Share

บทที่ 9

Author: วิ๋นเจิง
ซูเชียนหลิงร้อนใจเพราะเกรงว่าหลินเสวี่ยอิ๋งจะโทษว่าเป็นความผิดของตน ดังนั้นจึงรีบไล่ตามออกไป

เมื่อซูชิงอู่เห็นหลินเสวี่ยอิ๋งตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ นางก็เลิกคิ้วแทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

เมื่อเห็นเย่เสวียนถิงที่อยู่ข้าง ๆ กำลังมองมาที่นาง ซูชิงอู่ก็รีบปั้นหน้าเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า "ยามที่มาถึง ชะรอยท่านหญิงคงจะมีอาการท้องเสียเป็นแน่"

เย่เสวียนถิงถอนสายตากลับโดยไม่ได้เอ่ยวาจาใด

อันที่จริงแล้วซูชิงอู่ใช้เข็มเงินร่วมกับการฝังเข็มเพื่อช่วยขับพิษให้แก่หลินเสวี่ยอิ๋ง

แต้มพรหมจรรย์ที่ว่าเป็นแค่แผนการที่ใช้ควบคุมสตรีก็เท่านั้น

เมื่อขับพิษออกไปแล้ว ย่อมส่งผลข้างเคียงบางอย่าง

ในเมื่อหลินเสวี่ยอิ๋งถูกหามออกไปแล้ว ซูเชียนหลิงที่มาพร้อมกับหลินเสวี่ยอิ๋งย่อมไร้เหตุผลให้อยู่ที่นี่อีกต่อไป

ซูชิงอู่มองดูเงาร่างที่กำลังล่าถอยกลับไปพร้อมรอยยิ้มขม

นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าท่านหญิงผู้นี้จัดฉากเล่นงานตน?

แม้แต่ความคิดเรื่องสมุดภาพเหล่านั้นก็น่าจะเป็นแผนการของอีกฝ่ายเช่นกัน

ซูเฟยสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ แล้วจิบน้ำชาไปหลายอึกกว่าจะระงับอาการคลื่นเหียนลงได้

ใบหน้างามประณีตกลับซีดขาวเล็กน้อย พระนางเหลือบมองซูชิงอู่กับเย่เสวียนถิงพลางถอนหายใจด้วยความจนใจเล็กน้อย

"เสวียนถิง แม่อยากรู้ความจริง ผ้าซับเลือดพรหมจรรย์เป็นของจริงใช่หรือไม่?"

เย่เสวียนถิงตอบโดยไม่ได้ลังเลใจสักนิดว่า "พ่ะย่ะค่ะ"

เมื่อซูเฟยได้ยินเช่นนี้ก็สีหน้าผ่อนคลายลงบ้าง จากนั้นสายตาก็ทอดมองมาที่สมุดภาพที่บังเอิญหล่นลงกับพื้นระหว่างที่ปะทะคารมกัน

"แต่สมุดภาพเล่มนี้..."

เย่เสวียนถิงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งว่า "พรุ่งนี้ลูกจะทำให้ของพรรค์นี้หายไปจนสิ้นเอง"

ซูเฟยเข้าใจถึงเจตนาปกป้องอันแรงกล้าในวาจาของเย่เสวียนถิง

"ต่อให้ไม่หามีสิ่งนี้ ทุกคนก็พูดกันไปทั่วไม่ใช่หรือ?"

เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นพร้อมสายตาเฉียบขาด "มันผู้ใดกล้าเอ่ยให้ลูกได้ยิน ลูกจะไปเยือนหามันด้วยตนเองเลยพ่ะย่ะค่ะ"

สายตาของเขาทำให้ซูเฟยถึงกับใจเต้นรัว

เดิมทีพระนางคิดจะพูดอะไรอีกสักหน่อย แต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก

ถ้าหากพระนางสามารถขัดขวางไม่ให้ทั้งสองคนแต่งงานกันได้ พระนางก็คงจะทำไปตั้งนานแล้ว หาต้องรอคอนจนถึงยามนี้ไม่

ตอนนี้พวกเขาแต่งงานกันแล้ว พระนางจึงกล่าวอะไรไม่ได้

พระนางมองซูชิงอู่ด้วยสีหน้าขรึมเคร่ง "ข้าหวังว่าเจ้าจะคู่ควรแก่ความเป็นห่วงของเสวียนถิง ยิ่งไปกว่านั้น เสวี่ยอิ๋งก็หาได้มีเจตนาร้ายอันใดไม่ นางเพียงแค่เป็นกังวลเรื่องของเสวียนถิงจึงเอ่ยวาจาไร้มารยาทออกมา เจ้าอย่าได้ถือสานางเลย อย่างไรเสียนางก็เป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน แต้มพรหมจรรย์จึงมีความสำคัญต่อนางมาก ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยนำกลับคืนมาให้นางดังเดิม"

ซูชิงอู่เลิกคิ้วเล็กน้อย

ถึงแม้ว่านางจะเคารพซูเฟย เพราะพระนางคอยดูแลเย่เสวียนถิงเป็นอย่างดี

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะต้องเชื่อฟังอีกฝ่ายไปเสียทุกเรื่อง

"เรียนซูเฟย หม่อมฉันทำไม่ได้เพคะ"

"เจ้าว่าอันใดนะ?"

ซูเฟยหน้าพลันเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที จากนั้นพระนางก็มองซูชิงอู่ด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา

ซูชิงอู่เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า "ถ้าหากชิงอู่มีหนทางนำกลับคืนมาได้ ย่อมต้องนำกลับคืนมาให้ตนเองก่อน พระองค์ไม่คิดเช่นนั้นหรือเพคะ?"

นางเงยหน้าขึ้นมองซูเฟย

ซูเฟยรู้สึกสิ้นหวังสุดประมาณ

สีหน้าที่แต่เดิมแลดูมีเมตตา ยามนี้กลับเดือดดาลขึ้นมาบ้างแล้ว

อย่างไรเสียนั่นก็เป็นหลานสาวแท้ ๆ เพียงคนเดียวของพระนาง พระนางจะเอาแต่เฝ้ามองดูจุดจบของนางเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?

"ซูชิงอู่...เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงทำเรื่องแบบนั้นกับเสวี่ยอิ๋ง?!"

ซูชิงอู่ปั้นหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ยิ่ง "สามีเจ้าคะ เป็นท่านหญิงที่บอกว่านางไม่เชื่อ นางบอกเองว่าสตรีที่ไม่มีแต้มพรหมจรรย์ย่อมจะต้องแปดเปื้อนราคี เช่นนี้ไม่ใช่ว่านางต้องประสบพบพานเหตุการณ์เดียวกับข้าหรอกหรือเจ้าคะ?"

นางชะงักงันไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ยิ่งไปกว่านั้น ซูเฟยก็เชื่อว่าท่านหญิงไม่ได้บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว เพียงเพราะแต้มพรหมจรรย์หายไป นี่ใช่เรื่องสำคัญเช่นนั้นเลยหรือ?"

‘ใช่เรื่องสำคัญอันใดกันเช่นนั้นหรือ?’

'หากมีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้เข้า เกรงว่าหลินเสวี่ยอิ๋งคงจะไม่ได้ออกเรือนไปชั่วชีวิตแล้ว’

ในแคว้นหนานเย่แห่งนี้ บุตรชายตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลใดจะยอมแต่งงานกับสตรีที่ไม่อาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้เล่า...

ซูเฟยโมโหเสียจนทรวงอกกระเพื่อมไหว "จะ...เจ้า..."

นางกำนัลอาวุโสที่อยู่ข้างกายรีบเข้ามาประคองซูเฟยเอาไว้

ซูเฟยนวดหว่างคิ้วแล้วเบนสายตามาที่เย่เสวียนถิง

"เสวียนถิง อย่างไรเสียเสวี่ยอิ๋งเป็นน้องสาวของเจ้านะ เจ้าคงไม่อาจทนเห็นนางได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้กระมัง?"

เย่เสวียนถิงหลุบตาเล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "ผู้ใดที่บริสุทธิ์ก็ยังบริสุทธิ์อยู่วันยันค่ำ ลูกเชื่อว่าผู้ใดที่รักใคร่ญาติผู้น้องจากใจจริง ย่อมไม่ถือสาคำติฉินินทาของผู้อื่น"

ซูเฟยพูดไม่ออก "..."

นางโมโหมากเสียจนพูดไม่ออกแล้ว เพลิงโทสะในอกไม่อาจระบายออกมาได้

พระนางคิดว่าจะพูดเย่เสวียนถิงช่วยสั่งสอนซูชิงอู่เสียบ้าง แต่พระนางกลับไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะเป็นฝ่ายที่ถูกสั่งสอนเสียเอง

ซูชิงอู่งอนิ้วกำมือ

เมื่อเย่เสวียนถิงเอ่ยเช่นนี้ นางกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่บ้าง

ที่แท้เย่เสวียนถิงก็คิดเช่นนี้เอง

แม้จะต้องทนกับความเข้าใจผิดและข่าวลือของผู้คนนับไม่ถ้วน เขาก็ยังแต่งงานกับสตรีที่มีชื่อเสียงป่นปี้อย่างนาง

เขาค่อย ๆ ประคองนางเอาไว้กลางฝ่ามือ เพื่อดูแลปกป้องนางให้รอดพ้นจากโลกแสนโหดร้าย...

ซูเฟยไม่ได้โมโหเช่นนี้มานานแล้ว สีหน้าของพระนางจึงเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ

แต่เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ของเย่เสวียนถิง พระนางก็ได้แต่ข่มกลั้นโทสะแล้วหลับตาลง

"เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าเป็นถึงอ๋องแล้ว ข้าบังคับอันใดเจ้าไม่ได้อีกต่อแล้ว ทว่าเรื่องนี้ย่อมต้องล่วงรู้ถึงพี่ชายของข้า เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรก็สุดแท้แต่เจ้าแล้วกัน ข้าไม่ดื่มน้ำชาถ้วยนี้แล้ว ข้าเหนื่อย เจ้ากลับไปก่อนเถิด!"

ซูเฟยโบกมือไล่ จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าสู่ตำหนักใน

ซูชิงอู่ยืนตัวตรงแล้วหันไปมองหน้าของเย่เสวียนถิง

บุรุษผู้นั้นขมวดคิ้วหนาเล็กน้อย ทั้งยังมีประกายดำมืดซุกซ่อนอยู่ในแววตา

ริมฝีปากบางขบเม้มอยู่บ้าง โครงหน้าด้านข้างเผยเหลี่ยมมุมชัดเจน

เย่เสวียนถิงขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า "ข้าทำให้เจ้าต้องคับข้องใจเสียแล้ว"

ซูชิงอู่มองเขาแล้วหัวเราะ

"การคารวะซูเฟยเป็นสิ่งที่ข้าควรกระทำอยู่แล้ว ไฉนข้าต้องรู้สึกคับข้องใจด้วยเจ้าคะ? ตัวข้าก็หาได้มีชื่อเสียงดีงามอะไรติดตัว ย่อมเป็นธรรมดาที่ซูเฟยจะมีความคิดเป็นอื่นกับข้า เช่นนั้นข้าก็แค่อธิบายให้กระจ่างก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?"

ทว่าท่าทางยามที่นางอธิบายดูเหมือนจะทำให้ซูเฟยโกรธหนักกว่าเดิม

เย่เสวียนถิงยิ้มนิด ๆ พลางมองใบหน้ายิ้มแย้มของซูชิงอู่ รอยยิ้มนั้นชวนให้เขาจิตใจสั่นสะท้านอยู่บ้าง

เขายกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัวหมายจะสัมผัสดวงหน้าของซูชิงอู่ ทว่ากลับหยุดมือลงกลางคัน หลังจากสับสนอยู่ชั่วขณะ เขาก็ละมือลง

เพราะเขาเกรงว่าจะได้เห็นสายตารังเกียจของซูชิงอู่อีก

แต่ทันใดนั้น หลังมือของเขาเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้น

Related chapters

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 10

    มือนุ่มกดเข้ากับหลังมือของเขา จากนั้นก็ดึงฝ่ามือของเขามาประคองนวลแก้มของตน ซูชิงอู่เลิกคิ้วนิด ๆ พลางกล่าวว่า "หากท่านอยากจะสัมผัสก็เชิญเถิด ตอนนี้ข้าเป็นของท่านแล้วนี่เจ้าคะ" เย่เสวียนถิงพลันหูแดงก่ำ คล้ายว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของตนเต้นไม่ได้หยุดเลย อารมณ์ความรู้สึกนับไม่ถ้วนปริ่มล้นที่สะกดกลั้นเอาไว้ในใจดูเหมือนจะไม่อาจหาทางออกได้ เย่เสวียนถิงจึงได้แต่ยืนทื่ออยู่ตรงนั้น ถึงแม้ซูชิงอู่หาได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่เย่เสวียนถิงกำลังครุ่นคิดอยู่ ทว่ายามนี้นางกลับมีความสุขยิ่งนัก ขอเพียงนางได้เห็นบุรุษผู้นี้อยู่ตรงหน้า นางก็รู้สึกสบายใจเป็นที่สุดแล้ว อารมณ์ร้อนรนกระวนกระวายใจทั้งมวลของนางที่สุดก็มลายสิ้น ราวกับว่าบรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่ยากที่คนนอกจะเข้ามาแทรกกลางได้ ทว่าในยามนี้เอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังรบกวนบรรยากาศในห้องโถง จากนั้นเสียงขององค์ชายสาม เย่อวิ๋นถูก็ดังขึ้นมาจากนอกประตู "ชิงอู่!" ท่าทียามเขาร้องเรียกซูชิงอู่ช่างแลดูคลุมเครือนัก ซูชิงอู่ที่อยู่ในโถงหลักหันหน้าไปมองโดยไม่รู้ตัว นางเห็นซูเชียนหลิงตามรั้งท้ายกลับมาพร้อมองค์ชายสามเย่อวิ๋นถู ก่อนที่เขาจะเดินมาหานาง

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 11

    สีหน้าเย่อวิ๋นถูผกผันเร็วพลันนัยน์ตาเขาประกายวับ แต่เสียงกลับนุ่มนวลเล็กน้อย“ชิงอู่ เจ้ายังโกรธข้าอยู่หรือ?”ซูชิงอู่เลิกคิ้ว “ข้าโกรธอันใดท่าน?”เย่หวิ๋นถูถอนหายใจ “เรื่องถอนหมั้นเป็นเสด็จแม่ข้าดำเนินการ เจ้าก็รู้นิสัยเสด็จแม่ข้า นางไม่ให้ข้าแต่งกับสตรีที่เสียแต้มพรหมจรรย์เป็นพระชายา”“แต่ใจข้าไม่เคยรังเกียจเจ้าแม้ครึ่งส่วน ภายหลังถอนหมั้นจึงไปคุกเข่าวอนเสด็จแม่ ในที่สุดพระองค์ก็อนุญาตให้ข้ารับเจ้าเป็นอนุภรรยา...”สายตาเย่อวิ๋นถูมองเย่เสวียนถิงด้วยสายตาไม่พอใจและโกรธความชิงชังประเภทนั้นคล้ายจะทะลักออกก็ไม่ปานเมื่อได้ยินวาจาดังกล่าว ซูชิงอู่ก็เกือบจะหัวเราะออกมาแต่ทันทีหลังจากนั้น สีหน้านางก็เคร่งขรึมขึ้นชาติก่อนนางช่างใสซื่อหลอกลวงได้ง่ายโดยแท้ เป็นคุณหนูอ่อนหัดไม่ทันความโหดเหี้ยมของใจใครต่อใคร หลงเชื่อถ้อยคำเขา ทึกทักไปว่าเย่เสวียนถิงทำลายลาภของนาง!ไม่ได้ใช้สมองที่ติดตัวมาฉุกคิดเลยสักนิด นางคือบุตรีภรรยาเอกแห่งจวนอัครเสนาบดี เกิดมาก็มีฐานะเป็นทายาทตระกูลสูงศักดิ์ เหตุใดต้องไปเป็นอนุภรรยาใคร?เจ้าเย่อวิ๋นถูมีสิทธิ์อะไร?!สิทธิ์ที่เขาหน้าหนา?สิทธิ์ที่เขาเจ้าอารมณ์

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 12

    หากไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ก็คงดี เพลิงพิโรธของซูชิงอู่คงไม่พุ่งขึ้นกะทันหันเช่นนี้นางกอดคนในอ้อมแขนแน่น แนบแก้มตัวเองบนหลังเขา อนึ่งคิดจะใช้วิธีแบบนี้ขจัดความว้าวุ่นกับความหวาดหวั่นในใจอีกฝ่ายนางกล่าวต่อด้วยท่าทีเข้มแข็ง “หม่อมฉันไม่ยอมให้ท่านตรัสใส่ไคล้เขา!”สองมือเย่เสวียนถิงกดลงบนข้อมือซูชิงอู่เดิมทีเขาหมายจะคลายมืออีกฝ่ายออก แต่เมื่อได้ยินถ้อยคำของซูชิงอู่จึงหยุดกิริยานั้นไออุ่นจากสตรีด้านหลังทำเขารู้สึกหลงใหล พลางหัวใจเยือกเย็นสงบลงไปด้วยดวงตาเย่อวิ๋นถูเยือกเย็นในพริบตาหัวคิ้วขมวดมุ่น นัยน์ตามองซูชิงอู่พินิจละเอียดหลายส่วน“ชิงอู่ ไม่นึกว่าเจ้าจะออกหน้าแทนเขา หรือว่าเจ้าลืมแล้วว่ามารดาเจ้าสิ้นเพราะเหตุใด?”ซูชิงอู่เงยหน้าขึ้น ยื่นศีรษะออกจากแผ่นหลังเย่เสวียนถิงพลางหัวเราะเย้ยหยันใส่เย่อวิ๋นถู “ไม่จำเป็นต้องให้พระองค์เตือนสติ หม่อมฉันไม่กล้าลืมแม้สักวันเดียวตลอดหลายปีที่ผ่านมา!”เย่อวิ๋นถูซักถาม “ในเมื่อเจ้าไม่ลืม แล้วตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? สนิทชิดเชื้อกับฆาตกรที่สังหารแม่เจ้าอย่างนี้น่ะหรือ?”ถ้าซูชิงอู่ไม่รู้ความจริง เกรงว่าคงหลงเชื่อเย่อวิ๋นถูไปแล้วหลายประโยคก

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 13

    ยังไม่วายให้ฮ่องเต้ตอบสนอง ซูชิงอู่เชิดคางเล็กน้อย เบ้าตาแดงก่ำหยาดน้ำตาหมุนวนด้านในหางตาโดยไม่ยอมหลั่งลงการแสดงออกถึงความคับข้องใจขีดสุดเช่นนี้ของนางทำให้วาจาพระองค์จุกแน่นอยู่ในลำคอฉับพลันฮ่องเต้อดเปลี่ยนประเด็นไม่ได้ พลางเอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”อาจเป็นเพราะไม่ตรภาพครั้งเยาว์วัยระหว่างพระองค์กับมารดาของนาง ฮ่องเต้จึงโอบอ้อมอารีซูชิงอู่เป็นพิเศษแม้จะไม่อาจเข้าข้างได้ชัดเจนนัก แต่อย่างไรซูชิงอู่ก็ไม่น้อยหน้าบรรดาองค์หญิงชนชั้นเจ้าซูชิงอู่เป็นคนค่อนข้างมีชื่อในแวดวงบุตรีเหล่านั้นในเมืองหลวงไม่เพียงการหมั้นหมายที่ฮองเฮาเตรียมไว้สำหรับนางและองค์ชายสามเท่านั้น ยังมีความลำเอียงของฮ่องเต้ด้วยเสียงซูชิงอู่เครือแผ่วค่อย ๆ ส่งออกจากกล่องเสียง “ฝ่าบาทเพคะ ได้โปรดอย่าโทษท่านอ๋องเลย เป็นเพราะหม่อมฉัน ท่านอ๋องถึงได้ลงมือ หากพระองค์จะลงโทษก็ลงโทษหม่อมฉันแต่เพียงผู้เดียวเถิดเพคะ หากองค์ชายสามไม่เอ่ยเรื่องน่ารังเกียจออกมา องค์ชายก็คงจะไม่ทรงกริ้ว หม่อม…หม่อมฉัน…”สองตาฮ่องเต้หรี่ขึ้นฉับพลันเขากวาดมองร่างเย่อวิ๋นถูกับเย่เสวียนถิงเฉียบคม จากนั้นถามว่า “องค์ชายสามตรัสว่าอันใด?”

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 14

    ความดูถูกและเหยียดหยามฉายชัดในแววตาของนางซูเชียนหลิงเห็นเย่อวิ๋นถูโดนลงโทษเช่นนั้น นางก็อดเครียดขึ้นมิได้ หวั่นว่าต่อไปโชคร้ายจะตกมาที่ตนด้วยแต่คำภาวนาของนางกลับไม่ส่งผลซูชิงอู่จะลืมนางไปได้อย่างไร?ทันใดนั้นนางเปิดปากอีกว่า “ฝ่าบาท ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้หม่อมฉันคือพระชายาอ๋องเสวียน แต่พี่สาวหม่อมฉันนางกลับจงใจลงมือตบตีหม่อมฉัน ฝ่าบาทโปรดตัดสินให้ชิงอู่ด้วยเถอะเพคะ!”ฮ่องเต้ตำหนิองค์ชายสามไปพักหนึ่ง เพลิงโทสะคราวนี้ก็ลดลงมิน้อยแล้วเขาพูดกับซูชิงอู่ใจเย็นอ่อนโยนว่า “อย่างไรนางก็เป็นพี่สาวเจ้า แต่ข้าจะแจ้งอัครเสนาบดีให้เขามาจัดการเรื่องนี้ เจ้าว่าเช่นไร?”ซูชิงอู่ผงกศีรษะตอบอย่างเฉียบแหลม “ชิงอู่เชื่อฟังฝ่าบาทเพคะ”ซูชิงอู่รู้ขีดจำกัดของฮ่องเต้ความฉลาดกมีได้ แต่จะเนรคุณเขาไม่ได้อนาคตยังอีกยาวไกล นางจะไม่รีบร้อนตอนนี้ไหล่ของนางไหวแผ่ว เสียงสะอื้นน้อย ๆ ชวนคนสงสารได้เป็นพิเศษประหนึ่งได้รับความไม่เป็นธรรมครั้งใหญ่เย่เสวียนถิงที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ นางเห็นกิริยานี้ของนางก็ไม่อาจดับเพลิงโทสะในแววตาได้หากฮ่องเต้ไม่อยู่ที่นี่และมีคนในวังเฝ้าไม่มาก เกรงว่าเขาคงฟาดเย่อวิ๋นถูอย่าง

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 15

    คำขอดังกล่าวช่างสมเหตุสมผลแต่กลับยากกว่าการใช้ฝ่ามือตบหน้าซูเชียนหลิงกับเย่อวิ๋นถูตรง ๆ เสียอีกเย่อวิ๋นถูหรี่ตาดอกท้อคู่นั้นเล็กน้อย สายมองทางเย่เสวียนถิงอย่างไม่เป็นไม่ตร“อ๋องเสวียน เจ้า…”“ข้ารู้สึกว่าอ๋องเสวียนตรัสมีเหตุผล”ฮ่องเต้เปิดปากฉับพลัน ทันใดนั้นบรรยากาศรอบ ๆ ก็เงียบสงัดเขาถอนหายใจ “อวิ๋นถู อย่างไรตอนนี้ซูชิงอู่ก็เป็นพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าตรัสวาจาลบหลู่สมควรขอโทษขอโพยเสีย ข้าจักเป็นสักขีพยานให้ นางหนูชิงอู่น่าจะเห็นแก่หน้าข้าอภัยให้เจ้า เจ้าก้มหัวพูดนุ่มนวลขอโทษขอโพยนางเถอะ”ปรางแก้มฮองเฮาขึ้นสีระเรื่อ “ฝ่าบาท อย่างไรอวิ๋นถูก็เป็นถึงองค์ชาย ท่านกลับให้เขาขออภัยสตรี พูดไปแล้วก็เป็นท่านที่ต้องขายหน้าไปด้วย…”ฮ่องเต้ปรายมองฮองเฮา “เขาพูดไม่ดีทำเรื่องผิดเองก็สมควรรับโทษ บุรุษผู้หนึ่งจะขออภัยคนมีอันใดน่าขายหน้า?”เย่อวิ๋นถูดูก็รู้ว่าไม่มีทางพลิกสถานการณ์เรื่องนี้ได้แล้วเขาหายใจเข้าลึก ๆ ลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นเดินไปตรงหน้าซูชิงอู่เย่เสวียนถิงจับแขนเสื้อซูชิงอู่ไว้พลางประคองให้นางลุกขึ้นครั้นมองคนทั้งสองที่ใบหน้าเเขียวช้ำบวมเหมือนหมู ซูชิงอู่ก็แอบหัวเราะในใจ แต่กล

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 16

    จากนั้นดวงหน้างามละเอียดดวงนั้นเงยขึ้นถามว่า “ท่านว่าหม่อมฉันเป็นหญิงใคร่กามไม่ใช่หรือ?”สีหน้าเย่อวิ๋นถูชะงัก เปิดปากอธิบายโดยไม่รอช้า “นั่นคือคำพูดยามโกรธชั่วขณะ ต้องโทษข่าวโคมลอยพวกนั้น…”ซูชิงอู่เไม่นเขา “แต่หม่อมฉันคอยซักถามตลอด มีคนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหม่อมฉันไม่มาก บิดาของหม่อมฉันปิดข่าวตั้งแต่แรก ๆ แต่อยู่ ๆ ข่าวแพร่ไปทั่วเมืองได้อย่างไรกัน?”อากัปกิริยาของหลายคนในเหตุการณ์แข็งทื่อเล็กน้อยนางกวาดตามองซูชิงอู่กับเย่อวิ๋นถู ทันใดนั้นก็เม้มมุมริมฝีปาก สายตาเฉียบคมส่อประกายมีชัย“ท่านอ๋องเป็นพยานได้ว่าหม่อมฉันไม่เคยเสียความบริสุทธิ์ให้ใคร อีกอย่างไม่นานมานี้ก็ยืนยันได้แล้วว่าแต้มพรหมจรรย์ไม่ใช่ตัวพิสูจน์พรหมจารีของสตรี เมื่อสักครู่ซูเชียนหลิงคงเคยเห็นการทดลองที่หม่อมฉันทำบนตัวท่านหญิงเสวี่ยอิ๋งกับตาแล้ว…”บางเรื่องไม่พูดดีกว่าพูด พอคิดแล้วก็รู้สึกน่ากลัววาจาซูชิงอู่ทำทั้งพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนเงียบสนิท สีหน้าฮองเฮากับซูเชียนหลิงตึงเครียดเล็กน้อยฮ่องเต้เลิกคิ้ว โชคดีที่เขาไม่ได้สืบสวนหัวข้อก่อนหน้านั้น แต่ถามใคร่รู้ว่า “การทดลองอันใด?”อย่างไรเสียในพระราชวังก็หูตาสั

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 17

    ซูเชียนหลิงส่ายศีรษะ “หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ แค่เห็นซูชิงอู่จิ้มลงบนร่างท่านหญิงเสวี่ยอิ๋ง จากนั้นแต้มพรหมจรรย์ของนางก็…ก็หายไป…”เรื่องนี้ฟังดูค่อนข้างเหนือธรรมชาตินักฮ่องเต้มองฮองเฮาทั้งสองพลางสบตาต่างไม่รู้จะถามเช่นไรต่อซูเชียนหลิงพลันกล่าว “ที่หม่อมฉันพูดล้วนเป็นความจริง ขอฝ่าบาทเชื่อหม่อมฉันเถิดเพคะ!”ฮ่องเต้หรี่สองเนตรพลางถาม “ไม่ใช่ว่านางหนูเสวี่ยอิ๋งไปอยู่ชนบทแล้วทำมันเสียไปเองรึ?”คำพูดนี้ทำใจของซูเชียนหลิงใจตุ๊ม ๆ ต้อม ๆ สักพักนางคุกเข่ากับพื้นทันควัน “ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันเป็นพยานในจุดนี้ได้ ท่านหญิงเสวี่ยอิ๋งอยู่กับหม่อมฉันตลอด แต่ไหนมาไม่เคยออกนอกกรอบเลยเพคะ!”สีหน้าฮ่องเต้ยิ่งเยือกเย็นขึ้น “พาหลินเสวี่ยอิ๋งมา ข้าจะถามนางให้ละเอียด!”ในไม่ช้า ไม่เพียงหลินเสวี่ยอิ๋งมาพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน แม้แต่หมอหลวงก็ตามมาด้วยเช่นกันหมอหลวงซุนท่านนั้นเป็นหัวหน้าสถาบันแพทย์หลวงและอยู่ข้างกายฮ่องเต้นับหลายปี เป็นผู้อาวุโสที่ควรค่าให้ไว้ใจสีหน้าหลินเสวี่ยอิ๋งซีดดุจกระดาษ หลังเข้าประตูมาเห็นฮ่องเต้ ก็ร้องไห้ฉับพลัน“ฮ่องเต้…ขอให้ฝ่าบาทลงโทษซูชิงอู่ด้วย ไม่รู้ว่านางใช้อบายมุขอ

Latest chapter

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 930

    คนขายเนื้อทำสีหน้าหวาดกลัว “คนผู้นี้เลวทรามถึงเพียงนี้เลยรึ?”“เจ้าคอยระวังตัวเอาไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ทางนั้นตรวจดูเสร็จรึยัง? ไปกันต่อเถิด!”เมื่อกองกำลังทำการค้นหาเสร็จเรียบร้อย คนขายเนื้อก็ยิ้มมุมปากเบา ๆเขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะพบเบาะแสทางตะวันตกของเมืองเร็วถึงเพียงนี้หากเขาไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อนหน้านี้และรีบปลอมตัวโดยไว เขาก็คงจะถูกจับได้ไปแล้วคนขายเนื้อรีบเข้าไปยังพื้นที่ด้านในสุดของร้านเขาเหลือบมองหนอนกู่ที่ซ่อนเอาไว้ในตู้ในหนึ่ง และเมื่อเปิดตู้ใบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววน่ากลัวออกมาผ่านมาหลายปี ดูเหมือนโลกภายนอกจะลืมความน่ากลัวของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เริ่มแรกนั้นพวกเขาได้ครอบครองตำแหน่งระดับสูงของราชวงศ์ในแคว้นต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งในนามแต่มันสามารถแทรกแซงแคว้นนั้น ๆ และพลิกสถานการณ์ได้ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแอบเข้าไปในพระราชวังเพื่อช่วยเหลือเจียงเฟยเอ๋อร์หากต้องการเข้าไปในพระราชวังมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาได้ก็ต้องใช้วิธีที่ต่างออกไปบุรุษผู้นั้นออกจากร้านขายเนื้อหมูที่ถูกตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับปิดประตูร้านแสร้งทำเป็นออกไปทำธุร

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 929

    หลังจากซูชิงอู่ส่งชิงอวี่ออกไปก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยซูชิงอู่หาคนมาวาดภาพเหมือนเจ้าอาวาสในปีที่แล้วและส่งต่อให้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยกันค้นหา ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว และมีเพียงชิงอวี่เท่านั้นที่นำข่าวที่ได้รับการยืนยันกลับมาแจ้งนางแม้จะยังไม่ได้เจอคนผู้นั้น แต่ก็หมายความว่านางจะได้รู้ความจริงของการตายของท่านแม่เสียทีหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ซูชิงอู่ก็ตัดสินใจเดินทางไปทันทีนางอยากไปเจอจิ้งซินผู้นั้นด้วยตนเองและถามเขาว่าเหตุใดตอนนั้นเขาถึงฆ่าท่านแม่ของนาง!คืนเดียวกันนั้นซูชิงอู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเย่เสวียนถิงเมื่อเย่เสวียนถิงได้รับรู้เรื่องราวก็พยักหน้าเบา ๆ และตัดสินใจอย่างทันทีว่า “ข้าจะส่งคนไปจับเขามาให้เจ้า”ซูชิงอู่ได้ยินอีกฝ่ายตอบง่าย ๆ และห้วนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงและหัวเราะ“ได้”ตอนนี้มีศิษย์พี่ของเจียงเฟยเอ๋อร์คอยจับตาดูอยู่ในเมืองหลวง ซูชิงอู่จึงไม่สามารถไปหาคนผู้นั้นพร้อมกับชิงอวี่ได้บรรยากาศในเมืองหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆแม้แต่ฮ่องเต้เช่นเย่ชิวหมิงก็สังเกตเห็นสัญญาณของเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่กำลังจะตามมาเขาเคยได้ยินซูชิงอู่พูดว่าศัตรูที่ซ่อนตัวอ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 928

    ไป๋เฟิงก้มหัวลงอย่างเชื่อฟัง ราวกับมันได้กลายเป็นแมวตัวใหญ่ไปแล้วซูชิงอู่อดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าคงเหนื่อยแย่ วันนี้ทำได้ดีมาก”ในที่สุดก็ได้ใช้ประโยชน์จากไป๋เฟิง สมกับที่เลี้ยงมันมานานไป๋เฟิงยืนขึ้นและอ้าปากหาว ส่วนสิงโตขนทองคำที่อยู่ข้าง ๆ ย่องเข้ามาทางด้านหลังซูชิงอู่ และใช้หัวถูเอวของนางดูเหมือนว่ามันต้องการให้ซูชิงอู่ลูบมันด้วยคนอื่น ๆ มองไปยังซูชิงอู่ที่มีร่างกายบอบบางยืนอยู่ตรงหน้าสัตว์ดุร้ายทั้งสอง พวกเขาทั้งหมดก็พูดไม่ออกอยู่นานนี่มัน...ร้ายกาจเกินไปแล้ว!แม้แต่กลุ่มบุรุษร่างใหญ่เช่นพวกเขาก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้สัตว์ดุร้ายทั้งสองแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่าซูชิงอู่กลับสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับพวกมันได้อย่างกลมกลืนเหมือนพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของนางเมื่อไม่ถูกยุงกัดและกินยาสมุนไพรที่ผสมไว้แล้ว ม้าทุกตัวในสนามฝึกก็สงบลงและกลับสู่ภาวะปกติทันทีที่ซูชิงอู่กลับมาถึงตำหนัก ก็เห็นหรงหย่าวิ่งเข้ามา“พระชายา เมื่อครู่มีคนมาพบท่านและบอกว่ามีเรื่องด่วนต้องรายงาน”“มีเรื่องด่วนอะไรรึ?”หรงหย่าส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านไปดูก่อนเถิด”ซูชิงอู่สั่งให้คนพาผู้ส่งข่าวเข้ามาทันทีนางจ้อง

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 927

    เลือดของแมลงวันติดอยู่ที่มือของซูชิงอู่ส่งกลิ่นแปลก ๆ ออกมาเมื่อซูชิงอู่มองชัด ๆ นางก็ได้รู้ว่ามันไม่ใช่แมลงวันแต่เป็น…แมลงมีปีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแมลงวันปากของแมลงมีความคมมาก สามารถเจาะทะลุขนของสัตว์บางชนิดได้ง่าย ทว่าแมลงมีปีกชนิดนี้ไม่สนใจมนุษย์และจะกัดเฉพาะสัตว์เท่านั้นที่แท้นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ในเมืองหลวงบ้าคลั่งในช่วงหลายวันนี้!ซูชิงอู่ยังสังเกตเห็นว่ายุงเหล่านี้ถูกพิษและเมื่อพวกมันแพร่พันธุ์ ในไข่ก็มีสารพิษดังกล่าวติดไปด้วยขอเพียงแมลงเหล่านี้ยังกัดสัตว์ต่อไป สารพิษก็จะค่อย ๆ สะสมทีละน้อยสุดท้ายก็ถึงขั้นทำให้เสียสติ!คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีเจตนาชั่วร้ายหากนางไม่ค้นพบสิ่งนี้ก่อน เกรงว่าม้าศึกทั้งหมดจะต้องตายไปด้วยความบ้าคลั่งอีกทั้งยังไม่อาจทราบสาเหตุได้แน่นอนว่าม้าศึกเป็นส่วนสำคัญในกองทัพ หากทหารม้าเสียม้าไป ก็คงไม่ต่างไปจากคนอ่อนแอไร้ค่า...ซูชิงอู่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว“นำม้าทุกตัวไปไว้ในที่ปิดและหาทางฆ่าแมลงมีปีกเหล่านี้ให้สิ้นเสีย”รองแม่ทัพที่ติดตามนางมารีบจำคำสั่งนี้เอาไว้ทันที“รับทราบพ่ะย่ะค่ะพระชายา!”เขาก็รีบกระจายคำสั่งออก

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 926

    เมื่อเย่เสวียนถิงได้ยินสิ่งที่ซูชิงอู่พูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ”ซูชิงอู่ส่ายหัวทันที “ยาพิษนี้คงไม่ได้อยู่ในอาหารสัตว์ อีกทั้งเมื่อมาลองคิดดู สัตว์ป่าจำนวนมากที่อยู่ใกล้เมืองหลวง รวมไปถึงม้าศึกล้วนติดพิษกันหมด มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครสามารถวางยาพิษม้าศึกในเมืองหลวงได้อย่างเงียบ ๆ ”การวิเคราะห์ของซูชิงอู่นั้นสมเหตุสมผลมาก แม้แต่เย่เสวียนถิงเองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาหากหาสาเหตุไม่พบก็แก้ปัญหาไม่ได้แม้จะรักษาม้าหนึ่งในนั้นจนหายขาด แต่ก็จะกลับมามีอาการเดิมในอีกไม่ช้าไม่ไกลกันนักก็มีนายทหารระดับสูงนายหนึ่งวิ่งเข้ามาเขาหอบหายใจและกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบเสบียงอาหารแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ”“น้ำล่ะ?”“ตรวจสอบน้ำแล้วเช่นกัน ไม่มีร่องรอยของการวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินรายงาน เย่เสวียนถิงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าคราวนี้แย่แล้วสิซูชิงอู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่วยทำให้ม้าทุกตัวสงบลงก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูรางอาหารม้าเอง”“ได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา กรุณารอสักครู่ ก

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 925

    เริ่มแรก เขาสงสัยในเรื่องที่ซูชิงอู่เคยพูดจนเกิดความคิดจินตนาการบางส่วนขึ้นมา เรียกได้ว่าตอนกลางวันก็เอาแต่นึกถึง ตกกลางคืนก็เก็บมาฝันอีกแต่เขาไม่เคยได้ยินซูชิงอู่พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆเนื่องจากความฝันนั้นมันดูเพ้อเจ้อเกินไป เย่เสวียนถิงจึงไม่พูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับซูชิงอู่อย่างไม่มีเหตุผลหลายวันมานี้ซูชิงอู่อาศัยอยู่กับลูกน้อยทั้งสามของนางเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่นางห่างพวกเขาไปนานเด็ก ๆ ที่เพิ่งจะอายุได้ไม่กี่เดือนแต่กลับต้องห่างจากอ้อมอกของพ่อแม่ นั่นทำให้ซูชิงอู่รู้สึกผิดขึ้นมาดังนั้นนางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องภายนอกมากนักทันใดนั้นนางก็นึกอะไรออกและถามว่า “เสวียนถิง ช่วงนี้หมาป่าเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไม่ได้มีเพียงสัตว์ร้าย แต่ยังกระทบไปถึงม้าศึกด้วย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเริ่มไม่เชื่อฟังคำสั่งกัน”“เดี๋ยวข้าจะไปตรวจสอบเรื่องนี้เสียหน่อย”ซูชิงอู่รู้สึกได้โดยไม่รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้เรื่องจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่มีผลกระทบกับมนุษย์มากนัก แต่นางก็รู้สึกอ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 924

    ทันใดนั้นหมอหลวงซุนก็เหมือนจะคิดอะไรออก “เหมือนกับตอนที่พระชายาใช้ดอกไม้ชนิดหนึ่งเพื่อทำให้ม้าพยศคลั่งใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“อืม ทำนองนั้นแหละ”สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่นางพบในเภสัชตำรับ และหากใช้มัน ผลลัพธ์ที่ได้จะน่าทึ่งมากแม้ลงมือไปอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่มีใครจับได้ปรมาจารย์มือวางพิษที่แท้จริงคือผู้ที่วางยาพิษโดยไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ เอาไว้“ขอบพระทัยพระชายาสำหรับคำชี้แนะ หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน กระหม่อมก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูชิงอู่ปิดเภสัชตำรับ “ข้าท่องเภสัชตำรับนี้จนจำขึ้นใจ และเข้าใจเนื้อหาด้านในได้คร่าว ๆ เพียงแต่ยังไม่พบวิธีที่จะไขความลับที่อยู่ในนั้น หวังว่าท่านจะช่วยเรื่องนี้ได้”คราวนี้ ทุกคนเชื่อมั่นในคำพูดของซูชิงอู่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจ แต่พระชายากลับนำมาใช้งานได้ถึงขั้นนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกหรือ?ตาแก่เช่นพวกเขาที่อาศัยว่าตนอายุมากทำตัวอาวุโสดูถูกผู้อื่นนั้นเทียบเทียมพระชายาไม่ได้เลย!หลังจากที่ซูชิงอู่อธิบายเรื่องนี้จบ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแอบหลบออกมาทางประตูใหญ่นางกลัวว่าคนเหล่านั้นจะถามนางว่านางศึกษาเรียนรู้ทักษะทางการ

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 923

    หมอหลวงซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย“อย่าพูดไร้สาระ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? พระชายาไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเราเลย โกหกพวกเราไปแล้วนางจะได้ประโยชน์อะไร?”คำพูดนี้ก็ถือว่ามีเหตุผลทุกคนต่างพูดไม่ออกทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ แล้วพลิกหน้าอ่านต่อไปพลิกหน้ากระดาษตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และอ่านจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นตำราทั้งเล่มถูกอ่านจนจบอย่างรวดเร็ว ทุกคนในสำนักหมอหลวงไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน และตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยและมีสีหน้าทรุดโทรมเมื่ออ่านหน้าจนถึงสุดท้าย แม้แต่หมอหลวงซุนก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะเภสัชตำรับเล่มนี้บันทึกเฉพาะโรคและวัตถุดิบยาที่ธรรดาทั่วไปมาก ๆ บางส่วนเท่านั้นข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือผู้อาวุโสเช่นพวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบยาหลายประเภทและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆแม้จะไม่ไร้ประโยชน์ แต่ความคาดหวังกับผลลัพธ์ก็แตกต่างกันมากเลยทีเดียวถึงขั้นทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่น่ะหรือคือเภสัชตำรับที่ตระกูลฟางเฝ้าหวงแหนมานานหลายปี?ดวงตาของหมอหลวงซุนเต็มไปด้วยสีแดงก่ำที่เกิดจากการอดนอน“ในเมื่อเภสัชตำรับของตระกูลฟางไร้ประโยชน์ เช่นนั้นพระชายาไปเรียนรู้ทักษะด้านการแพทย์มา

  • ย้อนรักทวงแค้น   บทที่ 922

    “นี่คือวัตถุดิบยาและปริมาณที่คนผู้นั้นทำการวางยา ที่สำนักหมอหลวงของพวกท่านมีสิ่งนี้อยู่แล้ว หากจะทำยาถอนพิษก็คงไม่ใช่เรื่องยากกระมัง”“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ไม่ยาก!”หมอหลวงซุนยิ้มร่าราวกับได้รับสมบัติเขามองซูชิงอู่ที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว แต่กลับเก่งกาจกว่าเหล่าคนชราเช่นพวกเขาเมื่อรวมกับเภสัชตำรับของตระกูลฟางที่ซูชิงอู่พูดถึง หมอหลวงเฒ่าก็ดีใจจนเนื้อเต้นหากได้เรียนรู้และกลายเป็นคนที่เก่งกาจเหมือนพระชายา ระดับความรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วยหรือไม่?แต่หมอหลวงซุนไม่เคยรู้เลยว่าทุกสิ่งที่ซูชิงอู่เรียนรู้ไม่ได้มาจากเภสัชตำรับของตระกูลฟางในเภสัชตำรับเล่มนั้นมีความแตกต่างตรงจุดไหน ตัวซูชิงอู่ในตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำแม้ตอนตายไปในชาติก่อน เภสัชตำรับก็ถูกทำลายและไม่มีใครเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวของเภสัชตำรับเล่มนั้นคือบันทึกข้อมูลวัตถุดิบยาจำนวนมากที่คนทั่วไปไม่ทราบและสรรพคุณลับบางส่วนบรรดาผู้อาวุโสของสำนักหมอหลวงพากันมาช่วยคิดค้นยาถอนพิษเพื่อที่จะได้อ่านเภสัชตำรับนั้นเร็ว ๆในที่สุดเช้าวันรุ่งขึ้นยาที่สามารถฟื้นฟูสติของสัตว์ร้ายได้ก็ถูกส่งมาให้ฮ่องเต้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status