เซียวหลินเทียนผงะไปครู่หนึ่ง พลันมองทางจ้าวซวนจ้าวซวนขบคิดแล้วกล่าวว่า “พระชายาอ๋องอี้ บางทีหลี่ต้าหนิวอาจเข้าใจผิด! คนแซ่เซียวมิใช่องค์ชายแน่ อาจเป็นองค์หญิงก็ได้ขอรับ!”“ข้าได้ยินว่าช่วงนี้ฉินซานกับองค์หญิงหกเดินแนบชิดกันนัก… ก่อนหน้านี้ก็เคยถามเรื่องอภิเษกขององค์หญิงหก ไทเฮาก็ทรงเร่งเร้าฮองเฮาให้แสวงเลือกคนที่เหมาะสมกับองค์หญิงหกขอรับ!”“ไทเฮาอาจจะคิดว่าฉินซานก็ไม่เลว จึงให้โอกาสทั้งสองสร้างความสัมพันธ์ขอรับ!”“สองวันก่อน ฉินซานก็ออกไปจุดธูปบูชาเป็นเพื่อนองค์หญิงหกขอรับ…”หลิงอวี๋ตะลึงตาค้างเมื่อได้ยิน และคำอธิบายของจ้าวซวนก็ดูสมเหตุสมผลองค์หญิงหกเซียวทงออกไปจุดธูปบูชา บางทีอาจเป็นหญิงแต่งชาย ฉะนั้นคนในหมู่บ้านหลี่จึงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพวกลักเพศ!“ข้ามิได้เป็นศัตรูคู่แค้นกับองค์หญิงหก เหตุใดพระนางถึงหมายหัวข้าเช่นนี้?”หลิงอวี๋ส่ายศีรษะ “มิใช่บังเอิญแน่นอน! มีที่ไหนพระนางเสด็จออกจากวังครั้งแรกแล้วถูกใจโรงงานยาของข้าพอดิบพอดี! ยังใช้อำนาจระรานจักเอาเทียบยากับโรงงานยาของข้า!”หลิงอวี๋ลืมเรื่องที่เซียวทงบงการนางกำนัลมิให้จัดที่นั่งของตนในงานฉลองพระราชสมภพครั้งก่อนไปนานแล้ว
จักรพรรดิอู่อันกำลังพิจารณาสาส์นกราบทูล ณ ห้องทรงพระอักษร และมีขันทีเซี่ยบดหมึกอยู่ข้าง ๆเวลานี้เองขันทีน้อยเซี่ยก็เข้ามากราบทูล“ฝ่าบาท พระชายาบอกว่านางมาขอรับโทษพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องอี้ก็เสด็จมากับพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“ขอรับโทษ?”จักรพรรดิอู่อันพิจารณาสาส์นเหนื่อยพอดี จึงวางพู่กันลงพลางกล่าวไม่พอใจ“พระชายาอ๋องอี้ก่อเรื่องอันใดอีก? เรื่องวังชั้นในให้ไปขอวิธีแก้ไขจากฮองเฮา เข้าเฝ้าข้าหาปะไร?”ขันทีน้อยเซี่ยส่งยิ้มกล่าว “พระชายาอ๋องอี้อ้างว่าความผิดของนางมิอาจผ่อนปรนได้ มีเพียงฝ่าบาทตัดสินความผิดได้เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”ก่อนหน้านี้ขันทีเซี่ยเห็นหลิงซวนมีชีวิตดีนักที่ตำหนักอ๋องอี้ พลางรู้สึกตื้นตันต่อหลิงอวี๋ภายในใจ จึงพูดโพล่งทันที“ฝ่าบาท ไหน ๆ สามีภรรยาอ๋องอี้ก็ต่างมากันแล้ว พระองค์มิลองพบหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“หากพระชายาอ๋องอี้ทำผิดร้ายแรงจริง ๆ ฝ่าบาทก็ทรงจัดการได้อย่างยุติธรรมพ่ะย่ะค่ะ!”“หากมิร้ายแรงอันใด… ช่วงนี้พระองค์ทรงงานจนเหนื่อยล้า พระชายาเป็นหมอ ให้นางช่วยลองตรวจพระองค์ก็เป็นการดีพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันนึกถึงรำมวยที่ไทเฮาสอนตนซึ่งถูกหลิงอวี๋สอนมาอีกที ตนฝึกตาม
เมื่อจักรพรรดิอู่อันได้ฟังก็พลันขมวดหัวคิ้วแน่นยารักษาแผลของหลิงอวี๋มีประโยชน์มากต่อทหารแนวหน้า แถมดูเหมือนที่นางพูดจะมิได้เงินกำไรเท่าไรจริง ๆ ในการขายยารักษาแผลให้กองทัพ!ด้านกรมกลาโหมต้องเสียค่าใช้จ่ายเลือกซื้อยารักษาแผลทหารในทุกปี แต่ตั้งแต่ที่ใช้ยารักษาแผลของหลิงอวี๋ ค่าใช้จ่ายของกรมกลาโหมประหยัดลงกว่าครึ่ง!หากโรงงานยาของหลิงอวี๋ปิดตัวลง เช่นนั้นค่าใช้จ่ายของกรมกลาโหมจะมิเพิ่มขึ้นหรือไร?“พ่อค้าร่ำรวยผู้นี้มาจากที่ใด ไยใช้อำนาจบาตรใหญ่เยี่ยงนี้!”จักรพรรดิอู่อันโกรธขึ้งทันใด แผ่นดินแห่งฉินตะวันตกคือผืนดินของกษัตริย์ โรงงานยาที่หลิงอวี๋เปิดก็เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ผู้ใดไม่มีตาดูแล้วกล้ารังแกคนเช่นนี้!“หลิงอวี๋ ก่อนหน้าข้าก็บอกเจ้าไปแล้ว อย่าออกไปเสนอหน้าทำธุรกิจ!”“เจ้าดูตัวเจ้าเถอะ บัดนี้ก่อเรื่องวุ่นวายเสียแล้ว!”เซียวหลินเทียนกล่าวเคืองขุ่น “เสด็จพ่อ หลิงอวี๋ก่อเรื่องทำให้แม่ทัพเหยียนล่าช้า มิสมควรให้อภัยโดยแท้ เสด็จพ่อโปรดลงโทษตามวินัยทหาร! กระหม่อมมิเข้าข้างนางเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋กล่าวทั้งร่ำไห้ “เสด็จพ่อเพคะ หลิงอวี๋ผิดไปแล้ว! มิกล้าขอให้เสด็จพ่อให้อภ
เพล้ง…เสียงพังข้าวของดังก้องเรือนธาราจิตรขององค์หญิงหกนางกำนัลน้อยหลายคนต่างไม่กล้าเข้าไป หวั่นได้รองรับความโกรธเกรี้ยวขององค์หญิงหกเซียวทง“นางชั่วหลิงอวี๋… นางหญิงชั่ว… คาดไม่ถึงว่าจะกล้าต่อต้านข้า!”“ข้าจักฆ่านางแน่! กรี๊ด กรี๊ด…”ฉินรั่วซือยืนตัวสั่นงันงกอยู่ข้าง ๆ รอเซียวทงระบายความโกรธให้เสร็จ นางจึงเดินอ้อมเศษของแตกบนพื้นอย่างเจี๋ยมเจี้ยมพลางเทน้ำแก้วหนึ่งส่งให้เซียวทง“ผลัวะ…”เซียวทงสะบัดมือด้วยท่าทีสบาย ๆ พลางปัดถ้วยชาของฉินรั่วซือตกพื้นนางมองค้อนใส่ฉินรั่วซืออย่างโหดเหี้ยม ตะคอกว่า“ทั้งหมดเป็นเพราะความคิดโง่เขลาของเจ้า… เจ้าบอกว่าขอแค่ตัวข้าซื้อที่ดินนั่น นางชั่วหลิงอวี๋ผู้นี้จักมาอ้อนวอนข้าแน่นอนมิใช่รึ?”“เจ้ายังพูดอีกว่าแม้หลิงอวี๋มิมอบสูตร แต่ข้าก็บีบให้นางซื้อที่ดินคืนในราคาที่สูงได้!”“เจ้าดูตอนนี้สิ ตัวข้ามิเพียงมิได้กำไรสักเฟินเดียว ยังกลับเสียหกหมื่นไปด้วย!”ฉินรั่วซือกล่าวเจื่อน ๆ “องค์หญิง หม่อมฉันมิทราบว่าหลิงอวี๋เจ้าเล่ห์เพียงนี้เพคะ! มิคาดว่าจักโน้มน้าวองค์จักรพรรดิมอบที่ดินให้นางเพคะ!”“องค์หญิงเพคะ ตั๋วเงินหกหมื่นเอาคืนได้! เราไปหาผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉินรั่วซือกับเจิงจื่ออวี้ได้ไปเดินเล่นด้วยกันครั้นเดินผ่านโรงเหยียนหลิง เจิงจื่ออวี้พลันด่าเคียดแค้น‘นางชั่วหลิงอวี๋ เปิดโรงเหยียนหลิงมิพอ! นางยังเปิดโรงงานยาด้วย!’‘หญิงชั่วนี่แย่งการค้าขายของโรงหุยชุน เสียดายที่คู่หมั้นข้าเป็นสามัญชน ไร้อำนาจสิ้นอิทธิพลจัดการกับนาง!’‘หากมีคนยับยั้งหลิงอวี๋ได้ ไปซื้อที่ดินที่นางเปิดโรงงานยา! บังคับให้นางปิดตัว! คงคลายโทสะทีเดียว!’เจิงจื่ออวี้ถอนหายใจยาวเหยียด ‘สูตรยารักษาแผลในมือนาง หากได้มาคงยิ่งค้าขายสร้างเงินกำไรมหาศาลแน่!’‘แต่น่าเสียดาย ข้างหลังนางคือท่านอ๋องอี้ เราก็ได้แค่กล้าคิดมิกล้าทำ!’เมื่อฉินรั่วซือฟังวาจานี้ก็ใจเต้นทันใดข้างหลังหลิงอวี๋มีท่านอ๋องอี้ แต่ข้างหลังตนมีองค์หญิงหก!องค์หญิงหกเป็นที่โปรดปรานมากต่อองค์จักรพรรดิ หากโน้มน้าวองค์หญิงหกไปซื้อที่ดินนั่น แม้ท่านอ๋องอี้รู้แล้วจะเป็นอย่างไร เขาจักแย่งกับองค์หญิงหกได้รึ?ฉินรั่วซือไปเข้าเฝ้าองค์หญิงหกอย่างลิงโลด พลางเล่าความคิดนี้กับองค์หญิงหกอย่างไรเสียฉินรั่วซือก็คิดมิถึงว่ายารักษาแผลของหลิงอวี๋จะขายให้แม่ทัพเหยียนแถมองค์จักรพรรดิยังเชื่อคำพูดของหลิ
ณ ตำหนักองค์ชายคังกวนอิ่งนอนบนเตียงอย่างเกียจคร้าน มีผ้าโปร่งบางคลุมบนร่างหนึ่งชั้น ผ้าบางจนเผยรอยด่างที่ไม่อาจอำพรางได้เมื่อชุ่ยเอ๋อร์นางรับใช้เห็นก็พลันหน้าแดงขวยเขิน เบี่ยงสายตาหนี“ชุ่ยเอ๋อร์… น่าเบื่อนัก องค์ชายกลับมาหรือยัง?”ชุ่ยเอ๋อร์ตอบอย่างระวัง “องค์ชายตรัสว่ามีงานเลี้ยง ไม่กลับมาเสวยพระกระยาหารเจ้าค่ะ!”ตุบ…กวนอิ่งขว้างหมอนที่กำลังกอดทิ้ง ตะโกนเสียงดัง“มีงานเลี้ยงทุกวัน! มิกลับมาอยู่กับข้าเลย! ใช้ชีวิตแบบนี้มิสนุกเลยสักนิด!”“ข้าจักออกไปเที่ยวเล่น!”ชุ่ยเอ๋อร์กล่าวหน้าเจื่อน “คุณหนู มิใช่ว่าท่านกลัวท่านกวนเอ้อร์แก้แค้นหรือเจ้าคะ? ซ่อนอีกหลาย ๆ วันเถิดเจ้าค่ะ!”เมื่อชุ่ยเอ๋อร์เอ่ยเช่นนี้ มันยิ่งจุดชนวนความโกรธของกวนอิ่งมากขึ้น“ซ่อน… ต้องซ่อนนานเท่าใด? บัดนี้ตัวข้าคือสตรีที่องค์ชายคังทรงโปรดที่สุด ข้ายังต้องกลัวเจ้าสุนัขกวนผิงนั่นรึ?”“มา ผลัดผ้าให้ตัวข้าซะ! วันนี้ข้าต้องออกไปให้ได้!”“หากเอาแต่อยู่ในตำหนักอีก ข้าต้องราขึ้นแน่!”เมื่อชุ่ยเอ๋อร์โดนดุก็มิกล้าเตือนอีก พลางหาอาภรณ์มาให้กวนอิ่งกวนอิ่งชายมองอย่างรังเกียจ พลันกล่าว “วันนี้เราจักไปเรือนหยกอำไพ ชุ
ครั้นหลิงอวี๋พาหลิงซวนกับเถาจื่อกลับจากโรงงานยาถึงตำหนักอ๋องอี้ ฟ้าก็มืดเสียแล้วพอถึงปากประตูเรือนบุหงาก็ได้ยินเสียงแม่นมลี่เข้าพอดี“เจ้าเด็กหลิงซินคนนี้ ให้นางไปเรือนหยกอำไพส่งอาภรณ์เพื่อปรับแก้ ไยไปตั้งครึ่งค่อนวันแล้วยังมิกลับมา!”เสียงของสุ่ยหลิงเอ่ย “แม่นม ข้าจักออกไปดูหน่อยว่ามีเรื่องอันใดทำล่าช้าหรือไม่!”“ไปเถอะ! ดูร้านค้าขายของกินข้างทางหน่อยเถอะ เจ้าเด็กคนนี้ได้ไปแอบกินหรือเปล่า!”สุ่ยหลิงเดินออกมาก็บังเอิญเจอหลิงอวี๋เข้าพอดี“หลิงซินยังมิกลับ?” หลิงอวี๋โพล่งถาม“เจ้าค่ะ บ่าวจักออกไปหาดู!”สุ่ยหลิงกล่าวยิ้ม ๆ “ช่วงนี้เจ้าเด็กคนนี้โตขึ้นมาก บางทีอาจเป็นอย่างที่แม่นมพูด คงวิ่งไปซื้อของกินสักที่เจ้าค่ะ!”“เช่นนั้นรีบไปรีบกลับ!”หลิงอวี๋ไม่ได้คิดมากเช่นกันพลางเดินเข้าไป“คุณหนู เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ บ่าวเก็บข้าวไว้ให้แล้ว บ่าวจักไปยก รีบไปล้างหน้าล้างตามากินข้าวเถิดเจ้าค่ะ!”“ขอบใจแม่นม!”หลิงอวี๋กับหลิงซวนพร้อมอีกสามคนล้างหน้าแล้วนั่งลงหน้าโต๊ะอาหารหลิงเยวี่ยโน้มเข้ามาพูดว่า “ท่านแม่ วันพรุ่งข้าไปเล่นจวนเสนาบดีได้หรือไม่ขอรับ น้าหว่านให้คนมาส่งข่าวบอกว่าท่านยายทว
ลู่หนานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดอะไร จูเผิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยเสียงเย็นชา “แค่นางรับใช้คนหนึ่งหายตัวไป ก็ให้ทหารองครักษ์ของตำหนักอย่างพวกเราไปตามหาหรือ? พระชายาอ๋องอี้ พระชายาคิดว่าพวกเราไม่มีสิ่งใดทำหรือ?”“ผู้ใดจักรู้ว่านางรับใช้ผู้นั้นห่วงเที่ยวเล่นแล้วจงใจมิกลับมาหรือไม่!”หลิงอวี๋โกรธขึ้นมาทันที “นางรับใช้แล้วเป็นเยี่ยงไร? นางรับใช้มิใช่คนรึ?”“ลู่หนาน เจ้าจะช่วยข้าได้หรือไม่? หากเจ้ามิช่วย ข้าจักไปหาคนอื่นให้ช่วย!”“แต่เจ้าจำไว้เถอะว่า หากครั้งนี้พวกเจ้าไม่ช่วยข้าอีก ต่อไปหากมีปัญหาเกิดขึ้นในตำหนักอ๋องอี้ก็ไม่ต้องมาหาข้าแล้ว!”ลู่หนานกลัวว่าจะทำให้หลิงอวี๋โกรธ จึงรีบเอ่ย “พระชายาอย่าได้โกรธข้าเลย พวกเราจักมิช่วยได้เยี่ยงไรกันขอรับ!”“จูเผิง อย่าพูดจาไร้สาระ! พระชายาช่วยพวกเราไว้มากถึงเพียงนั้น พวกเราก็ควรช่วยนางสิ!”จูเผิงส่งเสียงหึอย่างเย็นชา อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกเฉาอี้ดึงไปข้าง ๆ พลางกระซิบเตือน“เจ้าอย่าพูดให้มันมากนัก! แม้ว่าเจ้ามิชอบนาง แต่นางก็เป็นพระชายาของพวกเราหนา!”หลิงอวี๋เหลือบมองจูเผิงอย่างเย็นชานางจำองครักษ์ผู้นี้ได้ ชักสีหน้าใส่ตนมาห