นั่งหลับตานิ่งอยู่ข้างอ่างไม้ จะว่าไปเพิ่งจะอกหักมายกๆ ทำไมต้องมาเจออะไรที่ทำให้ โดกิๆ (ใจสั่น) แบบนี้ด้วย
"ไม่ลงมาเล่นน้ำหรือเสี่ยวเปา อืมทำเป็นหลับตา ทุกวันเห็นลงมาเล่นน้ำด้วยประจำ"รอยยิ้มละมุนกับสองเขี้ยวที่มุมปาก แอบเหลือบตามอง
"เฮ้อวันนี้ เสี่ยวเปาแปลกไป ไปไปกินข้าวกันดีกว่า คงจะหิวใช่ไหมถึงทำหน้าตาไม่รื่นเริงเลย"
"โฮ้งๆ (อย่านะ) "หลับตาปี๋เมื่อฮ่องเต้หนุ่มลุกขึ้นยืนทั้งตัวโชว์บางอย่างที่ชลชล (ชะละชน) แอบกลืนน้ำลายชลชลหันหลังให้ในทันที
ดึงผ้ามาคลุมร่างสูงทั้งตัว กลิ่นผกาหอมกรุ่น
"ทำมาหันหลังให้ มานี่เลย มานี่"อุ้มชลชลขึ้นมาหนีบไว้ที่ข้างเอวผิวเนื่อแน่นเสียดสีขนปุกปุย
"โฮ้งๆๆๆๆ (ปล่อย ฉันนะเว๊ย) ฉับ"งับเข้าที่แขนเบาๆ แต่ก็ทำให้คนอุ้มตกใจปล่อยร้างปุกปุยร่วงลงพื้นชลชลวิ่งปรืดเดียวไปยืนอยู่ หน้าประตู
"เสี่ยวเปาจะมากไปแล้วนะ ทำไมต้องกัดข้าด้วย"ถลกผ้าคลุมขึ้นดูบาดแผลเขียวคล้ำ
"อย่ามาตรหน้าซื่อมานี่ มานี่"ส่งเสียงดังชลชลยืนนิ่ง
"มานี่"หันไปตะกุยประตู เพื่อจะหนี ไม่อยู่แล้วดูสายตาดุดันนั่นสิ เวรกรรมอะไรกัน ย้อนดอีตมาในจีนโบราณแล้วยังซวย ดันมาอยู่ในร่างของสุนัขพันธ์ุเชาเชา
ประตูเปิดออก ขันทีหนุ่มน้อยนั่นเอง ชลชลวิ่งปรืดแต่ช้าไปเสียแล้วมือใหญ่หิ้วหลังคอ ขึ้นมาตรงหน้า
"เสี่ยวเปา อย่าหวังว่าจะหนีไปไหนมานี่"ชลชลหัวหด ไม่มีทางหนีแล้ว
"ใต้เท้าเสี่ยวเปา อาหารมาแล้ว"ขันทีนามตู้กังยิ้มกว้างวาง จานขาหมูตรงหน้าชลชล โอ้โหหมาอะไรกินขาหมูต้มพะโล้ ไม่อาจหักห้ามใจ น้ำลายเจ้ากรรมมาจากไหนไหลย้อยลงบนจานขาหมู
หลงตี้ฮ่องเต้ยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าสุนัขตัวโปรดน้ำลายไหลเหมือนทุกครั้งที่ได้กินของโปรด
"ง้ำง้ำง้ำ...ง้ำ"อ้าปากงับขาหมูอย่างที่ไม่อาจหักห้ามใจ ช่างไม่มีฟร์อมเลยเสียหมาหมด ก็นะได้เวลาอาหารเช้าของชลชลแล้วนี่
หลงตี้ นั่งมองชลชลกินขาหมูพะโล้ด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
"ตู้กัง ไปเอาขาหมูพะโล้มาอีกหนึ่งจาน"ตู้กังกุลีกุจอออกไปในทันที
"อร่อยใช่ไหม แน่นอนสิอันนี้เป็นของโปรดของเจ้า เฮ้อเสี่ยวเปาเจ้าช่างดูมีความสุขยิ่งนัก ดูข้าสิต้องทนรับความทุกข์ไว้เพียงลำพัง เรื่องราวต่างๆ ช่างกดดันข้ายิ่งนัก แต่เมื่ออยู่กับเจ้าเสี่ยวเปา ข้าก็ลืมเลือนเรื่องราวเหล่านั้นเสียสิ้น"ชลชลขมวดคิ้ว ลิ้นห้อยเงยหน้าจ้องมองใบหน้าหล่อเหลา
"โฮ้งโฮ้งโฮ้ง (เป็นอะไร) "อดที่จะถามเสียไม่ได้
หลงตี้ยกมือขยี้หัวอย่างแรง
"เฮ้อ..ช่างเถอะแค่ได้อยู่กับเสี่ยวเปาก็มีความสุขที่สุดแล้ว"กอดชลชลแนบตัวแนบแน่น
ชลชล เรอเอิ้กเมื่อจานที่สองผ่านไป หลงตี้ยกชามนมแพะวางตรงหน้าชลชล
"ชินอ๋อง เสด็จๆๆๆๆ "ร่างสูงของใครอีกคนก้าวเข้ามาด้านใน
"ฝ่าบาท ดูท่านสิวันๆ เอาใจแต่สุนัข"หลงตั่วเดินเอามือไพล่หลังเข้ามาข้างใน
"สุนัขบางครั้งก็ดีกว่า คนบางคน"ชลชลหันคอมองคนนั้นทีคนนี้ที
"ฝ่าบาท หลงตั่วกำลังคิดว่าเรื่องราวผ่านมานานแล้ว ฝ่าบาทยังคงเก็บมาใส่ใจ ย่อมหาความสุขไม่ได้ ท่านแม่ทัพหากอยุ่กับเง็กเซียนรับรุ้ว่า ฝ่าบาทเศร้าโศกเพียงนี้ ท่านแม่ทัพเองก็คงไร้ซึ่งความสุข”หลงตี้ ขยับตัวถอนหายใจ
“ช่างข้าเถอะจะกี่วันกี่เดือนกี่ปีข้าก็ยังคิดถึงจ้านกง” หลงตั๋วส่ายหน้าไปมา
“ท่านพี่ข้าจะพูดในฐานะพี่น้องท่านไม่สนใจเรื่องราวในราชสำนัก วันๆ เอาแต่ เล่นกับสุนัข ตัวโปรด ขุนนางต่างถวายฎีกา เรื่องที่ฝ่าบาทไม่สนใจเรื่องราวของบ้านเมือง”
“ซินอ๋องข้าให้เจ้าจัดการเรื่องราวต่างๆ แทนข้า แค่นี้เห่าขุนนางยังไม่พอใจอีกหรือ”
“ฝ่าบาทใต้เท้าหลัว เมื่อวานบอกกับข้าว่าหากฝ่าบาทยังเอาแต่ทุกข์ตรมอยู่แบบนี้ เกรงว่า เหล่าขุนนางจะรวมตัวกัน ขอให้ฝ่าบาทสละบัลลังก์เพื่อหาคนที่เหมาะสม”หลงตี้ยิ้มเศร้าๆ เป็นรอยยิ้มเศร้า ที่ชลชลคิดว่าไม่เคยเห็นว่าใครจะยิ้มได้เศร้าเพียงนี้
“โฮ้งโฮ้ง”เดินไปทรุดกายข้างๆ หลงตี้ด้วยความเห็นใจ ทำไมรู้สึกเศร้าสร้อย ชลชลคิดถึงภาพบาดตาที่เห็นก่อนหน้านั้นหัวใจของชลชลแทบสลาย เมื่อต้องจากคนที่รักไม่ว่าจากเป็นหรือจากตายก็คงไม่ต่างกัน หลงตี้เอื้อมมือลูบหัว ชลชลเบาๆ
“แล้วแต่พวกเขาข้าคงไม่อาจเปลี่ยนตัวเองง่ายดายเพียงนี้”ซินอ๋องส่ายหน้า หันมามองงหน้าปุกปุยของชลชล“ใต้เท้าเสี่ยวเปา ่วยหน่อยช่วยทำให้นายของเจ้ากลับมาเป็นฮ่องเต้คนเดิมฮ่องเต้ที่เต้มไปด้วยแรงผลักดัน เป็นฮ่องเต้ที่ไม่มีใครกล้าปรามาสได้”“โฮ้งโฮ้ง (แน่นอน) ”เรียนจบจิตวิทยาการปรึกษามา เรื่องง่ายดายแค่นี้ซินอ๋องจากไป หลงตี้นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างจ้านกงอะรไนั่นคงสำคัญกับหลงตี้ผู้นี้ยิ่งนักไหนไหนก็มาอยู่แบบนี้แล้ว หาทางช่วยฮ่องเต้คนนี้ก่อน คงจะดีไม่น้อยทดสอบจิตใจตัวเองไปด้วยชลชลก็เศร้าหลงตี้เองก็กำลังเศร้า บางทีนี่อาจเป็นสวรรค์กำหนดไว้แล้วเวลาผ่านไปด้วยการที่ชลชลนั่งมอง หลงตี้เหม่อมองออกนอกหน้าต่างเจ้าเวลาล่วงเลย ฟ้ามืดครึ้งมอยากจะปิดปากหาว วันนี้ทั้งวันนั่งโง่ๆ เป็นหมาโง่ อยู่ตรงหน้า ฮ่องเต้สุดหล่อ“ง่วงหรือยังไปนอนกันเถอะ”อุ้มชลชลขึ้นไปบนแท่นนอน ชลชลเปิดปากหาว เดินวนสามรอบ ไม่พบ ท่าที่เหมาะจนอน เดินวนอีกสามรอบ เสี่ยวหัวเราะใสใสของหลงตี้ที่เป็นท่าที เดินวนของชลชล ดึงร่างปุกปุยมากอด“นอนได้แล้วเสี่ยวเปา”ความอบอุ่นจากอ้อมกอด ทำเอาชลชลแทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว เมื่อคิดถึงอ้อมกอดของปานระพีเส
หลงตี้ลุกขึ้นเท้าคางมอง ชลชลด้วยสายตาหลากหลายทั้งชื่นชมตื่นเต้น ดีใจและประหลาดใจ“น่าจะพูดได้น้า แต่แบบนี้ก็ดีข้ากำลังเหงา เจ้ามาทันเวลาพอดี”ดึงร่างเล็กกว่ามากอดแนบแน่น ความอบอุ่นอ่อนโยนแล่นเข้าสู่หัวใจ“ปล่อยนะโว๊ย”เผลอตะโกนออกไปยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเมื่อมันเปล่งเสียงออกมาเป็นภาษาคน“อย่าดิ้นสิ อุ่นเสียจริง อุ่นเข้าไปข้างในเลยเชียว อบอุ่นใจของข้ายิ่งนักเฮ๊ย มะมะเมื่อกี้ จะจะเจ้าพูดได้แล้วนี่”ชลชลเบ้ปาก ผลักร่างใหญ่ออกห่าง“โฮ้งโฮ้ง (ถอยไป) ” อ้าวทำไมกลายเป็นเห่าอีกแล้ว สวรรค์กำลังเล่นตลกอะไรกันแน่ เดี๋ยวคนเดี๋ยวหมา"หูฟาดไป"หลงตี้ยิ้ม ยียวน“เฮ้อ ไม่ยอมให้กอด ข้านี้ใจบางเลยก็ได้ ข้านอนห่างหน่อยก็ได้ แต่ขออย่างเดียวอย่าจากข้าไปไหนอย่าหนีไปไหนก็พอ”อยู่ๆ หลงตี้ก็รู้สึกว่าหัวใจเปี่ยมสุข นอนหลับตาไปพร้อมกับรอยยิ้ม"เฮ้อ" ชลชลนั่งสัปหงกบนแท่นนอน กับผ้าห่มหนึ่งผืนจนรุ่งสาง อากาศเริ่มเย็นลงขยับตัวกอดผ้าห่ม“เฮ้ย ขนมาไงอีกเนี๊ยะ”กลายเป็นเสี่ยวเปาเหมือนเดิม หลงตี้ลุกขึ้นนั่งมองตาค้าง“จริงๆ ด้วยเจ้ากลายร่างจากคนเป็นหมา สวรรค์สวรรค์เป็นสวรรค์ที่ส่งเจ้ามา ส่งหมาเฮ้ยคนในร่างหมาหรือหมาในร่างคน เ
“ฝ่าบาทมาด้วยตัวเองเป็นนิมิตหมายอันดียิ่งนักเสี่ยวเปาเจ้านี่แจ๋วจริงพาฝ่าบาทมาที่นี่ได้ แล้วยังมาคอยคุ้มกันฝ่าบาทด้วยตัวเอง” ชลชลยิ้มแฮะๆ ลิ้นห้อยหูลู่ตามแบบหมาอารมณ์ดี ซินอ๋องลูบหัวเบาๆ“ เชิญ ฝ่าบาทบนบัลลังก์วันนี้ข้อราชการมากมาย”ชลชลเดินอกผายไหล่ผึ่งขึ้นไปนั่งข้างๆ หลงตี้บนบัลลังก์มังกรเฮ้อบัลลังก์มังกร แต่...ยังไม่ทันจะได้ ยืดอก“ฝ่าบาทข้าน้อยเห็นว่าไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้หมาขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์เคียงข้างฝ่าบาท”“ไม่นั่งก็ได้วะ”หลงตี้ขมวดคิ้ว ใต้เท้าหลัวพูดขึ้น เฮ้อน่าเบื่อเมื่อไหร่จะเลิกพูดเรื่องนี้เสียทีชลชลเดินลงจากบัลลังก์ มายืน ข้างๆ องครักษ์“ใต้เท้าหลัว สุนัขทรงเลี้ยงของข้าตัวนี้ มักชอบไปไหนมาไหนกับข้า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบัลลังก์นี่สำคัญเพียงใดเหมือนที่ข้าเองก็ไม่เคยสนใจว่าบัลลังก์นี่สำคัญถึงกับต้องแย่งชิงกันด้วยหรือ การแย่งชิงทำลายทุกอย่างแม้กระทั่งมิตรภาพ”“ฝ่าบาท หากคิดว่าบัลลังก์นี้ไม่สำคัญก็ทรงสละมันเสีย”ใต้เท้าหลัว พูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจังไม่มีความหวั่นเกรงในอำนาจของหลงตี้“หากข้ายอมสละมัน แล้วชีวิตของแม่ทัพจ้านกงก็ไม่อาจคืนกลับมาเพราะการแย่งชิงเขาจึงต้องตายข้าประกา
"ซินอ๋อง ข้าว่าควรเป็นหมานั่นมากกว่าที่จะต้องตายฝ่าบาทโปรดปรานเจ้าหมาตัวนั้นมากหากมันตายไปคงจะต้องตรอมใจแน่ แต่ซินอ๋องกับพวกเรายังพอต่อรองกันได้"ใต้เท้าหลัวโบกมือห้าม"ซินอ๋องเป็นน้องชายแท้ๆ เห็นได้ชัดว่าไม่เคยไม่ภักดี กับพวกเราก็แค่รอมชอมก็เท่านั้นไม่ได้เห็นพวกเราในสายตา""แล้วหากเป็นการลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทเหมือนที่เราเคยทำนั่นเล่า"ใครคนหนึ่งเสนอความเห็น"หุบปากเจ้าเสีย ที่นี่มีคนของหลงตี้อยู่ไม่น้อย ไม่ควรพูดหากจะลงมือก็เร่งลงมือในทันที"หลายคน ยิ้มมุมปากตำหนักฮ่องเต้“คืนนี้ข้าจะไม่นอน รอดูว่าเจ้าจะกลายร่างเป็นคนอีกหรือไม่”“โฮ้งโฮ้ง (ตามใจ) ”ชลชลเดินวนสามรอบก่อนจะ ทิ้งตัวลงนอนขดกลมเหมือนกองอะไรสักอย่าง หลงตี้นั่งเท้าคางมองตาแป่วสักพักหนึ่ง ชลชลก็ลืมตามองคนตัวสูงที่ยังจ้องชลชลตาไม่กะพริบ เที่ยงคืนแล้วกระมั้ง“จ้านกง เป็น ..เป็นอะไรกับฝ่าบาท”บทจะพูดก็พูดได้ บทจะพูดไม่ได้ก็กลายเป็นเห่า“ จ้านกงเป็นความทรงจำที่งดงามของข้า เป็นดังชีวิตและ...หัวใจ”“แล้วฝ่าบาท ทำไมถึงยอมให้เขาจากไป”คิดแล้วอยากตบปากตัวเองเสียจริงถามอะไรที่ทำให้อีกคนจนกับคำตอบ เรียนจิตวิทยามาได้อย่างไร“ข้าแค่เพียง ไม่อา
“องครักษ์มือสังหารอีกคนหนีไปแล้วเสี่ยวเปาคงตามหมอนั่นไป”หลงตี้ก้าวนำออกไปทันที ชลชลถอนหายใจโล่งอก เมื่อทุกคนเงียบเสียงลงไปทิ้งตัวนอนหงาย ใต้แท่นนอน ก่อนจะผุดลุกขึ้นด้วยเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นได้ วิ่งไปคว้าอาภรณ์มาสวมแบบลวกๆวิ่งตาม หลงตี้ออกไปแต่ ยังไม่ทันจะออกพ้นประตูคมกระบี่ขององครักษ์ขวางหน้าไว้“ปล่อยเขา”หลงตี้ตวาดลั่น“ฝ่าบาท คนผู้นี้”“ขะขะข้า”ชื่ออะไรดีวะเอาวะ นึกชื่อใครไม่ออก“ขะข้าป๋อจ้าน องครักษ์คนใหม่ของฝ่าบาท”เอาชื่อนี้ละวะนึกออกชื่อเดียว เอาตัวรอดกับปัญหาเฉพาะหน้าที่ออกมาเพราะห่วงหลงตี้กลัวว่าจะพบกับอันตราย แต่นึกไม่ถึงว่า องครักษ์ตอนนี้ตรึงกำลังไว้ทั่วตำหนักจากเหตุการณ์เมื่อครู่“ป๋อจ้าน”“เขาเป็นองครักษ์ของข้า”ซินอ๋องขมวดคิ้ว หลงตี้เดินเข้ามาใกล้ๆ ชลชล“เจ้าปลอดภัยดีไหม” น้ำเสียงอ่อนโยนห่วงใย“ปลอดภัย ฝ่าบาทเล่า ปลอดภัยหรือไม่”“ข้าเป็นห่วงเจ้าแทบแย่”“ฝ่าบาทแล้วเสี่ยวเปาเล่า”ซินอ๋องถามขึ้น“ข้าจะเรียกเขาเอง พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนได้แล้ว”“รักษาตัวด้วย ซินอ๋องทูลลา องครักษ์ลาดตะเวณตำหนักใหญ่เพิ่มกำลังสองเท่า”สั่งการก่อนจะก้าวออกไแ“ป๋อจ้านเข้าไปข้างใน” ชลชลถอนหายใจอยู่
"เมื่อไหร่จะได้อยู่กับป๋อจ้านทั้งวันไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้""โฮ้ง โฮ้ง (น่านสิ) หลงตี้กอดชลชลยิ้มกว้าง"แต่แบบนี้ก็ดีน่ารักที่สุดเสี่ยวเปาของข้า"ชลชลไม่อาจห้ามลิ้นยาวที่แลบลิ้นเลียใบหน้าหล่อแสดงความรักความภักดีเหมือนอย่างที่สุนัขมักจะทำภายใน ตำหนักใหญ่กลางหุบเขา จ้านกงเอนตัวลงนอนจิบสุรารสเลิศใบหน้าหล่อเหลาองอาจ พูดกับคนข้างๆ“ปีหนึ่งแล้ว ที่ข้าแสร้งว่าตายคงถึงเวลาที่จะกลับไปแล้ว ในเมื่อตอนนี้ หลงตี้คงยินดีไม่น้อยหากข้ากลับไปแล้วต่อไปจะขอสิ่งใดย่อมง่ายดาย“ท่านแม่ทัพ จะบอกฝ่าบาทว่าอย่างไรในเมื่อทุกคนต่างเห็นได้ชัดว่าร่างไร้วิญญาณท่านแม่ทัพถูกเผาเป็นเถ้าธุรลี”“หลงตี้เห็นข้าก็คงดีใจจน ไม่สงสัยเรื่องการกลับมา จะหลอกล่อเช่นไรก็ ไม่เป็นพิรุธ”“ท่านแม่ทัพครั้งนี้แน่ใจหรือว่าจะได้ครองบัลลังก์”“ครั้งนั้น ใต้เท้าหลัวส่งคนลอบสังหารหลงตี้ ข้ายอมรับกระบี่แทนเพื่อการนี้ ครั้งนี้กลับมาบัลลังก์นั่นจะต้องเป็นของข้า”ยิ้มมุมปาก หลงตี้ไว้ใจ และวางใจเขา จนลืมมองว่าเขามีความตั้งใจ อย่างไร ใต้เท้าหลัวตั้งใจกำจัดเขาเพราะคิดว่าหลงตี้ จะต้องหมดกำลังแรงใจจนอยากจะสละบัลลังก์เสีย แต่มาครั้งนี้ หลงตี
ชลชล ก้มลงงับ ขาหมูในถาดใหญ่อย่างเอร็ดอร่อยจ้านกง เดินออกมาจากห้องของ หลงตี้ หยุดยืนที่ชลชลกินขาหมูอยู่มือใหญ่ไวเท่าความคิดปัดถาดขาหมูร่วงกระจายลงพื้นตู้กังวิ่งเข้ามาทันที ชลชลอ้าปากค้างหูตกหางตก“ใต้เท้าจ้านกง ใต้เท้าเสี่ยวเปาเกิดอะไรขึ้น”“เจ้าหมานี่ กระโจนใส่ข้าจน ขาหมูในถาดหกเสียสิ้น”หลงตี้ ก้าวขาออกมายืนมอง ชลชลที่ทำปากขมุบขมิบ“ตอแหลปานระพีทำไมนายมันตอแหลอย่างนี้ ถ้าหากรู้ว่าเป็นฉันนายจะกล้าตอแหลไหม เดี๋ยวกัดเนื้อหลุดเลย”ไม่มีใครได้ยินนอกจากหลงตี้คนเดียว“เสี่ยวเปา”หลงตี้ได้ยินทุกถ้อยคำชัดเจน ผิวปากพร้อมกับเรียกชลชล“ฝ่าบาทเห็นไหมหมอนั่นตอแหล เขาเป็นคนปัดถาด ขาหมูของข้า”“ตอแหล” พึมพำเบาๆ จ้านกงขมวดคิ้วสงสัยกับ สิ่งที่หลงตี้พูด“โกหกคนอะไรโกหกเก่งที่สุด”“เสี่ยวเปากลับเข้าไปในห้อง ตู้กังไปนำขาหมูมาให้เสี่ยวเปาในห้อง คงยังไม่ทันอิ่ม”“ฝ่าบาท หมาแบบไหนกันที่มีโอกาสกินขาหมูเป็นถาดๆ แทนอาหารเหลือจากห้องเครื่อง”จ้านกงพูดขึ้น ชลชลเบ้ปาก ปานระพี นิสัยแท้จริงของเขาก็แบบนี้ ชลชลไม่เข้าใจว่าคนที่ชอบวางท่ากับชอบบูลลี่คนอื่นทำไมชลชลถึงไปชอบเขาได้ ตอนนี้ยังนึกน้อยใจกับคำพูดของจ้านกงที่บั
ชลชลเดินหนีไม่สนใจจะฟัง ไม่ได้จัดการกับหลงตี้เสียหน่อยจะจัดการกับจ้านกงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชลชล ที่พึ่งสุดท้ายแบบหลงตี้ก็จะปลอดภัย….แต่ๆ เดี๋ยวก่อน“จัดการ หลงตี้เสียก่อน จ้านกงผู้มุทะลุนั่นหากไม่มีหลงตี้หนุนหลังก็คงเป็นเพียงหมาตัวหนึ่งเหมือนเจ้าหมาเสี่ยวเปาตัวนั้นไม่อาจทำอะไรพวกเราได้”นี่ชลชลเป็นอะไรไปทำไมรู้สึกสงสารหลงตี้ ทำไมรู้สึกสมน้ำหน้าจ้านกง“ส่งมือสังหารไปอีกครั้ง ไม่ว่าจะกี่ครั้งหลงตี้ก็ไม่มีทางสืบหาหรือไต่สวน”ทำไม ทำไมไม่ไต่สวน น่าสงสัย ต้องสืบ“แปลกใจเหตุใดหลงตี้ไม่ยอมไต่สวนเรื่องมือสังหาร”คนสนิทถามเหมือนรู้ใจชลชล"หลงตี้ เดิมเป็นคนที่ไร้ปากเสียงไม่นิยมความยุ่งยากมารดาที่เป็นสนมเลี้ยงดูด้วยความรักและอ่อนโยนเขาจึงกลายเป็นคนที่ไม่ชอบมีปัญหากับใคร""ใต้เท้า"เจ้าหมานั่นแอบฟังเรา"ฉิบหายแล้ว เ_ือกเห็น วิ่งแน่บหางจุกตูดด้วยความไวกว่าแสง ชนเข้ากับร่างสูงของ จ้านกง"ไอ้หมา เ_ร"เงื้อมือขึ้นตั้งใจจะฟาดมือลงบนแผ่นหลังปุกปุยของชลชล""หวีดหวิววว"หลงตี้ผิวปากชลชลกระโจนพรวดเดียวไปยืนเกาะขาหลงตี้สองขาหน้าอยู่ที่อกแน่น แล้วไอ้อาการนี้ อาการดีใจจนออกนอกหน้า มันไม่ใช่นิสัยของชลชล"พอแล้
“ฝ่าบาท เจ้าสุนัขตัวนี้สร้างความปั่นป่วนในท้องพระโรงฝ่าบาทควรจะให้ใครนำตัวออกไปเสียก่อนตอนนี้มีเรื่องสำคัญต้องหาหรือ ฝ่าบาทเช่นไรถึงพระทัยดียิ่งนักให้สุนัขเข้ามาถึงในนี้”“แฮร่ ๆๆๆ ฮึ่มมม”ชลชลส่งเสียงขู่ ใต้เท้าหลัวที่พูดพาดพิง“เสี่ยวเปามานี่”ชลชลวิ่งแน่บกระดิกหางรัวเร็ว กระโดดขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ ลิ้นห้อยหูตั้ง เมื่อไหร่จะเลิก ตื่นเต้นเวลาเจ้านาย ไม่สิคนหล่อเรียกเสียที หลงตี้ยกมือลูบศีรษะเบาๆ“ตู้กังนำเสี่ยวเปาไปที่ห้องเครื่องหาอะไรให้เสี่ยวเปาเป็นของกำนัลรองท้อง สายๆ ข้าจะไปรับที่นั่น”ชลชลยิ้มที่หูรู้ที่หาง ลิ้นห้อยน้ำลายไหล เป็นที่รู้กันว่างานสำเร็จไปแล้วหลงตี้รู้ตัวคนบงการแล้วต่อไปเป็นหน้าที่ของหลงตี้ที่จะต้องทำตามแผนการที่วางไว้กับชลชลเมื่อคืนทำให้อดนอน กันทั้งสองคนตกลงกันว่าจะตลบหลังคนบงการอย่างไร ชลชลเป็นคนวางแผนเสียทั้งหมดหลงตี้อดที่จะชื่นชม ชลชลเสียไม่ได้ สมกับที่เป็นจิ้งจอก อย่างที่หลงตี้เรียกแผนการรัดกุมยิ่งนัก“ใต้เท้าหลัวท่านคิดว่าข้าควรจะจัดการเช่นไรเรื่องนี้”ใต้เท้าหลัวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นทั้งๆ ที่ทำใจไว้แล้วว่าจะไม่แสดงพิรุธ“ฝ่าบาทสิ่งของเหล่านี้เป็นของมีค่าคว
"จากคนพวกนั้น พวกที่กำลังขนของมีค่าใส่ในเกี้ยว ฝ่าบาททำอย่างไรดี ด้านท้ายตำหนักมีคนกำลังขนของมีค่า คนผู้นั้นหน้าตาคุ้นแต่ข้าจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเขาที่ไหน""ด้านท้ายตำหนัก"หลงตี้ขมวดคิ้ว ก้าวเดินไปที่ประตู ปิดประตูตำหนักตะโกนดังๆ"องครักษ์ส่งคน ไปที่ท้ายตำหนักและห้ามให้ใครเข้าออกวังหลวงจนกว่าข้าจะอนุญาต""คราวนี้บอกมาเจ้าไปทำอะไรที่นั่น""ฉันๆ ไปเดินเล่น"ขี้หดตดหาย หายปวดท้องไปเลยเจอเรื่องแบบนี้เข้า"ไปเดินเล่น ทั้งๆที่รู้ว่าจะกลายร่างทำไมยังออกไป หากไปกลายร่างต่อหน้าคนอื่นเจ้าจะปลอดภัยหรือไม่ห่วงตัวเองหรือไร"น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความโมโห"จริงด้วยลืมคิดไปเสียสนิทเพราะกลายร่างนี่แหละ ถึงต้องวิ่งแน่บกลับมาถ้าเป็นหมาคงไม่โดนสงสัยถึงจะไปเห็นเรื่องไม่ชอบมาพากลก็เถอะ""ข้าเป็นห่วงคราวหลังอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนหากเจ้าเป็นอะไรไปข้าคง ..ใจสลาย"คำสารภาพรักหรือไรหัวหน้าองครักษ์วิ่งกลับมาที่ตำหนัก“ฝ่าบาทไม่พบใครที่นั่นพบเพียงสิ่งของมีค่าควรเมืองมากมาย ที่ถูกลำเลียงใส่ไว้ในเกี้ยว ถึงสามหลัง”“ไวจริงๆ คงไหวตัวทันว่ามีคนมาเห็นจึงหนีไปเสียก่อน”“ใครกันทำเรื่องเช่นนี้”“อือใครกันทำเรื่องแบบนี้ ฝ่าบาทพรุ่งน
“ท่านแม่ทัพ"ประตูเปิดออกดังนัดหมายก็นัดหมายนั่นล่ะ เจียจิวยอมเปิดใจให้แม่ทัพหนุ่มด้วย หลงคำหวานของเขาเข้าเต็มเปา ริมฝีปากอุ่นไม่พูดพล่ามกดปิดที่ริมฝีปากของเจียจิวไม่ทันให้ตั้งตัว“อุ๊ย ท่านแม่ทัพ”สีหน้าตื่นตกใจเเพราะไม่เคยถูกจู่โจมแบบนี้จากใครคนใดมาก่อน“คิดถึงเหลือเกิน คิดถึงองค์หญิงเกินใคร” น้ำเสียงอ่อนหวานยิ่งนัก เจียจิวเขินอาย จ้านกงดึงมือเจียจิวเข้าไปในห้องปิดประตูทันที“ข้ากลัวว่าจะไร้วาสนาหากรอช้ากว่านี้ องค์หญิงจ้านกงต้องการท่าน”เจียจิวหลบตาเขินอาย“โฮ้งโฮ้งๆๆๆ ”เสียงเห่าดังลั่น หน้าประตู“โฮ้งโฮ้ง ๆๆๆๆๆ หงิงหงิงหงิงๆๆๆ ”“เจ้าหมาบ้านั่นมาได้อย่างไร”สีหน้าตื่นตกใจกลัวว่าหลงตี้จะมาด้วย“เอ่อเอ่อ เจียจิวมักจะให้เสี่ยวเปามาที่นี่ยามค่ำ”“เจ้าไล่มันกลับไปเลยข้า ไม่ชอบเจ้าหมานั่น”“แค่หมาตัวอ้วนตัวเดียว ท่านแม่ทัพจะโมโหทำไม”เดินไปเปิดประตู ชลชลวิ่งแน่บเข้าไปในห้อง หมุนตัวสามรอบก่อนจะนอนขดบนแท่นอนของเจียจิว“เจ้าเคยให้เจ้าหมานั่นขึ้นไปนอนบนแท่นนอนหรือไร”“ปกติ เสี่ยวเปาขึ้นไปนอนกับข้าเป็นประจำ”“โฮ่งโฮ้งโฮ่ง โฮ้งโฮ้ง (หมดอารมณ์เลยสิ) ”มองก็รู้สีหน้าสีตากำลังหื่นหิว หากมาช้ากว่านี้ ห
“หา ฝ่าบาทจะทำเช่นนั้นไม่ได้ ใต้เท้าหลัวเป็นที่เคารพนับถือเป็นถึง เสนาบดีแล้วยังเป็นผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ฝ่าบาทสั่งลงทัณฑ์ เหมือนกับใต้เท้าเป็นขันทีหรือนางกำนัลเป็นการลดเกียรติ...ของใต้เท้าหลัว”หลงตี้ยิ้ม“ดี คุกเข่าไม่เหมาะกับ ตำแหน่งเช่นนั้นข้าขอสั่งให้ลดเบี้ยหวัดหนึ่งเดือน ต่อไปใครไม่มาประชุมขุนนางหนึ่งครั้งไม่ต้องจ่ายเบี้ยหวัดหนึ่งเดือน”“ฝ่าบาท กว่าปีมานี้ฝ่าบาทก็ไม่เคยเข้าประชุมขุนนาง”“ตบปาก ตบปากเลย พูดชี้นำคนอื่นดีนัก”ชลชลส่งเสียเบาๆ ในลำคอหลงตี้ส่ายหน้า ไม่ทำให้เห็นก็จะไม่มีใครกลัวที่ผ่านมาเขาใจดีเกินไป“ดี องครักษ์จับตัวคนพูด มาตบปาก”องครักษ์หันหน้าหันหลัง“องครักษ์ไม่ได้ยินพระบัญชาหรือไร”ซินอ๋องตวาดดังๆ“โฮ้งโฮ้ง แฮร่ๆๆๆๆ ”องครักษ์รีบจับตัวคนสอพลอต่อใต้เท้าหลัวมาข้างหน้าตบปากไปสองสามที“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัยข้าน้อยสมควรตาย ต่อไปข้าน้อยไม่กล้าแล้ว”ทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแค่สองสามทีก็ถึงกับทรุดได้ผลไม่น้อย“ไม่ได้ให้ตาย แต่ก็ดีแล้วพูดมาแบบนี้ข้า จะได้รู้ว่าใครภักดีต่อข้าใครภักดีต่อใต้เท้าหลัว” จ้านกงเดินเข้ามาในท้องพระโรงพร้อมกับเสียงปรบมือ“ยอดเยี่ยม ฝ่าบาทสมควรยิ่งแล้ว”ซินอ๋อง
จวนใต้เท้าหลัว“มือสังหารมือดี มาถึงหรือยัง”“ขอรับใต้เท้า”“ดี เร่งมือ ให้เร็วที่สุดไม่มีเวลาแล้วหลายวันมานี้ จ้านกงกลับมาส่งผลให้ฝ่าบาทกระปรี้กระเปร่า และยังหันมาสนใจเรื่องราวในราชสำนัก ข้าตั้งใจทำสิ่งใดก็ต้องระงับยับยั้งไว้ก่อน”“ใต้เท้า ท่านแม่ทัพจ้านกง ขอพบท่าน”ใต้เท้าหลัวขมวดคิ้ว“เชิญเขาเข้ามา” จ้านกงไม่รอให้เชิญก้าวขาเข้าไปข้างในทันที“ท่านแม่ทัพไม่เจอกันเสียนานไม่คิดว่าท่านจะเปลี่ยนข้าง”“ใต้เท้า ข้ามาครั้งนี้ ตั้งใจมาผูกมิตรกับใต้เท้า”ใต้เท้าหลัว ยิ้มแต่ทว่าภายในใจหาเชื่อคำพูดของจ้านกงไม่“ว่ามา”“ข้า มีข้อเสนอ”ใต้เท้าหลัวเลิกคิ้วสูง“ข้อเสนอของท่านแม่ทัพเกรงว่าจะไปกันกับสิ่งที่ข้าต้องการไม่ได้”“ใต้เท้าลองฟังดูก่อนบางที อาจ ดีกว่าที่ใต้เท้าคิดไว้”“ได้ เชิญท่านแม่ทัพ”“ท่าน ช่วยข้า ข้าช่วยท่านบัลลังก์เป็นของข้า การคลังเป็นของท่าน อีกทั้งการจัดเก็บภาษี ทั้งหมดข้ายกให้ท่านเพียงผู้เดียว” ใต้เท้าหลัวยิ้ม พยักหน้าขึ้นลงช้าๆ“ดี พูดได้ดี เอาตามนี้ คราวนี้บอกมาจะให้ข้าช่วยอะไร”“ช่วยสังหารคนข้างกายฝ่าบาทให้ข้า”"เหล่าขุนนางต่างถวายฎีกา กดดันให้ฝ่าบาทมีความขัดเจน""ความชัดเจน ข้าอ
"ไม่ได้พบกันแค่เพียงปีเดียว ดูเจ้าสิ องค์หญิงเจ้าบัดนี้ติดตราตรึงใจจ้านกงยิ่งนัก”ด้วยเพิ่งจะเข้าสู่วัยสาว เจียจิว จึงไม่เคยต้องมือชายหัวใจดวงน้อยสั่นไหวจนน่ากลัว“ท่านแม่ทัพ อย่าล้อเจียจิวเล่น”“ไม่สิ เจ้างดงามเกินใคร คนอย่างจ้านกง จะกล้าล้อเจ้าเล่นหรือไร ก้มลงจรดริมฝีปากที่ริมฝีปากบางเบาๆ เจียจิวตัวสั่นงันงกทำอะไรไม่ถูกมือไม่เย็นเฉียบ“เห็นหรือไม่ว่าข้าพูดจริงองค์หญิงงดงามจนข้าไม่อาจห้ามใจ” ดันร่างเล็กจนไปติดกับต้นไม้ใหญ่ ก้มมองสบตากลมที่มีแต่แววตาเขินอาย“กลับมาครั้งนี้คุ้มค่ายิ่งนักพบกับองค์หญิงที่งดงามขึ้นผิดหูผิดตา จ้านกงคงต้องมององค์หญิงเสียใหม่”“ท่านแม่ทัพปากหวานยิ่งนัก”“องค์หญิงจ้านกงไม่เคยล้อท่านเล่น หวังว่าองค์หญิงจะเมตตา”เจียจิว อ่อนระทวยทั้งใจและกาย จ้านกงซ่อนยิ้มในหน้า สำเร็จในเมื่อหลงตี้ไม่ใส่ใจเขายังมีเหยื่อที่โง่งมเช่นเจียจิวให้เลือกเฟ้นชลชลในร่างมนุษย์หอบผ้าห่มลงไปที่พื้นด้านล่าง อดที่จะเหลือบตามองร่างเปลือยท่อนบน อกแน่นกล้ามเป็นมัดที่กำลังจะทิ้งตัวลงนอนบนแท่นนอนหนาเสียไม่ได้“มาตรงนี้”ตบข้างๆ แท่นนอน“ไม่เอา ฝ่าบาทนอนไปเถอะข้าแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง นอนด้านล่างดีแค่ไห
"เจ้าหมานั่น มีบางอย่างที่ทำให้ข้าแปลกใจไม่น้อย""ท่านแม่ทัพก่อนหน้านั้น ผู้คนต่างพูดกันว่าฝ่าบาททดท้อใจจนไม่เป็นอันทำอะไรเมื่อท่านแม่ทัพจากไป มาบัดนี้ ข้าน้อย.. ข้าน้อยรู้สึกว่าฝ่าบาทไม่สู้ยินดียินร้ายเท่าไหร่กับการกลับมาครั้งนี้ของท่านแม่ทัพมีเพียงตอนแรกที่พบกันเท่านั้นที่แสดงถึงความดีพระทัย""ตอนแรกข้าก็คิดว่าฝ่าบาทอย่างไรก็มีข้าอยู่ในใจเสมอแต่ตอนนี้นอกจากเจ้าหมานั่น ฝ่าบาทไม่สนใจใครอื่น""มีเสียงเล่าขานว่าเจ้าหมานั่นเป็นจิ้งจอก ที่กลายร่างมาเพื่อบงการฝ่าบาทแม้กระทั่งใต้เท้าหลัวยังต้องยอมให้กับสุนัขตัวนั้น"จ้านกงถอนหายใจ""จิ้งจอก อืมน่าคิดปรึกษาท่านนักพรตให้จัดการกับจิ้งจอกคงจะดีไม่น้อย"โลกปัจจุบัน"พี่ชล พี่ชล ฟื้นสิฟื้นเดี๋ยวนี้"น้องสาวร้องไห้จนตาบวม"พี่เขาพักผ่อนอยู่ธารธาร (ทาระทาน) หยุดเกเรพี่เขาได้แล้ว""ไม่จริงคุณแม่โกหกพี่ชลเขาไม่ได้พัก"ร้องไห้สะอึกสะอื้น"ธาร จะคอยดูพี่เขาแบบนี้จนกว่าพี่เขาจะพื้น""พี่ระพีเขารีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการพี่ชล ธารกลับพร้อมแม่ให้พี่ระพีเขาคอยดูแลพี่ชลดีกว่า""ไม่เอาหนูไม่ไว้ใจพี่ระพี""พี่เขาเป็นเพื่อนกันอีกอย่างพี่ระพีเขาก็ดีกับพี่
วิสัยสุนัขท้องร้องจ้อกแจ้กเมื่อพบของกินแต่ไม่ยอมขยับตัวยังนอนแบบนั้น"เสี่ยวเปาวันนี้ข้าเอาให้เขานำขาหมูมาเผื่อเจ้าด้วย"หูผึ่งหางชี้ เก็บอาการไว้เก็บอาการ อย่างน้อยก็ห้ามใจไม่ให้ตัวเองลุกขึ้นล่ะวะจ้านกงหันไปยิ้มกับหลงตี้"เมื่อคืนข้าลองทบทวนเรื่องราวทั้งหมดในเมื่อฝ่าบาทโปรดปราน เสี่ยวเปา เพียงนั้น ก็คงเป็นเพราะข้าจากไป ข้าจึงคิดว่าจะมาเห็นแก่ตัวไม่ให้ฝ่าบาทสนใจเสี่ยวเปากลับมาสนใจข้าเพียงคนเดียวก็จะแย่ไปหน่อย เช่นนั้นข้าจึงมาผูกมิตรกับเสี่ยวเปา""ตอแหลดูตาของนายสิจ้านกง ไม่ได้มีความจริงใจแม้แต่น้อยไม่รู้ในนั่นจะใส่ยาถ่ายไว้หรือเปล่าไม่สินิยายจีนโบราณต้องใส่ยาพิษ มันต้องมีพิษแน่นอนเอื้อกกกก"อาหร่อย...น้ำลายไหลชลชลนอนบ่นไปกลืนน้ำลายลงคอไป แต่ที่ทุกคนเห็นคือ เสี่ยวเปาที่นอนนิ่งลอบกลืนน้ำลายลงคอไม่ให้ใครจับสังเกตได้"ไม่เป็นไรเจ้าค่อยๆ กินไปเสี่ยวเปาอาจยังเวลาเช้าอยู่จึงยังไม่หิว"หันหลังกลับไปยิ้มให้กับหลงตี้"ฝ่าบาทยังจำได้ไหม ปลานึ่งซีอิ๋ว ที่ฝ่าบาทโปรดปราน จ้านกงลงมือปรุงเองกับมือ"ชลชลตัวชา ภาพความทรงจำก่อนหน้านั้น ปลานึ่งซีอิ้วใต้แสงเทียนมองผ่านไวน์ขาวไปยังใบหน้าหล่อเหลาของปานระพี
จวนแม่ทัพ"ท่านหมอ ท่านแม่ทัพเป็นอย่างไรบ้าง"รั้งหมอหลวงไม่ให้ออกมาจากห้องให้ตรวจดูอาการของตัวเองผ่านไปถึงสามชั่วยาม"ฝ่าบาท ท่านแม่ทัพบาดแผลฉกรรจ์ยิ่งนัก อีกทั้งน้ำลายของ สุนัขเสี่ยวเปา ที่ปนไปด้วยอาหารคาวหวานยิ่งส่งผลให้บาดแผลยิ่งรุนแรง""ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ""คมเขี้ยวของสัตว์เมื่อต้องผิวเนื้อของมนุษย์มักจะทำให้บาดแผลยากหาย ฝ่าบาทสุนัขทรงเลี้ยงตัวนั้นอาจมี อาการคลุ้มคลั่ง ฝ่าบาทคงต้องจัดสรรที่อยู่ของสุนัขเสี่ยวเปาให้ดี"หลงตี้ถอนหายใจ ปกป้องชลชลก็ยิ่งจะทำให้จ้านกงไม่พอใจ ในใจรู้ดีว่าจ้านกง เป็นคนเช่นไรที่แสร้งทำเป็นดุชลชลเพราะไม่อยากให้จ้านกงเคียดแค้นเช่นนั้นเขาจึงไม่อาจปกป้องชลชลได้คนอย่างจ้านกง ทำเรื่องเลวร้ายไม่มีทางรู้ได้หากเขาไม่อยากให้รู้"ท่านต่อไปไม่ต้องไปที่ตำหนัก ข้าจะมาหาท่านที่นี่""ฝ่าบาทห่วงใยข้าหรือว่ากลัวว่าข้าจะไปเอาเรื่องสุนัขอ้วนตัวนั่น""เสี่ยวเปาพักนี้ไม่รู้เป็นอะไร ข้าห่วงว่าท่านแม่ทัพจะถูกเสี่ยวเปากัดเอาอีก ข้าอยากจะขอร้องไม่อยากให้ท่านต้องลำบาก""ก็ได้ จ้านกงรับบัญชาต่อไปจะไม่ไปที่นั่นหากไม่จำเป็น"แต่ภายในใจกลับคิดว่า เสี่ยวเปาเจ้าหมาโง่ก็อย่าได้ออกมาเพ่นพ