สำหรับฉีอิงนั้น จูบถือเป็นเรื่องปกติของคู่รักที่จะกระทำมันอยู่แล้ว นางมาจากโลกเสรีในอนาคต การตอบสนองของภรรยา ทำให้ซือถงคำรามอยู่ในลำคอ ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะก้มลงดูดเม้าริมฝีปากล่างอย่างหิวกระหาย มือหนาข้างหนึ่ง ยังคงนวดเฟ้นเต้างามสลับใช้นิ้วโป้ง บี้ยังเม็ดบัวสีหวานนั่นอย่างเมามัน
ฉีอิงสะท้านไปทั้งกายด้วยความรัญจวน จากการปลุกเร้าอารมณ์ของสามี เรียวขางามกวัดรัดขาแกร่งของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ทั้งยังแอ่นกายส่วนล่าง ขึ้นบดเบียดกับแท่งหยกที่กำลังขึงขัน แนบชิดตัวนางอยู่ในตอนนี้
ชายหนุ่มยังลงอ้อยอิ่งอยู่ที่ลำคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนลงสู่อกอวบอิ่มอีกครั้ง ทว่าครานี้ ชายหนุ่มหาได้หยุดอยู่ยังสองเต้าเต่งตึงไม่ จมูกคมเลื่อนเลยผ่านลงจนถึงสะดือเล็กน่ารักของนาง ก่อนจะตวัดลิ้นสาก หยอกเย้ามันอยู่นาน ทำให้ร่างบางบิดเร้าด้วยความเสียวซ่าน มือบางทั้งสองข้างกำผ้าปูที่นอนแน่น
เสียงครวญครางปานจะขาดใจ เมื่อถูกเล้าโลมจากปลายลิ้นร้ายกาจของชายหนุ่ม มือหน้าจับต้นขางามของภรรยา แยกออกเพื่อให้เขาได้มองเห็นดอกไม้งามที่อวบอูมด้านล่าง ก่อนที่ปลายลิ้นของเขาจะตวัด ยังกลีบอ่อนด้านนอกจนเปียกชื้น นิ้วเรียวกรีดแทรกกลีบดอกไม้
เพื่อเปิดออกเผยให้เห็นปลายเกสรด้านใน ก่อนจะใช้ปลายลิ้นตวัดชิมยังเกสรงาม ที่มีน้ำหวานเยิ้มออกมาให้เปียกชุ่ม
“อ๊า! ท่านพี่ อ๊ะ!”
ฉีอิงไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้อีก เมื่อความรัญจวนเข้าครอบงำ ทั่วทั้งร่างกาย และจิตใจของนางแล้วในตอนนี้ มือหนาซ้อนเข้าใต้สะโพกงอนงาม ก่อนจะดันมันขึ้นมา เพื่อให้ดอกไม้ของภรรยา เด่นชัดมากขึ้น เสียงกรีดร้องด้วยความสุขของนาง เสมือนรางวัลแห่งชัยชนะ
ชายหนุ่มดูดกลืนน้ำหวานที่ไหลออกมามิขาดสาย พร้อมทั้งใช้ปลายนิ้วแกร่งคอยกระตุ้นสลับกับปลายลิ้นสาก ที่คอยตวัดวน จนในที่สุด ร่างบางของฉีอิงได้กระตุกเกร็ง พร้อมปลดปล่อยสายธารแห่งความสุขออกมามากมาย
ชายหนุ่มยังคงอ้อยอิ่งดูดซับดอกไม้ของภรรยาอยู่นาน ก่อนจะเคลื่อนกายลุกขึ้นระหว่างเรียวขางาม ซือถงโน้มกายลงจูบหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนมาขบเม้มยังติ่งหูงาม
“เจ้าพร้อมสำหรับพี่แล้ว”
ฉีอิงร้อนวูบไปทั้งกาย เมื่อรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แท่งหยกอันใหญ่โต จ่อยังปากถ้ำน้ำหวานอันเล็กแคบของนาง มือบางเกาะกุมยังเอวสอบของสามี เมื่อรับรู้ถึงการรุกราน
ซือถงถึงกับเหงื่อซึม เมื่อทางเข้านั้นเสียดสีจน แท่งหยกของเขารับรู้ได้ถึงการบีบรัดของช่องทาง ก่อนที่ชายหนุ่มจะตัดสินใจ ผลักดันแท่งหยกเข้าไปในคราวเดียว เสียงกรีดร้องได้หายไป เมื่อชายหนุ่มก้มลงดูดกลืนเสียงนั้นของภรรยาจนหมดสิ้น
ชายหนุ่มไม่คิดรั้งรออะไรอีกแล้ว เอวสอบขยับโยกด้วยความรัญจวน ที่เขาอัดอั้นมานาน มันเจ็บร้าวตั้งแต่ก่อนที่เขา จะนำพานางสู่ความหฤหรรษ์ในครั้งแรกแล้ว
ฉีอิง เปลี่ยนจากความเจ็บปวดในคราแรก กลายเป็นความต้องการอยากที่มากขึ้น นิ้วเล็กจิกลงบนเนื้อแน่นของชายหนุ่ม เป็นการบอกที่ไม่ต้องเอ่ยออกมา ว่านางต้องการให้สามี เพิ่มความดุดันให้แก่นางมากขึ้นอีก
แม่ทัพหนุ่มขยับโยกตามคำขอของภรรยา เสียงครวญครางดังประสานกันในยามค่ำคืนที่หิมะโปรยปราย ภายนอกเหน็บหนาว ทว่าภายในห้องนอนนั้น เต็มไปด้วยไฟแห่งปรารถนา
ชายหนุ่มขบกรามแน่น เมื่อเขาไม่อาจต้านทานความหฤหรรษ์ได้อีกต่อไป ชายหนุ่มคำรามก้อง
เมื่อสายธารอุ่น ๆ ไหลเข้าสู่เส้นทางแห่งความรัญจวน ร่างสูงใหญ่ซบลงยังซอกคอบขาวเนียนของภรรยา ที่อ่อนระทวยอยู่ใต้ร่าง ด้วยความอิ่มเอม จากการปรนเปรอของแม่ทัพหนุ่ม ซือถงพลิกร่างหนาลงนอนเคียงข้างภรรยา ก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมกายของทั้งคู่ วงแขนแกร่งโอบกอดนางอย่างถนอม ก่อนที่ทั้งคู่จะหลับใหลไปด้วยความอ่อนเพลีย
ยามเช้ามาเยือน ทว่าสองร่างยังคงโอบกอดกันอยู่บนเตียง แอด! เสียงเปิดประตูเข้ามา พร้อมฝีเท้ารีบร้อน ทำให้แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้วเป็นปม เพราะต่อให้มีเรื่องสำคัญอันใด ทุกคนก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาภายในห้องนี้ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
เขามั่นใจว่าทุกคนรู้ ว่าเมื่อคืนเขานอนอยู่กับภรรยา ยิ่งไม่สมควรที่จะเข้ามาโดยเด็ดขาด ชายหนุ่มมองผ่านม่านเตียงไปยังผู้ที่เข้ามา ร่างบางในชุดเกินสาวใช้ของเสี่ยวเตี๋ย กำลังมองมาที่เตียงด้วยสายตาที่เขาไม่ชอบใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขานิ่งเฉยเพราะนางไม่ได้ทำสิ่งใดผิด จึงยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด ที่อาจทำร้ายจิตใจของภรรยา
ด้วยการแต่งงานอันจำใจ ทำให้ฉีอิงนั้นมิได้มีความสุขนักในจวนแห่งนี้ เขาจึงไม่คิดหักหายน้ำใจนาง โดยการลงโทษคนของนาง
ทว่าวันนี้เหมือนเสี่ยวเตี๋ยจะถึงจุดสิ้นสุด ที่จะอยู่ใกล้สายตาของเขาแล้ว ข่าวเลวร้ายที่หลุดออกไปภายนอกจวนนั้น หาใช่ใครอื่นไกลไม่ ก็คนที่กำลังยืนกำหมัดหายใจหอบแรง ด้วยโทสะนั่นอย่างไรเล่า
ชายหนุ่มที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอน อยู่ในตอนนี้ ก้มมองภรรยาตัวน้อย ที่ยังคงหลับตาพริ้ม ทว่ามุมปากอวบอิ่มยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้เขาอดใจไม่ได้ ที่จะก้มลงประทับจูบอ่อนหวาน ลงยังความร้ายกาจนั่นของนาง
ฉีอิงขยับกายเล็กน้อย บดเบียดกับอกแกร่งของสามี นี่คือความตั้งใจของนาง ที่จะแสดงให้แก่สาวใช้ ที่คิดจะช่วงชิงของผู้เป็นนาย คำพูดหรือจะเจ็บปวดเท่าการกระทำ ชีวิตเก่าก็เพราะความไว้ใจจึงทำให้นางต้องตาย
ชีวิตนี้นางจะวางทางเลือกแค่สองทางเท่านั้น นั่นคืออยู่เป็นเพียงหนึ่งเดียวของสามี กับก้าวจากไปอยู่เพียงลำพังกับความร่ำรวย ผู้ใดจะกล่าวหาว่านางเห็นแก่ตัวก็ตามแต่ สตรีในใต้หล้านี้ มีผู้ใดบ้างมิอย่างเป็นเพียงหนึ่งเดียวในใจบุรุษบ้าง
“ท่านแม่ทัพ สายแล้วนะเจ้าคะ”ในที่สุดเสี่ยวเตี๋ยก็นำตัวเองขึ้นบนแท่นประหาร ฉีอิงลอบยิ้มอยู่กับอกของสามี เสียงงัวเงียเหมือนลูกแมวของนาง เป็นการบอกแก่สามีว่าต้องลงดาบเสียที“บังอาจ! เจ้ากล้าดีเยี่ยงไร จึงเข้ามาในห้องนี้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใดกันเสี่ยวเตี๋ย เพียงบ่าวไยหาญกล้าทำเช่นนี้กัน”ตึก! เสี่ยวเตี๋ยรีบคุกเข่าลงในทันที พร้อมเสียงสะอื้นไห้ปานใจจะขาด ทว่าฉีอิงยังคงนอนหลับตานิ่ง ขยับตัวเพียงเล็กน้อย ยิ่งเป็นการเพิ่มโทสะให้แก่ชายหนุ่ม“ท่านแม่ทัพ เสี่ยวเตี๋ยเพียงเป็นห่วงท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” เสี่ยวเตี๋ยละล้ำละลักพูดด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น“ไม่ผิดที่บ่าวจะห่วงใยในตัวนาย แต่เจ้ากลับมิเป็นเช่นนั้น ฮูหยินของข้าคือนายของเจ้า แต่เจ้ากลับบังอาจรบกวนยามหลับของนาง ทั้งยังรุกล้ำเข้ามาในเวลาส่วนของนายเช่นนี้ เจ้าลองบอกข้ามาสิ ว่ามันเหมาะสมหรือไม่”เสี่ยวเตี๋ยถึงกับหนาวสะท้านไปทั้งกาย นางรู้ชะตาตนเองแล้วในตอนนี้ ว่าอย่างไรเสียก็คงถูกลงทัณฑ์จากแม่ทัพหนุ่มอย่างแน่นอน นับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในจวนแห่งนี้ นางมิเคยเห็นท่านแม่ทัพ เอ่ยวาจามีโทสะถึงเพียงนี้สักครั้ง“ฮูหยิน ชะ...”“ออกไป!”สาวใช
ก็มิต่างกับว่าเขากำลังจะสูญเสีย จึงต้องรีบไขว่คว้าเอาไว้กับตัว ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานั้น นางให้ความสนใจกับทุกคน ยกเว้นเขาที่นางไม่เคยสนใจเลย ซึ่งมันมิต่างจากการเติมเชื้อไฟในใจของสามี ทว่านางไม่เคยคิดเลยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เขาจะตัดสินใจร่วมทำเรื่องระหว่าสามีภรรยา อาจด้วยเพราะฤทธิ์สุรา ที่เขาและนางดื่มไปด้วยสำหรับนางแล้ว เรื่องเช่นสักวันมันจะต้องเกิด หากเล่นตัวมากจนเกินไป ก็จะดูไม่งามเอาได้ ยั่วยวนมากไปเหมือนเจ้าของร่าง ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่น่าค้นหา นางแค่ใช้หลักจิตวิทยาจากชีวิตเก่า มาลองปรับใช้กับสามีหัวแข็งก็เท่านั้นเอง ‘ท่านมิได้ไร้ใจ ทว่าท่านไร้รักต่างหากสามีข้า’ นางสืบเรื่องของเขาอยู่นาน กว่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว จ้านซือถงใช่ว่าจะไม่มีหัวใจ เขามีความรักอันมั่นคงต่อสตรีนางหนึ่งทว่าฝ่ายหญิงกลับเลือกสามีที่ทำให้ตนเองสูงส่ง มากกว่าจะเลือกเพียงบุตรชายคนรอง ที่เวลานั้นเป็นเพียงทหารตำแหน่งเล็ก ๆ ในกองทัพ ความเจ็บปวดหล่อหลอมเขา ให้กลายเป็นคนที่ไม่เคยรักใครเลย ในสายตาของผู้คนหญิงสาวคนนั้น นางรู้ดีว่าเป็นผู้ใด และมันควรถึงเวลาปลดปล่อยสามีของนาง จากความเจ็บปวดเสียที ‘
กึ๊ก! ทว่าประตูห้องหาได้เปิดออกไม่ ซึ่งดูเหมือนว่าด้านในจะลงดานประตูเอาไว้ หญิงสาวสูดหายใจแรง ๆ เพื่อข่มกลั้นความไม่พอใจเอาไว้ ก่อนจะใช้กำปั้นทุบลงที่ประตูห้องนอนหลายทีแม่ทัพหนุ่ม ที่กำลังนวดเฟ้นร่างกายให้แก่ภรรยา ที่นอนคว่ำหน้าหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ ชายหนุ่มถึงกับใบหน้าทะมึนตึงขึ้นในทันที เมื่อถูกรบกวนเป็นครั้งที่สองภายในวันเดียว“ใคร! มีเรื่องอันใด ไยกล้ารบกวนเวลาพักผ่อนของข้า”เสียงที่แฝงไปด้วยโทสะของชายหนุ่ม ทำให้คนด้านหน้าประตูถึงกับหนาวสะท้าน หลิวหลิงไม่เคยเห็น หรือได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้ จากชายหนุ่มสักครั้งเลยในชีวิต“น้องรอง เป็นข้าเองหลิวหลิง”หลิวหลิงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อยอย่างมีจริต นางรู้ใจชายหนุ่มดี ว่าหากนางทำเสียง เหมือนตกใจหรือกำลังหวาดกลัว ชายหนุ่มต้องรีบที่จะเข้ามาปลอบโยนอย่างแน่นอน‘ข้ากับเจ้ามันต่างกันฉีอิง เจ้าก็แค่มอบกายปรนเปรอเขา ส่วนข้ามิต้องทำสิ่งใด ก็อยู่ในใจของเขา’“พี่สะใภ้ ไยมิให้บ่าวไพร่มาแจ้งก่อน แล้วเหตุใดจึงมาเรือนของฮูหยินข้า โดยทำตัวไร้มารยาทเช่นนี้”หลิวหลิงถึงกับใบหน้าซีดเผือก มือบางกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือด ไยชายหนุ่มจึงได้ตำหนินางรุนแ
“ท่านพี่อิ่มหรือยังเจ้าคะ” ฉีอิง เอ่ยถามสามีด้วยน้ำเสียงฉอเลาะ“หึ ๆ เจ้าทำให้แขกของเรารอนานแล้วนะ” แม่ทัพหนุ่มหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเอ่ยถึงสิ่งรบกวนที่เวลาของทั้งคู่“ห่วงนางมาก ก็ไปสิเจ้าค่ะ”ฉีอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด เมื่อสามีเอ่ยถึงหญิงสาว ที่มาเยือน โดยไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า ทั้งยังพยายามที่จะบุกเข้ามาในห้องของนาง“ที่ใดกัน นางมิได้สำคัญเท่าปากท้องของภรรยาพี่เสียหน่อย นางมาเองรอได้ก็รอ รอมิได้ก็แล้วแต่นาง เจ้าเหนื่อยหรือไม่ พักเสียหน่อยดีไหม”“ข้าเหนียวตัวเจ้าค่ะ”สิ้นคำพูดของภรรยา แม่ทัพหนุ่มได้พลิกกายมาอยู่ด้านบนแทน ก่อนจะถอดถอนแท่งหยกออกจากายนาง ชายหนุ่มขยับลงจากเตียง ก่อนจะหันกลับมาช้อนอุ้มร่างอ่อนระทวยขึ้นสู่วงแขน เท้าหนาก้าวตรงไปยังส่วนที่เป็นห้องอาบน้ำจ้านซือถงวางภรรยาลงในอ่างน้ำขนาดใหญ่ ก่อนจะก้าวตามลงไป เพื่อช่วยถูกกายให้แก่นาง สองสามีภรรยาช่วยกันอาบน้ำอย่างอ้อยอิ่ง โดยไม่ได้ใส่ใจถึงคนที่มารอพวกเขาอยู่ฉีอิงยกยิ้มน้อย ๆ หลังจากทาชาดสีหวานลงบนเรียวปากงาม นางไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าใด ๆ เลย หลี่ฉีอิงมีความงดงาม โดยไม่ต้องแต่งแต้มใดเพิ่มเติมให้มากมาย เพียงชาดสีอ่อนก็ข
“พี่สะใภ้ โปรดระวังคำพูดด้วย ข้าและท่านมิได้มีอันใดต่อกัน ที่ต้องใช้คำว่าหมางเมิน”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ บ่งบอกถึงความหนักแน่นในคำพูดยิ่งนักฉีอิงในตอนนี้ ไม่ได้แสร้งบีบน้ำตา หรือทำท่าทางหวาดกลัว ทว่าหญิงสาวกลับยืดตัวตรง ด้วยท่าทางของนางพญา ก็ในเมื่อนี่คือบ้านของนาง สามีก็ของนาง เหตุใดต้องเกรงกลัวคนนอกเช่นพี่สะใภ้ ที่อยากได้สามีของนางเป็นชู้รักด้วยเล่าสายตาของฉีอิง ทำให้หลิวหลิงพุ่งเข้าอีกฝ่าย ด้วยความโกรธกริ้ว นางอ่านสายตาเย้ยหยันของฉีอิงได้เป็นอย่างดี หมับ! ฟึ่บ! แม่ทัพหนุ่มคว้าจับข้อมือบางของหลิวหลิงได้ทันก่อนจะถึงตัวภรรยา และได้สะบัดหญิงสาวออกห่างตัว ประหนึ่งของร้อนที่ไม่ควรจับต้องจ้านหลี่พุ่งเข้ารับตัวหลิวหลิงเอาไว้ได้ทัน หากเขาเป็นน้องชายในตอนนี้ คงไม่ใจดีทำเพียงแค่สะบัดออกเช่นนี้เป็นแน่ หลิวหลิงขืนกายออกจากอ้อมแขนสามี หญิงสาวเหมือนกำลังสติหลุดแล้วนั่นเองฉีอิงไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ หญิงสาวทำเพียงนั่งสงบนิ่ง มองพี่สะใภ้คนงาม ที่กำลังฟูมฟายต่อหน้าทุกคน ‘ถึงเวลาที่จะจัดให้ทุกอย่าง อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็น’“จำไว้ฉีอิง เจ้าได้เพียงร่างกายของเขาเท่านั้น แต่ใจของเขาเจ้า
“อ่ะ ๆ อย่าเพิ่งร้อนตัว ฟังข้าให้จบก่อน ในอดีตนั้นเราทุกคนก็ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เรื่องของความรักใคร่ชอบพอ มันก็เหมือนการละเล่นตามช่วงวัย แต่ในวันนี้เราต่างเติบโตมีครอบครัว ท่านเองก็มีบุตรแล้ว ยังคิดไม่ได้อีกหรือ ว่าใครกันแน่ ที่ท่านควรใส่ใจและดูแล การที่ท่านมาโว้ยวาย กรีดร้องเสมือนคนวิปลาสถึงในจวนข้า ทั้งยังมารื้อฟื้นวามรักครั้งในอดีตขึ้นมา เพื่อสร้างความอัปยศให้แก่ตนเอง ไยท่านหาญกล้าจะทำมัน เพียงแค่กลัวจะเสียหมาก ที่ท่านเคยเขี่ยทิ้งไปเมื่อในอดีตเล่า”ซือถง ก้าวเข้าโอบร่างภรรยาแนบอกแกร่ง มือหนาลูบเบา ๆ ยังต้นแขนบอบบาง เพื่อเป็นการปลอบประโลม ความรู้สึกผิดที่เขาได้กระทำต่อนาง เวลานี้เขาพร้อมที่จะน้อมรับการตัดสินจากนางแล้วเช่นกัน“เจ้า...คือ...ท่านพี่”หลิวหลิง เหมือนจะเริ่มคิดได้ ว่าเวลานี้นางอยู่ในฐานะอะไร สิ่งที่นางพูดและกระทำออกไปนั้น มีผลต่อชีวิตของนางเป็นอย่างมาก ยิ่งเห็นสิ่งที่แม่ทัพหนุ่มทำอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเมื่อครั้งที่คบหากับนาง เขามิเคยแม้แต่จะจับมือของนางด้วยซ้ำไป ทุกอย่างคือการให้เกียรตินาง“กลับกันเถอะ”จ้านหลี่ ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึกใด ๆ หลิวหลิง
“ข้าไปด้วยนะเจ้าคะ ข้ารู้ว่าท่านพี่คงมิชอบใจ แต่ข้าอยากที่จะไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็เท่านั้น”ฉีอิง เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ซึ่งเรื่องการเดินทางของสามีนั้น นางได้รู้ก่อนที่เขาจะมาถึง โดยน้องชายสามีเป็นผู้เล่าเรื่องราวให้ฟัง และอีกหลายต่อหลายเรื่อง ที่นางไม่คิดจะนำมาใส่ใจ เพราะมันไร้สาระสำหรับนาง“หึ ๆ พี่ก็ตั้งใจเอาไว้เช่นนั้น ว่าจะพาเจ้าไปด้วย”แม่ทัพหนุ่มหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเอ่ยตอบคนในอ้อมแขนเบา ๆ พร้อมใช้มือหนาเชยคางเล็กน่ารักนั้น ให้เงยหน้าสบตากับเขา“ดียิ่งนักเจ้าค่ะ”ฉีอิง หยิบขนมป้อนให้แก่สามีอย่างเอาใจ นางยังไม่เคยไปไกลจากตลาดเมืองหลวงเลยสักครั้ง นางเคยอ่านในนิยาย ว่าแม่ทัพต้องอยู่ชายแดน ทว่าสามีของนางกลับต้องประจำการที่เมืองหลวงครั้งนี้จึงเป็นโอกาส ที่จะได้ชื่นชมบ้านเมืองในยุคอดีตเสียที ใช่ว่าจะมิรู้ว่าการเดินทางนั้น มันอันตรายยิ่งนัก ด้วยมาจากต่างยุค ฉีอิงเองใช่จะไม่แปลกใจที่สามีของนาง คิดจะพานางไปด้วยตั้งแต่แรก ย่อมต้องมีเหตุผลที่อะไรสักอย่างแน่นอนทว่าหญิงสาวยังคงเงียบ ไร้ซึ่งคำถาม ในเมื่อเขามิเอ่ย สิ่งที่นางต้องทำคือระวังตัวให้มากขึ้น“เช่นนั้นข้าจะนำสาวใช้จากจวน เพื่อไปช่วย
และที่สำคัญ มีคนในที่กำลังคิดทำลายเขาอีกด้วยเช่นกัน ภรรยาจึงเป็นเป้าหมายแรกของคนเหล่านั้น เขาจึงยอมที่จะเสี่ยง พานางเดินทางมาด้วย ซึ่งนับว่านางฉลาดมากทีเดียว ที่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากบิดาและพี่ชายของนางผู้คุ้มกันทั้งสามนั้น คือยอดฝีมือ ที่ภักดีต่อสกุลหลี่ หากเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันใด ๆ ขึ้น เขาขอแค่นางปลอดภัย เท่านั้นก็มากพอแล้วสำหรับเขาในเวลานี้การเดินตลอดหลายวัน ไม่ได้สร้างความเหน็ดเหนื่อย ให้แก่ฉีอิงเลยแม้แต่น้อย ผิดกับสาวใช้ของซือเถา ดูเหมือนนางแทบจะหายใจได้ไม่เต็มปอดเอาเสียเลยฉีอิง นั่งอยู่ข้างสามี ในขณะที่คณะหยุดพักกลางวัน หญิงสาวยกยิ้มน้อย ๆ กับท่าทางของอี้หลิว ดูเหมือนสาวใช้ผู้นั้น จะทนกับความเหน็ดเหนื่อย กับงานที่ต้องรับผิดชอบได้ไม่ดีนัก 'เมื่อเจ้าตั้งใจจะใช้การเดินทางนี้กำจัดข้า ข้าก็พร้อมสนองต่อความต้องการของเจ้า'“ท่านพี่ ตรงนั้นมีดอกไม้ด้วยเจ้าค่ะ”ฉีอิงเอ่ยชี้ชวนสามี เมื่อเวลานี้นางต้องการความเป็นส่วนตัว มิใช่เรื่องอื่นใด ทว่านางได้รับสัญญาณบางอย่างจากคนข้างกาย นางจึงต้องหาหนทางพาตนเองและสามี ออกห่างจากทุกคนในคณะ“ไปสิ! พี่จะพาเจ้าไปดู” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยตอบรับอย่างเอาใจ
“หึ ๆ ท่านเจียงเองก็มากด้วยฝีมือ ข้าหวังว่าเราจะได้เคียงกันออกทำหน้าที่นี้” “เช่นนั้นข้ายกหน้าที่นี้ให้ท่านสองคน ส่วนที่เหลือข้าจะส่งสาสน์ให้อีกครั้ง” “ขอรับนายท่าน” การสนทนาเกิดขึ้นอีกครู่ใหญ่ ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไป แน่นอนว่าโดยรอบนั้นได้รับการคุ้มกันอย่างดี จากผู้ติดตามที่ป้องกันมิให้ผู้อื่นล่วงล้ำเข้ามาได้ เมื่อพื้นที่ของการประชุมไร้ผู้คน หลงเหลือไว้เพียงความเงียบสงัด ร่างระหงในชุดสีเข้ม พร้อมชายหญิงอีกสองคน ได้ก้าวออกมายืนมองไปยังทิศทางที่เป้าหมายจากไป “ดูเหมือนเจ้าต้องรับศึกหนักแล้วนะ เจ่าหลง” “แค่คนรุ่นเก่ามิคณามือข้าสักนิด” “มั่นใจเกินไปแล้ว จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่มีเขียวเล็บยาวเฟื้อย มิอาจประมาทได้” “ที่ข้ามั่นใจเพราะรู้ว่าเจ้า สามารถทำให้จิ้งจอกเสียการควบคุมได้อย่างไรเล่า” “ข้าหวังว่ามิตรภาพที่ดีระหว่างเรา จะไม่ทำให้เกิดสงคราม” “ในวันที่ข้าคิดว่าต้องตายไปแล้ว เจ้าคือมิตรที่มอบน้ำใจ เช่นนั้นแล้วอย่าได้ประเมินน้ำใจของข้าต่ำไปสหายข้า” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ
“เจ้ามิใช่คนโง่เยว่ฉง แค่นี้เจ้าคงเข้าใจความหมายดีแล้วสินะ!” “ข้าไม่คิดเสวนากับลูกอนุระดับล่าง” “หึ ๆ บินให้สูงกว่าข้าได้เมื่อใด ค่อยหมิ่นมารดาข้าเยว่ฉง บุรุษที่เป็นใหญ่เพราะชายกระโปรงสตรี มักจะไม่ค่อยได้แก่ตายสักเท่าใดนัก อ่อ...เส้นทางที่เจ้าเลือกมันกำลังจะขาด แต่น่าเสียดายที่ไร้เส้นทางอื่นให้เจ้าเดินแล้วเช่นกัน” หยวนปิงไม่คิดที่จะรอฟังคำตอบโต้ ร่างงามก้าวผ่านหลานเขยไปด้วยอารมณ์อันดี มีเพียงสายตาชิงชังที่มองตามไป ประหนึ่งคมดาบที่หมายเชือดเฉือนคนที่เพิ่งก้าวพ้นเข้าประตู ทุกอย่างที่เกิดขึ้นยังด้านหน้าเหลาชื่อดัง ได้ตกอยู่ภายใต้สายตาของกั๋วหยวนเค่อทั้งสิ้น หลายอย่างที่เขาคิดว่ารู้ วันนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตายิ่งนัก นอกจากความซับซ้อนทางสายสัมพันธ์ สกุลเยว่ยังมีเรื่องปิดบังเอาไว้อยู่อีก เห็นทีเขาคงต้องช่วยให้ว่าที่พระชายา บรรลุเป้าหมายอีกขั้นท่าจะดี “นางน่าสนใจยิ่งนัก” “แต่ข้าน้อยคิดว่าน่ากลัวมากกว่านะขอรับ” “ตรงไหนกัน!” “แค่วันแรกที่ก้าวมาถึงเมืองหลวง สิ่งใดที่นางต้องการ นางทำได้ทั้งที่พระอาทิ
เสียงหวานจากอีกด้านของห้องดังขึ้น ก่อนที่หยวนปิงจะก้าวออกมาจากประตูลับ “เขามิได้รักนาง แต่เขาแค่อยากทรมานนางเพื่อรักษาหน้าของตนเองเท่านั้นเจ้าค่ะ และเขาไม่คิดว่าข้าจะรอดกลับมายืนตรงนี้ได้ต่างหากเจ้าค่ะ” “เจ้ารู้ความจริงแล้วสินะ! ว่าเยี่ยนหลานมิเคยทำเยี่ยงนั้นเลย” “หากท่านเสนาบดีมิหลงมัวเมาในเรื่องตัณหา เขาย่อมจะเชื่อใจในตัวของท่านแม่ แต่บุรุษที่มองมิพ้นหว่างขาสตรี ดวงตามิอาจมองได้สูงนักหรอกเจ้าค่ะ” เยว่หมิงหลัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบปนเย้ยหยันคนที่เพิ่งจากไป เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฮูหยินใหญ่ต้องเผชิญ มันช่างคล้ายคลึงนางอยู่ไม่น้อย ในวันที่ฮูหยินใหญ่เยว่ตั้งครรภ์ น้องสาวร่วมมารดา ได้ก้าวเข้ามาเป็นอีกหนึ่งสตรีของสามี มิหนำซ้ำยังถูกใส่ความ ทั้งพลัดพรากจากบุตรสาวเพียงคนเดียว โชคชะตาอาจโหดร้าย แต่เมื่อนางอยู่ตรงนี้ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป ตราบใดที่นางยังหายใจ ใครที่มีส่วนร่วมทำลายสกุลเยี่ย นางจะส่งให้เดินบนเส้นทางเดียวกันให้สิ้น แน่นอนว่าเยว่ฉงก็คือหนึ่งในนั้น “หึ ๆ ข้าชอบความคิดของเจ้านัก มาเถอะดื่มสุราเป็นเพื่อนข้าต่อ”
ห้องรับแขกพิเศษ เหลาหยวนหลัน เยว่หมิงหลันก้าวเข้าไปภายในห้องรับรองพิเศษ ก่อนจะหยุดกวาดสายตามองไปยังแขกที่มาเยือน เป็นอันว่าวันนี้นางยังไม่ทันได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็พบกับความแปลกใจเกินกว่าที่คาดเอาไว้มากทีเดียว “เยว่หมิงหลันคารวะท่านเสนาบดี ฮูหยินเยว่” หญิงสาวประสานมือโค้งกายให้แก่แขกของตน ที่กำลังนั่งหน้าตึงอยู่ในขณะนี้ “บอกข้อเสนอของเจ้ามา” “ดูท่าท่านเสนาบดีจะรีบร้อนเหลือเกินไปนะเจ้าคะ เรื่องนี้คิดทบทวนให้ดี ๆ ก่อนได้นะเจ้าคะ” “อย่ามายอกย้อน ข้าไม่ได้มีเวลามาต่อคำไร้สาระกับคนเยี่ยงเจ้านักหรอกนะ” “ส่งคืนมารดาข้ามา”เมื่ออีกฝ่ายอยากได้ยินข้อเสนอ หญิงสาวก็ไม่คิดที่จะรั้งรอต่อไปให้เสียเวลา “เจ้ามันบ้าไปแล้ว! นางตายไปตั้งแต่เจ้ายังเล็กนัก” เยว่ฉงตอบบุตรสาวด้วยเสียงอันดัง ปนความตกใจ “ตายแน่หรือ!” “จะ...เจ้าหมายความเยี่ยงไร ผู้คนต่างรู้ว่านางตายไปพร้อมชู้รัก” เยว่ฮูหยินรีบเอ่ยแทรก ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เมื่อเอ่ยถึงพี่สาวแท้ ๆ ซึ่งเป็นมารดาของเยว่หมิงหลัน
หากเขาสองผัวเมีย ทำร้ายเพียงนางคนเดียว การแก้แค้นหาได้จำเป็นไม่ แต่หลายสกุลที่ไม่ได้คิดคดต่อแผ่นดิน ถูกใส่ความจนสิ้นลูกสิ้นหลานจะต้องได้รับความเป็นธรรม นางจึงได้เลือกกลับมาที่นี่ เพื่อลบรอยแปดเปื้อนเหล่านั้นให้แก่ทุกสกุลเสียก่อน ‘วันนี้ข้าพร้อมยิ่งนัก ชูเจี่ยน ฉีหยุนเหลียน หลายร้อยชีวิตที่พวกเจ้าสังหารจนสิ้น เวลานี้ข้าจะเป็นตัวแทนนำเจ้าสองคนไปชดใช้กรรม’ ร่างงามหมุนกายเดินกลับไปยังเรือนพักของตน ที่นี่คือหนึ่งในกิจการของนางและผู้เป็นยาย ที่สร้างมันขึ้นมาเพื่อเป็นหนึ่งในขุมกำลัง และรองรับข่าวสารจากทุกทิศ “นายหญิงน้อย ท่านผู้นั้นรออยู่ที่สวนขอรับ” “อืม!” หญิงสาวรับคำ ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางไปยังสวนดอกไม้ นางยังไม่ทันได้นั่งพักให้หายเหนื่อย คนมาเยี่ยมเยียนไยจึงไม่คิดว่านางเพิ่งเดินทางมาถึง มิทันหลับตาแม้สักชั่วก้านธูปเลยด้วยซ้ำ “มาถึงก็รีบไปเจรจาแต่งงานเลยนะ ไม่คิดที่จะมายกสุราให้ตาแก่เยี่ยงข้าก่อนเลยหรืออย่างไร หืม!”คำตำหนิที่ปนไปด้วยคำหยอกเย้าและเอ็นดู ทำให้มุมปากงามยกขึ้นด้วยความคุ้นชิน “ดื่มมากมันไม่ดีต่อส
“พี่สาวของหม่อมฉันงดงามยิ่งนักเพคะ กิริยาสูงส่งมิแพ้สตรีใดในเมืองหลวง วาดเขียนโคลงกลอนเหนือหม่อมฉันมากทีเดียวเพคะ” คำสรรเสริญที่มิได้มาจากใจจริง ทำให้อ๋องหนุ่มและผู้ติดตาม แสร้งตื่นตาตื่นใจไปด้วย แน่นอนว่าสิ่งที่เยว่หลิวหลีกล่าวมานั้น ล้วนเป็นความจริงที่เขาสืบรู้มาก่อนแล้วทั้งสิ้นทว่าสำหรับสกุลเยว่หาได้รู้จริงเท็จเรื่องนี้ ทุกถ้อยคำล้วนแต่งแต้มขึ้น เพื่อเบี่ยงเบนตัวเขาออกจากสกุลเยว่ทั้งสิ้น หากแต่ลับหลังกลับนำชื่อเยว่หมิงหลันไปล้อเลียนจนเป็นที่น่าขบขัน “ข้าจะเร่งวันแต่งงานให้เป็นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า ข้ามิสนใจว่าจะเป็นนางหรือเจ้า หากมีการบิดพลิ้วสกุลเยว่คงมิแคล้วหายไปเยี่ยงสกุลใหญ่ในอดีต” “ท่านอ๋องเก้าโปรดวางพระทัย ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า เจ้าสาวของท่านอ๋องจะรออยู่หน้าประตูเพื่อขึ้นเกี้ยวพ่ะย่ะค่ะ” “ข้าก็หวังเช่นนั้น” “น้อมส่งท่านอ๋อง” ทุกคนเอ่ยขึ้นพร้อมโค้งกายอย่างนอบน้อม ลับหลังอ๋องเก้าไปแล้ว ทุกคนต่างพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ด้วยมิอาจตั้งรับกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของท่านอ๋องเก้าได้ทัน “เต
สายตาชิงชังทำเพียงมองตามหลังของสตรีสองนาง ที่ล้วนหยิ่งผยองจนนางอยากที่จะเด็ดปีกของทั้งคู่ลงบดขยี้ด้วยฝ่าเท้า วันนี้มิใช่วันของนาง แต่มิช้านางจะทำให้สองคนสูญหายไปเสมือนไม่เคยมีตัวตนบนโลกใบนี้เลยทีเดียวจวนอ๋องเก้า กั๋วหยวนเค่อ มือหยาบกำลังคลึงจอกสุราหยก เสมือนคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก แน่นอนว่ามิใช่เรื่องการแต่งงาน ที่ผู้เป็นอาได้ทำการสู่ขอบุตรีสกุลเยว่ให้แก่เขามีหรือคนการขอภรรยาให้แก่เขา จะไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลัง ยิ่งถ้าไม่รู้ที่มาของสตรีผู้นั้น คนเยี่ยงเสด็จอาของเขาน่ะรึ! จะยอมเสี่ยงรับเข้าสู่ราชวงศ์ทั้งแผ่นดินจะมีสตรีสักกี่คนเล่า กล้าที่จะมองหน้าเขา ร่องรอยบาดแผลและดวงตาที่มืดบอด คือสิ่งที่เขายังคงไร้พระชายาเคียงข้างมาจนถึงทุกวันนี้มือหยาบวางทาบบนหน้ากากสีเงินอย่างเบามือ เขาไม่เสียดายเลยสักนิด กับการเสียงดวงตาข้างนี้ไป เพราะอย่างน้อยร่างของใครอีกคน ก็ไม่ถูกกระทำ ให้เกิดร่องรอยความเจ็บปวดมากกว่าที่มีอยู่ก่อนแล้ว แม้ว่าคนผู้นั้นจะไม่มีโอกาสรับรู้ถึงสิ่งที่เขาทำเลยก็ตามที “เรียนท่านอ๋อง ว่าที่พระชายามาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ” เสียงรายงานจากคนสนิท
“ลูกอนุชั้นต่ำเยี่ยงเจ้า ผู้ใดอนุญาตให้พูด” ไท้ฮูหยินเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงหยามหยัน“ข้าคือข้า ปากนี่ก็ของข้าไม่จำเป็นต้องขอผู้ใด ในอดีตข้าอาจเป็นแค่คนที่พวกเจ้าผลักไส วันนี้พวกเจ้าคิดให้ดีก่อนจะพ่นวาจาต่ำ ๆ ออกมาให้ข้ากับหลานระคายหู หากเก่งจริงจะร่ำร้องให้หลานข้ากลับมาทำไม ถึงขนาดยอมรับว่าเมียรักเป็นเพียงอนุ โถ ๆ น่าอายยิ่งนัก”“นี่เจ้า!”“ข้ามิได้มีสายเลือดสกุลเยว่ อย่าได้มาชี้หน้าข้าเยี่ยงนี้อีก และจำไว้ต่อให้หลานสาวข้าทั้งสองคือสะใภ้ของสกุลเยว่ นั่นมิได้หมายความว่าข้าต้องก้มหัวให้แก่คนที่นี่”หยวนปิงจ้องเขม็งไปยังไท้ฮูหยิน ก่อนจะมองเลยไปยังจางอี้เหนียง ซึ่งเป็นหลานสาวและมารดาเลี้ยงของเยว่หมิงหลัน ความสัมพันธ์ระหว่างหลานสาวทั้งสองกับเยว่ฉง เป็นสิ่งที่นางและสกุลจางงุนงงอยู่มาก ลูกที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน ไยแม่แท้ ๆ จึงยินยอมให้ลูกคนรองมาเป็นอนุของสามีลูกคนโตได้ที่สำคัญไปกว่านั้น พี่สาวของนางหาได้เคยมอบความเอ็นดูให้แก่หมิงหลัน ที่เป็นหลานสาวแท้ ๆ แม้แต่น้อย ซึ่งแตกต่างกับเยว่หลิวหลีที่พี่สาวของนางมอบความรักให้หมดใจ“ท่านน้าหญิงโปรดใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ”ในที่สุดจางอี้เหนียงก็เอ่ยขึ้น เพื่
หนึ่งเดือนถัดมา เมืองหลวง สกุลเยว่ ภายในห้องโถงเรือนหลัก สมาชิกทุกคนต่างมีใบหน้าที่เคร่งเครียด เพราะครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อยู่ไม่น้อย สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเยว่หลิวหลีบุตรสาวอันเป็นที่รักของผู้นำตระกูล เกิดล้มป่วยอย่างกะทันหัน เนื่องจากตรอมใจกับข่าวการทาบทามสู่ขอจากจวนอ๋องเก้า แม้จะเป็นพระประสงค์ในองค์ฮ่องเต้ แต่มันหาใช่ความต้องการของเยว่หลิวหลีแม้แต่น้อยอ๋องเก้ากั๋วหยวนเค่อ ถูกผู้คนกล่าวขานว่าเป็นปีศาจเนตรเดียว สตรีปรนนิบัติหลายนางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันกลับวางใจและโปรดปราณท่านอ๋องกว่าผู้ใดแต่ทำไมอยู่ ๆ จึงทรงต้องการเลือกคู่ให้แก่ท่านอ๋องเก้าได้เล่า ทั้งที่อ๋องหนุ่มเลือกที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานหลายปี และยิ่งไปกว่านั้นฝ่าบาททรงเลือกบุตรสาวภรรยาเอกสกุลเยว่ ให้เป็นพระชายาในอ๋องเก้า เรื่องนี้จึงเป็นที่มาในความร้อนใจของสกุลเยว่เพราะเยว่หลิวหลีคือดงใจของพ่อแม่ แม้ว่านางจะกำเนิดจากภรรยารองที่ขยับฐานะขึ้นมาแทนที่อดีตภรรยาเอกคนก่อน ที่สิ้นใจไปนานหลายปีแล้วนี่จึงเป็นที่มาของการรวมตัวในครั้งนี้ เพราะบุตรสาวคนโตที่กำเนิดจากภรรยาเอกคนแร