เช้าวันถัดมา เชษได้รับสายจากเลขาของพ่อ แจ้งให้เขาเข้าพบที่บริษัทด่วน ทำให้เชษต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันหลังจากเชษขับรถไปส่งเจนที่มหาวิทยาลัย เขาก็จอดรถริมฟุตบาทตรงหน้าคณะของเธอ“เลิกเรียนแล้วไปงานบายเนียร์เลยใช่มั้ย?” เชษถามพลางเลื่อนมือไปปรับกระจกมองหลังเจนพยักหน้า “อื้อ แล้วนายไม่ยุ่งเหรอ?”“ฉันเคลียร์ได้อยู่แล้ว” เชษยิ้มมุมปาก ก่อนพูดต่อ“ฉันจะไปรับเธอที่งานเลยก็แล้วกัน”“นายจะมารับฉันที่งานเหรอ?” เจนเลิกคิ้ว“แล้วงานนาย?”“งานของฉันไม่สำคัญเท่าเธออยู่แล้ว” เชษตอบหน้าตาย แต่สายตาคมกริบที่สบมาทำให้เจนใจเต้นแรงจนต้องเบือนหน้าหนี“โอเคๆ แต่นายอย่าสายล่ะ ฉันไม่อยากเป็นคนสุดท้ายที่ต้องรอ” เจนพูดพลางเปิดประตูลงจากรถเชษหัวเราะเบาๆ“ไม่ต้องห่วง ฉันไปทันอยู่แล้ว”เจนโบกมือลา ก่อนเดินเข้าไปในคณะ ขณะที่เชษนั่งมองตามหลังเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจลึก แล้วหมุนพวงมาลัยขับรถออกไปยังบริษัทของพ่อแม้ว่าในหัวของเขาจะมีแต่เรื่องของเจน แต่เขาก็รู้ดีว่า งานนี้ที่พ่อเรียกพบต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอนภายในห้องทำงานของผู้บริหารใหญ่ของบริษัท SK Construction เชษเดินเข้ามาพร้อมท่าทีสบายๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าข
เวลาหนึ่งทุ่ม แสงไฟหลากสีจากโคมระย้าในห้องจัดเลี้ยงใหญ่ของโรงแรมดังใจกลางเมืองส่องประกายลงมา สร้างบรรยากาศหรูหราราวกับหลุดเข้าไปในงานเต้นรำในเทพนิยายโต๊ะกลมถูกจัดเรียงอย่างสวยงามประดับด้วยดอกกุหลาบสีขาวและสีแดง เสียงเพลงแจ๊สเบาๆ คลอไปกับเสียงพูดคุยของนักศึกษาชั้นปีสี่และปีสามที่เริ่มทยอยมาร่วมงาน บรรดาสาวๆ ในชุดราตรียาวและหนุ่มๆ ในสูทเนี้ยบต่างตื่นเต้นกับค่ำคืนพิเศษนี้บริเวณทางเข้าห้องจัดเลี้ยงถูกตกแต่งด้วยซุ้มถ่ายรูปที่ประดับไฟระยิบระยับ พร้อมฉากหลังธีม ‘งานเต้นรำ’ ดูหรูหราและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการพูดคุยอย่างสนุกสนาน บางกลุ่มกำลังถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ขณะที่บางคนตื่นเต้นกับการพบเพื่อนใหม่จากคณะอื่น“พวกแก ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย!” แจงร้องเรียกพลางยื่นมือถือให้ฟ้า“ได้เลย! ยิ้มสวยๆ นะ” ฟ้ายิ้มกว้างพลางยกมือถือขึ้นเล็งเจนที่ยืนอยู่ข้างแจงในชุดราตรีสีเขียวมรกต ดูงดงามสะกดสายตา ใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา แต่กลับขับให้ดวงตากลมโตดูโดดเด่นเป็นพิเศษ ผมยาวถูกรวบหลวมๆ เปิดให้เห็นต้นคอระหงและเครื่องประดับที่ช่วยเสริมลุคให้สมบูรณ์แบบ“นี่ ฉ
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นด้านหลังม่อน พร้อมคำพูดที่เสียดแทงความรู้สึก“หึ ดูท่านายจะสู้เชษไม่ได้สินะ”ม่อนหันไปมองอย่างหงุดหงิด ดวงตาแข็งกร้าวสบกับเฟิร์นที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ในชุดราตรีสีครีม เปิดไหล่เผยผิวเนียนละเอียดอย่างจงใจ โดยเฉพาะเนินอกขาวที่ล้นออกมาจากชุด“เธอเองเหรอ” ม่อนพึมพำ ก่อนจะหยิบแก้วไวน์ขึ้นมากระดกอีกครั้งอย่างไม่สนใจ“นายอยากได้เจนมากแค่ไหนกันล่ะ?”เฟิร์นถามเสียงเย้ายวน ขณะเดินเข้ามาใกล้ ชุดที่เธอสวมยิ่งเน้นรูปร่างอันเย้ายวน ทำให้สายตาหลายคู่ในงานมองตามอย่างไม่ตั้งใจม่อนถอนหายใจ พ่นลมหงุดหงิดออกจมูก“หึ เธอจะทำได้เรอะ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดูแคลน“นายก็ต้องลองปะ?” เฟิร์นยิ้มบาง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เธอยกแขนขึ้นโอบรอบคอของม่อนอย่างจงใจ ปลายเล็บแตะเบาๆ ที่ท้ายทอยของเขา ขณะที่เบียดหน้าอกอวบอิ่มเข้ากับอกแกร่งของม่อนม่อนมองเธอด้วยสายตาเย็นชา แต่แววตาเริ่มมีประกายความสนใจเจือปน“แล้วเธอจะช่วยฉันยังไง?”“ง่ายมาก” เฟิร์นกระซิบข้างหู น้ำเสียงแผ่วเบาจนเหมือนลมร้อนที่ทำให้ม่อนนิ่งไป“งั้นเธอต้องโชว์ให้ฉันดูละ” ม่อนกระตุกยิ้มร้าย ถึงคืนนี้เขาจะไม่ได้ตัวเจน แต่
“เฮ้ย เจน ฟ้า!!”เสียงแจงดังลั่นขณะที่เธอวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาเพื่อนสองคนที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาไถมือถือดูสถานที่รับนักศึกษาฝึกงานในเวบไซต์ของมหาวิทยาลัยอยู่ที่โต๊ะประจำ“อะไรของแก?” เจนเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ พลางเลิกคิ้วมองเพื่อนที่ดูรีบร้อน“ศุกร์นี้พี่ๆ ทีมงานจะเลี้ยงฉลองที่งานบายเนียร์ออกมาดีงามมากๆ อะ” แจงพูดเร็วแทบไม่หยุดหายใจ พร้อมยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น“แล้ว?” ฟ้าหรี่ตาถาม แต่ยังไม่ยอมวางมือถือ“พวกเขาชวนเราไปด้วย! ไปกันเถอะ นะๆๆ” แจงดึงแขนฟ้าพร้อมกับเขย่าเบาๆ“งานเลี้ยง?” เจนขมวดคิ้วเล็กน้อย“คือจะจัดเลี้ยงอะไรอีกล่ะ?”“พี่ๆ อยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยงานไง ไปเหอะ เขาจัดงานที่ผับอีคลิปส์เลยน้า~” แจงพูดเสียงอ้อน พร้อมปรายตามองเพื่อนสนิททั้งสองคนที่ดูเหมือนไม่สนใจ“เฮ้ย! ผับอีคลิปส์ ลักซ์ เล้าจน์อะนะ!!” ฟ้าตาโตทันที เลิกเล่นมือถือแล้วเงยหน้ามามองแจง“ใช่!!! พลาดได้ไงล่ะ!!” แจงพูดพลางทำตาเป็นประกาย“เออ แบบนี้ต้องไปว่ะ เจนไปดิ๊” ฟ้ารีบหันมาบอกเจนอีกคน“ผับอีคลิปส์? ทำไมชื่อคุ้นๆ วะ” เจนพึมพำเบาๆ ในหัวพยายามนึก“แกว่าไงอะ เจน!” ฟ้าและแจงส่งสายตาอ้อนสุดฤทธิ์เจนกลอกตาเบาๆ ก่อนถอนหายใ
“ตอนม.ต้น ฉันเรียนที่เดียวกับน้ำหวาน...”เชษเริ่มเล่า น้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตากลับทอดไปไกล เหมือนกำลังนึกถึงภาพในอดีตย้อนกลับไปหลายปีก่อน ที่โรงเรียนเซนต์เอเธนาอัส เชษในวัยมัธยมต้น เป็นเด็กหนุ่มที่เริ่มฉายแววความหล่อและโดดเด่น ด้วยบุคลิกมั่นใจ เสน่ห์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และรอยยิ้มมุมปากที่มักจะเรียกความสนใจจากคนรอบข้าง เขากลายเป็นที่จับตามองของสาวๆ ทันทีตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนแต่ในบรรดาสาวๆ เหล่านั้น เชษกลับสนใจเพียงคนเดียว—น้ำหวาน เพื่อนร่วมชั้นที่มีใบหน้าหวานละมุน และนิสัยอ่อนโยนที่ทำให้เธอโดดเด่นในแบบของตัวเอง“เชษ มึงชอบหวานจริงดิ?” โดม เพื่อนสนิทของเขาถามขึ้นระหว่างที่พวกเขานั่งกินขนมอยู่ใต้ต้นไม้“เออ” เชษตอบสั้นๆ“แล้วทำไงวะ?”“ก็จีบสิ” เชษยักไหล่ ยิ้มบางๆนับจากวันนั้น เชษเริ่มต้นแผนการจีบแบบจริงจัง เขาใช้ความพยายามทุกวิถีทาง ตั้งแต่ช่วยน้ำหวานถือกระเป๋าตอนเลิกเรียน ซื้อขนมที่เธอชอบให้ทุกเช้า และชวนเธอทำการบ้านด้วยกันในห้องสมุดความพยายามของเชษไม่ได้สูญเปล่า น้ำหวานค่อยๆ เปิดใจให้เขา จนในที่สุด ทั้งคู่ก็ตกลงคบกัน ท่ามกลางสายตาอิจฉาของเพื่อนๆ ที่มองว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่สม
เช้าวันศุกร์ เชษนั่งเอนหลังอยู่บนเตียง มือถือในมือแสดงข้อมูลเกี่ยวกับแบล็คแฮนด์ที่เคนส่งมาให้ เขาไล่อ่านรายละเอียดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในขณะเดียวกัน เจนกำลังยืนหน้ากระจกแต่งตัวเตรียมไปเรียนเธอยัดชายเสื้อนักศึกษาเข้าในกระโปรงทรงเอแบบรีบเร่ง เนื้อผ้าตึงแนบไปกับร่างบาง เผยให้เห็นทรวดทรงชัดเจนโดยไม่ตั้งใจ เชษเหลือบตาขึ้นจากหน้าจอมือถือมองภาพตรงหน้า ดวงตาคมกริบหยุดนิ่งบนเงาสะท้อนในกระจกเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างไม่สบอารมณ์ ท่าทางสงบนิ่งของเขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนที่เขาจะวางมือถือไว้ข้างตัว แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเสื้อคลุมคาร์ดิแกนบางๆ สีสุภาพออกมา“ใส่อันนี้ทับด้วย” เชษพูดเสียงเข้ม ขณะเดินเข้ามาหาเจนที่หันมายืนจ้องเขาอย่างงุนงง“ใส่ทำไม? มันร้อนนะ” เธอถามอย่างไม่เข้าใจ“เถอะน่า ใส่ไป” เขาตอบสั้นๆ ก่อนคลุมเสื้อให้เธอทันทีโดยไม่รอฟังคำปฏิเสธ“อะไรของนายเนี่ย!” เจนร้องประท้วง พลางพยายามปลดเสื้อคลุมออก“ตัวนี้ไม่ร้อน เป็นแบบแอร์ริซึ่ม”“โอ้ย จะใส่ทับทำไมให้มันเยอะเล่า” เจนโวยวาย พลางดันร่างสูงให้ออกห่าง“นมใหญ่จนเด่นขนาดนี้ ใส่ไปเหอะ ไม่งั
บรรยากาศภายในห้องบอลรูมของโรงแรมแกรนด์ริเวอร์เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทสนทนาอันออกรส เพื่อนร่วมรุ่นสมัยมัธยมทยอยเดินเข้ามาทักทายกันด้วยความตื่นเต้น เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ จากวงดนตรีสดในมุมห้องช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยความทรงจำน้ำหวานยืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง สวมเดรสยาวสีงาช้างที่ช่วยขับให้ความงามละมุนละไมของเธอโดดเด่น ใบหน้ายิ้มแย้มขณะพูดคุยกับเพื่อนเก่าสมัยมัธยม“หวาน! ไม่เจอตั้งนาน เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ สวยขึ้นมาก!”“ใช่ๆ จำได้ว่าวันนั้นเธอใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย! ตอนนี้เรียนที่ไหนแล้วล่ะ?”น้ำหวานตอบคำถามและแลกเปลี่ยนคำทักทายกับเพื่อนๆ อย่างคล่องแคล่ว รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ แต่ในใจของเธอกลับล่องลอยออกไปไกล เธอเหลือบตามองประตูห้องบอลรูมอย่างเผลอไผล ราวกับรอคอยใครบางคนที่ยังมาไม่ถึง“มองหาใครอยู่เหรอ?” เสียงหนึ่งแซวมาจากเพื่อนข้างๆน้ำหวานหัวเราะกลบเกลื่อน“เปล่าหรอก...แค่มองไปเรื่อยๆ”แต่ในความเป็นจริง เธอไม่ได้แค่มองไปเรื่อยๆ หัวใจของเธอกำลังรอใครบางคนที่สำคัญเกินกว่าจะลืมภายในห้องทำงานส่วนตัวของเคนในผับอีคลิปส์ ลักซ์ เล้าจน์ บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความลักซ์ชัวรี ผน
บรรยากาศภายในผับอีคลิปส์คืนนี้เต็มไปด้วยความคึกคัก เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานและแสงไฟหลากสีสันที่สาดส่องไปทั่วบริเวณ ทำให้ทั้งผับเต็มไปด้วยชีวิตชีวาโต๊ะยาวโซนวีไอพีที่ทีมงานจัดงานบายเนียร์ รวมถึงรุ่นพี่ปีสี่และรุ่นน้องที่ร่วมงานเดินแบบนั่งรวมตัวกัน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทสนทนาที่ดังลั่น ทุกคนดูผ่อนคลายหลังจากทุ่มเทแรงกายแรงใจให้งานใหญ่เสร็จสิ้น“แก อย่ามัวนั่งเฉยๆ มานี่เลย!” แจงพูดพลางดึงแขนเจนที่นั่งจิบน้ำแอปเปิ้ลโซดาอยู่ให้ลุกขึ้น“ฉันไม่ไป แกไปเต้นกับฟ้าเถอะ” เจนพูดเสียงอ่อน ขณะที่ฟ้านั่งหัวเราะขำอยู่ข้างๆ“ยัยเจน แกเดินแบบขนาดนั้น ยังจะอายไรอี๊ก!! แกต้องไปเต้น!” แจงยืนยัน“ไม่ลุก” เจนส่ายหน้า แล้วเอนตัวพิงโซฟาหนานุ่มด้วยท่าทางสบายๆขณะที่กำลังจะโต้ตอบ แจง สายตาของเจนก็เหลือบไปเห็นม่อนที่นั่งเอนตัวพิงพนักโซฟาอีกฝั่งของห้อง สายตาคมกริบของเขามองตรงมาที่เธอ พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่ดูเจ้าเล่ห์ เขายกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบช้าๆ เหมือนกำลังดูสถานการณ์อย่างตั้งใจ“แก ไปเต้นกันเหอะ!” แจงพยายามดึงมือเจนในที่สุด เจนก็ถูกทั้งแจงและฟ้าผลักให้ลุกขึ้น เธอเดินไปที่ฟลอร์เต้นรำอย่างไม่เต็มใจนักม่
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน
ภายในห้องแกรนด์ฮออล์ของโรงแรม Aurora Heights หรูหราใจกลางเมือง สถานที่จัดงานแถลงข่าวและพิธีเซ็นสัญญาโครงการใหญ่ ‘เซ็นทรัลอเวนิว ทาวเวอร์’ ที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของย่านธุรกิจพื้นที่ภายในถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยโทนสีทองและขาว โต๊ะลงทะเบียนสำหรับแขกผู้มีเกียรติถูกตั้งไว้หน้าประตูเข้างาน ด้านในมีเวทีขนาดใหญ่พร้อมแบ็กดรอปที่แสดงชื่อโครงการและโลโก้ของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่น และ ‘Phoenix Development Group’ เจ้าของโครงการ ซึ่งนำโดย คุณอนุชิต วิจิตรกาญจนา ซีอีโอหนุ่มไฟแรงกล้องจากนักข่าวหลากหลายสำนักถูกตั้งเรียงรายอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด เพื่อจับภาพเหตุการณ์สำคัญ โต๊ะนักข่าวเต็มไปด้วยเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการ และขนมขบเคี้ยวที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้บรรยากาศภายในงานคึกคักตั้งแต่ก่อนเริ่มพิธี แขกผู้มีเกียรติในวงการธุรกิจ นักการเมือง และนักลงทุน ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา เสียงแฟลชจากกล้องนักข่าวที่ประจำการอยู่หน้าเวทีดังขึ้นเป็นระยะเชษและเจนก้าวเข้ามาในงานอย่างเงียบๆ ทั้งคู่เลือกที่จะยืนแอบอยู่มุมหนึ่งของห้อง โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนักเชษอยู่ในชุดสูทสีดำเรียบ
วันถัดมา เชษ โจ้ และเฟย์พากันไปเยี่ยมเฟิร์นที่โรงพยาบาลเซนต์แพทริค โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังใจกลางเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการดูแลผู้ป่วยอย่างพิถีพิถันเมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วย VIP บนชั้นสูงสุด บรรยากาศภายในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังสม่ำเสมอ และเสียงเตียงปรับระดับที่ขยับขึ้นลงเป็นระยะ ห้องถูกตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีขาวสะอาดตา ตัดกับม่านโปร่งที่ปล่อยให้แสงแดดลอดเข้ามาเพียงเล็กน้อยเฟิร์นนอนหลับอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่ดูซูบเซียวและอ่อนแรง ใบหน้าของเธอยังคงมีรอยฟกช้ำชัดเจน โดยเฉพาะตรงแก้มทั้งสองข้างและมุมปาก ฟันหน้าที่โยกถูกดามไว้ด้วยลวดดัดชั่วคราว ทำให้เธอไม่สามารถพูดได้ถนัดโจ้กับเฟย์ยืนเกร็งอยู่ใกล้ปลายเตียง ขณะที่เชษก้าวเข้าไปใกล้ เขามองเฟิร์นด้วยสายตาที่ผสมระหว่างความเห็นใจและความเย็นชา ขณะที่หมอประจำห้องเดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลที่ถือแฟ้มข้อมูลผู้ป่วย“อาการเธอเป็นไงมั่งครับ?”“อาการของคุณเฟิร์นตอนนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น แต่ยังต้องพักรักษาตัวอีกอย่างน้อยสองสัปดาห์ครับ” หมอรายงาน พร้อมเปิดแฟ้มข้อมูล“ฟันที่โยกต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด และจะมีการประเมินอีก
วันรุ่งขึ้น เวลา 13.30 น.เจนลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดยามบ่ายลอดผ่านม่านมาทาบทับบนใบหน้า เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ ปรับเข้ากับแสงรอบตัว เธอพยายามขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะนิ่วหน้า เมื่อความรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยแล่นผ่านเข้ามา“อื้อ...” เธอครางเบาๆ พร้อมกับพลิกตัวไปอีกด้าน แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างหนาที่นอนอยู่ข้างๆเจนเหลือบตามองเชษที่กำลังหลับสนิท แขนแกร่งยังพาดอยู่บนเอวของเธอเหมือนจะกอดไว้แน่นไม่ให้หนีไปไหน ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเคร่งขรึมในเวลาปกติ ตอนนี้กลับดูสงบ อ่อนโยน อย่างไม่น่าเชื่อว่า เมื่อคืนเขาจะดุดันและร้อนแรงกว่าทุกครั้งภาพเหตุการณ์เมื่อคืนฉายชัดในหัวของเธอ ใบหน้าสวยร้อนผ่าวทันที‘ยัยบ้า! คิดอะไรเนี่ย!’เจนกัดริมฝีปากแน่น พยายามข่มความคิดที่วิ่งวุ่นในหัว เธอยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างเขินอาย ก่อนจะค่อยๆ ดันแขนเขาออกอย่างเบามือ แต่ร่างสูงกลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น รั้งเธอไว้เหมือนจะไม่ยอมให้ขยับไปไหน“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำที่ยังแหบพร่าดังขึ้นข้างหู ทำให้เธอสะดุ้ง“อะ...นาย!”เชษลืมตาขึ้นมองเธอ ดวงตาคมกริบแฝงแววขี้เล่น เขายิ้มมุมปากก่อนจะพูดขึ้น“เป็