เมื่อถึงเวลาซ้อม เจนเดินออกไปยังจุดเริ่มต้นของเวที สวมชุดราตรีที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับงานนี้ เนื้อผ้าพลิ้วไหวและความยาวของชุดทำให้เธอต้องเดินอย่างระมัดระวังทุกก้าว“เชิดหน้านิดนึง เจน!” ทีมงานคนหนึ่งตะโกนแนะนำด้วยน้ำเสียงจริงจังเจนสูดลมหายใจลึก พยายามปรับท่าทางให้สง่างาม ขณะเดินตรงตามทางที่ซ้อมไว้“นี่มันยากกว่าที่คิดนะ...” เธอพึมพำเบาๆ“ไม่ใช่แค่แกหรอก ฉันก็ลุ้นเหมือนกันว่าจะสะดุดมั้ย” ฟ้าที่เดินตามอยู่ด้านหลังกระซิบพร้อมหัวเราะเบาๆ“แกอย่าทำให้ฉันประหม่าดิ” เจนตอบกลับพร้อมถอนหายใจ“โอเค! เจน ฟ้า แจง หยุดตรงจุดที่มาร์คไว้ แล้ว ม่อน ใหม่ แต เดินไปหยุดข้างสามสาวนั่น” เสียงทีมงานบรีฟดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ทุกคนเริ่มเดินไปยังจุดที่กำหนดเจนมองตามที่มาร์คไว้ตรงปลายเวที เธอก้าวเดินอย่างระมัดระวังจนไปถึงจุดหมาย ก่อนจะเหลือบเห็นม่อนเดินตรงเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาฉายรอยยิ้มอย่างจงใจมาทางเธอ“สวยนะ” ม่อนพูดเมื่อเดินมาหยุดข้างเธอ“ขอบคุณ แต่ช่วยตั้งใจซ้อมดีกว่านะ”ม่อนหัวเราะเบาๆ“อย่าห่วงเลย ผมเก่งเรื่องนี้อยู่แล้ว”“โอเคครับ! หนุ่มๆ ยกมือขึ้น ส่วนสาวๆ วางมือลงบนมือของหนุ่ม
ยามค่ำคืนที่ผับไนท์อาวน์ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานและแสงไฟสีสันสดใส ม่อนนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนหกถึงเจ็ดคนที่กำลังสังสรรค์กันอย่างเฮฮา แต่เขากลับนั่งเงียบ สีหน้าไม่สนุกเหมือนคนอื่น เอเจ เพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ หันมามองด้วยความสงสัย“เป็นเชี่ยไรวะ?” เอเจถามพลางกระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม“มันแห้วแดก” ใหม่ เพื่อนในกลุ่มอีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจะเยาะ พลางหัวเราะร่วนม่อนหันไปมองใหม่ตาขวาง“วอนโดนตีนซะละ มึง!”“กูพูดเรื่องจริง ดูหน้ามึงดิ เขียนไว้ชัดเลยว่า ‘โดนเท’ ” ใหม่พูดพลางทำท่ากวนประสาท“สาวไหนกล้าเทเพื่อนกูวะเนี่ย” เอเจหัวเราะ กอดคอเพื่อนม่อนกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนตอบเสียงขุ่น เมื่อถูกเพื่อนๆ ซักไซ้“เจนจิรา”ชื่อที่ออกจากปากเขาทำให้เอเจขมวดคิ้ว มองม่อนด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เจนจิรา? เด็กบัญชี? ยัยสาวห้าวอะนะ?” เอเจพูดเสียงสูงม่อนพยักหน้าช้าๆ สีหน้าฉายแววไม่พอใจ“เออ จะห้าวยังไงก็เหอะ กูไม่เชื่อว่า คนอย่างกูจะจีบไม่ติด”“ถามจริง ทำไมสนใจยัยนั่นวะ สาวๆ ที่ชอบมึงก็เยอะแยะ”ม่อนนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววแน่วแน่ พลางนึกถึงใบหน้าสวยหวานของเจนที่ไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
เจนกระโดดลงจากรถของเชษทันทีที่มันจอดสนิทหน้าโรงยิมของค่ายมวย เธอวิ่งเข้าไปข้างในโดยไม่รอเขา สภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เธอยืนอึ้งไปชั่วขณะกระสอบทรายฉีกกระจุย แผ่นไม้และอุปกรณ์ฝึกซ้อมกระจัดกระจายบนพื้น นักมวยฝึกหัดบางคนกำลังถูกปฐมพยาบาล บางคนมีแผลฟกช้ำตามร่างกาย ขณะที่ใกล้เวทีมวย เธอเห็นร่างของชายฉกรรจ์หลายคนที่นอนกองพะเนินกันอยู่ บางคนส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด“พี่!!”เจนตะโกนเรียกขณะวิ่งเข้าไปหาพี่ชายสามคนของเธอที่ยืนอยู่ใกล้เวทีมวย พี่กร พี่นนท์ และพี่เดย์หันมามองเธอพร้อมกัน สีหน้าของแต่ละคนตึงเครียดข้างๆ พี่ชายของเธอ มีชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวอีกหนึ่งคนยืนอยู่ด้วย ชายหนุ่มคนแรกคือ เคน ลูกพี่ลูกน้องของครอบครัวเจน เขาแต่งตัวในชุดสูทสีดำที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยอำนาจ แววตาคมกริบบ่งบอกถึงความเฉียบคมและประสบการณ์ในโลกใต้ดินที่เขาครอบครองอีกคนคือ เบียร์ ชายหนุ่มร่างสูงหล่อเหลา ผิวขาวสะอาดสะอ้าน สวมเสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงยีนส์ที่ให้ลุคสบายๆ แต่ดูดีอย่างไม่ต้องพยายาม เบียร์เป็นเพื่อนสนิทของพี่คิง ส่วนหญิงสาวสวย รูปร่างปราดเปรียวผมยาวสีน้ำตาลอ่อนที่ยืนอยู่ข้างเบียร์คือ เนย แฟนสาวของเ
กว่าเชษจะพาเจนกลับมาถึงคอนโดก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม เมื่อมาถึง เจนก็นั่งลงบนโซฟาทันที เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบแชทในกลุ่มของค่าย สีหน้าของเธอแม้จะนิ่งเรียบ แต่แววตากลับฉายแววครุ่นคิดอย่างเห็นได้ชัดเชษเดินไปหยิบน้ำเย็นจากตู้เย็น ก่อนจะเดินมาวางแก้วไว้ตรงหน้าเธอ“ดื่มน้ำก่อนดิ”เจนเงยหน้าขึ้นมองเขาเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจ“ฉันแค่กำลังคิดว่า...จะจัดการเรื่องที่ค่ายยังไงดี”เชษนั่งลงข้างเธอ แขนยาวพาดพนักโซฟา“เธอไม่ต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียวก็ได้ เฮียเคนไรนั่นมาช่วยแล้วนี่”“ฉันรู้...” เจนพูดเสียงเบา พลางเลื่อนสายตามองแก้วน้ำตรงหน้า แต่ไม่ยกขึ้นดื่มเชษโน้มตัวไปหาเธอเล็กน้อย“รู้แล้วก็พักบ้าง เดี๋ยวเรื่องกลุ่มนายทุนไรนั่น ฉันจะช่วยอีกแรง”“นายจะช่วยอะไรได้ล่ะ?” เจนถามกลับ น้ำเสียงมีความแคลงใจเล็กน้อยเชษยักไหล่ ยิ้มมุมปาก“เธอจะลองใช้ฉันดูหน่อยมั้ยล่ะ?ฉันไม่ได้มีแค่กล้าม แต่ฉันมีสมองด้วยนะ”คำพูดของเขาทำให้เจนหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แม้ความกังวลในใจจะยังไม่หายไปทั้งหมด แต่การที่เชษพยายามอยู่เคียงข้างเธอในตอนนี้ ก็ช่วยให้เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง“นายกวนประสาทน้อยกว่านี้ได้มั้ย?” เจนพูดติดขำ“ก็ได
เช้าวันถัดมา เชษได้รับสายจากเลขาของพ่อ แจ้งให้เขาเข้าพบที่บริษัทด่วน ทำให้เชษต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันหลังจากเชษขับรถไปส่งเจนที่มหาวิทยาลัย เขาก็จอดรถริมฟุตบาทตรงหน้าคณะของเธอ“เลิกเรียนแล้วไปงานบายเนียร์เลยใช่มั้ย?” เชษถามพลางเลื่อนมือไปปรับกระจกมองหลังเจนพยักหน้า “อื้อ แล้วนายไม่ยุ่งเหรอ?”“ฉันเคลียร์ได้อยู่แล้ว” เชษยิ้มมุมปาก ก่อนพูดต่อ“ฉันจะไปรับเธอที่งานเลยก็แล้วกัน”“นายจะมารับฉันที่งานเหรอ?” เจนเลิกคิ้ว“แล้วงานนาย?”“งานของฉันไม่สำคัญเท่าเธออยู่แล้ว” เชษตอบหน้าตาย แต่สายตาคมกริบที่สบมาทำให้เจนใจเต้นแรงจนต้องเบือนหน้าหนี“โอเคๆ แต่นายอย่าสายล่ะ ฉันไม่อยากเป็นคนสุดท้ายที่ต้องรอ” เจนพูดพลางเปิดประตูลงจากรถเชษหัวเราะเบาๆ“ไม่ต้องห่วง ฉันไปทันอยู่แล้ว”เจนโบกมือลา ก่อนเดินเข้าไปในคณะ ขณะที่เชษนั่งมองตามหลังเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจลึก แล้วหมุนพวงมาลัยขับรถออกไปยังบริษัทของพ่อแม้ว่าในหัวของเขาจะมีแต่เรื่องของเจน แต่เขาก็รู้ดีว่า งานนี้ที่พ่อเรียกพบต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอนภายในห้องทำงานของผู้บริหารใหญ่ของบริษัท SK Construction เชษเดินเข้ามาพร้อมท่าทีสบายๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าข
เวลาหนึ่งทุ่ม แสงไฟหลากสีจากโคมระย้าในห้องจัดเลี้ยงใหญ่ของโรงแรมดังใจกลางเมืองส่องประกายลงมา สร้างบรรยากาศหรูหราราวกับหลุดเข้าไปในงานเต้นรำในเทพนิยายโต๊ะกลมถูกจัดเรียงอย่างสวยงามประดับด้วยดอกกุหลาบสีขาวและสีแดง เสียงเพลงแจ๊สเบาๆ คลอไปกับเสียงพูดคุยของนักศึกษาชั้นปีสี่และปีสามที่เริ่มทยอยมาร่วมงาน บรรดาสาวๆ ในชุดราตรียาวและหนุ่มๆ ในสูทเนี้ยบต่างตื่นเต้นกับค่ำคืนพิเศษนี้บริเวณทางเข้าห้องจัดเลี้ยงถูกตกแต่งด้วยซุ้มถ่ายรูปที่ประดับไฟระยิบระยับ พร้อมฉากหลังธีม ‘งานเต้นรำ’ ดูหรูหราและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการพูดคุยอย่างสนุกสนาน บางกลุ่มกำลังถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ขณะที่บางคนตื่นเต้นกับการพบเพื่อนใหม่จากคณะอื่น“พวกแก ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย!” แจงร้องเรียกพลางยื่นมือถือให้ฟ้า“ได้เลย! ยิ้มสวยๆ นะ” ฟ้ายิ้มกว้างพลางยกมือถือขึ้นเล็งเจนที่ยืนอยู่ข้างแจงในชุดราตรีสีเขียวมรกต ดูงดงามสะกดสายตา ใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา แต่กลับขับให้ดวงตากลมโตดูโดดเด่นเป็นพิเศษ ผมยาวถูกรวบหลวมๆ เปิดให้เห็นต้นคอระหงและเครื่องประดับที่ช่วยเสริมลุคให้สมบูรณ์แบบ“นี่ ฉ
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นด้านหลังม่อน พร้อมคำพูดที่เสียดแทงความรู้สึก“หึ ดูท่านายจะสู้เชษไม่ได้สินะ”ม่อนหันไปมองอย่างหงุดหงิด ดวงตาแข็งกร้าวสบกับเฟิร์นที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ในชุดราตรีสีครีม เปิดไหล่เผยผิวเนียนละเอียดอย่างจงใจ โดยเฉพาะเนินอกขาวที่ล้นออกมาจากชุด“เธอเองเหรอ” ม่อนพึมพำ ก่อนจะหยิบแก้วไวน์ขึ้นมากระดกอีกครั้งอย่างไม่สนใจ“นายอยากได้เจนมากแค่ไหนกันล่ะ?”เฟิร์นถามเสียงเย้ายวน ขณะเดินเข้ามาใกล้ ชุดที่เธอสวมยิ่งเน้นรูปร่างอันเย้ายวน ทำให้สายตาหลายคู่ในงานมองตามอย่างไม่ตั้งใจม่อนถอนหายใจ พ่นลมหงุดหงิดออกจมูก“หึ เธอจะทำได้เรอะ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดูแคลน“นายก็ต้องลองปะ?” เฟิร์นยิ้มบาง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เธอยกแขนขึ้นโอบรอบคอของม่อนอย่างจงใจ ปลายเล็บแตะเบาๆ ที่ท้ายทอยของเขา ขณะที่เบียดหน้าอกอวบอิ่มเข้ากับอกแกร่งของม่อนม่อนมองเธอด้วยสายตาเย็นชา แต่แววตาเริ่มมีประกายความสนใจเจือปน“แล้วเธอจะช่วยฉันยังไง?”“ง่ายมาก” เฟิร์นกระซิบข้างหู น้ำเสียงแผ่วเบาจนเหมือนลมร้อนที่ทำให้ม่อนนิ่งไป“งั้นเธอต้องโชว์ให้ฉันดูละ” ม่อนกระตุกยิ้มร้าย ถึงคืนนี้เขาจะไม่ได้ตัวเจน แต่
“เฮ้ย เจน ฟ้า!!”เสียงแจงดังลั่นขณะที่เธอวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาเพื่อนสองคนที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาไถมือถือดูสถานที่รับนักศึกษาฝึกงานในเวบไซต์ของมหาวิทยาลัยอยู่ที่โต๊ะประจำ“อะไรของแก?” เจนเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ พลางเลิกคิ้วมองเพื่อนที่ดูรีบร้อน“ศุกร์นี้พี่ๆ ทีมงานจะเลี้ยงฉลองที่งานบายเนียร์ออกมาดีงามมากๆ อะ” แจงพูดเร็วแทบไม่หยุดหายใจ พร้อมยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น“แล้ว?” ฟ้าหรี่ตาถาม แต่ยังไม่ยอมวางมือถือ“พวกเขาชวนเราไปด้วย! ไปกันเถอะ นะๆๆ” แจงดึงแขนฟ้าพร้อมกับเขย่าเบาๆ“งานเลี้ยง?” เจนขมวดคิ้วเล็กน้อย“คือจะจัดเลี้ยงอะไรอีกล่ะ?”“พี่ๆ อยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยงานไง ไปเหอะ เขาจัดงานที่ผับอีคลิปส์เลยน้า~” แจงพูดเสียงอ้อน พร้อมปรายตามองเพื่อนสนิททั้งสองคนที่ดูเหมือนไม่สนใจ“เฮ้ย! ผับอีคลิปส์ ลักซ์ เล้าจน์อะนะ!!” ฟ้าตาโตทันที เลิกเล่นมือถือแล้วเงยหน้ามามองแจง“ใช่!!! พลาดได้ไงล่ะ!!” แจงพูดพลางทำตาเป็นประกาย“เออ แบบนี้ต้องไปว่ะ เจนไปดิ๊” ฟ้ารีบหันมาบอกเจนอีกคน“ผับอีคลิปส์? ทำไมชื่อคุ้นๆ วะ” เจนพึมพำเบาๆ ในหัวพยายามนึก“แกว่าไงอะ เจน!” ฟ้าและแจงส่งสายตาอ้อนสุดฤทธิ์เจนกลอกตาเบาๆ ก่อนถอนหายใ
งานแต่งงานระหว่างเชษและเจนถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว การตกแต่งในธีมสีขาวทองสะท้อนถึงความงดงามและความสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตาถูกตัดด้วยแถบผ้าสีทองเล็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวและดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างพิถีพิถันประดับอยู่กลางโต๊ะแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บนเพดานส่งแสงระยิบระยับราวกับดาวที่ประดับฟ้า เสียงดนตรีบรรเลงสดจากวงเครื่องสายสร้างบรรยากาศหวานละมุนและอบอุ่น แขกผู้มีเกียรติซึ่งเต็มไปด้วยคนสำคัญทั้งจากฝั่งครอบครัวและเพื่อนสนิท ต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีและสูทที่ดูสง่างามเชษในชุดสูททักซิโด้สีดำเรียบหรู ดูหล่อเหลาและสง่างามจนแทบทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา เขายืนอยู่ตรงปลายพรมแดงที่ทอดยาวไปจนถึงเวทีพิธี ดวงตาคมมองไปยังประตูห้องอย่างตั้งตารอเสียงฮือฮาของแขกในงานดังขึ้นเมื่อประตูค่อยๆ เปิดออก เจนปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ออกแบบอย่างประณีต ชุดเดรสยาวที่มีลวดลายลูกไม้ละเอียดอ่อนปักด้วยไข่มุกเล็กๆ แวววาว คลุมด้วยเวลยาวสีขาวที่ปลิวไสวเบาๆ ตามจังหวะก้าวเดินเธอเดินเคียงคู่มากับพี่กรที่พาเธอส่งมอบให้กับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ตรงหน้า สายตาของเชษที่มองเจนเต็มไปด
เวลาผ่านไปรวดเร็ว ราวกับติดปีกบินวันนี้เป็นวันสำคัญที่เจนก้าวออกมาจากหอประชุมด้วยชุดครุย ท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของครอบครัวและเพื่อนฝูงที่มาร่วมแสดงความยินดี ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและปลื้มปิติแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใช้เวลาซึมซับบรรยากาศมากนัก เสียงเรียกของเพื่อนสนิทสองคนก็ดังขึ้น“แก! มานี่เลย!”ฟ้าและแจง เดินปรี่เข้ามาหา ก่อนจะสอดแขนจับเจนลากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร“อะไรเนี่ย?” เจนพยายามเอ่ยถามพลางขืนตัวไว้ แต่ทั้งสองคนไม่ยอมปล่อย“รุ่นน้องจะบูมให้ ไปเร็ว! เดี๋ยวไม่ทัน!” แจงตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ขณะที่ฟ้าหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าลากเธอไป“อะไร! ฉันยังไม่พร้อมเลย!” เจนโวยวายตลอดทาง แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไร้ผล เพื่อนทั้งสองคนไม่สนใจและลากเธอไปตรงสนามหญ้าหน้าคณะอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึง บรรยากาศคึกคักของรุ่นน้องที่ยืนเรียงกันเป็นวงกลมต้อนรับก็ทำให้เจนทั้งตกใจและรู้สึกดีใจไปพร้อมกัน“พี่เจน พี่ฟ้า พี่แจง มานี่เลยค่ะ!” เสียงรุ่นน้องเรียกอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับพากันดันรุ่นพี่ทั้งสามคนเข้าไปอยู่ตรงกลางวงเจนหันไปมองฟ้าและแจงด้วยความอาย“จริงจังเหรอ?”“จริงจังสิแก สน
เจน – [Talk]ให้ตายสิ!!เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรของเขาอยู่ๆ ก็พูดว่าจะมาขอฉัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นกระสอบทรายให้พี่นนท์ซ้อมทุกวันเสาร์ ฉันได้แต่ยืนลุ้นอยู่ด้านล่างของเวทีมวย หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเชษโดนหมัดของพี่ชายฉันเข้าเต็มๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว“หึหึ แฟนเรานี่อดทนดีนะ” พี่เดย์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ อดยิ้มขำไม่ได้“หึ พวกพี่กะแกล้งเขาล่ะสิ” ฉันสะบัดหน้าทำแก้มป่องด้วยความงอน“แกล้งอะไรกัน แค่ทดสอบนิดหน่อย” พี่เดย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พี่กรที่ยืนอยู่ไม่ไกล“ใช่ พี่อยากรู้ว่าเขาจะดูแลน้องสาวคนเดียวของพี่ได้ดีแค่ไหน” พี่กรเดินเข้ามาดึงแก้มฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม“หนูดูแลตัวเองได้!”“อืม พี่รู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองได้ แต่ดูสิ เขาจะดูแลเราไหวมั้ย” พี่กรยิ้มขำๆ กับความเอาแต่ใจของฉันถึงจะฟังดูเหมือนพวกพี่แกล้งเขา แต่ฉันก็รู้ดีว่าทุกคนทำเพราะหวังดี ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไป พี่ชายทั้งสามคนก็เปรียบเสมือนทั้งพ่อและแม่ของฉัน พี่กร พี่ชายคนโต ดูแลกิจการค่ายมวยและธุรกิจอื่นๆ ที่ครอบครัวเราทิ้งไว้ พี่นนท์ พี่ชายคนกลาง เป็นคนเจ้าระเบียบจริงจัง ฝีมือมวยขั้นเทพ เป็นแชมป์หลายสมัย และเป
เจน - [จะบ้าตาย]ฉันนอนหอบหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวแดงก่ำ ขณะที่เหงื่อไหลซึมผุดพรายไปทั่วแผ่นหลัง ความร้อนในร่างกายพุ่งสูงจนฉันแทบไม่อาจระงับได้เชษขยับขึ้นมาคร่อมร่างของฉัน ดวงตาคมจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนของเขาไล่เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฉันในจังหวะที่เร่าร้อนฉันจูบตอบเขาอย่างเต็มใจและเร่าร้อนไม่แพ้กัน ร่างกายของเราประสานกันอย่างแนบชิด ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ทำให้ฉันหลงลืมทุกสิ่งรอบตัว“อึ๊...”ฉันนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาสอดใส่แก่นกายเข้ามาในตัวฉัน ความแน่นคับทำให้รู้สึกตึงเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า ความเสียวซ่านก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจูบเบาๆ ที่เนินอกขาวเนียน ก่อนจะเม้มดูดยอดถันที่ชูชันแรงๆ จนฉันต้องแอ่นอกให้เขาเม้มดูดถนัดๆ และหลุดครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน“อ่าส์...”เสียงครางแหบพร่าของเขาดังใกล้ชิดใบหูของฉัน ทำให้ฉันเผลอตอดรัดแก่นกายของเขาแน่นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาเพิ่มจังหวะกระแทกถี่รัวและหนักหน่วงจนฉันแทบตามไม่ทัน“อื๊อ...เบาหน่อย..เชษ...อ๊า”ฉันครางออกมาพลางพยายามดิ้นเบาๆ
เจน - [เป็นห่วง]กว่าจะจบเรื่องราวทั้งหมดได้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งวันเต็ม เชษพาฉันกลับถึงคอนโดตอนหกโมงเย็นพอดี ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ฉันแทบอยากจะล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงห้อง“กินอะไรดี เดี๋ยวสั่งมาส่งละกัน” เขาถาม ขณะที่ฉันกำลังค้นหาเสื้อผ้าสำหรับอาบน้ำ“อืม...อยากกินสปาเกตตี้ทะเล” ฉันตอบ หลังจากคิดอยู่สักพัก“ได้ เดี๋ยวสั่งร้านโปรดให้” เชษพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันสั่งอาหารฉันเดินเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อาบน้ำชำระล้างความเหนียวเหนอะหนะออกจนหมดจด พอเสร็จแล้วฉันก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งใส่ทับร่างกายที่ยังชื้นเล็กน้อย กระดุมถูกกลัดไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นขาเนียนยาวและผิวขาวผ่อง“ข้าวมายังอะ?” ฉันถามขณะเดินออกจากห้องน้ำ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเสียงฝีเท้าของฉันทำให้เชษที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองทันที ดวงตาคมกริบไล่สำรวจตั้งแต่เส้นผมที่ยังเปียกชื้นหยดน้ำพราวไหลเกาะเส้นผม ไล่ลงมาตามร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่ปลดกระดุมลงสองเม็ด เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกขาวเนียนชายเสื้อที่คลุมลงมาถึงแค่กลางต้นขา โชว์เรียวขาขาวเนียนยาวไร้ที่ติ ยิ่งขับให้ดู
เจน – [เป็นห่วง]ฉันได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นรวดเร็วและเฉียบขาด ทุกอย่างดูราวกับฉากในละคร แต่กลับเป็นความจริงที่ชัดเจนหลังจากงานแถลงข่าวที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจบลง ตำรวจได้เข้ามาควบคุมตัวคุณพิชิต เจ้าของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่นชื่อดัง ในข้อหาฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิดในการฮั้วประมูล เสียงวิพากษ์วิจารณ์และความตกตะลึงจากแขกในงานยังคงดังไม่ขาดสายเชษไม่รอช้า หลังจบงาน เขาพาฉันตรงกลับมายังบริษัท SK Construction ทันที สีหน้าของเขาจริงจังอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาบอกว่า มีหลายอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปแม้ว่าฉันจะรู้มาสักพักแล้วว่าเชษเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ แต่ฉันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเขาจูงมือฉันพาเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ดูหรูหราและยิ่งใหญ่เชษพาฉันเดินตรงเข้าไปยังห้องประชุมบอร์ดบริหาร โดยไม่มีใครกล้าขวางทางเขาเลยแม้แต่คนเดียว ทุกสายตาที่มองมาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรงหัวใจของฉันเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ แม้ภายนอกฉันจะพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆ ฉันรู้สึกเหมือน
ภายในห้องแกรนด์ฮออล์ของโรงแรม Aurora Heights หรูหราใจกลางเมือง สถานที่จัดงานแถลงข่าวและพิธีเซ็นสัญญาโครงการใหญ่ ‘เซ็นทรัลอเวนิว ทาวเวอร์’ ที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของย่านธุรกิจพื้นที่ภายในถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยโทนสีทองและขาว โต๊ะลงทะเบียนสำหรับแขกผู้มีเกียรติถูกตั้งไว้หน้าประตูเข้างาน ด้านในมีเวทีขนาดใหญ่พร้อมแบ็กดรอปที่แสดงชื่อโครงการและโลโก้ของบริษัทโครนอส คอร์ปอเรชั่น และ ‘Phoenix Development Group’ เจ้าของโครงการ ซึ่งนำโดย คุณอนุชิต วิจิตรกาญจนา ซีอีโอหนุ่มไฟแรงกล้องจากนักข่าวหลากหลายสำนักถูกตั้งเรียงรายอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด เพื่อจับภาพเหตุการณ์สำคัญ โต๊ะนักข่าวเต็มไปด้วยเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการ และขนมขบเคี้ยวที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้บรรยากาศภายในงานคึกคักตั้งแต่ก่อนเริ่มพิธี แขกผู้มีเกียรติในวงการธุรกิจ นักการเมือง และนักลงทุน ต่างจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา เสียงแฟลชจากกล้องนักข่าวที่ประจำการอยู่หน้าเวทีดังขึ้นเป็นระยะเชษและเจนก้าวเข้ามาในงานอย่างเงียบๆ ทั้งคู่เลือกที่จะยืนแอบอยู่มุมหนึ่งของห้อง โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนักเชษอยู่ในชุดสูทสีดำเรียบ
วันถัดมา เชษ โจ้ และเฟย์พากันไปเยี่ยมเฟิร์นที่โรงพยาบาลเซนต์แพทริค โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังใจกลางเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการดูแลผู้ป่วยอย่างพิถีพิถันเมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วย VIP บนชั้นสูงสุด บรรยากาศภายในห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังสม่ำเสมอ และเสียงเตียงปรับระดับที่ขยับขึ้นลงเป็นระยะ ห้องถูกตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีขาวสะอาดตา ตัดกับม่านโปร่งที่ปล่อยให้แสงแดดลอดเข้ามาเพียงเล็กน้อยเฟิร์นนอนหลับอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่ดูซูบเซียวและอ่อนแรง ใบหน้าของเธอยังคงมีรอยฟกช้ำชัดเจน โดยเฉพาะตรงแก้มทั้งสองข้างและมุมปาก ฟันหน้าที่โยกถูกดามไว้ด้วยลวดดัดชั่วคราว ทำให้เธอไม่สามารถพูดได้ถนัดโจ้กับเฟย์ยืนเกร็งอยู่ใกล้ปลายเตียง ขณะที่เชษก้าวเข้าไปใกล้ เขามองเฟิร์นด้วยสายตาที่ผสมระหว่างความเห็นใจและความเย็นชา ขณะที่หมอประจำห้องเดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาลที่ถือแฟ้มข้อมูลผู้ป่วย“อาการเธอเป็นไงมั่งครับ?”“อาการของคุณเฟิร์นตอนนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น แต่ยังต้องพักรักษาตัวอีกอย่างน้อยสองสัปดาห์ครับ” หมอรายงาน พร้อมเปิดแฟ้มข้อมูล“ฟันที่โยกต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด และจะมีการประเมินอีก
วันรุ่งขึ้น เวลา 13.30 น.เจนลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดยามบ่ายลอดผ่านม่านมาทาบทับบนใบหน้า เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ ปรับเข้ากับแสงรอบตัว เธอพยายามขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะนิ่วหน้า เมื่อความรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อยแล่นผ่านเข้ามา“อื้อ...” เธอครางเบาๆ พร้อมกับพลิกตัวไปอีกด้าน แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างหนาที่นอนอยู่ข้างๆเจนเหลือบตามองเชษที่กำลังหลับสนิท แขนแกร่งยังพาดอยู่บนเอวของเธอเหมือนจะกอดไว้แน่นไม่ให้หนีไปไหน ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเคร่งขรึมในเวลาปกติ ตอนนี้กลับดูสงบ อ่อนโยน อย่างไม่น่าเชื่อว่า เมื่อคืนเขาจะดุดันและร้อนแรงกว่าทุกครั้งภาพเหตุการณ์เมื่อคืนฉายชัดในหัวของเธอ ใบหน้าสวยร้อนผ่าวทันที‘ยัยบ้า! คิดอะไรเนี่ย!’เจนกัดริมฝีปากแน่น พยายามข่มความคิดที่วิ่งวุ่นในหัว เธอยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างเขินอาย ก่อนจะค่อยๆ ดันแขนเขาออกอย่างเบามือ แต่ร่างสูงกลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น รั้งเธอไว้เหมือนจะไม่ยอมให้ขยับไปไหน“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำที่ยังแหบพร่าดังขึ้นข้างหู ทำให้เธอสะดุ้ง“อะ...นาย!”เชษลืมตาขึ้นมองเธอ ดวงตาคมกริบแฝงแววขี้เล่น เขายิ้มมุมปากก่อนจะพูดขึ้น“เป็