ยังไม่วายให้ฮ่องเต้ตอบสนอง ซูชิงอู่เชิดคางเล็กน้อย เบ้าตาแดงก่ำหยาดน้ำตาหมุนวนด้านในหางตาโดยไม่ยอมหลั่งลงการแสดงออกถึงความคับข้องใจขีดสุดเช่นนี้ของนางทำให้วาจาพระองค์จุกแน่นอยู่ในลำคอฉับพลันฮ่องเต้อดเปลี่ยนประเด็นไม่ได้ พลางเอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”อาจเป็นเพราะไม่ตรภาพครั้งเยาว์วัยระหว่างพระองค์กับมารดาของนาง ฮ่องเต้จึงโอบอ้อมอารีซูชิงอู่เป็นพิเศษแม้จะไม่อาจเข้าข้างได้ชัดเจนนัก แต่อย่างไรซูชิงอู่ก็ไม่น้อยหน้าบรรดาองค์หญิงชนชั้นเจ้าซูชิงอู่เป็นคนค่อนข้างมีชื่อในแวดวงบุตรีเหล่านั้นในเมืองหลวงไม่เพียงการหมั้นหมายที่ฮองเฮาเตรียมไว้สำหรับนางและองค์ชายสามเท่านั้น ยังมีความลำเอียงของฮ่องเต้ด้วยเสียงซูชิงอู่เครือแผ่วค่อย ๆ ส่งออกจากกล่องเสียง “ฝ่าบาทเพคะ ได้โปรดอย่าโทษท่านอ๋องเลย เป็นเพราะหม่อมฉัน ท่านอ๋องถึงได้ลงมือ หากพระองค์จะลงโทษก็ลงโทษหม่อมฉันแต่เพียงผู้เดียวเถิดเพคะ หากองค์ชายสามไม่เอ่ยเรื่องน่ารังเกียจออกมา องค์ชายก็คงจะไม่ทรงกริ้ว หม่อม…หม่อมฉัน…”สองตาฮ่องเต้หรี่ขึ้นฉับพลันเขากวาดมองร่างเย่อวิ๋นถูกับเย่เสวียนถิงเฉียบคม จากนั้นถามว่า “องค์ชายสามตรัสว่าอันใด?”
ความดูถูกและเหยียดหยามฉายชัดในแววตาของนางซูเชียนหลิงเห็นเย่อวิ๋นถูโดนลงโทษเช่นนั้น นางก็อดเครียดขึ้นมิได้ หวั่นว่าต่อไปโชคร้ายจะตกมาที่ตนด้วยแต่คำภาวนาของนางกลับไม่ส่งผลซูชิงอู่จะลืมนางไปได้อย่างไร?ทันใดนั้นนางเปิดปากอีกว่า “ฝ่าบาท ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้หม่อมฉันคือพระชายาอ๋องเสวียน แต่พี่สาวหม่อมฉันนางกลับจงใจลงมือตบตีหม่อมฉัน ฝ่าบาทโปรดตัดสินให้ชิงอู่ด้วยเถอะเพคะ!”ฮ่องเต้ตำหนิองค์ชายสามไปพักหนึ่ง เพลิงโทสะคราวนี้ก็ลดลงมิน้อยแล้วเขาพูดกับซูชิงอู่ใจเย็นอ่อนโยนว่า “อย่างไรนางก็เป็นพี่สาวเจ้า แต่ข้าจะแจ้งอัครเสนาบดีให้เขามาจัดการเรื่องนี้ เจ้าว่าเช่นไร?”ซูชิงอู่ผงกศีรษะตอบอย่างเฉียบแหลม “ชิงอู่เชื่อฟังฝ่าบาทเพคะ”ซูชิงอู่รู้ขีดจำกัดของฮ่องเต้ความฉลาดกมีได้ แต่จะเนรคุณเขาไม่ได้อนาคตยังอีกยาวไกล นางจะไม่รีบร้อนตอนนี้ไหล่ของนางไหวแผ่ว เสียงสะอื้นน้อย ๆ ชวนคนสงสารได้เป็นพิเศษประหนึ่งได้รับความไม่เป็นธรรมครั้งใหญ่เย่เสวียนถิงที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ นางเห็นกิริยานี้ของนางก็ไม่อาจดับเพลิงโทสะในแววตาได้หากฮ่องเต้ไม่อยู่ที่นี่และมีคนในวังเฝ้าไม่มาก เกรงว่าเขาคงฟาดเย่อวิ๋นถูอย่าง
คำขอดังกล่าวช่างสมเหตุสมผลแต่กลับยากกว่าการใช้ฝ่ามือตบหน้าซูเชียนหลิงกับเย่อวิ๋นถูตรง ๆ เสียอีกเย่อวิ๋นถูหรี่ตาดอกท้อคู่นั้นเล็กน้อย สายมองทางเย่เสวียนถิงอย่างไม่เป็นไม่ตร“อ๋องเสวียน เจ้า…”“ข้ารู้สึกว่าอ๋องเสวียนตรัสมีเหตุผล”ฮ่องเต้เปิดปากฉับพลัน ทันใดนั้นบรรยากาศรอบ ๆ ก็เงียบสงัดเขาถอนหายใจ “อวิ๋นถู อย่างไรตอนนี้ซูชิงอู่ก็เป็นพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าตรัสวาจาลบหลู่สมควรขอโทษขอโพยเสีย ข้าจักเป็นสักขีพยานให้ นางหนูชิงอู่น่าจะเห็นแก่หน้าข้าอภัยให้เจ้า เจ้าก้มหัวพูดนุ่มนวลขอโทษขอโพยนางเถอะ”ปรางแก้มฮองเฮาขึ้นสีระเรื่อ “ฝ่าบาท อย่างไรอวิ๋นถูก็เป็นถึงองค์ชาย ท่านกลับให้เขาขออภัยสตรี พูดไปแล้วก็เป็นท่านที่ต้องขายหน้าไปด้วย…”ฮ่องเต้ปรายมองฮองเฮา “เขาพูดไม่ดีทำเรื่องผิดเองก็สมควรรับโทษ บุรุษผู้หนึ่งจะขออภัยคนมีอันใดน่าขายหน้า?”เย่อวิ๋นถูดูก็รู้ว่าไม่มีทางพลิกสถานการณ์เรื่องนี้ได้แล้วเขาหายใจเข้าลึก ๆ ลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นเดินไปตรงหน้าซูชิงอู่เย่เสวียนถิงจับแขนเสื้อซูชิงอู่ไว้พลางประคองให้นางลุกขึ้นครั้นมองคนทั้งสองที่ใบหน้าเเขียวช้ำบวมเหมือนหมู ซูชิงอู่ก็แอบหัวเราะในใจ แต่กล
จากนั้นดวงหน้างามละเอียดดวงนั้นเงยขึ้นถามว่า “ท่านว่าหม่อมฉันเป็นหญิงใคร่กามไม่ใช่หรือ?”สีหน้าเย่อวิ๋นถูชะงัก เปิดปากอธิบายโดยไม่รอช้า “นั่นคือคำพูดยามโกรธชั่วขณะ ต้องโทษข่าวโคมลอยพวกนั้น…”ซูชิงอู่เไม่นเขา “แต่หม่อมฉันคอยซักถามตลอด มีคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหม่อมฉันไม่มาก บิดาของหม่อมฉันปิดข่าวตั้งแต่แรก ๆ แต่อยู่ ๆ ข่าวแพร่ไปทั่วเมืองได้อย่างไรกัน?”อากัปกิริยาของหลายคนในเหตุการณ์แข็งทื่อเล็กน้อยนางกวาดตามองซูชิงอู่กับเย่อวิ๋นถู ทันใดนั้นก็เม้มมุมริมฝีปาก สายตาเฉียบคมส่อประกายมีชัย“ท่านอ๋องเป็นพยานได้ว่าหม่อมฉันไม่เคยเสียความบริสุทธิ์ให้ใคร อีกอย่างไม่นานมานี้ก็ยืนยันได้แล้วว่าแต้มพรหมจรรย์ไม่ใช่ตัวพิสูจน์พรหมจารีของสตรี เมื่อสักครู่ซูเชียนหลิงคงเคยเห็นการทดลองที่หม่อมฉันทำบนตัวท่านหญิงเสวี่ยอิ๋งกับตาแล้ว…”บางเรื่องไม่พูดดีกว่าพูด พอคิดแล้วก็รู้สึกน่ากลัววาจาซูชิงอู่ทำทั้งพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนเงียบสนิท สีหน้าฮองเฮากับซูเชียนหลิงตึงเครียดเล็กน้อยฮ่องเต้เลิกคิ้ว โชคดีที่เขาไม่ได้สืบสวนหัวข้อก่อนหน้านั้น แต่ถามใคร่รู้ว่า “การทดลองอันใด?”อย่างไรเสียในพระราชวังก็หูตาสั
ซูเชียนหลิงส่ายศีรษะ “หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ แค่เห็นซูชิงอู่จิ้มลงบนร่างท่านหญิงเสวี่ยอิ๋ง จากนั้นแต้มพรหมจรรย์ของนางก็…ก็หายไป…”เรื่องนี้ฟังดูค่อนข้างเหนือธรรมชาตินักฮ่องเต้มองฮองเฮาทั้งสองพลางสบตาต่างไม่รู้จะถามเช่นไรต่อซูเชียนหลิงพลันกล่าว “ที่หม่อมฉันพูดล้วนเป็นความจริง ขอฝ่าบาทเชื่อหม่อมฉันเถิดเพคะ!”ฮ่องเต้หรี่สองเนตรพลางถาม “ไม่ใช่ว่านางหนูเสวี่ยอิ๋งไปอยู่ชนบทแล้วทำมันเสียไปเองรึ?”คำพูดนี้ทำใจของซูเชียนหลิงใจตุ๊ม ๆ ต้อม ๆ สักพักนางคุกเข่ากับพื้นทันควัน “ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันเป็นพยานในจุดนี้ได้ ท่านหญิงเสวี่ยอิ๋งอยู่กับหม่อมฉันตลอด แต่ไหนมาไม่เคยออกนอกกรอบเลยเพคะ!”สีหน้าฮ่องเต้ยิ่งเยือกเย็นขึ้น “พาหลินเสวี่ยอิ๋งมา ข้าจะถามนางให้ละเอียด!”ในไม่ช้า ไม่เพียงหลินเสวี่ยอิ๋งมาพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน แม้แต่หมอหลวงก็ตามมาด้วยเช่นกันหมอหลวงซุนท่านนั้นเป็นหัวหน้าสถาบันแพทย์หลวงและอยู่ข้างกายฮ่องเต้นับหลายปี เป็นผู้อาวุโสที่ควรค่าให้ไว้ใจสีหน้าหลินเสวี่ยอิ๋งซีดดุจกระดาษ หลังเข้าประตูมาเห็นฮ่องเต้ ก็ร้องไห้ฉับพลัน“ฮ่องเต้…ขอให้ฝ่าบาทลงโทษซูชิงอู่ด้วย ไม่รู้ว่านางใช้อบายมุขอ
เดิมทีแต้มพรหมจรรย์คือพันธนาการของสตรีตอนนี้ซูชิงอู่นับว่าอาศัยกำลังส่วนตัวทำให้ฮ่องเต้ยกเลิกเครื่องจองจำนี้ลงได้ซูชิงอู่ถอนหายใจ รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเรื่องวุ่นวายของหลินเสวี่ยอิ๋งใหญ่โตนัก ในไม่ช้าก็กระจายไปทั่ว มีข่าวซุบซิบทุกประเภทภายในวังไม่เคยขาดอนาคตหากมีคนกล้าเอาเรื่องแต้มพรหมจรรย์มาพูดต่อหน้าซูชิงอู่อีก หลินเสวี่ยอิ๋งจะเป็นโล่ของนางเสียงร่ำไห้ของหลินเสวี่ยอิ๋งลดแผ่วลง ก่อนกล่าวอย่างคับข้องใจว่า “ฝ่าบาท แต่…”“แต่อะไร? ในเมื่อเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด ข้าก็ออกปากให้แล้ว แต้มพรหมจรรย์ก็หายสิ้นไปแล้ว”เพียงประโยคเดียวของฮ่องเต้ก็อุดปากหลินเสวี่ยอิ๋งเอาไว้ได้สีหน้านางดูแย่ลงทันที แต่เดิมไร้สีเลือดอยู่แล้วก็ทวีความซีดขึ้นอีกหลินเสวี่ยอิ๋งจ้องซูชิงอู่อย่างเคียดแค้น ในใจอยากจะพุ่งไปบีบคอนางให้ตาย!ฮ่องเต้พูดออกมาเช่นนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร?กฎเกณฑ์ดังกล่าวมอมเมาผู้คนมานานหลายปี วันนี้เรื่องของนางถูกคนเปิดโปงแล้ว โอกาสที่นางจะได้ออกเรือนไปกับคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่อีกในอนาคตก็ถึงคราวหมดสิ้นลงเว้นแต่จะหาคนที่ไม่คิดหยุมหยิมอย่างเย่เสวียนถิงพบ…แต่ทว่าแคว้นหนานเ
“มือท่านเจ็บหรือไม่? บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? เย่อวิ๋นถูต่อยท่านที่ใด?”แม้จะทะเลาะกันเมื่อครู่ แต่ก็เป็นเขาถือไพ่เหนือกว่าอยู่ฝ่ายเดียวถึงแม้ขาเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่ฉายาราชันแห่งสงครามก็ไม่ใช่เพียงชื่อเกินจริงคนที่วรยุทธเหนือกว่าเขาใต้หล้า ใช้มือเดียวนับก็หมดแล้วแต่หน้าเย่เสวียนถิงปรากฏความประหลาดใจพลางมองดูซูชิงอู่ที่ตรวจมือเขาอย่างตั้งใจ แล้วเขาก็เข้าใจการกระทำนางเมื่อครู่ทันที“ข้า…”ลูกกระเดือกเขาขยับสักพัก สมองว่างเปล่าไม่รู้ว่าจะตอบออกไปเช่นไร“ข้าไม่เป็นไร ไม่ได้รับบาดเจ็บ…”ซูชิงอู่กล่าวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ถ้าเย่อวิ๋นถูบังอาจทำร้ายท่านแม้แต่ปลายเส้นผมล่ะก็ ข้าจักหั่นเขาเป็นแปดสับ สับให้เละเป็นโจ๊กทีเดียว!”วาจานี้นางมิใช่สักแต่จะพูดและมิได้ล้อเล่นด้วยแสงเย็นวูบขึ้นในดวงตาความป่าเถื่อนบังเกิดอย่างบ้าคลั่งและเหนือการควบคุมนิ้วมือของซูชิงอู่ไล่ตามข้อต่อนิ้วเรียวยาวและแข็งขืนของเย่เสวียนถิง หลังมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้รับบาดเจ็บจากการวิวาทกับเย่อวิ๋นถูจึงถอนหายใจอย่างนึกโล่งอก“ไม่บาดเจ็บจริงด้วย…ไม่ถูกต้อง ตรงนี้ผิวแตกนิดหน่อย!”ซูชิงอู่คล้ายค้นพบบางอย่าง ฉ
ขณะนี้แม่เฒ่าอูกำลังนั่งอยู่ห้องรับแขก ใบหน้านางแก่ชรา ดูราวกับอายุหกสิบกว่าปีสันหลังค่อมน้อย ๆ แค่การแต่งตัวกลับประณีต คนก็ดูท่าเข้มงวดขึงขังเย่เสวียนถิงมาอยู่กับซูชิงอู่ในห้องรับแขก“หม่อมฉันขอเข้าเฝ้าท่านอ๋อง เยี่ยมคารวะพระชายาเพคะ”แม่เฒ่าอูมีมารยาทไม่ขาดตกบกพร่องซูชิงอู่มีความเกรงใจหลายส่วนต่อแม่นมผู้นี้ ยิ่งกว่านั้น นางคือตัวแทนท่านย่านาง“แม่เฒ่าอูมาหาข้าที่นี่ มีเรื่องใดหรือ?”แม่เฒ่าอูก็ไม่อ้อมค้อมเช่นกัน “หม่อมฉันได้ยินว่าเกิดเรื่องกับแม่นมหลิน ดังนั้นเลยมาเยี่ยมนางโดยเฉพาะ อย่างไรนางก็เป็นคนชราทำงานในจวนมาหลายปี แม้จะออกจากจวนอัครเสนาบดีแล้ว ถึงอย่างไรก็ยังมีไมตรีอยู่บ้างเพคะ”ซูชิงอู่พยักหน้าอมยิ้ม “ที่ท่านพูดนั้นนับว่าไม่ผิด แถมนางยังเป็นแม่นมของข้าด้วย นับว่าโตมากับการกินน้ำนมของนาง บุญคุณส่วนนี้ข้าย่อมจารึกในหัวใจ เพียงแต่…”นางหยุดชะงักไปพักหนึ่งแม่เฒ่าอูต้อนถามทันที “เพียงแต่อันใด?”ซูชิงอู่ถอนหายใจหลุบตาลง บนหน้านางเผยอารมณ์แค้นเคืองปนสร้อยเศร้าหลายส่วน “ความจริงใจของข้า นางกลับทิ้งขว้าง แต่เล็กจนโตท่านคิดว่าข้าปฏิบัติต่อแม่นมหลินเช่นไร? กลายเป็นเลี้ยงด