แชร์

บทที่ 464

ผู้เขียน: กานเฟย
ณ ตำหนักองค์ชายคัง

กวนอิ่งนอนบนเตียงอย่างเกียจคร้าน มีผ้าโปร่งบางคลุมบนร่างหนึ่งชั้น ผ้าบางจนเผยรอยด่างที่ไม่อาจอำพรางได้

เมื่อชุ่ยเอ๋อร์นางรับใช้เห็นก็พลันหน้าแดงขวยเขิน เบี่ยงสายตาหนี

“ชุ่ยเอ๋อร์… น่าเบื่อนัก องค์ชายกลับมาหรือยัง?”

ชุ่ยเอ๋อร์ตอบอย่างระวัง “องค์ชายตรัสว่ามีงานเลี้ยง ไม่กลับมาเสวยพระกระยาหารเจ้าค่ะ!”

ตุบ…

กวนอิ่งขว้างหมอนที่กำลังกอดทิ้ง ตะโกนเสียงดัง

“มีงานเลี้ยงทุกวัน! มิกลับมาอยู่กับข้าเลย! ใช้ชีวิตแบบนี้มิสนุกเลยสักนิด!”

“ข้าจักออกไปเที่ยวเล่น!”

ชุ่ยเอ๋อร์กล่าวหน้าเจื่อน “คุณหนู มิใช่ว่าท่านกลัวท่านกวนเอ้อร์แก้แค้นหรือเจ้าคะ? ซ่อนอีกหลาย ๆ วันเถิดเจ้าค่ะ!”

เมื่อชุ่ยเอ๋อร์เอ่ยเช่นนี้ มันยิ่งจุดชนวนความโกรธของกวนอิ่งมากขึ้น

“ซ่อน… ต้องซ่อนนานเท่าใด? บัดนี้ตัวข้าคือสตรีที่องค์ชายคังทรงโปรดที่สุด ข้ายังต้องกลัวเจ้าสุนัขกวนผิงนั่นรึ?”

“มา ผลัดผ้าให้ตัวข้าซะ! วันนี้ข้าต้องออกไปให้ได้!”

“หากเอาแต่อยู่ในตำหนักอีก ข้าต้องราขึ้นแน่!”

เมื่อชุ่ยเอ๋อร์โดนดุก็มิกล้าเตือนอีก พลางหาอาภรณ์มาให้กวนอิ่ง

กวนอิ่งชายมองอย่างรังเกียจ พลันกล่าว “วันนี้เราจักไปเรือนหยกอำไพ ชุ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Sirichai Itthivongsupakit
ผู้หญิงจีนจิตใจโหดร้ายและโง่กันเยอะมากเลยนะครับ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 465

    ครั้นหลิงอวี๋พาหลิงซวนกับเถาจื่อกลับจากโรงงานยาถึงตำหนักอ๋องอี้ ฟ้าก็มืดเสียแล้วพอถึงปากประตูเรือนบุหงาก็ได้ยินเสียงแม่นมลี่เข้าพอดี“เจ้าเด็กหลิงซินคนนี้ ให้นางไปเรือนหยกอำไพส่งอาภรณ์เพื่อปรับแก้ ไยไปตั้งครึ่งค่อนวันแล้วยังมิกลับมา!”เสียงของสุ่ยหลิงเอ่ย “แม่นม ข้าจักออกไปดูหน่อยว่ามีเรื่องอันใดทำล่าช้าหรือไม่!”“ไปเถอะ! ดูร้านค้าขายของกินข้างทางหน่อยเถอะ เจ้าเด็กคนนี้ได้ไปแอบกินหรือเปล่า!”สุ่ยหลิงเดินออกมาก็บังเอิญเจอหลิงอวี๋เข้าพอดี“หลิงซินยังมิกลับ?” หลิงอวี๋โพล่งถาม“เจ้าค่ะ บ่าวจักออกไปหาดู!”สุ่ยหลิงกล่าวยิ้ม ๆ “ช่วงนี้เจ้าเด็กคนนี้โตขึ้นมาก บางทีอาจเป็นอย่างที่แม่นมพูด คงวิ่งไปซื้อของกินสักที่เจ้าค่ะ!”“เช่นนั้นรีบไปรีบกลับ!”หลิงอวี๋ไม่ได้คิดมากเช่นกันพลางเดินเข้าไป“คุณหนู เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ บ่าวเก็บข้าวไว้ให้แล้ว บ่าวจักไปยก รีบไปล้างหน้าล้างตามากินข้าวเถิดเจ้าค่ะ!”“ขอบใจแม่นม!”หลิงอวี๋กับหลิงซวนพร้อมอีกสามคนล้างหน้าแล้วนั่งลงหน้าโต๊ะอาหารหลิงเยวี่ยโน้มเข้ามาพูดว่า “ท่านแม่ วันพรุ่งข้าไปเล่นจวนเสนาบดีได้หรือไม่ขอรับ น้าหว่านให้คนมาส่งข่าวบอกว่าท่านยายทว

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 466

    ลู่หนานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดอะไร จูเผิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยเสียงเย็นชา “แค่นางรับใช้คนหนึ่งหายตัวไป ก็ให้ทหารองครักษ์ของตำหนักอย่างพวกเราไปตามหาหรือ? พระชายาอ๋องอี้ พระชายาคิดว่าพวกเราไม่มีสิ่งใดทำหรือ?”“ผู้ใดจักรู้ว่านางรับใช้ผู้นั้นห่วงเที่ยวเล่นแล้วจงใจมิกลับมาหรือไม่!”หลิงอวี๋โกรธขึ้นมาทันที “นางรับใช้แล้วเป็นเยี่ยงไร? นางรับใช้มิใช่คนรึ?”“ลู่หนาน เจ้าจะช่วยข้าได้หรือไม่? หากเจ้ามิช่วย ข้าจักไปหาคนอื่นให้ช่วย!”“แต่เจ้าจำไว้เถอะว่า หากครั้งนี้พวกเจ้าไม่ช่วยข้าอีก ต่อไปหากมีปัญหาเกิดขึ้นในตำหนักอ๋องอี้ก็ไม่ต้องมาหาข้าแล้ว!”ลู่หนานกลัวว่าจะทำให้หลิงอวี๋โกรธ จึงรีบเอ่ย “พระชายาอย่าได้โกรธข้าเลย พวกเราจักมิช่วยได้เยี่ยงไรกันขอรับ!”“จูเผิง อย่าพูดจาไร้สาระ! พระชายาช่วยพวกเราไว้มากถึงเพียงนั้น พวกเราก็ควรช่วยนางสิ!”จูเผิงส่งเสียงหึอย่างเย็นชา อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกเฉาอี้ดึงไปข้าง ๆ พลางกระซิบเตือน“เจ้าอย่าพูดให้มันมากนัก! แม้ว่าเจ้ามิชอบนาง แต่นางก็เป็นพระชายาของพวกเราหนา!”หลิงอวี๋เหลือบมองจูเผิงอย่างเย็นชานางจำองครักษ์ผู้นี้ได้ ชักสีหน้าใส่ตนมาห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 467

    ไป๋ผิงเข้าใจในทันที “พระชายา พระชายาฉลาดยิ่งเพคะ!”“เมื่อเป็นเช่นนี้ หลิงอวี๋ต้องเกลียดกวนอิ่งมาก พอถึงคราวแก้แค้นขึ้นมาคงโหดเหี้ยม!”จ้าวเจินเจินยิ้มเล็กน้อย แต่ดวงตากลับเย็นชามากกวนอิ่งนางสารเลว คิดว่ากอดขาองค์ชายคังเอาไว้แล้วจะเป็นที่โปรดปรานไปตลอดชีวิตหรือ?คนสารเลวเช่นนี้ หากจ้าวเจินเจินจัดการมิได้ เช่นนั้นจะคู่ควรเป็นพระชายาคังได้เยี่ยงไร!หลิงอวี๋ เจ้ารอข้าก่อนเถอะ ข้าขอจัดการกวนอิ่งก่อน!แล้วข้าค่อยไปจัดการกับเจ้า!......คนของตำหนักอ๋องอี้ คนของเกิ่งเสี่ยวหาว และคนของปี้ไห่เฟิงออกตามหากันเกือบทั้งคืน แต่ก็มิพบตัวหลิงซินลู่หนานจึงกลับมากับรายงานเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่เป็นกังวลอยู่ พลางเอ่ยเสียงขรึม“ไปถามที่ประตูเมือง แล้วตรวจค้นรถม้าของพวกองค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังที่ออกจากเมืองหลวงหลังจากที่หลิงซินหายตัวไปให้หมด!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ลู่หนานกำลังจะออกไปสั่งการองครักษ์คนอื่น ๆเซียวหลินเทียนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเรียกเขาไว้ พลางเอ่ย“ลู่หนาน เน้นตรวจสอบที่กวนอิ่งกับคนรอบตัวนางด้วย!”“แม้ว่าองค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังจักทำบางเรื่องที่น่ารังเกียจ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 468

    ฟ้าสว่างแล้วคนของตำหนักอ๋องอี้ออกค้นหาตลอดทั้งคืน แต่ก็ยังมิพบหลิงซินเป็นครั้งแรกที่เรือนบุหงาไร้เสียงหัวเราะ บนใบหน้าของทุกคนมีแต่ความหนักใจเดิมทีหลิงเยวี่ยจะไปจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน แต่ยังหาหลิงซินมิพบ หลิงอวี๋จะวางใจปล่อยเขาออกไปได้เยี่ยงไร?นางจึงให้พี่น้องฉีเต๋อพาเขากลับเข้าไปเขียนอักษรกันในเรือนแม่นมลี่ไปทำอาหารเช้าให้ทุกคน เดิมทีหลิงอวี๋มิอยากให้นางทำ เตรียมไว้แล้วว่าจะให้คนซื้ออาหารจากข้างนอกมาแต่พอนึกถึงว่าบางทีการทำอะไรยุ่ง ๆ อาจทำให้แม่นมลี่หยุดคิดมากได้ จึงมิได้ห้ามนางกระทั่งแม่นมลี่เตรียมอาหารเช้าเสร็จ แม้ว่าทุกคนจะไม่รู้สึกอยากอาหาร แต่นึกถึงว่าแม่นมลี่เตรียมไว้แล้ว หากไม่กินคงจะรู้สึกผิดกับแม่นม จึงเดินไปที่โต๊ะด้วยกัน“พระชายา… มีคนส่งขนมกล่องหนึ่งมาให้พระชายาเจ้าค่ะ!”จู่ ๆ เสียงของแม่นางซุนที่อยู่ห้องครัวก็ดังมาจากข้างนอกหลิงอวี๋ลุกออกไปดูอย่างสับสนแม่นางซุนถือกล่องหนึ่งกล่อง ยิ้มพลางเอ่น “บ่าวเพิ่งไปจ่ายตลาดกลับมา เจอกับบุรุษผู้หนึ่งที่หน้าประตู เขาบอกว่าขนมนี้สำหรับพระชายาเจ้าค่ะ!”“เขามีธุระยุ่งอยู่ จึงให้บ่าวเอาเข้ามาให้พระชายาเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 469

    “อาจารย์!”น้ำตาของหลิงซวนร่วงหล่นลงมาเถาจื่อกับสุ่ยหลิงก็น้ำตาไหลอาบแก้มทันที เห็นแค่แวบแรกก็ทนมองเป็นครั้งที่สองไม่ไหวแล้ว“พระชายา พวกท่านอย่าเพิ่งร้องไห้เลย… บางทีนางอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้!”จ้าวซวนทั้งกังวลทั้งโกรธ แล้วก็ปลอบใจพวกเขาก่อนบนใบหน้าหลิงอวี๋ไร้น้ำตา มิใช่ว่ามิอยากร้องไห้ แต่เป็นเพราะร้องมิออกต่างหาก!ในใจนางมีเพียงความเคียดแค้นอย่างหนัก!กวนอิ่ง… เจ้ายั่วให้ข้าโกรธจริง ๆ แล้ว!หากครั้งนี้ข้ามิสับเจ้าเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ก็คงยากที่จะระบายความโกรธในใจของข้า!“ท่านแม่… นั่นคือพี่… หลิงซินใช่หรือไม่?”หลิงเยวี่ยผละออกจากมือของฉีเต๋อ ร้องไห้อยากเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องหลิงอวี๋ก้าวไปคุกเข่าลงกอดเขาไว้“เยวี่ยเยวี่ย นั่นมิใช่พี่หลิงซิน… นั่นคือสิ่งที่คนร้ายทำให้เรากลัว!”หลิงเยวี่ยอดทนต่อความเศร้าโศกพลางปลอบหลิงเยวี่ย “เยวี่ยเยวี่ยเด็กดี กลับห้องไปเขียนหนังสือกับพวกพี่ชายนะ… พวกผู้ใหญ่มีธุระต้องคุยกันสักหน่อย!”“มิใช่พี่หลิงซินจริง ๆ หรือขอรับ?”เพราะว่าหลิงเยวี่ยไม่รู้ความ เมื่อกี้ยังเห็นไม่ชัดว่าคืออะไรก็ถูกฉีป้าวปิดตาเอาไว้ก่อนแล้ว“เด็กโง่… พี่หลิงซินตั

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 470

    “เจ้าดูเอาเองเถิด!”จูเผิงทนมิได้ที่จะพูด พลางหันไปด้านข้างด้วยความหดหู่“จดหมายอะไร?”แต่เซียวหลินเทียนรอมิไหว จึงเอ่ยถามไปตรง ๆลู่หนานส่งจดหมายให้เซียวหลินเทียนอย่างรวดเร็ว ส่วนตนก็เดินไปที่หน้ากล่องอย่างอยากรู้อยากเห็น พอมองปราดเดียว ลู่หนานก็เข้าใจว่าเหตุใดสีหน้าของทุกคนจึงดูเคร่งขรึมนักเซียวหลินเทียนหยิบจดหมายออกมา ในจดหมายนั้นเขียนไว้เพียงบรรทัดเดียว“หลิงซินอยู่ในทุ่งหญ้าตรงหัวสะพานของตระกูลกวน!”“จ้าวซวน!”ขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังจะให้จ้าวซวนอ่านจดหมายนี้ ก็มีองครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามา“ท่านอ๋อง มีข่าวจากทางพี่เฉาพ่ะย่ะค่ะ บอกว่าเห็นเลี่ยวซงหัวหน้าผู้คุ้มกันของกวนอิ่ง เขาเพิ่งเข้าไปในทุ่งหญ้าที่หัวสะพานของตระกูลกวนพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนมิสนใจแล้วว่าคนส่งจดหมายเป็นผู้ใด ข่าวทั้งสองเป็นการยืนยันความถูกต้องแล้ว“ไปที่หัวสะพานกันเถอะ! จูเผิง เจ้าไปหาแม่ทัพเฉิน! ให้เขาพาคนมาด้วย!”“พ่ะย่ะค่ะ!” จูเผิงรีบไปทันที“ข้าไปด้วย!” หลิงอวี๋ปิดกล่องแล้วยื่นให้หลิงซวนเอาไปด้วยนี่คือหลักฐานในการกระทำผิด!วันนี้นางจะต้องทวงความยุติธรรมให้กับหลิงซินให้ได้กระทั่งพวกเขามาถึง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 471

    ทันทีที่จ้าวซวนเห็นหลิงอวี๋เข้ามา ก็กลัวว่าเลี่ยวซงจะทำร้ายหลิงอวี๋ จึงตัดเอ็นที่มืออีกข้างของเลี่ยวซงไปเสียเลี่ยวซงส่งเสียง อดกลั้นไม่กรีดร้องออกมา“ข้าจักถามเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลิงซินอยู่ที่ใด?”คำพูดของหลิงอวี๋แทบจะลอดไรฟันออกมาเลี่ยวซงมองหลิงอวี๋อย่างเย็นชา แล้วหันไปด้านข้างพลางเอ่ยอย่างดูถูกเป็นอย่างมาก“ข้าเป็นคนขององค์ชายคัง หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องข้า องค์ชายคังไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลิงอวี๋หันไปมองผู้คุ้มกันที่ทรยศเลี่ยวซงเมื่อครู่นี้ “หลิงซินอยู่ที่ใด?”ผู้คุ้มกันมองไปที่เลี่ยวซงอย่างลังเล คำพูดของเลี่ยวซงทำให้ใจเขาเกิดความหวังริบหรี่ขอเพียงไม่บอกที่อยู่ของนางรับใช้ผู้นั้น แล้วยืนหยัดรอไปจนกว่าองค์ชายคังจะมา ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยใช่หรือไม่?หลิงอวี๋เห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ใบหน้าก็มืดมน พลางหยิบมีดผ่าตัดออกมาขณะที่ทุกคนยังมิได้สติ หลิงอวี๋ก็ก้าวไปคว้าหูของเลี่ยวซงไว้...ยกมีดขึ้นแล้วหูข้างหนึ่งของเลี่ยวซงก็ถูกหลิงอวี๋เฉือนออกมา เลือดสด ๆ ไหลอาบลงมาจากหูของเลี่ยวซงจนกระทั่งเห็นปลายมีดของหลิงอวี๋มีหูของตนอยู่ เลี่ยวซงถึงได้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเซียวหลินเทีย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 472

    องค์ชายสององค์ชายคังมาแล้วพวกหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนหันไปมอง เห็นองค์ชายคังพากวนอิ่งมาพร้อมกับพวกองครักษ์เมื่อศัตรูคู่อาฆาตมาเจอหน้ากัน หลิงอวี๋เกลียดเสียจนอยากจะพุ่งเข้าไปตัดหูของกวนอิ่งเสีย!ให้นางได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานที่หลิงซินต้องเผชิญดูเสียบ้าง!พอเลี่ยวซงเห็นองค์ชายคังดวงตาของเขาก็เป็นประกาย พลางตะโกนอย่างรู้สึกผิด “องค์อาย… องค์อายอ้องอัดอิ๋นใอ้อะอ่อมอ่ะอ่ะอ่ะ (องค์ชาย… องค์ชายต้องตัดสินให้กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ)...”ลู่หนานทำให้ฟันของเขาร่วงไปหลายซี่ ตอนนี้จึงพูดไม่รู้เรื่องพอกวนอิ่งเห็นบนตัวของเลี่ยวซงเต็มไปด้วยเลือด ก็ตะโกนด้วยความโกรธ“เซียวหลินเทียน หลิงอวี๋ พวกเจ้ากล้ามาสร้างปัญหาที่โรงเลี้ยงม้าของข้าหรือ...”“องค์ชาย พวกเขามิได้เห็นองค์ชายอยู่ในสายตาเลยเพคะ!”องค์ชายคังเห็นสภาพน่าสังเวชของเลี่ยวซง ทั้งยังมีศพของผู้คุ้มกันทั้งสองอยู่บนพื้นอีก ใบหน้าของเขาก็มิพอใจขึ้นมาทันทีองค์ชายคังตะคอกด้วยความโกรธ “เซียวหลินเทียน ผู้ใดเป็นคนทำ? หากวันนี้ข้ามิได้ตัดมือมันผู้นั้น ก็อย่ามานับว่าข้าแซ่เซียวเลย!”เซียวหลินเทียนยิ้มเย็นชา พลางเอ่ยเสียงทุ้ม “เสด็จพี่ ก่อนที่เสด

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1902

    ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1901

    เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1900

    ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1899

    “เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1897

    หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1896

    หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1895

    เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status