บทที่ 1.2 ความตายหายาก ทำยังไงก็ไม่ตายสักที
ราชันมังกรทองสยบนภา คือนิยายแนวผจญภัยในโลกของผู้บำเพ็ญเพียรเป็นเซียนและมารเรื่องหนึ่งที่ยาวมาก
อธิบาย ‘มาร’ และ ‘เซียน’ ก็คือมนุษย์หรือสรรพสัตว์ที่บำเพ็ญเพียรตบะเพื่อให้ได้รับพลังมา ทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันแค่ มารจะฝึกวิชาสายชั่วร้ายและดูดซับปราณสีดำ ฝ่ายเซียนก็จะฝึกในเส้นทางตรงกันข้าม หรือที่เรียกว่าเส้นทางคนดี๊ดี ดูดซับแค่ปราณขาวสะอาด ส่วน ‘ปีศาจ’ และ ‘เทพ’ ก็คือเผ่าพันธุ์หนึ่งที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับพลังโดยไม่ต้องฝึกฝนอะไรมากมาย
แน่นอนว่าสูตรโกงของพระเอกของนิยายเรื่อง ‘ราชันมังกรทองสยบนภา’ ก็คือการที่ได้เกิดเป็นมังกรทองเผ่าเทพ จ้าวหลงเทียน คือชื่อของเขา ตำแหน่งของเขาในพิภพเทพค่อนข้างสูงส่งเพราะมังกรทองมีไม่มากนัก แต่อยู่มาวันหนึ่งจ้าวหลงเทียนเหมือนจะเบื่อการเป็นเทพหรืออะไรก็ไม่รู้เขาได้ลงไปเกิดเป็นมนุษย์บนพิภพมนุษย์
เรื่องราวนิยายเริ่มต้นตรงนั้น
เนื่องมาจากว่านิยายเรื่อง ‘ราชันมังกรทองสยบนภา’ เป็นนิยายแนวฝึกฝนพลังและออกไปวิ่งไล่ตบตัวร้ายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผู้อ่านจึงจะได้พบแค่เพียงการต่อสู้ของพระเอกและตัวร้ายจนดูน่าเบื่อหน่าย แต่จุดขายอย่างอื่นก็มีอยู่บ้าง อย่างเช่นความดีงามของตัวละครฝ่ายชายของทั้งตัวร้ายและพระเอก และความรักหวานแหววของพระเอกและตัวละครฝ่ายหญิง มันสร้างความรู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจได้ดีทีเดียว
เทพมังกรทองในร่างมนุษย์ไร้ซึ่งความทรงจำยามเป็นเทพได้ออกผจญภัยไปทั่วสามพิภพเพื่อฝึกฝนพลังของตัวเอง เขาต้องผ่านอุปสรรคมากมายโดยการต่อสู้กับตัวร้ายที่เป็นทั้งปีศาจ มารร้าย หรือแม้แต่เซียนหรือเทพด้วยกัน ด้วยความที่เดิมทีแล้วเขาเป็นเทพมังกร เขาจึงสามารถนำพลังของเทพออกมาใช้ได้และสามารถชนะศัตรูของตัวเองไปได้อย่างง่ายดาย
แต่ถ้าพระเอกเอาชนะตัวร้ายได้ทั้งหมดมันก็น่าเบื่อไปหน่อย พระเอกจึงได้มีคู่ปรับที่ยังไม่สามารถล้มได้อยู่คนหนึ่ง นั่นก็คือตัวร้ายสูงสุด เขาเป็นตัวร้ายที่ค่อนข้างลึกลับและเก่งกาจมาก ทุกคนต่างเรียกเขาว่ามารนกยูง
มารนกยูงได้ถือกำเนิดมาจากแม่ที่เป็นปีศาจและพ่อที่เป็นมาร เขาจึงมีพลังปราณสีดำแห่งความชั่วร้ายตั้งแต่กำเนิด
เอาเป็นว่าในนิยายบรรยายว่ามารนกยูงผู้เป็นตัวร้ายสูงสุดมีความสามารถร้ายกาจอย่างมาก เขาได้สร้างความปั่นป่วนให้กับพิภพมนุษย์ยิ่งกว่าตัวร้ายคนอื่นๆ พระเอกผู้รักในความยุติธรรมจำเป็นต้องต่อสู้กับตัวร้ายสูงสุดเพื่อปกป้องโลก
ซึ่งถึงแม้ว่าตัวร้ายจะถูกบรรยายว่าเก่งกาจมากเท่าไร สุดท้ายในตอนจบเหล่าตัวร้ายที่เป็นมารระดับสูงทั้งหลายก็จะถูกกำจัดโดยจ้าวหลงเทียน พระเอกของนิยายเรื่อง ‘ราชันมังกรทองสยบนภา’
.
.
[ทั้งหมดคือเรื่องย่อของนิยายเรื่องราชันมังกรทองสยบนภาครับ] ระบบห้ามฆ่าตัวตายเอ่ยประโยคนี้หลังจากอ่านเรื่องย่อของนิยายเรื่อง ‘ราชันมังกรทองสยบนภา’ ให้ฟางเซียนฟังจนจบ เหตุผลที่มันต้องอ่านเรื่องย่อของนิยายเรื่องนี้ให้ฟางเซียนฟังนั่นก็เป็นเพราะว่าฟางเซียนได้ทะลุมิติเข้ามาในโลกของนิยายเรื่องนี้แล้วนั่นเอง
ฟางเซียนมึนงงอยู่ครู่หนึ่งหลังจากถูกหมุนอยู่ในเครื่องซักผ้าและมาปรากฏตัวอยู่กลางป่าซึ่งเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ที่อุดมสมบูรณ์ ถ้าเดินออกจากป่าไปเล็กน้อยนางก็จะพบกับสิ่งก่อสร้างโบราณของจีน สิ่งเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นทำให้ฟางเซียนสับสนมาก แต่นางก็รีบดึงสติกลับมาและกลับเข้าสู่โหมดปกติอย่างรวดเร็ว
โหมดของคนอยากตาย...
“ปล่อยให้ฉันตายได้แล้ว!” ฟางเซียนพูดกระแทกเสียงอย่างโมโหร้าย สำหรับนางตอนนี้มันไม่มีอะไรน่าอารมณ์เสียเท่ากับการถูกขัดขวางไม่ให้ฆ่าตัวตายแล้ว!
[เรื่องนั้นผมไม่สามารถทำได้ เนื่องจากคุณถูกผูกมัดกับระบบแล้วคุณจำเป็นต้องทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วง คุณต้องเป็นอาจารย์ของเหล่ามารให้จงได้]
“ทำไมฉันต้องทำ” ฟางเซียนหรี่ตาลงอย่างเย็นชา
[ถ้าไม่มีอาจารย์มารพวกตัวร้ายก็จะเป็นได้แค่นักเลงปลายแถวน่ะเพราะว่าความจริงแล้วเบื้องหลังความแข็งแกร่งของตัวร้ายทุกตัวมาจากอาจารย์มารทั้งหมดและเนื่องจากว่าอาจารย์มารเป็นผู้คิดค้นและเผยแพร่วิชามารที่แข็งแกร่งมากมายและเป็นถึงอาจารย์ของตัวร้ายสูงสุด อาจารย์มารจึงเป็นเหมือนตัวละครลับของเรื่องเลยเชียวล่ะ ซึ่งตำแหน่งสำคัญเช่นนี้คุณฟางเซียนจะต้องรับผิดชอบ]
“ฉันไม่ทำ” ตอบกลับพร้อมกับแสดงออกอย่างไร้อารมณ์ “ทำไมฉันต้องมารับบทเป็นอาจารย์ของเหล่ามารด้วย ให้ไอ้อาจารย์มารที่อยู่ในเรื่องมันจัดการไปเองสิ”
[เขาทำไม่ได้แล้วครับเนื่องจากว่าเขาไปเกิดใหม่แล้ว] ระบบแสดงภาพจำลองการตายและการไปเกิดใหม่ของอาจารย์มารในรูปแบบการ์ตูนน่ารัก ฟางเซียนเผยสี
หน้ารำคาญ [เนื่องจากอาจารย์ของเหล่ามารในอนาคตตายก่อนกำหนดทางเราจึงต้องหาตัวแทนมาเพื่อให้ทำหน้าที่แทนครับ]
ฟางเซียนคิ้วกระตุก ความเกลียดชังของนางมอบให้อาจารย์มารทันที ทิ้งภาระใหญ่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างนางทำไม!
“ทำไปเพื่ออะไร ปล่อยให้โลกไม่มีตัวร้ายก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง” ว่าพลางโบกมือปัดอย่างไม่สนใจ
[ไม่ได้หรอกครับ หากโลกนี้ขาดความมืด สมดุลของโลกก็จะถูกทำลายและโลกก็จะล่มสลายในที่สุด ตัวตนอาจารย์มารที่คุณได้รับให้สวมบทบาทสำคัญมาก]
“ล่มสลายหรือไม่ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน แค่ปล่อยให้ฉันตาย” ฟางเซียนพยายามที่จะไม่ระเบิดความโกรธจึงกล่าวอย่างใจเย็น
[คุณสามารถตายได้] ระบบกล่าว [แต่ต้องหลังจากทำหน้าที่เป็นอาจารย์ตัวร้ายเป็นเวลาหนึ่งหมื่นปี เมื่อครบแล้วพระเอกจะฆ่าคุณเอง] ในประโยคหลังฟางเซียนได้กระอักเลือดออกมา
“จะบ้ารึไง! หมื่นปีงั้นเหรอ? ไปให้บิดาของแกทำเองซะสิ!!” ฟางเซียนกรีดร้อง “ฉันรอให้พระเอกมาฆ่าในอีกหมื่นปีข้างหน้าไม่ได้หรอกนะ! ที่สำคัญคือฉันเป็นแค่มนุษย์อายุไม่มีทางเกินร้อยปี เพราะงั้นฆ่าฉันตอนนี้!”
[ไม่ต้องกังวล ถ้าคุณสามารถบำเพ็ญเพียรจนกระทั่งมีพลังปราณจนถึงระดับเจ็ดแล้วคุณก็จะไม่แก่ตาย! การมีพลังปราณถึงขั้นนั้นเป็นเรื่องยากแต่ระบบสามารถช่วยแนะนำวิธีที่จะทำให้คุณได้พลังมาอย่างง่ายดายโดยที่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเลย] ระบบกล่าวเสียงสดใส แต่สีหน้าของฟางเซียนมืดมนกว่าเดิม [ผมจะเติมทรูและคอยสนับสนุนคุณเอง อย่าได้กังวล]
ฟางเซียนถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน จิตใจของนางเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว นางเดินเข้าไปในป่าเพื่อหาทางตาย
[ภารกิจแรกของคุณก็คือเป็นอาจารย์ให้กับตัวร้ายสูงสุด คุณต้องทำการสั่งสอนเขาให้กลายเป็นมารร้ายที่เก่งกาจที่สุด และไม่ต้องเป็นห่วง ระบบได้เตรียมบทเรียนที่จะสอนไว้ให้แล้ว] เครื่องหมายมือชูนิ้วโป้งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ฟางเซียนใช้มือตบให้มันหายไปอย่างหัวเสียและมุ่งหน้าเข้าไปในป่าต่อไป ระบบจึงพูดขึ้นมาอีกว่า [มันเป็นภารกิจบังคับ หากไม่ทำตามคุณจะต้องมีชีวิตต่อไปอีกสองหมื่นปี] ตัวเลขสองหมื่นเด้งขึ้นมาเพื่อข่มขู่
“ไอ้ระบบเฮงซวย!! ออกมาให้ฉันฆ่าเดี๋ยวนี้นะ ไอ้ระบบเฮงซวย!!!” ฟางเซียนสบถ
[ระบบมีชื่อว่า ระบบห้ามฆ่าตัวตาย ครับไม่ใช่ระบบเฮงซวย และอีกอย่างผมไม่มีร่างหรือชีวิตเพราะงั้นผมตายไม่ได้หรอกครับ] ระบบตอบเสียงเรียบเฉย [คุณยังต้องสอนวิชาให้กับรองตัวร้ายในอีกร้อยปีข้างหน้าและอีกร้อยปีต่อไปจนกว่าจะครบหมื่นปี กรุณากระตือรือร้นให้มากกว่านี้ด้วยครับ]
ในขณะที่ระบบกำลังพูดพล่ามฟางเซียนก็พยายามทำร้ายตัวเอง แต่แผลที่ได้มาจากการทำร้ายตัวเองของนางมันไม่สามารถทำให้นางตายได้ มันเหมือนจะเจ็บตัวอย่างเปล่าประโยชน์ นางพยายามกระโดดจากที่สูงแต่พอจะกระโดดร่างกายของนางก็ดันไม่ยอมขยับ ดูเหมือนว่าเมื่อไหร่ที่นางพยายามทำสิ่งที่จะทำให้ตัวเองตายร่างกายของนางก็จะไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่ง
“ฉันทำไม่ได้ ฆ่าตัวตายไม่ได้” ฟางเซียนรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก
[อย่าเศร้าใจไป! เรายังมีเป้าหมายที่ดีกว่า! ตำแหน่งอาจารย์มารผู้ยิ่งใหญ่กำลังรออยู่!] ระบบเหมือนจะร่าเริงมากขึ้น
ฟางเซียนรู้สึกปวดหัวเพราะคิดวิธีฆ่าตัวตายมากเกินไป และนางรู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ไม่พยายามฆ่าตัวตายให้มากกว่านี้
[เตือนภัย! ระวังอุบัติเหตุครับ! ระวังอุบัติเหตุ!] ระบบตะโกนเตือนขึ้นมาอย่างฉับพลันและเสียงเตือนภัยก็ดังลั่นในหัวของฟางเซียนและในขณะเดียวกันแผ่นดินก็สั่นสะเทือน
ทันใดนั้นฟางเซียนก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ว่า ถ้าฆ่าตัวตายไม่ได้นางก็แค่ใช้ให้คนอื่นฆ่านางแทนก็ได้นี่นา อุบัติเหตุที่ระบบเตือนอาจจะสามารถทำให้ตายนางก็ได้! เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วฟางเซียนก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา
พึ่บ!
ทันใดนั้นบางสิ่งก็ได้ลอยผ่านหน้าของฟางเซียนไปอย่างฉับพลัน ดวงตาของฟางเซียนเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าสิ่งที่บินผ่านหน้าไปก็คือชายหนุ่มในชุดสีขาวที่กำลังขี่กระบี่
“อ๊ะ!” ชายหนุ่มที่เพิ่งขี่กระบี่ผ่านไปคนนั้นหันกลับมามองฟางเซียนด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน
[ระวังอุบัติเหตุ!] ระบบเตือนอีกครั้ง ต่อมาฟางเซียนจึงได้เห็นสิ่งที่ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
มันคือหมูป่าจำนวนมากและหมูป่าทุกตัวมีขนาดใหญ่เท่าช้าง
ฟางเซียนรู้สึกเหมือนฝัน แต่แรงสั่นสะเทือนจากพื้นชัดเจนมากนางจึงสามารถมั่นใจได้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน หมูป่ายักษ์เป็นสิ่งมีชีวิตที่นางไม่เคยเจอมาก่อน การขี่กระบี่นั่นด้วย ดูเหมือนว่าเรื่องที่นางได้ข้ามมิติมายังโลกที่ไม่รู้จักจะเป็นความจริง
“แม่นาง! ระวัง!” ชายหนุ่มที่เพิ่งบินผ่านหน้าฟางเซียนไปรีบขี่กระบี่ย้อนกลับมาพร้อมกับตะโกนเตือนฟางเซียนด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
แต่ฟางเซียนยืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นฝูงหมูป่าวิ่งเข้ามาหา ร่างกายอันใหญ่โตของพวกมันพุ่งชนทุกอย่างที่ขวางหน้าจนพังราบ ถ้าถูกชนนางตายแน่! นางจึงหวังอย่างยิ่งว่าพวกมันจะพุ่งชนนาง
พึ่บ!
แต่แล้วพวกหมูป่าก็วิ่งผ่านฟางเซียนไป...ใช่แล้ว มันวิ่งผ่านฟางเซียนไปโดยลืมที่จะทำร้ายนาง ตัวเดียวก็ยังพอว่าแต่นี่มันทั้งฝูง! ไม่มีหมูป่าตัวไหนชนนางเลย!
เฮงซวย! ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ!?
[จริงด้วยสิ ระบบลืมบอกคุณไปเลยว่าคุณมีแต้มโชครอดตายจากอุบัติเหตุ 3,500,000 แต้ม และมีแต้มโชครอดตายจากการถูกฆ่า 4,454,444 แต้ม เพราะงั้นสบายใจหายห่วงได้เลย ไม่ว่าคุณจะเจอเหตุการณ์แบบไหนคุณก็จะรอดตาย!] ระบบกล่าวแสดงความยินดีพร้อมกับเปิดเสียงตบมือประกอบรัวๆ
ฟางเซียน “...”
ถ้าเป็นไปได้ฟางเซียนอยากจะสบถคำหยาบจนขาดใจตายไปซะเดี๋ยวนี้
บทที่ 2.1ถ้าเป็นอาจารย์ของตัวร้าย ระบบมีเงินให้โปรยเล่นฟางเซียนถูกพาออกจากป่าโดยชายหนุ่มผู้มาพร้อมกับฝูงอสูรหมูป่าที่มีนามว่า ฮุ่ยหวง เขาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรสายเซียนจากสำนักเซียน เฉิน ซึ่งได้รับภารกิจให้มาจัดการฝูงอสูรหมูป่าที่ออกมาสร้างความวุ่นวายให้กับชาวบ้านในช่วงนี้ แต่เนื่องจากว่าพวกมันมีจำนวนมากเกินไปเขาจึงใช้วิธีไล่ต้อนให้พวกมันกลับเข้าป่าแทนการกำจัดและในระหว่างปฏิบัติภารกิจเขาก็ได้บังเอิญผ่านมาพบฟางเซียนเข้าพอดีนั่นเองแม้ว่าฟางเซียนจะไม่ได้ถูกหมูป่าทำร้ายแต่ฮุ่ยหวงก็รู้สึกผิดที่ทำให้ฟางเซียนตกอยู่ในอันตราย ยิ่งพอได้เห็นบาดแผลตามตัวของฟางเซียนแล้วเขาก็ไม่ลังเลที่จะอาสาพาฟางเซียนออกจากป่าโดยไม่คิดที่จะถามความคิดเห็นของฟางเซียนสักคำแต่ถึงจะถามไปฟางเซียนก็คงตอบไม่ได้เนื่องจากว่านางกำลังตกอยู่ในอาการช็อกหลังจากได้รู้ว่าโชครอดตายของตัวเองมีมากมายเหลือเกิน แต่เมื่อฮุ่ยหวงเห็นอาการของฟางเซียนดังนั้นเขากลับเข้าใจผิดไปว่าฟางเซียนกำลังตกใจกลัวฝูงหมูป่า เขารู้สึกเป็นห่วงมากว่าฟางเซียนจะบาดเจ็บสาหัสทางจิตใจเขาจึงตัดสินใจเสียมารยาทอุ้มฟางเซียนออกจากป่าเพื่อไปรวมตัวกับพี่น้องของเขาโดยเร็ว
บทที่ 2.2 ถ้าเป็นอาจารย์ของตัวร้าย ระบบมีเงินให้โปรยเล่นพิภพมนุษย์ พิภพเทพ และพิภพปีศาจ สามพิภพแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน ทว่าเผ่าปีศาจและเผ่าเทพก็ยังคงไม่ลงรอยกัน อาจจะเพราะความแตกต่างของเผ่าพันธุ์หรือไม่ก็พลังปราณที่มีสีขั้วตรงข้ามกัน อย่างไรก็ตามสองเผ่าพันธุ์นี้ก็มักจะเข้าปะทะกันบ่อยครั้งในพิภพมนุษย์เนื่องจากว่าพิภพมนุษย์มีทั้งประตูเชื่อมต่อไปยังพิภพเทพและพิภพปีศาจ บางครั้งเทพและปีศาจจึงเดินทางมายังพิภพมนุษย์บ้างเป็นบางครั้ง พิภพมนุษย์จึงเป็นเหมือนศูนย์กลางของทั้งสามพิภพนั่นเอง เพราะเหตุนี้เองมันจึงทำให้บนพิภพมนุษย์มักเต็มไปด้วยหายนะ มนุษย์จึงจำเป็นต้องดิ้นรนหาความแข็งแกร่งเพื่อความอยู่รอดมนุษย์หรือแม้แต่สัตว์อสูรต่างก็มีแกนพลังปราณเป็นของตัวเอง แต่จะไร้พลังปราณแตกต่างจากเผ่าเทพและปีศาจซึ่งมีพลังปราณตั้งแต่กำเนิด แต่หากได้รับการฝึกฝนมนุษย์หรือสัตว์อสูรก็จะสามารถดูดซับพลังปราณเข้าสู่ร่างกายได้ หากยิ่งเลื่อนระดับพลังปราณให้สูงมากขึ้นเท่าไหร่พวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นแต่ทว่าเผ่ามนุษย์ก็ยังคงไม่สามารถต่อกรกับเผ่าปีศาจหรือเผ่าเทพได้เมื่อเปรียบเทียบปราณเซียนหรือปราณมารของผู้บำเพ็ญเพี
บทที่ 3.1 อาจารย์มารอยากตายกับลูกศิษย์ผู้น่าสงสารสตรีผู้นั้นประมูลเขามาจากโรงประมูลทาส นางได้พูดว่าจะรับเขาเป็นลูกศิษย์ ลู่เหลียนไม่คิดว่านางจะพูดความจริง ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาเช่นนางจะอยากรับลูกครึ่งปีศาจเช่นเขาเป็นลูกศิษย์ทว่าเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อนางสามารถปลดกำไลทาสบนข้อเท้าของเขาออกได้อย่างง่ายดายทั้งที่อาคมของมันน่าจะแน่นหนาและยากที่จะปลดออก บุคคลธรรมดาไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ นั่นหมายความว่านางหาใช่คนธรรมดาอย่างที่เขาเข้าใจ นางคงเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงที่สามารถปกปิดพลังปราณของตัวเองได้อย่างมิดชิดและหลังจากที่กำไลทาสถูกปลดออกนางก็ได้ประทับตราบนหน้าผากของเขาโดยไม่ถามเขาก่อนว่าเขายินยอมหรือไม่ลู่เหลียนลูบหน้าผากที่เรียบเนียนของตนเอง แม้ตราสัญลักษณ์จะซ่อนอยู่แต่เขารู้สึกได้ว่ามันยังอยู่ เขาถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง หลุดพ้นจากกำไลทาสมาได้แต่กลับได้รับสัญลักษณ์การเป็นลูกศิษย์มาแทนเสียได้ ถึงมันจะไม่ได้กักขังหรือทรมานเขาอย่างเช่นที่กำไลทาสทำ แต่มันก็ทำให้เขาไม่สามารถหนีพ้นไปจากนางได้เพราะนางจะรู้ตำแหน่งที่อยู่ของเขาได้ทุกเมื่อจากตราสัญลักษณ์นี้“วันนี้เจ้าไปพักในห้องนั้น วันพรุ่งนี้ข
บทที่ 3.2 อาจารย์มารอยากตายกับลูกศิษย์ผู้น่าสงสารฟางเซียนรู้สึกรับไม่ได้อย่างยิ่ง เมื่อนางกลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรสายมารระดับเจ็ดนั่นก็หมายความว่านางจะเป็นอมตะไม่แก่ไม่ตาย! หากรวมเข้ากับแต้มโชครอดตายมันก็หมายความว่านางจะไร้หนทางตาย!ฟางเซียนรู้สึกสิ้นหวัง เข่าของนางอ่อนแรงจนนางไม่สามารถยืนได้อีก นางนั่งซึมเศร้าอยู่ข้างร่างแห้งเหี่ยวของหนูยักษ์และนึกเสียใจที่หลงกลตื้นเขินของระบบ นางมันโง่มาก!อยากตายมากขึ้นเพราะความโง่นี่ล่ะ! ฟางเซียนไม่อยากเดินไปข้างหน้าอีกต่อไปแล้วแต่ทว่าระบบห้ามฆ่าตัวตายก็ยังคงผลักให้นางเดินต่อไปข้างหน้าอยู่ดี สิ่งที่นางทำได้ในตอนนี้ก็คือ ทำใจให้ได้!เมื่อคิดดังนั้นฟางเซียนก็หัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติ ทำไมนางถึงโชคร้ายแบบนี้!เมื่อดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่นางได้พบความสิ้นหวังมายาวนานทั้งชีวิต เมื่อต้องการที่จะตายนางก็ยังคงสิ้นหวังเพราะไม่สามารถตายได้ มันเป็นความรู้สึกอัดอั้นที่บรรยายออกมาไม่ได้ อยากจะหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกันจนเสียสติไปเลยในขณะที่ฟางเซียนกำลังเสียสติไปแล้วจริงๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดก็แทรกเข้ามาในหัว นางคิดว่ามีบาดแผลตามร่างกาย แต่ว่ามันไม่ใช่ของนา
บทที่ 4.1 ท่านอาจารย์ประหลาดเกินไปสภาพร่างกายของลู่เหลียนไม่มีส่วนไหนบุบสลายจึงไม่น่าเป็นห่วง สิ่งที่ต้องหวงมากที่สุดก็คือสภาพจิตใจของเขามากกว่า การได้เผชิญกับเหตุการณ์สะเทือนใจมันทำให้ลู่เหลียนตกอยู่ในอาการหวาดระแวง เขาจึงควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษแน่นอนว่าฟางเซียนต้องเป็นคนรับผิดชอบดูแลลู่เหลียนเพราะนางมีส่วนผิดไม่มากก็น้อยที่ปล่อยให้ลู่เหลียนถูกตาแก่มากตัณหาลักพาตัวไปจนต้องเผชิญหน้ากับเรื่องสะเทือนใจเพื่อเป็นการดูแลเอาใจใส่ฟางเซียนจึงทำอาหารสำหรับลู่เหลียนและยกไปส่งถึงห้องนอนเนื่องจากว่าตั้งแต่กลับบ้านมาลู่เหลียนเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ยอมออกมาแม้แต่ก้าวเดียว“อาหารสำหรับเจ้า” ฟางเซียนวางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะและหันไปพูดกับเด็กชายที่นั่งขดตัวอยู่บนเตียง “รีบมากิน หากเจ้าอดตายขึ้นมาข้าคงลำบาก” นางกล่าวอย่างเย็นชาทว่าลู่เหลียนก็ยังคงนิ่งเงียบ เขาเหลือบมองฟางเซียนด้วยสายตาเคลือบแคลงและสงสัย เวลาผ่านไปครู่หนึ่งลู่เหลียนก็ยังคงไม่ขยับ ฟางเซียนนั่งรออย่างใจเย็น จนกว่าลู่เหลียนจะยอมกินอาหารนางก็คงจะไม่ได้ไปไหน เมื่อลู่เหลียนเห็นฟางเซียนอยู่ในท่าทางสงบนิ่งเขาจึงรู้สึกสงบใจมากกว่าการอยู่ค
บทที่ 1.1 ความตายหายาก ทำยังไงก็ไม่ตายสักที ฟางเซียน มีความหมายว่า นางฟ้าผู้มีกลิ่นหอม มันคือชื่อเล่นภาษาจีนที่แม่ของนางตั้งให้เพราะแม่ของนางเป็นชาวจีน แต่เนื่องจากว่าพ่อของนางเป็นชาวไทยดังนั้นฟางเซียนจึงอาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่เกิดกับพ่อแม่และน้องสาว พวกเราดูเหมือนครอบครัวอบอุ่นทั่วไปจนกระทั่งแม่ของนางจับได้ว่าพ่อแอบมีผู้หญิงคนอื่น แม่ของนางพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนเดิมเพราะเห็นแก่นางที่เพิ่งมีอายุเจ็บขวบและน้องสาวของนางที่มีอายุเพียงสามขวบ แต่แล้วพ่อของนางก็ทิ้งครอบครัวไปพร้อมกับเงินจำนวนมาก แม่ของนางจึงตัดสินใจพาพวกนางสองพี่น้องกลับไปยังบ้านเกิดที่ประเทศจีน แต่เพราะแม่ของนางถูกตัดขาดออกจากตระกูลแล้วพวกเราสามแม่ลูกจึงต้องไปอาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดเล็ก แม่ของนางต้องพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงนางและน้องสาวจนกระทั่งแม่ของนางพบรักครั้งใหม่กับผู้ชายคนหนึ่ง มันดูเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ดีเพราะผู้ชายคนนั้นที่แม่หลงรักไม่ต้องการลูกติด ดังนั้นแม่ของนางซึ่งเหนื่อยกับการเลี้ยงดูนางและน้องจึงตัดสินใจทิ้งพวกนางที่เป็นเหมือนภาระและไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายก