“เอามันไป!”เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นว่าหมอพูดในสิ่งที่ตนต้องการ ก็ตะโกนองครักษ์คนหนึ่งเข้ามา ปิดปากหมอแล้วลากเขาออกไป“องค์ชาย… กวนอิ่งยังเคยไปหาหมออีกสองคนด้วยเพคะ!”“หากองค์ชายมิเชื่อที่หม่อมฉันพูด หม่อมฉันจักเรียกพวกเขาเข้ามาให้องค์ชายสอบสวน!”จ้าวเจินเจินแสร้งทำเป็นมิรู้ว่าเซียวหลินอี้เองก็ติดโรคนี้เช่นกัน พลางเอ่ยอย่างกังวล“เจินเจินมิได้อยากทำให้กวนอิ่งลำบากใจเพคะ แต่กลัวว่าองค์ชายอาจมิได้ป้องกันตัวจากนางแล้วถูกนางหลอก!”“มิต้อง...”ใบหน้าของเซียวหลินอี้ดูมิสู้ดี ร่างกายของตนสามารถพิสูจน์ได้ เขาจะมิเชื่อสิ่งที่จ้าวเจินเจินพูดได้เยี่ยงไร!“ฆ่าหมอพวกนี้ให้หมด!”เซียวหลินอี้สั่งออกมาอย่างเย็นชาจ้าวเจินเจินยิ้มเยาะในใจ แต่แสร้งทำท่าทีเป็นกังวล“องค์ชาย วันนี้เจินเจินได้ยินมาอีกเรื่องเพคะ… เงินทั้งหมดในร้านค้าของตระกูลกวนถูกองค์ชายเว่ยปล้นไปแล้วเพคะ!”“ว่ากระไรนะ?”เซียวหลินอี้เด้งตัวลุกขึ้นยืนทันที พลางเอ่ยอย่างร้อนใจ “ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงรึ?”จ้าวเจินเจินพยักหน้า “ลูกพี่ลูกน้องของหม่อมส่งคนมาบอกเพคะ เขามีร้านอยู่ใกล้ ๆ ของตระกูลกวน ได้ยินมาว่าเมื่อคืนวานนี้ ห
ทันใดนั้นกวนอิ่งก็ถูกฟาดจนเนื้อแตก นางทนมิไหว ตะคอกออกมา “เซียวหลินอี้ ท่านยังอยากได้ทรัพย์สินของตระกูลกวนอยู่หรือไม่?”“หากตีข้าอีก ข้าจักยกให้องค์ชายเว่ยแล้ว...!”กวนอิ่งมิพูดยังดีเสียกว่า เมื่อนางพูดออกมาเช่นนี้ เซียวหลินอี้ก็ยิ่งโกรธขึ้นไปอีก“นางสารเลว!”“ข้าว่าแล้วเชียว ร้านของตระกูลกวนจักถูกคนที่องค์ชายเว่ยส่งมาปล้นได้เยี่ยงไร! ที่แท้นางสารเลวเช่นเจ้าก็คิดหมายเอาประโยชน์ทั้งสองทาง!”แส้ในมือของเซียวหลินอี้ฟาดอย่างแรง“ข้าปล่อยให้คนสารเลวเช่นเจ้าโกหกข้า!”“ข้าปล่อยให้เจ้าไปสมคบคิดกับองค์ชายเว่ย…”“เซียวหลินอี้...” คำด่าของกวนอิ่งยังมิทันได้ออกจากปาก ก็ถูกเซียวหลินอี้เฆี่ยนบนปากแล้วปากของนางแตกทันใด โลหิตหลั่งไหลออกมาพวกนางรับใช้ของกวนอิ่งได้ยินเสียง วิ่งเข้ามาก็เห็นภาพนี้แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปห้าม“องค์ชาย… อย่าเพคะ… ไม่ต้องตีแล้ว หากตีอีกคุณหนูจักตายแล้วเพคะ...”ท้ายที่สุดชุ่ยเอ๋อร์เห็นว่ากวนอิ่งถูกเฆี่ยนจนเจียนตายแล้ว จึงคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อขอร้องคราวนี้สติของเซียวหลินอี้จึงค่อย ๆ กลับมา แล้วก็เห็นว่ากวนอิ่งถูกเขาเฆี่ยนจนหมดสติไปแล้วเขาจึงตะโกน “ไปเอาน้ำมา
กวนอิ่งจ้องเซียวหลินอี้นิ่ง พลางเอ่ยเสียงเรียบ “องค์ชายอยากฆ่าก็ฆ่าหม่อมฉันเถิด! ถึงอย่างไรก็เป็นไปตามเงื่อนไขนี้… รอให้หม่อมฉันหายจากอาการบาดเจ็บ แล้วองค์ชายปล่อยหม่อมฉันไป หม่อมฉันก็จะมอบโฉนดที่ดินให้เพคะ!”“มิฉะนั้น… ไม่ช้าก็เร็วถึงอย่างไรหม่อมฉันก็ต้องตายด้วยน้ำมือขององค์ชายอยู่ดี เหตุใดหม่อมฉันต้องเอาเปรียบองค์ชายด้วยเล่าเพคะ? ”เซียวหลินอี้จ้องกวนอิ่ง มองออกเลยว่านี่คือขอบเขตต่ำสุดของกวนอิ่งแล้ว“หึ!”เซียวหลินอี้ทิ้งกวนอิ่ง พลางยืดตัวตรงนังสารเลว ข้าจักให้เจ้ามีชีวิตอยู่อีกสองวันแล้วกัน!รอให้ข้าได้โฉนดที่ดินที่เหลืออยู่ก่อนเถิด ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตายด้วยมือของข้าเอง!......กวนอิ่งนอนอยู่คืนหนึ่ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามิสามารถอยู่ในตำหนักองค์ชายคังได้แล้ว บัดนี้เซียวหลินอี้โหดเหี้ยมกับนางมาก!รอเขาได้โฉนดที่ดินแล้ว เขาจะยังให้ตนอยู่ดีมีสุขหรือ?“ชุ่ยเอ๋อร์ ข้าอยากหนี ติดต่อกับผู้คุ้มกันของข้าได้หรือไม่?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ชุ่ยเอ๋อร์ก็กระซิบ “คุณหนู องค์ชายให้ผู้คุ้มกันทั้งหมดไปอยู่ในกองกำลังของเขาแล้ว พวกเรามิเหลือผู้ใดที่ใช้ได้แล้วเจ้าค่ะ!”กวนอิ่งหมดหวังทั
“คุณหนู ท่านห้ามขยับเป็นอันขาดนะเจ้าคะ!”“คราวนี้จะหนีราบรื่นหรือไม่ขึ้นอยู่ที่คุณหนูแล้วเจ้าค่ะ!”ชุ่ยเอ๋อร์คลุมใบผักเน่าบนศีรษะกวนอิ่งเล็กน้อยกวนอิ่งทั้งโกรธและร้อนใจ คิดแค่ว่าตัวเองไม่เคยจนตรอกขนาดนี้มาก่อนทว่าเพื่อความอยู่รอด นางทำได้แต่อดทน!ชุ่ยเอ๋อร์ปิดฝาถัง แล้วรีบกลับไปต่อแต่นี้ไปไม่เกี่ยวอะไรกับนางแล้ว นางแค่ต้องรอปะปนออกตำหนักองค์ชายคังกับคนรับใช้ที่ไปซื้อกับข้าวในวันพรุ่งเท่านั้น!จากนั้นก็โบยบินไปไกล ๆ!ชุ่ยเอ๋อร์ซ่อนเงินพันตำลึงไว้ในอก อีกทั้งคลำหาอาภรณ์มีราคาในห้องกวนอิ่งมาซุกในเสื้อผ้าหลายชิ้นพระชายาอ๋องอี้บอกว่าเงินที่กวนอิ่งดูแลล้วนเป็นของตน นางจะเอาทรัพย์สมบัติของกวนอิ่งไปเท่าใดย่อมได้!ชุ่ยเอ๋อร์ไม่ละอายที่ทรยศกวนอิ่งเลยสักกระผีก แต่กลับตื่นเต้นไม่หยุดที่ได้คิดบัญชีกวนอิ่งคุณหนูใหญ่กวนผู้นี้ นางช่างสุดจะทนมาตั้งนานแล้ว!ตนติดตามนางหลายปีปานนี้ อย่าว่าแต่มิได้ส่วนดีสักเท่าไรเลย กลับกันต้องรับความทรมานอันมากล้นด้วยซ้ำ!ตอนกวนอิ่งยังเป็นคุณหนูใหญ่ผู้เลื่องลือก็มักตีและด่านางตลอดบัดนี้หลังนางกลายเป็นอนุแห่งตำหนักองค์ชายคังก็มิได้สำรวมอารมณ์เหมือนเดิม
กวนอิ่งยอมรับความจริงมิได้พลางเรียกขึ้นอย่างบ้าบิ่น“หลิงอวี๋ นี่เป็นฝีมือเจ้ารึ?”“เป็นเจ้ายุให้องค์ชายคังตีข้า! และเป็นเจ้าทำให้ชุ่ยเอ๋อร์ทรยศข้า!”หลิงอวี๋กระตุกริมฝีปากยิ้มเยาะ “มิใช่แค่เป็น… แต่เป็นโดยแท้แน่นอน!”“เหตุใดระยะนี้เจ้าจึงเชิญหมอมา? ตัวข้าจักบอกเจ้าตามตรงว่าเป็นข้าทำเองเช่นกัน!”“เหตุใดองค์ชายคังถึงลงมือตีเจ้าอย่างเหี้ยมโหด? เพราะพระองค์ป่วยเป็นโรคเดียวกับเจ้า…!”“เจ้าเอาเชื้อโสโครกจากหอนางโลมมาติดพระองค์ องค์ชายคังมิตีเจ้าให้ตาย ข้าก็ถือว่าพระองค์มีพระทัยเมตตาแล้ว!”หลิงอวี๋ชี้ยังป้ายจารึกที่เถาจื่ออุ้มในมือ“กวนอิ่ง เจ้ายั่วโทสะข้าสุดขีด! ตอนฝังศพหลิงซิน ตัวข้าสาบานต่อหน้าป้ายจารึกของนางว่า ข้าจักถวายหัวเจ้าทำพิธีเซ่นไหว้แก่นางภายในสิบวัน!”“วันนี้เป็นวันที่สิบพอดี!”หลิงอวี๋พูดอย่างไร้ปรานี “ข้าขอบอกเจ้าให้กระจ่างแล้วกัน! สมบัติตระกูลกวนของเจ้าก็เป็นข้าให้คนไปยึด!”“เจ้าคงมิรู้กระมัง? โฉนดที่ดินเหล่านั้นในมือเจ้าล้วนเป็นของปลอมทั้งสิ้น!”“นายท่านตระกูลเจ้าเอาโฉนดที่ดินของจริงให้ท่านกวนเอ้อร์… และท่านกวนเอ้อร์ถวายองค์จักรพรรดิไปแล้ว!”“ตัวข้าพึ่งแค่สิ่งน
นางมิใช่แม่พระ นางมิขัดขวางท่านกวนเอ้อร์ใช้วิธีของเขาล้างแค้นหรอก!ครานั้นท่านกวนเอ้อร์เห็นภรรยาตนถูกคนข่มขืนเจียนตายกับตา ความแค้นของเขา ความเจ็บของเขามีเพียงเขาที่เข้าใจดีที่สุด!หากเขาคิดว่าการแก้แค้นแบบนี้ดีที่สุด เช่นนั้นก็ทำเยี่ยงนี้เถอะ!หลิงอวี๋พาหลิงซวนและเถาจื่อเดินตรงไปกระทั่งถึงที่ที่ไม่ได้ยินเสียงน่าสังเวชของกวนอิ่งจึงหยุดลงหากใช้หัวกวนอิ่งทำพิธีเซ่นไว้หลิงซิน ความแค้นที่ขึงตึงมาตลอดของนางอาจคงปลดปล่อยได้หลิงซิน เจ้าไปสู่สุคติได้แล้วนะ!หลิงซวนเห็นอารมณ์เศร้าซึมของหลิงอวี๋ พลันพูดปลอบทันที“อาจารย์ อย่าเศร้าไปเลยเจ้าค่ะ! หากน้องหลิงซินรู้ว่าท่านล้างแค้นเพื่อนาง นางต้องไปเกิดใหม่อย่างสบายใจแน่เจ้าค่ะ!”“อือ! หวังว่านางจะไปเกิดใหญ่ในครอบครัวที่ดี!”หลิงอวี๋เรียนหมอและไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง แต่ตอนนี้นางภาวนาจากใจจริงขอให้หลิงซินเกิดใหม่ในครอบครัวที่ดีในภพหน้า!ไม่แสวงหาเงินทอง มีชีวิตสงบสุขเป็นพอ!เมื่อรอให้คนของกวนผิงมาเชิญพวกนางกลับไปก็เป็นเวลาหนึ่งชั่วยามแล้วที่นั่นถูกเก็บกวาดจนสะอาด และไม่พบสุนัขแล้วเช่นกัน มีพียงศีรษะของกวนอิ่งที่วางอยู่ในหีบหนึ่งอย่างเด
หลิงอวี๋และทั้งสองคนนำหัวกวนอิ่งมาถึงหน้าหลุมศพของหลิงซินเรียบร้อยเถาจื่อกำลังวางหัวคนลงหน้าหลุมศพหลิงซินพลางพูดประโลม“หลิงซินไปสู่สุคติเถิด! คุณหนูล้างแค้นให้เจ้าแล้ว!”หลิงอวี๋จ้องหลุมศพหลิงซินอย่างเงียบงัน แม้จะช่วยหลิงซินล้างแค้นแล้ว แต่หัวใจหลิงอวี๋ก็ยังคงหนักอึ้งนักหลิงซินยังเด็ก… และนางยังมิได้ใช้ชีวิตให้มีความสุขเลย!คนต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เช่นกวนอิ่ง… สมควรตายจริง ๆ!หลิงอวี๋แอบสาบานว่า ต่อไปนางจะมิปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้กับคนข้างกายตนอีกเด็ดขาด นางจะปกป้องทุกคนอย่างเต็มกำลัง!ครั้นทำพิธีเซ่นไหว้หลิงซินเสร็จ เถาจื่อก็ถือหัวกวนอิ่งหมายหาที่ฝังสักที่การวางหน้าหลุมศพอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้จะก่อเรื่องเอาได้!เมื่อหลิงอวี๋เห็นสถานการณ์จึงรีบปราม “อย่าฝัง หัวคนยังมีประโยชน์อยู่!”เถาจื่อมองทางหลิงอวี๋ค่อนข้างสับสนพลางกล่าวเฉยเมย “คุณหนู มันมีประโยชน์ันใดเจ้าคะ! ขนาดสุนัขยังมิกินหัวคนเลยเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ยิ้มมีเลศนัย “เอากลับไปถวายเซียวหลินเทียนเถอะ!”ช่วงหลายวันมานี้ เซียวหลินเทียนก็ออกแรงวางกลเช่นกันการที่นางกับท่านกวนเอ้อร์ขนย้ายสมบัติของตระกูลกวนได้ราบรื่น เป็นเพราะ
ที่แท้สามีภรรยาอ๋องอี้ใช้แผนหว่านความขัดแย้งนี่เอง!เมื่อลู่หนานฟังก็แจ่มแจ้งโดยพลัน แล้วรีบให้คนนำศีรษะไปให้อิ๋นฮู๋เซียวหลินเทียนเห็นหลิงอวี๋ช่วยเหลือตนจึงกล่าวขอบคุณ“หลิงอวี๋ มีเรื่องที่เจ้าต้องรู้! วันนั้นข้าได้รับจดหมายว่าเลี่ยวซงอยู่ทุ่งหญ้าข้างสะพานใช่หรือไม่เล่า?”“ข้าสืบเรื่องนี้แล้ว เป็นจ้าวเจินเจินหาคนส่งข่าวมา!”หลิงอวี๋ผงะชั่วขณะ อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ท่านหมายความว่าหม่อมฉันควรขอบคุณจ้าวเจินเจิน และต่อไปอย่าสร้างเรื่องยากให้นางอีกใช่หรือไม่?”ครั้นเซียวหลินเทียนได้ยินก็รู้ทันทีว่าหลิงอวี๋เข้าใจผิดซะแล้วแล้วจึงคิดถึงอดีตที่หลิงอวี๋กับเกิ่งเสี่ยวหาวคอยระวังตัวจากเขาหลิงอวี๋มิเต็มใจบอกแผนกับตนมากนัก หรือเพราะสงสัยว่าตนจะแอบส่งข่าวให้จ้าวเจินเจิน?แต่ยามนี้เขาปล่อยวางความรักที่มีต่อจ้าวเจินเจินในตอนนั้นไปแล้ว!ทุกสิ่งที่จ้าวเจินเจินทำมันไม่เหมือนจ้าวเจินเจินผู้นั้นที่เขาเคยชื่นชมในอดีตแสนนาน!ฉะนั้น เซียวหลินเทียนจะไม่ปกป้องนางอีกต่อไป!เขายังต้องร่วมมือกับหลิงอวี๋ต่อต้านองค์ชายเว่ยและองค์ชายคังอยู่ จึงมิอาจเกิดความเข้าใจผิดใด ๆ กับหลิงอวี๋ได้อีก!เซียวหลินเทียนอธิ
เมื่อมีท่าทีเล็ก ๆ นี้ หลิงอวี๋จึงยิ่งระวังจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิเพียงแต่ของที่ตนกินดื่ม แม้แต่ของที่ไทฮองไทเฮากินและดื่ม หลิงอวี๋ก็จะระวังจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมากแต่ท่าทีที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแสดงออกมานั้นปกติมาก มิได้แตะต้องของกินของทั้งสองคนแต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หลิงอวี๋ก็ยังมิอาจวางใจได้นางรู้สึกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลึกลับมาก ยอดฝีมือในดินแดนที่หก หากจะลงมือต้องมิทันได้รู้ตัวอย่างแน่นอน นางมิอยากให้ตนตายไปแบบมิรู้เรื่องใดที่จริงแล้วสตรีทั้งสี่ก็มิได้มีสิ่งใดให้พูดคุยกัน ภายนอกพวกนางคือครอบครัวเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นศัตรู เมื่อถอดหน้ากากความเป็นครอบครัวออกก็ล้วนเกลียดกันจนมิใครก็มิใครต้องตายหลังจากคุยกันไปสักพัก และรับประทานอาหารเสร็จ ไท่เฟยเส้ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ขอตัวลาหลิงอวี๋รอให้พวกนางไป แล้วให้หลิงซวนกับแม่นมเว่ยรีบตรวจสอบในจุดที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับไท่เฟยเส้าแตะต้องอย่างละเอียดทันทีไทฮองไทเฮาเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา “อาอวี๋ เจ้ากังวลมากเกินไปหรือไม่? พวกนางสองคนมิได้ไปที่อื่นเลยนอกจากโถงใหญ่ ในโถงใหญ่เองก็มีทุกคนจับตามองอยู่ พวกนางจะทำสิ่งใดได้!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “
“ข้านึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอตัวก่อน!”“อาอวี๋ เจ้าอยู่กินอาหารกับไท่เฟยเส้าและไทฮองไทเฮาเถิด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นพี่สะใภ้ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องร่วมโต๊ะอาหารกับเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนจึงบอกกับหลิงอวี๋และไทฮองไทเฮาแล้วกำลังจะไป“ฝ่าบาท หรุ่ยหรุ่ยรบกวนการเสวยของพวกท่านหรือเพคะ?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าที่อึดอัดเจือความรู้สึกผิด “หรุ่ยหรุ่ยแค่อยากจะมาคารวะไทฮองไทเฮาเพคะ หากมิสะดวก เช่นนั้นหรุ่ยหรุ่ยขอทูลลา!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะอยู่ในใจ ระดับความเสแสร้งของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นี้มิได้ด้อยไปว่าจ้าวเจินเจินเลยแม้แต่น้อย!เซียวหลินเทียนกำลังหลีกเลี่ยง แม้ว่าคนที่เข้าใจจะรู้ว่าเป็นเพียงข้ออ้างก็มิควรเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลับหยิบยกมาพูดแสร้งทำเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยผู้ไร้เดียงสา!“พี่สะใภ้รอง องค์จักรพรรดิมีธุระจริง ๆ เมื่อครู่ก็บอกไว้แล้ว ให้เขาไปเถิด พวกเราบรรดาสตรีกินด้วยกันก็พอแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยพลางเอ่ย “ฝ่าบาท กลางคืนหม่อมฉันจะเตรียมพระกระยาหารมื้อดึกไว้ให้ ท่านจัดการเรื่องบ้านเมืองเสร็จแล้วก็มาเสวยเถิดเพคะ!”เซียวหลินเทียนสับสนไปในทันที เข
ไท่เฟยเส้ามิได้พอใจกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้เป็นสะใภ้มากนัก ก่อนหน้านี้นางหวังให้ตระกูลจ้าวให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่งงานเข้ามาและสามารถช่วยให้องค์ชายคังประสบความสำเร็จได้แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเผชิญหน้ากับหลิงอวี๋ครั้งแรกก็พ่ายแพ้แล้ว สิ่งนี้ทำให้ไท่เฟยเส้าผิดหวังเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะมาไหว้ตน ไท่เฟยเส้าก็เรียกเข้ามาตำหนิภายนอกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยฟังอย่างนอบน้อม แต่ในใจอยากจะจัดการนางดังเช่นที่ทำกับองค์ชายคัง“สิ่งที่หมู่เฟยสอนก็คือ คราวนี้หรุ่ยหรุ่ยไม่มีประสบการณ์ เตรียมการมิมากพอ ครั้งต่อไปจะมิให้หลิงอวี๋รอดไปได้แล้วเพคะ!”คำพูดอ่อนโยนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้ความโกรธของไท่เฟยเส้าเบาบางลงไปมาก อย่างน้อยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็สามารถบีบให้หลิงอวี๋อยู่ในสถานการณ์อับจนได้ เมื่อเทียบกับจ้าวเจินเจินแล้วจ้าวหรุ่ยหรุ่ยดีมากแล้วไท่เฟยเส้าได้ต่อว่าไปแล้วน้ำเสียงก็อ่อนลงมา แล้วก็เอ่ยด้วยความเกลียด “ตอนนี้ในวังอยู่ในการควบคุมของหลิงอวี๋กับยายเฒ่านั่น หมู่เฟยจะทำอะไรก็มิได้สะดวกนัก”“หมู่เฟยอยากให้ยายแก่นั่นตายไปเร็ว ๆ เช่นนี้แล้วหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนก็จะไม่มียายเฒ่าคอยหนุนหลัง ก็จะจัดการได้ง่
สำหรับคำถามของหลิงอวี๋ ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับใต้เท้าเผยได้หารือกันในบ้านแล้วฮูหยินผู้เฒ่าเผยเองก็รู้ว่า หากเอาเรื่องที่หลิงหว่านต้องไว้ทุกข์แม่สามปีมาถอนหมั้นนั้นฟังมิขึ้น แต่นางกับตระกูลเผยล้วนมิชอบหลิงหว่าน จึงยอมที่จะถูกด่าลับหลังและยืนกรานที่จะถอนหมั้นฮูหยินผู้เฒ่าเผยมิกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา จึงทำได้เพียงเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ฮองเฮา การแต่งงานเป็นการผูกสัมพันธ์ที่ดีของสองตระกูล มิใช่การผูกความโกรธแค้น...”“ถือเสียว่าตระกูลเผยขอโทษคุณหนูหลิง ขอร้องให้ฮองเฮาทรงเห็นใจ ตกลงกับคำร้องที่จะถอนพระราชโองการด้วยเถิดเพคะ สินสอดก่อนหน้านี้ก็ถือเป็นการชดใช้ให้คุณหนูหลิงเถิด!”หลิงหว่านได้ยินก็โกรธมาก จึงเอ่ยเรียบ ๆ “หม่อมฉันมิต้องการการชดใช้! ฮองเฮา ท่านตกลงเถิดเพคะ! หม่อมฉันหลิงหว่าน แม้ว่าชีวิตนี้จะมิได้แต่งงานก็ไม่มีทางร้องขอแต่งงานเข้าตระกูลเผย!”หลิงอวี๋ทอดถอนใจอยู่ในใจ แม้ว่านางจะรู้สึกว่าเผยอวี้คือคนที่หลิงหว่านสามารถไว้วางใจไปได้ตลอดชีวิต แต่ตระกูลเผยทั้งหลายต่อต้านหลิงหว่านเช่นนี้ หากหลิงหว่านแต่งงานเข้าไปก็ไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขการแต่งงานมิใช่การแต่งกับคนคนเดียว โดยเฉพา
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้