ครานั้นหลิงอวี๋กำลังเตรียมคุมตัวหลิงผิงไปหาหลักฐานว่าหวางซือวางยาหลานฮุ่ยจวน ทว่าในวันรุ่งขึ้นหลิงผิงกลับถูกฆ่าโดยไม่คาดคิดแต่หลิงอวี๋ในตอนนั้นตรวจศพหลิงผิงกลับพบว่าหลิงผิงถูกคนทรมานก่อนสิ้นใจไปหากชิวเหวินซวงอยากฆ่าหลิงผิง นางลงมือโดยตรงก็ได้แล้วแต่ชิวเหวินซวงกลับพาหลิงผิงไปคฤหาสน์ทรุดโทรม ก่อนจะทรมานนางแล้วจึงสังหารนางไปหรือว่าชิวเหวินซวงเค้นถามเอาหลักฐานในมือหลิงผิงมาได้แล้ว จากนั้นค่อยนำหลักฐานไปข่มขู่หวางซือ?สมมติว่าชิวเหวินซวงทำเรื่องพวกนี้จริง เช่นนั้นนางต้องการเงินมากขนาดนี้ไปทำสิ่งใด?สินเดิมมากมายของตนในตอนแรกล้วนถูกชิวเหวินซวงวางกับดัก ให้หลิงผิงหลอกเอาไปจากมือตน!แม้ความทะเยอทะยานของชิวเหวินซวงคือพระชายาอ๋องอี้ แต่เมื่อดูจากเหตุการณ์พวกนี้แล้วก็ไม่เหมือนคนที่หมายปองตำแหน่งพระชายาจะพึงกระทำเดิมทีหลิงอวี๋อยากไปคุยความสงสัยของตนกับเซียวหลินเทียน แต่ก็นึกถึงว่าปัจจุบันสองพี่น้องชิวเหวินซวงกับชิวเฮ่าได้รับความไว้ใจจากเซียวหลินเทียนอีกครั้งหากนางบอกไปเช่นนี้ เซียวหลินเทียนอาจสงสัยตนทันทีว่ามีเจตนามุ่งเป้าสองพี่น้องชิวเหวินซวง……ณ เรือนริมวารีชิวเหวินซวงยกอาหาร
ณ ห้องตำรายามพรบค่ำชิวเหวินซวงกำลังยกชามน้ำแกงรังนกเดินเข้าไป“ท่านอ๋อง ท่านกำลังยุ่งอยู่หรือ! สุขภาพของท่านจะนอนดึกเช่นนี้บ่อย ๆ มิได้แล้วนะเพคะ!”ชิวเหวินซวงเอ่ยอ่อนโยน “หม่อมฉันต้มน้ำแกงรังนกให้ท่านบำรุงร่างกาย ท่านเสวยแล้วรีบพักผ่อนเถิดเพคะ!”“ขอบใจมาก!”เซียวหลินเทียนวางม้วนกระดาษลงพลางรับมาชิวเหวินซวงจ้องเขม็งขณะที่เซียวหลินเทียนเปิดฝาชาม แล้วพลันส่งช้อนให้เขาว่องไวเมื่อลู่หนานพบว่าเซียวหลินเทียนส่งสายตาให้ตนก็รีบเอ่ยว่า“เหวินซวง เจ้าลองมาดูหน่อย เสื้อคลุมตัวนี้ของท่านอ๋องยังซ่อมได้หรือไม่? น่าเสียดายจริง ๆ ที่ไหมมันขาดหลังสวมไปได้แค่ครั้งเดียว!”ชิวเหวินซวงปรายมองเซียวหลินเทียนแล้วจึงเดินไป “ข้าขอลองดูหน่อย!”ครั้นลู่หนานกำลังจะส่งให้ชิวเหวินซวง นางก็เห็นไหมหลุดออกเป็นหนึ่งสายยาว พลันกล่าวทันที“ซ่อมได้ ข้าจักใช้ด้ายที่สีเดียวกันมาปักลายไม้ไผ่ก็อำพรางได้เจ้าค่ะ!”“เหวินซวง เจ้าช่างเก่งเสียจริง!”ขณะลู่หนานกำลังชื่นชมก็หาเสื้อคลุมยาวมาอีกตัว“เจ้าเอาตัวนี้ไปซ่อมด้วย มีเสี้ยนบนเก้าอี้ล้อของท่านอ๋องที่แต่ก่อนมิพบ อาภรณ์เสียหายไปหลายตัวแล้ว!”ชิวเหวินซวงมองพลาง ลอ
“ท่านอ๋อง พวกเขาคิดทำสิ่งใดกันแน่พ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อลู่หนานได้ฟังก็รีบกล่าวทันควัน “จักมีประโยชน์กระไรหากแผนที่ตกอยู่ในมือพวกเขา?”เซียวหลินเทียนยิ้มเยาะหยัน “ตกสู่มือคนธรรมดาก็ไร้ประโยชน์… แต่หากพวกเขาคือจารชนของแคว้นศัตรูเล่า?”หัวใจจ้าวซวนจมดิ่งลง ก่อนหน้าพวกเขายังนึกว่าชิวเหวินซวงหมายปองแค่ตำแหน่งพระชายา!ฉะนั้นจึงมิใส่ใจความผิดปกติของชิวเหวินซวงนักแต่หาดสองพี่น้องชิวเหวินซวงคือจารชนของแคว้นศัตรู เช่นนั้นก็จะมิใช่แค่อุบายครองตำแหน่งพระชายาแล้ว!“ท่านอ๋อง เช่นนั้นมิต้องคอยถึงวันพรุ่งหรอกพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมนำแกงรังนกไปให้พระชายาตรวจสอบประเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”จ้าวซวนพูดหนักแน่นว่า “หากมีปัญหาจริง กระหม่อมจับนางคืนนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนส่ายหน้า “มิต้องรีบขนาดนั้น! คอยดูการแสดงของชิวเหวินซวง เพราะอาจมิใช่การวางยาพิษร้ายแรง!”“หากหลิงอวี๋ตรวจพบปัญหาล่ะก็ วันพรุ่งเจ้าก็หาวิธีนำแกงรังนกชามนี้ให้ชิวเหวินซวงดื่มเสีย!”“เหอะ แค่ให้นางลองชิมแกงรังนกที่ตัวเองปรุงเท่านั้น!”จ้าวซวนหัวร่อทันใด “ถูกต้อง หนามยอกเอาหนามบ่ง! ท่านอ๋องทรงปราดเปรื่องยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”จ้าวซวนพูดคำไหน
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้จ้าวซวนตกตะลึงไปทันที เขาเองก็นึกถึงอาการป่วยของหลู่ชิ่งเช่นกันตอนนั้นหลู่ชิ่งออกไปกับชิวเฮ่า แต่หากชิวเหวินซวงรู้จักการใช้แมลงกู่ เช่นนั้นชิวเฮ่าก็อาจจะทำได้เช่นกันหรือว่าที่หลิงอวี๋ตรวจไม่พบเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลู่ชิ่งมิใช่อาการป่วย แต่เป็นการถูกเล่นแมลงกู่ใส่?“พระชายา ข้ามิรู้เรื่องศิลปะการใช้แมลงกู่ แต่ไป่สือรู้ขอรับ เพียงแต่หมอว่านเรียกให้เขาไปช่วยกลั่นยาอายุวัฒนะแล้ว!”“จริงสิ ในบ้านเขามีตำราการแพทย์โบราณอยู่เล่มหนึ่ง ในนั้นมีบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับแมลงกู่อยู่ด้วย!”“ประเดี๋ยวข้าจักไปหาในบ้านของเขาดู หาพบแล้วจักส่งมาให้พระชายาขอรับ!”หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ดี แต่เจ้าต้องส่งมาอย่างเงียบ ๆ!”“อย่าให้ชิวเหวินซวงรู้ว่าเจ้าเคยไปที่ห้องของไป่สือ มิฉะนั้นนางอาจสงสัยเอาได้!”จ้าวซวนพยักหน้ากับจากไปเขากังวลใจมาก พอนึกถึงว่าตนเชื่อชิวเฮ่าที่ทำร้ายหลู่ชิ่ง เขาก็เสียใจมาก!แต่พระชายากับท่านอ๋องพูดถูก ก่อนที่พบเจตนาที่แท้จริงของพี่น้องชิว พวกเขายังต้องแกล้งโง่คล้อยตามไปก่อน!พอเซียวหลินเทียนได้ฟังผลการตรวจสอบที่จ้าวซวนกลับมารายงานก็ยิ้มเย็นชา“
สีหน้าของเซียวหลินเทียนดูมิค่อยดีเท่าไหร่ เขาพอจะเดาอะไรบางอย่างได้จากบทสนทนาของจ้าวซวนกับหลิงอวี๋เมื่อสักครู่นี้เพียงแต่เขามิอยากจะเชื่อเลยว่าจ้าวซวนจะมิได้บอกอะไรกับตนเลย!จ้าวซวนอึกอักว่า ตนแกล้งทำเป็นว่าส่งหลู่ชิ่งกลับบ้านเกิด แล้วหลิงอวี๋ก็ส่งคนไปรับหลู่ชิ่งกลางทาง ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นมา“หลู่ชิ่งอยู่นอกเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ อยู่ในทุ่งนาเล็ก ๆ ที่พระชายาซื้อไว้! เมื่อพระชายามีเวลาก็ไปรักษาเขาพ่ะย่ะค่ะ!”“ท่านอ๋อง ขอเพียงหลู่ชิ่งเอ่ยปากได้ ก็จะสามารถเป็นพยานในการทำผิดของชิวเฮ่าได้พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนจ้องมองจ้าวซวน แต่มิสามารถตำหนิอะไรเขาได้หลิงอวี๋เห็นว่าความลับเล็ก ๆ ของตนกับจ้าวซวนถูกตนเปิดเผยออกไปโดยมิได้ตั้งใจ จึงรีบช่วย“เซียวหลินเทียน หม่อมฉันมิให้จ้าวซวนบอกท่านเอง! ท่านจักตำหนิเขามิได้! หากท่านจักหนิก็ให้โทษตัวท่านเองไปเสีย ผู้ใดให้ท่านเชื่อใจชิวเฮ่ากับน้องสาวของเขาเล่า!”“หม่อมฉันกลัวว่าท่านกล่าวว่าหม่อมฉันใจแคบที่มุ่งเป้าไปที่พวกเขา จึงบอกจ้าวซวนว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับท่าน!”เซียวหลินเทียนพูดมิออกพวกเขาทั้งหมดแสดงออกว่าเชื่อใจพี่น้องชิวเป็นอย่างมาก การที่หลิงอ
เซียวหลินเทียนฟังอย่างตั้งใจ พลางครุ่นคิดไปด้วย“ข้อสงสัยที่สามคือ หลิงผิงเพิ่งรับปากกับหม่อมฉันว่า วันรุ่งขึ้นจักพาหม่อมฉันไปเอาหลักฐานการทำผิดของหวางซือ แต่นางก็มาถูกฆ่าในวันรุ่งขึ้นเสียอย่างนั้น!”หลิงอวี๋เอ่ย “ครานั้นพวกท่านก็เห็นหม่อมฉันชันสูตรศพแล้ว บนร่างกายของหลิงผิงมีร่องรอยการถูกทรมานอยู่!”“หากชิวเหวินซวงแค่ต้องการฆ่าปิดปาก ก็ทำในบ้านของเกิ่งเสี่ยวหาวก็ได้นกระมัง!”“แต่นางกลับพาหลิงผิงไปที่อื่นโดยมิจำเป็นแล้วทรมานซักถามหลิงผิง! นี่เป็นเพราะเหตุใดเล่า?”จ้าวซวนเองก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเช่นกัน เขาครุ่นคิดพลางเอ่ยอย่างอึดอัด“พระชายา ครานั้นพวกเราพบว่ามีแม่นมขาเป๋มาตามหาชิวเหวินซวง แต่ผลก็คือพอติดตามชิวเหวินซวงไปร่องรอยของนางก็หายไป!”“ต่อมาได้ยินหลิงหลานบอกว่าหลิงผิงมาหาพวกเขาเพื่อขอยืมเงิน พวกเราก็คิดว่าแม่นมขาเป๋เองก็มาขอยืมเงินชิวเหวินซวงเช่นกัน!”หลิงอวี๋พยักหน้า พลางเอ่ยต่อ“จากข้อสงสัยเหล่านี้ หม่อมฉันคาดเดาได้เลยว่า หลิงผิงรู้ความลับของชิวเหวินซวง แล้วมาที่นี่เพื่อขู่เอาเงินชิวเหวินซวง!”“เพียงแต่ชิวเหวินซวงมิคาดคิดว่า หม่อมฉันจับตัวหลิงผิงได้ นางจึงตามเรามาแ
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนรวบรวมข้อมูลที่ต่างฝ่ายต่างมิเคยรู้กันมาก่อนหน้านี้เข้าด้วยกัน แล้วก็ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าพี่น้องชิวมีเจตนาร้ายหลิงอวี๋ถอนหายใจ “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการคาดเดาของเรา หากหมายกล่าวโทษพวกเขาก็ต้องมีหลักฐานที่หนักกว่านี้!”เซียวหลินเทียนยิ้มเล็กน้อยพลางกระซิบ “ไม่มีหลักฐาน เช่นนั้นพวกเราก็ขุดกับดักแล้วให้พวกมันกระโดดเข้าไปเองสิ!”“หากทำเรื่องนี้ได้ดีก็สามารถทำให้สายสืบของพวกเขาทั้งหมดในฉินตะวันตกมาติดร่างแหกันทั้งหมดได้!”ดวงตาของหลิงอวี๋เป็นประกาย “ท่านมีวิธีหรือ?”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างมีเลศนัย “อืม… แต่ข้าต้องรอคนผู้หนึ่งมาก่อน ขอเพียงเขามาก็สามารถดำเนินการตามแผนได้เลย!”“ผู้ใดกันพ่ะย่ะค่ะ?” ลู่หนานเอ่ยถามอย่างไม่อดทน“เก็บเป็นความลับไว้ก่อน!” เซียวหลินเทียนส่งเสียงจุ๊ ๆ “พวกเจ้ามีสิ่งใดให้ทำก็ไปทำเสียเถอะ! อย่ามารวมตัวกันเช่นนี้ ในช่วงเวลาสำคัญ ต้องให้พวกเขาสองคงอยู่นิ่ง ๆ เข้าไว้!”ราวกับว่าเป็นการยืนยันคำพูดของเซียวหลินเทียน เขาเพิ่งจะพูดจบ เสียงขององครักษ์ก็ดังมาจากข้างนอกแล้ว“องครักษ์ชิวมาพบท่านอ๋องอีกครั้งแล้ว ท่านอ๋องอยู่ข้างในขอรับ!”หลิงอวี๋ลุกขึ้
บุรุษผู้นั้นเอาหมวกไม้ไผ่ออก ใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อยของเขาจึงปรากฏต่อสายตาของทุกคนบุรุษผู้นี้อายุสี่สิบกว่าปี แม้ว่าจะแตกแดดจนผิวสีแทนเล็กหน่อย แต่ดวงตาของเขาใต้คิ้วหนาของเขากลับดำขลับเป็นประกาย เต็มไปด้วยพลัง“ท่านจินต้า!”ลู่หนานรู้สึกประหลาดใจ มิคาดคิดเลยว่าคนที่เซียวหลินเทียนพาพวกเขาออกมาพบจะเป็นท่านจินต้า!“ขึ้นไปคุยกันบนรถม้า!”ท่านจินต้าเข้าไปในรถม้าของเซียวหลินเทียน จ้าวซวนก็ตามเข้าไปด้วยลู่หนานสั่งให้องครักษ์บังคับรถม้าไปตามถนนแล้วตนก็ตามรถม้าไป“ท่านจินต้า คราวที่แล้วท่านบอกว่ามิสามารถกลับเมืองหลวงได้สักระยะหนึ่งมิใช่หรือ? งานเสร็จแล้วหรือ?”จ้าวซวนเอ่ยถามอย่างค่อนข้างแปลกใจท่านจินต้ายิ้มเล็กน้อย “นั่นท่านอ๋องโกหกเจ้า… ข้าได้รับจดหมายของเจ้าก็รีบมาเลย!”“แต่ระหว่างทางข้าได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องให้ข้าไปทำธุระ ข้าก็เลยไปช่วยท่านอ๋องทำงานก่อน!”“เป็นเยี่ยงไรบ้าง?” เซียวหลินเทียนเอ่ยถามท่านจินต้าหุบยิ้ม พลางเอ่ยเสียงขรึม “ภารกิจลุล่วงพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมทำงานที่ท่านอ๋องมอบหมายสำเร็จแล้ว!”“กระหม่อมพบบ้านเกิดของชิวเฮ่าแล้ว และได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วด้วย ครอบคร
เมื่อมีท่าทีเล็ก ๆ นี้ หลิงอวี๋จึงยิ่งระวังจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิเพียงแต่ของที่ตนกินดื่ม แม้แต่ของที่ไทฮองไทเฮากินและดื่ม หลิงอวี๋ก็จะระวังจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมากแต่ท่าทีที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแสดงออกมานั้นปกติมาก มิได้แตะต้องของกินของทั้งสองคนแต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หลิงอวี๋ก็ยังมิอาจวางใจได้นางรู้สึกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลึกลับมาก ยอดฝีมือในดินแดนที่หก หากจะลงมือต้องมิทันได้รู้ตัวอย่างแน่นอน นางมิอยากให้ตนตายไปแบบมิรู้เรื่องใดที่จริงแล้วสตรีทั้งสี่ก็มิได้มีสิ่งใดให้พูดคุยกัน ภายนอกพวกนางคือครอบครัวเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นศัตรู เมื่อถอดหน้ากากความเป็นครอบครัวออกก็ล้วนเกลียดกันจนมิใครก็มิใครต้องตายหลังจากคุยกันไปสักพัก และรับประทานอาหารเสร็จ ไท่เฟยเส้ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ขอตัวลาหลิงอวี๋รอให้พวกนางไป แล้วให้หลิงซวนกับแม่นมเว่ยรีบตรวจสอบในจุดที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับไท่เฟยเส้าแตะต้องอย่างละเอียดทันทีไทฮองไทเฮาเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา “อาอวี๋ เจ้ากังวลมากเกินไปหรือไม่? พวกนางสองคนมิได้ไปที่อื่นเลยนอกจากโถงใหญ่ ในโถงใหญ่เองก็มีทุกคนจับตามองอยู่ พวกนางจะทำสิ่งใดได้!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “
“ข้านึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอตัวก่อน!”“อาอวี๋ เจ้าอยู่กินอาหารกับไท่เฟยเส้าและไทฮองไทเฮาเถิด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นพี่สะใภ้ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องร่วมโต๊ะอาหารกับเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนจึงบอกกับหลิงอวี๋และไทฮองไทเฮาแล้วกำลังจะไป“ฝ่าบาท หรุ่ยหรุ่ยรบกวนการเสวยของพวกท่านหรือเพคะ?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าที่อึดอัดเจือความรู้สึกผิด “หรุ่ยหรุ่ยแค่อยากจะมาคารวะไทฮองไทเฮาเพคะ หากมิสะดวก เช่นนั้นหรุ่ยหรุ่ยขอทูลลา!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะอยู่ในใจ ระดับความเสแสร้งของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นี้มิได้ด้อยไปว่าจ้าวเจินเจินเลยแม้แต่น้อย!เซียวหลินเทียนกำลังหลีกเลี่ยง แม้ว่าคนที่เข้าใจจะรู้ว่าเป็นเพียงข้ออ้างก็มิควรเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลับหยิบยกมาพูดแสร้งทำเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยผู้ไร้เดียงสา!“พี่สะใภ้รอง องค์จักรพรรดิมีธุระจริง ๆ เมื่อครู่ก็บอกไว้แล้ว ให้เขาไปเถิด พวกเราบรรดาสตรีกินด้วยกันก็พอแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยพลางเอ่ย “ฝ่าบาท กลางคืนหม่อมฉันจะเตรียมพระกระยาหารมื้อดึกไว้ให้ ท่านจัดการเรื่องบ้านเมืองเสร็จแล้วก็มาเสวยเถิดเพคะ!”เซียวหลินเทียนสับสนไปในทันที เข
ไท่เฟยเส้ามิได้พอใจกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้เป็นสะใภ้มากนัก ก่อนหน้านี้นางหวังให้ตระกูลจ้าวให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่งงานเข้ามาและสามารถช่วยให้องค์ชายคังประสบความสำเร็จได้แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเผชิญหน้ากับหลิงอวี๋ครั้งแรกก็พ่ายแพ้แล้ว สิ่งนี้ทำให้ไท่เฟยเส้าผิดหวังเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะมาไหว้ตน ไท่เฟยเส้าก็เรียกเข้ามาตำหนิภายนอกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยฟังอย่างนอบน้อม แต่ในใจอยากจะจัดการนางดังเช่นที่ทำกับองค์ชายคัง“สิ่งที่หมู่เฟยสอนก็คือ คราวนี้หรุ่ยหรุ่ยไม่มีประสบการณ์ เตรียมการมิมากพอ ครั้งต่อไปจะมิให้หลิงอวี๋รอดไปได้แล้วเพคะ!”คำพูดอ่อนโยนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้ความโกรธของไท่เฟยเส้าเบาบางลงไปมาก อย่างน้อยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็สามารถบีบให้หลิงอวี๋อยู่ในสถานการณ์อับจนได้ เมื่อเทียบกับจ้าวเจินเจินแล้วจ้าวหรุ่ยหรุ่ยดีมากแล้วไท่เฟยเส้าได้ต่อว่าไปแล้วน้ำเสียงก็อ่อนลงมา แล้วก็เอ่ยด้วยความเกลียด “ตอนนี้ในวังอยู่ในการควบคุมของหลิงอวี๋กับยายเฒ่านั่น หมู่เฟยจะทำอะไรก็มิได้สะดวกนัก”“หมู่เฟยอยากให้ยายแก่นั่นตายไปเร็ว ๆ เช่นนี้แล้วหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนก็จะไม่มียายเฒ่าคอยหนุนหลัง ก็จะจัดการได้ง่
สำหรับคำถามของหลิงอวี๋ ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับใต้เท้าเผยได้หารือกันในบ้านแล้วฮูหยินผู้เฒ่าเผยเองก็รู้ว่า หากเอาเรื่องที่หลิงหว่านต้องไว้ทุกข์แม่สามปีมาถอนหมั้นนั้นฟังมิขึ้น แต่นางกับตระกูลเผยล้วนมิชอบหลิงหว่าน จึงยอมที่จะถูกด่าลับหลังและยืนกรานที่จะถอนหมั้นฮูหยินผู้เฒ่าเผยมิกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา จึงทำได้เพียงเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ฮองเฮา การแต่งงานเป็นการผูกสัมพันธ์ที่ดีของสองตระกูล มิใช่การผูกความโกรธแค้น...”“ถือเสียว่าตระกูลเผยขอโทษคุณหนูหลิง ขอร้องให้ฮองเฮาทรงเห็นใจ ตกลงกับคำร้องที่จะถอนพระราชโองการด้วยเถิดเพคะ สินสอดก่อนหน้านี้ก็ถือเป็นการชดใช้ให้คุณหนูหลิงเถิด!”หลิงหว่านได้ยินก็โกรธมาก จึงเอ่ยเรียบ ๆ “หม่อมฉันมิต้องการการชดใช้! ฮองเฮา ท่านตกลงเถิดเพคะ! หม่อมฉันหลิงหว่าน แม้ว่าชีวิตนี้จะมิได้แต่งงานก็ไม่มีทางร้องขอแต่งงานเข้าตระกูลเผย!”หลิงอวี๋ทอดถอนใจอยู่ในใจ แม้ว่านางจะรู้สึกว่าเผยอวี้คือคนที่หลิงหว่านสามารถไว้วางใจไปได้ตลอดชีวิต แต่ตระกูลเผยทั้งหลายต่อต้านหลิงหว่านเช่นนี้ หากหลิงหว่านแต่งงานเข้าไปก็ไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขการแต่งงานมิใช่การแต่งกับคนคนเดียว โดยเฉพา
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้