เสียงนาฬิกา เตือนเวลาถึงเวลาตื่นแล้วชลชลก้าว ขยับตัวบนที่นอนยวบยาบ
“เฮ้ยวันนี้ต้องไปสัมภาษณ์งานนี้ สายป่านนี้แล้ววิ่งลงบันไดอย่างเร็วรี่เสียบกระติกน้ำร้อน ต้มน้ำชงกาแฟ วิ่งกลับขึ้นไปคว้าผ้าขนหนูพันกายลวกๆ เข้าไปในห้องน้ำเสียงฝักบัวซู่ซ่า
“วันนี้วันเกิดปานระพีนี่หว่า”คิดถึงเพื่อนร่วมรุ่นที่แอบมีใจ ปานระพี หนุ่มหล่อเดือนมหาลัย เดือนคณะ ที่ทั้งหล่อทั้งเท่ห์สะกดทุกสายตา ชลชลยิ้ม เมื่อคืนหลับไปทั้งที่มือยังกำโทรศัพท์ แวะไปเสียหน่อย ไปสุขสันต์วันเกิดเซอร์ไฟรส์เล็กๆ ของขัวญที่เตรียมไว้อยู่ในกล่องสวยงามใครจะว่าสายเปย์ก็ช่างในเมื่อ ชลชลรักของเขา ปานระพี สุภาพอ่อนหวานแม้จะไม่เคยเปิดตัว แต่ปานระพีก็ไม่เคยรังเกียจในความเป็นชลชล
คอนโดสูงของปานระพี หรุหราใจกลางเมือนความที่ ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แล้วยังเป็นเดือนของคณะ ทุกอย่างดูจะเฟอร์เฟค งานที่ทำหรือแม้แต่ที่อยู่ก็ต้องดีที่สุด
คีย์การ์ดสำรองที่ได้มาไม่อยากจะอวด ว่าความสัมพันธ์กับปานระพีถึงขั้นไหน จะว่าไปชลชลก็มาทำความสะอาดห้องให้เขาเก็บนู่นเก็บนี่ให้ปานระพีเหมือน ...ภรรยาคนหนึ่งควรจะกระทำประตูลิฟต์เปิดออก ก้าวขายาวๆ ไปยังห้อง1905แตะคีย์การ์ดที่ หน้าห้องก้าวขาเข้าไปเงียบกริบ ห้องไม่ได้มือดแต่กลับมีแสงไฟหลากสีสันส่องไปที่กลางห้องที่เป้น เตียงนอนกว้างกล่องของขวัญหลุดลงไปกองกับพื้น ร่างเกือบเปลือยของคนสองคนนอนกอดก่าย หหลับใหลด้วยความอิ่มเอมใบหน้าเหมือนจะยิ้มได้ ชลชลยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง กลัวว่าเสียของตัวเองจะเล็ดลอดออกมา แต่ทว่าเขาเกือบจะลืมหายใจ หันหลังก้าวขาออกจากห้องไปทันที น้ำตาเจ้ากรรมพลันไหล นี่มันอะไรกันทำไมเขาอ่อนแออย่างนี้ ปานระพีที่พร่ำพูดว่ามีชลชลคนเดียวชาตินี้ไม่ขอมีคนอื่นปานระพีที่ยอมขัดคำสั่งพ่อแม่เรื่องแต่งงานเพื่อให้ชลชลสบายใจ เขาทำไมทำแบบนี้ ชลชลรู้สึกว่าดวงตาพร่ามัว
“โครม ตึกๆๆๆๆๆๆ ตึงๆๆๆ โครม”เก๋งของเขาหมุนคว้างลอยละลิ่วลงสู่พื้นด้านล่าง ที่มองเห็นเพียงเวิ้งน้ำ ชลชลดำดิ่งล่องลอยน้ำตา อุ่นๆ โดนน้ำเย็นเฉียบของแม่น้ำเจ้าพระยาเจือจาง หน้าปัดนาฬิกาข้อมือหยุดเดินที่เวลา 06.29
กลิ่นกำยานหอมหวล ดวงตาพร่ามัวลืมตาขึ้นช้าๆ ขยับกายด้วยความเจ็บปวด
“เฮ๊ย นี่มันอะไรกัน”โดนกอดไว้ ทั้งตัวขยับไม่ได้ ทำไมเหมือนไม่มีแรงจะขยับตัว มองรอบกาย ใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคนหลับตาพลิ้ม แขนข้างหนึ่งกอดรอบลำตัวของ ชลชล ร่างเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่ม ผืนเดียวกันยังอุ่นๆ
แต่ยกแขนขึ้นมามอง
“เฮ๊ย” ไม่ใช่ชลชล แต่เป็น
“หมา หมานี่มันคือหมา”ฉันเป็นหมาได้อย่างไร เสียงบ่นกลายเป็นเสียงครางหงิงๆ
“เสื่ยวเปา อย่าเพิ่งตื่นข้ายังง่วงอยู่เลย”คว้าร่างเล็กขนปุกปุยมากอดไว้แน่น แนบชิดกับร่างเปลือยบนแท่นนอน ชลชลกัดฉับเข้าที่มือของคนตัวใหญ่
“โอ๊ย เสี่ยวเปา กัดข้าทำไม”ร่างยาวเหยียดลุกขึ้นจากแท่นนอน นี่มันอะไรฝัน ๆๆๆ แน่ๆ กัดที่แขนตัวเอง ไม่สิ ขาหน้าอย่างแรง
“โอ๊ย เจ็บ”คนตัวใหญ่ยืนขึ้น ผ้าห่มหลุดหลุ่ย ร่างเปลือยล่อนจ้อนกล้ามเป็นกล้าม อางอาจผึ่งผายอย่างกับรูปปั้นของไมเคิลแองเจโล่แต่เรือนผมกับยาวสลวย นี่มัน นี่มันพระเอกซีรีส์จีนชัดๆ
“เสี่ยวเปา เจ้าเป็นอะไรไป หรือว่าเลอะเลือนไปแล้วขันที มานี่หน่อย”ขันทีหนุ่มน้อยรีบเข้ามาข้างใน
“โฮ้งๆ ”หมานี่มันคือสุนัขพันธุ์เชาเชา แล้วแล้ว ชลชลมาอยู่ในร่างสุนัขได้อย่างไรกัน
“เสี่ยวเปาคงจะหิวแล้ว”
“ฝ่าบาทนี่เพิ่งจะยามเหม่า (05.00-06.59) ปกติ ใต้เท้าเสี่ยวเปา จะกินในยามเฉิน (07.00-08.59)
“ใต้เท้า ฝ่าบาท”บ่นพึมพัมแต่เสียงที่เล็ดลอดออกมาคือ โฮ้งๆ ”
ไหิวจนกินข้าแล้วยัวงจะกินขาตัวเอง เจ้าคิดว่าเสี่ยวเปายังไม่หิวอีกหรือ”
“อย่างนั้นข้าน้อยไป ยกเครื่องเสวยพร้อมกับ ของกินของใต้เท้าเสี่ยวเปา”ขันทีจากไป
“ไปไปแช่น้ำอุ่นกันดีกว่า วันนี้อากาศไม่หนาวเท่าไหร่” ชลชลกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ก้จะไม่ให้กลืนน้ำลายได้อย่างไรก็ดูสิ ร่างเปลือย ไม่สนสายตาหมา อุ้มเอา ชลชลที่ดิ้นทุรนทุราย เดินหายเข้าไปในห้องอาบน้ำที่มีอ่างน้ำอุ่นลอยวน
“ (เฮ้ย แย่แล้ว) โฮ้งโฮ้ง”
“จะบอกว่าหิวหรือ”ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หลังจากที่วางชลชลลงขอบอ่างยกมือขยี้ไปที่ขนเบาๆ
“ เอาน่าอาบน้ำเสร็จค่อยกิน”น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่สุด ชลชลมองฝ่าบาทนั่นตาแป๋วร่างเปลือยยกร่างปุกปุยขึ้นมากอดรัดไว้ไทั้งตัว
"อย่ามอง 555เจ้าคงอิฉาใช้่ไหมว่าไอ้นั่นของข้าสุดยอดกว่าของเจ้า จนเทียบไม่ติด555"
กลาย
นั่งหลับตานิ่งอยู่ข้างอ่างไม้ จะว่าไปเพิ่งจะอกหักมายกๆ ทำไมต้องมาเจออะไรที่ทำให้ โดกิๆ (ใจสั่น) แบบนี้ด้วย"ไม่ลงมาเล่นน้ำหรือเสี่ยวเปา อืมทำเป็นหลับตา ทุกวันเห็นลงมาเล่นน้ำด้วยประจำ"รอยยิ้มละมุนกับสองเขี้ยวที่มุมปาก แอบเหลือบตามอง"เฮ้อวันนี้ เสี่ยวเปาแปลกไป ไปไปกินข้าวกันดีกว่า คงจะหิวใช่ไหมถึงทำหน้าตาไม่รื่นเริงเลย""โฮ้งๆ (อย่านะ) "หลับตาปี๋เมื่อฮ่องเต้หนุ่มลุกขึ้นยืนทั้งตัวโชว์บางอย่างที่ชลชล (ชะละชน) แอบกลืนน้ำลายชลชลหันหลังให้ในทันทีดึงผ้ามาคลุมร่างสูงทั้งตัว กลิ่นผกาหอมกรุ่น"ทำมาหันหลังให้ มานี่เลย มานี่"อุ้มชลชลขึ้นมาหนีบไว้ที่ข้างเอวผิวเนื่อแน่นเสียดสีขนปุกปุย"โฮ้งๆๆๆๆ (ปล่อย ฉันนะเว๊ย) ฉับ"งับเข้าที่แขนเบาๆ แต่ก็ทำให้คนอุ้มตกใจปล่อยร้างปุกปุยร่วงลงพื้นชลชลวิ่งปรืดเดียวไปยืนอยู่ หน้าประตู"เสี่ยวเปาจะมากไปแล้วนะ ทำไมต้องกัดข้าด้วย"ถลกผ้าคลุมขึ้นดูบาดแผลเขียวคล้ำ"อย่ามาตรหน้าซื่อมานี่ มานี่"ส่งเสียงดังชลชลยืนนิ่ง"มานี่"หันไปตะกุยประตู เพื่อจะหนี ไม่อยู่แล้วดูสายตาดุดันนั่นสิ เวรกรรมอะไรกัน ย้อนดอีตมาในจีนโบราณแล้วยังซวย ดันมาอยู่ในร่างของสุนัขพันธ์ุเชาเชาประตูเปิดออก ขั
“แล้วแต่พวกเขาข้าคงไม่อาจเปลี่ยนตัวเองง่ายดายเพียงนี้”ซินอ๋องส่ายหน้า หันมามองงหน้าปุกปุยของชลชล“ใต้เท้าเสี่ยวเปา ่วยหน่อยช่วยทำให้นายของเจ้ากลับมาเป็นฮ่องเต้คนเดิมฮ่องเต้ที่เต้มไปด้วยแรงผลักดัน เป็นฮ่องเต้ที่ไม่มีใครกล้าปรามาสได้”“โฮ้งโฮ้ง (แน่นอน) ”เรียนจบจิตวิทยาการปรึกษามา เรื่องง่ายดายแค่นี้ซินอ๋องจากไป หลงตี้นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างจ้านกงอะรไนั่นคงสำคัญกับหลงตี้ผู้นี้ยิ่งนักไหนไหนก็มาอยู่แบบนี้แล้ว หาทางช่วยฮ่องเต้คนนี้ก่อน คงจะดีไม่น้อยทดสอบจิตใจตัวเองไปด้วยชลชลก็เศร้าหลงตี้เองก็กำลังเศร้า บางทีนี่อาจเป็นสวรรค์กำหนดไว้แล้วเวลาผ่านไปด้วยการที่ชลชลนั่งมอง หลงตี้เหม่อมองออกนอกหน้าต่างเจ้าเวลาล่วงเลย ฟ้ามืดครึ้งมอยากจะปิดปากหาว วันนี้ทั้งวันนั่งโง่ๆ เป็นหมาโง่ อยู่ตรงหน้า ฮ่องเต้สุดหล่อ“ง่วงหรือยังไปนอนกันเถอะ”อุ้มชลชลขึ้นไปบนแท่นนอน ชลชลเปิดปากหาว เดินวนสามรอบ ไม่พบ ท่าที่เหมาะจนอน เดินวนอีกสามรอบ เสี่ยวหัวเราะใสใสของหลงตี้ที่เป็นท่าที เดินวนของชลชล ดึงร่างปุกปุยมากอด“นอนได้แล้วเสี่ยวเปา”ความอบอุ่นจากอ้อมกอด ทำเอาชลชลแทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว เมื่อคิดถึงอ้อมกอดของปานระพีเส
หลงตี้ลุกขึ้นเท้าคางมอง ชลชลด้วยสายตาหลากหลายทั้งชื่นชมตื่นเต้น ดีใจและประหลาดใจ“น่าจะพูดได้น้า แต่แบบนี้ก็ดีข้ากำลังเหงา เจ้ามาทันเวลาพอดี”ดึงร่างเล็กกว่ามากอดแนบแน่น ความอบอุ่นอ่อนโยนแล่นเข้าสู่หัวใจ“ปล่อยนะโว๊ย”เผลอตะโกนออกไปยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเมื่อมันเปล่งเสียงออกมาเป็นภาษาคน“อย่าดิ้นสิ อุ่นเสียจริง อุ่นเข้าไปข้างในเลยเชียว อบอุ่นใจของข้ายิ่งนักเฮ๊ย มะมะเมื่อกี้ จะจะเจ้าพูดได้แล้วนี่”ชลชลเบ้ปาก ผลักร่างใหญ่ออกห่าง“โฮ้งโฮ้ง (ถอยไป) ” อ้าวทำไมกลายเป็นเห่าอีกแล้ว สวรรค์กำลังเล่นตลกอะไรกันแน่ เดี๋ยวคนเดี๋ยวหมา"หูฟาดไป"หลงตี้ยิ้ม ยียวน“เฮ้อ ไม่ยอมให้กอด ข้านี้ใจบางเลยก็ได้ ข้านอนห่างหน่อยก็ได้ แต่ขออย่างเดียวอย่าจากข้าไปไหนอย่าหนีไปไหนก็พอ”อยู่ๆ หลงตี้ก็รู้สึกว่าหัวใจเปี่ยมสุข นอนหลับตาไปพร้อมกับรอยยิ้ม"เฮ้อ" ชลชลนั่งสัปหงกบนแท่นนอน กับผ้าห่มหนึ่งผืนจนรุ่งสาง อากาศเริ่มเย็นลงขยับตัวกอดผ้าห่ม“เฮ้ย ขนมาไงอีกเนี๊ยะ”กลายเป็นเสี่ยวเปาเหมือนเดิม หลงตี้ลุกขึ้นนั่งมองตาค้าง“จริงๆ ด้วยเจ้ากลายร่างจากคนเป็นหมา สวรรค์สวรรค์เป็นสวรรค์ที่ส่งเจ้ามา ส่งหมาเฮ้ยคนในร่างหมาหรือหมาในร่างคน เ
“ฝ่าบาทมาด้วยตัวเองเป็นนิมิตหมายอันดียิ่งนักเสี่ยวเปาเจ้านี่แจ๋วจริงพาฝ่าบาทมาที่นี่ได้ แล้วยังมาคอยคุ้มกันฝ่าบาทด้วยตัวเอง” ชลชลยิ้มแฮะๆ ลิ้นห้อยหูลู่ตามแบบหมาอารมณ์ดี ซินอ๋องลูบหัวเบาๆ“ เชิญ ฝ่าบาทบนบัลลังก์วันนี้ข้อราชการมากมาย”ชลชลเดินอกผายไหล่ผึ่งขึ้นไปนั่งข้างๆ หลงตี้บนบัลลังก์มังกรเฮ้อบัลลังก์มังกร แต่...ยังไม่ทันจะได้ ยืดอก“ฝ่าบาทข้าน้อยเห็นว่าไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้หมาขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์เคียงข้างฝ่าบาท”“ไม่นั่งก็ได้วะ”หลงตี้ขมวดคิ้ว ใต้เท้าหลัวพูดขึ้น เฮ้อน่าเบื่อเมื่อไหร่จะเลิกพูดเรื่องนี้เสียทีชลชลเดินลงจากบัลลังก์ มายืน ข้างๆ องครักษ์“ใต้เท้าหลัว สุนัขทรงเลี้ยงของข้าตัวนี้ มักชอบไปไหนมาไหนกับข้า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบัลลังก์นี่สำคัญเพียงใดเหมือนที่ข้าเองก็ไม่เคยสนใจว่าบัลลังก์นี่สำคัญถึงกับต้องแย่งชิงกันด้วยหรือ การแย่งชิงทำลายทุกอย่างแม้กระทั่งมิตรภาพ”“ฝ่าบาท หากคิดว่าบัลลังก์นี้ไม่สำคัญก็ทรงสละมันเสีย”ใต้เท้าหลัว พูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจังไม่มีความหวั่นเกรงในอำนาจของหลงตี้“หากข้ายอมสละมัน แล้วชีวิตของแม่ทัพจ้านกงก็ไม่อาจคืนกลับมาเพราะการแย่งชิงเขาจึงต้องตายข้าประกา
"ซินอ๋อง ข้าว่าควรเป็นหมานั่นมากกว่าที่จะต้องตายฝ่าบาทโปรดปรานเจ้าหมาตัวนั้นมากหากมันตายไปคงจะต้องตรอมใจแน่ แต่ซินอ๋องกับพวกเรายังพอต่อรองกันได้"ใต้เท้าหลัวโบกมือห้าม"ซินอ๋องเป็นน้องชายแท้ๆ เห็นได้ชัดว่าไม่เคยไม่ภักดี กับพวกเราก็แค่รอมชอมก็เท่านั้นไม่ได้เห็นพวกเราในสายตา""แล้วหากเป็นการลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทเหมือนที่เราเคยทำนั่นเล่า"ใครคนหนึ่งเสนอความเห็น"หุบปากเจ้าเสีย ที่นี่มีคนของหลงตี้อยู่ไม่น้อย ไม่ควรพูดหากจะลงมือก็เร่งลงมือในทันที"หลายคน ยิ้มมุมปากตำหนักฮ่องเต้“คืนนี้ข้าจะไม่นอน รอดูว่าเจ้าจะกลายร่างเป็นคนอีกหรือไม่”“โฮ้งโฮ้ง (ตามใจ) ”ชลชลเดินวนสามรอบก่อนจะ ทิ้งตัวลงนอนขดกลมเหมือนกองอะไรสักอย่าง หลงตี้นั่งเท้าคางมองตาแป่วสักพักหนึ่ง ชลชลก็ลืมตามองคนตัวสูงที่ยังจ้องชลชลตาไม่กะพริบ เที่ยงคืนแล้วกระมั้ง“จ้านกง เป็น ..เป็นอะไรกับฝ่าบาท”บทจะพูดก็พูดได้ บทจะพูดไม่ได้ก็กลายเป็นเห่า“ จ้านกงเป็นความทรงจำที่งดงามของข้า เป็นดังชีวิตและ...หัวใจ”“แล้วฝ่าบาท ทำไมถึงยอมให้เขาจากไป”คิดแล้วอยากตบปากตัวเองเสียจริงถามอะไรที่ทำให้อีกคนจนกับคำตอบ เรียนจิตวิทยามาได้อย่างไร“ข้าแค่เพียง ไม่อา
“องครักษ์มือสังหารอีกคนหนีไปแล้วเสี่ยวเปาคงตามหมอนั่นไป”หลงตี้ก้าวนำออกไปทันที ชลชลถอนหายใจโล่งอก เมื่อทุกคนเงียบเสียงลงไปทิ้งตัวนอนหงาย ใต้แท่นนอน ก่อนจะผุดลุกขึ้นด้วยเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นได้ วิ่งไปคว้าอาภรณ์มาสวมแบบลวกๆวิ่งตาม หลงตี้ออกไปแต่ ยังไม่ทันจะออกพ้นประตูคมกระบี่ขององครักษ์ขวางหน้าไว้“ปล่อยเขา”หลงตี้ตวาดลั่น“ฝ่าบาท คนผู้นี้”“ขะขะข้า”ชื่ออะไรดีวะเอาวะ นึกชื่อใครไม่ออก“ขะข้าป๋อจ้าน องครักษ์คนใหม่ของฝ่าบาท”เอาชื่อนี้ละวะนึกออกชื่อเดียว เอาตัวรอดกับปัญหาเฉพาะหน้าที่ออกมาเพราะห่วงหลงตี้กลัวว่าจะพบกับอันตราย แต่นึกไม่ถึงว่า องครักษ์ตอนนี้ตรึงกำลังไว้ทั่วตำหนักจากเหตุการณ์เมื่อครู่“ป๋อจ้าน”“เขาเป็นองครักษ์ของข้า”ซินอ๋องขมวดคิ้ว หลงตี้เดินเข้ามาใกล้ๆ ชลชล“เจ้าปลอดภัยดีไหม” น้ำเสียงอ่อนโยนห่วงใย“ปลอดภัย ฝ่าบาทเล่า ปลอดภัยหรือไม่”“ข้าเป็นห่วงเจ้าแทบแย่”“ฝ่าบาทแล้วเสี่ยวเปาเล่า”ซินอ๋องถามขึ้น“ข้าจะเรียกเขาเอง พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนได้แล้ว”“รักษาตัวด้วย ซินอ๋องทูลลา องครักษ์ลาดตะเวณตำหนักใหญ่เพิ่มกำลังสองเท่า”สั่งการก่อนจะก้าวออกไแ“ป๋อจ้านเข้าไปข้างใน” ชลชลถอนหายใจอยู่
"เมื่อไหร่จะได้อยู่กับป๋อจ้านทั้งวันไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้""โฮ้ง โฮ้ง (น่านสิ) หลงตี้กอดชลชลยิ้มกว้าง"แต่แบบนี้ก็ดีน่ารักที่สุดเสี่ยวเปาของข้า"ชลชลไม่อาจห้ามลิ้นยาวที่แลบลิ้นเลียใบหน้าหล่อแสดงความรักความภักดีเหมือนอย่างที่สุนัขมักจะทำภายใน ตำหนักใหญ่กลางหุบเขา จ้านกงเอนตัวลงนอนจิบสุรารสเลิศใบหน้าหล่อเหลาองอาจ พูดกับคนข้างๆ“ปีหนึ่งแล้ว ที่ข้าแสร้งว่าตายคงถึงเวลาที่จะกลับไปแล้ว ในเมื่อตอนนี้ หลงตี้คงยินดีไม่น้อยหากข้ากลับไปแล้วต่อไปจะขอสิ่งใดย่อมง่ายดาย“ท่านแม่ทัพ จะบอกฝ่าบาทว่าอย่างไรในเมื่อทุกคนต่างเห็นได้ชัดว่าร่างไร้วิญญาณท่านแม่ทัพถูกเผาเป็นเถ้าธุรลี”“หลงตี้เห็นข้าก็คงดีใจจน ไม่สงสัยเรื่องการกลับมา จะหลอกล่อเช่นไรก็ ไม่เป็นพิรุธ”“ท่านแม่ทัพครั้งนี้แน่ใจหรือว่าจะได้ครองบัลลังก์”“ครั้งนั้น ใต้เท้าหลัวส่งคนลอบสังหารหลงตี้ ข้ายอมรับกระบี่แทนเพื่อการนี้ ครั้งนี้กลับมาบัลลังก์นั่นจะต้องเป็นของข้า”ยิ้มมุมปาก หลงตี้ไว้ใจ และวางใจเขา จนลืมมองว่าเขามีความตั้งใจ อย่างไร ใต้เท้าหลัวตั้งใจกำจัดเขาเพราะคิดว่าหลงตี้ จะต้องหมดกำลังแรงใจจนอยากจะสละบัลลังก์เสีย แต่มาครั้งนี้ หลงตี
ชลชล ก้มลงงับ ขาหมูในถาดใหญ่อย่างเอร็ดอร่อยจ้านกง เดินออกมาจากห้องของ หลงตี้ หยุดยืนที่ชลชลกินขาหมูอยู่มือใหญ่ไวเท่าความคิดปัดถาดขาหมูร่วงกระจายลงพื้นตู้กังวิ่งเข้ามาทันที ชลชลอ้าปากค้างหูตกหางตก“ใต้เท้าจ้านกง ใต้เท้าเสี่ยวเปาเกิดอะไรขึ้น”“เจ้าหมานี่ กระโจนใส่ข้าจน ขาหมูในถาดหกเสียสิ้น”หลงตี้ ก้าวขาออกมายืนมอง ชลชลที่ทำปากขมุบขมิบ“ตอแหลปานระพีทำไมนายมันตอแหลอย่างนี้ ถ้าหากรู้ว่าเป็นฉันนายจะกล้าตอแหลไหม เดี๋ยวกัดเนื้อหลุดเลย”ไม่มีใครได้ยินนอกจากหลงตี้คนเดียว“เสี่ยวเปา”หลงตี้ได้ยินทุกถ้อยคำชัดเจน ผิวปากพร้อมกับเรียกชลชล“ฝ่าบาทเห็นไหมหมอนั่นตอแหล เขาเป็นคนปัดถาด ขาหมูของข้า”“ตอแหล” พึมพำเบาๆ จ้านกงขมวดคิ้วสงสัยกับ สิ่งที่หลงตี้พูด“โกหกคนอะไรโกหกเก่งที่สุด”“เสี่ยวเปากลับเข้าไปในห้อง ตู้กังไปนำขาหมูมาให้เสี่ยวเปาในห้อง คงยังไม่ทันอิ่ม”“ฝ่าบาท หมาแบบไหนกันที่มีโอกาสกินขาหมูเป็นถาดๆ แทนอาหารเหลือจากห้องเครื่อง”จ้านกงพูดขึ้น ชลชลเบ้ปาก ปานระพี นิสัยแท้จริงของเขาก็แบบนี้ ชลชลไม่เข้าใจว่าคนที่ชอบวางท่ากับชอบบูลลี่คนอื่นทำไมชลชลถึงไปชอบเขาได้ ตอนนี้ยังนึกน้อยใจกับคำพูดของจ้านกงที่บั
“ฝ่าบาท เจ้าสุนัขตัวนี้สร้างความปั่นป่วนในท้องพระโรงฝ่าบาทควรจะให้ใครนำตัวออกไปเสียก่อนตอนนี้มีเรื่องสำคัญต้องหาหรือ ฝ่าบาทเช่นไรถึงพระทัยดียิ่งนักให้สุนัขเข้ามาถึงในนี้”“แฮร่ ๆๆๆ ฮึ่มมม”ชลชลส่งเสียงขู่ ใต้เท้าหลัวที่พูดพาดพิง“เสี่ยวเปามานี่”ชลชลวิ่งแน่บกระดิกหางรัวเร็ว กระโดดขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ ลิ้นห้อยหูตั้ง เมื่อไหร่จะเลิก ตื่นเต้นเวลาเจ้านาย ไม่สิคนหล่อเรียกเสียที หลงตี้ยกมือลูบศีรษะเบาๆ“ตู้กังนำเสี่ยวเปาไปที่ห้องเครื่องหาอะไรให้เสี่ยวเปาเป็นของกำนัลรองท้อง สายๆ ข้าจะไปรับที่นั่น”ชลชลยิ้มที่หูรู้ที่หาง ลิ้นห้อยน้ำลายไหล เป็นที่รู้กันว่างานสำเร็จไปแล้วหลงตี้รู้ตัวคนบงการแล้วต่อไปเป็นหน้าที่ของหลงตี้ที่จะต้องทำตามแผนการที่วางไว้กับชลชลเมื่อคืนทำให้อดนอน กันทั้งสองคนตกลงกันว่าจะตลบหลังคนบงการอย่างไร ชลชลเป็นคนวางแผนเสียทั้งหมดหลงตี้อดที่จะชื่นชม ชลชลเสียไม่ได้ สมกับที่เป็นจิ้งจอก อย่างที่หลงตี้เรียกแผนการรัดกุมยิ่งนัก“ใต้เท้าหลัวท่านคิดว่าข้าควรจะจัดการเช่นไรเรื่องนี้”ใต้เท้าหลัวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นทั้งๆ ที่ทำใจไว้แล้วว่าจะไม่แสดงพิรุธ“ฝ่าบาทสิ่งของเหล่านี้เป็นของมีค่าคว
"จากคนพวกนั้น พวกที่กำลังขนของมีค่าใส่ในเกี้ยว ฝ่าบาททำอย่างไรดี ด้านท้ายตำหนักมีคนกำลังขนของมีค่า คนผู้นั้นหน้าตาคุ้นแต่ข้าจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเขาที่ไหน""ด้านท้ายตำหนัก"หลงตี้ขมวดคิ้ว ก้าวเดินไปที่ประตู ปิดประตูตำหนักตะโกนดังๆ"องครักษ์ส่งคน ไปที่ท้ายตำหนักและห้ามให้ใครเข้าออกวังหลวงจนกว่าข้าจะอนุญาต""คราวนี้บอกมาเจ้าไปทำอะไรที่นั่น""ฉันๆ ไปเดินเล่น"ขี้หดตดหาย หายปวดท้องไปเลยเจอเรื่องแบบนี้เข้า"ไปเดินเล่น ทั้งๆที่รู้ว่าจะกลายร่างทำไมยังออกไป หากไปกลายร่างต่อหน้าคนอื่นเจ้าจะปลอดภัยหรือไม่ห่วงตัวเองหรือไร"น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความโมโห"จริงด้วยลืมคิดไปเสียสนิทเพราะกลายร่างนี่แหละ ถึงต้องวิ่งแน่บกลับมาถ้าเป็นหมาคงไม่โดนสงสัยถึงจะไปเห็นเรื่องไม่ชอบมาพากลก็เถอะ""ข้าเป็นห่วงคราวหลังอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนหากเจ้าเป็นอะไรไปข้าคง ..ใจสลาย"คำสารภาพรักหรือไรหัวหน้าองครักษ์วิ่งกลับมาที่ตำหนัก“ฝ่าบาทไม่พบใครที่นั่นพบเพียงสิ่งของมีค่าควรเมืองมากมาย ที่ถูกลำเลียงใส่ไว้ในเกี้ยว ถึงสามหลัง”“ไวจริงๆ คงไหวตัวทันว่ามีคนมาเห็นจึงหนีไปเสียก่อน”“ใครกันทำเรื่องเช่นนี้”“อือใครกันทำเรื่องแบบนี้ ฝ่าบาทพรุ่งน
“ท่านแม่ทัพ"ประตูเปิดออกดังนัดหมายก็นัดหมายนั่นล่ะ เจียจิวยอมเปิดใจให้แม่ทัพหนุ่มด้วย หลงคำหวานของเขาเข้าเต็มเปา ริมฝีปากอุ่นไม่พูดพล่ามกดปิดที่ริมฝีปากของเจียจิวไม่ทันให้ตั้งตัว“อุ๊ย ท่านแม่ทัพ”สีหน้าตื่นตกใจเเพราะไม่เคยถูกจู่โจมแบบนี้จากใครคนใดมาก่อน“คิดถึงเหลือเกิน คิดถึงองค์หญิงเกินใคร” น้ำเสียงอ่อนหวานยิ่งนัก เจียจิวเขินอาย จ้านกงดึงมือเจียจิวเข้าไปในห้องปิดประตูทันที“ข้ากลัวว่าจะไร้วาสนาหากรอช้ากว่านี้ องค์หญิงจ้านกงต้องการท่าน”เจียจิวหลบตาเขินอาย“โฮ้งโฮ้งๆๆๆ ”เสียงเห่าดังลั่น หน้าประตู“โฮ้งโฮ้ง ๆๆๆๆๆ หงิงหงิงหงิงๆๆๆ ”“เจ้าหมาบ้านั่นมาได้อย่างไร”สีหน้าตื่นตกใจกลัวว่าหลงตี้จะมาด้วย“เอ่อเอ่อ เจียจิวมักจะให้เสี่ยวเปามาที่นี่ยามค่ำ”“เจ้าไล่มันกลับไปเลยข้า ไม่ชอบเจ้าหมานั่น”“แค่หมาตัวอ้วนตัวเดียว ท่านแม่ทัพจะโมโหทำไม”เดินไปเปิดประตู ชลชลวิ่งแน่บเข้าไปในห้อง หมุนตัวสามรอบก่อนจะนอนขดบนแท่นอนของเจียจิว“เจ้าเคยให้เจ้าหมานั่นขึ้นไปนอนบนแท่นนอนหรือไร”“ปกติ เสี่ยวเปาขึ้นไปนอนกับข้าเป็นประจำ”“โฮ่งโฮ้งโฮ่ง โฮ้งโฮ้ง (หมดอารมณ์เลยสิ) ”มองก็รู้สีหน้าสีตากำลังหื่นหิว หากมาช้ากว่านี้ ห
“หา ฝ่าบาทจะทำเช่นนั้นไม่ได้ ใต้เท้าหลัวเป็นที่เคารพนับถือเป็นถึง เสนาบดีแล้วยังเป็นผู้นำสี่ตระกูลใหญ่ฝ่าบาทสั่งลงทัณฑ์ เหมือนกับใต้เท้าเป็นขันทีหรือนางกำนัลเป็นการลดเกียรติ...ของใต้เท้าหลัว”หลงตี้ยิ้ม“ดี คุกเข่าไม่เหมาะกับ ตำแหน่งเช่นนั้นข้าขอสั่งให้ลดเบี้ยหวัดหนึ่งเดือน ต่อไปใครไม่มาประชุมขุนนางหนึ่งครั้งไม่ต้องจ่ายเบี้ยหวัดหนึ่งเดือน”“ฝ่าบาท กว่าปีมานี้ฝ่าบาทก็ไม่เคยเข้าประชุมขุนนาง”“ตบปาก ตบปากเลย พูดชี้นำคนอื่นดีนัก”ชลชลส่งเสียเบาๆ ในลำคอหลงตี้ส่ายหน้า ไม่ทำให้เห็นก็จะไม่มีใครกลัวที่ผ่านมาเขาใจดีเกินไป“ดี องครักษ์จับตัวคนพูด มาตบปาก”องครักษ์หันหน้าหันหลัง“องครักษ์ไม่ได้ยินพระบัญชาหรือไร”ซินอ๋องตวาดดังๆ“โฮ้งโฮ้ง แฮร่ๆๆๆๆ ”องครักษ์รีบจับตัวคนสอพลอต่อใต้เท้าหลัวมาข้างหน้าตบปากไปสองสามที“ฝ่าบาทโปรดประทานอภัยข้าน้อยสมควรตาย ต่อไปข้าน้อยไม่กล้าแล้ว”ทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแค่สองสามทีก็ถึงกับทรุดได้ผลไม่น้อย“ไม่ได้ให้ตาย แต่ก็ดีแล้วพูดมาแบบนี้ข้า จะได้รู้ว่าใครภักดีต่อข้าใครภักดีต่อใต้เท้าหลัว” จ้านกงเดินเข้ามาในท้องพระโรงพร้อมกับเสียงปรบมือ“ยอดเยี่ยม ฝ่าบาทสมควรยิ่งแล้ว”ซินอ๋อง
จวนใต้เท้าหลัว“มือสังหารมือดี มาถึงหรือยัง”“ขอรับใต้เท้า”“ดี เร่งมือ ให้เร็วที่สุดไม่มีเวลาแล้วหลายวันมานี้ จ้านกงกลับมาส่งผลให้ฝ่าบาทกระปรี้กระเปร่า และยังหันมาสนใจเรื่องราวในราชสำนัก ข้าตั้งใจทำสิ่งใดก็ต้องระงับยับยั้งไว้ก่อน”“ใต้เท้า ท่านแม่ทัพจ้านกง ขอพบท่าน”ใต้เท้าหลัวขมวดคิ้ว“เชิญเขาเข้ามา” จ้านกงไม่รอให้เชิญก้าวขาเข้าไปข้างในทันที“ท่านแม่ทัพไม่เจอกันเสียนานไม่คิดว่าท่านจะเปลี่ยนข้าง”“ใต้เท้า ข้ามาครั้งนี้ ตั้งใจมาผูกมิตรกับใต้เท้า”ใต้เท้าหลัว ยิ้มแต่ทว่าภายในใจหาเชื่อคำพูดของจ้านกงไม่“ว่ามา”“ข้า มีข้อเสนอ”ใต้เท้าหลัวเลิกคิ้วสูง“ข้อเสนอของท่านแม่ทัพเกรงว่าจะไปกันกับสิ่งที่ข้าต้องการไม่ได้”“ใต้เท้าลองฟังดูก่อนบางที อาจ ดีกว่าที่ใต้เท้าคิดไว้”“ได้ เชิญท่านแม่ทัพ”“ท่าน ช่วยข้า ข้าช่วยท่านบัลลังก์เป็นของข้า การคลังเป็นของท่าน อีกทั้งการจัดเก็บภาษี ทั้งหมดข้ายกให้ท่านเพียงผู้เดียว” ใต้เท้าหลัวยิ้ม พยักหน้าขึ้นลงช้าๆ“ดี พูดได้ดี เอาตามนี้ คราวนี้บอกมาจะให้ข้าช่วยอะไร”“ช่วยสังหารคนข้างกายฝ่าบาทให้ข้า”"เหล่าขุนนางต่างถวายฎีกา กดดันให้ฝ่าบาทมีความขัดเจน""ความชัดเจน ข้าอ
"ไม่ได้พบกันแค่เพียงปีเดียว ดูเจ้าสิ องค์หญิงเจ้าบัดนี้ติดตราตรึงใจจ้านกงยิ่งนัก”ด้วยเพิ่งจะเข้าสู่วัยสาว เจียจิว จึงไม่เคยต้องมือชายหัวใจดวงน้อยสั่นไหวจนน่ากลัว“ท่านแม่ทัพ อย่าล้อเจียจิวเล่น”“ไม่สิ เจ้างดงามเกินใคร คนอย่างจ้านกง จะกล้าล้อเจ้าเล่นหรือไร ก้มลงจรดริมฝีปากที่ริมฝีปากบางเบาๆ เจียจิวตัวสั่นงันงกทำอะไรไม่ถูกมือไม่เย็นเฉียบ“เห็นหรือไม่ว่าข้าพูดจริงองค์หญิงงดงามจนข้าไม่อาจห้ามใจ” ดันร่างเล็กจนไปติดกับต้นไม้ใหญ่ ก้มมองสบตากลมที่มีแต่แววตาเขินอาย“กลับมาครั้งนี้คุ้มค่ายิ่งนักพบกับองค์หญิงที่งดงามขึ้นผิดหูผิดตา จ้านกงคงต้องมององค์หญิงเสียใหม่”“ท่านแม่ทัพปากหวานยิ่งนัก”“องค์หญิงจ้านกงไม่เคยล้อท่านเล่น หวังว่าองค์หญิงจะเมตตา”เจียจิว อ่อนระทวยทั้งใจและกาย จ้านกงซ่อนยิ้มในหน้า สำเร็จในเมื่อหลงตี้ไม่ใส่ใจเขายังมีเหยื่อที่โง่งมเช่นเจียจิวให้เลือกเฟ้นชลชลในร่างมนุษย์หอบผ้าห่มลงไปที่พื้นด้านล่าง อดที่จะเหลือบตามองร่างเปลือยท่อนบน อกแน่นกล้ามเป็นมัดที่กำลังจะทิ้งตัวลงนอนบนแท่นนอนหนาเสียไม่ได้“มาตรงนี้”ตบข้างๆ แท่นนอน“ไม่เอา ฝ่าบาทนอนไปเถอะข้าแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง นอนด้านล่างดีแค่ไห
"เจ้าหมานั่น มีบางอย่างที่ทำให้ข้าแปลกใจไม่น้อย""ท่านแม่ทัพก่อนหน้านั้น ผู้คนต่างพูดกันว่าฝ่าบาททดท้อใจจนไม่เป็นอันทำอะไรเมื่อท่านแม่ทัพจากไป มาบัดนี้ ข้าน้อย.. ข้าน้อยรู้สึกว่าฝ่าบาทไม่สู้ยินดียินร้ายเท่าไหร่กับการกลับมาครั้งนี้ของท่านแม่ทัพมีเพียงตอนแรกที่พบกันเท่านั้นที่แสดงถึงความดีพระทัย""ตอนแรกข้าก็คิดว่าฝ่าบาทอย่างไรก็มีข้าอยู่ในใจเสมอแต่ตอนนี้นอกจากเจ้าหมานั่น ฝ่าบาทไม่สนใจใครอื่น""มีเสียงเล่าขานว่าเจ้าหมานั่นเป็นจิ้งจอก ที่กลายร่างมาเพื่อบงการฝ่าบาทแม้กระทั่งใต้เท้าหลัวยังต้องยอมให้กับสุนัขตัวนั้น"จ้านกงถอนหายใจ""จิ้งจอก อืมน่าคิดปรึกษาท่านนักพรตให้จัดการกับจิ้งจอกคงจะดีไม่น้อย"โลกปัจจุบัน"พี่ชล พี่ชล ฟื้นสิฟื้นเดี๋ยวนี้"น้องสาวร้องไห้จนตาบวม"พี่เขาพักผ่อนอยู่ธารธาร (ทาระทาน) หยุดเกเรพี่เขาได้แล้ว""ไม่จริงคุณแม่โกหกพี่ชลเขาไม่ได้พัก"ร้องไห้สะอึกสะอื้น"ธาร จะคอยดูพี่เขาแบบนี้จนกว่าพี่เขาจะพื้น""พี่ระพีเขารีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการพี่ชล ธารกลับพร้อมแม่ให้พี่ระพีเขาคอยดูแลพี่ชลดีกว่า""ไม่เอาหนูไม่ไว้ใจพี่ระพี""พี่เขาเป็นเพื่อนกันอีกอย่างพี่ระพีเขาก็ดีกับพี่
วิสัยสุนัขท้องร้องจ้อกแจ้กเมื่อพบของกินแต่ไม่ยอมขยับตัวยังนอนแบบนั้น"เสี่ยวเปาวันนี้ข้าเอาให้เขานำขาหมูมาเผื่อเจ้าด้วย"หูผึ่งหางชี้ เก็บอาการไว้เก็บอาการ อย่างน้อยก็ห้ามใจไม่ให้ตัวเองลุกขึ้นล่ะวะจ้านกงหันไปยิ้มกับหลงตี้"เมื่อคืนข้าลองทบทวนเรื่องราวทั้งหมดในเมื่อฝ่าบาทโปรดปราน เสี่ยวเปา เพียงนั้น ก็คงเป็นเพราะข้าจากไป ข้าจึงคิดว่าจะมาเห็นแก่ตัวไม่ให้ฝ่าบาทสนใจเสี่ยวเปากลับมาสนใจข้าเพียงคนเดียวก็จะแย่ไปหน่อย เช่นนั้นข้าจึงมาผูกมิตรกับเสี่ยวเปา""ตอแหลดูตาของนายสิจ้านกง ไม่ได้มีความจริงใจแม้แต่น้อยไม่รู้ในนั่นจะใส่ยาถ่ายไว้หรือเปล่าไม่สินิยายจีนโบราณต้องใส่ยาพิษ มันต้องมีพิษแน่นอนเอื้อกกกก"อาหร่อย...น้ำลายไหลชลชลนอนบ่นไปกลืนน้ำลายลงคอไป แต่ที่ทุกคนเห็นคือ เสี่ยวเปาที่นอนนิ่งลอบกลืนน้ำลายลงคอไม่ให้ใครจับสังเกตได้"ไม่เป็นไรเจ้าค่อยๆ กินไปเสี่ยวเปาอาจยังเวลาเช้าอยู่จึงยังไม่หิว"หันหลังกลับไปยิ้มให้กับหลงตี้"ฝ่าบาทยังจำได้ไหม ปลานึ่งซีอิ๋ว ที่ฝ่าบาทโปรดปราน จ้านกงลงมือปรุงเองกับมือ"ชลชลตัวชา ภาพความทรงจำก่อนหน้านั้น ปลานึ่งซีอิ้วใต้แสงเทียนมองผ่านไวน์ขาวไปยังใบหน้าหล่อเหลาของปานระพี
จวนแม่ทัพ"ท่านหมอ ท่านแม่ทัพเป็นอย่างไรบ้าง"รั้งหมอหลวงไม่ให้ออกมาจากห้องให้ตรวจดูอาการของตัวเองผ่านไปถึงสามชั่วยาม"ฝ่าบาท ท่านแม่ทัพบาดแผลฉกรรจ์ยิ่งนัก อีกทั้งน้ำลายของ สุนัขเสี่ยวเปา ที่ปนไปด้วยอาหารคาวหวานยิ่งส่งผลให้บาดแผลยิ่งรุนแรง""ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ""คมเขี้ยวของสัตว์เมื่อต้องผิวเนื้อของมนุษย์มักจะทำให้บาดแผลยากหาย ฝ่าบาทสุนัขทรงเลี้ยงตัวนั้นอาจมี อาการคลุ้มคลั่ง ฝ่าบาทคงต้องจัดสรรที่อยู่ของสุนัขเสี่ยวเปาให้ดี"หลงตี้ถอนหายใจ ปกป้องชลชลก็ยิ่งจะทำให้จ้านกงไม่พอใจ ในใจรู้ดีว่าจ้านกง เป็นคนเช่นไรที่แสร้งทำเป็นดุชลชลเพราะไม่อยากให้จ้านกงเคียดแค้นเช่นนั้นเขาจึงไม่อาจปกป้องชลชลได้คนอย่างจ้านกง ทำเรื่องเลวร้ายไม่มีทางรู้ได้หากเขาไม่อยากให้รู้"ท่านต่อไปไม่ต้องไปที่ตำหนัก ข้าจะมาหาท่านที่นี่""ฝ่าบาทห่วงใยข้าหรือว่ากลัวว่าข้าจะไปเอาเรื่องสุนัขอ้วนตัวนั่น""เสี่ยวเปาพักนี้ไม่รู้เป็นอะไร ข้าห่วงว่าท่านแม่ทัพจะถูกเสี่ยวเปากัดเอาอีก ข้าอยากจะขอร้องไม่อยากให้ท่านต้องลำบาก""ก็ได้ จ้านกงรับบัญชาต่อไปจะไม่ไปที่นั่นหากไม่จำเป็น"แต่ภายในใจกลับคิดว่า เสี่ยวเปาเจ้าหมาโง่ก็อย่าได้ออกมาเพ่นพ