กว่าที่เชษจะยอมให้เจนออกจากคอนโดได้ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยง เพราะไม่ว่าเธอจะแต่งตัวยังไง เขาก็หาข้อตำหนิได้ตลอด
เสื้อกล้ามแบบสปอร์ตเกิร์ลที่เธอใส่ตอนแรก ถูกเขาส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“เปิดไปทั้งตัวแบบนี้ เธอจะออกไปเดินหรือแจกเบอร์ให้คนทั้งถนน?”
เมื่อเธอเปลี่ยนมาใส่เสื้อที่ปิดมิดชิดด้านหน้า แต่ด้านหลังกลับผ่าลึกตั้งแต่ต้นคอถึงเอว เชษก็ทำหน้าไม่พอใจอีก
“ใครคิดล่ะ เสื้อแบบนี้...เธออยากโชว์รอยที่ฉันดูดให้คนอื่นดูรึไง?”
“ไอ้บ้านี่! ใครให้นายทำจนเป็นรอยแดงกันล่ะ” เจนค้อนควับใส่เขา พลางเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
สุดท้าย หลังจากเถียงกันอยู่นาน เขาก็หยิบเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์จากตู้เสื้อผ้าให้เธอใส่ พร้อมกับบังคับให้เธอใส่คู่กับกางเกงขาสั้น
“โอเค แบบนี้ไม่โป๊ละ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ขณะมองเธอที่ยืนทำหน้ามุ่ย
แต่ถึงจะเป็นเสื้อโอเวอร์ไซส์ ตอนนี้มันกลับดูเหมือนเสื้อพอดีตัว เพราะหน้าอกของเธอที่ใหญ่จนทำให้เนื้อผ้าตึง
“แค่นี้ก็ยังจะเด่น...” เขาพึมพำเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจคว้าเสื้อคลุมของตัวเองมาคลุมให้เธอทับอีกชั้น
เจนมองเขาอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“นี่นาย ไหนบอกหิวไง?”
เชษยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เมื่อเห็นเธออยู่ในชุดที่เขาเลือกเอง
“ก็นี่ไง ชุดนี้โอเคละ”
เจนได้แต่บ่นพึมพำตามนิสัย พลางเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง ก่อนจะเผลอเหลือบมองเชษที่ยืนอยู่ไม่ไกล
เสื้อยืดธรรมดาของพี่ชายที่เธอหยิบออกมาจากตู้เสื้อผ้า ดูไม่มีอะไรพิเศษและไม่ได้แพงมาก แต่พออยู่บนตัวเขากลับดูราวกับเป็นเสื้อแบรนด์หรูราคาแพงเสียอย่างนั้น
เธอมองเขาอย่างเผลอใจ ใบหน้าหล่อเหลาที่มาพร้อมกับท่าทางมั่นใจ และบุคลิกที่ดูดีในทุกมุม ทำให้เธอต้องยอมรับในใจอย่างเสียไม่ได้—ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหน ก็คงหลงเสน่ห์ของเขาไม่ยาก
คำพูดที่เขาเคยพูดไว้ลอยๆ ยังวนเวียนในความคิดของเธอ
‘ผู้หญิงเป็นคนเข้าหาฉันเอง จะให้ฉันปฏิเสธก็ดูใจร้ายไปหน่อยมั้ย?’
เจนเม้มปากแน่น พยายามดึงตัวเองกลับมาจากความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่น พลางกระชับกระเป๋าในมือแน่นแล้วเดินตรงไปที่ประตู
“พร้อมแล้ว ไปดิ” เธอเอ่ยเสียงขุ่นกลบเกลื่อนความเขิน ก่อนจะเปิดประตูออกไป โดยมีเชษเดินตามมาติดๆ พร้อมรอยยิ้มบางที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
ร้านที่เชษพาเจนมาอยู่ในมุมสงบของเมือง โดดเด่นด้วยอาคารกระจกทรงโมเดิร์นที่ตั้งอยู่กลางสวนสีเขียว ต้นไม้สูงใหญ่รายล้อมทั่วบริเวณ สร้างร่มเงาที่เย็นสบาย ทางเดินหินอ่อนนำเข้าสู่ร้านประดับด้วยแสงไฟสีส้มอบอุ่น ขณะเดินเข้าไปด้วยกัน เสียงบ่นพึมพำของเจนก็ยังดังไม่หยุด
“จะกินข้าวแค่มื้อเดียว ทำไมต้องขับรถมาไกลขนาดนี้? แถวคอนโดก็มีร้านดีๆ เยอะแยะ”
เชษยักไหล่ ทำหน้าสบายๆ
“เธอกินแต่ร้านใกล้คอนโดตลอด ไม่เบื่อมั่งรึไง? เปลี่ยนบรรยากาศบ้างสิ”
“นายตั้งใจใช้ฉันเป็นข้ออ้างล่ะสิ?” เจนสวนทันที
เชษหัวเราะเบาๆ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
“เปล่าซะหน่อย”
“น่าหมั่นไส้จริงๆ!” เจนพึมพำพร้อมกอดอกแน่น เดินตามเขาเข้าไปด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดใจ
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้าน กลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้สดก็ลอยอบอวล พื้นไม้ขัดมันสะท้อนแสงไฟจากโคมดีไซน์เก๋บนเพดาน ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสที่เปิดมุมมองให้เห็นสวนด้านนอก โต๊ะไม้เนื้อดีจัดวางอย่างลงตัว ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้เล็กๆ แต่ละโต๊ะมีระยะห่างที่พอเหมาะ สร้างความรู้สึกเป็นส่วนตัว
บรรยากาศภายในร้านเงียบสงบ มีเสียงเพลงแจ๊สเบาๆ คลออยู่ในพื้นหลัง เสริมความผ่อนคลายจนแทบลืมความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
เจนที่กำลังทำหน้าหงุดหงิด พอเดินเข้ามากลับหยุดชะงักไปชั่วครู่ ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ อย่างประทับใจโดยไม่รู้ตัว
“ร้านนี้... สวยดีนะ” เธอหลุดปากพูดออกมา พลางมองกระจกที่สะท้อนสวนด้านนอก
เชษยิ้มมุมปาก “หยุดบ่นแล้วเหรอ?”
เจนสะบัดหน้ากลับมามองเขา ยังคงพยายามรักษาท่าที
“ก็แค่ร้านสวยเท่านั้นล่ะ”
พนักงานพาทั้งคู่ไปยังโต๊ะริมกระจกใสที่มองเห็นสวนด้านนอกได้อย่างเต็มตา เจนหย่อนตัวลงนั่งอย่างเงียบๆ พลางกวาดตามองไปรอบๆ
“เอาล่ะ... ถือว่านายเลือกมาถูกใจฉันก็แล้วกัน” เธอพูดเบาๆ
เชษยักไหล่
“งั้นก็ดี ถือเป็นรางวัลสำหรับฉัน ที่ทนฟังเธอบ่นมาตลอดทางละกัน” พูดจบเขาก็ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอ
เจนถลึงตาใส่ แต่ก็หยิบเมนูขึ้นมาเปิดอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเมนูของร้านเต็มไปด้วยอาหารฟิวชั่นที่มีทั้งความแปลกใหม่และน่าสนใจ ตั้งแต่ ‘พาสต้าเส้นหมึกดำผัดซอสซีฟู้ด’ ไปจนถึง ‘ข้าวอบใบเตยกับไก่ย่างซอสสะเต๊ะ’
“ฉันเอาพาสต้าเส้นหมึกดำผัดซอสซีฟู้ด” เจนบอกพนักงานก่อนจะวางเมนูลง
“ข้าวอบใบเตยกับไก่ย่างซอสสะเต๊ะ กับน้ำมะนาวโซดา” เชษสั่งตาม
“ของฉันขอเป็นน้ำผึ้งมะนาวโซดาค่ะ” เจนกลอกตาก่อนจะสั่ง พนักงานพยักหน้าและเดินจากไป
บรรยากาศระหว่างรออาหารเงียบลงเล็กน้อย แต่เสียงเพลงแจ๊สเบาๆ และแสงไฟอบอุ่นในร้านกลับทำให้ความเงียบนี้ไม่อึดอัดนัก
“เธอชอบบรรยากาศแบบนี้เหรอ?” เชษถามขึ้น
เจนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบเสียงเบา
“ก็...ไม่เลว”
“งั้นวันหลังฉันพาเธอไปที่อื่นดีมั้ย?” เชษพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“คิดดูก่อนละกัน” เจนตอบพร้อมกลอกตา แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มเล็กน้อย
ไม่นานนัก อาหารที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ กลิ่นหอมของซอสซีฟู้ดและไก่ย่างลอยมาจนทำให้ท้องร้อง
“ของเธอดูน่ากินดีนะ” เชษพูดพลางมองพาสต้าในจานของเจน
“ไม่ต้องเลย นายกินของนายไปสิ” เจนพูดพร้อมยกส้อมขึ้นชี้หน้าเขา ก่อนจะลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า
“ปกติเสาร์-อาทิตย์ เธอทำไร?” เชษชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามเจน ขณะที่เธอกำลังม้วนพาสต้าเข้าปาก
“ซ้อมมวย” เธอตอบเรียบๆ ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
“ห๊ะ? ซ้อมมวย?” เชษเลิกคิ้ว ดวงตาฉายแววประหลาดใจ
“ทำไมไม่ทำอะไรอย่างที่คนอื่นเขาทำกันบ้างล่ะ?”
เจนวางส้อมลงเล็กน้อยก่อนเอียงคอ ดวงตากลมโตมองเขาอย่างสงสัย
“แล้วมันคือแบบไหนอะ?”
เชษถึงกับไปไม่เป็น เพราะผู้หญิงที่เขาเคยเจอส่วนใหญ่ ถ้าไม่ชวนเขาไปช้อปปิ้ง ก็มักจะลากเขาไปดูหนัง กินข้าว หรือฟังเพลง
“ก็...” เชษพยายามนึก
“ไปช้อปปิ้ง ดูหนัง เที่ยว เล่นอะไรพวกนี้น่ะ”
“หืม...” เจนทำเสียงในลำคอ ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อยเหมือนกำลังขำ
“พวกนั้นส่วนมาก ถ้าฉันไม่ได้โดดเรียน ฉันก็ไปหลังเลิกเรียนอะ”
เธอยิ้มมุมปากอย่างขบขัน เมื่อนึกถึงบรรดาเพื่อนๆ ที่มักชวนเธอโดดเรียนไปเที่ยว
“เธอนี่ไม่เหมือนใครจริงๆ ...” เขาพึมพำเบาๆ พลางยกยิ้มมุมปากบางๆ
“แล้วนายล่ะ พาผู้หญิงมาที่นี่กี่คนแล้ว?” เจนถามขึ้นลอยๆ
เชษชะงักเล็กน้อย ก่อนยิ้มมุมปาก
“ทำไม? อยากรู้เหรอว่า ฉันพาใครมาบ้าง?”
“เปล่า... แค่คิดว่ามันดูเป็นสไตล์นายดี” เจนพูดพลางมองเขาด้วยสายตานิ่งๆ
“เธอคนแรก” เชษตอบเรียบๆ
“เหอะ! ฉันไม่เชื่อหรอก” เจนสวนทันที น้ำเสียงฟังชัดว่าไม่ยอมเชื่อง่ายๆ
เชษยักไหล่ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าไม่เชื่อ ก็ถามพนักงานสิ ว่าฉันเคยมาที่นี่กับใครรึเปล่า”
เจนชะงัก เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะม้วนพาสต้าในจานต่ออย่างไม่ใส่ใจ
“ช่างเถอะ ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น”
แต่ถึงปากจะพูดอย่างนั้น มุมปากของเธอกลับยกยิ้มน้อยๆ อย่างไม่รู้ตัว ท่าทีเล็กน้อยแค่นั้น ไม่รอดสายตาคมของเชษ เขามองเธออย่างพอใจ รอยยิ้มมุมปากของเขาบ่งบอกชัดว่า เขาดูออกว่าเจนกำลังแอบหึง
“ยิ้มอะไร?” เจนถามเสียงห้วน
“เปล่า แค่รู้สึกว่าเธอน่ารักดี” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
เจนถึงกับกลอกตา พลางบ่นพึมพำเบาๆ
“น่าหมั่นไส้จริงๆ!”
หลังจากทานข้าวเสร็จ เชษขับรถพาเจนมายังร้านเครปเย็นที่ตั้งอยู่ริมสวนสาธารณะเล็กๆ ใจกลางเมือง ร้านนี้เป็นร้านขนมชื่อดังที่คนในละแวกนั้น มักแวะเวียนมานั่งชิลกันในช่วงเย็น
ตัวร้านเป็นบูธเล็กๆ ตกแต่งด้วยสีขาวและน้ำตาลอ่อน ให้ความรู้สึกอบอุ่น มีเคาน์เตอร์กระจกที่จัดวางวัตถุดิบสดใหม่อย่างผลไม้หลากสี ครีมสด และช็อกโกแลตละลายที่หอมหวานจนชวนให้น้ำลายสอ
รอบๆ ร้านมีโต๊ะเล็กๆ จัดไว้ใต้ร่มไม้ใหญ่ เสริมด้วยแสงไฟประดับดวงเล็กที่ส่องสว่างอย่างนุ่มนวล บรรยากาศเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ เสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่เล่นกันในสวนสาธารณะใกล้เคียง ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้กับช่วงเวลานี้
“นายพามาร้านนี้ทำไม?” เจนถามขณะก้าวลงจากรถ มองร้านเล็กๆ ด้วยความสงสัย
“พาเธอมากินของหวานไง” เชษตอบเรียบๆ พร้อมเดินนำไปยังร้าน
“ไม่ถามก่อนเหรอว่า ฉันชอบรึเปล่า?”
เชษหันมามองพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ถ้าเธอไม่ชอบ เดี๋ยวฉันกินเอง”
เจนส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ
“นายนี่...ดูมั่นใจ มั่นหน้าเกินไปนะ”
เชษและเจนนั่งเคียงข้างกันที่โต๊ะเล็กใต้ต้นไม้ เจนเปิดเมนูในมืออย่างลังเล ก่อนเลือกเครปเย็นสอดไส้กล้วย ช็อกโกแลต และวิปครีม ส่วนเชษสั่งเครปไส้สตรอว์เบอร์รี ครีมสด และซอสบลูเบอร์รี
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันกินเครปเย็นแบบนี้เลยนะ” เจนพูดขณะใช้ส้อมตัดเครปคำแรก
“จริงเหรอ? ฉันนึกว่าเธอเคยกินแล้วซะอีก” เชษพูดขณะกัดเครปของตัวเอง
“ฉันไม่ค่อยกินของหวานเท่าไหร่” เจนยิ้มเล็กน้อย ขณะตักเครปเข้าปาก
“ถึงเธอไม่กินของหวาน ตัวเธอก็หวานอยู่ละ” เชษพูดขึ้น พร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์ จนเจนต้องเหลือบตามอง
ยังไม่ทันที่เธอจะโต้กลับ เชษก็ยื่นมือมารั้งท้ายทอยของเจนเบาๆ ดึงตัวเธอเข้ามาใกล้จนดวงตากลมโตเบิกกว้าง
“นี่นายจะ—” คำพูดยังไม่ทันหลุดจากปาก ริมฝีปากของเชษก็ประกบลงบนปากบางของเธอทันที
จูบร้อนแรงแต่แฝงความหวาน เขาสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กของเธอ ลิ้มรสเครปเย็นที่ยังหลงเหลืออยู่ในปากของเธออย่างเชื่องช้า เจนได้แต่หลับตาแน่น พยายามตั้งสติ แต่หัวใจกลับเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก
“อื้ม...หวานกว่าเครปอีก” เชษพูดพลางยิ้มมุมปาก เมื่อถอนจูบออก ใบหน้าของเขายังคงใกล้เธอจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ
เจนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ใบหน้าแดงจัด เธอใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบไหล่เขาไม่ยั้ง
“เชษ! นายมันบ้า!”
เชษหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ มือหนายกขึ้นลูบต้นคอเบาๆ พร้อมมองใบหน้าแดงระเรื่อของเธอ
“ก็เธอไม่กินของหวานนี่”
“ไอ้คนเจ้าเล่ห์!” เจนพูดเสียงขุ่น แต่กลับยิ่งทำให้เชษยิ้มกว้างกว่าเดิม
หลังจากที่เชษและเจนทานเครปกันเสร็จ เชษก็หันมามองเจนที่กำลังหยิบทิชชูเช็ดมือ“ไหนๆ ก็มาที่นี่แล้ว เดินเล่นกันหน่อยสิ” เขาพูดพลางพยักเพยิดไปทางสวนสาธารณะข้างร้านเจนเลิกคิ้วเล็กน้อย“เดินเล่น? ฉันไม่ค่อยเดินเล่นในสวนหรอกนะ”“เธอไม่เคยลองต่างหาก” เชษตอบยิ้มๆ ก่อนลุกขึ้นยืน“ไปดิ เดี๋ยวฉันเดินเป็นเพื่อน”เจนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นเดินตามเขาไปสวนสาธารณะเงียบสงบในยามเย็น ทางเดินปูด้วยอิฐสีแดงทอดยาวไปท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา แสงไฟสีอบอุ่นจากเสาไฟข้างทางส่องแสงเรืองรอง ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายรอบๆ มีผู้คนเดินเล่นบ้างประปราย เสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่เล่นกันอยู่ในสนามใกล้ๆ และเสียงนกร้องจากกิ่งไม้เสริมให้สถานที่นี้ดูมีชีวิตชีวา“ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นคนชอบเดินเล่นในสวนแบบนี้” เจนพูดขณะกอดอก เดินเคียงข้างเขา“ฉันก็ไม่ได้เดินเล่นบ่อยหรอก แต่บางทีการได้อยู่ในที่เงียบๆ ก็ช่วยให้สมองโล่งขึ้น” เชษตอบพลางเหลือบมองเธอ“แล้วเธอล่ะ ทำไมไม่เคยมาเดินเล่น?”“ไม่รู้สิ ฉันไม่ชอบเดินแบบนี้ล่ะมั้ง”“แต่ตอนนี้เธอก็กำลังทำอยู่นะ” เชษพูดพลางยิ้มมุมปากเจนหันมาถลึงตาใส่ “ก็เพราะน
เจนทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ความอ่อนเพลียจากเมื่อคืน แถมวันนี้ยังออกไปข้างนอกกับเชษอีก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนร่างกายพักผ่อนไม่พอ ขณะที่เธอกำลังเคลิ้มหลับ โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวก็ดังขึ้น“ฮัลโหล...” เจนควานหาโทรศัพท์มารับสายด้วยน้ำเสียงอู้อี้“เจน! แกหายไปไหนมาทั้งวันยะ! ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ!” เสียงฟ้าดังลั่นจากปลายสาย ทำให้เจนต้องยกโทรศัพท์ออกห่างหู“โอย... วันนี้ไม่มีเรียน ฉันก็ออกไปเที่ยวมั่งไรมั่งดิ” เจนตอบพลางขยี้ตา“อย่ามาขี้โม้ แกไปกับเชษมาใช่มั้ย?” ฟ้าถามเสียงคาดคั้น“ห๊ะ...กะ...แกเอาไรมาพูดเนี่ย” เจนลืมตาโตขึ้นทันที“หึ แกไปกับเชษมาจริงด้วย” ฟ้าทำเสียงขึ้นจมูกเหมือนจับผิดได้“อะ..อะไรของแก” เจนรีบปฏิเสธแต่เสียงติดขัดจนฟ้ายิ่งมั่นใจ“อยากรู้แกก็เข้าไปดูโพสในกลุ่มวิศวะดิ เขาเห็นกันหมดแล้ว” ฟ้าหัวเราะลั่นก่อนวางสายไปเจนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย รีบเปิดโทรศัพท์เข้าไปดูโพสของกลุ่มนักศึกษาคณะวิศวะโพสต์หนึ่งถูกปักหมุดด้วยจำนวนไลค์และคอมเมนต์ที่พุ่งสูงขึ้น“เชษ...กับเนื้อคู่ สาวบัญชี?”ใต้โพสต์มีภาพที่แอบถ่ายเชษและเจนขณะนั่งคุยกันที่ร้านเครปเย็น เชษกำลังยื่นหน้าเข้าใกล้เจนพร้อม
ที่โต๊ะประจำของกลุ่มเจน บรรยากาศเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เจนนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อป กำลังพิมพ์ข้อมูลลงในรายงานการตลาดที่ต้องพรีเซนต์ในสัปดาห์นี้ ฟ้ากับแจงช่วยกันยื่นเอกสารต่างๆ ที่มีข้อมูลเพิ่มเติมให้เธอบันทึกอย่างขะมักเขม้นไม่นานนัก สมาชิกอีกส่วนของกลุ่มอย่างเจษ โต๊ด เจิน และมิ้ม ก็เดินตรงเข้ามาที่โต๊ะพร้อมเอกสารในมือ“ฉันเอาข้อมูลมาเพิ่มให้” เจินพูดพลางวางเอกสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ในการนำเสนอ“ชาเย็นไข่มุกของเธอ” เจษเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ พลางวางแก้วเครื่องดื่มลงตรงหน้าเจน ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เธอโดยไม่สนใจสายตาแซวๆ ของเพื่อนร่วมโต๊ะที่มองมาด้วยความรู้ทัน“ขอบใจนะ” เจนยิ้มบาง พลางหยิบแก้วชาขึ้นมาดูดอึกใหญ่ แล้ววางลง ก่อนจะหันกลับไปพิมพ์งานต่อ“อะไรเนี่ย! มีแค่ของเจนคนเดียวเนี่ยนะ?” ฟ้ากับแจงโวยวายขึ้นพร้อมกัน สีหน้าผสมทั้งความไม่พอใจและแอบแซว“ใจเย็น ของพวกเธอก็มี อะนี่” โต๊ดหัวเราะขำ พลางวางแก้วชาเย็นลงตรงหน้าสองสาวขี้โวยวาย“นี่สิถึงจะถูก!” ฟ้าพูดพร้อมหยิบแก้วของตัวเองมาดูดอย่างพอใจ ส่วนแจงก็ยิ้มรับพลางแอบเหล่เจนกับเจษที่ดูจะนั่งใกล้กันเกินไปหน่อย“ว่าแต่ เห็นประกาศกิจกร
ในร้านพิซซ่า พวกเจนกำลังฉลองวันเกิดให้เจินกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของเพื่อนในคณะเกือบสิบคนเจษที่นั่งข้างเจนดูแลเธออย่างเอาใจใส่ เขาคอยบริการตักพิซซ่าและอาหารอื่นๆ ให้เธอตลอด“เจน ลองสปายหน่อยมั้ย?” เจษพูดพร้อมยื่นแก้วสปายไวน์คูลเลอร์สีสวยให้เจน“ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์น่ะ” เจนส่ายหน้าพลางปฏิเสธ“นี่สปายไหมไทย เป็นค็อกเทลผลไม้ ไม่แรงหรอก ฉันว่าเธอน่าจะดื่มได้ ลองดิ” เจษบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ พร้อมยิ้มกริ่มเจนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะรับแก้วมาจากเจษ“อะ...อืม ก็ได้”เมื่อจิบเข้าไป เจนย่นคิ้วเล็กน้อย“อืม...กลิ่นแรงจัง แต่ก็อร่อยดีนะ” เธอพูดหลังจากรับรู้รสชาติฝาดๆ แต่มีความหวานเปรี้ยวแบบผลไม้“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้ว” เจษยิ้มกว้างอย่างพอใจในขณะที่เจษกำลังเอาใจใส่เจน เจินที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน เธอจิบสปายที่อยู่ในแก้วของตัวเองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นเจษสนใจแต่เจน เจินเริ่มซดสปายขวดแล้วขวดเล่าโดยไม่หยุด จนไม่นานนัก เธอก็เริ่มมีอาการมึนเล็กน้อย ใบหน้าแดงเรื่อ และดูเหมือนเธอจะเริ่มหมดความอดทนกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าขณะเดียวกัน ฟ้าแ
แสงแดดยามสายส่องเข้ามาภายในห้อง ทะลุผ่านม่านสีอ่อนที่ปลิวไหวไปตามสายลมอ่อนๆ แสงนั้นตกกระทบใบหน้าของเจนที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่เธอขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ด้วยความง่วงงุน ดวงตากลมโตกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่แยงเข้ามาแต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของใครบางคนอยู่ใกล้จนแทบจะชนกัน“เชษ!” เธอร้องเสียงหลง รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีคนที่ถูกเรียกชื่อขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาคมปรือขึ้นมามองเธอด้วยแววตากึ่งง่วงกึ่งขำ“เสียงดังแต่เช้าเลยนะ...”“ทำไม?...นาย??” เจนยกมือกุมหัวเมื่อรู้สึกยังมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืนเธอก้มลงมองตัวเอง ก่อนจะร้องเสียงหลงอีกครั้ง“เฮ้ย! แล้วทำไม!!”สายตาของเธอหยุดที่เนินอกของตัวเองซึ่งเต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำๆ ชัดเจนที่สำคัญเธอ โป๊!!!“ฮื้อ...เธอไม่ง่วงรึไง” เชษพึมพำเสียงต่ำ ก่อนจะใช้มือหนาดึงร่างของเธอให้ล้มลงนอนอีกครั้ง แล้วรวบร่างเธอเข้ามากอดแนบอก“นี่นาย! ตอบฉันก่อนดิ!” เจนดิ้นขลุกขลัก พยายามผละตัวออกจากอ้อมแขนเขา“เธอนั่นล่ะ ทำไมดื่มแอลกอฮอล์?” เชษพูดเสียงเข้ม ดวงตาคมมองเธออย่างคาดคั้น“ฉัน... ก็...แค่สปาย...” เจนพูดตะกุกตะกัก พ
เช้าวันรุ่งขึ้น เชษขับรถมาส่งเจนที่หน้าตึกไม่ไกลจากคณะบัญชี ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ มือหนาของเขาก็คว้าข้อมือเธอเอาไว้“ระวังไอ้เจษด้วย” เขาเตือนเสียงจริงจัง“รู้แล้วน่า” เจนตอบพร้อมย่นจมูกใส่เขาเล็กน้อย ท่าทีขี้เล่นของเธอทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้“เลิกเรียนแล้ว เดี๋ยวฉันมารับ” เชษพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่ม“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันกลับเอง” เจนส่ายหน้า แต่สายตาของเขาที่มองมา ทำให้เธอกลอกตาไปมาใช้ความคิดดวงตาคมจับจ้องเธอเขม็งจนเจนรู้สึกถึงแรงกดดัน เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนตัดสินใจยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็วเชษเบิกตากว้าง ราวกับไม่คาดคิดมาก่อน มือที่จับข้อมือเธอไว้เผลอคลายออกทันทีเจนยิ้มเล็กๆ รีบลงจากรถก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร“ไปก่อนนะ!” เธอหันมายิ้มหวาน พร้อมโบกมือให้เขา ก่อนจะรีบเดินเข้าตึกไปทันทีเชษนั่งนิ่งอยู่ในรถ ใบหน้ายังคงติดรอยยิ้ม มือหนายกขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ ก่อนจะหัวเราะในลำคอ“แสบไม่เบาเลยนะ เจน...”ขณะที่เจนกำลังเร่งเท้าจะเดินเข้าห้องเรียน แขนสองข้างของเธอก็ถูกสอดเข้ามาจับไว้โดยฟ้าและแจง“หยุดเลย! วันนี้ไม่ต้องเรียน!” ฟ้าพูดเสียงเข้ม“ใช่ๆ วันนี้แกต้องโดนสอบสวน
ภายในห้องนั่งเล่นของเจิน บรรยากาศเงียบสงัด แต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด เธอนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหรู มือเรียวกำโทรศัพท์ไว้แน่น ใบหน้าสวยที่มักแสดงความมั่นใจ ตอนนี้ฉายแววขุ่นเคืองทุกครั้งที่สายตาเลื่อนผ่านโพสต์ข่าวหรือรูปของเจนในกลุ่มต่างๆ“เจษต้องเป็นของฉัน...” เธอพึมพำเสียงแผ่ว ดวงตาวาวโรจน์ไปด้วยความริษยาเธอเริ่มครุ่นคิดหาวิธีที่จะจัดการเจน ใบหน้าแสดงความมุ่งมั่นราวกับกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง สุดท้าย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์โทรหาใครบางคนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“พี่ตั้ม ว่างปะ?” เสียงเธอเปลี่ยนเป็นหวานลื่นทันทีที่ปลายสายรับสาย“ว่าง มีอะไรเหรอ?” เสียงห้าวของชายอีกฝั่งดังขึ้น“ฉันอยากให้พี่ช่วยงานหน่อยน่ะ... งานง่ายๆ พี่น่าจะถนัด” เจินพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งอ้อนและเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกัน“ว่ามา งานอะไร?”เธอยิ้มมุมปาก ลดเสียงให้เบาลง ราวกับกลัวว่าความลับนี้จะเล็ดลอดไปถึงหูคนอื่น“ดักฉุดสาวคนนึง... เธออยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัย เดี๋ยวฉันส่งรายละเอียดให้”“แล้วต้องถึงขั้นไหน?” ตั้มถามอย่างไม่ใส่ใจ“ตามใจพี่เลย... จะทำยังไงก็ได้ ขอแค่ให้มันเรียบร้อย” เจินพูด พลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างสบายใจ
เชษที่ยืนอึ้งอยู่กับภาพตรงหน้า เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ เขาลืมไปเสียสนิทว่า เจนเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวย ไอ้พวกนี้จะทำอะไรเธอได้ ดีแค่ไหนที่ไอ้พวกนี้ไม่ตายคาตีนเธอเขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาเธอ ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ากำปั้นเล็กๆ ของเธอเปื้อนเลือดจนแดงฉานเจนที่เพิ่งได้คำตอบว่าใครเป็นคนจ้างชายพวกนี้มา โยนร่างของชายที่คอเสื้อยังอยู่ในมือเธอลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี ก่อนจะหันมาเจอเชษยืนมองอยู่ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ“นะ...นะ...นายมาได้ไง” เธอพูดตะกุกตะกัก มองซ้ายขวาเลิกลั่กเชษอมยิ้มออกมาน้อยๆ ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเธอ แม้จะเพิ่งจัดการพวกชายฉกรรจ์จนปางตาย แต่สำหรับเขากลับดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ“เธอนี่นะ...” เชษพึมพำเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ ดึงร่างเล็กของเธอเข้ามากอดแน่น“หืม?” เจนเลิกคิ้วงุนงง แต่ไม่ได้ขัดขืน“ฉันเป็นห่วงแทบแย่” เชษพูดเสียงทุ้มเบาๆ ใกล้หูเธอเจนกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะพึมพำตอบเสียงอ่อน“อะ...โทษทีที่ทำให้เป็นห่วง”เชษไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ก้มมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มที่มีเสน่ห์จนเจนถึงกับเบลอไปชั่วขณะรู้ตัวอีกที ริมฝีปากร้อ
ขณะเดียวกัน เฟิร์นที่นั่งอยู่ในกลุ่มอีกฝั่ง เธอมองการแสดงทั้งหมดของเชษและเจนด้วยสายตาแข็งกร้าว มือบางกำแก้วน้ำกระดาษจนมันยับยู่ยี่ เสียงหัวเราะและเสียงแซวที่ดังรอบกองไฟยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าดวงตาคู่สวยของเธอฉายแววขุ่นมัว ริมฝีปากเม้มแน่น เฟิร์นพยายามกลบเกลื่อนอารมณ์ด้วยการก้มหน้ามองพื้น แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความคิดอาฆาต เธอไม่อาจทนเห็นภาพนั้นได้ เชษที่เคยเป็นของเธอ อยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่น“เธอไม่มีอะไรเหมาะสมกับเขาเลย” เฟิร์นพึมพำเบาๆ เสียงขมขื่นแต่แฝงด้วยความมุ่งมั่นในหัวของเธอเริ่มวางแผนบางอย่างขึ้นมาทันที‘ฉันจะไม่ยอมให้เขาหลุดมือไปง่าย’ เฟิร์นพูดกับตัวเองในใจ ก่อนจะจ้องมองไปที่เชษด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตั้งใจและแผนการหลังจบกิจกรรมรอบกองไฟ เจนกลับมาถึงบ้านพัก แต่ความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมทั้งวันกลับไม่ช่วยให้เธอหลับลงได้เลย เพื่อนสาวสองคนกลับหลับสนิท เสียงกรนดังสนั่นของทั้งคู่ ทำให้เธอตัดสินใจเดินออกมาสูดอากาศที่สนามหญ้าหน้ารีสอร์ทบรรยากาศยามค่ำคืนเงียบสงบ ลมเย็นพัดโชยอ่อนๆ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ เจนหยุดยืนมองด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ดวงตาคู่สวยจับจ้อ
ค่ำคืนแรก: บรรยากาศรอบกองไฟลานกว้างของค่ายถูกแต่งแต้มด้วยแสงจากกองไฟใหญ่ที่ลุกโชน นักศึกษานั่งล้อมวงกันอย่างเป็นระเบียบ เสียงหัวเราะและพูดคุยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและสนุกสนาน ขณะที่รุ่นพี่กำลังจัดเตรียมกิจกรรมเพื่อสร้างความสามัคคีในค่ำคืนนี้เจนเดินมาพร้อมฟ้าและแจงในลุคที่ดูสบายตาแต่แอบแฝงด้วยความเท่ปนหวาน เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนเล็กน้อย คู่กับกางเกงยีนส์ขาสั้นที่ดูทะมัดทะแมง รองเท้าผ้าใบสีขาวเรียบๆ เพิ่มความคล่องตัว แต่สิ่งที่ขับให้เธอดูโดดเด่นคือ ผ้าผูกผมลายตารางสีพาสเทลที่เธอใช้มัดผมเป็นหางม้า ทำให้ดูน่ารักแบบไม่ตั้งใจเชษที่นั่งอยู่ในวงนักศึกษาหนุ่มหันมองเจนทันทีที่เธอเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาคมของเขาเบิกขึ้นเล็กน้อย ราวกับโดนดึงดูดด้วยลุคที่แตกต่างจากปกติของเธอ เขาไม่เคยเห็นเธอแต่งตัวในสไตล์นี้มาก่อน“โคตรน่ารักเลย...” เชษพึมพำกับตัวเองเบาๆ จนโจ้ที่นั่งข้างๆ ได้ยินและแอบยิ้มขำ ก่อนกระแอมเบาๆ เรียกสติ“ไอ้เชษ มึงจะแดกเขาแล้วมั้ย?” โจ้แซวขำๆ“เสือกน่ะ!” เชษตวาดเบาๆ แต่ดวงตายังคงจับจ้องเจนไม่วางตาเจนนั่งลงข้างฟ้าและแจง เธอไขว่ห้างเอนตัวพิงเบาะอย่างสบายๆ มือเรียวยกแก้วน้ำขึ้นจิบ
ช่วงบ่ายในลานกิจกรรมของค่ายบรรยากาศเริ่มคึกคักอีกครั้งเมื่อรุ่นพี่ประกาศโจทย์กิจกรรมช่วงบ่าย “สร้างโมเดลนวัตกรรมเพื่อชุมชน” โดยแต่ละกลุ่มจะได้รับอุปกรณ์ที่จำกัดและต้องใช้ไอเดียสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกลุ่มของเชษและเจนได้รับอุปกรณ์มาในกล่องกระดาษใบใหญ่ ภายในประกอบด้วยไม้ไอติม เชือก ปืนกาว เทปกาว กระดาษแข็ง และวัสดุรีไซเคิลอื่นๆ“เราจะทำอะไรกันดี?” พลอย หนึ่งในสมาชิกกลุ่มคณะบริหารเอ่ยถาม พลางมองอุปกรณ์ในกล่อง“น่าจะเน้นอะไรที่ช่วยชุมชนได้นะ แบบใช้ง่ายและประหยัด” เมฆเสนอความคิดเห็นพลางเปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมาหาข้อมูลเชษที่นั่งเท้าแขนข้างเจน เหลือบมองเธอที่กำลังจดไอเดียลงสมุดเล็กๆ อย่างตั้งใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น“เธอล่ะ คิดอะไรอยู่?”เจนเงยหน้ามองเขา“ฉันคิดว่า เราน่าจะสร้างระบบกรองน้ำฝนง่ายๆ จากวัสดุรีไซเคิล เอาไว้แก้ปัญหาน้ำขังในบ้านเล็กๆ”เชษยิ้มบางๆ “ไม่เลวเลย แต่ต้องทำให้มันใช้งานง่ายจริงๆ”“งั้นเริ่มเลยมั้ย?” เมฆพูดอย่างกระตือรือร้นเริ่มต้นลงมือทำงานเจนและพลอยช่วยกันออกแบบโครงร่างของระบบกรองน้ำด้วยกระดาษแข็ง เชือก และถังน้ำเล็กๆ ที่มาจากวัสดุรีไซเคิล ขณะที่เชษและเมฆจัดการตัดและต่อไ
บรรยากาศเช้าวันเสาร์คึกคักเป็นพิเศษ นักศึกษาปี 3 จากคณะวิศวะ บัญชี และบริหารต่างทยอยมารวมตัวกันที่ลานกว้าง เสียงพูดคุยดังอื้ออึงไปทั่ว รถบัสสามคันที่จัดเตรียมไว้จอดเรียงราย รอรับนักศึกษาไปยังสถานที่จัดกิจกรรม“แกจะนั่งรถคันไหน?” แจงถามเจน ขณะลากกระเป๋าเดินทางใบเล็ก“ไม่รู้สิ เอาคันกลางละกัน” เจนตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก สายตากวาดมองไปรอบๆ ที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านฟ้าหันไปมองทางกลุ่มนักศึกษาคณะวิศวะที่กำลังเดินมาถึง เสียงเธออุทานเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น“นั่น!พวกวิศวะมาแล้ว เชษก็มาด้วย”เจนชะงักเล็กน้อย เธอรีบหลบตาทันทีเพื่อกลบเกลื่อน แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว“อย่าพูดถึงเขาตอนนี้ได้มั้ย” เจนบ่นเสียงต่ำ“แกพูดแบบนี้ แต่นายเชษนั่น กำลังเดินมาทางเราละ...” แจงกระซิบพร้อมรอยยิ้มขำๆ“พร้อมเพื่อนๆ เขาด้วย” ฟ้าเสริม พลางทำหน้ากรุ้มกริ่มเจนหันขวับไปมอง และแน่นอน เชษกำลังเดินตรงมาจริงๆ โดยมีโจ้และเฟย์ตามมาด้านหลังกลุ่มของเชษสะดุดตาทุกคนด้วยความหน้าตาดี โดยเฉพาะเชษที่แค่เดินมาก็เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากนักศึกษาสาวได้ตลอดทาง หน้าตาหล่อเหลา บุคลิกที่มีความมั่นใจของเขาทำให้ยิ่งดูโด
“เธอนอนห้องนี้” เชษพูดพลางพยักหน้าไปทางห้องนอนของแขกที่จัดเตรียมไว้ให้“อืม...ขอบคุณนะ” เจนตอบอย่างเกร็งๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องที่เขาจัดไว้ให้เมื่อประตูห้องปิดลง เชษมองตามอย่างพอใจ ก่อนหมุนตัวกลับไปอาบน้ำหลังอาบน้ำเสร็จ เชษยืนอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ ขยี้ผมเปียกเบาๆ พลางคิดแผนการเล็กๆ ที่เขาเตรียมไว้ในใจเขาเดินเข้าห้องครัว หยิบน้ำเย็นหนึ่งขวดและขนมเล็กๆ น้อยๆ ออกมา จากนั้นก็มุ่งหน้าไปเคาะประตูห้องนอนแขก“เอ่อ...นายมีอะไร?” เสียงของเจนดังขึ้นจากหลังประตู ก่อนที่มันจะเปิดออก เธอยืนอยู่ในชุดนอนหลวมๆ ที่หยิบติดตัวมาด้วย ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ ท่าทางเขินอายเล็กๆ ของเธอทำให้เชษยิ้มมุมปาก“แค่เอาน้ำกับขนมมาให้ เผื่อเธอหิวยามดึก” เขาส่งน้ำและขนมให้“ขอบใจ” เจนยื่นมือไปรับ แต่จังหวะที่เธอจะปิดประตู เชษกลับเอามือดันประตูไว้“ฉันว่า...” เชษลากเสียงนิดๆ ดวงตาคมจ้องมองเธอ“หืม?”“เธอไม่น่านอนได้หรอก ห้องนี้มันเงียบเกินไป” เชษพูดน้ำเสียงราบเรียบ แต่รอยยิ้มเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์“ห้องเงียบก็เหมาะกับการนอนนี่” เจนแย้ง แต่เสียงของเธอเริ่มไม่มั่นคง“ห้องฉันดีกว่า ลองมานอนสิ” เชษพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
หลังจากจบงานพรีเซนต์ เชษก็จำใจต้องกลับไปคอนโดของตัวเอง เพราะครบกำหนดเวลาตามที่เขาอ้างไว้แล้ว เขามีท่าทีอิดออดอย่างเห็นได้ชัด ขณะเก็บของออกจากห้องของเจน“เธอแน่ใจนะว่าไม่ให้ฉันอยู่ต่อ?” เชษถามเป็นครั้งที่สาม พร้อมหันมาส่งสายตาอ้อน“แน่สิ! นายอยู่จนฉันจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวแล้ว” เจนพูดเสียงแข็ง แต่กลับรู้สึกใจหวิวแปลกๆ“งั้นไปละนะ...” เชษพูดพลางลากเสียงยาว ก่อนเดินออกจากห้องไปเมื่อประตูปิดลง เจนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างหมดแรง มือบางคว้ามือถือขึ้นมาไถดูข่าวสารในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย“อื้ม...อาทิตย์หน้าต้องไปออกค่ายแล้วนี่นา หวังว่าคงไม่ซวยเกินไปนะ” เธอพึมพำเบาๆแต่หลังจากนอนนิ่งไปได้สักพัก ความเงียบในห้องก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ เจนเปิดโทรศัพท์ดูซีรีส์ที่ค้างไว้ แต่กลับไม่มีสมาธิดูเหมือนปกติ“พอหมอนั่นไม่อยู่...ห้องดูเงียบพิลึกแฮะ” เธอพูดเบาๆ พลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าไปมองเตียงที่เคยมีใครบางคนนอนอยู่ข้างๆ“...ทำไมต้องคิดถึงเขาด้วยเนี่ย” เจนเอ่ยกับตัวเอง ขณะที่มือยังถือรีโมตเลื่อนไปมาบนหน้าจอทีวีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตัดความเงียบในห้อง เจนหยิบขึ้นมาดูชื่อ
ไม่นานนัก ไนท์ผู้จัดการผับไนท์อาวน์ก็เดินมาเชิญทั้งสองคนให้ขึ้นไปที่ห้องด้านบนของผับเมื่อถึงเวลา เจินและเจษเดินเข้ามาในห้องพร้อมกัน ดวงตาของทั้งคู่สบกันด้วยความประหลาดใจ“เธอมาที่นี่ทำไม?” เจษถามเจินด้วยความงุนงง“ฉันควรถามนายมากกว่า ว่ามาทำไม” เจินแปลกใจเช่นกันยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้โต้เถียงกันต่อ ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของเชษที่ก้าวเข้ามา“โอ้...มาครบดีนี่” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาคมจ้องมองทั้งสองคน“เชษ?” เจษขมวดคิ้ว“นายต้องการอะไร?”เชษไม่ตอบ แต่โยนแฟ้มเอกสารสองแฟ้มลงบนโต๊ะ“นี่คือสิ่งที่พวกนายควรดู”เจษหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดอ่าน ภายในเต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเขากับเจิน การช่วยเหลือเจินในบางเรื่อง รวมถึงข้อความบางส่วนที่บ่งบอกว่าเขาเคยพยายามเข้าใกล้เจนด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์“นี่นายตามสืบฉันเหรอ?” เจษถามเสียงแข็ง ดวงตาเบิกกว้างด้านเจิน เมื่อเปิดแฟ้มของตัวเอง ภายในเอกสารมีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับการว่าจ้างพี่ตั้มให้ฉุดเจน ทั้งรายละเอียดการโอนเงิน และข้อความสนทนาที่เปิดเผยว่าเธอเป็นคนวางแผนทั้งหมดเจินหน้าซีดเผือด มือที่ถือแฟ้มสั่นเทา“นี่มัน...” เจินพึ
หลังจากเชษส่งทุกคนลงที่หน้ามหาวิทยาลัยเรียบร้อย เขาก็ขับรถพาเจนกลับมาที่คอนโดของเธอ บรรยากาศภายในรถเงียบงันตลอดทาง เชษไม่พูดอะไร ส่วนเจนก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในห้วงความคิด กำลังวางแผนว่าควรจะจัดการกับเจินอย่างไรดี ความอึมครึมระหว่างทั้งสองคนทำให้ทุกอย่างดูอึดอัดเมื่อมาถึงห้องพัก เชษไม่พูดอะไรสักคำ แต่เดินตรงเข้ามาช้อนตัวเจนขึ้นทันทีโดยไม่ทันให้ตั้งตัว“เฮ้ย!” เจนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รีบยกแขนโอบรอบคอเขาไว้ตามสัญชาตญาณเชษวางเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล“อยู่นิ่งๆ” เขาสั่งเสียงเรียบ“เอ่อ...” เจนอ้าปากจะพูด แต่เชษยกมือขึ้นปราม“นั่งเฉยๆ เถอะน่ะ” น้ำเสียงของเขาไม่เปิดโอกาสให้เธอเถียงไม่นาน เขาก็เดินกลับมาจากห้องน้ำพร้อมอ่างน้ำและผ้าขนหนูในมือ เขาวางอุปกรณ์ทั้งหมดลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ“นาย...”“เงียบเถอะ” เขาตอบสั้นๆ แต่หนักแน่น พลางหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำอย่างใจเย็น แล้วเริ่มเช็ดมือของเจนที่เต็มไปด้วยรอยช้ำและรอยเปื้อนจากการต่อสู้ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองไปยังรอยแผลเล็กๆ ที่มือบาง เขาขบกรามแน่น สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุดันอย่างเห็นได้ชัด“ใคร? มันเป็นใคร?” เชษถามเสียงต่ำ ดวงตาวาว
เชษที่ยืนอึ้งอยู่กับภาพตรงหน้า เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ เขาลืมไปเสียสนิทว่า เจนเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวย ไอ้พวกนี้จะทำอะไรเธอได้ ดีแค่ไหนที่ไอ้พวกนี้ไม่ตายคาตีนเธอเขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาเธอ ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ากำปั้นเล็กๆ ของเธอเปื้อนเลือดจนแดงฉานเจนที่เพิ่งได้คำตอบว่าใครเป็นคนจ้างชายพวกนี้มา โยนร่างของชายที่คอเสื้อยังอยู่ในมือเธอลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี ก่อนจะหันมาเจอเชษยืนมองอยู่ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ“นะ...นะ...นายมาได้ไง” เธอพูดตะกุกตะกัก มองซ้ายขวาเลิกลั่กเชษอมยิ้มออกมาน้อยๆ ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเธอ แม้จะเพิ่งจัดการพวกชายฉกรรจ์จนปางตาย แต่สำหรับเขากลับดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ“เธอนี่นะ...” เชษพึมพำเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ ดึงร่างเล็กของเธอเข้ามากอดแน่น“หืม?” เจนเลิกคิ้วงุนงง แต่ไม่ได้ขัดขืน“ฉันเป็นห่วงแทบแย่” เชษพูดเสียงทุ้มเบาๆ ใกล้หูเธอเจนกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะพึมพำตอบเสียงอ่อน“อะ...โทษทีที่ทำให้เป็นห่วง”เชษไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ก้มมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มที่มีเสน่ห์จนเจนถึงกับเบลอไปชั่วขณะรู้ตัวอีกที ริมฝีปากร้อ