Share

บทที่ 12

หากไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ก็คงดี เพลิงพิโรธของซูชิงอู่คงไม่พุ่งขึ้นกะทันหันเช่นนี้

นางกอดคนในอ้อมแขนแน่น แนบแก้มตัวเองบนหลังเขา อนึ่งคิดจะใช้วิธีแบบนี้ขจัดความว้าวุ่นกับความหวาดหวั่นในใจอีกฝ่าย

นางกล่าวต่อด้วยท่าทีเข้มแข็ง “หม่อมฉันไม่ยอมให้ท่านตรัสใส่ไคล้เขา!”

สองมือเย่เสวียนถิงกดลงบนข้อมือซูชิงอู่

เดิมทีเขาหมายจะคลายมืออีกฝ่ายออก แต่เมื่อได้ยินถ้อยคำของซูชิงอู่จึงหยุดกิริยานั้น

ไออุ่นจากสตรีด้านหลังทำเขารู้สึกหลงใหล พลางหัวใจเยือกเย็นสงบลงไปด้วย

ดวงตาเย่อวิ๋นถูเยือกเย็นในพริบตา

หัวคิ้วขมวดมุ่น นัยน์ตามองซูชิงอู่พินิจละเอียดหลายส่วน

“ชิงอู่ ไม่นึกว่าเจ้าจะออกหน้าแทนเขา หรือว่าเจ้าลืมแล้วว่ามารดาเจ้าสิ้นเพราะเหตุใด?”

ซูชิงอู่เงยหน้าขึ้น ยื่นศีรษะออกจากแผ่นหลังเย่เสวียนถิงพลางหัวเราะเย้ยหยันใส่เย่อวิ๋นถู “ไม่จำเป็นต้องให้พระองค์เตือนสติ หม่อมฉันไม่กล้าลืมแม้สักวันเดียวตลอดหลายปีที่ผ่านมา!”

เย่อวิ๋นถูซักถาม “ในเมื่อเจ้าไม่ลืม แล้วตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? สนิทชิดเชื้อกับฆาตกรที่สังหารแม่เจ้าอย่างนี้น่ะหรือ?”

ถ้าซูชิงอู่ไม่รู้ความจริง เกรงว่าคงหลงเชื่อเย่อวิ๋นถูไปแล้วหลายประโยค

การตายของมารดาเป็นปมทางใจใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ของซูชิงอู่

ตอนห้าขวบ นางได้พบศพอันน่าสะพรึงของมารดา เมื่อนั้นนางสาบานว่าจะผันแค้นเป็นแรงผลักดันเพื่อท่านแม่

แต่ไม่รู้ตัวฆาตกรที่แท้จริง ไม่มีเบาะแสใด ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ฉะนั้นชาติก่อน เย่เสวียนถิงผู้นั้นถูกท่านแม่ช่วยชีวิตไว้ จึงกลายเป็นเป้าหมายระบายแค้นเดียวของนาง

นางเคยเห็นเย่เสวียนถิงวัยแปดขวบคุกเข่ากลางหิมะทั้งวันทั้งคืน เพียงเพื่อขอให้นางอภัยให้

และได้เห็นเย่เสวียนถิงทำตามที่นางบอก บุกเข้าเขาลึกเพียงลำพัง เอาหนังพยัคฆ์ขาวชั้นดีกลับมาให้นางพร้อมบาดแผลทั่วร่าง…

ทว่าสุดท้ายแล้ว นางก็เผาหนังพยัคฆ์ผืนนั้นต่อหน้าเขากับมือ…

ซูชิงอู่หลุบตาลง ขนตาไหวแผ่ว

ปวดหัวใจเจียนตาย…

“หม่อมฉันรู้แล้วว่าผู้ใดคือฆาตกรตัวจริง”

ท่าทีเย่อวิ๋นถูแข็งทื่อในบัดดล

สำหรับซูชิงอู่นางกระจ่างใจอย่างชัดเจน จุดนี้ยันยืนได้แล้ว

เย่อวิ๋นถูที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิงในปีนั้นเป็นตัวการสังหารมารดาของนาง

ความชิงชังที่ปักหลักฝังรากในใจพรั่งพรูขึ้นเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม ซูชิงอู่กลับมองเขาสงบสุขุม “หม่อมฉันพบหลักฐานและพิสูจน์ได้ว่าฆาตกรไม่ใช่เย่เสวียนถิง หม่อมฉันจึงขออยู่กับเขา ไม่ว่าอะไรก็ขวางหม่อมฉันไม่ได้!”

“ซูชิงอู่!”

เย่อวิ๋นถูเดือดดาล

เขาเพิ่งแสดงความโกรธเช่นนี้เป็นครั้งแรก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นเล็กน้อย

ซูเชียนหลิงแอบดูละครที่เหนือคาดอยู่ด้านหลังมาตลอด เดิมทีนางคิดว่าหลังซูชิงอู่เห็นเย่อวิ๋นถูจะเปลี่ยนทัศนคติ และหันไปแว้งกัดเย่เสวียนถิงเสียอีก…

แต่ผลลัพธ์กลับเกินความคาดหมาย

แต่ซูชิงอู่นับว่าทัศนคติเปลี่ยนไปจริง ๆ ทว่ากลับไม่ได้แว้งกัดเย่เสวียนถิง หากแต่เป็น…เย่อวิ๋นถูแทน!

นี่เป็นไปได้เช่นไร?!

คนทั่วเมืองหลวงต่างรู้แจ้งว่าซูชิงอู่ชอบเย่อวิ๋นถู ชอบจนแทบบ้า…

ครั้นวัยเยาว์นางมักติดตามข้างกายเย่อวิ๋นถูไล่ตามหลังเขาอย่างหน้าไม่อาย เย่อวิ๋นถูให้นางทำอะไร นางก็จะทำตามอย่างเชื่อฟัง

สองตาเย่อวิ๋นถูจ้องมองซูชิงอู่เขม็ง พลางกล่าวอย่างมีโทสะ “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไร้ยางอาย ทำตัวเป็นดอกไม้ริมทาง เปลี่ยนใจรักคนอื่นไวปานนี้! ดูเหมือนที่ชาวบ้านพูดกันว่าเจ้าจงใจมั่วกับชายป่าเถื่อนถึงขั้นเสียตัว…”

เสียงของเย่อวิ๋นถูหยุดกะทันหัน

เพราะหมัดเย่เสวียนถิงเคลื่อนไหว

เขาชกเข้าที่ใบหน้าของเย่อวิ๋นถูหนึ่งหมัดอย่างไม่หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย ถ้อยคำระคายหูที่ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยถูกอุดไว้ในลำคอ…

“ฝ่าบาท!”

ซูเชียนหลิงร้องตระหนกพลันพุ่งไปหมายจะผลักเย่เสวียนถิงออก

ทว่ายังไม่ทันรอให้นางได้แตะปลายเสื้อของเย่เสวียนถิงก็ถูกซูชิงอู่ถีบหงายพื้นไปหนึ่งบาทา

ความอุตลุดปะทุขึ้นนอกประตูวังทันที…

ณ พระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน

ฮ่องเต้เย่ซ่วนนวดหน้าผาก สองตาหรี่มองทั้งสี่ที่คุกเข่าเรียงกันด้านล่าง

คู่เข้าใหม่ปลามันสองคน คนหนึ่งเป็นองค์ชาย คนหนึ่งเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนอัครเสนาบดี

สีหน้าฮองเฮาที่อยู่ข้าง ๆ เย็นชาสุดขีด สองตาจ้องเย่เสวียนถิงอย่างโกรธขึ้ง วาจาเครือเนื่องความโกรธสุมล้นอก

ทั้งตัวนางช่างสูงศักดิ์ล้ำค่า ปิ่นหงส์บนเศียรไหวแผ่วเพราะการเคลื่อนไหวของนาง

“ฝ่าบาท ทรงทอดพระเนตรสิเพคะ ช่างไม่เหมาะไม่ควรนัก พระราชโอรสของท่านถูกต่อยจนสภาพเป็นเช่นไรไปแล้ว? อ๋องเสวียนเป็นเพียงนักรบ ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง!”

บรรดาคนทั้งสี่ที่คุกเข่าในเหตุการณ์ มีเพียงเย่เสวียนถิงที่ปกคอเสื้อยับยู่ยี่นิด ๆ หลังมือเปรอะโลหิตของเย่อวิ๋นถูเล็กน้อย

แม้แต่เส้นผมของซูชิงอู่ก็ยังอยู่ทรงสวย

ทว่าอีกสองคนไม่โชคดีเช่นนั้น ใบหน้าของเย่อวิ๋นถูเขียวช้ำบวมเหมือนหมู ใบหน้าไม่เหลือเค้าโครงเดิม ทำเอาคนเห็นจำหน้าเขาไม่ได้ไปเสียแล้ว…

ซูเชียนหลิงก็ไม่ต่างกัน ทั้งอาภรณ์ที่สวมเปรอะดินโคลนทั่ว มีรอยนิ้วกับริ้วฝ่ามือหลายแห่งบนใบหน้า ไม่ต้องเทียบก็รู้ว่านั่นคือฝ่ามือของผู้ใด

ผู้ใดจะคิดว่าคนทั้งสี่ซึ่งมีอัตลักษณ์โดดเด่นจะโรมรันกันแถวตำหนักของพระชายาเช่นนี้!

เมื่อคนในวังเห็นต่างตกใจขวัญกระเจิง…

เมื่อซูชิงอู่ได้ยินคำพูดฮองเฮาก็เชิดคางขึ้นพลางกล่าวว่า “ฝ่าบาท ชิงอู่กับอ๋องเสวียนรู้ตัวว่าผิด ทว่าองค์ชายสามกับซูเชียนหลิงเริ่มก่อนนะเพคะ”

เมื่อซูเชียนหลิงได้ยินวาจาคราวนี้ของซูชิงอู่ อารามเปิดปากแก้ต่าง “ฝ่าบาท ฮองเฮา พระองค์ทั้งสองทรงโปรดตัดสินเพื่อหม่อมฉันกับองค์ชายสามด้วยเถิดเพคะ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาลงมือก่อนเพคะ!”

เย่อวิ๋นถูขอแต่ได้เปิดปากแผลที่มุมปากพลันเจ็บขึ้นหน่อย ๆ ทำสีหน้าเขาดูดุร้ายอยู่บ้าง

แต่ทว่าไฟโทสะในใจเขาท่วมท้นออกมาแล้ว “เสด็จพ่อ เสด็จพี่รองลงไม้ลงมือต่อข้าในวังโดยไร้เหตุ ไม่เห็นกฎของวังหลวงในสายตา พฤติกรรมอย่างนี้ผิดมหันต์ เขาไม่เห็นเสด็จพ่อในสายตาเลย!”

แต่เดิมเย่อวิ๋นถูเจ้าโวหารเป็นนิตย์ ยามปกติด้วยเพราะวาจาไพเราะนั้นจึงได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ครั้นบัดนี้มุ่งมั่นเพื่อผลประโยชน์เจ้าตัว ก็ยิ่งทุ่มทักษะเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ส่วนฝ่ายนี้ เย่เสวียนถิงชายผู้ไร้วาทศิลป์มีแค่การกระทำเสียเปรียบอย่างชัดเจน

เมื่อชาติก่อน ซูชิงอู่กลับเต็มใจดูเย่เสวียนถิงนิ่งเงียบไม่แก้ต่างให้ตัวเองแล้วโดนลงโทษทีหลัง แต่ตอนนี้นางจะไม่ยอมให้ชายคนนี้เสียเปรียบอีกต่อไป!

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status