Share

บทที่ 9

ซูเชียนหลิงร้อนใจเพราะเกรงว่าหลินเสวี่ยอิ๋งจะโทษว่าเป็นความผิดของตน ดังนั้นจึงรีบไล่ตามออกไป

เมื่อซูชิงอู่เห็นหลินเสวี่ยอิ๋งตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ นางก็เลิกคิ้วแทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

เมื่อเห็นเย่เสวียนถิงที่อยู่ข้าง ๆ กำลังมองมาที่นาง ซูชิงอู่ก็รีบปั้นหน้าเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า "ยามที่มาถึง ชะรอยท่านหญิงคงจะมีอาการท้องเสียเป็นแน่"

เย่เสวียนถิงถอนสายตากลับโดยไม่ได้เอ่ยวาจาใด

อันที่จริงแล้วซูชิงอู่ใช้เข็มเงินร่วมกับการฝังเข็มเพื่อช่วยขับพิษให้แก่หลินเสวี่ยอิ๋ง

แต้มพรหมจรรย์ที่ว่าเป็นแค่แผนการที่ใช้ควบคุมสตรีก็เท่านั้น

เมื่อขับพิษออกไปแล้ว ย่อมส่งผลข้างเคียงบางอย่าง

ในเมื่อหลินเสวี่ยอิ๋งถูกหามออกไปแล้ว ซูเชียนหลิงที่มาพร้อมกับหลินเสวี่ยอิ๋งย่อมไร้เหตุผลให้อยู่ที่นี่อีกต่อไป

ซูชิงอู่มองดูเงาร่างที่กำลังล่าถอยกลับไปพร้อมรอยยิ้มขม

นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าท่านหญิงผู้นี้จัดฉากเล่นงานตน?

แม้แต่ความคิดเรื่องสมุดภาพเหล่านั้นก็น่าจะเป็นแผนการของอีกฝ่ายเช่นกัน

ซูเฟยสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ แล้วจิบน้ำชาไปหลายอึกกว่าจะระงับอาการคลื่นเหียนลงได้

ใบหน้างามประณีตกลับซีดขาวเล็กน้อย พระนางเหลือบมองซูชิงอู่กับเย่เสวียนถิงพลางถอนหายใจด้วยความจนใจเล็กน้อย

"เสวียนถิง แม่อยากรู้ความจริง ผ้าซับเลือดพรหมจรรย์เป็นของจริงใช่หรือไม่?"

เย่เสวียนถิงตอบโดยไม่ได้ลังเลใจสักนิดว่า "พ่ะย่ะค่ะ"

เมื่อซูเฟยได้ยินเช่นนี้ก็สีหน้าผ่อนคลายลงบ้าง จากนั้นสายตาก็ทอดมองมาที่สมุดภาพที่บังเอิญหล่นลงกับพื้นระหว่างที่ปะทะคารมกัน

"แต่สมุดภาพเล่มนี้..."

เย่เสวียนถิงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งว่า "พรุ่งนี้ลูกจะทำให้ของพรรค์นี้หายไปจนสิ้นเอง"

ซูเฟยเข้าใจถึงเจตนาปกป้องอันแรงกล้าในวาจาของเย่เสวียนถิง

"ต่อให้ไม่หามีสิ่งนี้ ทุกคนก็พูดกันไปทั่วไม่ใช่หรือ?"

เย่เสวียนถิงเงยหน้าขึ้นพร้อมสายตาเฉียบขาด "มันผู้ใดกล้าเอ่ยให้ลูกได้ยิน ลูกจะไปเยือนหามันด้วยตนเองเลยพ่ะย่ะค่ะ"

สายตาของเขาทำให้ซูเฟยถึงกับใจเต้นรัว

เดิมทีพระนางคิดจะพูดอะไรอีกสักหน่อย แต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก

ถ้าหากพระนางสามารถขัดขวางไม่ให้ทั้งสองคนแต่งงานกันได้ พระนางก็คงจะทำไปตั้งนานแล้ว หาต้องรอคอนจนถึงยามนี้ไม่

ตอนนี้พวกเขาแต่งงานกันแล้ว พระนางจึงกล่าวอะไรไม่ได้

พระนางมองซูชิงอู่ด้วยสีหน้าขรึมเคร่ง "ข้าหวังว่าเจ้าจะคู่ควรแก่ความเป็นห่วงของเสวียนถิง ยิ่งไปกว่านั้น เสวี่ยอิ๋งก็หาได้มีเจตนาร้ายอันใดไม่ นางเพียงแค่เป็นกังวลเรื่องของเสวียนถิงจึงเอ่ยวาจาไร้มารยาทออกมา เจ้าอย่าได้ถือสานางเลย อย่างไรเสียนางก็เป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน แต้มพรหมจรรย์จึงมีความสำคัญต่อนางมาก ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยนำกลับคืนมาให้นางดังเดิม"

ซูชิงอู่เลิกคิ้วเล็กน้อย

ถึงแม้ว่านางจะเคารพซูเฟย เพราะพระนางคอยดูแลเย่เสวียนถิงเป็นอย่างดี

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะต้องเชื่อฟังอีกฝ่ายไปเสียทุกเรื่อง

"เรียนซูเฟย หม่อมฉันทำไม่ได้เพคะ"

"เจ้าว่าอันใดนะ?"

ซูเฟยหน้าพลันเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที จากนั้นพระนางก็มองซูชิงอู่ด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา

ซูชิงอู่เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า "ถ้าหากชิงอู่มีหนทางนำกลับคืนมาได้ ย่อมต้องนำกลับคืนมาให้ตนเองก่อน พระองค์ไม่คิดเช่นนั้นหรือเพคะ?"

นางเงยหน้าขึ้นมองซูเฟย

ซูเฟยรู้สึกสิ้นหวังสุดประมาณ

สีหน้าที่แต่เดิมแลดูมีเมตตา ยามนี้กลับเดือดดาลขึ้นมาบ้างแล้ว

อย่างไรเสียนั่นก็เป็นหลานสาวแท้ ๆ เพียงคนเดียวของพระนาง พระนางจะเอาแต่เฝ้ามองดูจุดจบของนางเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?

"ซูชิงอู่...เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงทำเรื่องแบบนั้นกับเสวี่ยอิ๋ง?!"

ซูชิงอู่ปั้นหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ยิ่ง "สามีเจ้าคะ เป็นท่านหญิงที่บอกว่านางไม่เชื่อ นางบอกเองว่าสตรีที่ไม่มีแต้มพรหมจรรย์ย่อมจะต้องแปดเปื้อนราคี เช่นนี้ไม่ใช่ว่านางต้องประสบพบพานเหตุการณ์เดียวกับข้าหรอกหรือเจ้าคะ?"

นางชะงักงันไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ยิ่งไปกว่านั้น ซูเฟยก็เชื่อว่าท่านหญิงไม่ได้บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว เพียงเพราะแต้มพรหมจรรย์หายไป นี่ใช่เรื่องสำคัญเช่นนั้นเลยหรือ?"

‘ใช่เรื่องสำคัญอันใดกันเช่นนั้นหรือ?’

'หากมีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้เข้า เกรงว่าหลินเสวี่ยอิ๋งคงจะไม่ได้ออกเรือนไปชั่วชีวิตแล้ว’

ในแคว้นหนานเย่แห่งนี้ บุตรชายตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลใดจะยอมแต่งงานกับสตรีที่ไม่อาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้เล่า...

ซูเฟยโมโหเสียจนทรวงอกกระเพื่อมไหว "จะ...เจ้า..."

นางกำนัลอาวุโสที่อยู่ข้างกายรีบเข้ามาประคองซูเฟยเอาไว้

ซูเฟยนวดหว่างคิ้วแล้วเบนสายตามาที่เย่เสวียนถิง

"เสวียนถิง อย่างไรเสียเสวี่ยอิ๋งเป็นน้องสาวของเจ้านะ เจ้าคงไม่อาจทนเห็นนางได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้กระมัง?"

เย่เสวียนถิงหลุบตาเล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "ผู้ใดที่บริสุทธิ์ก็ยังบริสุทธิ์อยู่วันยันค่ำ ลูกเชื่อว่าผู้ใดที่รักใคร่ญาติผู้น้องจากใจจริง ย่อมไม่ถือสาคำติฉินินทาของผู้อื่น"

ซูเฟยพูดไม่ออก "..."

นางโมโหมากเสียจนพูดไม่ออกแล้ว เพลิงโทสะในอกไม่อาจระบายออกมาได้

พระนางคิดว่าจะพูดเย่เสวียนถิงช่วยสั่งสอนซูชิงอู่เสียบ้าง แต่พระนางกลับไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะเป็นฝ่ายที่ถูกสั่งสอนเสียเอง

ซูชิงอู่งอนิ้วกำมือ

เมื่อเย่เสวียนถิงเอ่ยเช่นนี้ นางกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่บ้าง

ที่แท้เย่เสวียนถิงก็คิดเช่นนี้เอง

แม้จะต้องทนกับความเข้าใจผิดและข่าวลือของผู้คนนับไม่ถ้วน เขาก็ยังแต่งงานกับสตรีที่มีชื่อเสียงป่นปี้อย่างนาง

เขาค่อย ๆ ประคองนางเอาไว้กลางฝ่ามือ เพื่อดูแลปกป้องนางให้รอดพ้นจากโลกแสนโหดร้าย...

ซูเฟยไม่ได้โมโหเช่นนี้มานานแล้ว สีหน้าของพระนางจึงเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ

แต่เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ของเย่เสวียนถิง พระนางก็ได้แต่ข่มกลั้นโทสะแล้วหลับตาลง

"เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าเป็นถึงอ๋องแล้ว ข้าบังคับอันใดเจ้าไม่ได้อีกต่อแล้ว ทว่าเรื่องนี้ย่อมต้องล่วงรู้ถึงพี่ชายของข้า เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรก็สุดแท้แต่เจ้าแล้วกัน ข้าไม่ดื่มน้ำชาถ้วยนี้แล้ว ข้าเหนื่อย เจ้ากลับไปก่อนเถิด!"

ซูเฟยโบกมือไล่ จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าสู่ตำหนักใน

ซูชิงอู่ยืนตัวตรงแล้วหันไปมองหน้าของเย่เสวียนถิง

บุรุษผู้นั้นขมวดคิ้วหนาเล็กน้อย ทั้งยังมีประกายดำมืดซุกซ่อนอยู่ในแววตา

ริมฝีปากบางขบเม้มอยู่บ้าง โครงหน้าด้านข้างเผยเหลี่ยมมุมชัดเจน

เย่เสวียนถิงขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า "ข้าทำให้เจ้าต้องคับข้องใจเสียแล้ว"

ซูชิงอู่มองเขาแล้วหัวเราะ

"การคารวะซูเฟยเป็นสิ่งที่ข้าควรกระทำอยู่แล้ว ไฉนข้าต้องรู้สึกคับข้องใจด้วยเจ้าคะ? ตัวข้าก็หาได้มีชื่อเสียงดีงามอะไรติดตัว ย่อมเป็นธรรมดาที่ซูเฟยจะมีความคิดเป็นอื่นกับข้า เช่นนั้นข้าก็แค่อธิบายให้กระจ่างก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?"

ทว่าท่าทางยามที่นางอธิบายดูเหมือนจะทำให้ซูเฟยโกรธหนักกว่าเดิม

เย่เสวียนถิงยิ้มนิด ๆ พลางมองใบหน้ายิ้มแย้มของซูชิงอู่ รอยยิ้มนั้นชวนให้เขาจิตใจสั่นสะท้านอยู่บ้าง

เขายกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัวหมายจะสัมผัสดวงหน้าของซูชิงอู่ ทว่ากลับหยุดมือลงกลางคัน หลังจากสับสนอยู่ชั่วขณะ เขาก็ละมือลง

เพราะเขาเกรงว่าจะได้เห็นสายตารังเกียจของซูชิงอู่อีก

แต่ทันใดนั้น หลังมือของเขาเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้น

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status