กวนอิ่งเองก็คิดไม่ถึงว่าหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจะหาที่นี่เจอเร็วถึงเพียงนี้ตระกูลกวนของนางมีร้านค้าตั้งมากมาย หากรอให้พวกหลิงอวี๋ค้นหากันไปทีละแห่ง กว่าจะมาเจอที่นี่ซากกระดูกของหลิงซินก็คงหายไปแล้ว!คราวนี้นางโชคไม่ดีเลยจริง ๆ!แต่องค์ชายคังหมายความว่าอะไรกัน?เขาบอกว่าเขาโปรดปรานตนที่สุดมิใช่หรือ?เหตุใดเซียวหลินเทียนพูดเพียงไม่กี่ประโยคจึงเปลี่ยนทัศนคติของเขาได้เล่า? และคำพูดนี้ขององค์ชายคัง ก็คือเตรียมจะทิ้งเลี่ยวซงแล้วใช่หรือไม่?เดิมทีกวนอิ่งคิดว่าจะยืมอำนาจขององค์ชายคังมาปกป้องเลี่ยวซงไว้ แต่องค์ชายคังพูดเช่นนี้ กวนอิ่งก็รู้สึกหวั่นใจแล้ว“องค์ชาย เลี่ยวซง…”กวนอิ่งมิยอมแพ้ คิดจะขอความเมตตาให้เลี่ยวซง แต่เมื่อนางสบตาที่เป็นคำเตือนขององค์ชายคัง กวนอิ่งก็มิกล้าเอ่ยขอความเมตตาแล้วหากต้องทำสิ่งที่ส่งผลกระทบต่ออนาคตขององค์ชายคังเพื่อผู้คุ้มกันคนหนึ่ง เช่นนั้นองค์ชายคังไม่มีทางปล่อยตนไปแน่!“เลี่ยวซง… เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน!”กวนอิ่งเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นตะคอก “แม้ว่าข้ากับพระชายาอ๋องอี้มีความขัดแย้งกันเล็กน้อย เจ้าก็มิควรคิดระบายความโกรธแทนข้าแล้วไปหาเรื่องนางรั
“ข้ามิได้ทำกระไรทั้งนั้น ไฉนเจ้าถึงตื่นตูมถึงเพียงนี้เล่า?”หลิงอวี๋เงยหน้าขึ้นมองผึ้งเหล่านั้น พลางเอ่ย“ก็แค่วิญญาณอาฆาตของหลิงซินกลับมาแก้แค้นเท่านั้น นี่เจ้ากลัวแล้วหรือ!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะมองกวนอิ่ง พลางเอ่ยอย่างมีความหมาย“ทำดีได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว! ทุกคนที่ทำร้ายหลิงซิน ไม่มีทางลงเอยด้วยดีแน่!”พอหลิงซวนได้ยินสิ่งนี้ก็ตะโกนขึ้นมา “อาจารย์พูดถูก! หลิงซินจะไม่มีวันปล่อยคนที่ทำร้ายนางไปแน่!”กวนอิ่งมิเชื่อเรื่องผีกลับมาแก้แค้นเลย ผึ้งเหล่านี้ต้องเป็นสิ่งที่หลิงอวี๋ทำแน่ ๆ!แต่บัดนี้เลี่ยวซงกลายเป็นคนถูกทอดทิ้งไปแล้ว นางจะไปหาเรื่องหลิงอวี๋เพื่อคนที่ถูกทอดทิ้งได้หรือ?“ไปกันเถิด!”องค์ชายคังก็คิดในจุดนี้เช่นกัน เขาจ้องหลิงอวี๋อย่างดุร้าย แล้วพากวนอิ่งจากไปเลี่ยวซงถูกผึ้งจำนวนนับไม่ถ้วนต่อยจนร่างกายของเขาบวมไปทั้งร่าง พูดอะไรไม่ได้เลยหลิงอวี๋ไม่ได้มองเขา แค่จ้องแผ่นหลังของกวนอิ่ง แล้วยิ้มอย่างเย็นชาให้เจ้าได้ภาคภูมิใจไปก่อนสักสองวัน คราวนี้ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างอนาถแน่นอน!หลิงอวี๋คิดไว้แล้วจริง ๆ ว่าจะจัดการกับกวนอิ่งเยี่ยงไรดี!การส่งกวนอิ่งเข้าคุกมันน้อยไปสำหรับน
“ว่ากระไรนะ?”จ้าวเจินเจินเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ“พระชายา เรื่องจริงหนาเจ้าคะ! โรคที่ยากจะเอ่ยถึงเช่นนี้ กวนอิ่งมิกล้าไปหาหมออย่างเปิดเผย จึงต้องหาหมออย่างเงียบ ๆ เจ้าค่ะ!”“ข้าใช้ความพยายามอย่างหนักเลยกว่าจะสืบมาได้!”คนสนิทเอ่ย “พระชายา ลองคิดดูเถิดเจ้าค่ะ ฝ่ายกวนอิ่งมักจะพาผู้คุ้มกันเหล่านั้นมาด้วยเสมอ บุรุษสตรีอยู่ลำพัง อะไรก็เกิดขึ้นได้หนาเจ้าคะ!”“นางเองก็เปิดหอนางโลมด้วย การติดโรคเช่นนั้นเป็นเรื่องที่ปกตินักเจ้าค่ะ!”จ้าวเจินเจินยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจ โชคดีที่เมื่อกวนอิ่งเข้ามาในตำหนักองค์ชายคัง ตนก็กลับบ้านพ่อแม่!มิฉะนั้นหากองค์ชายคังไปสัมผัสกวนอิ่งแล้วมาสัมผัสตนอีก เช่นนั้นจะมิแพร่เชื้อให้ตนเองหรือ?“พระชายา กวนอิ่งก็แค่คนสารเลวใจง่ายเจ้าค่ะ!”“ได้ยินมาว่ากวนอิ่งบอกผู้คุ้มกันด้วยว่า องค์ชายเว่ยมิได้เรื่อง เวลาน้อยเกินไป มิสมกับเป็นชายชาตรี! ด้วยเหตุนี้นางจึงแต่งงานกับองค์ชายของเราเจ้าค่ะ!”“พอแล้ว! มิต้องพูดแล้ว!”จ้าวเจินเจินทนฟังไม่ไหวแล้ว เรื่องเยี่ยงนี้ยังมีหน้าไปพูดกับคนนอกอีก กวนอิ่งนี่ช่างสารเลวนัก!เลวเสียจนเลวไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว!จ้าวเจินเจิน
หนอนบ่อนไส้?ใบหน้าขององค์ชายเว่ยมืดมนลง เขาเอ่ยถามเป็นนิสัย “ท่านหาน ท่านคิดว่าหนอนบ่อนไส้คือผู้ใดเล่า?”ทันทีที่พูดจบ องค์ชายเว่ยถึงได้พบว่าหานหลินมิอยู่องค์ชายเว่ยตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พลางเอ่ยถาม “หานหลินเล่า?”สีหน้าของหัวหน้าองครักษ์เปลี่ยนไป “องค์ชาย หานหลินไปตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว พวกเราไปปล้นเงินของตระกูลกวนก็มิเห็นเขา… หรือว่าเขาจะเป็นหนอนบ่อนไส้พ่ะย่ะค่ะ?”“องค์ชาย คราที่หารือเรื่องการปล้นตระกูลกวนมีเพียงพวกเราสามคนเท่านั้น… หรือว่าหานหลินรู้ว่าเราหมายลงมือกลางดึก ดังนั้นจึงพาคนไปปล้นตระกูลกวนก่อนแล้ว?”“หากตระกูลกวนมาสอบสวนทีหลังก็โยนความผิดใส่ร้ายพวกเราได้เช่นนั้นรึ?”“ไปตามหาหานหลิน!”องค์ชายเว่ยนึกขึ้นได้ว่าหานหลินเป็นคนที่เชื่อมโยงเขากับกวนซิน แต่ในท้ายที่สุดพี่น้องของกวนซินก็แปรพักตร์เป็นพวกขององค์ชายคัง!บางทีหานหลินอาจคิดว่าตนไม่มีทางสงสัยเขา ถึงได้ฉวยโอกาสองค์ชายเว่ยนอนไม่หลับแล้ว จึงพาคนไปที่บ้านของหานหลินในเมืองด้วยตัวเอง แต่บ้านตระกูลหานนั้นว่างเปล่าแล้วในเรือนทิ้งข้าวของระเกะระกะที่เอาไปด้วยมิได้ไว้มากมายเมื่อองค์ชายเว่ยเห็นดังนั้นมีหรือจะมิเข้าใจ ต้องเ
ร้านของกวนอิ่งว่างเปล่าในชั่วข้ามคืนข่าวเช่นนี้หลิงอวี๋จะมิเปิดเผยให้จ้าวเจินเจินรู้ได้เยี่ยงไรเล่า!เช่นเดียวกับที่หลิงอวี๋คิดไว้จ้าวเจินเจินได้ยินว่าเงินของตระกูลกวนหายไปหมดแล้ว จากนั้นก็ได้ยินว่าองค์ชายเว่ยปล้นไปจ้าวเจินเจินกลับไปที่ตำหนักองค์ชายคังโดยมิลังเลก่อนหน้านี้ จ้าวเจินเจินยังคงคิดว่าองค์ชายคังจะใช้ประโยชน์จากกวนอิ่งเพื่อทรัพย์สินของตระกูลกวน ดังนั้นตอนที่นางจัดการกับกวนอิ่งจึงยังมีความยับยั้งอยู่บ้างแต่บัดนี้เงินของตระกูลกวนถูกองค์ชายเว่ยปล้นไปแล้ว จ้าวเจินเจินก็ไม่ยับยั้งแล้วกวนอิ่งไม่มีเงินอยู่ในมือ ทั้งยังทำให้องค์ชายคังก็ติดโรคสกปรกเช่นนั้นอีก องค์ชายคังจะทนกวนอิ่งอยู่ได้เยี่ยงไร!จ้าวเจินเจินตรงกลับไปที่ตำหนักองค์ชายคังโดยไม่หยุด แล้วให้คนไปจับหมอที่รักษากวนอิ่งมาที่ในตำหนักองค์ชายคังองค์ชายคังเซียวหลินอี้เพิ่งกลับมาที่ตำหนักองค์ชายคัง จ้าวเจินเจินก็ไปพบเซียวหลินอี้“เจินเจิน เจ้ากลับมาแล้วรึ?”วันนี้เซียวหลินอี้เข้าวังก็ถูกพระชายาเส้าดุ บอกให้เขารีบไปรับจ้าวเจินเจินกลับมาโดยเร็วที่สุดพระชายาเส้าเอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้าหลงนางสารเลวกวนอิ่งนั่นจนหน้ามื
“เอามันไป!”เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นว่าหมอพูดในสิ่งที่ตนต้องการ ก็ตะโกนองครักษ์คนหนึ่งเข้ามา ปิดปากหมอแล้วลากเขาออกไป“องค์ชาย… กวนอิ่งยังเคยไปหาหมออีกสองคนด้วยเพคะ!”“หากองค์ชายมิเชื่อที่หม่อมฉันพูด หม่อมฉันจักเรียกพวกเขาเข้ามาให้องค์ชายสอบสวน!”จ้าวเจินเจินแสร้งทำเป็นมิรู้ว่าเซียวหลินอี้เองก็ติดโรคนี้เช่นกัน พลางเอ่ยอย่างกังวล“เจินเจินมิได้อยากทำให้กวนอิ่งลำบากใจเพคะ แต่กลัวว่าองค์ชายอาจมิได้ป้องกันตัวจากนางแล้วถูกนางหลอก!”“มิต้อง...”ใบหน้าของเซียวหลินอี้ดูมิสู้ดี ร่างกายของตนสามารถพิสูจน์ได้ เขาจะมิเชื่อสิ่งที่จ้าวเจินเจินพูดได้เยี่ยงไร!“ฆ่าหมอพวกนี้ให้หมด!”เซียวหลินอี้สั่งออกมาอย่างเย็นชาจ้าวเจินเจินยิ้มเยาะในใจ แต่แสร้งทำท่าทีเป็นกังวล“องค์ชาย วันนี้เจินเจินได้ยินมาอีกเรื่องเพคะ… เงินทั้งหมดในร้านค้าของตระกูลกวนถูกองค์ชายเว่ยปล้นไปแล้วเพคะ!”“ว่ากระไรนะ?”เซียวหลินอี้เด้งตัวลุกขึ้นยืนทันที พลางเอ่ยอย่างร้อนใจ “ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงรึ?”จ้าวเจินเจินพยักหน้า “ลูกพี่ลูกน้องของหม่อมส่งคนมาบอกเพคะ เขามีร้านอยู่ใกล้ ๆ ของตระกูลกวน ได้ยินมาว่าเมื่อคืนวานนี้ ห
ทันใดนั้นกวนอิ่งก็ถูกฟาดจนเนื้อแตก นางทนมิไหว ตะคอกออกมา “เซียวหลินอี้ ท่านยังอยากได้ทรัพย์สินของตระกูลกวนอยู่หรือไม่?”“หากตีข้าอีก ข้าจักยกให้องค์ชายเว่ยแล้ว...!”กวนอิ่งมิพูดยังดีเสียกว่า เมื่อนางพูดออกมาเช่นนี้ เซียวหลินอี้ก็ยิ่งโกรธขึ้นไปอีก“นางสารเลว!”“ข้าว่าแล้วเชียว ร้านของตระกูลกวนจักถูกคนที่องค์ชายเว่ยส่งมาปล้นได้เยี่ยงไร! ที่แท้นางสารเลวเช่นเจ้าก็คิดหมายเอาประโยชน์ทั้งสองทาง!”แส้ในมือของเซียวหลินอี้ฟาดอย่างแรง“ข้าปล่อยให้คนสารเลวเช่นเจ้าโกหกข้า!”“ข้าปล่อยให้เจ้าไปสมคบคิดกับองค์ชายเว่ย…”“เซียวหลินอี้...” คำด่าของกวนอิ่งยังมิทันได้ออกจากปาก ก็ถูกเซียวหลินอี้เฆี่ยนบนปากแล้วปากของนางแตกทันใด โลหิตหลั่งไหลออกมาพวกนางรับใช้ของกวนอิ่งได้ยินเสียง วิ่งเข้ามาก็เห็นภาพนี้แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปห้าม“องค์ชาย… อย่าเพคะ… ไม่ต้องตีแล้ว หากตีอีกคุณหนูจักตายแล้วเพคะ...”ท้ายที่สุดชุ่ยเอ๋อร์เห็นว่ากวนอิ่งถูกเฆี่ยนจนเจียนตายแล้ว จึงคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อขอร้องคราวนี้สติของเซียวหลินอี้จึงค่อย ๆ กลับมา แล้วก็เห็นว่ากวนอิ่งถูกเขาเฆี่ยนจนหมดสติไปแล้วเขาจึงตะโกน “ไปเอาน้ำมา
กวนอิ่งจ้องเซียวหลินอี้นิ่ง พลางเอ่ยเสียงเรียบ “องค์ชายอยากฆ่าก็ฆ่าหม่อมฉันเถิด! ถึงอย่างไรก็เป็นไปตามเงื่อนไขนี้… รอให้หม่อมฉันหายจากอาการบาดเจ็บ แล้วองค์ชายปล่อยหม่อมฉันไป หม่อมฉันก็จะมอบโฉนดที่ดินให้เพคะ!”“มิฉะนั้น… ไม่ช้าก็เร็วถึงอย่างไรหม่อมฉันก็ต้องตายด้วยน้ำมือขององค์ชายอยู่ดี เหตุใดหม่อมฉันต้องเอาเปรียบองค์ชายด้วยเล่าเพคะ? ”เซียวหลินอี้จ้องกวนอิ่ง มองออกเลยว่านี่คือขอบเขตต่ำสุดของกวนอิ่งแล้ว“หึ!”เซียวหลินอี้ทิ้งกวนอิ่ง พลางยืดตัวตรงนังสารเลว ข้าจักให้เจ้ามีชีวิตอยู่อีกสองวันแล้วกัน!รอให้ข้าได้โฉนดที่ดินที่เหลืออยู่ก่อนเถิด ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตายด้วยมือของข้าเอง!......กวนอิ่งนอนอยู่คืนหนึ่ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามิสามารถอยู่ในตำหนักองค์ชายคังได้แล้ว บัดนี้เซียวหลินอี้โหดเหี้ยมกับนางมาก!รอเขาได้โฉนดที่ดินแล้ว เขาจะยังให้ตนอยู่ดีมีสุขหรือ?“ชุ่ยเอ๋อร์ ข้าอยากหนี ติดต่อกับผู้คุ้มกันของข้าได้หรือไม่?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ชุ่ยเอ๋อร์ก็กระซิบ “คุณหนู องค์ชายให้ผู้คุ้มกันทั้งหมดไปอยู่ในกองกำลังของเขาแล้ว พวกเรามิเหลือผู้ใดที่ใช้ได้แล้วเจ้าค่ะ!”กวนอิ่งหมดหวังทั
กลุ่มของเก๋อเฟิ่งฉิงกับเซียวหลินเทียนเข้าไปในเขาด้วยกันแล้วก็เห็นคนของตระกูลเฉียว แต่ทุกคนก็ต่างคนต่างไปการปะทะกันในเวลานี้มิใช่เรื่องที่ฉลาด เพราะว่าการลงมือในถิ่นของหวงฝู่หลินนั้นอาจจะทำให้หวงฝู่หลินโกรธได้แม้ว่าตระกูลหวงฝู่จะอยู่อย่างสันโดษมาหลายชั่วอายุคน แต่ในฐานะของผู้สืบทอดของตระกูลหวงฝู่หลินก็มีความเป็นไปได้ที่พลังจะสูงกว่าพวกเขาทั้งหลายสำหรับหวงฝู่หลิน ผู้นำของทั้งสองตระกูลต่างก็เสนอจุดประสงค์ที่จะดึงมาให้เป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นหากมิถึงคราวจำใจจริง ๆ เก๋อเฟิ่งฉิงกับเฉียวไป๋ไม่มีทางทำเรื่องที่จะทำให้หวงฝู่หลินขุ่นเคืองแน่เมื่อเข้าไปในภูเขาหิมะ เริ่มแรกยังมีเส้นทาง แต่เดินไปได้สิบกว่าลี้ก็ไม่มีเส้นทางแล้วทั่วทุกที่ล้วนเป็นสีขาวโพลน แม้ว่าหานเหมยจะเคยมาที่ภูเขาหิมะ แต่เมื่อเห็นสีขาวโพลนนี้นางก็หลงทางเช่นกัน มิรู้ว่าภูเขาแห่งนั้นคือภูเขาที่มีวังเทพอยู่“มิต้องรีบร้อน ค่อย ๆ หาไป ขอเพียงฮูหยินอยู่ที่วังเทพ พวกเราจะต้องตามหานางพบแน่นอน!”ต่อหน้าเก๋อเฟิ่งฉิง เซียวหลินเทียนจึงเรียกหลิงอวี๋ว่าฮูหยินหานเหมยอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ก่อนหน้านี้นางบอกอย่างมั่นใจว่าตนรู้เส้น
หวงฝู่หลินพูดถึงตรงนี้แล้วก็เปลี่ยนน้ำเสียง “ปี้ซง เสวี่ยเหมยที่อยู่ข้างกายหมิงจูผู้นั้นมิอาจใช้งานได้แล้ว!”“ที่หลิงอวี๋หายตัวไปครานี้ จะต้องมีนางสมรู้ร่วมคิดอยู่ด้วยเป็นแน่! เจ้าให้คนของเจ้าจับตาดูนางไว้แล้วให้คนคุ้มกันหมิงจูไว้ให้ดี ๆ อย่าได้เกิดเรื่องอะไรกับนางเป็นอันขาด!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงพยักหน้าพร้อมกับแววตาที่ล้ำลึกหวงฝู่หลินมิได้อยู่ที่วังเทพเป็นเวลานาน เดิมทียังคิดว่าลิ่งหูหลินสามารถดูแลหมิงจูเป็นอย่างดีได้ แต่ในเมื่อลิ่งหูหลินคิดมิซื่อ เช่นนั้นทาสในวังเทพเหล่านี้ก็ต้องถูกนางซื้อตัวไว้แล้วเป็นแน่! คราวนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วเซียวหลินเทียนคาดมิถึงเลยว่าเขามาถึงที่ภูเขาหิมะ แต่หลิงอวี๋กลับมิอยู่ที่วังเทพแล้วจะว่าไปแล้ว เซียวหลินเทียนก็เกือบจะเฉียดกับหลิงอวี๋อยู่เหมือนกันที่ด้านนอกภูเขาหิมะ กลุ่มของเซียวหลินเทียนได้พบกับกลุ่มส่งเสบียงของวังเทพหลิงอวี๋ถูกป้อนยาสลบและทำให้กระดูกอ่อนแรงไปจึงนอนหมดสติอยู่บนรถม้ากลุ่มของเซียวหลินเทียนเห็นรถม้าที่ขนของสารพัดมาก็หาได้ใส่ใจไม่ ทั้งสองคนจึงคลาดกันไปเช่นนั้นกลุ่มของเซียวหลินเทียนเข้าไปในอาณาเขตของภูเขาหิมะแล้
ธารน้ำแข็งที่ไม่มีที่สิ้นสุดเต็มไปด้วยน้ำแข็งที่สะสมมาตลอดหลายพันปี บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งถูกโซ่เหล็กขนาดเท่าแขนหลายเส้นมัดเอาไว้ และฝังอยู่ในน้ำแข็งที่สะสมอยู่นั้นฝูไห่หลับตาอยู่เหมือนยังมีชีวิต คล้ายกับคนที่กำลังหลับอยู่และสามารถตื่นขึ้นมาได้ตลอดเวลา!พ่อของหวงฝู่หลินบอกกับหวงฝู่หลินไว้ว่า “คนที่มีพลังล้ำลึกเช่นฝูไห่นี้ หากโอกาสเอื้ออำนวย แม้ว่าจะถูกฝังอยู่ในน้ำแข็งเขาก็สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้!”“ปู่ของเจ้ากับหลงอี้เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันจึงมิได้สังหารเขาไปตรง ๆ แต่ใช้วิธีเช่นนี้กักขังเขาเอาไว้แทน!”“ตระกูลหวงฝู่ของเรารับผิดชอบในการปกป้องเขา เจ้ารู้ว่าเข้ามาอย่างไรก็พอแล้ว มิต้องไปสนใจเขามากเกินไป เพราะว่าใต้หล้านี้นอกจากหลงอี้กับปู่ของเจ้าจะยินยอม มิฉะนั้นใครก็ไม่มีทางจะคืนชีพเขาได้!”นี่เท่ากับว่าเป็นโลงศพน้ำแข็งที่อยู่ในสุสานน้ำแข็งน่ะสิ!หวงฝู่หลินเห็นแล้วก็มิได้ใส่ใจ หากมิใช่เพราะท่านพ่อพาตนไป เขาก็หาทางเข้าไปมิเจออย่าว่าแต่ตลอดทางยังมีกลไกและกับดักมากมาย เพียงแค่มิระวังนิดเดียว ตัวเองก็อาจต้องตายอยู่ในธารน้ำแข็งเหล่านี้ก่อนหน้านี้หวงฝู่หลินมิ
ในขณะที่เสวี่ยเหมยกำลังระวังตัวอยู่เงียบ ๆ นั้น วังเทพก็ได้ต้อนรับแขกที่มิได้รับเชิญจากหลายทางคนเหล่านี้ก็คือเซียวหลินเทียน คนของตระกูลเฉียวและคนของตระกูลเก๋อทันทีที่คนสามกลุ่มนั้นเข้ามาในพื้นที่ของภูเขาหิมะ องครักษ์ที่ยืนเวรอยู่ด้านหน้าหุบเขาก็ส่งนกพิราบมาส่งข่าวให้หวงฝู่หลินอย่างรวดเร็วหวงฝู่หลินเห็นแล้วก็ตะลึงเป็นเล็กน้อย ตระกูลหวงฝู่มิข้องเกี่ยวกับเรื่องภายนอกมาหลายร้อยปีแล้ว คนเหล่านี้ดาหน้ามาพร้อมกันด้วยเรื่องอันใด?“ทำตามกฎเดิม มิต้องสนใจพวกเขา หากสามารถบุกเข้ามาถึงวังเทพได้ค่อยว่ากัน!”หวงฝู่หลินยิ้มอย่างดูถูกหลายร้อยปีมานี้ มีคนจำนวนนับมิถ้วนที่อยากจะบุกเข้ามาปล้นวังเทพแต่เข้ามาได้ก็กลับออกไปมิได้เขามิเชื่อว่าคนเหล่านั้นจะสามารถบุกเข้ามาในวังเทพได้อย่างราบรื่นภายใต้การวางกับดักที่ซับซ้อนและค่ายกลจำนวนมากแต่ปี้ซงมิได้มองในแง่ดีเช่นหวงฝู่หลิน เขาดูข่าวที่ส่งมาอย่างละเอียดแล้วเอ่ย “ท่านเจ้าวัง กลุ่มที่มาสองกลุ่มคือตระกูลเก๋อกับตระกูลเฉียว นี่คือคนของทางแดนเทพพ่ะย่ะค่ะ!”“หากมิได้มีเรื่องสำคัญนักพวกเขาจะมาที่แดนเทพด้วยกันได้อย่างไร?”“ส่วนคนกลุ่มนี้มิใช่คนของแดนเทพ
หวงฝู่หลินสีหน้าเปลี่ยนไป แล้วในที่สุดก็ตะโกนขึ้นมา “ปี้ซง!”ปี้ซงเดินเข้ามา“ส่งข่าวออกไปทันทีให้ป้าวเฉิงระดมคนทั้งหมดจับเป็นอาอวี๋!”ที่ตัวของอาอวี๋ยังมีตำรับยาที่หวงฝู่หลินต้องการอยู่ ก่อนที่จะได้ตำรับยานั้นมา หวงฝู่หลินต้องการให้อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ปี้ซงเป็นคนสนิทของหวงฝู่หลินจึงเข้าใจเจตนาของหวงฝู่หลินในทันที แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “พ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงรีบใช้นกพิราบส่งข่าวหาป้าวเฉิงอย่างรวดเร็วท่านน้าหลินแอบภูมิใจ หัวหน้าเสิ่นรับเครื่องประดับเหล่านั้นที่ตนให้เขาไปแล้ว จะต้องสังหารหลิงอวี๋แล้วอย่างแน่นอนแม้ว่าปี้ซงจะตามหาหลิงอวี๋กลับมาได้ หลิงอวี๋ก็เป็นศพไปแล้ว ไม่มีทางเป็นภัยคุกคามตำแหน่งของตนได้อีก“เสวี่ยเหมย เจ้านำศพปี้เอ๋อร์ไปฝังเถิด เด็กสาวผู้นี้เองก็เป็นคนที่น่าสงสารที่เจอคนมิดี!”ท่านน้าหลินแสร้งทอดถอนใจแล้วบอกหวงฝู่หมิงจูคือคนที่เสียใจที่สุดในจำนวนเหล่านี้ นางเชื่อใจอาอวี๋ถึงเพียงนั้น อาอวี๋หนีไปได้อย่างไร?หลักการที่ปกตินางสอนให้ตนในการเป็นคนนั้นเป็นของปลอมทั้งหมดเลยหรือ?หวงฝู่หมิงจูรู้สึกว่าตนถูกหักหลัง ในเวลาชั่วครู่นี้ นางได้รู้จักกับความเกลียดเป็นครั้งแรกแล้
กระทั่งหวงฝู่หมิงจูกลับมา เสวี่ยเหมยก็เอ่ยกับหวงฝู่หมิงจูด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “เจ้าวังน้อย อาอวี๋บอกว่านางปวดหัวเล็กน้อยเลยไปนอนก่อนเพคะ คืนนี้มิได้มาเล่านิทานให้ท่านฟังแล้ว คืนนี้บ่าวอยู่กับท่านนะเพคะ!”หวงฝู่หมิงจูค่อนข้างมิพอใจ เสวี่ยเหมยจึงเอ่ยเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน “คนเราก็ป่วยกันได้นะเพคะ อาอวี๋ดูแลท่านมาตั้งหลายวันจะป่วยก็เป็นเรื่องปกตินัก ท่านต้องเข้าใจนาง ประเดี๋ยวนางพักผ่อนแล้ว วันพรุ่งก็สามารถทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านได้แล้วเพคะ!”หวงฝู่หมิงจูครุ่นคิดแล้วเอ่ยอย่างรู้ความ “เช่นนั้นก็ได้ ให้พี่อาอวี๋พักผ่อนให้หาย แล้วคืนวันพรุ่งค่อยมาเล่านิทานให้ข้าฟัง!”เสวี่ยเหมยเกลี้ยกล่อมหวงฝู่หมิงจูเสร็จแล้วก็ไปรับใช้หวงฝู่หมิงจู อาบน้ำให้แล้วพาเข้านอนปี้เอ๋อร์ย้ายเข้ามาก็มาอยู่ที่ห้องเดียวกับหลิงอวี๋ นางเองก็คิดว่าหลิงอวี๋ปวดหัวไปนอนแล้ว จึงรอให้เจ้าวังน้อยเข้านอนแล้วปี้เอ๋อร์จึงได้กลับห้องไปเสวี่ยเหมยก็ตามมามิใกล้มิไกล รอให้ปี้เอ๋อร์เข้าไปก่อนแล้วเสวี่ยเหมยก็ตามเข้าไป“พี่เสวี่ยเหมย...”ปี้เอ๋อร์เห็นว่าในห้องไม่มีคนอยู่ กำลังแปลกใจว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงหายไป แต่เมื่อหันกลับมาก็เจอเสวี่
ในตอนเย็น หวงฝู่หลินก็มากินอาหารเย็นกับหวงฝู่หมิงจูหลิงอวี๋จึงทำอาหารเพิ่มเป็นสองที่ และสองพ่อลูกก็กินกันอย่างมีความสุขมากกระทั่งกินเสร็จแล้ว หวงฝู่หลินก็พาหวงฝู่หมิงจูไปเดินเล่นตามปกติหลิงอวี๋ก็พาปี้เอ๋อร์ไปทำความสะอาดห้องครัวแล้วนั่งลงพักผ่อน รอหวงฝู่หมิงจูกลับมาแล้วไปรับใช้อาบน้ำให้นางจากนั้นก็จะไปพักผ่อนได้เวลานี้เสวี่ยเหมยก็เดินเข้ามา มองหลิงอวี๋แล้วเอ่ยอย่างเหน็บแนม “อาอวี๋ ข้ายังมิได้แสดงความยินดีกับเจ้าที่ได้กลายเป็นน้องสาวบุญธรรมของเจ้าวังเลย! ต่อไปเจ้าก็เป็นหนึ่งในเจ้านายของวังเทพแล้ว เจ้าก็อย่าลืมช่วยเหลือข้าด้วย!”“พี่หญิงเสวี่ยเหมยพูดตลกแล้ว ข้าหรือจะมีโชคสามารถเป็นน้องสาวบุญธรรมของเจ้าวังได้ เรื่องนี้เป็นเพราะเจ้าวังน้อยยกย่องเท่านั้นเอง!”หลิงอวี๋ยังต้องอยู่ที่วังเทพอีกสามปี มิอยากทำให้เสวี่ยเหมยขุ่นเคืองจึงเอ่ยยิ้ม ๆ ไป “พี่หญิงเสวี่ยเหมยดูแลข้าถึงเพียงนั้น หากมีอะไรดี ๆ ข้าย่อมมิลืมเจ้าอยู่แล้ว!”“เช่นนั้นก็ดี!”เสวี่ยเหมยจึงเปลี่ยนหัวข้อ “ข้าจะมาบอกกับเจ้าว่า หัวหน้าเสิ่นจะลงเขา บอกว่าให้เจ้าไปตรวจดูสักหน่อย ดูว่าในรายการยังมีของอะไรขาดไปอีกหรือไม่”“การส
หวงฝู่หลินถามเองตอบเอง “พลังในตัวของนางน่าจะอยู่เหนือกว่าดินแดนที่ห้า แต่ว่าจุดตันเถียนของนางถูกคนผนึกพลังเอาไว้!”“นอกจากนี้ การรับรู้ทางจิตของนางก็ถูกผนึกไว้ด้วย นางมิรู้แม้แต่ตัวตนที่แท้จริงของตนเอง!”ปี้ซงงุนงง “ท่านเจ้าวัง ผู้ใดกันที่ทำเรื่องเช่นนี้กับนาง?”หวงฝู่หลินยิ้มเยาะ “เพื่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้นมาอย่างเช่น กระบี่เซวียนหยวนและหินฝูซี ทางด้านแดนเทพนั้นจึงมีการต่อสู้กันอย่างรุนแรง พวกนั้นคิดเอาเองว่าตระกูลใหญ่มีความชอบธรรมจะทำอะไรก็ได้เพื่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นนี้!”“อาอวี๋ผู้นี้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องอยู่ในการต่อสู้เหล่านี้ด้วย!”นี่ก็แสดงว่าหวงฝู่หลินรู้อยู่แล้วว่าการรับรู้ทางจิตของหลิงอวี๋ถูกผนึกไว้ แต่กลับมิได้เอ่ยถึงเหตุผลหลักนี้กับหลิงอวี๋เขาจะต้องรู้ตัวตนของหลิงอวี๋ให้แน่ชัด ดูว่านางเป็นมิตรหรือศัตรูแล้วจึงจะตัดสินใจว่าจะบอกนางหรือไม่“ท่านเจ้าวัง เช่นนั้นบ่าวจะให้คนไปตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงบอก“อืม”แม้ว่าตระกูลหวงฝู่จะถอนตัวออกมาแล้วมิสนใจเรื่องของแดนเทพ แต่ก็มิได้หมายความว่าหวงฝู่หลินจะเป็นคนที่ยอมให้ใครมาทำอะไรก็ได้หากใครกล้าคุกคามมาถึง
“ท่านเจ้าวัง บ่าวเป็นอะไรหรือเพคะ? เหตุใดท่านจึงมองบ่าวเช่นนี้?”หลิงอวี๋ค่อนข้างกังวล จึงซักถามออกไปโดยมิรู้ตัวหวงฝู่หลินเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าตั้งครรภ์ เกือบจะสองเดือนแล้ว เจ้ามิรู้หรือ?”ตั้งครรภ์?ราวกับฟ้าผ่าลงที่หัวของหลิงอวี๋ตอนกลางวันแสก ๆ นางตกใจจนตะลึงไป นางตั้งครรภ์หรือ?เช่นนั้นพ่อของลูกคือใคร?บุรุษที่ใส่ชุดจักรพรรดิสีเหลืองสดใสผู้นั้นแวบเข้ามาในหัวทันทีจะเป็นเขาหรือไม่?สีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก มิรู้ว่าควรจะพูดอะไรหวงฝู่หลินมองท่าทีงุนงงของนางแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “คาดว่าคนที่ปิดผนึกเจ้าก็มิรู้เช่นกันว่าเจ้าตั้งครรภ์ เข็มเงินที่ปักมาที่เจ้าเหล่านี้จะจำกัดการเจริญเติบโตของเด็ก!”“เด็กผู้นี้เจ้าเก็บไว้มิได้แล้ว แม้ว่าจะโชคดีสามารถเจริญเติบโตได้ แต่เกิดมาแล้วก็อาจจะมีผลกระทบทางด้านสติปัญญาหรือไม่ก็ทางร่างกาย!”คำพูดนี้ของหวงฝู่หลินเป็นการโจมตีที่ยิ่งใหญ่เท่ากับที่เขาบอกหลิงอวี๋ว่าตั้งครรภ์นางยังมิทันได้รู้สึกดีใจกับเรื่องที่ตนตั้งครรภ์ก็ถูกการประกาศว่าเด็กอาจจะพิการตีเข้าที่หัวอย่างจังหลิงอวี๋มิรู้ว่าตนรู้สึกอย่างไร นี่เหมือนกับเพิ่งจะมอบภูเข