ที่แท้สามีภรรยาอ๋องอี้ใช้แผนหว่านความขัดแย้งนี่เอง!เมื่อลู่หนานฟังก็แจ่มแจ้งโดยพลัน แล้วรีบให้คนนำศีรษะไปให้อิ๋นฮู๋เซียวหลินเทียนเห็นหลิงอวี๋ช่วยเหลือตนจึงกล่าวขอบคุณ“หลิงอวี๋ มีเรื่องที่เจ้าต้องรู้! วันนั้นข้าได้รับจดหมายว่าเลี่ยวซงอยู่ทุ่งหญ้าข้างสะพานใช่หรือไม่เล่า?”“ข้าสืบเรื่องนี้แล้ว เป็นจ้าวเจินเจินหาคนส่งข่าวมา!”หลิงอวี๋ผงะชั่วขณะ อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ท่านหมายความว่าหม่อมฉันควรขอบคุณจ้าวเจินเจิน และต่อไปอย่าสร้างเรื่องยากให้นางอีกใช่หรือไม่?”ครั้นเซียวหลินเทียนได้ยินก็รู้ทันทีว่าหลิงอวี๋เข้าใจผิดซะแล้วแล้วจึงคิดถึงอดีตที่หลิงอวี๋กับเกิ่งเสี่ยวหาวคอยระวังตัวจากเขาหลิงอวี๋มิเต็มใจบอกแผนกับตนมากนัก หรือเพราะสงสัยว่าตนจะแอบส่งข่าวให้จ้าวเจินเจิน?แต่ยามนี้เขาปล่อยวางความรักที่มีต่อจ้าวเจินเจินในตอนนั้นไปแล้ว!ทุกสิ่งที่จ้าวเจินเจินทำมันไม่เหมือนจ้าวเจินเจินผู้นั้นที่เขาเคยชื่นชมในอดีตแสนนาน!ฉะนั้น เซียวหลินเทียนจะไม่ปกป้องนางอีกต่อไป!เขายังต้องร่วมมือกับหลิงอวี๋ต่อต้านองค์ชายเว่ยและองค์ชายคังอยู่ จึงมิอาจเกิดความเข้าใจผิดใด ๆ กับหลิงอวี๋ได้อีก!เซียวหลินเทียนอธิ
ครั้นรอกลับถึงเรือนบุหงา หลิงอวี๋จึงเปิดจดหมายแล้วพบว่าเป็นตั๋วเงินหลายใบอยู่ข้างใน รวม ๆ ก็สองแสนหลิงอวี๋ตกตะลึงทันที ของกำนัลวันเกิดชิ้นนี้ที่เซียวหลินเทียนให้ช่างใจกว้างเหลือเกิน!นางใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งก็พลันเข้าใจทันใดเซียวหลินเทียนคงกำลังคิดจะลงทุนให้หอริมธาราของตนกับเกิ่งเสี่ยวหาวที่ถูกจ้าวเฉียงฮั๋วหลอกสี่แสนเป็นแน่เซียวหลินเทียนคงกลัวว่าพวกเขาจะไม่มีเงินหมุน ฉะนั้นจึงอ้างว่าฉลองวันเกิดตน เพื่อให้เงินมากโขนี้ต่อตนละสิ!หลิงอวี๋กำลังคิดว่า บัดนี้เกิ่งเสี่ยวหาวก็หมุนเงินทุนลำบากจริง ๆ จึงยังไม่ได้คืนตั๋วเงินกลับไปเงินพวกนี้นางจะรับจากเซียวหลินเทียนมาเปล่า ๆ มิได้ งั้นถือเสียว่าตนยืมเขามาแล้วกัน!รอเมื่อนางกับเกิ่งเสี่ยวหาวมีเงินเหลือเฟือ นางค่อยคืนเขาก็ย่อมได้!วันรุ่งขึ้น ขณะที่หลิงอวี๋กำลังพาหลิงเยวี่ย สองพี่น้องฉีเต๋อ หลิงซวนและเถาจื่อออกไปข้างนอก สุ่ยหลิงก็อยู่ดูแลแม่นมลี่หลังจากที่แม่นมลี่เห็นหูของหลิงซินในวันนั้นก็ตกใจล้มป่วยกะทันหันไปหลิงอวี๋ขบคิดว่าจะซื้อนางรับใช้มาเพิ่มสองคน และเอาที่ได้วรยุทธ์เป็นดีที่สุด!เรื่องนี้ยังต้องไหว้วานเกิ่งเสี่ยวหาวฉะนั้นหลิ
หลิงอวี๋ยกยิ้ม ก่อนหน้านี้ยังกลัวท่านเกิ่งเอ้อร์กับเกิ่งเสี่ยวหาวจะไม่เข้าใจอยู่เลยตอนนี้เห็นพวกเขาคิดได้เช่นนี้นางก็วางใจแล้วท้ายที่สุดหลิงอวี๋ก็นำสองแสนของเซียวหลินเทียนให้เกิ่งเสี่ยวหาวไปเกิ่งเสี่ยวหาวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะปฏิเสธอ้อม ๆ“ท่านพี่ ข้ามิอาจรับ เงินของท่านเหลือไม่มากแล้ว ท่านเก็บไว้เองเถิด!”“ข้ายังมีอยู่ เป็นเซียวหลินเทียนมอบเงินพวกนี้ให้!”หลิงอวี๋บอกสิ่งที่ตนเดาเอาเองเกี่ยวกับเงินที่เซียวหลินเทียนมอบให้ต่อเกิ่งเสี่ยวหาว กล่าวปิดท้ายว่า“เซียวหลินเทียนช่างจิตใจดีนัก ข้าจึงมิได้ปฏิเสธ เจ้ารับไปเถอะ! รอเราได้กำไรแล้วค่อยคืนพระองค์!”เมื่อเกิ่งเสี่ยวหาวได้ยินเช่นนั้นถึงรับไว้ เขาพูดอย่างปลงใจไปหนึ่งประโยค“สิ่งที่ท่านอ๋องอี้กระทำในครั้งนี้ยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่!”“เอาเถอะ ตราบใดที่พระองค์ไม่ถือหางให้จ้าวเจินเจินกับคนของตระกูลจ้าว ต่อไปข้าก็มิหักหน้าพระองค์แล้ว!”“ท่านพี่ วันหลังขอเชิญท่านอ๋องอี้กับคนข้างกายพระองค์ที่ท่านพี่ถูกชะตามาทานอาหารที่ภัตตาคารจี๋เสียงสักมื้อเถอะ! ข้าเลี้ยงเอง! ถือเสียว่าจัดงานวันคล้ายเกิดให้ท่านย้อนหลัง!”“เอาสิ!”ช่วงระยะนี้หลิงอว
หลิงอวี๋ไม่อยากให้ท่านอดีตเสนาบดีว้าวุ่นใจ ครั้นเข้าไปจึงมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่ถูกคนเฝ้าประตูขัดขวางขาของท่านอดีตเสนาบดีฟื้นตัวได้มิเลว ตอนนี้เขาสามารถลงเตียงได้แล้วหลิงหว่านและคนรับใช้ชายผู้หนึ่งกำลังประคองเขาเดินอยู่ในลานจวนเมื่อเห็นหลิงอวี๋มา ท่านอดีตเสนาบดีก็กลอกตาใส่นางด้วยท่าทีเด็ก ๆ พลางกิริยาของเขาดูไม่ต้อนรับอย่างยิ่งครั้นแล้วก็หันหน้ามามองทางหลิงเยวี่ยอย่างยิ้มแย้ม กล่าวด้วยใบหน้าอ่อนโยน“เยวี่ยเยวี่ย คิดถึงปู่ทวดหรือไม่?”หลิงอวี๋ “…”หลิงเยวี่ยเด็กน้อยปากหวานคนนี้ เมื่อได้ยินคำถามเช่นนี้ของท่านอดีตเสนาบดีก็พลันวิ่งไปกอดต้นขาท่านอดีตเสนาบดีทันที แล้วพูดด้วยความน่าเอ็นดู“เยวี่ยเยวี่ยคิดถึงท่านปู่ทวดมากขอรับ! คิดถึงที่สุดเลย!”ท่านอดีตเสนาบดีปรายมองหลิงอวี๋ จากนั้นก็หัวเราะเยาะและเอ่ยด่า “เด็กขี้โกหก! คิดถึงปู่ทวดก็ไม่เห็นมาหาปู่ทวดเลย!”“ปู่ทวดคิดถึงเจ้าแทบแย่ แต่เจ้ากลับไม่คิดถึงปู่ทวดเลย!”“ท่านปู่ทวด ท่านก้มลงมาขอรับ!”ท่านอดีตเสนาบดีมิรู้ว่าหลิงเยวี่ยจะทำอันใด พลันก้มลงหลิงเยวี่ยกอดคอท่านอดีตเสนาบดีพลางหอมปรางแก้มของเขาจากนั้นก็หอมลงไปอีกข้างหนึ่ง!ท่
ทว่าโดยเนื้อแท้แล้วนี่คือทางเลือกของหลิงเยี่ยน หลิงอวี๋จึงมิใส่ใจแต่นางกังวลว่าองค์ชายเว่ยจะวางอุบายบางอย่างต่อจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนผ่านหลิงเยี่ยนกับหลิงเสียงเซิงน่ะสิ“ท่านปู่ ท่านมิใช่แม่ทัพใหญ่แล้ว! องค์ชายเว่ยจักถูกใจหลิงเยี่ยนหรือเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ถามอย่างแปลกใจก่อนหน้านี้องค์ชายคิดดึงท่านอดีตเสนาบดีมาเป็นพวก จึงอยากแต่งหลิงเยี่ยนเป็นชายารอง!แต่ตอนนี้ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ถูกคนอื่นได้รับเลือกไปแล้ว องค์ชายเว่ยจะเหลียวมองหลิงเสียงเซิงที่ไร้อำนาจสิ้นอิทธิพลได้อย่างไร!“ไปคุยกันในเรือนเถอะ!”ท่านอดีตเสนาบดีหวั่นหน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง จึงให้หลิงอวี๋กับเถาจื่อประคองตัวเองเข้าเรือน“อาอวี๋ ถึงแม้ปู่เจ้าจักมิใช่แม่ทัพใหญ่แล้ว แต่ทหารที่ข้าเคยฝึกฝนก็มีคนที่ประสบความสำเร็จมิน้อย!”ท่านอดีตเสนาบดีนั่งลงพลันพูดอย่างภูมิใจ “แม่ทัพเสิ่นปินที่องค์จักรพรรดิแต่งตั้งขึ้นใหม่คือศิษย์ของข้าเอง!”ด้วยวาจาของท่านอดีตเสนาบดีทำให้หลิงอวี๋ตกตะลึงช่วงระยะนี้ นางมักขัดแย้งกับเซียวหลินเทียน หลายเรื่องในราชสำนักเซียวหลินเทียนจึงล้วนมิได้บอกตนนางมิรู้ว่าแม่ทัพใหญ่ที่ได้รับแต่งตั้งใหม่จะเป็นศิษย์ขอ
ที่จริงท่านอดีตเสนาบดีแฝงกายอยู่ท้องพระโรงมานับหลายปี และสัญชาตญาณทางการเมืองอันเฉียบแหลมนั้นตนก็เทียบมิติดในเมื่อเขาพูดแบบนี้ หลิงอวี๋ก็มิกล้าชะล่าใจ“ท่านปู่โปรดวางใจ กลับไปข้าจักช่วยหาคู่ให้หว่านเอ๋อร์โดยเร็วที่สุดเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋กล่าวปลอบใจ “ท่านปู่ท่านก็อย่าคิดมากเกินไป องค์จักรพรรดิทรงปราดเปรื่องพระองค์มิให้โอกาสพวกเขาแน่เจ้าค่ะ!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เสียงผู้คุ้มกันของท่านอดีตเสนาบดีก็ลอยมาจากข้างนอก“พระชายา ท่านรัฐทายาทส่งคนมาเชิญท่านไปพูดคุยขอรับ!”หลิงอวี๋พลันลุกขึ้นเดินออกไปก็พบสาวงามแปลกหน้าผู้หนึ่งกำลังรออยู่หน้าประตูลานจวนหัวใจหลิงอวี๋สั่นไหว นี่น่าจะเป็นกู่ซุ่ย!นางตีหน้าตายพินิจพิจารณากู่ซุ่ยไปชั่วครู่มีวัยยี่สิบกว่าปี เครื่องหน้างามวิจิตร แม้อาภรณ์ที่สวมจะพราวเสน่ห์ แต่ทั้งคนกลับดูไร้ความยั่วยวนที่เกินงามเลยเสียอย่างนั้น“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ข้ามาเชิญท่านตามคำสั่งของท่านรัฐทายาทเจ้าค่ะ กรุณาไปสักเที่ยวเถิดเจ้าค่ะ!”กู่ซุ่ยโค้งคำนับหลิงอวี๋ พลันถอยหลังครึ่งก้าวเดินไปเป็นกับหลิงอวี๋“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ กู่ซุ่ยสืบมาแล้วว่าช่วงนี้หลิงหลานมักพบปะกับหวางซือข
“ใต้เท้าหลิง จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนแห่งนี้ยังมิใช่ของท่าน ตัวข้าขอเตือนท่านว่าอย่าโอหังให้มากนัก!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นเขาชักสีหน้าก็ยิ้มหยันเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ“องค์ชายเว่ยยังมิได้แต่งหลิงเยี่ยนเข้าเรือน ท่านเอาความมั่นใจจากที่ใดมากล้าขวางมิให้ข้ามาจวนเสนาบดี?”“ตัวข้าเป็นถึงพระชายาอ๋องอี้ผู้สง่า! ที่เรียกท่านว่าพ่อก็เพราะเห็นแก่หน้าท่านอดีตเสนาบดี ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าท่านจะวางท่าต่อข้าได้?”หลิงอวี๋กล่าวดูแคลน “แม้องค์ชายเว่ยให้ตำแหน่งขุนนางกับท่านและหลิงเฟิง แล้วอย่างไรเล่า?”“แค่วาจาข้าประโยคเดียวก็เอาพวกท่านกลับสู่สภาพเดิมได้แล้ว! หากท่านมิเชื่อก็ลองดูสิ!”หลิงเสียงเซิงโมโหตัวสั่นทั้งร่างกับคำพูดหลิงอวี๋“เจ้า… เจ้าลูกเลว เจ้า… ลูกชู้!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นตึก ๆ ตัก ๆ ครั้นได้ยินหลิงเสียงเซิงด่าสองคำว่า ‘ลูกชู้’หรือเรื่องที่หลิงผิงบอกว่าตนกับท่านพี่มิใช่ลูกโดยกำเนิดของหลิงเสียงเซิงจะเป็นความจริง?หลิงอวี๋ตัดสินใจแน่วแน่ว่าวันนี้ต้องเค้นหลิงเสียงเซิงพูดความจริงออกมาให้จงได้นางมองยังหลิงเสียงเซิงด้วยสายตาดูถูก“ลูกชู้? เฮอะ…ใต้เท้าหลิง ท่านรู้หรือไม่ว่าสองคำนี้หมายถึงสิ่งใด
“แน่นอนว่าข้ามีหลักฐาน…”หลิงเสียงเซิงคำรามป่าเถื่อน แต่ด้วยภายใต้สายตาอันเย็นชาของหลิงอวี๋ เสียงก็พลันเบาลงทันควัน“หลังหลานฮุ่ยจวนแต่งเข้ามา ข้าก็มิเคยแตะต้องนาง! แต่นางกลับตั้งท้อง! เจ้ากับพี่ชายเจ้ามิใช่ลูกของข้าแน่!”“เจ้าลองไปถามท่านปู่เจ้าเรื่องนี้สิ เขารู้ชัดเจนทุกอย่าง! เหตุใดข้าต้องเลี้ยงลูกแทนคนอื่นเสียเปล่า ๆ ด้วย!”ความโกรธและความคับข้องเต็มท้องหลิงเสียงเซิง“ท่านปู่เจ้าบอกว่าเป็นหนี้ท่านตาเจ้า! แต่นี่มันเกี่ยวอันใดกับข้า! ไฉนข้าต้องได้รับความคับอกคับใจด้วย?”ในที่สุดบัดนี้หลิงอวี๋ก็เชื่อแล้วว่าตนกับท่านพี่มิใช่ลูกทางสายเลือดของหลิงเสียงเซิงจริง!คนที่เกี่ยวข้องคือผู้ที่มีสิทธิ์ออกความเห็นที่สุด เพื่อใส่ร้ายนางกับหลิงเสี่ยง หลิงเสียงเซิงไม่ถึงกับฝืนยอมโดนสวมเขา“เช่นนั้นท่านพ่อข้าคือผู้ใด?”หลิงเสียงเซิงจ้องหลิงอวี๋เขม็งพลางกล่าวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน“ข้าจักไปรู้ได้อย่างไร หากข้ารู้ก็คงสับมันเป็นหมื่นท่อนตั้งนานแล้ว!”หลิงอวี๋หายใจเข้าลึก ๆ ถามว่า “แล้วท่านแม่ข้าตายได้อย่างไรหรือ?”หลิงเสียงเซิงหลบสายตาของหลิงอวี๋อย่างประหม่าในพริบตา ก่อนจะพูดมั่นใจเต็มปาก“แ
เมื่อมีท่าทีเล็ก ๆ นี้ หลิงอวี๋จึงยิ่งระวังจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิเพียงแต่ของที่ตนกินดื่ม แม้แต่ของที่ไทฮองไทเฮากินและดื่ม หลิงอวี๋ก็จะระวังจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมากแต่ท่าทีที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแสดงออกมานั้นปกติมาก มิได้แตะต้องของกินของทั้งสองคนแต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หลิงอวี๋ก็ยังมิอาจวางใจได้นางรู้สึกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลึกลับมาก ยอดฝีมือในดินแดนที่หก หากจะลงมือต้องมิทันได้รู้ตัวอย่างแน่นอน นางมิอยากให้ตนตายไปแบบมิรู้เรื่องใดที่จริงแล้วสตรีทั้งสี่ก็มิได้มีสิ่งใดให้พูดคุยกัน ภายนอกพวกนางคือครอบครัวเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นศัตรู เมื่อถอดหน้ากากความเป็นครอบครัวออกก็ล้วนเกลียดกันจนมิใครก็มิใครต้องตายหลังจากคุยกันไปสักพัก และรับประทานอาหารเสร็จ ไท่เฟยเส้ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ขอตัวลาหลิงอวี๋รอให้พวกนางไป แล้วให้หลิงซวนกับแม่นมเว่ยรีบตรวจสอบในจุดที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับไท่เฟยเส้าแตะต้องอย่างละเอียดทันทีไทฮองไทเฮาเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา “อาอวี๋ เจ้ากังวลมากเกินไปหรือไม่? พวกนางสองคนมิได้ไปที่อื่นเลยนอกจากโถงใหญ่ ในโถงใหญ่เองก็มีทุกคนจับตามองอยู่ พวกนางจะทำสิ่งใดได้!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “
“ข้านึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอตัวก่อน!”“อาอวี๋ เจ้าอยู่กินอาหารกับไท่เฟยเส้าและไทฮองไทเฮาเถิด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นพี่สะใภ้ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องร่วมโต๊ะอาหารกับเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนจึงบอกกับหลิงอวี๋และไทฮองไทเฮาแล้วกำลังจะไป“ฝ่าบาท หรุ่ยหรุ่ยรบกวนการเสวยของพวกท่านหรือเพคะ?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าที่อึดอัดเจือความรู้สึกผิด “หรุ่ยหรุ่ยแค่อยากจะมาคารวะไทฮองไทเฮาเพคะ หากมิสะดวก เช่นนั้นหรุ่ยหรุ่ยขอทูลลา!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะอยู่ในใจ ระดับความเสแสร้งของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นี้มิได้ด้อยไปว่าจ้าวเจินเจินเลยแม้แต่น้อย!เซียวหลินเทียนกำลังหลีกเลี่ยง แม้ว่าคนที่เข้าใจจะรู้ว่าเป็นเพียงข้ออ้างก็มิควรเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลับหยิบยกมาพูดแสร้งทำเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยผู้ไร้เดียงสา!“พี่สะใภ้รอง องค์จักรพรรดิมีธุระจริง ๆ เมื่อครู่ก็บอกไว้แล้ว ให้เขาไปเถิด พวกเราบรรดาสตรีกินด้วยกันก็พอแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยพลางเอ่ย “ฝ่าบาท กลางคืนหม่อมฉันจะเตรียมพระกระยาหารมื้อดึกไว้ให้ ท่านจัดการเรื่องบ้านเมืองเสร็จแล้วก็มาเสวยเถิดเพคะ!”เซียวหลินเทียนสับสนไปในทันที เข
ไท่เฟยเส้ามิได้พอใจกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้เป็นสะใภ้มากนัก ก่อนหน้านี้นางหวังให้ตระกูลจ้าวให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่งงานเข้ามาและสามารถช่วยให้องค์ชายคังประสบความสำเร็จได้แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเผชิญหน้ากับหลิงอวี๋ครั้งแรกก็พ่ายแพ้แล้ว สิ่งนี้ทำให้ไท่เฟยเส้าผิดหวังเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะมาไหว้ตน ไท่เฟยเส้าก็เรียกเข้ามาตำหนิภายนอกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยฟังอย่างนอบน้อม แต่ในใจอยากจะจัดการนางดังเช่นที่ทำกับองค์ชายคัง“สิ่งที่หมู่เฟยสอนก็คือ คราวนี้หรุ่ยหรุ่ยไม่มีประสบการณ์ เตรียมการมิมากพอ ครั้งต่อไปจะมิให้หลิงอวี๋รอดไปได้แล้วเพคะ!”คำพูดอ่อนโยนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้ความโกรธของไท่เฟยเส้าเบาบางลงไปมาก อย่างน้อยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็สามารถบีบให้หลิงอวี๋อยู่ในสถานการณ์อับจนได้ เมื่อเทียบกับจ้าวเจินเจินแล้วจ้าวหรุ่ยหรุ่ยดีมากแล้วไท่เฟยเส้าได้ต่อว่าไปแล้วน้ำเสียงก็อ่อนลงมา แล้วก็เอ่ยด้วยความเกลียด “ตอนนี้ในวังอยู่ในการควบคุมของหลิงอวี๋กับยายเฒ่านั่น หมู่เฟยจะทำอะไรก็มิได้สะดวกนัก”“หมู่เฟยอยากให้ยายแก่นั่นตายไปเร็ว ๆ เช่นนี้แล้วหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนก็จะไม่มียายเฒ่าคอยหนุนหลัง ก็จะจัดการได้ง่
สำหรับคำถามของหลิงอวี๋ ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับใต้เท้าเผยได้หารือกันในบ้านแล้วฮูหยินผู้เฒ่าเผยเองก็รู้ว่า หากเอาเรื่องที่หลิงหว่านต้องไว้ทุกข์แม่สามปีมาถอนหมั้นนั้นฟังมิขึ้น แต่นางกับตระกูลเผยล้วนมิชอบหลิงหว่าน จึงยอมที่จะถูกด่าลับหลังและยืนกรานที่จะถอนหมั้นฮูหยินผู้เฒ่าเผยมิกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา จึงทำได้เพียงเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ฮองเฮา การแต่งงานเป็นการผูกสัมพันธ์ที่ดีของสองตระกูล มิใช่การผูกความโกรธแค้น...”“ถือเสียว่าตระกูลเผยขอโทษคุณหนูหลิง ขอร้องให้ฮองเฮาทรงเห็นใจ ตกลงกับคำร้องที่จะถอนพระราชโองการด้วยเถิดเพคะ สินสอดก่อนหน้านี้ก็ถือเป็นการชดใช้ให้คุณหนูหลิงเถิด!”หลิงหว่านได้ยินก็โกรธมาก จึงเอ่ยเรียบ ๆ “หม่อมฉันมิต้องการการชดใช้! ฮองเฮา ท่านตกลงเถิดเพคะ! หม่อมฉันหลิงหว่าน แม้ว่าชีวิตนี้จะมิได้แต่งงานก็ไม่มีทางร้องขอแต่งงานเข้าตระกูลเผย!”หลิงอวี๋ทอดถอนใจอยู่ในใจ แม้ว่านางจะรู้สึกว่าเผยอวี้คือคนที่หลิงหว่านสามารถไว้วางใจไปได้ตลอดชีวิต แต่ตระกูลเผยทั้งหลายต่อต้านหลิงหว่านเช่นนี้ หากหลิงหว่านแต่งงานเข้าไปก็ไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขการแต่งงานมิใช่การแต่งกับคนคนเดียว โดยเฉพา
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้