จักรพรรดิอู่อันกำลังพิจารณาสาส์นกราบทูล ณ ห้องทรงพระอักษร และมีขันทีเซี่ยบดหมึกอยู่ข้าง ๆเวลานี้เองขันทีน้อยเซี่ยก็เข้ามากราบทูล“ฝ่าบาท พระชายาบอกว่านางมาขอรับโทษพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องอี้ก็เสด็จมากับพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“ขอรับโทษ?”จักรพรรดิอู่อันพิจารณาสาส์นเหนื่อยพอดี จึงวางพู่กันลงพลางกล่าวไม่พอใจ“พระชายาอ๋องอี้ก่อเรื่องอันใดอีก? เรื่องวังชั้นในให้ไปขอวิธีแก้ไขจากฮองเฮา เข้าเฝ้าข้าหาปะไร?”ขันทีน้อยเซี่ยส่งยิ้มกล่าว “พระชายาอ๋องอี้อ้างว่าความผิดของนางมิอาจผ่อนปรนได้ มีเพียงฝ่าบาทตัดสินความผิดได้เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”ก่อนหน้านี้ขันทีเซี่ยเห็นหลิงซวนมีชีวิตดีนักที่ตำหนักอ๋องอี้ พลางรู้สึกตื้นตันต่อหลิงอวี๋ภายในใจ จึงพูดโพล่งทันที“ฝ่าบาท ไหน ๆ สามีภรรยาอ๋องอี้ก็ต่างมากันแล้ว พระองค์มิลองพบหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“หากพระชายาอ๋องอี้ทำผิดร้ายแรงจริง ๆ ฝ่าบาทก็ทรงจัดการได้อย่างยุติธรรมพ่ะย่ะค่ะ!”“หากมิร้ายแรงอันใด… ช่วงนี้พระองค์ทรงงานจนเหนื่อยล้า พระชายาเป็นหมอ ให้นางช่วยลองตรวจพระองค์ก็เป็นการดีพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันนึกถึงรำมวยที่ไทเฮาสอนตนซึ่งถูกหลิงอวี๋สอนมาอีกที ตนฝึกตาม
เมื่อจักรพรรดิอู่อันได้ฟังก็พลันขมวดหัวคิ้วแน่นยารักษาแผลของหลิงอวี๋มีประโยชน์มากต่อทหารแนวหน้า แถมดูเหมือนที่นางพูดจะมิได้เงินกำไรเท่าไรจริง ๆ ในการขายยารักษาแผลให้กองทัพ!ด้านกรมกลาโหมต้องเสียค่าใช้จ่ายเลือกซื้อยารักษาแผลทหารในทุกปี แต่ตั้งแต่ที่ใช้ยารักษาแผลของหลิงอวี๋ ค่าใช้จ่ายของกรมกลาโหมประหยัดลงกว่าครึ่ง!หากโรงงานยาของหลิงอวี๋ปิดตัวลง เช่นนั้นค่าใช้จ่ายของกรมกลาโหมจะมิเพิ่มขึ้นหรือไร?“พ่อค้าร่ำรวยผู้นี้มาจากที่ใด ไยใช้อำนาจบาตรใหญ่เยี่ยงนี้!”จักรพรรดิอู่อันโกรธขึ้งทันใด แผ่นดินแห่งฉินตะวันตกคือผืนดินของกษัตริย์ โรงงานยาที่หลิงอวี๋เปิดก็เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ผู้ใดไม่มีตาดูแล้วกล้ารังแกคนเช่นนี้!“หลิงอวี๋ ก่อนหน้าข้าก็บอกเจ้าไปแล้ว อย่าออกไปเสนอหน้าทำธุรกิจ!”“เจ้าดูตัวเจ้าเถอะ บัดนี้ก่อเรื่องวุ่นวายเสียแล้ว!”เซียวหลินเทียนกล่าวเคืองขุ่น “เสด็จพ่อ หลิงอวี๋ก่อเรื่องทำให้แม่ทัพเหยียนล่าช้า มิสมควรให้อภัยโดยแท้ เสด็จพ่อโปรดลงโทษตามวินัยทหาร! กระหม่อมมิเข้าข้างนางเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋กล่าวทั้งร่ำไห้ “เสด็จพ่อเพคะ หลิงอวี๋ผิดไปแล้ว! มิกล้าขอให้เสด็จพ่อให้อภ
เพล้ง…เสียงพังข้าวของดังก้องเรือนธาราจิตรขององค์หญิงหกนางกำนัลน้อยหลายคนต่างไม่กล้าเข้าไป หวั่นได้รองรับความโกรธเกรี้ยวขององค์หญิงหกเซียวทง“นางชั่วหลิงอวี๋… นางหญิงชั่ว… คาดไม่ถึงว่าจะกล้าต่อต้านข้า!”“ข้าจักฆ่านางแน่! กรี๊ด กรี๊ด…”ฉินรั่วซือยืนตัวสั่นงันงกอยู่ข้าง ๆ รอเซียวทงระบายความโกรธให้เสร็จ นางจึงเดินอ้อมเศษของแตกบนพื้นอย่างเจี๋ยมเจี้ยมพลางเทน้ำแก้วหนึ่งส่งให้เซียวทง“ผลัวะ…”เซียวทงสะบัดมือด้วยท่าทีสบาย ๆ พลางปัดถ้วยชาของฉินรั่วซือตกพื้นนางมองค้อนใส่ฉินรั่วซืออย่างโหดเหี้ยม ตะคอกว่า“ทั้งหมดเป็นเพราะความคิดโง่เขลาของเจ้า… เจ้าบอกว่าขอแค่ตัวข้าซื้อที่ดินนั่น นางชั่วหลิงอวี๋ผู้นี้จักมาอ้อนวอนข้าแน่นอนมิใช่รึ?”“เจ้ายังพูดอีกว่าแม้หลิงอวี๋มิมอบสูตร แต่ข้าก็บีบให้นางซื้อที่ดินคืนในราคาที่สูงได้!”“เจ้าดูตอนนี้สิ ตัวข้ามิเพียงมิได้กำไรสักเฟินเดียว ยังกลับเสียหกหมื่นไปด้วย!”ฉินรั่วซือกล่าวเจื่อน ๆ “องค์หญิง หม่อมฉันมิทราบว่าหลิงอวี๋เจ้าเล่ห์เพียงนี้เพคะ! มิคาดว่าจักโน้มน้าวองค์จักรพรรดิมอบที่ดินให้นางเพคะ!”“องค์หญิงเพคะ ตั๋วเงินหกหมื่นเอาคืนได้! เราไปหาผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉินรั่วซือกับเจิงจื่ออวี้ได้ไปเดินเล่นด้วยกันครั้นเดินผ่านโรงเหยียนหลิง เจิงจื่ออวี้พลันด่าเคียดแค้น‘นางชั่วหลิงอวี๋ เปิดโรงเหยียนหลิงมิพอ! นางยังเปิดโรงงานยาด้วย!’‘หญิงชั่วนี่แย่งการค้าขายของโรงหุยชุน เสียดายที่คู่หมั้นข้าเป็นสามัญชน ไร้อำนาจสิ้นอิทธิพลจัดการกับนาง!’‘หากมีคนยับยั้งหลิงอวี๋ได้ ไปซื้อที่ดินที่นางเปิดโรงงานยา! บังคับให้นางปิดตัว! คงคลายโทสะทีเดียว!’เจิงจื่ออวี้ถอนหายใจยาวเหยียด ‘สูตรยารักษาแผลในมือนาง หากได้มาคงยิ่งค้าขายสร้างเงินกำไรมหาศาลแน่!’‘แต่น่าเสียดาย ข้างหลังนางคือท่านอ๋องอี้ เราก็ได้แค่กล้าคิดมิกล้าทำ!’เมื่อฉินรั่วซือฟังวาจานี้ก็ใจเต้นทันใดข้างหลังหลิงอวี๋มีท่านอ๋องอี้ แต่ข้างหลังตนมีองค์หญิงหก!องค์หญิงหกเป็นที่โปรดปรานมากต่อองค์จักรพรรดิ หากโน้มน้าวองค์หญิงหกไปซื้อที่ดินนั่น แม้ท่านอ๋องอี้รู้แล้วจะเป็นอย่างไร เขาจักแย่งกับองค์หญิงหกได้รึ?ฉินรั่วซือไปเข้าเฝ้าองค์หญิงหกอย่างลิงโลด พลางเล่าความคิดนี้กับองค์หญิงหกอย่างไรเสียฉินรั่วซือก็คิดมิถึงว่ายารักษาแผลของหลิงอวี๋จะขายให้แม่ทัพเหยียนแถมองค์จักรพรรดิยังเชื่อคำพูดของหลิ
ณ ตำหนักองค์ชายคังกวนอิ่งนอนบนเตียงอย่างเกียจคร้าน มีผ้าโปร่งบางคลุมบนร่างหนึ่งชั้น ผ้าบางจนเผยรอยด่างที่ไม่อาจอำพรางได้เมื่อชุ่ยเอ๋อร์นางรับใช้เห็นก็พลันหน้าแดงขวยเขิน เบี่ยงสายตาหนี“ชุ่ยเอ๋อร์… น่าเบื่อนัก องค์ชายกลับมาหรือยัง?”ชุ่ยเอ๋อร์ตอบอย่างระวัง “องค์ชายตรัสว่ามีงานเลี้ยง ไม่กลับมาเสวยพระกระยาหารเจ้าค่ะ!”ตุบ…กวนอิ่งขว้างหมอนที่กำลังกอดทิ้ง ตะโกนเสียงดัง“มีงานเลี้ยงทุกวัน! มิกลับมาอยู่กับข้าเลย! ใช้ชีวิตแบบนี้มิสนุกเลยสักนิด!”“ข้าจักออกไปเที่ยวเล่น!”ชุ่ยเอ๋อร์กล่าวหน้าเจื่อน “คุณหนู มิใช่ว่าท่านกลัวท่านกวนเอ้อร์แก้แค้นหรือเจ้าคะ? ซ่อนอีกหลาย ๆ วันเถิดเจ้าค่ะ!”เมื่อชุ่ยเอ๋อร์เอ่ยเช่นนี้ มันยิ่งจุดชนวนความโกรธของกวนอิ่งมากขึ้น“ซ่อน… ต้องซ่อนนานเท่าใด? บัดนี้ตัวข้าคือสตรีที่องค์ชายคังทรงโปรดที่สุด ข้ายังต้องกลัวเจ้าสุนัขกวนผิงนั่นรึ?”“มา ผลัดผ้าให้ตัวข้าซะ! วันนี้ข้าต้องออกไปให้ได้!”“หากเอาแต่อยู่ในตำหนักอีก ข้าต้องราขึ้นแน่!”เมื่อชุ่ยเอ๋อร์โดนดุก็มิกล้าเตือนอีก พลางหาอาภรณ์มาให้กวนอิ่งกวนอิ่งชายมองอย่างรังเกียจ พลันกล่าว “วันนี้เราจักไปเรือนหยกอำไพ ชุ
ครั้นหลิงอวี๋พาหลิงซวนกับเถาจื่อกลับจากโรงงานยาถึงตำหนักอ๋องอี้ ฟ้าก็มืดเสียแล้วพอถึงปากประตูเรือนบุหงาก็ได้ยินเสียงแม่นมลี่เข้าพอดี“เจ้าเด็กหลิงซินคนนี้ ให้นางไปเรือนหยกอำไพส่งอาภรณ์เพื่อปรับแก้ ไยไปตั้งครึ่งค่อนวันแล้วยังมิกลับมา!”เสียงของสุ่ยหลิงเอ่ย “แม่นม ข้าจักออกไปดูหน่อยว่ามีเรื่องอันใดทำล่าช้าหรือไม่!”“ไปเถอะ! ดูร้านค้าขายของกินข้างทางหน่อยเถอะ เจ้าเด็กคนนี้ได้ไปแอบกินหรือเปล่า!”สุ่ยหลิงเดินออกมาก็บังเอิญเจอหลิงอวี๋เข้าพอดี“หลิงซินยังมิกลับ?” หลิงอวี๋โพล่งถาม“เจ้าค่ะ บ่าวจักออกไปหาดู!”สุ่ยหลิงกล่าวยิ้ม ๆ “ช่วงนี้เจ้าเด็กคนนี้โตขึ้นมาก บางทีอาจเป็นอย่างที่แม่นมพูด คงวิ่งไปซื้อของกินสักที่เจ้าค่ะ!”“เช่นนั้นรีบไปรีบกลับ!”หลิงอวี๋ไม่ได้คิดมากเช่นกันพลางเดินเข้าไป“คุณหนู เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ บ่าวเก็บข้าวไว้ให้แล้ว บ่าวจักไปยก รีบไปล้างหน้าล้างตามากินข้าวเถิดเจ้าค่ะ!”“ขอบใจแม่นม!”หลิงอวี๋กับหลิงซวนพร้อมอีกสามคนล้างหน้าแล้วนั่งลงหน้าโต๊ะอาหารหลิงเยวี่ยโน้มเข้ามาพูดว่า “ท่านแม่ วันพรุ่งข้าไปเล่นจวนเสนาบดีได้หรือไม่ขอรับ น้าหว่านให้คนมาส่งข่าวบอกว่าท่านยายทว
ลู่หนานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดอะไร จูเผิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยเสียงเย็นชา “แค่นางรับใช้คนหนึ่งหายตัวไป ก็ให้ทหารองครักษ์ของตำหนักอย่างพวกเราไปตามหาหรือ? พระชายาอ๋องอี้ พระชายาคิดว่าพวกเราไม่มีสิ่งใดทำหรือ?”“ผู้ใดจักรู้ว่านางรับใช้ผู้นั้นห่วงเที่ยวเล่นแล้วจงใจมิกลับมาหรือไม่!”หลิงอวี๋โกรธขึ้นมาทันที “นางรับใช้แล้วเป็นเยี่ยงไร? นางรับใช้มิใช่คนรึ?”“ลู่หนาน เจ้าจะช่วยข้าได้หรือไม่? หากเจ้ามิช่วย ข้าจักไปหาคนอื่นให้ช่วย!”“แต่เจ้าจำไว้เถอะว่า หากครั้งนี้พวกเจ้าไม่ช่วยข้าอีก ต่อไปหากมีปัญหาเกิดขึ้นในตำหนักอ๋องอี้ก็ไม่ต้องมาหาข้าแล้ว!”ลู่หนานกลัวว่าจะทำให้หลิงอวี๋โกรธ จึงรีบเอ่ย “พระชายาอย่าได้โกรธข้าเลย พวกเราจักมิช่วยได้เยี่ยงไรกันขอรับ!”“จูเผิง อย่าพูดจาไร้สาระ! พระชายาช่วยพวกเราไว้มากถึงเพียงนั้น พวกเราก็ควรช่วยนางสิ!”จูเผิงส่งเสียงหึอย่างเย็นชา อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกเฉาอี้ดึงไปข้าง ๆ พลางกระซิบเตือน“เจ้าอย่าพูดให้มันมากนัก! แม้ว่าเจ้ามิชอบนาง แต่นางก็เป็นพระชายาของพวกเราหนา!”หลิงอวี๋เหลือบมองจูเผิงอย่างเย็นชานางจำองครักษ์ผู้นี้ได้ ชักสีหน้าใส่ตนมาห
ไป๋ผิงเข้าใจในทันที “พระชายา พระชายาฉลาดยิ่งเพคะ!”“เมื่อเป็นเช่นนี้ หลิงอวี๋ต้องเกลียดกวนอิ่งมาก พอถึงคราวแก้แค้นขึ้นมาคงโหดเหี้ยม!”จ้าวเจินเจินยิ้มเล็กน้อย แต่ดวงตากลับเย็นชามากกวนอิ่งนางสารเลว คิดว่ากอดขาองค์ชายคังเอาไว้แล้วจะเป็นที่โปรดปรานไปตลอดชีวิตหรือ?คนสารเลวเช่นนี้ หากจ้าวเจินเจินจัดการมิได้ เช่นนั้นจะคู่ควรเป็นพระชายาคังได้เยี่ยงไร!หลิงอวี๋ เจ้ารอข้าก่อนเถอะ ข้าขอจัดการกวนอิ่งก่อน!แล้วข้าค่อยไปจัดการกับเจ้า!......คนของตำหนักอ๋องอี้ คนของเกิ่งเสี่ยวหาว และคนของปี้ไห่เฟิงออกตามหากันเกือบทั้งคืน แต่ก็มิพบตัวหลิงซินลู่หนานจึงกลับมากับรายงานเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่เป็นกังวลอยู่ พลางเอ่ยเสียงขรึม“ไปถามที่ประตูเมือง แล้วตรวจค้นรถม้าของพวกองค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังที่ออกจากเมืองหลวงหลังจากที่หลิงซินหายตัวไปให้หมด!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ลู่หนานกำลังจะออกไปสั่งการองครักษ์คนอื่น ๆเซียวหลินเทียนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเรียกเขาไว้ พลางเอ่ย“ลู่หนาน เน้นตรวจสอบที่กวนอิ่งกับคนรอบตัวนางด้วย!”“แม้ว่าองค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังจักทำบางเรื่องที่น่ารังเกียจ
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก