สัปดาห์ถัดมาสำหรับเจนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เริ่มต้นด้วยการเรียนในตอนเช้า ต่อด้วยงานกลุ่มในช่วงบ่าย และปิดท้ายด้วยการซ้อมเดินแบบสำหรับงานบายเนียร์ที่คณะบัญชีและบริหารจัดขึ้นร่วมกันในช่วงเย็น“โอย...ฉันจะตายแล้ว” เจนบ่นพลางนวดขมับตัวเอง ขณะกำลังเปลี่ยนชุดในห้องซ้อมเดินแบบแจงที่ยืนอยู่ข้างๆ หมุนตัวสำรวจชุดที่ตัวเองสวม ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม“โชคดีจะตายที่ได้เดินแบบงานใหญ่ขนาดนี้ ดูสิ แกเหมาะมาก สูงกำลังดี หุ่นดี หน้าเป๊ะ”เจนกลอกตาอย่างหมดแรง“พูดเหมือนแกไม่โดน”ฟ้าที่กำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าหัวเราะเบาๆ“เอาน่ะ อย่างน้อยพวกเราก็อยู่ด้วยกัน แกจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงาไง”เจนถอนหายใจ “แต่ฉันอยากนอนมากกว่า”ก่อนที่ใครจะพูดอะไรต่อ เสียงตบมือของทีมงานดังขึ้นจากกลางห้อง ดึงความสนใจของทุกคนให้หันไปทางนั้น“โอเคค่ะ ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม?เดี๋ยวเราจะเริ่มซ้อมจากจุดเริ่มต้นของเวทีกันนะ” ทีมงานประกาศด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นเจนยืดตัวขึ้น สูดหายใจลึก ก่อนจะหันไปมองเพื่อนทั้งสองคน“เอาวะ...ก็แค่ซ้อมอีกวันน่า”“ประโยคปลอบใจตัวเองสุดๆ” แจงแซวพร้อมหัวเราะเบาๆ ขณะที่ทุกคนเดินไปยังจุดเริ่มต้นของเวทีเสี
เมื่อถึงเวลาซ้อม เจนเดินออกไปยังจุดเริ่มต้นของเวที สวมชุดราตรีที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับงานนี้ เนื้อผ้าพลิ้วไหวและความยาวของชุดทำให้เธอต้องเดินอย่างระมัดระวังทุกก้าว“เชิดหน้านิดนึง เจน!” ทีมงานคนหนึ่งตะโกนแนะนำด้วยน้ำเสียงจริงจังเจนสูดลมหายใจลึก พยายามปรับท่าทางให้สง่างาม ขณะเดินตรงตามทางที่ซ้อมไว้“นี่มันยากกว่าที่คิดนะ...” เธอพึมพำเบาๆ“ไม่ใช่แค่แกหรอก ฉันก็ลุ้นเหมือนกันว่าจะสะดุดมั้ย” ฟ้าที่เดินตามอยู่ด้านหลังกระซิบพร้อมหัวเราะเบาๆ“แกอย่าทำให้ฉันประหม่าดิ” เจนตอบกลับพร้อมถอนหายใจ“โอเค! เจน ฟ้า แจง หยุดตรงจุดที่มาร์คไว้ แล้ว ม่อน ใหม่ แต เดินไปหยุดข้างสามสาวนั่น” เสียงทีมงานบรีฟดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ทุกคนเริ่มเดินไปยังจุดที่กำหนดเจนมองตามที่มาร์คไว้ตรงปลายเวที เธอก้าวเดินอย่างระมัดระวังจนไปถึงจุดหมาย ก่อนจะเหลือบเห็นม่อนเดินตรงเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาฉายรอยยิ้มอย่างจงใจมาทางเธอ“สวยนะ” ม่อนพูดเมื่อเดินมาหยุดข้างเธอ“ขอบคุณ แต่ช่วยตั้งใจซ้อมดีกว่านะ”ม่อนหัวเราะเบาๆ“อย่าห่วงเลย ผมเก่งเรื่องนี้อยู่แล้ว”“โอเคครับ! หนุ่มๆ ยกมือขึ้น ส่วนสาวๆ วางมือลงบนมือของหนุ่ม
ยามค่ำคืนที่ผับไนท์อาวน์ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานและแสงไฟสีสันสดใส ม่อนนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนหกถึงเจ็ดคนที่กำลังสังสรรค์กันอย่างเฮฮา แต่เขากลับนั่งเงียบ สีหน้าไม่สนุกเหมือนคนอื่น เอเจ เพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ หันมามองด้วยความสงสัย“เป็นเชี่ยไรวะ?” เอเจถามพลางกระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม“มันแห้วแดก” ใหม่ เพื่อนในกลุ่มอีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจะเยาะ พลางหัวเราะร่วนม่อนหันไปมองใหม่ตาขวาง“วอนโดนตีนซะละ มึง!”“กูพูดเรื่องจริง ดูหน้ามึงดิ เขียนไว้ชัดเลยว่า ‘โดนเท’ ” ใหม่พูดพลางทำท่ากวนประสาท“สาวไหนกล้าเทเพื่อนกูวะเนี่ย” เอเจหัวเราะ กอดคอเพื่อนม่อนกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนตอบเสียงขุ่น เมื่อถูกเพื่อนๆ ซักไซ้“เจนจิรา”ชื่อที่ออกจากปากเขาทำให้เอเจขมวดคิ้ว มองม่อนด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เจนจิรา? เด็กบัญชี? ยัยสาวห้าวอะนะ?” เอเจพูดเสียงสูงม่อนพยักหน้าช้าๆ สีหน้าฉายแววไม่พอใจ“เออ จะห้าวยังไงก็เหอะ กูไม่เชื่อว่า คนอย่างกูจะจีบไม่ติด”“ถามจริง ทำไมสนใจยัยนั่นวะ สาวๆ ที่ชอบมึงก็เยอะแยะ”ม่อนนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววแน่วแน่ พลางนึกถึงใบหน้าสวยหวานของเจนที่ไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
เจนกระโดดลงจากรถของเชษทันทีที่มันจอดสนิทหน้าโรงยิมของค่ายมวย เธอวิ่งเข้าไปข้างในโดยไม่รอเขา สภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เธอยืนอึ้งไปชั่วขณะกระสอบทรายฉีกกระจุย แผ่นไม้และอุปกรณ์ฝึกซ้อมกระจัดกระจายบนพื้น นักมวยฝึกหัดบางคนกำลังถูกปฐมพยาบาล บางคนมีแผลฟกช้ำตามร่างกาย ขณะที่ใกล้เวทีมวย เธอเห็นร่างของชายฉกรรจ์หลายคนที่นอนกองพะเนินกันอยู่ บางคนส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด“พี่!!”เจนตะโกนเรียกขณะวิ่งเข้าไปหาพี่ชายสามคนของเธอที่ยืนอยู่ใกล้เวทีมวย พี่กร พี่นนท์ และพี่เดย์หันมามองเธอพร้อมกัน สีหน้าของแต่ละคนตึงเครียดข้างๆ พี่ชายของเธอ มีชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวอีกหนึ่งคนยืนอยู่ด้วย ชายหนุ่มคนแรกคือ เคน ลูกพี่ลูกน้องของครอบครัวเจน เขาแต่งตัวในชุดสูทสีดำที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยอำนาจ แววตาคมกริบบ่งบอกถึงความเฉียบคมและประสบการณ์ในโลกใต้ดินที่เขาครอบครองอีกคนคือ เบียร์ ชายหนุ่มร่างสูงหล่อเหลา ผิวขาวสะอาดสะอ้าน สวมเสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงยีนส์ที่ให้ลุคสบายๆ แต่ดูดีอย่างไม่ต้องพยายาม เบียร์เป็นเพื่อนสนิทของพี่คิง ส่วนหญิงสาวสวย รูปร่างปราดเปรียวผมยาวสีน้ำตาลอ่อนที่ยืนอยู่ข้างเบียร์คือ เนย แฟนสาวของเ
กว่าเชษจะพาเจนกลับมาถึงคอนโดก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม เมื่อมาถึง เจนก็นั่งลงบนโซฟาทันที เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบแชทในกลุ่มของค่าย สีหน้าของเธอแม้จะนิ่งเรียบ แต่แววตากลับฉายแววครุ่นคิดอย่างเห็นได้ชัดเชษเดินไปหยิบน้ำเย็นจากตู้เย็น ก่อนจะเดินมาวางแก้วไว้ตรงหน้าเธอ“ดื่มน้ำก่อนดิ”เจนเงยหน้าขึ้นมองเขาเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจ“ฉันแค่กำลังคิดว่า...จะจัดการเรื่องที่ค่ายยังไงดี”เชษนั่งลงข้างเธอ แขนยาวพาดพนักโซฟา“เธอไม่ต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียวก็ได้ เฮียเคนไรนั่นมาช่วยแล้วนี่”“ฉันรู้...” เจนพูดเสียงเบา พลางเลื่อนสายตามองแก้วน้ำตรงหน้า แต่ไม่ยกขึ้นดื่มเชษโน้มตัวไปหาเธอเล็กน้อย“รู้แล้วก็พักบ้าง เดี๋ยวเรื่องกลุ่มนายทุนไรนั่น ฉันจะช่วยอีกแรง”“นายจะช่วยอะไรได้ล่ะ?” เจนถามกลับ น้ำเสียงมีความแคลงใจเล็กน้อยเชษยักไหล่ ยิ้มมุมปาก“เธอจะลองใช้ฉันดูหน่อยมั้ยล่ะ?ฉันไม่ได้มีแค่กล้าม แต่ฉันมีสมองด้วยนะ”คำพูดของเขาทำให้เจนหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แม้ความกังวลในใจจะยังไม่หายไปทั้งหมด แต่การที่เชษพยายามอยู่เคียงข้างเธอในตอนนี้ ก็ช่วยให้เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง“นายกวนประสาทน้อยกว่านี้ได้มั้ย?” เจนพูดติดขำ“ก็ได
เช้าวันถัดมา เชษได้รับสายจากเลขาของพ่อ แจ้งให้เขาเข้าพบที่บริษัทด่วน ทำให้เชษต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันหลังจากเชษขับรถไปส่งเจนที่มหาวิทยาลัย เขาก็จอดรถริมฟุตบาทตรงหน้าคณะของเธอ“เลิกเรียนแล้วไปงานบายเนียร์เลยใช่มั้ย?” เชษถามพลางเลื่อนมือไปปรับกระจกมองหลังเจนพยักหน้า “อื้อ แล้วนายไม่ยุ่งเหรอ?”“ฉันเคลียร์ได้อยู่แล้ว” เชษยิ้มมุมปาก ก่อนพูดต่อ“ฉันจะไปรับเธอที่งานเลยก็แล้วกัน”“นายจะมารับฉันที่งานเหรอ?” เจนเลิกคิ้ว“แล้วงานนาย?”“งานของฉันไม่สำคัญเท่าเธออยู่แล้ว” เชษตอบหน้าตาย แต่สายตาคมกริบที่สบมาทำให้เจนใจเต้นแรงจนต้องเบือนหน้าหนี“โอเคๆ แต่นายอย่าสายล่ะ ฉันไม่อยากเป็นคนสุดท้ายที่ต้องรอ” เจนพูดพลางเปิดประตูลงจากรถเชษหัวเราะเบาๆ“ไม่ต้องห่วง ฉันไปทันอยู่แล้ว”เจนโบกมือลา ก่อนเดินเข้าไปในคณะ ขณะที่เชษนั่งมองตามหลังเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจลึก แล้วหมุนพวงมาลัยขับรถออกไปยังบริษัทของพ่อแม้ว่าในหัวของเขาจะมีแต่เรื่องของเจน แต่เขาก็รู้ดีว่า งานนี้ที่พ่อเรียกพบต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอนภายในห้องทำงานของผู้บริหารใหญ่ของบริษัท SK Construction เชษเดินเข้ามาพร้อมท่าทีสบายๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าข
เวลาหนึ่งทุ่ม แสงไฟหลากสีจากโคมระย้าในห้องจัดเลี้ยงใหญ่ของโรงแรมดังใจกลางเมืองส่องประกายลงมา สร้างบรรยากาศหรูหราราวกับหลุดเข้าไปในงานเต้นรำในเทพนิยายโต๊ะกลมถูกจัดเรียงอย่างสวยงามประดับด้วยดอกกุหลาบสีขาวและสีแดง เสียงเพลงแจ๊สเบาๆ คลอไปกับเสียงพูดคุยของนักศึกษาชั้นปีสี่และปีสามที่เริ่มทยอยมาร่วมงาน บรรดาสาวๆ ในชุดราตรียาวและหนุ่มๆ ในสูทเนี้ยบต่างตื่นเต้นกับค่ำคืนพิเศษนี้บริเวณทางเข้าห้องจัดเลี้ยงถูกตกแต่งด้วยซุ้มถ่ายรูปที่ประดับไฟระยิบระยับ พร้อมฉากหลังธีม ‘งานเต้นรำ’ ดูหรูหราและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการพูดคุยอย่างสนุกสนาน บางกลุ่มกำลังถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ขณะที่บางคนตื่นเต้นกับการพบเพื่อนใหม่จากคณะอื่น“พวกแก ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย!” แจงร้องเรียกพลางยื่นมือถือให้ฟ้า“ได้เลย! ยิ้มสวยๆ นะ” ฟ้ายิ้มกว้างพลางยกมือถือขึ้นเล็งเจนที่ยืนอยู่ข้างแจงในชุดราตรีสีเขียวมรกต ดูงดงามสะกดสายตา ใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา แต่กลับขับให้ดวงตากลมโตดูโดดเด่นเป็นพิเศษ ผมยาวถูกรวบหลวมๆ เปิดให้เห็นต้นคอระหงและเครื่องประดับที่ช่วยเสริมลุคให้สมบูรณ์แบบ“นี่ ฉ
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นด้านหลังม่อน พร้อมคำพูดที่เสียดแทงความรู้สึก“หึ ดูท่านายจะสู้เชษไม่ได้สินะ”ม่อนหันไปมองอย่างหงุดหงิด ดวงตาแข็งกร้าวสบกับเฟิร์นที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ในชุดราตรีสีครีม เปิดไหล่เผยผิวเนียนละเอียดอย่างจงใจ โดยเฉพาะเนินอกขาวที่ล้นออกมาจากชุด“เธอเองเหรอ” ม่อนพึมพำ ก่อนจะหยิบแก้วไวน์ขึ้นมากระดกอีกครั้งอย่างไม่สนใจ“นายอยากได้เจนมากแค่ไหนกันล่ะ?”เฟิร์นถามเสียงเย้ายวน ขณะเดินเข้ามาใกล้ ชุดที่เธอสวมยิ่งเน้นรูปร่างอันเย้ายวน ทำให้สายตาหลายคู่ในงานมองตามอย่างไม่ตั้งใจม่อนถอนหายใจ พ่นลมหงุดหงิดออกจมูก“หึ เธอจะทำได้เรอะ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดูแคลน“นายก็ต้องลองปะ?” เฟิร์นยิ้มบาง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เธอยกแขนขึ้นโอบรอบคอของม่อนอย่างจงใจ ปลายเล็บแตะเบาๆ ที่ท้ายทอยของเขา ขณะที่เบียดหน้าอกอวบอิ่มเข้ากับอกแกร่งของม่อนม่อนมองเธอด้วยสายตาเย็นชา แต่แววตาเริ่มมีประกายความสนใจเจือปน“แล้วเธอจะช่วยฉันยังไง?”“ง่ายมาก” เฟิร์นกระซิบข้างหู น้ำเสียงแผ่วเบาจนเหมือนลมร้อนที่ทำให้ม่อนนิ่งไป“งั้นเธอต้องโชว์ให้ฉันดูละ” ม่อนกระตุกยิ้มร้าย ถึงคืนนี้เขาจะไม่ได้ตัวเจน แต่
เชษ – [จะบ้าตาย]ให้ตายเหอะ!!ยิ่งผมจูบเจนมากเท่าไหร่ ความต้องการในตัวผมก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นจนแทบควบคุมไม่ได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเพราะฤทธิ์ยาหรือเพราะตัวเธอที่แสนเย้ายวนกันแน่กลิ่นกายหอมละมุนจากเธอเหมือนกับกำลังท้าทายความอดทนของผมจนหมดสิ้น ผมอุ้มร่างบางขึ้นมาแนบอก เดินตรงไปยังเตียงนอนอย่างรวดเร็วเมื่อวางเธอลงบนเตียงได้ ผมก็กดตัวเธอลงให้นอนราบ ขณะที่สายตาผมจับจ้องไปที่ชุดที่เธอสวมอยู่ไอ้ชุดที่ใส่มานี่ก็...เซ็กซี่เกินจนอยากจะฉีกทิ้งแควก!“เฮ้ย นาย!”เธอร้องอย่างตกใจ เมื่อผมไม่ได้แค่คิด แต่กระชากเสื้อจนขาดเหลือเพียงซิลิโคนที่ปิดจุกไว้เท่านั้นและมันไม่ได้หยุดแค่นั้น เสื้อผ้าของผมเอง รวมถึงกระโปรงสั้นของเธอ ก็ถูกผมปลดออกอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่วินาที ทิ้งทุกชิ้นลงข้างเตียงอย่างไม่สนใจอะไรนอกจากเธอที่อยู่ตรงหน้าผมยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ก่อนจะโน้มตัวลงประกบริมฝีปากจูบเธออีกครั้ง อารมณ์ของผมตอนนี้พลุ่งพล่านจนแทบระเบิด ไม่ว่าจะสัมผัสเธอกี่ครั้ง กี่รอบ ก็ไม่มีวันพอ...“อื๊อ...”เสียงครางแผ่วเบาจากเธอทำให้ผมยิ่งคลั่ง รวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นไว้เหนือศีรษะ พลางก้มลงซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นขอ
เจนที่เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เชษไม่เคยหายไปนานขนาดนี้มาก่อน เธอวางแก้วเครื่องดื่มลง ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไปตามหาเขา ร่างบางเดินเลียบไปตามโถงทางเดินของโซนวีไอพีที่เงียบสงบจนกระทั่งเจนหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เฟิร์นกำลังจูบกับเชษอย่างนัวเนียอยู่ในมุมที่คิดว่าไม่มีใครเห็น ร่างสูงดูเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่ ดวงตาคมของเจนเบิกกว้าง แต่แวบเดียวเท่านั้น ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะวาวโรจน์ด้วยความโกรธเธอกวาดสายตามองรอบตัวจนเจอสายยางสำหรับรดน้ำต้นไม้ที่พาดอยู่ไม่ไกล เจนคว้าสายยาง เปิดน้ำเต็มที่ แล้วฉีดเข้าใส่ทั้งคู่ทันที“กรี๊ดดดดด!!!”เสียงเฟิร์นกรีดร้องลั่น เมื่อกระแสน้ำเย็นเฉียบกระทบตัว ร่างของเธอเปียกโชกทันทีเจนไม่รอช้า เธอตรงเข้าไปกระชากผมเฟิร์นอย่างแรง ก่อนจะผลักร่างของเฟิร์นจนล้มลงไปกองกับพื้นเธอหันกลับไปหาเชษ ตั้งใจจะเล่นงานเขาที่ทำแบบนี้ แต่ร่างสูงกลับทรุดตัวลงนั่งพิงกำแพง ใบหน้าคมซีดเซียว“เชษ! นาย!” เจนเรียกเขาเสียงเขียว แต่ทันทีที่เห็นอาการเขา ร่างบางชะงักไป“ฉัน...โดนยา...” เสียงของเขาแผ่วเบา ร่างสูงกัดฟันแน่นพยายามข่มอาการคำพูดนั้นทำให้เจนชะงักไปชั่วครู่ ดวงตาของเธอเบิกกว้า
เสียงเพลงในผับดังสนั่น แขกเหรื่อบนฟลอร์เต้นรำกำลังสนุกสนาน แต่บรรยากาศเปลี่ยนไปชั่วขณะเมื่อกลุ่มของเจนเดินเข้ามาในผับทุกสายตาหันมาจับจ้อง พนักงานเสิร์ฟบางคนถึงกับหยุดชะงัก หยุดเดินตามธรรมชาติ เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบทิศ คนในผับเริ่มซุบซิบกันเบาๆเจนในลุคที่ไม่เหมือนปกติ เธอสวมเสื้อสายเดี่ยวสีแดงสดเปิดหลัง เนื้อผ้ามันวาวสะท้อนแสงไฟในผับ เผยเนินอกอวบอิ่มและแผ่นหลังขาวเนียน กระโปรงหนังสีดำแหวกข้างเล็กน้อยโชว์เรียวขา ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้ทุกก้าวย่างของเธอดูเย้ายวน รองเท้าส้นสูงคู่เก่งช่วยเสริมให้เธอดูสง่างามและเซ็กซี่จนเกินห้ามใจฟ้าและแจงที่แต่งตัวเซ็กซี่ไม่แพ้กันเดินขนาบข้าง ดึงดูดความสนใจจากผู้คนในผับได้ไม่แพ้เจน เสียงเพลงเหมือนจะเบาลงชั่วขณะ ทุกคนในบริเวณใกล้เคียงหันมามองพวกเธอเป็นตาเดียวเชษที่นั่งอยู่ในโซนวีไอพีกับโจ้และเฟย์ ชะงักไปทันทีเมื่อเห็นเจนเดินเข้ามา ดวงตาคมเข้มเบิกกว้าง รอยยิ้มมุมปากที่มักติดตัวหายไปทันที เหลือเพียงสีหน้าตะลึงงันกับลุคของเธอในคืนนี้โจ้กับเฟย์ที่ยืนอยู่ห่างไปเล็กน้อยถึงกับยกแก้วขึ้นปิดปาก หันมามองหน้ากันก่อนรีบเดินตรงกลับมาที่โต๊ะทันที“เชี่ย! นั่นเจนจริงเหรอวะ?
ในห้องแต่งตัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าหลากสีและเครื่องสำอางกระจายเต็มโต๊ะ ฟ้าและแจงยืนจ้องเจนที่ใส่สายเดี่ยวสีขาวธรรมดา คลุมด้วยซีทรูสีดำ และกางเกงสกินนี่เอวสูงอย่างเอือมระอา“แกแต่งแบบนี้ไม่ได้!” ฟ้าพูดขึ้น พร้อมกับทำสีหน้าเหมือนเห็นอะไรที่รับไม่ได้“ใช่! แกต้องแต่งให้เลิศหน่อยเว้ย!” แจงเสริมทันที“ทำไมอะ? ฉันว่าแค่นี้ก็พอแล้วปะ?”“ไม่พอ!!!” ฟ้าและแจงประสานเสียงกัน ก่อนที่ฟ้าจะเดินมาคว้าแขนเจน“มานี่! เดี๋ยวพวกฉันจัดให้เอง”สิบห้านาทีต่อมา...เจนยืนอยู่หน้ากระจก ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในลุคที่เปลี่ยนไปจนแทบไม่เชื่อสายตาฟ้าเลือกเสื้อสายเดี่ยวสีแดงสด ดีไซน์เก๋ด้วยสายห่วงโซ่ไขว้กันด้านหลัง เปิดโชว์แผ่นหลังขาวเนียนอย่างน่ามอง เนื้อผ้ามันวาว ด้านหน้าถูกออกแบบให้เว้าลึกเล็กน้อย เผยให้เห็นเนินอกอิ่มอย่างพอเหมาะ ดูหรูหราและเย้ายวนในคราวเดียวกันส่วนแจงจัดการเลือกกระโปรงหนังสีดำสั้นเหนือเข่า มีดีไซน์แหวกข้างเล็กน้อย โชว์เรียวขาขาวเนียนที่ดูโดดเด่นและสะดุดตา“แกต้องโชว์ขานิดๆ แต่ไม่โป๊ นี่แหละ...กำลังดี” แจงพูดด้วยรอยยิ้มพอใจฟ้าไม่หยุดแค่นั้น เธอหยิบรองเท้าส้นสูงสีดำ
สองวันต่อมา...ภายในห้องคอนโดของเชษ แสงแดดยามสายลอดผ่านม่านสีเทาอ่อน ส่องกระทบโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารและหน้าจอแล็ปท็อปที่เปิดอีเมลหลายฉบับ เชษนั่งอยู่ที่โต๊ะ ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียด คิ้วขมวดจนแทบจะเป็นปม ขณะที่ดวงตาคมกริบไล่สายตาอ่านข้อมูลบนหน้าจอเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง เจนในชุดลำลองสบายๆ เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมแล็ปท็อปในมือ เธอหยุดยืนอยู่ข้างหลังเชษ สายตาสอดส่องมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งคร่ำเคร่งอยู่กับหน้าจอ“นายทำไรอะ?”เชษเงยหน้าขึ้นจากเอกสารดิจิทัลในหน้าจอแล็ปท็อป ก่อนจะยิ้มมุมปาก ดึงร่างบางของเจนมานั่งบนตักโดยไม่พูดอะไร แล็ปท็อปในมือของเธอถูกดึงไปวางไว้บนโต๊ะ แขนแกร่งโอบรอบเอวของเธอไว้หลวมๆ“กำลังดูข้อมูลของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่น บริษัทที่ชนะประมูลนั่นแหละ”เจนมองจอแล็ปท็อปที่แสดงข้อมูลอยู่ เธอเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะพึมพำเบาๆ“ฮั้วประมูลเหรอ?”“อืม...”เชษพยักหน้า ดวงตาคมจ้องข้อมูลตรงหน้า ก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด“ฉันมีเรื่องอยากถาม...”“หืม?” เจนเลิกคิ้ว หันมามองเขา“เฮียเคนเป็นใคร?”เจนกระพริบตาปริบๆ คำถามนั้นทำให้เธอชะงักไป เธอร
ด้านเจน ด้วยความช่วยเหลือจากเคน ทำให้เธอปลอมตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟของโรงแรม ภายใต้ยูนิฟอร์มเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาและกระโปรงสีดำเข้ารูป พร้อมผ้ากันเปื้อนสีครีมที่ทำให้เธอดูไม่สะดุดตาเกินไป แต่แฝงไปด้วยความคล่องตัว ใบหน้าหวานของเธอถูกแต่งแต้มบางเบาเพื่อไม่ให้เป็นที่จดจำง่ายเกินไปเจนได้รับมอบหมายให้ดูแลห้องประชุมส่วนตัวที่ชั้นสองของโรงแรม ห้องประชุมนี้ถูกจองโดยบริษัท ‘โครนอส อินดัสทรีส์’ ซึ่งจากข้อมูลที่เธอได้รับมา เป็นหนึ่งในกลุ่มทุนสีเทาที่มีข่าวลือว่าพัวพันกับการฮั้วประมูลโครงการเซ็นทรัลอเวนิว ทาวเวอร์ห้องประชุมส่วนตัวบนชั้นสองของโรงแรมถูกจัดแต่งอย่างหรูหรา โทนสีขาวทอง ผ้าม่านหนาปิดบังหน้าต่างเพื่อความเป็นส่วนตัว โต๊ะยาวกลางห้องถูกจัดด้วยอุปกรณ์สำหรับประชุม และมีพื้นที่สำหรับบุฟเฟต์อาหารที่จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเจนพยายามเก็บสีหน้าให้เรียบเฉย ขณะเดินเข้าไปเช็กความเรียบร้อยของอาหารและเครื่องดื่มที่จัดเตรียมไว้ เธอรู้สึกถึงสายตาบางคู่ที่แอบมองมาทางเธอ แต่ก็พยายามไม่แสดงท่าทีพิรุธเจนเดินเข้าไปหยิบถาดเครื่องดื่ม ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องอย่างแนบเนียน บรรยากาศ
เชษนั่งอยู่บนโซฟาของคอนโด ใบหน้าคมเคร่งเครียดขณะเลื่อนอ่านข้อมูลที่บอสส่งมาให้บนแล็ปท็อป เสียงพึมพำเบาๆ ของเขาดังขึ้นเป็นจังหวะขณะขบคิดแผนการ“ถ้าอยากได้หลักฐานเพิ่ม…ฉันอาจต้องเข้าไปในงานประมูลเอง” เจนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนเสื้อยืดตัวโคร่งและกางเกงขาสั้น เธอเช็ดผมที่ยังชื้นเล็กน้อย พลางเดินตรงไปหาเชษ“นายดูเครียดมากเลยนะ มีอะไรเหรอ?”เชษเงยหน้าขึ้นมองเธอ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ“ฉันกำลังคิดแผนหาหลักฐานเกี่ยวกับกลุ่มทุนสีเทาน่ะ” เจนขมวดคิ้วนิดๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างเขา“แผนอะไร?”เชษวางแล็ปท็อปลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะพูดเสียงจริงจัง“ตอนนี้ฉันมีข้อมูลบางอย่างที่พอจะเชื่อมโยงพวกมันได้ แต่ยังไม่พอสำหรับเอาไปใช้เล่นงานพวกนั้น ถ้าฉันสามารถเข้าไปร่วมงานประมูลเซ็นทรัลอเวนิว ทาวเวอร์ได้ ฉันอาจหาโอกาสเจาะลึกข้อมูลของพวกมันเพิ่มได้” “งานประมูล? นายจะเข้าไปยังไง?”“บริษัทของพ่อฉัน…SK Construction เป็นหนึ่งในผู้ร่วมประมูล ฉันสามารถเข้าไปในฐานะตัวแทนได้ แต่…” เชษพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกังวล“แต่อะไร?” เจนถาม พร้อมมองหน้าเขานิ่ง“มันเสี่ยง ถ้าพวกนั้นรู้ตัวว่าเรากำลังตามสืบข้
ภายในร้านกาแฟเบลนด์ แอนด์ บรู ร้านเล็กๆ ใจกลางเมือง ที่ตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟต์ เรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น เชษนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่ง มือหนาเขี่ยแก้วกาแฟที่เหลือเพียงก้นแก้วไปมา ขณะสายตาคมทอดมองผ่านกระจกบานใหญ่ที่เผยให้เห็นความวุ่นวายของเมืองด้านนอกเสียงกระดิ่งดังเบาๆ เมื่อประตูร้านเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาลคลาสสิกและกางเกงยีนส์ขาดเล็กน้อยก้าวเข้ามา ใบหน้าของเขาเปื้อนยิ้มมั่นใจ ขณะที่สายตากวาดมองหาเป้าหมาย“ว่าไงเรา” ชายหนุ่มเอ่ยทัก ก่อนเดินตรงมานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเชษ“มาช้าจัง พี่บอส” เชษพูดพลางยกยิ้มมุมปาก“เอาน่า รีบสุดๆ แล้ว” บอสหัวเราะเบาๆ พร้อมยกมือโบกเรียกพนักงานมารับออเดอร์กาแฟเชษพิงหลังกับพนักเก้าอี้ สายตามองบอสด้วยความคุ้นเคยย้อนกลับไปตอนที่พวกเขาเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกในงานสัมมนาด้านเทคโนโลยีที่จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยชั้นนำ เชษซึ่งในตอนนั้นเป็นนักศึกษาวิศวกรรมโยธาปีสอง เข้าร่วมงานด้วยความตั้งใจอยากเรียนรู้เทคนิคการออกแบบโครงสร้างอาคารด้วยซอฟต์แวร์ขั้นสูงขณะเดียวกัน บอสซึ่งเป็นวิทยากรรับเชิญ กำลังพูดถึงการนำเทคโนโลยี AI และการเขียนโปรแกรมมาประยุกต
“อ๊า...อ๊า...เชษ...งื้อ...”เจนครางเสียงกระเส่า เมื่อปลายลิ้นร้อนของเชษสอดเข้าไปในตัวเธอ ลิ้นของเขากระดกรัวอย่างชำนาญ สร้างสัมผัสที่ลึกล้ำและเร่าร้อน เกลียวลิ้นดันขึ้นลงหลายครั้งราวกับตั้งใจปลุกเร้าให้เธอถึงจุดสุดยอดมือเรียวบางของเจนเลื่อนขึ้นมาจิกบ่าของเขาแน่น ร่างบางสะท้านไปทั้งตัวจากความเสียวซ่านที่ถาโถมเข้ามา ท้องน้อยของเธอเกร็งแน่นจนไม่อาจควบคุมได้ขณะที่ปลายลิ้นร้อนของเขาบดขยี้จุดไวสัมผัสอย่างเร่าร้อน มือหนาของเชษก็ไม่หยุดนิ่ง เลื่อนขึ้นมาบดบี้และขยี้ยอดถันสีสวยของเธอเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความชำนาญ การกระทำของเขายิ่งเพิ่มความเสียวซ่านให้กับเจนจนแทบทนไม่ไหวร่างบางกัดริมฝีปากแน่น พยายามระบายความวาบหวามที่พุ่งพล่าน มือเรียวของเธอเผลอยกขึ้นขยุ้มผมของเขาโดยไม่รู้ตัว ร่างกายตอบสนองต่อสัมผัสของเขาอย่างลืมตัว ทุกจังหวะที่เขาเคลื่อนไหวราวกับยิ่งพาเธอเข้าสู่ห้วงอารมณ์ที่ลึกซึ้งและเร่าร้อนขึ้นไปอีก“อืม...” เชษพึมพำเสียงต่ำในลำคอ ขณะที่ปลายลิ้นของเขายังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ราวกับตั้งใจปลุกเร้าทุกความรู้สึกของเจน ยิ่งได้ยินเสียงครางหวานที่หลุดออกจากริมฝีปากของเธอ เขาก็ยิ่งเพิ่มความพริ้วไหวขอ