แชร์

บทที่ 20 หนี

ผู้แต่ง: พริมริน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-21 11:39:31

บทที่ 20 หนี

ยามอิ๋นในเวลานี้มืดมิดและวังเวง ยังไม่มีผู้ใดในสำนักตื่นยกเว้นเพียงคนเดินเวรยามเท่านั้น

“จางอวี้”

ไป๋หลินเอ๋อร์ลงจากเตียงเขย่าร่างของจางอวี้ที่นอนอยู่เตียงถัดไปไม่ไกลกัน

“อืออ พี่หลินเอ๋อร์”

“ตื่น ๆ เราต้องไปแล้ว”

“ไปไหนกัน นี่ยังมืดอยู่เลย” จางอวี้งัวเงียขยี้ตา มองไป๋หลินเอ๋อร์ชะโงกหน้าด้านบน

“หนี ไปเถิดรีบหน่อย”

“หนี!!” คราวนี้จางอวี้ลืมตาเต็มทั้งสองข้างผวาลุกขึ้นนั่ง  มองฮูหยินคนใหม่หยิบมีดเล็กสำหรับปอกผลไม้ และมีอาหารที่เหลือจากยามค่ำใส่ในห่อผ้า

“ใช่หนี ข้าจะไม่อยู่ที่นี่ ขืนอยู่ สักวันข้าและเจ้าคงไม่พ้นต้องตาย”

“แต่ว่า พี่หลินเอ๋อร์ เราหนีไม่พ้นหรอก”

“จางอวี้” ไป๋หลินเอ๋อร์หยุดมือเดินกลับมาทางเตียงยกมือวางบนไหล่ทั้งสองข้างของจางอวี้ “ช่วงเวลานี้คือเวลาที่ดีที่สุด สำนักคุ้มภัยเหลือคนอยู่น้อยมาก จะไม่มีใครรู้ว่าเราหายไปจนกว่าจะยามเฉิน เราจะไปทางป่าไผ่”

“แต่เมื่อวานนี้ฮุ่ยหรูเพิ่งเล่าให้ฟังว่าคนในสำนักเข้าไปล้วนไม่ได้กลับออกมา”

“เจ้าอย่าไปฟังความมาก ที่คนพวกนั้นไม่กลับมาคงไม่อยากกลับมาเองต่างหาก ข้าคิดว่าในป่าไผ่ต้องมีทางออก ไม่เช่นนั้นจะห้ามคนเข้าไปทำไมกัน”

“พี่หลินเอ๋อร์ ข้า...”

“หากเจ้าไม่ไป ข้าจะไปคนเดียว ว่าอย่างไร”

จางอวี้แม้ว่ากลัวแต่เมื่อเห็นว่าหากนางปล่อยให้ไป๋หลินเอ๋อร์ไปคนเดียวย่อมจะเกิดอันตราย อีกอย่างหากทำสำเร็จแล้วเหลือนางอยู่ที่สำนักคุ้มภัยคนเดียว นางย่อมต้องตายอย่างแน่นอน ตั๊กแตนติดเชือกเส้นเดียวกัน อย่างไรก็หนีไม่พ้น จึงจำใจรับปากอย่างหวาดหวั่น

สองนางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ารัดกุมเตรียมของจำเป็น แต่ทุกอย่างล้วนมีจำกัด มีดก็เป็นเพียงมีดเล็ก ทั้งอาหารน้อยมาก ไป๋หลินเอ๋อร์มองแล้วก็รู้ว่าอาหารเพียงนิดคงทำให้พวกนางอยู่รอดเพียงวันเดียว แต่ให้อยู่เตรียมข้าวของอีกวันคงใช่เรื่อง  ดีไม่ดีโจวหมิงเจ๋อรู้ตัวกลับมาเสียก่อน คิดได้ดังนั้นจึงเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเดินนำหลบเวรยามจนถึงชายป่าไผ่

“พี่หลินเอ๋อร์” น้ำเสียงจางอวี้สั่นเทาจนจำน้ำคำได้

“ไม่ต้องกลัว ไปกันเถิด”

ไป๋หลินเอ๋อร์ย้ำคำ ภายในใจสั่นไหวเพราะขลาดกลัวเช่นกัน แต่นางจะแสดงออกให้จางอวี้รับรู้ไม่ได้ ย้ำเท้าเดินหน้าเข้าไปก่อนเชื่องช้าจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าของจางอวี้เดินตามมาจึงได้เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น

ต้องเข้าไปให้ลึกกว่านี้ก่อนยามเฉิน

กุบ กับ กุบ กับ

ฝีเท้าทั้งสามโผนทะยานด้วยความเร็วดั่งนกโผผิน ฝุ่นตีตลบขึ้นรวมถึงลมปะทะใบหน้า ชางซิงเยียนเหงื่อผุดโทรมกายทั้งเหนื่อยอ่อนอย่างที่ในชีวิตไม่เคยเป็นมาก่อน มองม้าตัวเขื่องด้านหน้า นายท่านควบเร่งฝีเท้าไม่หยุดพักมาเกือบสองวันแล้ว

ดวงตานางแดงฉานจากแรงลม แดด และความอ่อนล้า เหลือบสายตาไปยังเฉียนฟาน ที่สุดท้ายแล้วก็ควบม้าตามมาด้วยกัน  เฉียนฟานแม้เป็นบุรุษแกร่งดั่งภูผาทว่ายามนี้มีสภาพไม่แตกต่างเช่นนางมากนัก แล้วยังตอนนี้ส่งสายตาอาฆาตให้

คงเป็นนางที่ผิดทั้งหมด ทิ้งฮูหยินคนใหม่ไว้กับสำนักคุ้มภัยที่มีคนเพียงหยิบมือ

ยามเฉินของวันที่สองหลังจากควบขี่ไม่แวะพัก นางก็เข้าเขตแคว้นฉินเสียที

ตึก ตึก ตึก ตึก

ไป๋หลินเอ๋อร์เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นลมปรารณปั่นป่วนและรัวแรงดั่งกลองรบ เลยยามเฉินมาพักใหญ่แล้ว และทั้งสองนางยังคงหลงอยู่ในป่าไผ่

“พี่หลินเอ๋อร์”

น้ำเสียงอ่อนระโหยของจางอวี้ทำให้ไป๋หลินเอ๋อร์ต้องหยุดเท้า เอี้ยวหน้ากลับไปมอง ร่างเล็กของจางอวี้เต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงหน้าเปื้อนฝุ่นและคราบไคล้เช่นเดียวกับนาง

“พักสักหน่อย”

“เจ้าค่ะ”

สองนางนั่งลงยังที่ว่างโล่งพอนั่งได้ ไป๋หลินเอ๋อร์มองป่าไผ่แน่นหนาจริงดั่งที่ฮุ่ยหรูกล่าวเมื่อวาน จนแทบมองไม่เห็นแสงตะวัน

“พี่หลินเอ๋อร์ ท่านรู้สึกอะไรหรือไม่”

“รู้สึก ข้าคิดว่าข้าคิดไปเองคนเดียวเสียอีก”

“ข้าได้ยินฝีเท้าหลายสิบคน วนอยู่รอบ ๆ เรา ถึงข้าจะโง่เง่าไม่ทันเหลี่ยมคน แต่ตัวข้าเองเติบโตมากับป่าหลังเขาและฟาร์มเลี้ยงหมู เวลาท่านพ่อสั่งคนงานค้นหาหมูป่าหลบหนีบนเขา เสียจะคล้ายคลึงเช่นนี้”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น เหมือนคนพวกนี้กำลังต้อนเราไปทางทิศตะวันตก”

“แล้วเราจะทำเช่นไรดีพี่หลินเอ๋อร์”

“มีแต่เดินหน้าเท่านั้น”

“แล้วถ้าเราเดินเข้าไปสู่กับดัก เราอาจจะ...”

“ชีวิตมันคงไม่ตายลงง่าย ๆ หรอกจางอวี้ มิเช่นนั้นทั้งข้าและเจ้าคงไม่มีลมหายใจจนถึงยามนี้ คนพวกนี้เพียงต้องการให้เราเดินไปยังตะวันตก ฉะนั้นเราจะไป”

“พี่หลินเอ๋อร์” จางอวี้ค้านเสียงเบา แต่เมื่อเห็นดวงหน้าหวานหนักแน่นในความคิดของตนเอง นางจึงจำต้องทำตาม

ตอนนี้เปรียบไปก็เสมือนลงเรือลำเดียวกันไปแล้ว ย่อมมีแต่ล่องลอยไปตามน้ำเชี่ยว หากจะต้องมีอันเป็นไปอย่างน้อยนางก็มีไป๋หลินเอ๋อร์เป็นเพื่อน

“ไปต่อกันเถอะ หากช้ามืดลงแล้วยังไม่พ้นป่าไผ่ เราทั้งคู่อาจมีอันตราย”

จางอวี้ตาเบิกกว้างรีบผุดลุกขึ้นยืนทันที จนไป๋หลินเอ๋อร์อดไม่ได้ยิ้มออกมา  แล้วทั้งสองคนก็พากันเดินทางต่อไปตามทางที่คนพวกนั้นต้อน ทิศตะวันตกของป่าไผ่

“พี่หลินเอ๋อร์ ข้าว่า..ได้ยินเสียงผี”

“ผี!! จางอวี้เจ้าหูฝาดแล้ว นั่นเสียงลม”

“ไม่ใช่ พี่หลินเอ๋อร์ฟังให้ดี”

วิ๊ดดดดดดดด วิ๊วววววววววว

“เสียงลม”

“ไม่ ไม่ ฟังใหม่พี่หลินเอ๋อร์” จางอวี้ฉุดมือให้ไป๋หลินเอ๋อร์หยุดลงก่อน แล้วเอียงหน้าฟัง

อ๊ารรรรร วิ๊ดดดดดด

“ใช่ไหม ข้าฟังไม่ผิด” จางอวี้ฝ่ามือชื้นเหงื่อจับแขนไป๋หลินเอ๋อร์เขย่าเบา ๆ สีหน้าตื่นกลัว

“ใจเย็น ๆ ลองเดินไปตามเสียงดู”

“ไม่ ไม่ ข้ากลัว เราเดินไปทางอื่นดีไหมพี่หลินเอ๋อร์”

“แต่คนพวกนั้นตีล้อมให้เราต้องเดินไปทางนี้ ข้าคิดว่าพวกนั้นคงตั้งใจให้เราไปตามเสียง”

“หรือว่าเราจะกลับสำนักคุ้มภัยดี ยังทันนะพี่หลินเอ๋อร์ ข้าว่ามันไม่คุ้มเลย”

“ไปต่อแล้วตาย! กลับไปก็ตาย มิสู้ลองเลือกเดินต่อให้มันรู้แน่ พวกเราอาจรอด”

จางอวี้ตัวสั่นหลบด้านหลังไป๋หลินเอ๋อร์ขณะที่โดนลากเชื่องช้าตรงไปทางเสียงร้องโหยหวน ยิ่งเข้าไปใกล้ ยิ่งได้ยินเสียงชัดเจน

“เสียงคน”

“ขะ ข้า ข้ากลัววว”

“หากกลัวให้รออยู่ตรงนี้ ข้าจะเข้าไปดูใกล้ ๆ เอง”

“ไม่ ไม่ ข้าไปด้วย ขืนข้าอยู่ผู้เดียวข้าคงลมจับ”

ไป๋หลินเอ๋อร์ยังสู้ยิ้มอ่อนเมื่อได้ยิน กระชับฝ่ามือกำมือน้อยของจางอวี้แน่นขึ้นพาจูงเดินลงฝีเท้าแผ่วเบาหลบหลังต้นไม้เรื่อย ๆ จนกระทั่งมองเห็นกระท่อมหลังเล็กทรุดโทรม

“ข้าว่าเสียงมาจากบ้านหลังนี้”

กรี๊ดดดดดดดด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 21 โจวหนิงเหมย

    บทที่ 21 โจวหนิงเหมยไม่ทันสิ้นคำพลันเสียงร้องหวีดโหยหวนดังขึ้นอีกครั้งยาวนาน จนพวกนางต้องยกมืออุดหู“แม่นางในนั้นอาจป่วย”“ไม่พี่หลินเอ๋อร์ ข้าว่านางเป็นบ้า”“อย่างไรเราควรเข้าไปดู”จางอวี้ดึงรั้งมือไป๋หลินเอ๋อร์ไว้ จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่อาจหยุดยั้งพี่สาวคนนี้ได้จึงเดินตามติดด้านหลังแบบจมูกแนบแผ่นหลังเรือนหลังเล็กนี้รูปทรงคล้ายกระท่อมบ้านของไป๋หลินเอ๋อร์ บ้านชาวบ้านสร้างง่าย ๆ มีเพียงห้องเดียวรวมทั้งหมด ครัว ห้องนอน กินข้าว นางค่อยเดินแผ่วเบาไปยังขอบหน้าต่างก้มลงต่ำ แล้วโผล่ขึ้นมาแค่พ้นขอบลูกตา“อื้อออออ กรี๊ดดดด อ๊าชชชช์”หญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างผอบบางมากอายุราวสามสิบกว่าปลายสี่สิบหรืออาจมากกว่านั้น ไป๋หลินเอ๋อร์ประมาณไม่ได้เพราะผมขาวแล้วเกือบทั้งศีรษะ นางนั่งก้มหน้าร้องไห้ ปล่อยผมกระเซอะกระเซิง แม้ว่าภายในกระท่อมจะเก่าและโทรม ทว่าการแต่งกายกลับสะอาดสะอ้าน คล้ายกับว่ามีคนคอยดูแล ทั้งเนื้อตัวไม่ได้เปื้อนมอมแมมคลุกฝุ่นไป๋หลินเอ๋อร์และจางอวี้มองหน้ากัน ก่อนที่ไป๋หลินเอ๋อร์จะตัดสินลุกขึ้นยืน“แม่นาง”หญิงสาวคนนั้นเมื่อได้ยินเสียงคนแปลกหน้าพลันผุดลุกขึ้นทันที กวาดมองไปรอบห้อง“กรี๊ดดดดดดด

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 22 นายท่านกลับมาแล้ว

    บทที่ 22 นายท่านกลับมาแล้วซ่า...โครม!! เฮือก!!“อะไรกัน!!”ไป๋หลินเอ๋อร์สะดุ้งเฮือกสุดตัวลืมตาเบิกโพลงตกตะลึงยามแหงนดวงหน้าเปียกโชกด้วยน้ำเห็นนายท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยยืนค้ำร่างดวงตาวาวแสงลุกโชนด้วยไฟโทสะ“มัดพวกนาง ลากกลับสำนัก”สิ้นเสียงพลันข้อมือเล็กทั้งสองข้างถูกรวบพร้อมถูกกระชากร่างขึ้นจากพื้น ดวงตาดอกท้อเหลียวมองจางอวี้ บัดนี้สีหน้าซีดเผือดตื่นกลัว ดวงตาเบิกกว้างระคนสับสน“ไม่ต้องกลัวจางอวี้”“ฮึ” โจวหมิงเจ๋อแค่นเสียง “เก็บไว้ปลอบใจตัวเองดีกว่า ฮูหยิน”นางตวัดสายตากลับมา แล้วผงะถอยหลัง นัยน์ตาสีเข้มยามโพล้เพล้แดงฉานวาวโรจน์ส่องประกายดั่งปีศาจ ขมึงทึงและบิดเบี้ยว“จางอวี้ไม่มีส่วน หากท่านต้องการลงโทษ ลงโทษข้า” นางโผเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ โจวหมิงเจ๋อขยับร่างหนีจนนางเกือบล้มลงตรงหน้า แต่ชางซิงเยียนคว้านางไว้ได้ทัน“เจ้าคงไม่รู้ว่ายามใดควรทำสิ่งใด หากเจ้ายังเข้าใกล้ข้าในตอนนี้ ข้าคงไม่อาจยับยั้งใจไว้ได้ฮูหยิน” โจวหมิงเจ๋อหันหลังกลับ ทั่วร่างกายคุกรุ่นด้วยความโกรธ“ท่านจะทำอะไร ทำกับข้าอย่างที่ทำกับสตรีในบ้านร้าง!! ใช่หรือไม่”ไป๋หลินเอ๋อร์ตะโกนถามเสียงดัง แล้วจึงสะดุ้งสุดตัวถอยฉากหนีถึง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 23 อาบน้ำ

    บทที่ 23 อาบน้ำ“เจ้ามันคนบ้า”ถ้อยคำแรกที่ไป๋หลินเอ๋อร์ได้ยินจากเสียงทุ้มก้องต่ำและดวงหน้าแกร่งคมสันหน้าบึงตึ้งจ้องนางราวกินเลือดกินเนื้อ“ข้าชนะแล้วใช่ไหม” เสียงที่เคยหวานนุ่มแหบเครือ ยิ้มมุมปาก ดวงตาดอกท้อขยับปิดอีกครั้ง“ฮึ” โจวหมิงเจ๋อแค่นเสียงก่อนจะขยับผ้าห่มขึ้นให้จนมิดถึงคอ “ท่านหมอสุยฉวูเพิ่งจะกลับไป โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร”นางจับมือเขาไว้ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ส่งรอยยิ้มอ่อนระโหย“ข้า..ขอบคุณท่าน โจวหมิงเจ๋อ”บุรุษปีศาจตรงหน้านางกำลังใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นทีละน้อย“รอไว้ให้ข้าอยู่เฝ้าไข้เจ้าเองก่อนเถิด แล้วเจ้าจะถอนคำพูด”“หมายความว่าอะไร”“ท่านหมอสุยฉวูกำชับให้เจ้าพักผ่อนให้มาก และข้าไม่ไว้ใจใครให้เฝ้าไข้เจ้าอีกแล้ว จึงอาสาตนเองมาเป็นทาสรับใช้เจ้าไง”“ทาสรับใช้?”“อย่ามัวพูดมาก นอนเสียก่อน พรุ่งนี้เช้าข้าสั่งโจ๊กปลาไว้แล้ว”โจวหมิงเจ๋อดึงมือออกแล้วเดินไปดับเทียนในห้องจนเหลือเพียงหนึ่งดวง ยังไม่ทันเดินกลับมาไป๋หลินเอ๋อร์ก็หลับสนิทไปแล้ว จึงนั่งลงขอบเตียงดั่งเก่า ใช้ปลายนิ้วปัดปอยผมออก“เจ้ามันคนบ้า หลินเอ๋อร์” เสียงทุ้มกระซิบในลำคอ นัยน์ตาล้ำลึกมองดวงหน้าหวานที่มีร่อง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 24 nc

    บทที่ 24 nc“แผลหายสนิทแล้ว”“หายแค่ภายนอก แต่จิตใจข้าไม่”นางกระชากเสียงใส่ ดึงดันจะลุกขึ้นแต่มือใหญ่รวบนางไว้ให้นั่งลงซ้อนด้านหน้า“ไหน จิตใจเจ้าที่ตรงใดกัน ข้าจะทำความสะอาดให้หมดจด ขจัดความขุ่นมัวออกไปให้เอง”ไม่เพียงเอ่ยด้วยเสียงกระเส่า มือรั้งร่างเล็กพร้อมผ้าในมือ เช็ดถูแผ่นหน้าท้อง ซบหน้าลงหัวไหล่ เลื่อนผ้านุ่มขึ้นหาทรวงอก นางสะดุ้งทันที“ข้ามือหนักไปหรือ?”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปาก มือจับขอบอ่างไว้ไม่กล้าขยับตัว ผ้านุ่มค่อยถูทำความสะอาดเนื้อนุ่มอวบอิ่มแผ่วเบา ในยามนี้นางรู้ตัวแล้วว่าคงหนีไม่พ้นบุรุษด้านหลังเป็นแน่ หากยังขืนตัวไม่อ่อนลงคงเป็นนางเองที่เจ็บตัว“ท่าน จะเบามือกับข้าสักหน่อยได้หรือไม่”โจวหมิงเจ๋อชะงักไปครู่ เอียงหน้าไปมองดวงหน้างาม ปากกระจับเม้มแน่น พวงแก้มขึ้นสีระเรื่อ นางเอี้ยวกลับมาจ้องตอบ“เหตุใดไม่ตอบข้า”“ไม่ได้”ไป๋หลินเอ๋อร์สะอึกแล้วนิ่งงัน ก่อนจะเอ่ยถามอีก “ถ้าเช่นนั้น สอนข้าให้ ... ให้ข้าเจ็บน้อยที่สุด”โจวหมิงเจ๋อปล่อยผ้าออกจากมือ แล้วแทนที่ด้วยฝ่ามือร้อนจัดกอบกุมเนินทรวง “เจ้าอาจเริ่มจากผ่อนคลาย และสนุกกับสิ่งที่ข้าทำ”“สนุกงั้นหรือ”“ใช่แล้ว ถ้าข้าทำเช่นนี้

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 25 ฮุ่ยหรู

    บทที่ 25 ฮุ่ยหรูเพียะ เพียะ!!ฮุ่ยหรูล้มคว่ำลงทันทีเมื่อฝ่ามือของโจวจางหมิ่นกระทบใบหน้าเป็นครั้งที่สอง ร่างอ่อนแออย่างหญิงตั้งครรภ์สามเดือนกองบนพื้นน้ำตานองหน้า“ข้าบอกเจ้าให้ทำเช่นไรฮุ่ยหรู”“ฮื้ออ ขะ ข้า ข้ายัง พบ นางไม่ได้”เพล้ง!!โจวจางหมิ่นปัดกระถางกำยานล้มคว่ำเฉียดใบหน้าฮุ่ยหรูจนนางผงะออก ดวงตาหวาดกลัวไหวระริก เหลือบมองสามีที่นางแต่งเข้ามายังตระกูลโจวอันร่ำรวยและมากยศฐา“ยามนี้นางอยู่แต่บนหอ ท่านพ่อไม่ยอมให้นางลงมา อร้าย!! อย่า ข้ากลัวแล้ว”ฮุ่ยหรูยกมือไหว้ประลก ๆ น้ำตาไหลนองจนมองไม่เห็นสีหน้าสามี แต่นางรู้ว่าใบหน้าหล่อราวหยกกำลังบิดเบี้ยวจากแรงโกรธ เขากระชากผมนางดึงขึ้นมาจากพื้นเพียะ!!ใช้หลังฝ่ามือฟาดลงใบหน้าอีกครั้งแล้วผลักนางให้ล้มลงกับพื้น ยกเท้าเหยียบนางไว้“เวลาข้าสั่ง ไม่มีข้ออ้างฝ่าฝืน เข้าใจหรือไม่ภรรยารัก”นางพยักหน้ารับ ดวงหน้าแนบพื้นเย็นเยียบ สะอื้นขึ้นแรงก่อนที่โจวจางหมิ่นจะประคองนางขึ้นมาโอบกอดแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยนผิดไปจากคราแรก“วันพรุ่ง เจ้าจงไปหานาง คุยกับนางให้นางคลายใจ ชักชวนนางดั่งที่ข้าบอกไว้ เข้าใจหรือไม่ฮุ่ยหรู”มือร้อนลูบผมนางประคองนางไปนั่งที่เตียง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 26 โจวจางหมิ่น

    บทที่ 26 โจวจางหมิ่นยามเว่ยในช่วงต้นฤดูหนาวชานเมืองหลวงของสำนักคุ้มกันภัยเสวี่ยจง ที่โอบล้อมด้วยป่าไผ่ ยิ่งพาให้อากาศเย็นขึ้นอีกหลายเท่าตัวไป๋หลินเอ๋อร์กระชับเสื้อคลุมตัวยาวที่ชางซิงเยียนกำชับเป็นหนักหนาให้นางสวมมาด้วย แม้ว่านางบอกแล้วว่ามาแค่เรือนหลักเท่านั้นนางเดินผ่านสวนกลางเรื่อยจนมาถึงเรือนหลัก ไม่ทันได้เอ่ยแจ้งเด็กในเรือนพลันเห็นโจวจางหมิ่นยืนนิ่งตรงโค้งประตูวงเดือนทางออกสวนด้านหลังทุกคราที่นางพบหน้าโจวจางหมิ่น ขนแขนนางมักลุกชันอย่างน่าประหลาด และยามนี้ก็เช่นกัน นางมองสีหน้ากระหยิ่มและมุมปากโค้งขึ้นละม้ายโจวหมิงเจ๋อ แต่ก็แค่ละม้าย เพราะส่วนใหญ่บนใบหน้าของชายร่างเกร็งคนนี้ไม่เหมือนโจวหมิงเจ๋อแม้แต่น้อยนางขยับเข้าไปใกล้วางสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ใจเต้นรัวดั่งกลองศึก ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นความแตกต่าง โจวหมิงเจ๋อแม้ว่าการกระทำเย็นชารุนแรง ทว่ากลับมีความเมตตาต่อผู้อื่น ผิดไปจากบุตรชายที่แผ่กลิ่นอายโฉดชั่วทวีคูณ ยิ่งเห็นรอยแผลบนร่างฮุ่ยหรู ยิ่งรับรู้ว่าชายผู้นี้กระทำต่อสตรีเพศราวกับเป็นสัตว์สิ่งของ“ท่านแม่”นางมองร่างสูงของโจวจางหมิ่นโค้งลงคำนับนางราวกับว่าเป็นบุตรชายแท้จริงของนาง ทว

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 27 โจวจางหมิ่น

    บทที่ 27 โจวจางหมิ่น“เข้าใจผิด!! ข้าไม่ได้มีเรื่องอะไรบาดหมางกับเจ้า ยิ่งตี้หรือฮูหยินท่านเจ้าสำนัก” โจวจางหมิ่นเดินเข้าใกล้โน้มหน้าลงต่ำ กระชากผมจนดวงหน้าของนางแหงนขึ้น“เจ้าไม่มีสิ่งใดผิด ผิดแค่ว่าเจ้ามาอยู่ผิดที่ผิดทาง ท่านพ่อต่างหากที่ข้าต้องการให้เขาทุกข์ทรมาน และข้ารู้ว่าท่านพ่อรักเจ้า”“โจวหมิงเจ๋อไม่ได้รักข้า ท่านเข้าใจผิด”“เจ้าไม่รู้จักนิสัยของพ่อข้าดี ท่านพ่อเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ อวี้เจียวจงรักภักดีรับใช้มาเนิ่นนาน เขายังยกให้เฉียนฟานโดยง่ายดาย แต่กับเจ้า..”มือนุ่มดั่งหญิงสาวเชยปลายคางนางขึ้นแล้วบีบ“พบเพียงไม่กี่หนกับยกย่องร่วมชีวิต สัญญาผูกพันนิจนิรันดร์ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้ามีดีอะไร หน้าตาไม่ได้สะสวย ทั้งรูปร่างไม่ได้เสี้ยวหญิงงามเมือง แต่เอาเถิด อย่างไรเสียเจ้าต้องตาย”โจวจางหมิ่นกดริมฝีปากนางล้วงนิ้วเข้า แล้วเผยอปากตัวเองคล้ายแสยะยิ้ม “ให้เขาได้ทุกข์ทนเช่นแม่ข้า ลุกขึ้น บอกลาชีวิตของเจ้าได้แล้ว”แรงบุรุษกระชากดึงนางขึ้นจากพื้น สาบเสื้อหลุดรุ่ยจนพ้นเนินทรวงหนึ่งข้าง โจวจางหมิ่นหลุบตามองก่อนใช้มือบีบขยำลงแรง“ทว่า เจ้าเองก็น่าลิ้มลอง บางคราวข้าก็เคยคิดว่าถ้าได้ร่วมเ

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 28 ความลับ

    บทที่ 28 ความลับไป๋หลินเอ๋อร์ดีดตัวออกจากโจวจางหมิ่นทันทีแล้วโผเข้าหาบุรุษตรงหน้า ให้เขาโอบรัดนางไว้ด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ซบดวงหน้าเปื้อนหยาดน้ำลงอกกระเพื่อมไหวจากแรงสูดลมหายใจไร้เสียงร้องใด ๆ จากโจวจางหมิ่น คมลูกธนูปักลงหัวไหล่ขวาที่รัดลำคอนางไว้ สีหน้าโจวจางหมิ่นปวดร้าว มองโจวหมิงเจ๋อด้วยดวงตากล่าวหา มาดร้าย และคล้ายไม่ต้องการเชื่อในที่โจวหมิ่งเจ๋อทำลงไปนางโอบร่างแกร่งไว้แน่นไม่ยอมให้เขาเข้าไปใกล้โจวจางหมิ่น“จางหมิ่น...” น้ำเสียงระห้อยโหยแรงเอ่ยชื่อในลำคอ ดวงตาแสบร้อนแดงก่ำ แต่ไร้น้ำตา เขามองร่างสูงเกร็งคล้ายเขาถอยหลังไปอีกสองก้าวในยามนี้โจวจางหมิ่นสีหน้าสงบลงแล้วราวกับว่ายอมรับบางอย่าง ริมฝีปากบิดโค้งคล้ายรอยยิ้มก่อนจะทิ้งร่างลงเหวลึกด้วยป่ารกทึบด้านล่าง“จางหมิ่น จางหมิ่น!!! จางหมิ่นนน”บุรุษแกร่งเช่นโจวหมิงเจ๋อ ชั่วชีวิตกระทำการทารุณคน สังหาร มองเลือดและความตายด้วยความเยือกเย็นไร้ความรู้สึก แต่มาบัดนี้โจวจางหมิ่นที่เขาอุ้มชูเลี้ยงมากับมือทิ้งร่างอัตวิบากกรรมต่อหน้าเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงคุกเข่าเท้าฝ่ามือลงพื้นท่ามกลางใบไม้ร่วงหล่นสีส้มแดงในต้นฤดูหนาว“

บทล่าสุด

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 29 บทพิเศษ จบบริบูรณ์

    บทที่ 29 บทพิเศษยามเหม่าในทุกวัน โจวหมิงเจ๋อมักลุกขึ้นเพื่อลงไปฝึกยุทธิ์กับคนของสำนักคุ้มภัยด้วยตนเองไป๋หลินเอ๋อร์พลิกกายโอบลำแขนอ่อนนุ่มรัดเขาไว้เอ่ยเสียงเบา“ท่านพี่ ยามเหม่าแล้ว”โจวหมิงเจ๋อตวัดรัดท่อนแขนให้ร่างเล็กบอบบางเกยขึ้นมานอนบนแผ่นอก ลูบฝ่ามือร้อนลงแผ่นหลังเปล่าเปลือยไร้อาภรณ์“เนื้อเจ้านุ่มมือ” ฝ่ามือใหญ่กางออกลูบแผ่นหลังรั้งนางให้ถดขึ้นกระทั่งริมฝีปากจดกันขยับแผ่วเบา“ป่านนี้เด็ก ๆ คงตื่นกันหมดแล้ว”“แล้วอย่างไร ตื่นแล้วก็ให้ยืนรอหน้าห้องไปก่อน”“ท่านพี่”“ยามเช้าเช่นนี้ ควรอยู่กันแต่ในผ้าห่มดีหรือไม่ กกกอดก่ายรัดร่าง”“ฮะ ฮ่า ท่านพี่ หลินเอ๋อร์ลูกสามแล้วเจ้าค่ะ ไม่อยากท้องอีก”“ถ้าเช่นนั้น พี่จะไม่หลั่งน้ำพิสุทธิ์ข้างในเจ้า เช่นนี้หลินเอ๋อร์ยินยอมหรือไม่”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปากดันร่างตนเองออกแต่ถูกรั้งลงใต้ร่างทันควัน จับนางพลิกคว่ำ จูบขบลงฟันบนแผลเป็นรูปเสือ“คำกล่าวนี้ ท่านพี่บอกข้าเป็นพันครั้ง จนข้าขี้เกียจจดจำจะใส่ใจ”“ฮึ ในเมื่อหลินเอ๋อร์ไม่ใส่ใจ เช่นนั้นพี่จะถือว่าเจ้าอนุญาต” โจวหมิงเจ๋ออมยิ้มขณะพรมจูบไต่ลงแผ่นหลังนวลเนียน มือก่อกวนวนเวียนไม่ห่างทั้งลูบคลำ ทั้งล้

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 28 ความลับ

    บทที่ 28 ความลับไป๋หลินเอ๋อร์ดีดตัวออกจากโจวจางหมิ่นทันทีแล้วโผเข้าหาบุรุษตรงหน้า ให้เขาโอบรัดนางไว้ด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ซบดวงหน้าเปื้อนหยาดน้ำลงอกกระเพื่อมไหวจากแรงสูดลมหายใจไร้เสียงร้องใด ๆ จากโจวจางหมิ่น คมลูกธนูปักลงหัวไหล่ขวาที่รัดลำคอนางไว้ สีหน้าโจวจางหมิ่นปวดร้าว มองโจวหมิงเจ๋อด้วยดวงตากล่าวหา มาดร้าย และคล้ายไม่ต้องการเชื่อในที่โจวหมิ่งเจ๋อทำลงไปนางโอบร่างแกร่งไว้แน่นไม่ยอมให้เขาเข้าไปใกล้โจวจางหมิ่น“จางหมิ่น...” น้ำเสียงระห้อยโหยแรงเอ่ยชื่อในลำคอ ดวงตาแสบร้อนแดงก่ำ แต่ไร้น้ำตา เขามองร่างสูงเกร็งคล้ายเขาถอยหลังไปอีกสองก้าวในยามนี้โจวจางหมิ่นสีหน้าสงบลงแล้วราวกับว่ายอมรับบางอย่าง ริมฝีปากบิดโค้งคล้ายรอยยิ้มก่อนจะทิ้งร่างลงเหวลึกด้วยป่ารกทึบด้านล่าง“จางหมิ่น จางหมิ่น!!! จางหมิ่นนน”บุรุษแกร่งเช่นโจวหมิงเจ๋อ ชั่วชีวิตกระทำการทารุณคน สังหาร มองเลือดและความตายด้วยความเยือกเย็นไร้ความรู้สึก แต่มาบัดนี้โจวจางหมิ่นที่เขาอุ้มชูเลี้ยงมากับมือทิ้งร่างอัตวิบากกรรมต่อหน้าเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงคุกเข่าเท้าฝ่ามือลงพื้นท่ามกลางใบไม้ร่วงหล่นสีส้มแดงในต้นฤดูหนาว“

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 27 โจวจางหมิ่น

    บทที่ 27 โจวจางหมิ่น“เข้าใจผิด!! ข้าไม่ได้มีเรื่องอะไรบาดหมางกับเจ้า ยิ่งตี้หรือฮูหยินท่านเจ้าสำนัก” โจวจางหมิ่นเดินเข้าใกล้โน้มหน้าลงต่ำ กระชากผมจนดวงหน้าของนางแหงนขึ้น“เจ้าไม่มีสิ่งใดผิด ผิดแค่ว่าเจ้ามาอยู่ผิดที่ผิดทาง ท่านพ่อต่างหากที่ข้าต้องการให้เขาทุกข์ทรมาน และข้ารู้ว่าท่านพ่อรักเจ้า”“โจวหมิงเจ๋อไม่ได้รักข้า ท่านเข้าใจผิด”“เจ้าไม่รู้จักนิสัยของพ่อข้าดี ท่านพ่อเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ อวี้เจียวจงรักภักดีรับใช้มาเนิ่นนาน เขายังยกให้เฉียนฟานโดยง่ายดาย แต่กับเจ้า..”มือนุ่มดั่งหญิงสาวเชยปลายคางนางขึ้นแล้วบีบ“พบเพียงไม่กี่หนกับยกย่องร่วมชีวิต สัญญาผูกพันนิจนิรันดร์ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้ามีดีอะไร หน้าตาไม่ได้สะสวย ทั้งรูปร่างไม่ได้เสี้ยวหญิงงามเมือง แต่เอาเถิด อย่างไรเสียเจ้าต้องตาย”โจวจางหมิ่นกดริมฝีปากนางล้วงนิ้วเข้า แล้วเผยอปากตัวเองคล้ายแสยะยิ้ม “ให้เขาได้ทุกข์ทนเช่นแม่ข้า ลุกขึ้น บอกลาชีวิตของเจ้าได้แล้ว”แรงบุรุษกระชากดึงนางขึ้นจากพื้น สาบเสื้อหลุดรุ่ยจนพ้นเนินทรวงหนึ่งข้าง โจวจางหมิ่นหลุบตามองก่อนใช้มือบีบขยำลงแรง“ทว่า เจ้าเองก็น่าลิ้มลอง บางคราวข้าก็เคยคิดว่าถ้าได้ร่วมเ

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 26 โจวจางหมิ่น

    บทที่ 26 โจวจางหมิ่นยามเว่ยในช่วงต้นฤดูหนาวชานเมืองหลวงของสำนักคุ้มกันภัยเสวี่ยจง ที่โอบล้อมด้วยป่าไผ่ ยิ่งพาให้อากาศเย็นขึ้นอีกหลายเท่าตัวไป๋หลินเอ๋อร์กระชับเสื้อคลุมตัวยาวที่ชางซิงเยียนกำชับเป็นหนักหนาให้นางสวมมาด้วย แม้ว่านางบอกแล้วว่ามาแค่เรือนหลักเท่านั้นนางเดินผ่านสวนกลางเรื่อยจนมาถึงเรือนหลัก ไม่ทันได้เอ่ยแจ้งเด็กในเรือนพลันเห็นโจวจางหมิ่นยืนนิ่งตรงโค้งประตูวงเดือนทางออกสวนด้านหลังทุกคราที่นางพบหน้าโจวจางหมิ่น ขนแขนนางมักลุกชันอย่างน่าประหลาด และยามนี้ก็เช่นกัน นางมองสีหน้ากระหยิ่มและมุมปากโค้งขึ้นละม้ายโจวหมิงเจ๋อ แต่ก็แค่ละม้าย เพราะส่วนใหญ่บนใบหน้าของชายร่างเกร็งคนนี้ไม่เหมือนโจวหมิงเจ๋อแม้แต่น้อยนางขยับเข้าไปใกล้วางสีหน้าเรียบเฉยทั้งที่ใจเต้นรัวดั่งกลองศึก ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นความแตกต่าง โจวหมิงเจ๋อแม้ว่าการกระทำเย็นชารุนแรง ทว่ากลับมีความเมตตาต่อผู้อื่น ผิดไปจากบุตรชายที่แผ่กลิ่นอายโฉดชั่วทวีคูณ ยิ่งเห็นรอยแผลบนร่างฮุ่ยหรู ยิ่งรับรู้ว่าชายผู้นี้กระทำต่อสตรีเพศราวกับเป็นสัตว์สิ่งของ“ท่านแม่”นางมองร่างสูงของโจวจางหมิ่นโค้งลงคำนับนางราวกับว่าเป็นบุตรชายแท้จริงของนาง ทว

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 25 ฮุ่ยหรู

    บทที่ 25 ฮุ่ยหรูเพียะ เพียะ!!ฮุ่ยหรูล้มคว่ำลงทันทีเมื่อฝ่ามือของโจวจางหมิ่นกระทบใบหน้าเป็นครั้งที่สอง ร่างอ่อนแออย่างหญิงตั้งครรภ์สามเดือนกองบนพื้นน้ำตานองหน้า“ข้าบอกเจ้าให้ทำเช่นไรฮุ่ยหรู”“ฮื้ออ ขะ ข้า ข้ายัง พบ นางไม่ได้”เพล้ง!!โจวจางหมิ่นปัดกระถางกำยานล้มคว่ำเฉียดใบหน้าฮุ่ยหรูจนนางผงะออก ดวงตาหวาดกลัวไหวระริก เหลือบมองสามีที่นางแต่งเข้ามายังตระกูลโจวอันร่ำรวยและมากยศฐา“ยามนี้นางอยู่แต่บนหอ ท่านพ่อไม่ยอมให้นางลงมา อร้าย!! อย่า ข้ากลัวแล้ว”ฮุ่ยหรูยกมือไหว้ประลก ๆ น้ำตาไหลนองจนมองไม่เห็นสีหน้าสามี แต่นางรู้ว่าใบหน้าหล่อราวหยกกำลังบิดเบี้ยวจากแรงโกรธ เขากระชากผมนางดึงขึ้นมาจากพื้นเพียะ!!ใช้หลังฝ่ามือฟาดลงใบหน้าอีกครั้งแล้วผลักนางให้ล้มลงกับพื้น ยกเท้าเหยียบนางไว้“เวลาข้าสั่ง ไม่มีข้ออ้างฝ่าฝืน เข้าใจหรือไม่ภรรยารัก”นางพยักหน้ารับ ดวงหน้าแนบพื้นเย็นเยียบ สะอื้นขึ้นแรงก่อนที่โจวจางหมิ่นจะประคองนางขึ้นมาโอบกอดแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยนผิดไปจากคราแรก“วันพรุ่ง เจ้าจงไปหานาง คุยกับนางให้นางคลายใจ ชักชวนนางดั่งที่ข้าบอกไว้ เข้าใจหรือไม่ฮุ่ยหรู”มือร้อนลูบผมนางประคองนางไปนั่งที่เตียง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 24 nc

    บทที่ 24 nc“แผลหายสนิทแล้ว”“หายแค่ภายนอก แต่จิตใจข้าไม่”นางกระชากเสียงใส่ ดึงดันจะลุกขึ้นแต่มือใหญ่รวบนางไว้ให้นั่งลงซ้อนด้านหน้า“ไหน จิตใจเจ้าที่ตรงใดกัน ข้าจะทำความสะอาดให้หมดจด ขจัดความขุ่นมัวออกไปให้เอง”ไม่เพียงเอ่ยด้วยเสียงกระเส่า มือรั้งร่างเล็กพร้อมผ้าในมือ เช็ดถูแผ่นหน้าท้อง ซบหน้าลงหัวไหล่ เลื่อนผ้านุ่มขึ้นหาทรวงอก นางสะดุ้งทันที“ข้ามือหนักไปหรือ?”ไป๋หลินเอ๋อร์เม้มปาก มือจับขอบอ่างไว้ไม่กล้าขยับตัว ผ้านุ่มค่อยถูทำความสะอาดเนื้อนุ่มอวบอิ่มแผ่วเบา ในยามนี้นางรู้ตัวแล้วว่าคงหนีไม่พ้นบุรุษด้านหลังเป็นแน่ หากยังขืนตัวไม่อ่อนลงคงเป็นนางเองที่เจ็บตัว“ท่าน จะเบามือกับข้าสักหน่อยได้หรือไม่”โจวหมิงเจ๋อชะงักไปครู่ เอียงหน้าไปมองดวงหน้างาม ปากกระจับเม้มแน่น พวงแก้มขึ้นสีระเรื่อ นางเอี้ยวกลับมาจ้องตอบ“เหตุใดไม่ตอบข้า”“ไม่ได้”ไป๋หลินเอ๋อร์สะอึกแล้วนิ่งงัน ก่อนจะเอ่ยถามอีก “ถ้าเช่นนั้น สอนข้าให้ ... ให้ข้าเจ็บน้อยที่สุด”โจวหมิงเจ๋อปล่อยผ้าออกจากมือ แล้วแทนที่ด้วยฝ่ามือร้อนจัดกอบกุมเนินทรวง “เจ้าอาจเริ่มจากผ่อนคลาย และสนุกกับสิ่งที่ข้าทำ”“สนุกงั้นหรือ”“ใช่แล้ว ถ้าข้าทำเช่นนี้

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 23 อาบน้ำ

    บทที่ 23 อาบน้ำ“เจ้ามันคนบ้า”ถ้อยคำแรกที่ไป๋หลินเอ๋อร์ได้ยินจากเสียงทุ้มก้องต่ำและดวงหน้าแกร่งคมสันหน้าบึงตึ้งจ้องนางราวกินเลือดกินเนื้อ“ข้าชนะแล้วใช่ไหม” เสียงที่เคยหวานนุ่มแหบเครือ ยิ้มมุมปาก ดวงตาดอกท้อขยับปิดอีกครั้ง“ฮึ” โจวหมิงเจ๋อแค่นเสียงก่อนจะขยับผ้าห่มขึ้นให้จนมิดถึงคอ “ท่านหมอสุยฉวูเพิ่งจะกลับไป โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร”นางจับมือเขาไว้ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ส่งรอยยิ้มอ่อนระโหย“ข้า..ขอบคุณท่าน โจวหมิงเจ๋อ”บุรุษปีศาจตรงหน้านางกำลังใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นทีละน้อย“รอไว้ให้ข้าอยู่เฝ้าไข้เจ้าเองก่อนเถิด แล้วเจ้าจะถอนคำพูด”“หมายความว่าอะไร”“ท่านหมอสุยฉวูกำชับให้เจ้าพักผ่อนให้มาก และข้าไม่ไว้ใจใครให้เฝ้าไข้เจ้าอีกแล้ว จึงอาสาตนเองมาเป็นทาสรับใช้เจ้าไง”“ทาสรับใช้?”“อย่ามัวพูดมาก นอนเสียก่อน พรุ่งนี้เช้าข้าสั่งโจ๊กปลาไว้แล้ว”โจวหมิงเจ๋อดึงมือออกแล้วเดินไปดับเทียนในห้องจนเหลือเพียงหนึ่งดวง ยังไม่ทันเดินกลับมาไป๋หลินเอ๋อร์ก็หลับสนิทไปแล้ว จึงนั่งลงขอบเตียงดั่งเก่า ใช้ปลายนิ้วปัดปอยผมออก“เจ้ามันคนบ้า หลินเอ๋อร์” เสียงทุ้มกระซิบในลำคอ นัยน์ตาล้ำลึกมองดวงหน้าหวานที่มีร่อง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 22 นายท่านกลับมาแล้ว

    บทที่ 22 นายท่านกลับมาแล้วซ่า...โครม!! เฮือก!!“อะไรกัน!!”ไป๋หลินเอ๋อร์สะดุ้งเฮือกสุดตัวลืมตาเบิกโพลงตกตะลึงยามแหงนดวงหน้าเปียกโชกด้วยน้ำเห็นนายท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยยืนค้ำร่างดวงตาวาวแสงลุกโชนด้วยไฟโทสะ“มัดพวกนาง ลากกลับสำนัก”สิ้นเสียงพลันข้อมือเล็กทั้งสองข้างถูกรวบพร้อมถูกกระชากร่างขึ้นจากพื้น ดวงตาดอกท้อเหลียวมองจางอวี้ บัดนี้สีหน้าซีดเผือดตื่นกลัว ดวงตาเบิกกว้างระคนสับสน“ไม่ต้องกลัวจางอวี้”“ฮึ” โจวหมิงเจ๋อแค่นเสียง “เก็บไว้ปลอบใจตัวเองดีกว่า ฮูหยิน”นางตวัดสายตากลับมา แล้วผงะถอยหลัง นัยน์ตาสีเข้มยามโพล้เพล้แดงฉานวาวโรจน์ส่องประกายดั่งปีศาจ ขมึงทึงและบิดเบี้ยว“จางอวี้ไม่มีส่วน หากท่านต้องการลงโทษ ลงโทษข้า” นางโผเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ โจวหมิงเจ๋อขยับร่างหนีจนนางเกือบล้มลงตรงหน้า แต่ชางซิงเยียนคว้านางไว้ได้ทัน“เจ้าคงไม่รู้ว่ายามใดควรทำสิ่งใด หากเจ้ายังเข้าใกล้ข้าในตอนนี้ ข้าคงไม่อาจยับยั้งใจไว้ได้ฮูหยิน” โจวหมิงเจ๋อหันหลังกลับ ทั่วร่างกายคุกรุ่นด้วยความโกรธ“ท่านจะทำอะไร ทำกับข้าอย่างที่ทำกับสตรีในบ้านร้าง!! ใช่หรือไม่”ไป๋หลินเอ๋อร์ตะโกนถามเสียงดัง แล้วจึงสะดุ้งสุดตัวถอยฉากหนีถึง

  • ยิ้งตี้ตระกูลโจว   บทที่ 21 โจวหนิงเหมย

    บทที่ 21 โจวหนิงเหมยไม่ทันสิ้นคำพลันเสียงร้องหวีดโหยหวนดังขึ้นอีกครั้งยาวนาน จนพวกนางต้องยกมืออุดหู“แม่นางในนั้นอาจป่วย”“ไม่พี่หลินเอ๋อร์ ข้าว่านางเป็นบ้า”“อย่างไรเราควรเข้าไปดู”จางอวี้ดึงรั้งมือไป๋หลินเอ๋อร์ไว้ จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่อาจหยุดยั้งพี่สาวคนนี้ได้จึงเดินตามติดด้านหลังแบบจมูกแนบแผ่นหลังเรือนหลังเล็กนี้รูปทรงคล้ายกระท่อมบ้านของไป๋หลินเอ๋อร์ บ้านชาวบ้านสร้างง่าย ๆ มีเพียงห้องเดียวรวมทั้งหมด ครัว ห้องนอน กินข้าว นางค่อยเดินแผ่วเบาไปยังขอบหน้าต่างก้มลงต่ำ แล้วโผล่ขึ้นมาแค่พ้นขอบลูกตา“อื้อออออ กรี๊ดดดด อ๊าชชชช์”หญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างผอบบางมากอายุราวสามสิบกว่าปลายสี่สิบหรืออาจมากกว่านั้น ไป๋หลินเอ๋อร์ประมาณไม่ได้เพราะผมขาวแล้วเกือบทั้งศีรษะ นางนั่งก้มหน้าร้องไห้ ปล่อยผมกระเซอะกระเซิง แม้ว่าภายในกระท่อมจะเก่าและโทรม ทว่าการแต่งกายกลับสะอาดสะอ้าน คล้ายกับว่ามีคนคอยดูแล ทั้งเนื้อตัวไม่ได้เปื้อนมอมแมมคลุกฝุ่นไป๋หลินเอ๋อร์และจางอวี้มองหน้ากัน ก่อนที่ไป๋หลินเอ๋อร์จะตัดสินลุกขึ้นยืน“แม่นาง”หญิงสาวคนนั้นเมื่อได้ยินเสียงคนแปลกหน้าพลันผุดลุกขึ้นทันที กวาดมองไปรอบห้อง“กรี๊ดดดดดดด

DMCA.com Protection Status