จักรพรรดิอู่อันกำลังพิจารณาสาส์นกราบทูล ณ ห้องทรงพระอักษร และมีขันทีเซี่ยบดหมึกอยู่ข้าง ๆเวลานี้เองขันทีน้อยเซี่ยก็เข้ามากราบทูล“ฝ่าบาท พระชายาบอกว่านางมาขอรับโทษพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องอี้ก็เสด็จมากับพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“ขอรับโทษ?”จักรพรรดิอู่อันพิจารณาสาส์นเหนื่อยพอดี จึงวางพู่กันลงพลางกล่าวไม่พอใจ“พระชายาอ๋องอี้ก่อเรื่องอันใดอีก? เรื่องวังชั้นในให้ไปขอวิธีแก้ไขจากฮองเฮา เข้าเฝ้าข้าหาปะไร?”ขันทีน้อยเซี่ยส่งยิ้มกล่าว “พระชายาอ๋องอี้อ้างว่าความผิดของนางมิอาจผ่อนปรนได้ มีเพียงฝ่าบาทตัดสินความผิดได้เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”ก่อนหน้านี้ขันทีเซี่ยเห็นหลิงซวนมีชีวิตดีนักที่ตำหนักอ๋องอี้ พลางรู้สึกตื้นตันต่อหลิงอวี๋ภายในใจ จึงพูดโพล่งทันที“ฝ่าบาท ไหน ๆ สามีภรรยาอ๋องอี้ก็ต่างมากันแล้ว พระองค์มิลองพบหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“หากพระชายาอ๋องอี้ทำผิดร้ายแรงจริง ๆ ฝ่าบาทก็ทรงจัดการได้อย่างยุติธรรมพ่ะย่ะค่ะ!”“หากมิร้ายแรงอันใด… ช่วงนี้พระองค์ทรงงานจนเหนื่อยล้า พระชายาเป็นหมอ ให้นางช่วยลองตรวจพระองค์ก็เป็นการดีพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันนึกถึงรำมวยที่ไทเฮาสอนตนซึ่งถูกหลิงอวี๋สอนมาอีกที ตนฝึกตาม
เมื่อจักรพรรดิอู่อันได้ฟังก็พลันขมวดหัวคิ้วแน่นยารักษาแผลของหลิงอวี๋มีประโยชน์มากต่อทหารแนวหน้า แถมดูเหมือนที่นางพูดจะมิได้เงินกำไรเท่าไรจริง ๆ ในการขายยารักษาแผลให้กองทัพ!ด้านกรมกลาโหมต้องเสียค่าใช้จ่ายเลือกซื้อยารักษาแผลทหารในทุกปี แต่ตั้งแต่ที่ใช้ยารักษาแผลของหลิงอวี๋ ค่าใช้จ่ายของกรมกลาโหมประหยัดลงกว่าครึ่ง!หากโรงงานยาของหลิงอวี๋ปิดตัวลง เช่นนั้นค่าใช้จ่ายของกรมกลาโหมจะมิเพิ่มขึ้นหรือไร?“พ่อค้าร่ำรวยผู้นี้มาจากที่ใด ไยใช้อำนาจบาตรใหญ่เยี่ยงนี้!”จักรพรรดิอู่อันโกรธขึ้งทันใด แผ่นดินแห่งฉินตะวันตกคือผืนดินของกษัตริย์ โรงงานยาที่หลิงอวี๋เปิดก็เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ผู้ใดไม่มีตาดูแล้วกล้ารังแกคนเช่นนี้!“หลิงอวี๋ ก่อนหน้าข้าก็บอกเจ้าไปแล้ว อย่าออกไปเสนอหน้าทำธุรกิจ!”“เจ้าดูตัวเจ้าเถอะ บัดนี้ก่อเรื่องวุ่นวายเสียแล้ว!”เซียวหลินเทียนกล่าวเคืองขุ่น “เสด็จพ่อ หลิงอวี๋ก่อเรื่องทำให้แม่ทัพเหยียนล่าช้า มิสมควรให้อภัยโดยแท้ เสด็จพ่อโปรดลงโทษตามวินัยทหาร! กระหม่อมมิเข้าข้างนางเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋กล่าวทั้งร่ำไห้ “เสด็จพ่อเพคะ หลิงอวี๋ผิดไปแล้ว! มิกล้าขอให้เสด็จพ่อให้อภ
เพล้ง…เสียงพังข้าวของดังก้องเรือนธาราจิตรขององค์หญิงหกนางกำนัลน้อยหลายคนต่างไม่กล้าเข้าไป หวั่นได้รองรับความโกรธเกรี้ยวขององค์หญิงหกเซียวทง“นางชั่วหลิงอวี๋… นางหญิงชั่ว… คาดไม่ถึงว่าจะกล้าต่อต้านข้า!”“ข้าจักฆ่านางแน่! กรี๊ด กรี๊ด…”ฉินรั่วซือยืนตัวสั่นงันงกอยู่ข้าง ๆ รอเซียวทงระบายความโกรธให้เสร็จ นางจึงเดินอ้อมเศษของแตกบนพื้นอย่างเจี๋ยมเจี้ยมพลางเทน้ำแก้วหนึ่งส่งให้เซียวทง“ผลัวะ…”เซียวทงสะบัดมือด้วยท่าทีสบาย ๆ พลางปัดถ้วยชาของฉินรั่วซือตกพื้นนางมองค้อนใส่ฉินรั่วซืออย่างโหดเหี้ยม ตะคอกว่า“ทั้งหมดเป็นเพราะความคิดโง่เขลาของเจ้า… เจ้าบอกว่าขอแค่ตัวข้าซื้อที่ดินนั่น นางชั่วหลิงอวี๋ผู้นี้จักมาอ้อนวอนข้าแน่นอนมิใช่รึ?”“เจ้ายังพูดอีกว่าแม้หลิงอวี๋มิมอบสูตร แต่ข้าก็บีบให้นางซื้อที่ดินคืนในราคาที่สูงได้!”“เจ้าดูตอนนี้สิ ตัวข้ามิเพียงมิได้กำไรสักเฟินเดียว ยังกลับเสียหกหมื่นไปด้วย!”ฉินรั่วซือกล่าวเจื่อน ๆ “องค์หญิง หม่อมฉันมิทราบว่าหลิงอวี๋เจ้าเล่ห์เพียงนี้เพคะ! มิคาดว่าจักโน้มน้าวองค์จักรพรรดิมอบที่ดินให้นางเพคะ!”“องค์หญิงเพคะ ตั๋วเงินหกหมื่นเอาคืนได้! เราไปหาผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉินรั่วซือกับเจิงจื่ออวี้ได้ไปเดินเล่นด้วยกันครั้นเดินผ่านโรงเหยียนหลิง เจิงจื่ออวี้พลันด่าเคียดแค้น‘นางชั่วหลิงอวี๋ เปิดโรงเหยียนหลิงมิพอ! นางยังเปิดโรงงานยาด้วย!’‘หญิงชั่วนี่แย่งการค้าขายของโรงหุยชุน เสียดายที่คู่หมั้นข้าเป็นสามัญชน ไร้อำนาจสิ้นอิทธิพลจัดการกับนาง!’‘หากมีคนยับยั้งหลิงอวี๋ได้ ไปซื้อที่ดินที่นางเปิดโรงงานยา! บังคับให้นางปิดตัว! คงคลายโทสะทีเดียว!’เจิงจื่ออวี้ถอนหายใจยาวเหยียด ‘สูตรยารักษาแผลในมือนาง หากได้มาคงยิ่งค้าขายสร้างเงินกำไรมหาศาลแน่!’‘แต่น่าเสียดาย ข้างหลังนางคือท่านอ๋องอี้ เราก็ได้แค่กล้าคิดมิกล้าทำ!’เมื่อฉินรั่วซือฟังวาจานี้ก็ใจเต้นทันใดข้างหลังหลิงอวี๋มีท่านอ๋องอี้ แต่ข้างหลังตนมีองค์หญิงหก!องค์หญิงหกเป็นที่โปรดปรานมากต่อองค์จักรพรรดิ หากโน้มน้าวองค์หญิงหกไปซื้อที่ดินนั่น แม้ท่านอ๋องอี้รู้แล้วจะเป็นอย่างไร เขาจักแย่งกับองค์หญิงหกได้รึ?ฉินรั่วซือไปเข้าเฝ้าองค์หญิงหกอย่างลิงโลด พลางเล่าความคิดนี้กับองค์หญิงหกอย่างไรเสียฉินรั่วซือก็คิดมิถึงว่ายารักษาแผลของหลิงอวี๋จะขายให้แม่ทัพเหยียนแถมองค์จักรพรรดิยังเชื่อคำพูดของหลิ
ณ ตำหนักองค์ชายคังกวนอิ่งนอนบนเตียงอย่างเกียจคร้าน มีผ้าโปร่งบางคลุมบนร่างหนึ่งชั้น ผ้าบางจนเผยรอยด่างที่ไม่อาจอำพรางได้เมื่อชุ่ยเอ๋อร์นางรับใช้เห็นก็พลันหน้าแดงขวยเขิน เบี่ยงสายตาหนี“ชุ่ยเอ๋อร์… น่าเบื่อนัก องค์ชายกลับมาหรือยัง?”ชุ่ยเอ๋อร์ตอบอย่างระวัง “องค์ชายตรัสว่ามีงานเลี้ยง ไม่กลับมาเสวยพระกระยาหารเจ้าค่ะ!”ตุบ…กวนอิ่งขว้างหมอนที่กำลังกอดทิ้ง ตะโกนเสียงดัง“มีงานเลี้ยงทุกวัน! มิกลับมาอยู่กับข้าเลย! ใช้ชีวิตแบบนี้มิสนุกเลยสักนิด!”“ข้าจักออกไปเที่ยวเล่น!”ชุ่ยเอ๋อร์กล่าวหน้าเจื่อน “คุณหนู มิใช่ว่าท่านกลัวท่านกวนเอ้อร์แก้แค้นหรือเจ้าคะ? ซ่อนอีกหลาย ๆ วันเถิดเจ้าค่ะ!”เมื่อชุ่ยเอ๋อร์เอ่ยเช่นนี้ มันยิ่งจุดชนวนความโกรธของกวนอิ่งมากขึ้น“ซ่อน… ต้องซ่อนนานเท่าใด? บัดนี้ตัวข้าคือสตรีที่องค์ชายคังทรงโปรดที่สุด ข้ายังต้องกลัวเจ้าสุนัขกวนผิงนั่นรึ?”“มา ผลัดผ้าให้ตัวข้าซะ! วันนี้ข้าต้องออกไปให้ได้!”“หากเอาแต่อยู่ในตำหนักอีก ข้าต้องราขึ้นแน่!”เมื่อชุ่ยเอ๋อร์โดนดุก็มิกล้าเตือนอีก พลางหาอาภรณ์มาให้กวนอิ่งกวนอิ่งชายมองอย่างรังเกียจ พลันกล่าว “วันนี้เราจักไปเรือนหยกอำไพ ชุ
ครั้นหลิงอวี๋พาหลิงซวนกับเถาจื่อกลับจากโรงงานยาถึงตำหนักอ๋องอี้ ฟ้าก็มืดเสียแล้วพอถึงปากประตูเรือนบุหงาก็ได้ยินเสียงแม่นมลี่เข้าพอดี“เจ้าเด็กหลิงซินคนนี้ ให้นางไปเรือนหยกอำไพส่งอาภรณ์เพื่อปรับแก้ ไยไปตั้งครึ่งค่อนวันแล้วยังมิกลับมา!”เสียงของสุ่ยหลิงเอ่ย “แม่นม ข้าจักออกไปดูหน่อยว่ามีเรื่องอันใดทำล่าช้าหรือไม่!”“ไปเถอะ! ดูร้านค้าขายของกินข้างทางหน่อยเถอะ เจ้าเด็กคนนี้ได้ไปแอบกินหรือเปล่า!”สุ่ยหลิงเดินออกมาก็บังเอิญเจอหลิงอวี๋เข้าพอดี“หลิงซินยังมิกลับ?” หลิงอวี๋โพล่งถาม“เจ้าค่ะ บ่าวจักออกไปหาดู!”สุ่ยหลิงกล่าวยิ้ม ๆ “ช่วงนี้เจ้าเด็กคนนี้โตขึ้นมาก บางทีอาจเป็นอย่างที่แม่นมพูด คงวิ่งไปซื้อของกินสักที่เจ้าค่ะ!”“เช่นนั้นรีบไปรีบกลับ!”หลิงอวี๋ไม่ได้คิดมากเช่นกันพลางเดินเข้าไป“คุณหนู เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ บ่าวเก็บข้าวไว้ให้แล้ว บ่าวจักไปยก รีบไปล้างหน้าล้างตามากินข้าวเถิดเจ้าค่ะ!”“ขอบใจแม่นม!”หลิงอวี๋กับหลิงซวนพร้อมอีกสามคนล้างหน้าแล้วนั่งลงหน้าโต๊ะอาหารหลิงเยวี่ยโน้มเข้ามาพูดว่า “ท่านแม่ วันพรุ่งข้าไปเล่นจวนเสนาบดีได้หรือไม่ขอรับ น้าหว่านให้คนมาส่งข่าวบอกว่าท่านยายทว
ลู่หนานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดอะไร จูเผิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยเสียงเย็นชา “แค่นางรับใช้คนหนึ่งหายตัวไป ก็ให้ทหารองครักษ์ของตำหนักอย่างพวกเราไปตามหาหรือ? พระชายาอ๋องอี้ พระชายาคิดว่าพวกเราไม่มีสิ่งใดทำหรือ?”“ผู้ใดจักรู้ว่านางรับใช้ผู้นั้นห่วงเที่ยวเล่นแล้วจงใจมิกลับมาหรือไม่!”หลิงอวี๋โกรธขึ้นมาทันที “นางรับใช้แล้วเป็นเยี่ยงไร? นางรับใช้มิใช่คนรึ?”“ลู่หนาน เจ้าจะช่วยข้าได้หรือไม่? หากเจ้ามิช่วย ข้าจักไปหาคนอื่นให้ช่วย!”“แต่เจ้าจำไว้เถอะว่า หากครั้งนี้พวกเจ้าไม่ช่วยข้าอีก ต่อไปหากมีปัญหาเกิดขึ้นในตำหนักอ๋องอี้ก็ไม่ต้องมาหาข้าแล้ว!”ลู่หนานกลัวว่าจะทำให้หลิงอวี๋โกรธ จึงรีบเอ่ย “พระชายาอย่าได้โกรธข้าเลย พวกเราจักมิช่วยได้เยี่ยงไรกันขอรับ!”“จูเผิง อย่าพูดจาไร้สาระ! พระชายาช่วยพวกเราไว้มากถึงเพียงนั้น พวกเราก็ควรช่วยนางสิ!”จูเผิงส่งเสียงหึอย่างเย็นชา อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกเฉาอี้ดึงไปข้าง ๆ พลางกระซิบเตือน“เจ้าอย่าพูดให้มันมากนัก! แม้ว่าเจ้ามิชอบนาง แต่นางก็เป็นพระชายาของพวกเราหนา!”หลิงอวี๋เหลือบมองจูเผิงอย่างเย็นชานางจำองครักษ์ผู้นี้ได้ ชักสีหน้าใส่ตนมาห
ไป๋ผิงเข้าใจในทันที “พระชายา พระชายาฉลาดยิ่งเพคะ!”“เมื่อเป็นเช่นนี้ หลิงอวี๋ต้องเกลียดกวนอิ่งมาก พอถึงคราวแก้แค้นขึ้นมาคงโหดเหี้ยม!”จ้าวเจินเจินยิ้มเล็กน้อย แต่ดวงตากลับเย็นชามากกวนอิ่งนางสารเลว คิดว่ากอดขาองค์ชายคังเอาไว้แล้วจะเป็นที่โปรดปรานไปตลอดชีวิตหรือ?คนสารเลวเช่นนี้ หากจ้าวเจินเจินจัดการมิได้ เช่นนั้นจะคู่ควรเป็นพระชายาคังได้เยี่ยงไร!หลิงอวี๋ เจ้ารอข้าก่อนเถอะ ข้าขอจัดการกวนอิ่งก่อน!แล้วข้าค่อยไปจัดการกับเจ้า!......คนของตำหนักอ๋องอี้ คนของเกิ่งเสี่ยวหาว และคนของปี้ไห่เฟิงออกตามหากันเกือบทั้งคืน แต่ก็มิพบตัวหลิงซินลู่หนานจึงกลับมากับรายงานเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่เป็นกังวลอยู่ พลางเอ่ยเสียงขรึม“ไปถามที่ประตูเมือง แล้วตรวจค้นรถม้าของพวกองค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังที่ออกจากเมืองหลวงหลังจากที่หลิงซินหายตัวไปให้หมด!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ลู่หนานกำลังจะออกไปสั่งการองครักษ์คนอื่น ๆเซียวหลินเทียนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเรียกเขาไว้ พลางเอ่ย“ลู่หนาน เน้นตรวจสอบที่กวนอิ่งกับคนรอบตัวนางด้วย!”“แม้ว่าองค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังจักทำบางเรื่องที่น่ารังเกียจ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต