่ด้านหลังกลับผ่าลึกตั้งแต่ต้นคอถึงเอว เชษก็ทำหน้าไม่พอใจอีก“ใครคิดล่ะ เสื้อแบบนี้...เธออยากโชว์รอยที่ฉันดูดให้คนอื่นดูรึไง?”“ไอ้บ้านี่! ใครให้นายทำจนเป็นรอยแดงกันล่ะ” เจนค้อนควับใส่เขา พลางเถียงอย่างไม่ยอมแพ้สุดท้าย หลังจากเถียงกันอยู่นาน เขาก็หยิบเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์จากตู้เสื้อผ้าให้เธอใส่ พร้อมกับบังคับให้เธอใส่คู่กับกางเกงขาสั้น“โอเค แบบนี้ไม่โป๊ละ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ขณะมองเธอที่ยืนทำหน้ามุ่ยแต่ถึงจะเป็นเสื้อโอเวอร์ไซส์ ตอนนี้มันกลับดูเหมือนเสื้อพอดีตัว เพราะหน้าอกของเธอที่ใหญ่จนทำให้เนื้อผ้าตึง“แค่นี้ก็ยังจะเด่น...” เขาพึมพำเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจคว้าเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมให้เธอทับอีกชั้นเจนมองเขาอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“นี่นาย ไหนบอกหิวไง?”เชษยิ้มมุ
หลังจากที่เชษและเจนทานเครปกันเสร็จ เชษก็หันมามองเจนที่กำลังหยิบทิชชูเช็ดมือ“ไหนๆ ก็มาที่นี่แล้ว เดินเล่นกันหน่อยสิ” เขาพูดพลางพยักเพยิดไปทางสวนสาธารณะข้างร้านเจนเลิกคิ้วเล็กน้อย“เดินเล่น? ฉันไม่ค่อยเดินเล่นในสวนหรอกนะ”“เธอไม่เคยลองต่างหาก” เชษตอบยิ้มๆ ก่อนลุกขึ้นยืน“ไปดิ เดี๋ยวฉันเดินเป็นเพื่อน”เจนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นเดินตามเขาไปสวนสาธารณะเงียบสงบในยามเย็น ทางเดินปูด้วยอิฐสีแดงทอดยาวไปท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา แสงไฟสีอบอุ่นจากเสาไฟข้างทางส่องแสงเรืองรอง ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายรอบๆ มีผู้คนเดินเล่นบ้างประปราย เสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่เล่นกันอยู่ในสนามใกล้ๆ และเสียงนกร้องจากกิ่งไม้เสริมให้สถานที่นี้ดูมีชีวิตชีวา“ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นคนชอบเดินเล่นในสวนแบบนี้” เจนพูดขณะกอดอก เดินเคียงข้างเขา“ฉันก็ไม่ได้เดินเล่นบ่อยหรอก แต่บางทีการได้อยู่ในที่เงียบๆ ก็ช่วยให้สมองโล่งขึ้น” เชษตอบพลางเหลือบมองเธอ“แล้วเธอล่ะ ทำไมไม่เคยมาเดินเล่น?”“ไม่รู้สิ ฉันไม่ชอบเดินแบบนี้ล่ะมั้ง”“แต่ตอนนี้เธอก็กำลังทำอยู่นะ” เชษพูดพลางยิ้มมุมปากเจนหันมาถลึงตาใส่ “ก็เพราะน
เจนทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ความอ่อนเพลียจากเมื่อคืน แถมวันนี้ยังออกไปข้างนอกกับเชษอีก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนร่างกายพักผ่อนไม่พอ ขณะที่เธอกำลังเคลิ้มหลับ โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวก็ดังขึ้น“ฮัลโหล...” เจนควานหาโทรศัพท์มารับสายด้วยน้ำเสียงอู้อี้“เจน! แกหายไปไหนมาทั้งวันยะ! ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ!” เสียงฟ้าดังลั่นจากปลายสาย ทำให้เจนต้องยกโทรศัพท์ออกห่างหู“โอย... วันนี้ไม่มีเรียน ฉันก็ออกไปเที่ยวมั่งไรมั่งดิ” เจนตอบพลางขยี้ตา“อย่ามาขี้โม้ แกไปกับเชษมาใช่มั้ย?” ฟ้าถามเสียงคาดคั้น“ห๊ะ...กะ...แกเอาไรมาพูดเนี่ย” เจนลืมตาโตขึ้นทันที“หึ แกไปกับเชษมาจริงด้วย” ฟ้าทำเสียงขึ้นจมูกเหมือนจับผิดได้“อะ..อะไรของแก” เจนรีบปฏิเสธแต่เสียงติดขัดจนฟ้ายิ่งมั่นใจ“อยากรู้แกก็เข้าไปดูโพสในกลุ่มวิศวะดิ เขาเห็นกันหมดแล้ว” ฟ้าหัวเราะลั่นก่อนวางสายไปเจนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย รีบเปิดโทรศัพท์เข้าไปดูโพสของกลุ่มนักศึกษาคณะวิศวะโพสต์หนึ่งถูกปักหมุดด้วยจำนวนไลค์และคอมเมนต์ที่พุ่งสูงขึ้น“เชษ...กับเนื้อคู่ สาวบัญชี?”ใต้โพสต์มีภาพที่แอบถ่ายเชษและเจนขณะนั่งคุยกันที่ร้านเครปเย็น เชษกำลังยื่นหน้าเข้าใกล้เจนพร้อม
ที่โต๊ะประจำของกลุ่มเจน บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เจนนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อป กำลังพิมพ์ข้อมูลลงในรายงานการตลาดที่ต้องพรีเซนต์ในสัปดาห์นี้ ฟ้ากับแจงช่วยกันยื่นเอกสารต่างๆ ที่มีข้อมูลเพิ่มเติมให้เธอบันทึกอย่างขะมักเขม้นไม่นานนัก สมาชิกอีกส่วนของกลุ่มอย่างเจษ โต๊ด เจิน และมิ้ม ก็เดินตรงเข้ามาที่โต๊ะพร้อมเอกสารในมือ“ฉันเอาข้อมูลมาเพิ่มให้” เจินพูดพลางวางเอกสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ในการนำเสนอ“ชาเย็นไข่มุกของเธอ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ พลางวางแก้วเครื่องดื่มลงตรงหน้าเจน ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เธอโดยไม่สนใจสายตาแซวๆ ของเพื่อนร่วมโต๊ะที่มองมาด้วยความรู้ทัน“ขอบใจนะ” เจนยิ้มบาง พลางหยิบแก้วชาขึ้นมาดูดอึกใหญ่ แล้ววางลง ก่อนจะหันกลับไปพิมพ์งานต่อ“อะไรเนี่ย! มีแค่ของเจนคนเดียวเนี่ยนะ?” ฟ้ากับแจงโวยวายขึ้นพร้อมกัน สีหน้าผสมทั้งความไม่พอใจและแอบแซว“ใจเย็น ของพวกเธอก็มี อะนี่” โต๊ดหัวเราะขำ พลางวางแก้วชาเย็นลงตรงหน้าสองสาวขี้โวยวาย“นี่สิถึงจะถูก!” ฟ้าพูดพร้อมหยิบแก้วของตัวเองมาดูดอย่างพอใจ ส่วนแจงก็ยิ้มรับพลางแอบเหล่เจนกับเจษที่ดูจะนั่งใกล้กันเกินไปหน่อย“ว่าแต่ เห็นประกาศกิจกร
หลังจากจบงานพรีเซนต์ เชษก็จำใจต้องกลับไปคอนโดของตัวเอง เพราะครบกำหนดเวลาตามที่เขาอ้างไว้แล้ว เขามีท่าทีอิดออดอย่างเห็นได้ชัด ขณะเก็บของออกจากห้องของเจน“เธอแน่ใจนะว่าไม่ให้ฉันอยู่ต่อ?” เชษถามเป็นครั้งที่สาม พร้อมหันมาส่งสายตาอ้อน“แน่สิ! นายอยู่จนฉันจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวแล้ว” เจนพูดเสียงแข็ง แต่กลับรู้สึกใจหวิวแปลกๆ“งั้นไปละนะ...” เชษพูดพลางลากเสียงยาว ก่อนเดินออกจากห้องไปเมื่อประตูปิดลง เจนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างหมดแรง มือบางคว้ามือถือขึ้นมาไถดูข่าวสารในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย“อื้ม...อาทิตย์หน้าต้องไปออกค่ายแล้วนี่นา หวังว่าคงไม่ซวยเกินไปนะ” เธอพึมพำเบาๆแต่หลังจากนอนนิ่งไปได้สักพัก ความเงียบในห้องก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ เจนเปิดโทรศัพท์ดูซีรีส์ที่ค้างไว้ แต่กลับไม่มีสมาธิดูเหมือนปกติ“พอหมอนั่นไม่อยู่...ห้องดูเงียบพิลึกแฮะ” เธอพูดเบาๆ พลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าไปมองเตียงที่เคยมีใครบางคนนอนอยู่ข้างๆ“...ทำไมต้องคิดถึงเขาด้วยเนี่ย” เจนเอ่ยกับตัวเอง ขณะที่มือยังถือรีโมตเลื่อนไปมาบนหน้าจอทีวีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตัดความเงียบในห้อง เจนหยิบขึ้นมาดูชื่อ
ไม่นานนัก ไนท์ผู้จัดการผับไนท์อาวน์ก็เดินมาเชิญทั้งสองคนให้ขึ้นไปที่ห้องด้านบนของผับเมื่อถึงเวลา เจินและเจษเดินเข้ามาในห้องพร้อมกัน ดวงตาของทั้งคู่สบกันด้วยความประหลาดใจ“เธอมาที่นี่ทำไม?” เจษถามเจินด้วยความงุนงง“ฉันควรถามนายมากกว่า ว่ามาทำไม” เจินแปลกใจเช่นกันยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้โต้เถียงกันต่อ ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของเชษที่ก้าวเข้ามา“โอ้...มาครบดีนี่” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาคมจ้องมองทั้งสองคน“เชษ?” เจษขมวดคิ้ว“นายต้องการอะไร?”เชษไม่ตอบ แต่โยนแฟ้มเอกสารสองแฟ้มลงบนโต๊ะ“นี่คือสิ่งที่พวกนายควรดู”เจษหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดอ่าน ภายในเต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเขากับเจิน การช่วยเหลือเจินในบางเรื่อง รวมถึงข้อความบางส่วนที่บ่งบอกว่าเขาเคยพยายามเข้าใกล้เจนด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์“นี่นายตามสืบฉันเหรอ?” เจษถามเสียงแข็ง ดวงตาเบิกกว้างด้านเจิน เมื่อเปิดแฟ้มของตัวเอง ภายในเอกสารมีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับการว่าจ้างพี่ตั้มให้ฉุดเจน ทั้งรายละเอียดการโอนเงิน และข้อความสนทนาที่เปิดเผยว่าเธอเป็นคนวางแผนทั้งหมดเจินหน้าซีดเผือด มือที่ถือแฟ้มสั่นเทา“นี่มัน...” เจินพึ
หลังจากเชษส่งทุกคนลงที่หน้ามหาวิทยาลัยเรียบร้อย เขาก็ขับรถพาเจนกลับมาที่คอนโดของเธอ บรรยากาศภายในรถเงียบงันตลอดทาง เชษไม่พูดอะไร ส่วนเจนก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในห้วงความคิด กำลังวางแผนว่าควรจะจัดการกับเจินอย่างไรดี ความอึมครึมระหว่างทั้งสองคนทำให้ทุกอย่างดูอึดอัดเมื่อมาถึงห้องพัก เชษไม่พูดอะไรสักคำ แต่เดินตรงเข้ามาช้อนตัวเจนขึ้นทันทีโดยไม่ทันให้ตั้งตัว“เฮ้ย!” เจนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รีบยกแขนโอบรอบคอเขาไว้ตามสัญชาตญาณเชษวางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล“อยู่นิ่งๆ” เขาสั่งเสียงเรียบ“เอ่อ...” เจนอ้าปากจะพูด แต่เชษยกมือขึ้นปราม“นั่งเฉยๆ เถอะน่ะ” น้ำเสียงของเขาไม่เปิดโอกาสให้เธอเถียงไม่นาน เขาก็เดินกลับมาจากห้องน้ำพร้อมอ่างน้ำและผ้าขนหนูในมือ เขาวางอุปกรณ์ทั้งหมดลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ“นาย...”“เงียบเถอะ” เขาตอบสั้นๆ แต่หนักแน่น พลางหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำอย่างใจเย็น แล้วเริ่มเช็ดมือของเจนที่เต็มไปด้วยรอยช้ำและรอยเปื้อนจากการต่อสู้ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองไปยังรอยแผลเล็กๆ ที่มือบาง เขาขบกรามแน่น สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุดันอย่างเห็นได้ชัด“ใคร? มันเป็นใคร?” เชษถามเสียงต่ำ ดวงตาวาว
เชษที่ยืนอึ้งอยู่กับภาพตรงหน้า เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ เขาลืมไปเสียสนิทว่า เจนเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวย ไอ้พวกนี้จะทำอะไรเธอได้ ดีแค่ไหนที่ไอ้พวกนี้ไม่ตายคาตีนเธอเขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาเธอ ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ากำปั้นเล็กๆ ของเธอเปื้อนเลือดจนแดงฉานเจนที่เพิ่งได้คำตอบว่าใครเป็นคนจ้างชายพวกนี้มา โยนร่างของชายที่คอเสื้อยังอยู่ในมือเธอลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี ก่อนจะหันมาเจอเชษยืนมองอยู่ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ“นะ...นะ...นายมาได้ไง” เธอพูดตะกุกตะกัก มองซ้ายขวาเลิกลั่กเชษอมยิ้มออกมาน้อยๆ ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเธอ แม้จะเพิ่งจัดการพวกชายฉกรรจ์จนปางตาย แต่สำหรับเขากลับดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ“เธอนี่นะ...” เชษพึมพำเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ ดึงร่างเล็กของเธอเข้ามากอดแน่น“หืม?” เจนเลิกคิ้วงุนงง แต่ไม่ได้ขัดขืน“ฉันเป็นห่วงแทบแย่” เชษพูดเสียงทุ้มเบาๆ ใกล้หูเธอเจนกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะพึมพำตอบเสียงอ่อน“อะ...โทษทีที่ทำให้เป็นห่วง”เชษไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ก้มมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มที่มีเสน่ห์จนเจนถึงกับเบลอไปชั่วขณะรู้ตัวอีกที ริมฝีปากร้อ
ภายในห้องนั่งเล่นของเจิน บรรยากาศเงียบสงัด แต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหรู มือเรียวกำโทรศัพท์ไว้แน่น ใบหน้าสวยที่มักแสดงความมั่นใจ ตอนนี้ฉายแววขุ่นเคืองทุกครั้งที่สายตาเลื่อนผ่านโพสต์ข่าวหรือรูปของเจนในกลุ่มต่างๆ“เจษต้องเป็นของฉัน...” เธอพึมพำเสียงแผ่ว ดวงตาวาวโรจน์ไปด้วยความริษยาเธอเริ่มครุ่นคิดหาวิธีที่จะจัดการเจน ใบหน้าแสดงความมุ่งมั่นราวกับกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง สุดท้าย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์โทรหาใครบางคนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“พี่ตั้ม ว่างปะ?” เสียงเธอเปลี่ยนเป็นหวานลื่นทันทีที่ปลายสายรับสาย“ว่าง มีอะไรเหรอ?” เสียงห้าวของชายอีกฝั่งดังขึ้น“ฉันอยากให้พี่ช่วยงานหน่อยน่ะ... งานง่ายๆ พี่น่าจะถนัด” เจินพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งอ้อนและเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกัน“ว่ามา งานอะไร?”เธอยิ้มมุมปาก ลดเสียงให้เบาลง ราวกับกลัวว่าความลับนี้จะเล็ดลอดไปถึงหูคนอื่น“ดักฉุดสาวคนนึง... เธออยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัย เดี๋ยวฉันส่งรายละเอียดให้”“แล้วต้องถึงขั้นไหน?” ตั้มถามอย่างไม่ใส่ใจ“ตามใจพี่เลย... จะทำยังไงก็ได้ ขอแค่ให้มันเรียบร้อย” เจินพูด พลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างสบายใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น เชษขับรถมาส่งเจนที่หน้าตึกไม่ไกลจากคณะบัญชี ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ มือหนาของเขาก็คว้าข้อมือเธอเอาไว้“ระวังไอ้เจษด้วย” เขาเตือนเสียงจริงจัง“รู้แล้วน่า” เจนตอบพร้อมย่นจมูกใส่เขาเล็กน้อย ท่าทีขี้เล่นของเธอทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้“เลิกเรียนแล้ว เดี๋ยวฉันมารับ” เชษพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่ม“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันกลับเอง” เจนส่ายหน้า แต่สายตาของเขาที่มองมา ทำให้เธอกลอกตาไปมาใช้ความคิดดวงตาคมจับจ้องเธอเขม็งจนเจนรู้สึกถึงแรงกดดัน เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนตัดสินใจยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็วเชษเบิกตากว้าง ราวกับไม่คาดคิดมาก่อน มือที่จับข้อมือเธอไว้เผลอคลายออกทันทีเจนยิ้มเล็กๆ รีบลงจากรถก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร“ไปก่อนนะ!” เธอหันมายิ้มหวาน พร้อมโบกมือให้เขา ก่อนจะรีบเดินเข้าตึกไปทันทีเชษนั่งนิ่งอยู่ในรถ ใบหน้ายังคงติดรอยยิ้ม มือหนายกขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ ก่อนจะหัวเราะในลำคอ“แสบไม่เบาเลยนะ เจน...”ขณะที่เจนกำลังเร่งเท้าจะเดินเข้าห้องเรียน แขนสองข้างของเธอก็ถูกสอดเข้ามาจับไว้โดยฟ้าและแจง“หยุดเลย! วันนี้ไม่ต้องเรียน!” ฟ้าพูดเสียงเข้ม“ใช่ๆ วันนี้แกต้องโดนสอบสวน
แสงแดดยามสายส่องเข้ามาภายในห้อง ทะลุผ่านม่านสีอ่อนที่ปลิวไหวไปตามสายลมอ่อนๆ แสงนั้นตกกระทบใบหน้าของเจนที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่เธอขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ด้วยความง่วงงุน ดวงตากลมโตกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่แยงเข้ามาแต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของใครบางคนอยู่ใกล้จนแทบจะชนกัน“เชษ!” เธอร้องเสียงหลง รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีคนที่ถูกเรียกชื่อขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาคมปรือขึ้นมามองเธอด้วยแววตากึ่งง่วงกึ่งขำ“เสียงดังแต่เช้าเลยนะ...”“ทำไม?...นาย??” เจนยกมือกุมหัวเมื่อรู้สึกยังมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืนเธอก้มลงมองตัวเอง ก่อนจะร้องเสียงหลงอีกครั้ง“เฮ้ย! แล้วทำไม!!”สายตาของเธอหยุดที่เนินอกของตัวเองซึ่งเต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำๆ ชัดเจนที่สำคัญเธอ โป๊!!!“ฮื้อ...เธอไม่ง่วงรึไง” เชษพึมพำเสียงต่ำ ก่อนจะใช้มือหนาดึงร่างของเธอให้ล้มลงนอนอีกครั้ง แล้วรวบร่างเธอเข้ามากอดแนบอก“นี่นาย! ตอบฉันก่อนดิ!” เจนดิ้นขลุกขลัก พยายามผละตัวออกจากอ้อมแขนเขา“เธอนั่นล่ะ ทำไมดื่มแอลกอฮอล์?” เชษพูดเสียงเข้ม ดวงตาคมมองเธออย่างคาดคั้น“ฉัน... ก็...แค่สปาย...” เจนพูดตะกุกตะกัก พ
ในร้านพิซซ่า พวกเจนกำลังฉลองวันเกิดให้เจินกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของเพื่อนในคณะเกือบสิบคนเจษที่นั่งข้างเจนดูแลเธออย่างเอาใจใส่ เขาคอยบริการตักพิซซ่าและอาหารอื่นๆ ให้เธอตลอด“เจน ลองสปายหน่อยมั้ย?” เจษพูดพร้อมยื่นแก้วสปายไวน์คูลเลอร์สีสวยให้เจน“ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์น่ะ” เจนส่ายหน้าพลางปฏิเสธ“นี่สปายไหมไทย เป็นค็อกเทลผลไม้ ไม่แรงหรอก ฉันว่าเธอน่าจะดื่มได้ ลองดิ” เจษบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ พร้อมยิ้มกริ่มเจนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะรับแก้วมาจากเจษ“อะ...อืม ก็ได้”เมื่อจิบเข้าไป เจนย่นคิ้วเล็กน้อย“อืม...กลิ่นแรงจัง แต่ก็อร่อยดีนะ” เธอพูดหลังจากรับรู้รสชาติฝาดๆ แต่มีความหวานเปรี้ยวแบบผลไม้“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้ว” เจษยิ้มกว้างอย่างพอใจในขณะที่เจษกำลังเอาใจใส่เจน เจินที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน เธอจิบสปายที่อยู่ในแก้วของตัวเองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเจษสนใจแต่เจน เจินเริ่มซดสปายขวดแล้วขวดเล่าโดยไม่หยุด จนไม่นานนัก เธอก็เริ่มมีอาการมึนเล็กน้อย ใบหน้าแดงเรื่อ และดูเหมือนเธอจะเริ่มหมดความอดทนกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าขณะเดียวกัน ฟ้าแ
ที่โต๊ะประจำของกลุ่มเจน บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เจนนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อป กำลังพิมพ์ข้อมูลลงในรายงานการตลาดที่ต้องพรีเซนต์ในสัปดาห์นี้ ฟ้ากับแจงช่วยกันยื่นเอกสารต่างๆ ที่มีข้อมูลเพิ่มเติมให้เธอบันทึกอย่างขะมักเขม้นไม่นานนัก สมาชิกอีกส่วนของกลุ่มอย่างเจษ โต๊ด เจิน และมิ้ม ก็เดินตรงเข้ามาที่โต๊ะพร้อมเอกสารในมือ“ฉันเอาข้อมูลมาเพิ่มให้” เจินพูดพลางวางเอกสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ในการนำเสนอ“ชาเย็นไข่มุกของเธอ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ พลางวางแก้วเครื่องดื่มลงตรงหน้าเจน ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เธอโดยไม่สนใจสายตาแซวๆ ของเพื่อนร่วมโต๊ะที่มองมาด้วยความรู้ทัน“ขอบใจนะ” เจนยิ้มบาง พลางหยิบแก้วชาขึ้นมาดูดอึกใหญ่ แล้ววางลง ก่อนจะหันกลับไปพิมพ์งานต่อ“อะไรเนี่ย! มีแค่ของเจนคนเดียวเนี่ยนะ?” ฟ้ากับแจงโวยวายขึ้นพร้อมกัน สีหน้าผสมทั้งความไม่พอใจและแอบแซว“ใจเย็น ของพวกเธอก็มี อะนี่” โต๊ดหัวเราะขำ พลางวางแก้วชาเย็นลงตรงหน้าสองสาวขี้โวยวาย“นี่สิถึงจะถูก!” ฟ้าพูดพร้อมหยิบแก้วของตัวเองมาดูดอย่างพอใจ ส่วนแจงก็ยิ้มรับพลางแอบเหล่เจนกับเจษที่ดูจะนั่งใกล้กันเกินไปหน่อย“ว่าแต่ เห็นประกาศกิจกร