แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: วิ๋นเจิง
ซูชิงอู่อดรนทนเกี่ยวพันตัวเองกับเย่เสวียนถิงไม่ไหว แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่มานอกประตู

หญิงรับใช้คนหนึ่งรายงานอยู่นอกประตู

“กราบทูลท่านอ๋องและพระชายา ภายในวังได้จัดเตรียมรถม้าให้แก่ท่านและพระชายาเพื่อเข้าวังร่วมคารวะบรรดาพระสนมยามเช้าเพคะ!”

ในชาติก่อน เมื่อคืนในครานั้นนางถูกคนวางยานอนทรมานทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้าเกือบดื่มยาหยุดครรภ์คร่าชีวิต เพิ่งแต่งงานวันแรกก็ไม่ได้ไปวังหลวงน้อมคารวะตามประเพณี

ตามธรรมเนียมในวัง เจ้าสาวของราชวงศ์ที่เพิ่งอภิเษกเข้า วันแรกต้องเยี่ยมเยียน คารวะพระสนมทุกตำหนัก นางไม่เพียงฝ่าฝืนประเพณียังทำให้เย่เสวียนถิงแบกรับแรงกดดันมากโข

ซูชิงอู่เพิ่งจะลุกขึ้นกลับได้ยินเย่เสวียนถิงเปิดปากตอบ

“ประเดี๋ยวข้าจะไปคารวะท่านแม่เอง”

นางรับใช้รายงานต่อเนื่อง เย่เสวียนถิงบ่ายหน้ามองยังซูชิงอู่ “อยู่จวนพักผ่อนให้ดี ข้าจะรีบไปรีบกลับ”

ซูชิงอู่ฉงนพักหนึ่ง “สุขภาพข้าดีขึ้นแล้ว”

เย่เสวียนถิงเงียบลง แต่ยังคงยืนกราน “ในวังมีแต่เรื่องหยุมหยิมยุ่งยาก ข้าไม่อยากให้เจ้ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ”

ถึงอย่างไรชื่อเสียงของซูชิงอู่ก่อนตบแต่งกับเขาก็ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี เข้าวังเที่ยวนี้ชี้ชัดว่าคงไม่อาจเลี่ยงคำครหาพ้น

พอประโยครั้นถูกเอ่ยจบ เย่เสวียนถิงเอี้ยวตัวออกประตูไปทันที เขาเดินตรงไปลานเรือนนอนเดิมของตนเพื่อเปลี่ยนอาภรณ์

เมื่อซูชิงอู่ได้ยินเช่นนั้นนั้น ดวงตาพลันแดงก่ำกระแสไออุ่นไหลรินในทรวง หัวใจเย็นเยือกของนางถูกความอบอุ่นห่อหุ้ม

ใต้หล้านี้มีเขาอยู่ ช่างดีจริง ๆ…

นางเปิดปากพูดต่อคนนอกประตู “พวกเจ้าเข้ามา มาอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ให้ข้า!”

นางจะปล่อยให้เขาทนกล้ำกลืนได้เยี่ยงไร?!

……

นอกจวนเตรียมรถม้าพร้อมแล้ว

หลังจากหญิงรับใช้ในจวนผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้ ทั้งคู่ก็เดินตามท่านอ๋องกับพระชายานอกประตูไป

หางตาเย่เสวียนถิงเสมองร่างของซูชิงอู่ที่อยู่เบื้องหลัง ในใจกระสับกระส่ายเล็กน้อย

ภาพในอดีตค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนในความทรงจำ ก่อนเคยมีเพียงสีหน้าเดียดฉันท์แววตาเปี่ยมแค้นของซูชิงอู่ที่มีต่อเขา…

นิ้วมือใต้แขนเสื้องอลงชั่วครู่ เย่เสวียนถิงพยายามทำให้ท่าทีการเดินของตนดูเป็นปกติขึ้นสักหน่อย ทั้งยังกังวลว่าจะได้เห็นสายตารังเกียจจากซูชิงอู่อีก

ขณะเขายกม่านรถม้ากำลังก้าวขึ้นรถ จู่ ๆ ก็เห็นเงาคนผู้หนึ่งเดินสองก้าวมาข้างกายเขาอย่างเร่งรีบ

“ข้ามาแล้ว!”

ซูชิงอู่เกาะขาเขาไว้พลางเงยหน้ามอง ดวงหน้าสะสวยแหงนขึ้นส่งยิ้มให้เขา

นิ้วมือนุ่มนิ่มเหมือนไม่มีกระดูก ทั้งตัวนางแนบอยู่บนร่างเขา

สัมผัสอบอุ่นอ่อนนุ่มทำหว่างคิ้วเย่เสวียนถิงกระตุกเล็กน้อย ริมฝีปากบางเม้มทันใด ทั้งตัวเขาทื่ออยู่กับที่ ชั่วขณะหนึ่งมิรู้ว่าควรก้าวเท้าซ้ายหรือขวาดี

ซูชิงอู่เห็นสีหน้าเขามืดมนไม่ขยับ หัวใจพลันเต้นวูบหวิวพักหนึ่ง

สีหน้านางเคร่งขรึมทันที จากนั้นก็มองที่ขาเขาโดยสัญชาตญาณ

“อย่าขยับ!”

ฉับพลันนั้นก็มีสองคำลอดจากกลีบริมฝีปากเย่เสวียนถิง

ความรู้สึกต้อยต่ำในส่วนลึกแผ่ออกจากหัวใจ เขาต้องการซ่อนเร้นส่วนบกพร่องสุดชีวิต

ซูชิงอู่ไม่กล้าสัมผัสขาของเขาอีก หากแต่มุ่นคิ้วถามอย่างห่วงใย “เจ็บขาหรือ? กลับไปข้าจะลองคิดหาวิธีช่วยท่าน ต้องรักษาหายแน่นอน!”

แม้เย่เสวียนถิงจะได้ยินคำปลอบโยนประเภทนี้ แต่ในใจกลับไม่ได้ดีใจเท่าใดนัก

เขาเพียงแต่จัดเสื้อคลุมบดบังสองขาตัวเองไว้

“ไม่เจ็บ ไปเถอะ”

ความห่วงใยไม่มีปี่มีขลุ่ยของซูชิงอู่ทำเย่เสวียนถิงเคอะเขินอยู่ไม่น้อย

เขาเอียงหน้าไปไม่มองหน้าซูชิงอู่อีก

หวั่นเกรงจะตกหลุมพรางของอีกฝ่าย

ก่อนหน้านี้ ซูชิงอู่ไม่ใช่ไม่เคยเป็นเช่นนี้ แค่ความอดทนนางไม่สูงนักและไม่ได้เสแสร้งอย่างปัจจุบันมานานแล้ว…

ความเจ็บปวดครั้งนั้นทำให้เขาเจ็บปวดเข้ากระดูกดำ

ครั้นหากไร้ความหวังก็คงไม่ต้องผิดหวัง พวกเขาคงหวังเพียงทำตามแผนของตนเพียงเท่านั้น

ซูชิงอู่ชำเลืองมองสีหน้าเขา ก็นึกอยากจะตบตัวเองสักสองสามฝ่ามือ

ในขณะนั้น นางรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด

นางกัดริมฝีปากมือกุมบนเข่าแน่น สายตาทอดมองชายตรงข้ามไม่วางตา

ดวงตาคู่นั้นทั้งเจิดจ้าเร่าร้อน อนึ่งจะแผดเผาคนได้ก็ไม่ปาน

รถม้าเคลื่อนตัว แต่เย่เสวียนถิงกลับรู้สึกค่อนข้างอึดอัดกับสายตาที่นางจับจ้องมา

เขายกมือลูบหน้าตัวเองโดยสัญชาตญาณ “บนหน้าข้ามีอะไรหรือ?”

ครั้นซูชิงอู่ได้ยินเขาเอ่ยถาม จึงรีบลุกจากที่นั่ง

พื้นที่ในรถม้ากว้างเหลือคณา เพียงพอให้นางยืนตัวตรงได้เสียด้วย

ทว่าผ่านไปครู่เดียวตัวรถก็โงนเงนเล็กน้อย ร่างซูชิงอู่เสียสมดุลกะทันหันทั้งตัวนางถลาไปข้างหน้า

สีหน้าของเย่เสวียนเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน พลางเอื้อมมือออกไปรับตามสัญชาตญาณ

ครู่ต่อมา เขาก็โอบร่างหยกอ่อนหอมอุ่นไว้ในอ้อมแขน

ซูชิงอู่เหยียดแขนออกคว้าเอวเขาแน่น สบโอกาสทองยืดตัวให้ตรงพลางโน้มกลีบริมฝีปากชิดข้างหูของเขา

กลิ่นกายหอมอบอวลระลอกหนึ่งล้อปลายจมูกของเย่เสวียนถิง ซูชิงอู่หัวร่อเสียงแผ่วข้างหูเขา ลมหายใจอุ่นทำใบหูเกิดจั๊กจี้

“เสวียนถิง ข้าชอบท่าน…”

แขนของเย่เสวียนถิงรัดแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจครู่หนึ่ง

เสียงเขาแหบแห้งน้อย ๆ “ซูชิงอู่ เจ้ารู้สึกสนุกมากหรือที่ทำให้ข้าอยู่ในกำมือ?”

ซูชิงอู่เงยหน้าขึ้น ทั้งสองประสานสายตา

นางยกคางแนบชิดข้างปากเขาพลางกะพริบตา ริมฝีปากแดงระเรื่อเผยอน้อย ๆ “ข้าถวายตัวเองต่อหน้าท่าน ไม่นึกว่าท่านจะไม่รับฟัง ข้าไม่อาจดึงดูดใจท่านได้แล้วรึ หรือว่า…หัวใจท่านมีผู้อื่นแล้ว?”

น้ำเสียงนางระรื่นหู ทุกถ้อยคำคล้ายแซมความเย้ายวนเล็ก ๆ ปลุกเร้าให้หัวใจว้าวุ่น

ซูชิงอู่ยิ้มร่า ดวงตาหยาดเยิ้มดุจแพรไหม ร่างนุ่มนิ่มเกาะอยู่บนตัวเขาราวไม่มีกระดูก

หัวใจของเย่เสวียนถิงเต้นประหนึ่งตีกลอง

เมื่อต้องประจันหน้ากับคนที่คะนึงหามาตลอดหลายปี เขาจะมั่วนั่งนิ่งไม่เคอะเขินได้อย่างไร?

เย่เสวียนถิงทนการยั่วยวนรุนแรงเช่นนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาก้มศีรษะลงในทันที…

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 5

    ภายในตำหนักจิ้งอี๋ "ท่านอ๋องเสวียนและพระชายาเสวียนเสด็จแล้ว!" ซูเฟยหลินหรงเสวี่ยที่ประทับอยู่ตรงที่นั่งตำแหน่งประธานรอคอยมาได้สักพักแล้ว พยักหน้าเบา ๆ "เรียกให้เข้าเฝ้าได้" คนทั้งสองเดินเข้าประตูมาพร้อมกัน เย่เสวียนถิงได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาข้างซ้าย ดังนั้นเขาจึงเดินกะโผลกกะเผลกอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าจะมิได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว แต่ก็ทำให้เขากลายเป็นคนร่างกายไม่สมประกอบไปเสียแล้ว ซูชิงอู่ที่แต่งกายด้วยชุดของราชสำนักอันงามวิจิตร ช่วยประคองแขนของเย่เสวียนถิงด้วยท่าทีใกล้ชิดสนิทสนม เมื่อมีนางคอยช่วยประคับประคอง ก็ทำให้เย่เสวียนถิงเดินเหินได้สะดวกขึ้นอย่างมาก ยามที่ผู้คนรอบตำหนักเห็นคนทั้งคู่รักใคร่ลึกซึ้งกันเพียงนั้น พวกเขาก็ตะลึงงันไปชั่วครู่ สตรีแต่งกายงดงามทั้งสองนางที่ยืนอยู่ข้างหลังซูเฟย ดวงตาเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ ขณะที่ซูชิงอู่เดินเข้ามาในตำหนัก นางก็มองประเมินคนทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า สตรีวัยกลางคนท่าทางสูงศักดิ์สง่างาม สวมชุดกระโปรงดอกกุหลาบสีแดงพร้อมแถบคาดศีรษะสีทอง ผู้นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานคือซูเฟย ซึ่งเป็นตำแหน่งพระชายาลำดับที่สอง โดยมีสตรีสองนาง

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 6

    นางเอ่ยด้วยท่าทีกระชดกระช้อยว่า "ท่านป้าเจ้าคะ โปรดรอสักครู่ เสวี่ยอิ๋งมีเรื่องจะบอกท่าน" การขัดจังหวะระหว่างพิธียกน้ำชานับเป็นเรื่องเสียมารยาท แต่หลินเสวี่ยอิ๋งเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของจวนมหาราชาจารย์ มิหนำซ้ำนางยังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านหญิงมาตั้งแต่เมื่อครั้งเยาว์วัย ดังนั้นนางย่อมมีสิทธิ์ที่จะกระทำเช่นนี้ได้ ซูเฟยเอ่ยถามด้วยความสับสน "ยัยหนู ถ้าหากเจ้ามีอันใดจะพูดก็จงพูดมาเถิด ป้าอย่างข้ายังจะอุดปากเจ้าได้อีกหรือ?" วาจาเพียงแค่ประโยคเดียว ซูชิงอู่ก็รู้ชัดถึงความโปรดปรานที่แฝงอยู่ในวาจา ถึงแม้ว่าซูเฟยจะมิได้ก่อกวนงานมงคลของเย่เสวียนถิง แต่หลังจากรู้ตื้นลึกหนาบางแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าพระนางไม่พอใจในตัวซูชิงอู่ เพราะในสายตาของพระนาง ต่อให้เย่เสวียนถิงจะพิการ แต่เขาก็ยังเป็นถึงท่านอ๋องที่สร้างคุณูปการในสนามรบเอาไว้มากมาย ซูชิงอู่เป็นแค่สตรีท้ายเรือนที่ชื่อเสียงป่นปี้อันแสนจะไร้ค่า ซูชิงอู่ถือถ้วยน้ำชาเอาไว้โดยมิได้ขยับเขยื้อน เพราะนางเองก็อยากจะรู้ว่าท่านหญิงจะเอ่ยวาจาอันใด ถึงแม้ว่าทางด้านของซูเชียนหลิงจะมิได้เอ่ยวาจาใด แต่นางกลับขยิบต

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 7

    บุรุษผู้นั้นสายตาเย็นชา จากนั้นริมฝีปากบางเฉียบก็ค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า "พอได้แล้ว!" หลินเสวี่ยอิ๋งรู้สึกคับข้องใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกตวาดใส่ ยามที่นางมองเย่เสวียนถิง สายตาของนางที่เผยออกมาจึงผสมปนเประหว่างความชื่นชมและเคารพยำเกรง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า "สิ่งที่เสวี่ยอิ๋งพูดมาเป็นเรื่องจริงนะเจ้าคะ การแต่งงานกับสตรีที่มีราคีรังแต่จะทำให้ญาติผู้พี่ถูกคนทั้งโลกหัวเราะเยาะเอาได้! " เย่เสวียนถิงจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชาแล้วหันมาคำนับซูเฟย "เสด็จแม่ อย่าได้ฟังนางกล่าววาจาเลื่อนเปื้อน ยกเข้ามาได้!" นอกประตูพลันมีคนขานตอบขึ้นมาทันที เมื่อซูชิงอู่เห็นเย่เสวียนถิงยืนหยัดเพื่อนาง ก็ใหรู้สึกใจเต้นแรง ถึงแม้ว่านางจะสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ ทว่าการที่มีบุรุษผู้นี้ยืนหยัดเคียงข้างก็ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยได้น่าเหลือเชื่อ ข้าหลวงเฝ้าประตูก้มหน้าแล้วยกถาดเข้ามา มีผ้าคลุมเอาไว้ชั้นหนึ่ง ทำให้ซูชิงอู่เดาไม่ออกว่าเป็นสิ่งใดกันแน่ แม่นมข้างกายซูเฟยเปิดผ้าคลุมออก แล้วคลี่กางผ้าซับเลือดพรหมจรรย์ที่พับเอาไว้เรียบร้อยอยู่ในนั้นออกมา รอยสีแดงสดบนนั้นสร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทุกคนที่อยู่ ณ ท

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 8

    หน้าตาของนางพลันขาวซีดลงทันที จากนั้นก็มีเหงื่อเย็น ๆ ผุดซึมหน้าผาก "เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน? แต้มพรหมจรรย์ของข้าเล่า? แต้มพรหมจรรย์ของข้าหายไปไหนกัน?" ม่านตาของนางหดวูบราวกับนางรู้สึกตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด แม้แต่ผู้อื่นในห้องก็แทบไม่อยากเชื่อสายตาเช่นกัน ซูเชียนหลิงไม่อยากเชื่อเลยว่าซูชิงอู่จะมีวิธีการเช่นนี้ด้วย นางเองก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาบ้างแล้ว "ท่านหญิง อย่าเพิ่งร้อนใจ ซูชิงอู่คงจะทำอะไรสักอย่างเป็นแน่ ข้าจะสั่งให้นางคืนแต้มพรหมจรรย์ให้ท่านเอง!" ซูชิงอู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น "เมื่อสูญเสียสิ่งนี้ไปแล้ว ก็ย่อมต้องเสียไปถาวร ท่านจะเอากลับคืนมาได้อย่างไรเล่า?" ในแคว้นหนานเย่ คงไม่ต้องบอกว่าแต้มพรหมจรรย์มีความสำคัญต่อสตรีเพียงใด พวกนางล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์ที่วันข้างหน้าย่อมถูกลิขิตให้แต่งงานกับผู้ทรงอำนาจและทรงอิทธิพล เมื่อหลินเสวี่ยอิ๋งได้ยินคำพูดของซูชิงอู่ นางก็โมโหมากเสียจนไม่อาจระงับโทสะ ราวกับว่าคิดจะพุ่งเข้าไปฉีกทึ้งซูชิงอู่ให้เป็นชิ้น ๆ "นางสารเลว!" นางแค้นใจมากเสียจนยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าซูชิงอู่ เมื่อซูชิงอู่เห็นหลินเสวี่ยอิ๋งเป็นเช่นนั้นก็ยืนนิ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 9

    ซูเชียนหลิงร้อนใจเพราะเกรงว่าหลินเสวี่ยอิ๋งจะโทษว่าเป็นความผิดของตน ดังนั้นจึงรีบไล่ตามออกไป เมื่อซูชิงอู่เห็นหลินเสวี่ยอิ๋งตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ นางก็เลิกคิ้วแทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นเย่เสวียนถิงที่อยู่ข้าง ๆ กำลังมองมาที่นาง ซูชิงอู่ก็รีบปั้นหน้าเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า "ยามที่มาถึง ชะรอยท่านหญิงคงจะมีอาการท้องเสียเป็นแน่" เย่เสวียนถิงถอนสายตากลับโดยไม่ได้เอ่ยวาจาใด อันที่จริงแล้วซูชิงอู่ใช้เข็มเงินร่วมกับการฝังเข็มเพื่อช่วยขับพิษให้แก่หลินเสวี่ยอิ๋ง แต้มพรหมจรรย์ที่ว่าเป็นแค่แผนการที่ใช้ควบคุมสตรีก็เท่านั้น เมื่อขับพิษออกไปแล้ว ย่อมส่งผลข้างเคียงบางอย่าง ในเมื่อหลินเสวี่ยอิ๋งถูกหามออกไปแล้ว ซูเชียนหลิงที่มาพร้อมกับหลินเสวี่ยอิ๋งย่อมไร้เหตุผลให้อยู่ที่นี่อีกต่อไป ซูชิงอู่มองดูเงาร่างที่กำลังล่าถอยกลับไปพร้อมรอยยิ้มขม นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าท่านหญิงผู้นี้จัดฉากเล่นงานตน? แม้แต่ความคิดเรื่องสมุดภาพเหล่านั้นก็น่าจะเป็นแผนการของอีกฝ่ายเช่นกัน ซูเฟยสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ แล้วจิบน้ำชาไปหลายอึกกว่าจะระงับอาการคลื่นเหียนลงได้ ใบหน้างามประณีตกลับซีดขาวเล็กน้อ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 10

    มือนุ่มกดเข้ากับหลังมือของเขา จากนั้นก็ดึงฝ่ามือของเขามาประคองนวลแก้มของตน ซูชิงอู่เลิกคิ้วนิด ๆ พลางกล่าวว่า "หากท่านอยากจะสัมผัสก็เชิญเถิด ตอนนี้ข้าเป็นของท่านแล้วนี่เจ้าคะ" เย่เสวียนถิงพลันหูแดงก่ำ คล้ายว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของตนเต้นไม่ได้หยุดเลย อารมณ์ความรู้สึกนับไม่ถ้วนปริ่มล้นที่สะกดกลั้นเอาไว้ในใจดูเหมือนจะไม่อาจหาทางออกได้ เย่เสวียนถิงจึงได้แต่ยืนทื่ออยู่ตรงนั้น ถึงแม้ซูชิงอู่หาได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่เย่เสวียนถิงกำลังครุ่นคิดอยู่ ทว่ายามนี้นางกลับมีความสุขยิ่งนัก ขอเพียงนางได้เห็นบุรุษผู้นี้อยู่ตรงหน้า นางก็รู้สึกสบายใจเป็นที่สุดแล้ว อารมณ์ร้อนรนกระวนกระวายใจทั้งมวลของนางที่สุดก็มลายสิ้น ราวกับว่าบรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่ยากที่คนนอกจะเข้ามาแทรกกลางได้ ทว่าในยามนี้เอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังรบกวนบรรยากาศในห้องโถง จากนั้นเสียงขององค์ชายสาม เย่อวิ๋นถูก็ดังขึ้นมาจากนอกประตู "ชิงอู่!" ท่าทียามเขาร้องเรียกซูชิงอู่ช่างแลดูคลุมเครือนัก ซูชิงอู่ที่อยู่ในโถงหลักหันหน้าไปมองโดยไม่รู้ตัว นางเห็นซูเชียนหลิงตามรั้งท้ายกลับมาพร้อมองค์ชายสามเย่อวิ๋นถู ก่อนที่เขาจะเดินมาหานาง

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 11

    สีหน้าเย่อวิ๋นถูผกผันเร็วพลันนัยน์ตาเขาประกายวับ แต่เสียงกลับนุ่มนวลเล็กน้อย“ชิงอู่ เจ้ายังโกรธข้าอยู่หรือ?”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว “ข้าโกรธอันใดท่าน?”เย่หวิ๋นถูถอนหายใจ “เรื่องถอนหมั้นเป็นเสด็จแม่ข้าดำเนินการ เจ้าก็รู้นิสัยเสด็จแม่ข้า นางไม่ให้ข้าแต่งกับสตรีที่เสียแต้มพรหมจรรย์เป็นพระชายา”“แต่ใจข้าไม่เคยรังเกียจเจ้าแม้ครึ่งส่วน ภายหลังถอนหมั้นจึงไปคุกเข่าวอนเสด็จแม่ ในที่สุดพระองค์ก็อนุญาตให้ข้ารับเจ้าเป็นอนุภรรยา...”สายตาเย่อวิ๋นถูมองเย่เสวียนถิงด้วยสายตาไม่พอใจและโกรธความชิงชังประเภทนั้นคล้ายจะทะลักออกก็ไม่ปานเมื่อได้ยินวาจาดังกล่าว ซูชิงอู่ก็เกือบจะหัวเราะออกมาแต่ทันทีหลังจากนั้น สีหน้านางก็เคร่งขรึมขึ้นชาติก่อนนางช่างใสซื่อหลอกลวงได้ง่ายโดยแท้ เป็นคุณหนูอ่อนหัดไม่ทันความโหดเหี้ยมของใจใครต่อใคร หลงเชื่อถ้อยคำเขา ทึกทักไปว่าเย่เสวียนถิงทำลายลาภของนาง!ไม่ได้ใช้สมองที่ติดตัวมาฉุกคิดเลยสักนิด นางคือบุตรีภรรยาเอกแห่งจวนอัครเสนาบดี เกิดมาก็มีฐานะเป็นทายาทตระกูลสูงศักดิ์ เหตุใดต้องไปเป็นอนุภรรยาใคร?เจ้าเย่อวิ๋นถูมีสิทธิ์อะไร?!สิทธิ์ที่เขาหน้าหนา?สิทธิ์ที่เขาเจ้าอารมณ์

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 12

    หากไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ก็คงดี เพลิงพิโรธของซูชิงอู่คงไม่พุ่งขึ้นกะทันหันเช่นนี้นางกอดคนในอ้อมแขนแน่น แนบแก้มตัวเองบนหลังเขา อนึ่งคิดจะใช้วิธีแบบนี้ขจัดความว้าวุ่นกับความหวาดหวั่นในใจอีกฝ่ายนางกล่าวต่อด้วยท่าทีเข้มแข็ง “หม่อมฉันไม่ยอมให้ท่านตรัสใส่ไคล้เขา!”สองมือเย่เสวียนถิงกดลงบนข้อมือซูชิงอู่เดิมทีเขาหมายจะคลายมืออีกฝ่ายออก แต่เมื่อได้ยินถ้อยคำของซูชิงอู่จึงหยุดกิริยานั้นไออุ่นจากสตรีด้านหลังทำเขารู้สึกหลงใหล พลางหัวใจเยือกเย็นสงบลงไปด้วยดวงตาเย่อวิ๋นถูเยือกเย็นในพริบตาหัวคิ้วขมวดมุ่น นัยน์ตามองซูชิงอู่พินิจละเอียดหลายส่วน“ชิงอู่ ไม่นึกว่าเจ้าจะออกหน้าแทนเขา หรือว่าเจ้าลืมแล้วว่ามารดาเจ้าสิ้นเพราะเหตุใด?”ซูชิงอู่เงยหน้าขึ้น ยื่นศีรษะออกจากแผ่นหลังเย่เสวียนถิงพลางหัวเราะเย้ยหยันใส่เย่อวิ๋นถู “ไม่จำเป็นต้องให้พระองค์เตือนสติ หม่อมฉันไม่กล้าลืมแม้สักวันเดียวตลอดหลายปีที่ผ่านมา!”เย่อวิ๋นถูซักถาม “ในเมื่อเจ้าไม่ลืม แล้วตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? สนิทชิดเชื้อกับฆาตกรที่สังหารแม่เจ้าอย่างนี้น่ะหรือ?”ถ้าซูชิงอู่ไม่รู้ความจริง เกรงว่าคงหลงเชื่อเย่อวิ๋นถูไปแล้วหลายประโยคก

บทล่าสุด

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 930

    คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 929

    หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 928

    ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 927

    เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 926

    เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 925

    เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 924

    ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 923

    หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 922

    “นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status