เช้าวันศุกร์ เชษนั่งเอนหลังอยู่บนเตียง มือถือในมือแสดงข้อมูลเกี่ยวกับแบล็คแฮนด์ที่เคนส่งมาให้ เขาไล่อ่านรายละเอียดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในขณะเดียวกัน เจนกำลังยืนหน้ากระจกแต่งตัวเตรียมไปเรียนเธอยัดชายเสื้อนักศึกษาเข้าในกระโปรงทรงเอแบบรีบเร่ง เนื้อผ้าตึงแนบไปกับร่างบาง เผยให้เห็นทรวดทรงชัดเจนโดยไม่ตั้งใจ เชษเหลือบตาขึ้นจากหน้าจอมือถือมองภาพตรงหน้า ดวงตาคมกริบหยุดนิ่งบนเงาสะท้อนในกระจกเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างไม่สบอารมณ์ ท่าทางสงบนิ่งของเขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนที่เขาจะวางมือถือไว้ข้างตัว แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเสื้อคลุมคาร์ดิแกนบางๆ สีสุภาพออกมา“ใส่อันนี้ทับด้วย” เชษพูดเสียงเข้ม ขณะเดินเข้ามาหาเจนที่หันมายืนจ้องเขาอย่างงุนงง“ใส่ทำไม? มันร้อนนะ” เธอถามอย่างไม่เข้าใจ“เถอะน่า ใส่ไป” เขาตอบสั้นๆ ก่อนคลุมเสื้อให้เธอทันทีโดยไม่รอฟังคำปฏิเสธ“อะไรของนายเนี่ย!” เจนร้องประท้วง พลางพยายามปลดเสื้อคลุมออก“ตัวนี้ไม่ร้อน เป็นแบบแอร์ริซึ่ม”“โอ้ย จะใส่ทับทำไมให้มันเยอะเล่า” เจนโวยวาย พลางดันร่างสูงให้ออกห่าง“นมใหญ่จนเด่นขนาดนี้ ใส่ไปเหอะ ไม่งั
บรรยากาศภายในห้องบอลรูมของโรงแรมแกรนด์ริเวอร์เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทสนทนาอันออกรส เพื่อนร่วมรุ่นสมัยมัธยมทยอยเดินเข้ามาทักทายกันด้วยความตื่นเต้น เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ จากวงดนตรีสดในมุมห้องช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยความทรงจำน้ำหวานยืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง สวมเดรสยาวสีงาช้างที่ช่วยขับให้ความงามละมุนละไมของเธอโดดเด่น ใบหน้ายิ้มแย้มขณะพูดคุยกับเพื่อนเก่าสมัยมัธยม“หวาน! ไม่เจอตั้งนาน เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ สวยขึ้นมาก!”“ใช่ๆ จำได้ว่าวันนั้นเธอใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย! ตอนนี้เรียนที่ไหนแล้วล่ะ?”น้ำหวานตอบคำถามและแลกเปลี่ยนคำทักทายกับเพื่อนๆ อย่างคล่องแคล่ว รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ แต่ในใจของเธอกลับล่องลอยออกไปไกล เธอเหลือบตามองประตูห้องบอลรูมอย่างเผลอไผล ราวกับรอคอยใครบางคนที่ยังมาไม่ถึง“มองหาใครอยู่เหรอ?” เสียงหนึ่งแซวมาจากเพื่อนข้างๆน้ำหวานหัวเราะกลบเกลื่อน“เปล่าหรอก...แค่มองไปเรื่อยๆ”แต่ในความเป็นจริง เธอไม่ได้แค่มองไปเรื่อยๆ หัวใจของเธอกำลังรอใครบางคนที่สำคัญเกินกว่าจะลืมภายในห้องทำงานส่วนตัวของเคนในผับอีคลิปส์ ลักซ์ เล้าจน์ บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความลักซ์ชัวรี ผน
บรรยากาศภายในผับอีคลิปส์คืนนี้เต็มไปด้วยความคึกคัก เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานและแสงไฟหลากสีสันที่สาดส่องไปทั่วบริเวณ ทำให้ทั้งผับเต็มไปด้วยชีวิตชีวาโต๊ะยาวโซนวีไอพีที่ทีมงานจัดงานบายเนียร์ รวมถึงรุ่นพี่ปีสี่และรุ่นน้องที่ร่วมงานเดินแบบนั่งรวมตัวกัน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทสนทนาที่ดังลั่น ทุกคนดูผ่อนคลายหลังจากทุ่มเทแรงกายแรงใจให้งานใหญ่เสร็จสิ้น“แก อย่ามัวนั่งเฉยๆ มานี่เลย!” แจงพูดพลางดึงแขนเจนที่นั่งจิบน้ำแอปเปิ้ลโซดาอยู่ให้ลุกขึ้น“ฉันไม่ไป แกไปเต้นกับฟ้าเถอะ” เจนพูดเสียงอ่อน ขณะที่ฟ้านั่งหัวเราะขำอยู่ข้างๆ“ยัยเจน แกเดินแบบขนาดนั้น ยังจะอายไรอี๊ก!! แกต้องไปเต้น!” แจงยืนยัน“ไม่ลุก” เจนส่ายหน้า แล้วเอนตัวพิงโซฟาหนานุ่มด้วยท่าทางสบายๆขณะที่กำลังจะโต้ตอบ แจง สายตาของเจนก็เหลือบไปเห็นม่อนที่นั่งเอนตัวพิงพนักโซฟาอีกฝั่งของห้อง สายตาคมกริบของเขามองตรงมาที่เธอ พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่ดูเจ้าเล่ห์ เขายกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบช้าๆ เหมือนกำลังดูสถานการณ์อย่างตั้งใจ“แก ไปเต้นกันเหอะ!” แจงพยายามดึงมือเจนในที่สุด เจนก็ถูกทั้งแจงและฟ้าผลักให้ลุกขึ้น เธอเดินไปที่ฟลอร์เต้นรำอย่างไม่เต็มใจนักม่
เชษขับรถมาจอดหน้าผับอีคลิปส์อย่างรวดเร็ว เขาก้าวลงจากรถด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ไม่สนใจเสียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ตะโกนโวยวายเรื่องการจอดรถของเขา ก่อนจะปรี่เข้าไปในผับด้วยความรีบเร่งทันทีที่เข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือความวุ่นวายตรงโซนวีไอพี แจงกับฟ้ากำลังยืนประคองเจนที่ดูแทบไม่มีแรง ด้านหน้าของพวกเธอคือม่อนที่ยังยืนทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ รอยยิ้มมุมปากของเขาทำให้ทุกอย่างดูยิ่งน่าหงุดหงิด สายตาหลายคู่เริ่มจับจ้องมายังสถานการณ์นั้น เสียงเพลงสนุกที่เปิดอยู่กลายเป็นเพียงเสียงประกอบฉากที่ไม่เข้ากับบรรยากาศตึงเครียดตรงนี้เลย“ไอ้เลว!! พวกแกใส่อะไรให้เพื่อนฉันกิน!”ฟ้าตะโกนลั่น น้ำเสียงสั่นด้วยความโกรธ ขณะที่แขนยังโอบรั้งเจนไม่ให้ทรุดลงกับพื้น แจงยืนกำหมัดแน่นอยู่ข้างๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย แค่เห็นเจนดูเมาๆ ก็จะพาไปพัก”ม่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวน สายตากรุ้มกริ่มของเขาที่มองเจน ทำให้ทุกคนเดือดดาลขึ้นไปอีก“ตอแหล! เจนไม่กินเหล้า!” แจงสวนกลับทันที ใบหน้าแดงจัดด้วยความโมโหจัดเชษกวาดสายตามองไปที่เจน เธออยู่ในอ้อมแขนของฟ้า ร่างบางดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของเธอแดงจ
“เช็ดตัวก่อนนะ...ตัวเธอร้อนมาก...”แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ร่างบางกลับยกมือขึ้นมาคว้าคอเขาไว้โดยไม่ทันให้ตั้งตัว ดวงตาหวานเยิ้มพร่าเลือนจากฤทธิ์ยาจ้องลึกเข้ามาในตาของเขา ก่อนที่ริมฝีปากนุ่มจะทาบทับบดขยี้กับปากของเขา ร่างกายที่ร้อนรุ่มของเธอทำให้เชษรู้สึกเหมือนคนใกล้คลั่งลิ้นเล็กอ่อนนุ่มของเธอสอดแทรกเข้ามาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ไล่ต้อนลิ้นหนาของเขาด้วยจังหวะเร่าร้อนและรุนแรงเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้ เชษแทบจะลืมหายใจไปชั่วขณะเพียงแค่นั้น...ความอดทนทั้งหมดของเชษก็ขาดสะบั้นลงในพริบตาเขาตอบสนองจูบของเธอทันที ริมฝีปากหนาบดขยี้จูบกลับไปอย่างร้อนแรงและลึกซึ้ง ลิ้นหนาของเขาตวัดเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กที่พยายามจะยั่วเย้าเขาอย่างท้าทาย เสียงหอบหายใจของทั้งสองคนผสานกันในความเงียบของห้อง สัมผัสเร่าร้อนทำให้เวลารอบตัวเหมือนหยุดลงทั้งสองช่วยกันปลดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก ร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งคู่ก็แนบชิดกันบนที่นอนอันแสนนุ่มริมฝีปากหนาของเชษพรมจูบลงไปตามลำคอขาวเนียน ไล้สัมผัสอย่างเร่งเร้า ปลายลิ้นร้อนลากไล้ต่ำลงมาจนถึงหน้าอกคู่สวยที่เบียดชิดกันอย่างเย้ายวนเขาสะบัดปลายลิ้นเลี
ในที่สุด ทั้งสองคนก็ไม่ได้ลุกจากเตียงไปไหนเลยตลอดทั้งวัน...แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างค่อยๆ เลื่อนเปลี่ยนเป็นแสงสลัวของยามเย็น บรรยากาศในห้องยังคงอบอวลไปด้วยความร้อนแรงและความรู้สึกที่แสนหวานเชษนอนเอนกายอยู่บนเตียง ร่างแกร่งโอบกอดเจนไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน ร่างบางของเจนซุกตัวอยู่ในอกเขา หอบหายใจเบาๆ ด้วยความเหนื่อยล้า ผมยาวสยายระเกะระกะอยู่บนแผ่นอกของเขา“เธอทำฉันหมดแรงเลยนะ ยัยตัวแสบ” เชษกระซิบเสียงพร่าพลางก้มลงจูบขมับของเธอแผ่วเบา“หึ...ใครกันแน่ที่ไม่ยอมพัก...” เจนพึมพำเสียงอู้อี้ ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ด้วยความเหนื่อยเชษหัวเราะเบาๆ ก่อนจะรั้งร่างของเธอเข้ามากอดแน่นขึ้น ริมฝีปากหนาประทับจูบลงที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน“ใครใช้ให้เธอน่ารักเกิน”เจนทำเสียงฮึในลำคออย่างไม่พอใจ แต่แก้มกลับแดงซ่านด้วยความเขินอาย เธอซุกหน้าลงกับอกกว้างของเขาเพื่อหลบสายตาเจ้าเล่ห์นั้นเวลาค่อยๆ ล่วงเลยไปจนท้องฟ้าภายนอกกลายเป็นสีดำสนิท แสงไฟจากตึกสูงภายนอกส่องเข้ามาแทนแสงอาทิตย์ เชษลุกขึ้นเล็กน้อยเพื่อหยิบโทรศัพท์มาดูเวลา ก่อนหันกลับมามองร่างบางที่ยังนอนซุกเขาอยู่“นี่มันค่ำแล้วนะ หิวหรือยัง?” เชษถามขึ้น พล
วันถัดมา เชษขับรถมาจอดที่ด้านหน้าค่ายมวยศักดิ์ประภาไฟท์คลับ เสียงเครื่องยนต์ของรถสปอร์ตดับลง พร้อมกับบรรยากาศเงียบสงบที่รายล้อม เขาหันไปมองเจนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความครุ่นคิด“เป็นไร? ห่วงเรื่องค่ายเหรอ?” เขาเอ่ยถามน้ำเสียงอ่อนโยน“เรื่องนั้นก็ห่วงแหละ แต่...” เจนพูดก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่ง เธอหันมามองเขา กลอกตาไปมาอย่างลังเล“ตอนนี้ห่วงเรื่องนายมากกว่า”เชษเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ“ทำไมอะ?”“พี่ชายฉันน่ะสิ...” เจนพึมพำเบาๆ แววตาดูกังวลอย่างเห็นได้ชัดเชษหัวเราะเบาๆ ยื่นมือไปจับมือของเธอ“ไม่ต้องห่วงน่า ฉันสู้เพื่อเธออยู่แล้ว”“นายก็พูดได้สิ...นายยังไม่เจอพี่ชายฉันตอนแผลงฤทธิ์นี่นา” เจนบ่นงึมงำ ใบหน้าสวยบูดบึ้งเล็กน้อยภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความทรงจำของเธอ สมัยมัธยมมีผู้ชายคนหนึ่งมาจีบเธอถึงหน้าค่าย พี่ชายทั้งสามของเธอพร้อมใจกันคว้าไม้หน้าสามมาไล่กวดเขาแบบไม่ทันตั้งตัว ผู้ชายคนนั้นหนีกลับบ้านอย่างไม่คิดชีวิต และหลังจากนั้นก็ไม่เคยโผล่มาให้เห็นหน้าอีกเลย“พี่กรกับพี่เดย์ไม่เท่าไหร่ แต่พี่นนท์เนี่ย...” เจนพูดพลางทำท่าสยองเล็กน้อย ขณะที่เชษหัวเราะในลำคอ“ยัยตัวแ
หลังจากปรึกษาเรื่องแบล็คแฮนด์เสร็จ เจนก็เดินออกมาจากห้องประชุม และตรงไปหาเนยที่กำลังซ้อมกระสอบทรายอยู่“พี่เนย ซ้อมมวยกับหนูหน่อยสิ”เนยหันมามองเจนพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมา“เอาสิ”พี่ชายทั้งสามของเจนที่เดินตามออกมา พากันขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นเจนและเนยกำลังพันผ้าพันมืออย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะสวมนวมสีแดงสดเตรียมขึ้นเวที“เอ้ยๆ ทำไรกัน” พี่นนท์โพล่งออกมา พร้อมปรี่เข้าไปที่สังเวียน“ซ้อมมวยไง” เจนตอบหน้าตาเฉย ขณะจัดนวมให้พอดีมือ“ยัยเจน เธอ...”“พี่นนท์ ยุ่งน่า!” เจนสวนกลับทันที“พี่เนยฝีมือดีขนาดนี้ ไม่ได้ซ้อมด้วยก็เสียของหมด”พี่นนท์อ้าปากจะพูดต่อ แต่เนยยิ้มยั่วใส่พร้อมยักคิ้วกวนๆ“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันไม่ทำอะไรเหมือนวันนั้นหรอก”พี่นนท์สะอึกไปเล็กน้อย สีหน้าที่พยายามเก๊กนิ่งกลับแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ พี่กรและพี่เดย์ที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับหัวเราะเบาๆ กับท่าทีของนนท์“เอาเถอะ ปล่อยให้เด็กมันซ้อมกัน” พี่กรพูดขณะเดินไปนั่งที่ริมสังเวียนพี่นนท์ที่ทำอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่ฮึดฮัดเดินตามไปนั่งด้วยท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เชษและเคนที่เพิ่งเดินมาสมทบก็นั่งลงใกล้ๆเคนหัวเราะเบาๆ ขณะม
เชษนั่งอยู่บนโซฟาของคอนโด ใบหน้าคมเคร่งเครียดขณะเลื่อนอ่านข้อมูลที่บอสส่งมาให้บนแล็ปท็อป เสียงพึมพำเบาๆ ของเขาดังขึ้นเป็นจังหวะขณะขบคิดแผนการ“ถ้าอยากได้หลักฐานเพิ่ม…ฉันอาจต้องเข้าไปในงานประมูลเอง” เจนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนเสื้อยืดตัวโคร่งและกางเกงขาสั้น เธอเช็ดผมที่ยังชื้นเล็กน้อย พลางเดินตรงไปหาเชษ“นายดูเครียดมากเลยนะ มีอะไรเหรอ?”เชษเงยหน้าขึ้นมองเธอ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ“ฉันกำลังคิดแผนหาหลักฐานเกี่ยวกับกลุ่มทุนสีเทาน่ะ” เจนขมวดคิ้วนิดๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างเขา“แผนอะไร?”เชษวางแล็ปท็อปลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะพูดเสียงจริงจัง“ตอนนี้ฉันมีข้อมูลบางอย่างที่พอจะเชื่อมโยงพวกมันได้ แต่ยังไม่พอสำหรับเอาไปใช้เล่นงานพวกนั้น ถ้าฉันสามารถเข้าไปร่วมงานประมูลเซ็นทรัลอเวนิว ทาวเวอร์ได้ ฉันอาจหาโอกาสเจาะลึกข้อมูลของพวกมันเพิ่มได้” “งานประมูล? นายจะเข้าไปยังไง?”“บริษัทของพ่อฉัน…SK Construction เป็นหนึ่งในผู้ร่วมประมูล ฉันสามารถเข้าไปในฐานะตัวแทนได้ แต่…” เชษพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกังวล“แต่อะไร?” เจนถาม พร้อมมองหน้าเขานิ่ง“มันเสี่ยง ถ้าพวกนั้นรู้ตัวว่าเรากำลังตามสืบข้
ภายในร้านกาแฟเบลนด์ แอนด์ บรู ร้านเล็กๆ ใจกลางเมือง ที่ตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟต์ เรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น เชษนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่ง มือหนาเขี่ยแก้วกาแฟที่เหลือเพียงก้นแก้วไปมา ขณะสายตาคมทอดมองผ่านกระจกบานใหญ่ที่เผยให้เห็นความวุ่นวายของเมืองด้านนอกเสียงกระดิ่งดังเบาๆ เมื่อประตูร้านเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาลคลาสสิกและกางเกงยีนส์ขาดเล็กน้อยก้าวเข้ามา ใบหน้าของเขาเปื้อนยิ้มมั่นใจ ขณะที่สายตากวาดมองหาเป้าหมาย“ว่าไงเรา” ชายหนุ่มเอ่ยทัก ก่อนเดินตรงมานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเชษ“มาช้าจัง พี่บอส” เชษพูดพลางยกยิ้มมุมปาก“เอาน่า รีบสุดๆ แล้ว” บอสหัวเราะเบาๆ พร้อมยกมือโบกเรียกพนักงานมารับออเดอร์กาแฟเชษพิงหลังกับพนักเก้าอี้ สายตามองบอสด้วยความคุ้นเคยย้อนกลับไปตอนที่พวกเขาเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกในงานสัมมนาด้านเทคโนโลยีที่จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยชั้นนำ เชษซึ่งในตอนนั้นเป็นนักศึกษาวิศวกรรมโยธาปีสอง เข้าร่วมงานด้วยความตั้งใจอยากเรียนรู้เทคนิคการออกแบบโครงสร้างอาคารด้วยซอฟต์แวร์ขั้นสูงขณะเดียวกัน บอสซึ่งเป็นวิทยากรรับเชิญ กำลังพูดถึงการนำเทคโนโลยี AI และการเขียนโปรแกรมมาประยุกต
“อ๊า...อ๊า...เชษ...งื้อ...”เจนครางเสียงกระเส่า เมื่อปลายลิ้นร้อนของเชษสอดเข้าไปในตัวเธอ ลิ้นของเขากระดกรัวอย่างชำนาญ สร้างสัมผัสที่ลึกล้ำและเร่าร้อน เกลียวลิ้นดันขึ้นลงหลายครั้งราวกับตั้งใจปลุกเร้าให้เธอถึงจุดสุดยอดมือเรียวบางของเจนเลื่อนขึ้นมาจิกบ่าของเขาแน่น ร่างบางสะท้านไปทั้งตัวจากความเสียวซ่านที่ถาโถมเข้ามา ท้องน้อยของเธอเกร็งแน่นจนไม่อาจควบคุมได้ขณะที่ปลายลิ้นร้อนของเขาบดขยี้จุดไวสัมผัสอย่างเร่าร้อน มือหนาของเชษก็ไม่หยุดนิ่ง เลื่อนขึ้นมาบดบี้และขยี้ยอดถันสีสวยของเธอเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความชำนาญ การกระทำของเขายิ่งเพิ่มความเสียวซ่านให้กับเจนจนแทบทนไม่ไหวร่างบางกัดริมฝีปากแน่น พยายามระบายความวาบหวามที่พุ่งพล่าน มือเรียวของเธอเผลอยกขึ้นขยุ้มผมของเขาโดยไม่รู้ตัว ร่างกายตอบสนองต่อสัมผัสของเขาอย่างลืมตัว ทุกจังหวะที่เขาเคลื่อนไหวราวกับยิ่งพาเธอเข้าสู่ห้วงอารมณ์ที่ลึกซึ้งและเร่าร้อนขึ้นไปอีก“อืม...” เชษพึมพำเสียงต่ำในลำคอ ขณะที่ปลายลิ้นของเขายังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ราวกับตั้งใจปลุกเร้าทุกความรู้สึกของเจน ยิ่งได้ยินเสียงครางหวานที่หลุดออกจากริมฝีปากของเธอ เขาก็ยิ่งเพิ่มความพริ้วไหวขอ
ในห้องนั่งเล่นของคอนโด เชษนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานข้างโซฟา แสงจากหน้าจอแล็ปท็อปสะท้อนบนใบหน้าหล่อเหลา แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ดวงตาคมกริบจ้องข้อมูลบนหน้าจออย่างตั้งใจ เขากำลังค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับกลุ่มทุนสีเทาที่มีข่าวพัวพันกับการฮั้วประมูลโครงการเซ็นทรัลอเวนิว ทาวเวอร์“ถ้าจะหาหลักฐานจริงๆ ...” เชษพึมพำกับตัวเอง มือเรียวลูบคางขณะใช้ความคิด ใบหน้าขรึมฉายแววครุ่นเคร่งเขาคิดถึงการติดต่อแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ หรืออาจใช้เส้นสายส่วนตัวในวงการก่อสร้างเพื่อหาข้อมูลจากวงใน อีกทางหนึ่งที่เขาพิจารณาคือการเจาะระบบของบริษัทที่น่าสงสัย แม้จะเสี่ยง แต่เขารู้ว่านั่นอาจเป็นหนทางเดียวที่จะได้หลักฐานที่ต้องการ“หรือจะเริ่มจากการจับตาดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนพวกนั้น...” เชษพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง ดวงตาคมทอประกายวาวโรจน์ขณะที่เขากำลังจมอยู่กับความคิด เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง เจนเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนเสื้อยืดตัวโคร่ง ผมที่ยังเปียกอยู่ทำให้ผมยาวสีน้ำตาลเข้มปรกลงมาบนไหล่ เธอเช็ดผมอย่างอ้อยอิ่ง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพูแตะจมูกของเชษเขาหันไปมอง ดวงตาคมเข้มไล่ตามเรือนร่างที่อาบไปด้วยแ
เมื่อเชษเปิดประตูเข้ามาในห้อง ก็เห็นเจนนั่งกอดอกอยู่บนโซฟา ใบหน้าสวยบูดบึ้งชัดเจน เขาวางกระเป๋าเป้ลงข้างๆ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปนั่งข้างเธอ แขนแกร่งโอบรอบเอวบางแล้วดึงเธอเข้ามาใกล้“เป็นไร?” เชษถามเสียงนุ่ม พร้อมใช้จมูกซุกไซ้ไปที่ซอกคอขาว สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เขาคุ้นเคยจากร่างกายเธอเจนสะบัดตัวเล็กน้อย ราวกับจะหลบหนีสัมผัส แต่ไม่ได้ขัดขืนจริงจัง“เพื่อนนายมา”“ใครอะ”“ฮื้อ...จะใครล่ะ” เจนตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน พลางจ้องหน้าเขานิ่งเชษหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ“เฟิร์น?”“รึมีสาวอื่นอีกล่ะ?” เจนสวนกลับทันที น้ำเสียงฟังดูเรียบนิ่ง แต่แฝงความไม่พอใจชัดเจนเชษยกมือขึ้นลูบศีรษะของเธอเบาๆ ราวกับกำลังปลอบเด็กที่กำลังงอแง“แล้วเขามาทำไม?”“มาขอยืมคัตเตอร์...แต่ดูเหมือนอยากมาอวดฉันมากกว่า”เจนเบือนหน้าไปทางอื่น แต่เสียงและท่าทางของเธอกลับชัดเจนว่าไม่พอใจสุดๆเชษถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะรั้งเจนเข้ามากอดแน่นขึ้น แขนแกร่งโอบรอบตัวเธอราวกับต้องการให้เธอรับรู้ถึงความจริงใจ“เจน ฟังนะ...ฉันกับเฟิร์นเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”“ดูเหมือนเธอจะไม่คิดแบบนั้นนะ” เจนพูดเบาๆ แต่เชษก็ได้ยินชัดเจนเชษใช้ปลายนิ้วเกล
เชษสะพายกระเป๋าเป้พร้อมกับโจ้และเฟย์ ทั้งสามคนเดินออกจากอาคารเรียนวิศวกรรมโยธา บรรยากาศรอบๆ เริ่มเย็นลง แต่ท้องฟ้ายังมีแสงอ่อนๆ จากดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าขณะเดิน เชษหยิบมือถือขึ้นมาเช็กข้อความ หน้าจอแสดงแจ้งเตือนจากเจน‘เลิกเรียนรึยัง? ฉันรออยู่ที่ห้องแล้วนะ อย่าลืมว่าคืนนี้นายต้องพาฉันไปช้อปปิ้งนะ ไม่งั้นโดนแน่!’ - เจนเชษอ่านข้อความแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนพิมพ์ตอบกลับไป‘กำลังกลับ รอหน่อย’ - เชษรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเขาไม่อาจเล็ดรอดสายตาของโจ้ไปได้“ยิ้มอะไรคนเดียววะ?”“เรื่องของกู” เชษตอบเรียบๆ แต่ยังคงมีรอยยิ้มที่มุมปากเฟย์ที่เดินอยู่ข้างกันหัวเราะเบาๆ“มึงนี่ ถึงไม่บอกกูก็เดาได้ เจนใช่มั้ย?”เชษไม่พูดอะไร เพียงแค่เก็บมือถือเข้ากระเป๋า ก่อนเดินนำทั้งสองคนไปยังลานจอดรถ ท่าทีเงียบขรึมแต่แฝงด้วยความสุขที่ไม่อาจปิดบังได้เมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงลานจอดรถ เชษหยิบกุญแจรถขึ้นมาจากกระเป๋า แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่ข้างรถของเขาหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวเรียบหรู เผยผิวขาวเนียนที่สะท้อนแสงอ่อนๆ ของยามเย็น ผมสีน้ำตาลอ่อนปล่อยยาวเป็นลอน เธอยิ้มหวานให้เขา“เชษ...” น้ำหวานเรียกชื่อเขา เ
ภายในห้องนอนที่ตกแต่งด้วยโทนสีอ่อน ผสมผสานความหรูหราอย่างมีรสนิยม เฟิร์นนั่งอยู่บนเตียงนุ่มหลังใหญ่ ดวงตาคู่สวยทอดมองออกไปยังหน้าต่างบานกว้าง แสงไฟจากเมืองยามค่ำคืนสะท้อนสาดส่องเข้ามา แต่ความคิดในหัวของเธอกลับยุ่งเหยิงเธอเอนตัวพิงพนักเตียง มือเรียวสวยลูบเส้นผมยาวสลวยเล่นอย่างเหม่อลอย แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความแค้นที่ก่อตัวอย่างหนักแน่น“เจน...ทำไมเธอถึงได้เชษไป?” เธอพึมพำเบาๆ ความอิจฉาที่เธอมีต่อเจนทำให้หัวใจของเธอเดือดพล่านเฟิร์นหยิบมือถือขึ้นมาไถดูข่าวและโซเชียลของเชษอีกครั้ง ภาพที่เขาและเจนอยู่ด้วยกันทำให้เธอกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ“ฉันอยู่ข้างเขามาตลอด...แต่ทำไมถึงไม่ใช่ฉัน?!”เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ประกายในดวงตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่นและอาฆาตเฟิร์นนั่งนิ่ง ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นาน ความคิดดำมืดเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อยจนกระทั่งริมฝีปากสวยเผยยิ้มบางที่แฝงไปด้วยเล่ห์กล“ถ้าฉันจัดการเธอไม่ได้...งั้นก็ต้องทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นของฉัน” เธอพูดกับตัวเอง ดวงตาวาวโรจน์ด้วยแผนการที่เริ่มก่อตัว“ดูสิ ว่าเธอจะทำยังไง” เฟิร์นยิ้มเย็น ราวกับคนที่เตรียมพร้อมจะทำทุกอย่างเ
หน้าตึกคณะบัญชี เจนนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำของพวกเธอ ก้มหน้าก้มตาพิมพ์รายงานลงแล็ปท็อปอย่างตั้งใจ เสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ขณะที่ฟ้ากับแจงนั่งอยู่ข้างๆ ต่างคนต่างไถมือถือหาข้อมูลช่วยเธอ“เฮ้ย! ดูข่าวนี่ดิ” แจงร้องขึ้นอย่างตกใจ ดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะยื่นมือถือให้ฟ้าดู“นี่มัน...ม่อน แล้วนั่นก็ใหม่!” ฟ้าพึมพำเสียงดัง พลางยื่นหน้าเข้าไปอ่านรายละเอียดในข่าวที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือ“เจน แกดูดิๆ” ฟ้ายื่นมือถือไปตรงหน้าเจนเจนชะงักมือจากการพิมพ์รายงาน พลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะรับมือถือมาดู“หืม? คลิปฉาวเน็ตไอดอลชื่อย่อ ม. สวิงกิ้งกับผู้ชายสิบคนในโรงแรมหรู...” เจนอ่านพาดหัวข่าว พลางเงยหน้ามองเพื่อนด้วยสีหน้าอึ้งๆ“นี่มัน..”“เออ ไอ้ม่อน ไอ้เลวที่มันวางยาแกอะ” แจงบอกเสียงดัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“สมหน้า! หนอย แอบใส่ยาปลุกเซ็กส์ให้แกกิน แล้วจะมาเอาตัวแกไปอีก” ฟ้าพูดพลางกำมือแน่น นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นด้วยความโกรธเจนจ้องจอมือถือครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด“โชคดีนะ ที่พี่เนยมาช่วยไว้ ไม่งั้น...” เธอหยุดไปเล็กน้อย ดวงตาฉายแววไม่มั่นใจ“ฉันจำได้แค่ว่า
ในยามบ่ายที่เงียบสงัด เฟิร์นนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นสบายๆ สมาร์ทโฟนในมือถูกไถขึ้นลงบนหน้าจออย่างไร้จุดหมาย เสียงเพลงจังหวะเบาๆ ที่ลอยมาจากลำโพงข้างเตียงไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย“นี่มันอะไรกัน...” เธอพึมพำกับตัวเองก่อนจะหยุดมือที่ไถจอ เปิดแชทที่เคยส่งข้อความหาม่อนซึ่งตอนนี้ยังไร้การตอบกลับ“หายหัวไปไหนวะ! ไม่รู้หรือไงว่าฉันรอฟังข่าวอยู่!” เธอบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ขณะที่ขมวดคิ้วมองหน้าจอมือถือเฟิร์นทิ้งตัวลงบนหมอนอย่างแรง ขณะความคิดมากมายตีกันอยู่ในหัว เธออุตส่าห์ลงทุนไปซื้อยาปลุกเซ็กส์มาให้ม่อน เพื่อให้เขาใช้จัดการกับเจนตามแผน ถ้ามันสำเร็จ เจนจะต้องอับอายจนไม่กล้าอยู่ใกล้เชษอีกต่อไป และเชษ...จะต้องหันมาหาเธอแทน“เรื่องง่ายๆ แค่นี้...มันต้องสำเร็จสิ” เฟิร์นพึมพำเบาๆ ปลายนิ้วไล้ไปตามหน้าจอโทรศัพท์อย่างล่องลอย แต่ในใจกลับคุกรุ่นด้วยความอิจฉาเธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเหลือบตามองข้อความล่าสุดของม่อนที่ยังคงเงียบสนิท จนเธอเริ่มรู้สึกหงุดหงิดและกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆในขณะที่เฟิร์นกำลังนอนเบื่อๆ อยู่บนเตียง เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันข่