Home / โรแมนติก / ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย / บทที่ 2.1 ถ้าเป็นอาจารย์ของตัวร้าย ระบบมีเงินให้โปรยเล่น

Share

บทที่ 2.1 ถ้าเป็นอาจารย์ของตัวร้าย ระบบมีเงินให้โปรยเล่น

last update Last Updated: 2024-11-10 07:36:36

บทที่ 2.1

ถ้าเป็นอาจารย์ของตัวร้าย ระบบมีเงินให้โปรยเล่น

ฟางเซียนถูกพาออกจากป่าโดยชายหนุ่มผู้มาพร้อมกับฝูงอสูรหมูป่าที่มีนามว่า ฮุ่ยหวง เขาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรสายเซียนจากสำนักเซียน เฉิน ซึ่งได้รับภารกิจให้มาจัดการฝูงอสูรหมูป่าที่ออกมาสร้างความวุ่นวายให้กับชาวบ้านในช่วงนี้ แต่เนื่องจากว่าพวกมันมีจำนวนมากเกินไปเขาจึงใช้วิธีไล่ต้อนให้พวกมันกลับเข้าป่าแทนการกำจัดและในระหว่างปฏิบัติภารกิจเขาก็ได้บังเอิญผ่านมาพบฟางเซียนเข้าพอดีนั่นเอง

แม้ว่าฟางเซียนจะไม่ได้ถูกหมูป่าทำร้ายแต่ฮุ่ยหวงก็รู้สึกผิดที่ทำให้ฟางเซียนตกอยู่ในอันตราย ยิ่งพอได้เห็นบาดแผลตามตัวของฟางเซียนแล้วเขาก็ไม่ลังเลที่จะอาสาพาฟางเซียนออกจากป่าโดยไม่คิดที่จะถามความคิดเห็นของฟางเซียนสักคำ

แต่ถึงจะถามไปฟางเซียนก็คงตอบไม่ได้เนื่องจากว่านางกำลังตกอยู่ในอาการช็อกหลังจากได้รู้ว่าโชครอดตายของตัวเองมีมากมายเหลือเกิน แต่เมื่อฮุ่ยหวงเห็นอาการของฟางเซียนดังนั้นเขากลับเข้าใจผิดไปว่าฟางเซียนกำลังตกใจกลัวฝูงหมูป่า เขารู้สึกเป็นห่วงมากว่าฟางเซียนจะบาดเจ็บสาหัสทางจิตใจเขาจึงตัดสินใจเสียมารยาทอุ้มฟางเซียนออกจากป่าเพื่อไปรวมตัวกับพี่น้องของเขาโดยเร็ว

นอกชายป่ามีน้องชายทั้งสองคนของฮุ่ยหวงยืนรออยู่ก่อนแล้ว

“พี่ใหญ่ นางคือ...?” ฮุ่ยเหอ บุตรชายคนรองของสกุลฮุ่ยเอ่ยถามพี่ชายคนโตพลางเหล่ตามองฟางเซียนด้วยสายตาติดใจสงสัย

“แย่แล้วล่ะพี่รอง พี่ใหญ่แอบไปลักพาตัวแม่นางน้อยของบ้านอื่นมาล่ะ” ฮุ่ยหลิง บุตรชายคนเล็กของสกุลฮุ่ยหันไปกระซิบกับฮุ่ยเหอด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

“ข้าจะไปฟ้องท่านอาจารย์” ฮุ่ยเหอยอมเล่นไปกับน้องชายคนเล็ก

“ข้าจะไปฟ้องท่านอาจารย์ด้วย!พี่ใหญ่ต้องถูกดุอย่างหนักแน่” ฮุ่ยหลิงหัวเราะคิกคัก

“เฮ้อ ข้าไม่ได้ลักพาตัวนางเสียหน่อย” ฮุ่ยหวงถอนหายใจพลางส่ายหัวเหนื่อยใจกับน้องชายทั้งสองที่เล่นอะไรไร้สาระ “ข้าพบนางในป่าและเกือบทำให้นางถูกอสูรหมูป่าทำร้าย ข้าคาดว่านางน่าจะหลงป่าเพราะเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล”

น้ำเสียงเป็นกังวลของพี่ชายทำให้พวกเขาสำรวจร่างกายของฟางเซียนอย่างละเอียด พวกเขาจึงพบว่าแม่นางน้อยที่พี่ชายพามาด้วยมีบาดแผลเต็มตัว

“ไยเจ้าถึงได้ไปอยู่ในป่าได้เล่า?” ฮุ่ยหลิงถามฟางเซียนด้วยความสงสัย

ฟางเซียนเหลือบสายตามองคนถามอย่างหมดอาลัยตายอยากก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองทางอื่นพร้อมถอนหายใจสิ้นหวัง นางรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะอ้าปากตอบคำถาม สามพี่น้องฮุ่ยเห็นสายตาเช่นนั้นก็รู้สึกสะเทือนใจเพราะพวกเขารู้จักสายตาเช่นนี้ดี...

“แววตาเช่นนั้น...เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อหรือ!?” คำถามเถรตรงของฮุ่ยหลิงทำเอาพี่ชายทั้งสองหันหน้าขวับไปมองอย่างห้ามปรามทันที แต่มีหรือที่น้องเล็กจะสนใจ เขาทำหน้าหงิกงอและจ้องมองฟางเซียนอย่างมุ่งมั่นที่จะเอาคำตอบ

ฟางเซียนแปลกใจเล็กน้อยที่ถูกถามอย่างเถรตรงเช่นนี้ นางจึงตอบไปอย่างเถรตรงเช่นกันว่า “ใช่”

สามพี่น้องทำหน้าสลดใจอย่างพร้อมเพรียง

“ครอบครัวเจ้าอยู่ที่ใด?ไยเจ้าจึงได้คิดฆ่าตัวตาย” ฮุ่ยหวงกล่าวถามอย่างเป็นกังวลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

คิ้วของฟางเซียนขมวดเมื่อนึกถึงพ่อแม่ที่ทิ้งนางและน้องสาวไป นางยิ้มเย้ยหยันกับตัวเอง “คนพวกนั้นไม่นับว่าเป็นครอบครัวหรอก คนที่ทิ้งฉันและน้องสาวไป”

[กรุณาใช้คำอย่างเหมาะสมกับยุคสมัยด้วยครับ อย่างเช่นแทนตัวเองว่า ข้า และแทนตัวคนอื่นว่า เจ้า] ระบบห้ามฆ่าตัวตายเอ่ยเตือน ฟางเซียนกลอกตามองบน

“เจ้าถูกทอดทิ้งรึ?แล้วน้องสาวของเจ้าเล่า?” ฮุ่ยหวงถามต่อด้วยสีหน้าสลดมากกว่าเดิม

“...ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว” ฟางเซียนตอบเสียงเบา นางแสดงสีหน้าเสียใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว

พวกเขารู้สึกสะเทือนใจมากกว่าเดิมเมื่อจินตนาการภาพของหญิงสาวสองคนที่ไม่สามารถปกป้องดูแลตัวเองได้ถูกพ่อแม่ขับไล่ออกจากบ้านจนต้องออกมาเผชิญหน้ากับโลกภายนอกอันโหดร้าย และความเศร้าของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อนึกถึงความรู้สึกของฟางเซียนที่ต้องสูญเสียน้องสาวคนสำคัญไป มันคงเป็นความรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยนางถึงได้สิ้นหวังและไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

พวกเขาคล้ายจะสามารถเข้าใจความรู้สึกของฟางเซียนได้อย่างดีเพราะพวกเขาเหลือกันอยู่แค่พี่น้อง เมื่อนานมาแล้วพวกเขาได้สูญเสียบิดาไปอย่างกะทันหัน มารดาอ่อนแอและไม่มีกำลังพอที่จะดูแลพวกเขาเหล่าพี่น้องจึงได้ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง เพราะเช่นนี้เองพวกเขาถึงเข้าใจสายตาของฟางเซียน

“ข้าจะช่วยเหลือเจ้า” ฮุ่ยเหอตัดสินใจพูดออกมาก่อนฮุ่ยหวงและฮุ่ยหลิง

“พี่รองแย่งข้าพูดก่อนได้อย่างไรขอรับ!” ฮุ่ยหลิงงอแงก่อนจะหันมามองฟางเซียนด้วยสายตามุ่งมั่นและจริงจัง “หากตายแล้วเจ้าจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกนะ เพราะงั้นเปลี่ยนใจเถอะ! พวกข้าจะคอยช่วยเหลือเจ้าเอง!”

ฟางเซียนเบะปากรังเกียจข้อเสนอของพวกเขา นางอยากตาย!ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือสักหน่อย!

“ในเมื่อพวกเจ้าตัดสินใจเช่นนั้น ข้าก็เห็นด้วยเช่นกัน เรามาช่วยเหลือแม่นางผู้นี้กันเถอะ” ฮุ่ยหวงยิ้มอ่อนโยน

สีหน้าของฟางเซียนดำมืด พวกเขาไม่มองสีหน้ารังเกียจของนางแม้แต่น้อย

“ข้ามีนามว่า หวง แซ่ ฮุ่ย และนี่คือน้องชายคนรองของข้า ฮุ่ยเหอ และน้องชายคนเล็ก ฮุ่ยหลิง แล้วแม่นางเล่าชื่อแซ่ว่าอันใด?” ฮุ่ยหวงเอ่ยถามหญิงสาวในอ้อมแขนอย่างสุภาพและเป็นมิตร แต่ฟางเซียนไม่ยอมเป็นมิตรด้วย

“ปล่อยข้าลง!” ฟางเซียนเริ่มดิ้นและโวยวายหวังให้ฮุ่ยหวงปล่อยนางลง แต่เขาก็ยังคงอุ้มนางอีกทั้งยังกระชับอ้อมแขนแน่นมากขึ้น

“เท้าของเจ้ามีแผล คงไม่เป็นการดีหากให้เจ้าเดินด้วยตัวเอง” ฮุ่ยหวงยังคงยิ้มอ่อนโยนดั่งเช่นสุภาพบุรุษหน้าหยกพึงมี ฟางเซียนไม่มีแรงดิ้นรนต่อ ไม่ใช่เพราะรอยยิ้มของฮุ่ยหวงหรอกนะแต่เป็นเพราะว่านางเหนื่อยและรู้สึกปวดหัวมากต่างหาก!

จะว่าไปตั้งแต่นางเริ่มคิดฆ่าตัวตายนางก็แตะอาหารน้อยลงจนแทบจะเรียกได้ว่าไม่แตะต้องเลย ส่วนเรื่องนอนหากไม่นับตอนสลบไปนางก็แทบไม่ได้นอนเลย ร่างกายมนุษย์ธรรมดาของนางจึงใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว

“ก่อนอื่นเราควรพานางไปรักษาและหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้กับนาง” ฮุ่ยเหอกล่าว ซึ่งพี่น้องของเขาก็เห็นด้วยเพราะถึงแม้บาดแผลของฟางเซียนจะดูเล็กน้อยแต่หากติดเชื้อมนุษย์ธรรมดาคงไม่สามารถรอดชีวิตได้และที่สำคัญคือชุดที่ฟางเซียนสวมใส่มันเป็นเสื้อผ้ารูปทรงแปลกประหลาดและเผยผิวของหญิงสาวมากเกินไป

พวกเขาเป็นกังวลว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ฟางเซียนอาจจะถูกฉุดโดยชายชั่วสักคนเป็นแน่ แม้จะอยู่ในสภาพทรุดโทรมความงามของฟางเซียนก็ยังปรากฏให้เห็น

สามพี่น้องฮุ่ยได้พาฟางเซียนไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองใกล้เคียง พวกเขาได้สั่งให้เสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมอาบน้ำแต่งตัวให้ฟางเซียนและดูแลนางอย่างดีเพราะพวกเขากลัวว่าฟางเซียนจะฆ่าตัวตายในห้องอาบน้ำที่พวกเขาเข้าไปดูแลไม่ถึง แต่ดูเหมือนว่าฟางเซียนจะไม่ยินยอมทำตามที่พวกเขาบอกสักเท่าไหร่นัก นางขัดขืนและมีท่าทีรำคาญตลอดเวลา

สุดท้ายแล้วกว่าจะบังคับให้ฟางเซียนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สำเร็จเสี่ยวเอ้อก็ถึงกับหมดแรงไปตามๆ กัน

ฟางเซียนพ่นหายใจอย่างหงุดหงิดไม่มีความรู้สึกผิดที่ทำให้คนอื่นเหนื่อย ก็นางไม่ได้ขอให้ทำเสียหน่อย แต่ที่น่าหงุดหงิดกว่าก็คือสามพี่น้องฮุ่ยที่ยังไม่ยอมเลิกยุ่งกับนางสักที ตอนนี้พวกเขาก็กำลังหว่านล้อมให้นางกินข้าวอย่างสุดความสามารถทั้งที่มันไม่เกี่ยวกับพวกเขาเลยสักนิดว่านางจะกินหรือไม่

ฟางเซียนดื้อรั้นไม่ยอมกินอาหารเพราะนางหวังให้ตัวเองอดตายไปเลย พวกเขาสามพี่น้องจึงมีสีหน้ากังวลอย่างมาก เห็นหน้าตาบูดบึ้งของฟางเซียนแล้วทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังบังคับเด็กเล็กให้กินอาหารไม่มีผิด

ระบบห้ามฆ่าตัวตายจึงออกโรงเอง

[หากคุณทานคำหนึ่งผมจะให้แต้มลบ 10 แต้ม!] ระบบห้ามฆ่าตัวตายกล่าว

“แต้มเฮงซวยอะไรของแก” ฟางเซียนสบถ

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” ฮุ่ยหลิงถามอย่างไม่แน่ใจ เขาจึงได้รับสายตาไม่ชอบใจของฟางเซียนตอบกลับมา ฮุ่ยหลิส่งสายตาลูกหมาให้ฟางเซียนอย่างเสียใจ แต่เขาก็ยังไม่ได้รับความสนใจหรือความเห็นใจจากฟางเซียนอยู่ดี

[ไม่ใช่แต้มเฮงซวยครับ เป็นแต้มลบต่างหาก แต้มเหล่านี้สามารถนำไปลบกับแต้มโชคของคุณได้ ทั้งโชครอดตายจากอุบัติเหตุและโชครอดตายจากการถูกฆ่า ไม่น่าสนใจเหรอครับถ้าหากแต้มโชคหมดไปในสักวันและคุณก็อาจจะได้ตายสมใจอยากก็ได้] ระบบหว่านล้อมอย่างใจเย็น

“...” ฟางเซียนเงียบและครุ่นคิด แม้ว่าจะเป็นไปได้ยากที่จะลบโชคหลายล้านแต้ม แต่หากมีสักวันที่แต้มโชคพวกนั้นลดน้อยลงหรือหมดไปนางก็อาจจะมีโอกาสตายจากอุบัติเหตุและตายจากการถูกฆ่าเพิ่มมากขึ้น

อย่างน้อยถ้าได้แต้มลบมาเปอร์เซ็นต์ในการถูกฆ่าตายก็จะเพื่อขึ้นมากกว่าเดิมล่ะนะ เมื่อคิดได้ดังนั้นฟางเซียนก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย

[คำละ 10 แต้ม อยากได้ไหมครับ?] ระบบย้ำอีกครั้ง ฟางเซียนจึงยอมพยักหน้าตกลงและคีบอาหารเข้าปาก ซึ่งนั่นก็ได้ทำให้สามพี่น้องฮุ่ยปลื้มใจอย่างมาก

“น่ายินดีที่เจ้ายอมทานแล้ว!” ฮุ่ยหลิงแทบจะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้น

“ดีแล้ว...เจ้าต้องดูแลตัวเอง อย่ายอมแพ้ที่จะมีชีวิต” ฮุ่ยเหอพยักหน้าพอใจเงียบๆ

“ไม่ต้องห่วงนะแม่นางน้อย ข้าจะช่วยเหลือเจ้าจนกว่าเจ้าจะสามารถยืนหยัดด้วยตัวเองได้” ฮุ่ยหวงยิ้มเยียวยาจิตใจ

ฟางเซียนแสร้งพยักหน้าส่งๆ ยังไงซะสามพี่น้องกลุ่มนี้ก็คงไม่ยอมปล่อยนางไปง่ายๆ แสร้งทำตัวว่าง่ายจนกว่าพวกเขาจะพอใจและยอมปล่อยนางไปเองแล้วกัน คิดพลางจ้องมองหน้าต่างระบบที่แสดงแต้มโชคที่ลดลงไปทีละสิบแต้มทุกครั้งที่นางกินอาหารเข้าไปคำหนึ่ง แม้จะเล็กน้อยแต่ก็อดอารมณ์ดีขึ้นมาไม่ได้เมื่อคิดว่าจะหาทางตายได้ง่ายขึ้น

ฟางเซียนได้เข้าใจแล้วว่าการจะสลัดสามพี่น้องฮุ่ยไปให้พ้นจากชีวิตมันไม่ง่ายดายนัก

ตั้งแต่นางมาถึงโลกแห่งนี้วันแรกนางก็ถูกพวกเขาบังคับหลายอย่าง เช่น อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทานอาหาร และการนอน เนื่องจากว่านางดื้อดึงไม่ยอมนอน พวกเขาจึงใช้คาถาสะกดให้นางนอนหลับ คืนแรกของการนอนหลับในโลกนี้จึงเลวร้ายมากสำหรับฟางเซียน และแน่นอนว่าเรื่องราวน่าขัดใจไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เช้าวันต่อมาพวกเขายังคงไม่ปล่อยนางไป พวกเขาคะยั้นคะยอให้นางทานอาหารเช้าและพาเดินชมเมืองเพื่อหาซื้อบ้านและตั้งใจจะหางานให้นางทำอีกด้วย ใช่แล้ว...พวกเขาตั้งใจจะตั้งรกรากให้นางอาศัยอยู่ในเมืองนี้!

พวกเขาเข้าใจว่าฟางเซียนเป็นคุณหนูในห้องหอที่ทำอะไรไม่เป็นและไม่รู้เรื่องราวของโลกภายนอกเลยเพราะได้เห็นสีหน้าสงสัยและงุนงงของฟางเซียนเมื่อตอนเดินในตลาด พวกเขาจึงพยายามเอาใจใส่ดูแลฟางเซียนมากขึ้นเพราะคิดว่าเหตุผลที่ฟางเซียนต้องการฆ่าตัวตายไม่น่าใช่แค่เรื่องสูญเสียน้องสาวไป แต่น่าจะเป็นเพราะดำเนินชีวิตในโลกนี้ไม่เป็นอีกด้วย

ซึ่งความจริงแล้วฟางเซียนก็แค่เป็นคนจากอีกโลกอันห่างไกลที่รู้จักเพียงแค่เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากกว่านี้ นางเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจของโบราณเสียเท่าไหร่นัก สิ่งของหลายอย่างนางจึงไม่รู้จักแม้แต่น้อยและไม่รู้ว่ามันจะนำไปใช้ทำอะไรได้บ้าง

ในภายหลังฟางเซียนได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับอุปกรณ์และวิถีชีวิตของคนในยุคโบราณแห่งนี้จากสามพี่น้องฮุ่ย

ฟางเซียนได้รู้มาว่าถึงแม้โลกนี้จะเป็นโลกของการบำเพ็ญเพียรเป็นเซียนหรือไม่ก็มาร แต่มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติและแทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกของผู้บำเพ็ญเพียรเลย ส่วนมากพวกเขาจะติดต่อกับเหล่าเซียนก็ต่อเมื่อโดนมารหรือปีศาจโจมตีเท่านั้น

การแบ่งแยกที่ชัดเจนทำให้ฟางเซียนคิดว่านางอาจจะสามารถหลีกเลี่ยงจากการบำเพ็ญเพียรได้ นางไม่อยากเป็นอมตะจึงตั้งมั่นว่าจะไม่ยอมบำเพ็ญเพียรเป็นมารหรืออะไรทั้งสิ้น ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับมนุษย์ธรรมดาจนกว่าจะหาทางตายได้มันดีกว่าตั้งเยอะ

แต่ก่อนจะหาทางตายได้สำเร็จก็คงต้องอดทนกับสามพี่น้องฮุ่ยต่อไป...

“แม่นาง การปักผ้าเช่นนั้นผิดแล้วนะขอรับ มันต้องปักเช่นนี้สิ!” ฮุ่ยหลิงชี้แจงวิธีปักผ้าให้ฟางเซียนดูอยู่หลายครั้ง เนื่องจากว่าสามพี่น้องฮุ่ยต้องการให้ฟางเซียนสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว พวกเขาจึงตกลงกันว่าจะสอนทุกอย่างให้ฟางเซียนโดยไม่คิดจะถามความคิดเห็นของนางเลยสักนิด

ซึ่งสิ่งแรกที่พวกเขาเลือกสอนก็คือการเย็บปักเสื้อผ้าเพราะเห็นว่ามันง่ายและสตรีห้องหออย่างฟางเซียนก็น่าจะทำได้ แต่ที่ไหนได้สองวันเต็มแล้วฟางเซียนก็ยังคงปักผ้าออกมาไม่ได้ความเหมือนเดิม

“พยายามต่อไปสักวันเจ้าต้องทำได้แน่ ข้าผู้นี้จะสั่งสอนเจ้าเอง!ถ้าเช่นนั้นเรามาลองปักผ้าใหม่อีกสักสิบรอบแล้วกัน” ฮุ่ยหลิงตั้งใจสอนฟางเซียนอย่างไม่ย่อท้อ

ฟางเซียนผู้เย็บปักไม่เป็นและถูกเข็มทิ่มมือหลายสิบครั้ง “...”

มารดามันเถอะ!ไม่คิดจะถามความเห็นกันบ้างเลยรึไง?หรืออยากจะฆ่านางด้วยเข็มกัน!?ถึงนางจะอยากตายมากขนาดไหนแต่ขอไม่ตายด้วยเข็มปักผ้าได้ไหม!?

พวกเขาหวังดีก็จริงแต่นางไม่ต้องการ!ฟางเซียนเคยขับไล่พวกเขาออกไปจากชีวิตแล้วแต่พวกเขาก็ไม่เคยยอมแพ้ที่จะติดตามนางต่อไป ฟางเซียนจึงพยายามหนีไปจากพวกเขาแทน แต่พวกเขาคือผู้บำเพ็ญเซียนที่มีพลังปราณมากกว่าระดับห้าขึ้นไป มันจึงไม่ง่ายเลยที่คนธรรมดาอย่างนางจะหนีรอดไปได้ หากต้องการหนีให้พ้นก็คงต้องทำให้ตัวเองกลายเป็นมาร ซึ่งแน่นอนว่าฟางเซียนจะไม่เลือกทางนั้นเด็ดขาด

ทางรอดเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการแสดงให้พวกเขาเห็นว่านางสามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวและไม่มีทางคิดฆ่าตัวตายอีก เป็นวิธีที่เหน็ดเหนื่อยไม่น้อยแต่ได้ผลดี

เมื่อสรุปออกมาได้ดังนั้นฟางเซียนจึงพยายามปักผ้าต่อไปและหวังลึกๆ ว่าตัวเองจะตายเพราะเข็มทิ่มนิ้ว ถึงจะฟังดูเป็นไปไม่ได้แต่อย่างน้อยพอคิดแบบนี้มันทำให้นางมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยล่ะ

ฟางเซียนพยายามเรียนรู้การปักเย็บเสื้อผ้าอยู่นานหลายชั่วยามจนกระทั่งคนสอนนั่งสัปหงกไปแล้วเรียบร้อย ฟางเซียนเห็นท่าทางไร้การป้องกันนั้นจึงมีความคิดชั่วร้ายขึ้นมา

หากนางฆ่าฮุ่ยหลิง พี่ชายทั้งสองของเขาจะทำยังไงกันนะ?คงรู้สึกโกรธแค้นที่นางทำร้ายน้องชายคนสำคัญของพวกเขา เมื่อโกรธแค้นพวกเขาก็จะต้องฆ่านางเพื่อล้างแค้น เมื่อพวกเขาได้ล้างแค้น นางก็จะได้ตายอย่างที่หวัง

ในครัวน่าจะมีมีดคมๆ ที่พอจะเชือดคอฮุ่ยหลิงได้อยู่บ้าง...

ความคิดอันตรายของฟางเซียนถึงกับทำให้ฮุ่ยหลิงเสียวสันหลังวาบ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากการสัปหงกด้วยความตกใจ

“เย็นแล้วรึ?ถึงว่าล่ะข้าถึงรู้สึกหนาว” ฮุ่ยหลิงพึมพำขณะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีส้ม เขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าคนข้างกายของเขากำลังมีสีหน้าผิดหวังที่สูญเสียโอกาสในการลอบฆ่าเขาไป

หลังจากนั้นไม่นานฮุ่ยหวงและฮุ่ยเหอก็เพิ่งกลับมาจากการซื้อของใช้ในบ้าน เนื่องจากว่าบ้านที่พวกนางอาศัยอยู่ในตอนนี้เป็นบ้านที่เพิ่งซื้อมา ข้าวของเครื่องใช้มีไม่มากนักจึงจำเป็นต้องออกไปซื้อมาเพิ่มเติม

“ไปเสียนานเลยนะขอรับ พี่ใหญ่ พี่รอง” ฮุ่ยหลิงกล่าวทักทายเหล่าพี่ชายของเขา

“เราต้องการเลือกสิ่งที่แม่นางน่าจะชอบ” ฮุ่ยเหอตอบเสียงเรียบ “พวกข้าเลือกซื้อมาหลายอย่าง เจ้าเลือกดูเองแล้วกัน”

ฮุ่ยเหอหยิบยันต์บางอย่างออกมาพลางกล่าวปลดผนึกก่อนจะโยนมันไปยังพื้นที่ว่าง ทันใดนั้นเองตู้เสื้อผ้าหลังหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่แผ่นยันต์

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟางเซียนได้เห็นแต่ก็อดชะงักไม่ได้เพราะความรู้สึกไม่คุ้นชินที่มีสิ่งของปรากฏขึ้นมาต่อหน้าอย่างกะทันหัน นางพอรู้มาแล้วว่ายันต์พวกนั้นคือยันต์สำหรับเก็บของที่มีไว้สำหรับใช้แล้วทิ้งเพราะมันสร้างขึ้นมาได้ง่ายๆ เพียงการเขียนตัวอักษร แต่อย่างน้อยผู้ใช้ก็จะต้องมีพลังปราณขั้นสามขึ้นไปถึงจะใช้งานมันได้

“แม่นางคิดว่าตู้เสื้อผ้าหลังนี้เป็นเช่นไรบ้างขอรับ?สวยงามหรือไม่?” ฮุ่ยหวงถามความเห็นของฟางเซียนด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ดี” ฟางเซียนตอบเพียงเท่านั้น

พวกเขาจึงนำสิ่งของเครื่องใช้อันอื่นออกมาให้ดูเพิ่มเติม ซึ่งฟางเซียนก็ตอบแค่ว่า ดี เช่นเดิม พวกเขาหวังอยากจะให้ฟางเซียนบอกว่าชอบมันอย่างจริงใจจึงนำเสนอต่อไป แต่ฟางเซียนไม่ได้สนใจสิ่งของพวกนั้นจึงไม่ยอมพูดว่าชอบเสียที

แต่เพื่อไม่ให้ของล้นบ้านไปมากกว่านี้ฟางเซียนจึงพูดคำอื่นบ้างเช่นคำว่า “สะดวกดีนะ”

นางกำลังหมายถึงยันต์น่ะ มันเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีจริงๆ

“เจ้าสนใจหรือ?งั้นกลับสำนักเซียนกับพวกข้าและไปบำเพ็ญเพียรเป็นเซียนดีหรือไม่?” ฮุ่ยหลิงเสนอด้วยสายตาระยิบระยับและหวังว่าฟางเซียนจะสนใจ

“ไม่ล่ะ” ทว่าฟางเซียนตอบปฏิเสธทันทีด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ไร้ซึ่งความสนใจ

ฮุ่ยหลิงทำตาละห้อยด้วยความรู้สึกเสียดาย ทว่าเขาก็ไม่ได้ตามตื๊อและยอมถอยแต่โดยดี เพราะเขารู้ดีว่าการบำเพ็ญเพียรเพื่อเป็นเซียนมันต้องเดินไปบนเส้นทางที่ยากลำบาก ผู้บำเพ็ญเพียรจำเป็นต้องมีความมุมานะสูงกว่าคนทั่วไปมาก แม้เขาจะอยากให้ฟางเซียนกลับไปยังสำนักเฉินพร้อมกับตนแต่หากฟางเซียนไม่ต้องการเขาก็จะไม่ดื้อรั้นฝืนใจฟางเซียนเด็ดขาด

และหลังจากที่ฟางเซียนคัดเลือกเครื่องเรือนที่ต้องการใช้งานแล้วสามพี่น้องฮุ่ยก็ได้จัดวางเครื่องเรือนให้เข้าที่เรียบร้อย แต่กว่าจะจัดแต่งบ้านเสร็จมันก็กินเวลาไปมากโข รู้สึกตัวอีกทีก็มืดค่ำแล้วทุกคนจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน

“งั้นข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะขอรับ ช่วงนี้ข้าอาจจะพักผ่อนน้อยถึงได้รู้สึกเมื่อยตัวและอ่อนเพลียเช่นนี้” เมื่อเสร็จงานแล้วฮุ่ยหลิงก็บ่นพลางเดินกลับห้องนอนเป็นคนแรก

“ราตรีสวัสดิ์อาหลิง” ฮุ่ยหวงกล่าวไล่หลังน้องชายไป “แม่นางเองก็นอนหลับให้สบายนะขอรับ” เขาหันไปกล่าวกับฟางเซียนต่อเมื่อเห็นว่านางกำลังเดินกลับห้องนอน ฟางเซียนได้ยินเช่นนั้นจึงหยุดชะงักชั่วคราว นางเริ่มรู้สึกรำคาญคำว่าแม่นางที่พวกเขาใช้เรียกนางเสียแล้วสิ

“ฟางเซียน...ข้าชื่อฟางเซียน” เพราะรำคาญฟางเซียนจึงยอมบอกชื่อของตัวเองออกไปด้วยสีหน้าเย็นชาแต่นางไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับรอยยิ้มกว้างตอบกลับมา ฮุ่ยหวงยิ้มไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ฮุ่ยเหอที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนักแต่กลับยิ้มออกมาไม่ต่างจากผู้เป็นพี่ชายคนโต

ฟางเซียนสะบัดหน้าและเดินหนีก่อนที่พวกเขาจะพูดอะไรอีก

[รู้สึกชอบพวกเขาแล้วเหรอครับเนี่ย] ระบบแอบแหย่

“แค่รำคาญ” ฟางเซียนแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา “แต่แกน่ารำคาญกว่า เพราะงั้นเงียบปากไปซะ”

[ไม่ได้หรอกครับเพราะผมมีเรื่องจะมารายงาน มันเป็นเรื่องสำคัญมาก!] ระบบกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง [คุณมีปราณมารระดับหนึ่งขั้นสูงแล้ว!]

ฟางเซียนรู้สึกว่าฟังอะไรผิดไปและต้องการฟังอีกครั้ง “นายพูดว่าไงนะ?”

[คุณคงกำลังสงสัยว่าทำไมคุณถึงมีพลังปราณได้สินะครับ งั้นผมจะอธิบายเอง!] ระบบพูดเสียงร่าเริงแตกต่างจากใบหน้าที่ดำทะมึนของฟางเซียน [ร่างกายของคุณก็เหมือนจะอยู่ในความดูแลของผมแล้วเพราะงั้นผมจึงสามารถควบคุมร่างกายของคุณให้ดูดซับพลังปราณเข้าสู่ร่างกายได้โดยไม่ต้องให้คุณซึ่งเป็นเจ้าของร่างกายทำอะไรเลย! สะดวกดีใช่ไหมล่ะครับ?คุณไม่ต้องเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย...]

“ระบบเฮงซวย!” ฟางเซียนหลุดปากสบถออกมาอย่างหัวเสีย ไม่คิดเลยว่าระบบมันจะมีไม้นี้!

[แต่หากคุณอยากทำเองผมก็สามารถแนะนำได้ เนื่องจากคุณเป็นผู้บำเพ็ญเพียรสายมารทางลัดในการดูดซับพลังปราณจึงมีมากมายและไม่ต้องเสียเวลา ตัวอย่างเช่นการดูดพลังปราณจากแกนพลังปราณในตัวคนอื่นมาเป็นของตัวเอง วิธีนี้ค่อนข้างอันตรายหากคนอื่นขัดขืนแต่ผมมีกลโกงให้คุณจึงไม่มีปัญหา เพียงแค่คุณไปอยู่ใกล้ๆ ผู้บำเพ็ญเพียรสายใดก็ตามคุณก็จะสามารถดูดซับพลังปราณของพวกเขามาเป็นของตัวเองได้อย่างไม่มีปัญหาและไม่มีใครรู้ตัว! ตัวอย่างเช่นสามพี่น้องฮุ่ย พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าคุณขโมยพลังปราณของพวกเขาไปจนร่างกายเหนื่อยล้า]

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฮุ่ยหลิงถึงบ่นว่าเมื่อยตัวและอ่อนเพลีย

[พลังปราณของคุณเลื่อนระดับได้ไม่เลวเลย อีกไม่กี่ปีคงถึงระดับเจ็ด ระดับที่สามารถทำให้ร่างกายเป็นอมตะไม่แก่ตาย!]

“ฉันไม่อยากเป็นอมตะ!”

[ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะเติมทรูให้คุณเอง ใช้เวลาไม่ถึงสิบปีคุณก็ถึงระดับสิบแล้วและได้เลื่อนจากปราณมารเป็นปราณปีศาจ ส่วนความรู้เกี่ยวกับการใช้พลังปราณและความรู้ด้านคาถาอาคม ระบบสามารถเปลี่ยนพวกมันเป็นข้อมูลและส่งเข้าไปในสมองของคุณได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเรียนเช่นกัน]

ระบบพูดมากน่ารำคาญ ฟางเซียนพยายามปิดหูไม่ฟังสิ่งที่มันพูด แต่นางก็ยังได้ยินเพราะระบบมันพูดอยู่ในหัวของนาง ฟางเซียนแทบสติแตก

“ฉันจะฆ่าแก ระบบ” ฟางเซียนกัดฟันกรอด

[สบายใจได้ ระบบไม่มีทางตาย] ระบบกล่าวเสียงใส ฟางเซียนกระอักเลือดเพราะไม่สามารถกำจัดความเคียดแค้นนี้ไปได้ 

Related chapters

  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 2.2 ถ้าเป็นอาจารย์ของตัวร้าย ระบบมีเงินให้โปรยเล่น

    บทที่ 2.2 ถ้าเป็นอาจารย์ของตัวร้าย ระบบมีเงินให้โปรยเล่นพิภพมนุษย์ พิภพเทพ และพิภพปีศาจ สามพิภพแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน ทว่าเผ่าปีศาจและเผ่าเทพก็ยังคงไม่ลงรอยกัน อาจจะเพราะความแตกต่างของเผ่าพันธุ์หรือไม่ก็พลังปราณที่มีสีขั้วตรงข้ามกัน อย่างไรก็ตามสองเผ่าพันธุ์นี้ก็มักจะเข้าปะทะกันบ่อยครั้งในพิภพมนุษย์เนื่องจากว่าพิภพมนุษย์มีทั้งประตูเชื่อมต่อไปยังพิภพเทพและพิภพปีศาจ บางครั้งเทพและปีศาจจึงเดินทางมายังพิภพมนุษย์บ้างเป็นบางครั้ง พิภพมนุษย์จึงเป็นเหมือนศูนย์กลางของทั้งสามพิภพนั่นเอง เพราะเหตุนี้เองมันจึงทำให้บนพิภพมนุษย์มักเต็มไปด้วยหายนะ มนุษย์จึงจำเป็นต้องดิ้นรนหาความแข็งแกร่งเพื่อความอยู่รอดมนุษย์หรือแม้แต่สัตว์อสูรต่างก็มีแกนพลังปราณเป็นของตัวเอง แต่จะไร้พลังปราณแตกต่างจากเผ่าเทพและปีศาจซึ่งมีพลังปราณตั้งแต่กำเนิด แต่หากได้รับการฝึกฝนมนุษย์หรือสัตว์อสูรก็จะสามารถดูดซับพลังปราณเข้าสู่ร่างกายได้ หากยิ่งเลื่อนระดับพลังปราณให้สูงมากขึ้นเท่าไหร่พวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นแต่ทว่าเผ่ามนุษย์ก็ยังคงไม่สามารถต่อกรกับเผ่าปีศาจหรือเผ่าเทพได้เมื่อเปรียบเทียบปราณเซียนหรือปราณมารของผู้บำเพ็ญเพี

    Last Updated : 2024-11-10
  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 3.1 อาจารย์มารอยากตายกับลูกศิษย์ผู้น่าสงสาร

    บทที่ 3.1 อาจารย์มารอยากตายกับลูกศิษย์ผู้น่าสงสารสตรีผู้นั้นประมูลเขามาจากโรงประมูลทาส นางได้พูดว่าจะรับเขาเป็นลูกศิษย์ ลู่เหลียนไม่คิดว่านางจะพูดความจริง ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาเช่นนางจะอยากรับลูกครึ่งปีศาจเช่นเขาเป็นลูกศิษย์ทว่าเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อนางสามารถปลดกำไลทาสบนข้อเท้าของเขาออกได้อย่างง่ายดายทั้งที่อาคมของมันน่าจะแน่นหนาและยากที่จะปลดออก บุคคลธรรมดาไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ นั่นหมายความว่านางหาใช่คนธรรมดาอย่างที่เขาเข้าใจ นางคงเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงที่สามารถปกปิดพลังปราณของตัวเองได้อย่างมิดชิดและหลังจากที่กำไลทาสถูกปลดออกนางก็ได้ประทับตราบนหน้าผากของเขาโดยไม่ถามเขาก่อนว่าเขายินยอมหรือไม่ลู่เหลียนลูบหน้าผากที่เรียบเนียนของตนเอง แม้ตราสัญลักษณ์จะซ่อนอยู่แต่เขารู้สึกได้ว่ามันยังอยู่ เขาถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง หลุดพ้นจากกำไลทาสมาได้แต่กลับได้รับสัญลักษณ์การเป็นลูกศิษย์มาแทนเสียได้ ถึงมันจะไม่ได้กักขังหรือทรมานเขาอย่างเช่นที่กำไลทาสทำ แต่มันก็ทำให้เขาไม่สามารถหนีพ้นไปจากนางได้เพราะนางจะรู้ตำแหน่งที่อยู่ของเขาได้ทุกเมื่อจากตราสัญลักษณ์นี้“วันนี้เจ้าไปพักในห้องนั้น วันพรุ่งนี้ข

    Last Updated : 2024-11-10
  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 3.2 อาจารย์มารอยากตายกับลูกศิษย์ผู้น่าสงสาร

    บทที่ 3.2 อาจารย์มารอยากตายกับลูกศิษย์ผู้น่าสงสารฟางเซียนรู้สึกรับไม่ได้อย่างยิ่ง เมื่อนางกลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรสายมารระดับเจ็ดนั่นก็หมายความว่านางจะเป็นอมตะไม่แก่ไม่ตาย! หากรวมเข้ากับแต้มโชครอดตายมันก็หมายความว่านางจะไร้หนทางตาย!ฟางเซียนรู้สึกสิ้นหวัง เข่าของนางอ่อนแรงจนนางไม่สามารถยืนได้อีก นางนั่งซึมเศร้าอยู่ข้างร่างแห้งเหี่ยวของหนูยักษ์และนึกเสียใจที่หลงกลตื้นเขินของระบบ นางมันโง่มาก!อยากตายมากขึ้นเพราะความโง่นี่ล่ะ! ฟางเซียนไม่อยากเดินไปข้างหน้าอีกต่อไปแล้วแต่ทว่าระบบห้ามฆ่าตัวตายก็ยังคงผลักให้นางเดินต่อไปข้างหน้าอยู่ดี สิ่งที่นางทำได้ในตอนนี้ก็คือ ทำใจให้ได้!เมื่อคิดดังนั้นฟางเซียนก็หัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติ ทำไมนางถึงโชคร้ายแบบนี้!เมื่อดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่นางได้พบความสิ้นหวังมายาวนานทั้งชีวิต เมื่อต้องการที่จะตายนางก็ยังคงสิ้นหวังเพราะไม่สามารถตายได้ มันเป็นความรู้สึกอัดอั้นที่บรรยายออกมาไม่ได้ อยากจะหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกันจนเสียสติไปเลยในขณะที่ฟางเซียนกำลังเสียสติไปแล้วจริงๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดก็แทรกเข้ามาในหัว นางคิดว่ามีบาดแผลตามร่างกาย แต่ว่ามันไม่ใช่ของนา

    Last Updated : 2024-11-15
  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 4.1 ท่านอาจารย์ประหลาดเกินไป

    บทที่ 4.1 ท่านอาจารย์ประหลาดเกินไปสภาพร่างกายของลู่เหลียนไม่มีส่วนไหนบุบสลายจึงไม่น่าเป็นห่วง สิ่งที่ต้องหวงมากที่สุดก็คือสภาพจิตใจของเขามากกว่า การได้เผชิญกับเหตุการณ์สะเทือนใจมันทำให้ลู่เหลียนตกอยู่ในอาการหวาดระแวง เขาจึงควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษแน่นอนว่าฟางเซียนต้องเป็นคนรับผิดชอบดูแลลู่เหลียนเพราะนางมีส่วนผิดไม่มากก็น้อยที่ปล่อยให้ลู่เหลียนถูกตาแก่มากตัณหาลักพาตัวไปจนต้องเผชิญหน้ากับเรื่องสะเทือนใจเพื่อเป็นการดูแลเอาใจใส่ฟางเซียนจึงทำอาหารสำหรับลู่เหลียนและยกไปส่งถึงห้องนอนเนื่องจากว่าตั้งแต่กลับบ้านมาลู่เหลียนเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ยอมออกมาแม้แต่ก้าวเดียว“อาหารสำหรับเจ้า” ฟางเซียนวางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะและหันไปพูดกับเด็กชายที่นั่งขดตัวอยู่บนเตียง “รีบมากิน หากเจ้าอดตายขึ้นมาข้าคงลำบาก” นางกล่าวอย่างเย็นชาทว่าลู่เหลียนก็ยังคงนิ่งเงียบ เขาเหลือบมองฟางเซียนด้วยสายตาเคลือบแคลงและสงสัย เวลาผ่านไปครู่หนึ่งลู่เหลียนก็ยังคงไม่ขยับ ฟางเซียนนั่งรออย่างใจเย็น จนกว่าลู่เหลียนจะยอมกินอาหารนางก็คงจะไม่ได้ไปไหน เมื่อลู่เหลียนเห็นฟางเซียนอยู่ในท่าทางสงบนิ่งเขาจึงรู้สึกสงบใจมากกว่าการอยู่ค

    Last Updated : 2024-11-17
  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย    บทที่ 4.2 ท่านอาจารย์ประหลาดเกินไป

    บทที่ 4.2 ท่านอาจารย์ประหลาดเกินไปพื้นที่รอบเมืองเหยียนเป็นหุบเขามีภูเขาและเทือกเขาสูงใหญ่มากมาย การจะสร้างบ้านบนภูเขาสักลูกเป็นเรื่องยากลำบาก แต่เพราะฟางเซียนอยากมีบ้านบนภูเขาอันเงียบสงบนางจึงยอมจ่ายเงินให้ผู้รับเหมาก่อสร้างไม่อั้น เพราะอย่างไรเสียมันก็ไม่ใช่เงินของนางอยู่แล้ว ทางด้านผู้รับเหมาก่อสร้างยินดีให้บริการอย่างยิ่งเมื่อได้รับเงินมากมาย พวกเขาสัญญาว่าจะเร่งมือแต่คาดว่าการก่อสร้างคงต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน ในขณะที่รอให้บ้านสร้างเสร็จฟางเซียนและลู่เหลียนจึงอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมชั่วคราวและในระหว่างนั้นลู่เหลียนก็ได้เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการอ่านและเขียนยันต์ สำหรับมารหรือเซียนมือใหม่จำเป็นต้องรู้จักการเขียนยันต์เพราะการจะใช้คาถาจำเป็นต้องใช้ยันต์เป็นสื่อกลาง นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมลู่เหลียนจำเป็นต้องอ่านและเขียนตัวอักษรให้ได้ทุกตัว แน่นอนว่าคนที่จะสอนลู่เหลียนอ่านเขียนจะต้องเป็นฟางเซียน แม้ว่าลายมือของฟางเซียนจะแย่สักหน่อยเพราะนางไม่คุ้นเคยกับการใช้พู่กัน แต่อย่างน้อยลู่เหลียนก็สามารถเขียนออกมาได้สวยงามตามตำราเพราะหากเขา

    Last Updated : 2024-11-17
  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 5 ปีศาจกินคนและลัทธิฆ่าตัวตายบทที่ 5 ปีศาจกินคนและลัทธิฆ่าตัวตาย

    บทที่ 5 ปีศาจกินคนและลัทธิฆ่าตัวตายฟางเซียนต้องการค้นหาลัทธิฆ่าตัวตายและปีศาจกินคน แต่ระบบก็แย้งว่าถึงนางจะค้นพบลัทธิฆ่าตัวตายนางก็คงไม่สามารถฆ่าตัวตายได้อยู่ดีและถึงจะเจอปีศาจกินคนนางก็ไม่มีทางถูกกินเช่นกันเพราะโชคอันเหลือล้นของนางเอง แต่ฟางเซียนก็อยากลองออกไปค้นหาดูเผื่อจะโชคดีเจอคนพวกนั้นเข้า แต่สุดท้ายนางก็ไม่พบและต้องกลับบ้านบนภูเขาเฮยอั้นพร้อมกับความผิดหวัง “ทำไมความตายถึงได้หายากอย่างนี้!” ฟางเซียนบ่น ลู่เหลียนวางหนังสือที่กำลังอ่านลงและแอบถอนหายใจแผ่วเบา เมื่อฟางเซียนบ่นถึงความตายมันทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนในใจจนไม่มีสมาธิในการเรียนหนังสือเลย “ลู่เหลียน เมื่อไหร่เจ้าจะแข็งแกร่งแล้วมาสังหารข้า? ข้าเลี้ยงดูเจ้าเพราะอยากให้เจ้าแข็งแกร่งเหนือทุกคนและมาสังหารข้า หากเจ้าไม่สามารถทำได้ข้าก็คงไม่มีเหตุผลที่จะต้องเลี้ยงดูเจ้าอีกต่อไปแล้ว” ฟางเซียนกล่าวออกมาเสียงเรียบและเย็นชา [คุณทำอย่างนั้นได้ที่ไหนกันล่ะครับ] ระบบหัวเราะ ฟางเซียนทำหน้าบึ้งตึง นางรู้อยู่แล้วล่ะว่าทำไม่ได้ นางพูดออกไปแบบนั้นก็เพราะอยากกดดันลู่เหลียนเท่านั้นเอง หากเด็กคนนี้ไม่ได้รับการช่วยเหลือและการสนับสนุนจากน

    Last Updated : 2024-11-18
  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 6 สุสานอาวุธ

    บทที่ 6 สุสานอาวุธสุสานอาวุธมีชื่อเสียงในด้านความอันตรายมาก เนื่องจากว่าที่นั่นมีอาวุธอันตรายรวมกันอยู่มากมาย เมื่อความชั่วร้ายของพวกมันหลอมรวมเข้าด้วยกัน พวกมันจึงสามารถสร้างหมอกพิษมาปกคลุมพื้นที่โดยรอบได้ อีกทั้งมันยังสามารถดึงดูดสัตว์อสูรอันตรายได้อีกด้วย สุสานอาวุธจึงกลายเป็นเหมือนสถานที่รวมตัวของสัตว์อสูรอีกด้วย แต่เพราะมันเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยสมบัติและอาวุธวิเศษ เหล่านักล่าสมบัติผู้โลภมากทั้งหลายจึงเดินทางเข้าไปในสุสานแห่งนั้นไม่หยุดหย่อน แต่ผู้คนส่วนมากที่เข้าไปในนั้นมักจะถูกฆ่าตายโดยสัตว์อสูรหรือไม่ก็พิษที่อยู่โดยรอบสุสานอาวุธ หรือบางครั้งพวกเขาก็อาจจะถูกฆ่าโดยอาวุธชั่วร้ายที่ถูกผนึกอยู่ที่นั่น แต่ถึงจะมีผู้คนมากมายตายที่นั่น นักล่าสมบัติก็ยังคงเข้าไปในสุสานอาวุธอย่างไม่กลัวตายอยู่ทุกวัน เมืองซู ซึ่งเป็นเมืองที่ใกล้กับสุสานอาวุธมากที่สุดจึงมักจะถูกใช้เป็นสถานที่แวะพักของเหล่านักล่าสมบัติ มันจึงไม่แปลกที่เมืองซูจะพลุกพล่านและคึกคักไปด้วยผู้คนอยู่ทุกวันและฟางเซียนและลู่เหลียนก็ได้เดินทางมาถึงเมืองอันวุ่นวายแห่งนี้แล้ว ส่วนเหตุผลที่ฟางเซียนเดินทางมาที่นี่ก็เพราะภารกิจจากระบ

    Last Updated : 2024-11-19
  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 7.1 เทพมังกรทอง

    บทที่ 7.1 เทพมังกรทอง[ยินดีด้วย ภารกิจตามหาอาวุธของลู่เหลียนและของคุณเองสำเร็จแล้ว รวมรางวัลแต้มลบได้ 1,600 แต้ม แต่เนื่องจากคุณไม่มีความรอบคอบจึงทำให้ลู่เหลียนบาดเจ็บสาหัสและเกือบตาย ระบบห้ามฆ่าตัวตายจึงขอมอบบทลงโทษให้กับคุณนั่นก็คือโชคป้องกันการบาดเจ็บ เมื่อโชคป้องกันการบาดเจ็บเริ่มทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์แบบไหนคุณก็จะถูกโชคช่วยเหลือไว้ไม่ให้ได้บาดเจ็บเสมอ] เมื่อฟางเซียนลืมตาตื่นขึ้นมาระบบฆ่าตัวตายก็รีบประกาศทันทีราวกับกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก ฟางเซียนแทบสบถคำหยาบออกมาเป็นภาษาบ้านเกิด ฟางเซียนไม่อยากตื่นเพราะเสียงน่ารำคาญและน่าโมโหของระบบห้ามฆ่าตัวตายนี่แหละ พอได้ยินแล้วมันทำให้นางอยากจะหลับไม่ตื่นไปเลย แต่เพราะนางรู้สึกไม่สบายตัวจากบาดแผลเมื่อวานจึงข่มตาหลับต่อไปไม่ลง แม้ว่าขณะนี้บาดแผลบนไหล่ซ้ายของนางจะถูกรักษาด้วยคาถาเวทรักษาของจ้าวหลงเทียนแล้วแต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียจากการได้รับพิษจากหมอกพิษนั่น ความจริงแล้วนางไม่ได้รับยาถอนพิษแต่อย่างใด แต่ที่รอดมาได้ก็เป็นเพราะว่าระบบยัดเยียดวิธีขับพิษออกจากร่างกายด้วยการโคจรพลังปราณนั่นเอง กฎห้ามฆ่าตัวตายก็ดีเยี่ยมเสีย

    Last Updated : 2024-11-21

Latest chapter

  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 19.2 ระบบนำทางสู่ความตาย

    บทที่ 19.2 ระบบนำทางสู่ความตายย้อนกลับไปเมื่อสามร้อยปีก่อน ถ้านอนหลับแล้วฝันร้าย แค่ตื่นขึ้นมาฝันร้ายก็จะหายไป แต่สำหรับฮุ่ยหวงไม่ว่าจะหลับหรือตื่นเขาก็ยังฝันร้ายและมันยังเป็นฝันร้ายที่สุดแสนจะยาวนาน... “พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าขอโทษเพราะข้าชักช้าเราจึงมาช่วยแม่นางฟางเซียนไว้ไม่ทันการ” ฮุ่ยหลิงร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจเป็นเวลานานและเขาก็ยังโทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อหน้าป้ายหลุมศพที่มีชื่อสลักไว้ว่า ‘ฟางเซียน’ “หาใช่ความผิดของเจ้าไม่ น้องเล็ก” ฮุ่ยเหอเอ่ยปลอบใจน้องชาย แต่ฮุ่ยหลิงก็ยังร้องไห้ไม่หยุด ดูเหมือนว่าการจากไปของ ‘แม่นางฟางเซียน’ จะสร้างความรู้สึกสะเทือนใจให้กับน้องชายของเขามากเกินไป ฮุ่ยเหอที่ไม่รู้ว่าจะปลอบอย่างไรต่อจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายคนโต “ชาตินี้เป็นเคราะห์ร้ายของนาง...ข้าจึงเชื่อว่าชาติหน้านางจะต้องได้มีชีวิตที่ดีและมีความสุขยาวนาน” ฮุ่ยหวงยิ้มอ่อนพลางลูบหัวปลอบฮุ่ยหลิงอย่างอ่อนโยน “ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” ฮุ่ยหลิงเช็ดน้ำตาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง เจ้าของหลุมศพนามว่าฟางเซียนเป็นหญิงสาวที่น่าเห็นใจ นางสูญเสียทุกอย่างรวมถึงเหตุผลที่จะมีชีวิต นางจึงอยากฆ่าตัวตา

  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 19.1 ระบบนำทางสู่ความตาย

    บทที่ 19.1 ระบบนำทางสู่ความตายเมื่อตื่นขึ้นมาฟางเซียนก็รู้สึกถึงอาการเมื่อยล้าตามร่างกายซึ่งเป็นผลมาจากการนอนหลับกึ่งตายมาหลายวัน ฟางเซียนก็เลยนอนต่ออีกสักพักเพื่อรวบรวมเรี่ยวแรงที่หายไปกลับมา แต่เพราะนอนหงายมานานก็เลยเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว นางจึงเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนตะแคงข้างและเมื่อพลิกตัวนางก็ได้พบกับใบหน้ายามหลับใหลของปีศาจ แถมยังเป็นปีศาจรูปงามราวกับเทวดาจากสรวงสวรรค์อีกด้วยรูปหน้าสมบูรณ์แบบ ริมฝีปากเรียวสวยและหยักเป็นธรรมชาติ สีสันก็สดใสไม่หมองคล้ำ จมูกก็โด่งเป็นสัน คิ้วก็คมเข้ม ขนตาก็ยาวราวกับขนตาม้า รวมแล้วมันช่างเป็นใบหน้าที่งดงามและหล่อเหล่าไปในเวลาเดียวกันจนหลายคนลุ่มหลงฟางเซียนนอนมองลู่เหลียนจนกระทั่งคิดขึ้นมาได้ว่ามันถึงเวลาที่ควรจะลุกออกจากเตียงได้แล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลูกขึ้นนั่ง คนที่น่าจะกำลังหลับก็ดึงแขนของนางจนนางล้มลงไปนอนอีกครั้ง“ไม่คิดว่ามันเช้าเกินไปที่จะตื่นหรือขอรับ?” ลู่เหลียนพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ขนตายาวสั่นไหวเล็กน้อยยามกะพริบตา “หรือคิดจะไปไหนแต่เช้า?คิดจะทิ้งข้าไว้บนเตียงแล้วหนีไปที่อื่นหรือขอรับ?” เขาเอ่ยพลางขยับตัวอย่างเกียจคร้าน ดวงตาสีแดงที่เปิด

  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย    บทที่ 18.2 ข้ารักท่าน…ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไป

    บทที่ 18.2 ข้ารักท่าน…ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปลู่เหลียนกุมมือฟางเซียนแน่น เขาหวังว่าความร้อนจากมือของเขาจะทำให้มืออันเย็นเฉียบของฟางเซียนอบอุ่น แต่ไม่ว่าเขาจะกุมมือของฟางเซียนนานเพียงไร มันก็ยังคงเย็นเฉียบราวกับว่ามันแช่อยู่ในน้ำเย็นตลอดเวลา ลู่เหลียนไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคลาดสายตาเพียงครู่เดียว ฟางเซียนก็สลบไสลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนของซงเลี่ยงจินเสียแล้ว ทั้งที่สงครามระหว่างมารและเซียนจบไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน แต่ฟางเซียนก็ยังคงหลับไม่ยอมตื่นราวกับว่าไม่ต้องการที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง “ลู่เหลียน...เจ้าอยู่เช่นนี้มาหลายวันแล้วนะ” ซงเลี่ยงจินเดินเข้ามาในห้องและเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงเพราะลู่เหลียนมัวแต่นั่งเฝ้าฟางเซียนไม่ยอมขยับไปไหนเลยมาหลายวันแล้ว หากปล่อยไว้เช่นนี้ร่างกายของลู่เหลียนคงทรุดโทรมอีกแน่ แต่ไม่ว่าซงเลี่ยงจินจะเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงมากเท่าไหร่ ลู่เหลียนก็ไม่ยอมตอบสนองแม้แต่นิดเดียว ซงเลี่ยงจินถอนหายใจก่อนจะหยิบคัมภีร์ออกมา “ข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการเช่นนี้ของท่านปรมาจารย์ฟางเซียนมาหมดแล้ว ข้าคาดว่าท่านปรมาจารย์ฟางเซียนน่าจะโดนโจมตีทางวิญญาณเ

  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 18.1 ข้ารักท่าน...ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไป

    บทที่ 18.1 ข้ารักท่าน...ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไปเบื้องบนคือท้องฟ้ายามค่ำคืนทว่าไร้ซึ่งแสงดาว เบื้องล่างคือทะเลสีดำทมิฬอันกว้างใหญ่ทว่าไร้ซึ่งคลื่นลม และสิ่งที่คอยเป็นแสงสว่างให้กับสถานที่แห่งนี้ก็คือดอกบัวเรืองแสงสีส้มซึ่งลอยอยู่เต็มทะเลสีดำ“ถูกส่งมาอีกพิภพอีกแล้วงั้นเหรอ?” ฟางเซียนมาปรากฏตัวในสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้หลังจากถูกระบบนำทางสู่ความตายแตะหน้าผาก ฟางเซียนจึงคิดว่านางถูกส่งมาในอีกพิภพอีกแล้ว และดูเหมือนว่าคราวนี้นางจะมาคนเดียวเพราะนางไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของระบบห้ามฆ่าตัวตายตั้งแต่มาถึงที่นี่ถ้าไม่มีระบบก็จะไม่มีคนคอยนำทาง ถ้าเช่นนั้นนางจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร?เพราะไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหนฟางเซียนก็เลยเดินไปข้างหน้าบนดอกบัวอย่างไร้จุดหมาย แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนางก็ยิ่งง่วงนอนมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่านางจะพยายามไม่หลับตา แต่สุดท้ายเปลือกตาของนางก็ปิดสนิทอย่างไม่อาจฝืนและหลังจากหลับตาลงฟางเซียนก็รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังกอดนางจากด้านหลัง มันเป็นอ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและอึดอัดไปในเวลาเดียวกัน“ผมเกลียดคุณ...” ....[คุณฟางเซียน!] ฟางเซียนกำลังจะเคลิ้มหลับ ทันใดนั้นนางก็ได้ย

  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 17.2 คุกนิรันดร์

    บทที่ 17.2 คุกนิรันดร์คุกนิรันดร์ก็คืออีกหนึ่งพิภพขนาดเล็กที่แยกตัวออกมาจากสามพิภพใหญ่ เผ่าเทพค้นพบพิภพแห่งนี้เมื่อนานมาแล้ว พวกเขาจึงใช้สถานที่แห่งนี้เป็นคุกกักขังสัตว์อสูร ปีศาจ มาร และเทพที่ทำผิดกฎเพราะพวกเขาเห็นว่าพิภพแห่งนี้มีสภาพอากาศที่เลวร้ายมาก เลวร้ายจนเกือบจะเทียบเท่ากับปรโลกเลยทีเดียว ซึ่งวงแหวนอัญเชิญของซือชูลี่ก็ได้ส่งฟางเซียนและลู่เหลียนเข้ามายังพิภพที่เหล่าเทพเรียกว่าคุกนิรันดร์แห่งนี้ แต่ฟางเซียนก็ไม่ได้สนใจนักว่าตัวเองจะมาปรากฏตัวในสถานที่อันตราย นางสนใจเพียงลู่เหลียนเท่านั้นเพราะดูเหมือนว่าสายฟ้าจะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสจนสลบและไม่น่าจะฟื้นขึ้นมาในเร็วๆ นี้ เมื่อลองตรวจอาการของลู่เหลียน ฟางเซียนก็พบว่าแกนพลังปราณหรือก็คือแหล่งเก็บพลังปราณของลู่เหลียนมันได้รับบาดเจ็บเช่นกัน หากไม่ได้รับการรักษาอาการอาจแย่ลง แต่ก่อนเริ่มการรักษานางควรหาสถานที่พักที่ดีเสียก่อนเพราะตอนนี้รอบตัวของนางก็คือทะเลทรายและถึงแม้ว่าบนท้องฟ้าจะไร้วี่แววของดวงอาทิตย์แต่ที่นี่ก็ร้อนมาก นางควรหาสถานที่หลบความร้อนก่อนถูกความร้อนเผา ซึ่งก็เป็นโชคดีที่กลางทะเลทรายแห่งนี้มีถ้ำหินขนาดเล็กพอที่จะให้เข้

  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 17.1 คุกนิรันดร์

    บทที่ 17.1 คุกนิรันดร์กระบี่ชื่อเซียวของลู่เหลียนปลิดชีวิตคนแล้วคนเล่าจนกระทั่งร่างไร้ชีวิตของมนุษย์นอนเกลื่อนเต็มพื้นและพื้นดินก็ถูกย้อมเป็นสีแดงของเลือด แต่ลู่เหลียนก็ยังคงเพิ่มจำนวนซากศพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขาก็จะไม่หยุดจนกว่าจะไม่มีคนให้สังหารอีก ในขณะที่ลู่เหลียนกำลังสังหารหมู่ฟางเซียนก็ยืนรออยู่ห่างๆ ด้วยท่าทีนิ่งสงบเพราะนางเป็นคนสั่งให้ลู่เหลียนสังหารหมู่คนพวกนั้นด้วยตัวเอง เพื่อช่วยสนับสนุนเว่ยหลงเทียน นางจำเป็นต้องกำจัดปรปักษ์ของเขาโดยการฆ่าให้สิ้นซาก แต่เพราะนางไม่สามารถฆ่าคนอื่นได้หน้าตาเฉยนางจึงให้ลู่เหลียนรับหน้าที่สังหารพวกนั้นแทน จนตอนนี้กบฏแห่งแคว้นมี่โจได้ตายไปหมดแล้ว มันกลายเป็นว่าตัวร้ายหันมาให้ความช่วยเหลือพระเอกกันหมด... “ที่นี่สกปรกยิ่งนัก เรารีบกลับกันเถอะขอรับ” ลู่เหลียนสะบัดเลือดออกจากกระบี่ด้วยท่วงท่าสวยงามและน่าดึงดูดตามฉบับนกยูง แต่เพราะเลือดสีแดงสดที่เด่นชัดอยู่บนเสื้อผ้าสีขาวของเขา มันทำให้เขาดูเหมือนฆาตกรโรคจิตมากกว่า ฟางเซียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถอยห่างจากลู่เหลียนเพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นเลือดจากตัวของเขา ลู่เหลียนเห็นดังนั้นจึงไม่เดินเข้าไปใกล้ฟางเ

  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 16.2 ความรู้สึกที่ไม่ยอมรับ 

    บทที่ 16.2 ความรู้สึกที่ไม่ยอมรับ วันเวลาอันแสนสงบสุขมักหมดเร็วเสมอ [ถึงเวลาทำภารกิจช่วยเหลือเว่ยหลงเทียนต่อแล้วครับ] นอนเล่นได้แค่ไม่กี่เดือนภารกิจน่ารำคาญก็มาอีกแล้ว ฟางเซียนเหม่อมองก้นบ่ออาบน้ำด้วยจิตใจอันล่องลอย นางพยายามตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ [คุณฟางเซียน ผมมีเรื่องสำคัญมากจะบอกกับคุณ] ระบบเกริ่นนำมาอย่างนั้น ฟางเซียนรู้สึกลางสังหรณ์ใจไม่ดี [ผมจะต้องหายตัวไปสักพักเพราะตลอดหลายร้อยปีมานี้ผมได้พลาดข้อมูลสำคัญไปหลายอย่าง ผมควรได้รับการอัปเดตข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจน เพราะงั้นภารกิจในครั้งนี้คุณจะไม่มีผมคอยช่วยเหลือ] ฟางเซียนยินดีมากเมื่อได้ยินว่าระบบน่ารำคาญจะหายไปสักพัก หลังจากที่มันไปแล้วนางก็จะไม่มีระบบคอยบังคับให้ทำภารกิจอีกต่อไปและนางก็จะสามารถนอนเล่นต่อไปได้ตามใจชอบ! แต่ทว่าระบบกลับรู้ทันความคิดของฟางเซียน... [ผมขอย้ำ คุณต้องทำภารกิจนี้นะครับ ถ้าผมกลับมาแล้วและพบว่าคุณไม่ทำภารกิจผมจะมอบบทลงโทษให้กับคุณ] “ระบบ แก...!” [ผมทิ้งข้อมูลเกี่ยวกับเว่ยหลงเทียนและภารกิจไว้ให้แล้ว] รูปจดหมายเล็กๆ เด้งขึ้นมาทางด้านซ้ายมือของฟางเซียน [ขอให้โชคดีและไว้เจอกันใหม่

  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 16.1 ความรู้สึกที่ไม่ยอมรับ 

    บทที่ 16.1 ความรู้สึกที่ไม่ยอมรับ “อะไรกัน? พวกเจ้ามาต้อนรับข้ารึ?” หวังหลิงฟู่กล่าวทักทายผู้บำเพ็ญเพียรหลายสิบคนที่กำลังชี้อาวุธมาทางเขา ดูอย่างไรมันก็ไม่ใช่การต้อนรับที่ดี “เกิดอะไรขึ้น!?” เว่ยหลงเทียนอุทานอย่างตกใจ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าทันทีที่ก้าวออกมาจากสุสานผู้บำเพ็ญเพียรสายเซียนจำนวนมากจะวิ่งเข้ามาล้อมพวกเขาพร้อมอาวุธครบมือเช่นนี้ “ปีศาจออกมาแล้ว! ล้อมมันไว้อย่าให้มันหนีได้ไปแม้แต่คนเดียว!” ชายคนหนึ่งตะโกน “มะ มีอะไรเข้าใจผิด...” เว่ยหลงเทียนกำลังจะแก้ตัว แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าคนข้างตัวของเขาก็เป็นปีศาจจริงๆ เว่ยหลงเทียนสอดสายตามองไปรอบตัวอย่างกังวลจนกระทั่งสายตาของเขาไปสะดุดเข้ากับผู้ที่มีตำแหน่งเป็นถึงอาจารย์ของเขา “ท่านอาจารย์ เรื่องนี้...” เว่ยหลงเทียนหวังว่าฮุ่ยหวงจะสังเกตเห็นเขาและช่วยหยุดไม่ให้เหล่าเซียนแสดงท่าทีคุกคามเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นสตรีชุดแดงและสิงโตยักษ์ของนางจะเปิดศึกทันที แต่เขากลับไม่ได้รับความสนใจจากฮุ่ยหวง ฮุ่ยหวงเพียงชายตามองเว่ยหลงเทียนด้วยสายตาราบเรียบก่อนที่จะออกคำสั่งที่ไม่น่าเชื่อสำหรับเว่ยหลงเทียน “จัดการพวกมันให้สิ้นซาก” เว่ยหลงเทียนนิ่งค้

  • ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย   บทที่ 15.2 งานของอาจารย์ตัวร้ายคือช่วยเหลือพระเอก

    บทที่ 15.2 งานของอาจารย์ตัวร้ายคือช่วยเหลือพระเอกในหลุมมีประตูทางเข้าดินแดนลับหลายประตูและบริเวณโดยรอบก็มีพืชลวงตาเติบโตเป็นจำนวนมาก หากผู้ใดได้กลิ่นของมันก็จะเห็นภาพลวงตา เมื่อมาถึงพื้นข้างล่างฟางเซียนและฮุ่ยหวงจึงไม่พบใครอยู่แถวนั้นเลยสักคน เหล่าลูกศิษย์สำนักเฉินคงจะโดนกับดักและหลงไปคนละทิศละทางกันหมด สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนลับ แค่ทางเข้าก็ชวนสับสนแล้ว อีกทั้งเมื่อเข้ามาถึงดินแดนลับแห่งนี้พลังปราณในตัวก็ถูกปั่นป่วนจากพลังภายนอกจนชวนให้รู้สึกมึนหัวไม่น้อย “ภารกิจเฮงซวย” ฟางเซียนพึมพำ นางอยากกลับไปหาลู่เหลียนเสียแล้ว แต่ก็คงกลับตอนนี้ไม่ได้ ฟางเซียนมองไปรอบตัวที่มีแต่ความมืด “บางทีลูกศิษย์ของข้าอาจจะไปทางนั้น” ฮุ่ยหวงยังคงพูดกับนางด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและก้าวเดินนำทางไป ฟางเซียนสังเกตท่าทางของฮุ่ยหวงเล็กน้อยก่อนจะก้าวขาเดินตามเขาไป นางไม่รู้หรอกว่าฮุ่ยหวงแปลกไปอย่างไรกันแน่ แต่นางรู้สึกว่าจิตใจของเขาดูสับสนไม่น้อย เดินตามทางไปได้สักพักฟางเซียนและฮุ่ยหวงก็เห็นแสงสว่างที่ปลายทางข้างหน้าซึ่งน่าจะเป็นปากถ้ำ แต่แสงสว่างข้างหน้านั่นไม่น่าใช่แสงของดวงอาทิตย์เพราะพวกนางตกลงมาในหลุมลึก

DMCA.com Protection Status