คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้จ้าวซวนตกตะลึงไปทันที เขาเองก็นึกถึงอาการป่วยของหลู่ชิ่งเช่นกันตอนนั้นหลู่ชิ่งออกไปกับชิวเฮ่า แต่หากชิวเหวินซวงรู้จักการใช้แมลงกู่ เช่นนั้นชิวเฮ่าก็อาจจะทำได้เช่นกันหรือว่าที่หลิงอวี๋ตรวจไม่พบเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลู่ชิ่งมิใช่อาการป่วย แต่เป็นการถูกเล่นแมลงกู่ใส่?“พระชายา ข้ามิรู้เรื่องศิลปะการใช้แมลงกู่ แต่ไป่สือรู้ขอรับ เพียงแต่หมอว่านเรียกให้เขาไปช่วยกลั่นยาอายุวัฒนะแล้ว!”“จริงสิ ในบ้านเขามีตำราการแพทย์โบราณอยู่เล่มหนึ่ง ในนั้นมีบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับแมลงกู่อยู่ด้วย!”“ประเดี๋ยวข้าจักไปหาในบ้านของเขาดู หาพบแล้วจักส่งมาให้พระชายาขอรับ!”หลิงอวี๋พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ดี แต่เจ้าต้องส่งมาอย่างเงียบ ๆ!”“อย่าให้ชิวเหวินซวงรู้ว่าเจ้าเคยไปที่ห้องของไป่สือ มิฉะนั้นนางอาจสงสัยเอาได้!”จ้าวซวนพยักหน้ากับจากไปเขากังวลใจมาก พอนึกถึงว่าตนเชื่อชิวเฮ่าที่ทำร้ายหลู่ชิ่ง เขาก็เสียใจมาก!แต่พระชายากับท่านอ๋องพูดถูก ก่อนที่พบเจตนาที่แท้จริงของพี่น้องชิว พวกเขายังต้องแกล้งโง่คล้อยตามไปก่อน!พอเซียวหลินเทียนได้ฟังผลการตรวจสอบที่จ้าวซวนกลับมารายงานก็ยิ้มเย็นชา“
สีหน้าของเซียวหลินเทียนดูมิค่อยดีเท่าไหร่ เขาพอจะเดาอะไรบางอย่างได้จากบทสนทนาของจ้าวซวนกับหลิงอวี๋เมื่อสักครู่นี้เพียงแต่เขามิอยากจะเชื่อเลยว่าจ้าวซวนจะมิได้บอกอะไรกับตนเลย!จ้าวซวนอึกอักว่า ตนแกล้งทำเป็นว่าส่งหลู่ชิ่งกลับบ้านเกิด แล้วหลิงอวี๋ก็ส่งคนไปรับหลู่ชิ่งกลางทาง ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นมา“หลู่ชิ่งอยู่นอกเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ อยู่ในทุ่งนาเล็ก ๆ ที่พระชายาซื้อไว้! เมื่อพระชายามีเวลาก็ไปรักษาเขาพ่ะย่ะค่ะ!”“ท่านอ๋อง ขอเพียงหลู่ชิ่งเอ่ยปากได้ ก็จะสามารถเป็นพยานในการทำผิดของชิวเฮ่าได้พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนจ้องมองจ้าวซวน แต่มิสามารถตำหนิอะไรเขาได้หลิงอวี๋เห็นว่าความลับเล็ก ๆ ของตนกับจ้าวซวนถูกตนเปิดเผยออกไปโดยมิได้ตั้งใจ จึงรีบช่วย“เซียวหลินเทียน หม่อมฉันมิให้จ้าวซวนบอกท่านเอง! ท่านจักตำหนิเขามิได้! หากท่านจักหนิก็ให้โทษตัวท่านเองไปเสีย ผู้ใดให้ท่านเชื่อใจชิวเฮ่ากับน้องสาวของเขาเล่า!”“หม่อมฉันกลัวว่าท่านกล่าวว่าหม่อมฉันใจแคบที่มุ่งเป้าไปที่พวกเขา จึงบอกจ้าวซวนว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับท่าน!”เซียวหลินเทียนพูดมิออกพวกเขาทั้งหมดแสดงออกว่าเชื่อใจพี่น้องชิวเป็นอย่างมาก การที่หลิงอ
เซียวหลินเทียนฟังอย่างตั้งใจ พลางครุ่นคิดไปด้วย“ข้อสงสัยที่สามคือ หลิงผิงเพิ่งรับปากกับหม่อมฉันว่า วันรุ่งขึ้นจักพาหม่อมฉันไปเอาหลักฐานการทำผิดของหวางซือ แต่นางก็มาถูกฆ่าในวันรุ่งขึ้นเสียอย่างนั้น!”หลิงอวี๋เอ่ย “ครานั้นพวกท่านก็เห็นหม่อมฉันชันสูตรศพแล้ว บนร่างกายของหลิงผิงมีร่องรอยการถูกทรมานอยู่!”“หากชิวเหวินซวงแค่ต้องการฆ่าปิดปาก ก็ทำในบ้านของเกิ่งเสี่ยวหาวก็ได้นกระมัง!”“แต่นางกลับพาหลิงผิงไปที่อื่นโดยมิจำเป็นแล้วทรมานซักถามหลิงผิง! นี่เป็นเพราะเหตุใดเล่า?”จ้าวซวนเองก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเช่นกัน เขาครุ่นคิดพลางเอ่ยอย่างอึดอัด“พระชายา ครานั้นพวกเราพบว่ามีแม่นมขาเป๋มาตามหาชิวเหวินซวง แต่ผลก็คือพอติดตามชิวเหวินซวงไปร่องรอยของนางก็หายไป!”“ต่อมาได้ยินหลิงหลานบอกว่าหลิงผิงมาหาพวกเขาเพื่อขอยืมเงิน พวกเราก็คิดว่าแม่นมขาเป๋เองก็มาขอยืมเงินชิวเหวินซวงเช่นกัน!”หลิงอวี๋พยักหน้า พลางเอ่ยต่อ“จากข้อสงสัยเหล่านี้ หม่อมฉันคาดเดาได้เลยว่า หลิงผิงรู้ความลับของชิวเหวินซวง แล้วมาที่นี่เพื่อขู่เอาเงินชิวเหวินซวง!”“เพียงแต่ชิวเหวินซวงมิคาดคิดว่า หม่อมฉันจับตัวหลิงผิงได้ นางจึงตามเรามาแ
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนรวบรวมข้อมูลที่ต่างฝ่ายต่างมิเคยรู้กันมาก่อนหน้านี้เข้าด้วยกัน แล้วก็ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าพี่น้องชิวมีเจตนาร้ายหลิงอวี๋ถอนหายใจ “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการคาดเดาของเรา หากหมายกล่าวโทษพวกเขาก็ต้องมีหลักฐานที่หนักกว่านี้!”เซียวหลินเทียนยิ้มเล็กน้อยพลางกระซิบ “ไม่มีหลักฐาน เช่นนั้นพวกเราก็ขุดกับดักแล้วให้พวกมันกระโดดเข้าไปเองสิ!”“หากทำเรื่องนี้ได้ดีก็สามารถทำให้สายสืบของพวกเขาทั้งหมดในฉินตะวันตกมาติดร่างแหกันทั้งหมดได้!”ดวงตาของหลิงอวี๋เป็นประกาย “ท่านมีวิธีหรือ?”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างมีเลศนัย “อืม… แต่ข้าต้องรอคนผู้หนึ่งมาก่อน ขอเพียงเขามาก็สามารถดำเนินการตามแผนได้เลย!”“ผู้ใดกันพ่ะย่ะค่ะ?” ลู่หนานเอ่ยถามอย่างไม่อดทน“เก็บเป็นความลับไว้ก่อน!” เซียวหลินเทียนส่งเสียงจุ๊ ๆ “พวกเจ้ามีสิ่งใดให้ทำก็ไปทำเสียเถอะ! อย่ามารวมตัวกันเช่นนี้ ในช่วงเวลาสำคัญ ต้องให้พวกเขาสองคงอยู่นิ่ง ๆ เข้าไว้!”ราวกับว่าเป็นการยืนยันคำพูดของเซียวหลินเทียน เขาเพิ่งจะพูดจบ เสียงขององครักษ์ก็ดังมาจากข้างนอกแล้ว“องครักษ์ชิวมาพบท่านอ๋องอีกครั้งแล้ว ท่านอ๋องอยู่ข้างในขอรับ!”หลิงอวี๋ลุกขึ้
บุรุษผู้นั้นเอาหมวกไม้ไผ่ออก ใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อยของเขาจึงปรากฏต่อสายตาของทุกคนบุรุษผู้นี้อายุสี่สิบกว่าปี แม้ว่าจะแตกแดดจนผิวสีแทนเล็กหน่อย แต่ดวงตาของเขาใต้คิ้วหนาของเขากลับดำขลับเป็นประกาย เต็มไปด้วยพลัง“ท่านจินต้า!”ลู่หนานรู้สึกประหลาดใจ มิคาดคิดเลยว่าคนที่เซียวหลินเทียนพาพวกเขาออกมาพบจะเป็นท่านจินต้า!“ขึ้นไปคุยกันบนรถม้า!”ท่านจินต้าเข้าไปในรถม้าของเซียวหลินเทียน จ้าวซวนก็ตามเข้าไปด้วยลู่หนานสั่งให้องครักษ์บังคับรถม้าไปตามถนนแล้วตนก็ตามรถม้าไป“ท่านจินต้า คราวที่แล้วท่านบอกว่ามิสามารถกลับเมืองหลวงได้สักระยะหนึ่งมิใช่หรือ? งานเสร็จแล้วหรือ?”จ้าวซวนเอ่ยถามอย่างค่อนข้างแปลกใจท่านจินต้ายิ้มเล็กน้อย “นั่นท่านอ๋องโกหกเจ้า… ข้าได้รับจดหมายของเจ้าก็รีบมาเลย!”“แต่ระหว่างทางข้าได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องให้ข้าไปทำธุระ ข้าก็เลยไปช่วยท่านอ๋องทำงานก่อน!”“เป็นเยี่ยงไรบ้าง?” เซียวหลินเทียนเอ่ยถามท่านจินต้าหุบยิ้ม พลางเอ่ยเสียงขรึม “ภารกิจลุล่วงพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมทำงานที่ท่านอ๋องมอบหมายสำเร็จแล้ว!”“กระหม่อมพบบ้านเกิดของชิวเฮ่าแล้ว และได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วด้วย ครอบคร
เซียวหลินเทียนพยักหน้า “ฉางซุ่นอี้หลบอยู่ลึกถึงเพียงนี้ ย่อมมีวิธีการของเขา สืบหาคนผู้นี้ต่อไป!”“เรื่องเร่งด่วนที่สุดก็คือ พวกเราต้องกำจัดสายสืบในตำหนักอ๋องอี้ก่อน จากนั้นค่อยดึงตัวสหายของพวกเขาในฉินตะวันตกออกมาให้ได้มากที่สุด!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใจเย็น “ข้าได้คิดแผนการที่สามารถบังคับพวกเขาส่วนใหญ่ออกมาได้แล้ว! ท่านจิน จ้าวซวน ลู่หนาน เรื่องนี้ต้องการความร่วมมือจากพวกเจ้า!”“ท่านอ๋องบอกมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”ทั้งสามเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน “กระหม่อมยินดีช่วยเหลือเต็มที่!”เซียวหลินเทียนกระซิบบอกแผนการของตน ท่านจินฟังแล้วก็ยิ้มออกมา พลางมองไปทางเซียวหลินเทียนในช่วงที่เขาไม่อยู่ เซียวหลินเทียนเติบโตขึ้นมากอาจเป็นเพราะเดินไม่ได้ ทำให้เซียวหลินเทียนมีเวลาในการศึกษาและครุ่นคิดมากขึ้น ดังนั้นจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!“ท่านอ๋อง แผนการนี้ยอดเยี่ยมยิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”ท่านจินต้าได้ทำการปรับและเพิ่มเติมรายละเอียดในแผนการของเซียวหลินเทียนทั้งสองต่างก็พอใจกับผลหลังจากที่แก้ไขแล้วมาก จึงตัดสินใจว่าจะดำเนินการตามแผนกระทั่งพูดคุยกันเสร็จ เซียวหลินเทียนก็ให้รถม้าหยุดลง แล้วท่านจินต้าก็
พวกเขาไม่มีทางให้เงินและเสบียงทหารตกเป็นของแม่ทัพฟ่านได้!หรือว่า...จู่ ๆ ชิวเฮ่าก็ใจเต้น ฝ่าบาทให้เขากับชิวเหวินซวงหาเงินด้วยมิใช่หรือ?หากพวกเขารู้เวลาส่งมอบเงินและเสบียงทหาร แล้วพวกเขาก็สกัดกั้นเงินก้อนนี้ในระหว่างทาง เช่นนั้นก็เท่ากับว่าตัดเงินและเสบียงทหารของแม่ทัพฟ่าน และทำภารกิจสำเร็จไปพร้อมกันเลยมิใช่หรือ?หากมีจำนวนมาก เมื่อพวกเราได้เงินและเสบียงทหารนี้ไป ฝ่าบาทจะต้องชื่นชมพวกเขาอย่างแน่นอน!และฝ่าบาทอาจจะเลื่อนขั้นและเพิ่มเงินให้เพราะความสำเร็จยิ่งใหญ่นี้ด้วย!ชิวเฮ่ายิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น พอเห็นพวกเซียวหลินเทียนไปแล้ว เขาก็รีบไปหาชิวเหวินซวงแล้วเล่าเรื่องนี้และความคิดของเขาทันทีชิวเหวินซวงก็ตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน ทว่าเนื่องสตรีมีความละเอียดรอบคอบ นางจึงกระซิบ“ท่านพี่ ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงรึ?”ชิวเฮ่ากลอกตาใส่นาง “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงสิ! ยามนี้เซียวหลินเทียนเชื่อใจพวกเรามาก เจ้าดูสิขนาดวันนี้ปรึกษาเรื่องสำคัญเขายังมิให้ข้าออกไปเลย!”“อีกอย่าง วันนี้เขาออกไปกับลู่หนาน ยังให้ข้าช่วยเขาจัดการเอกสารในห้องตำราด้วย! หากเซียวหลินเทียนสงสัยพวกเรา เขาจักให้ข้าอยู่ในห้องห
เมื่อลู่หนานเห็นว่าเขาไปแล้ว จึงกระซิบกับเซียวหลินเทียน“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องคิดว่าชิวเฮ่าจะไปด้วยตนเองหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เซียวหลินเทียนยิ้มเล็กน้อย “นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างความสำเร็จยิ่งใหญ่ เขาต้องไปแน่!”“ลู่หนาน เชื่อหรือไม่ พอเขาเห็นด้วยตาของตนเองว่าพวกเราได้เตรียมเงินและเสบียงทหารอย่างดีแล้ว เขาจักต้องหาโอกาสขอลาอย่างแน่นอน!”ลู่หนานเอ่ยด้วยความโกรธ “ท่านอ๋อง กระหม่อมก็อยากจะขอลาเช่นกัน กระหม่อมอยากจะตามรัฐทายาทอันไป อยากจับชิวเฮ่ากลับมาด้วยตัวกระหม่อมเอง อยากจับพวกสาบสืบและทำงานให้สำเร็จด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนใจเต้น เขาเองก็อยากจะไปด้วย!พวกชิวเฮ่าจะต้องลงมืออย่างเต็มที่เพื่อเงินจำนวนมหาศาลนี้เป็นแน่ เขามิได้เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกพุลุ่งพล่านในสนามรบมานานมากแล้ว!ในช่วงสองวันที่ผ่านมาขาของตนก็สามารถยืนได้นานขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หากทำอย่างรวดเร็วก็มิน่ามีปัญหาใด!เซียวหลินเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งใจเต้น แล้วความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมา“ลู่หนาน ข้ามีความคิดอะไรบางอย่าง ไม่เพียงแต่พวกเจ้าขอไปได้ แต่มิดึงดูดความสงสัยของชิวเหวินซวงด้วย!”ดวงตาของลู่หนานเป็นประกาย รีบขยับหูไปฟัง
พวกคนรับใช้หลายคนจึงพุ่งเข้าไปหาหมอเถากันอย่างดุร้าย หลิงอวี๋จึงรีบดึงหมอเถาไปไว้ด้านหลังของนาง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ“พ่อบ้านผิง อย่าได้รังแกกันมากเกินไปนักเลย! หมอเถาครุ่นคิดเรื่องอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าอย่างหนักหนา หากเขามีสูตรลับจริง ๆ เขาจะมินำออกมาช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่าหรือ?”“ลูกชายของเขาก็ยังอยู่ในกำมือของพวกท่าน ท่านลองคิดอย่างใจเขาใจเราดูเถิดว่า เขาจะคิดว่าสูตรลับสำคัญกว่าลูกชายของตนเองได้หรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าหลวงเก๋อยังกำหนดเวลากับหมอเถาไว้สิบวัน ซึ่งตอนนี้ยังมิถึงเวลา เหตุใดเขาจะหาคนมาช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่ามิได้เล่า!”พ่อบ้านผิงจ้องมองหลิงอวี๋อย่างโหดร้าย แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโกรธเคือง “สตรีเช่นเจ้าช่างคารมคมคายและหยิ่งยโสนัก จะมีความสามารถใดมารักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้กันเชียว!”“ไสหัวไปเสีย อย่ามาถ่วงเวลาพวกเราอยู่ที่นี่!”หลิงอวี๋จึงเอ่ยอย่างมิรีบมิร้อน “พ่อบ้านผิง ข้าจะรักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้หรือไม่นั้น ท่านยังมิได้ตรวจสอบก็ปฏิเสธข้าเสียแล้ว หรือว่าใจจริงแล้วท่านมิอยากให้ฮูหยินผู้เฒ่าหาย จึงได้ขัดขวางทุกวิถีทางเช่นนี้?”สีหน้าของพ่อบ้านผิงเปลี่ยนไปทันที และเขาก็กำลั
ป้าวซวนตื่นขึ้นมาเพราะเสียงคุยกันของคนสองคน เมื่อนางเห็นว่าหลิงอวี๋เริ่มทำอะไรแล้วนางก็รู้สึกเกรงใจที่จะนอนต่อและรีบลุกขึ้นมาช่วยเฉียวไป๋มองทั้งสองคนกำลังยุ่งกันอยู่ แล้วตนก็นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยความทะเยอทะยานในอดีตของเขาดับสลายหายสิ้น ในหัวของเขามืดแปดด้านไปหมด ต่อไปตนควรจะทำอย่างไรดี!“น้องหญิง เราทำความสะอาดห้องข้าง ๆ แล้วให้เฉียวไป๋ไปอยู่ห้องนั้นกันเถิด!”หลิงอวี๋คิดว่าถึงอย่างไรเฉียวไป๋ก็เป็นบุรุษ และตนกับป้าวซวนต่างก็เป็นสตรี อีกทั้งป้าวซวนก็ยังมิได้แต่งงาน หากอยู่ห้องเดียวกันแล้ววันข้างหน้าเรื่องนี้แพร่ออกไปก็จะถูกคนติฉินนินทาเอาได้ป้าวซวนเองก็มิรู้ว่าจะต้องอาศัยอยู่ที่วัดเก่านี้ไปอีกนานแค่ไหน จึงไปทำความสะอาดห้องกับหลิงอวี๋กระทั่งทำความสะอาดเสร็จแล้ว หลิงอวี๋ก็รีบกินอาหารกลางวันอย่างรวดเร็ว นางจะต้องไปที่โรงฮุ่ยเฉ่าเพื่อจะไปบ้านตระกูลเก๋อกับหมอเถาอีกหลิงอวี๋ก็มิแน่ใจว่าตนจะสามารถรักษาโรคประหลาดของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อได้จริงหรือไม่ ดังนั้นก่อนไปจากจึงให้เงินสามตำลึงที่เหลือไว้กับป้าวซวน“น้องหญิง หากข้ามิกลับมาก่อนฟ้ามืด เจ้าก็มิต้องรอข้าแล้ว เพราะว่าอาจจะเกิดเรื่อง
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เฉียวไป๋ก็ซ่อนตัวจากท่านอาเฉียว และมิสนใจอาการบาดเจ็บของตนเลยแม้แต่น้อยเขารู้สึกโกรธเคืองตนเอง และคิดเพียงว่าตายไปเช่นนี้ก็จบแล้วต่อมาเขาได้พบกับคนของตระกูลจงเจิ้ง เฉียวไป๋อยากตายจึงไปยั่วยุพวกเขา ผลก็คือถูกอีกฝ่ายทำร้ายจนมีบาดแผลทั่วทั้งตัวและในขณะที่เฉียวไป๋กำลังถูกดูถูกจนถึงขีดสุดนั้น เฉียวไป๋ก็ถูกกระตุ้นให้เกิดความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดขึ้นมา เขาจึงใช้แรงที่เหลืออยู่ของตนเปิดใช้งานลูกแก้ววิญญาณ เขาจึงถูกส่งกลับมายังแดนเทพอีกทั้งช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาตกลงไปในแม่น้ำ และถูกสายน้ำพัดมาถึงแถว ๆ วัดเก่า จึงได้โชคดีพบกับหลิงอวี๋เข้า“ข้ามิได้สังหารท่านพ่อ! ท่านอาโกหกข้า! ท่านมิใช่พ่อของข้า... ท่านมิใช่!”การเพ้อกับฝันร้ายของเฉียวไป๋ทำให้หลิงอวี๋ฟังแล้วก็รู้สึกงุนงง แต่นางจะมิถือว่าการเพ้อของคนที่เป็นไข้เป็นเรื่องจริงหรอกเมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปสองชั่วยามแล้วและอุณหภูมิของเฉียวไป๋ยังมิลดลง หลิงอวี๋จึงให้ยาเขาไปอีกครั้งหนึ่งจากนั้นก็ป้อนยาทุก ๆ สองชั่วโมง จนกระทั่งรุ่งสาง ในที่สุดอุณหภูมิของเฉียวไป๋ก็ลดลงแล้วหลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอกแล้วยื่นมือไปเช็ดเ
“ท่านอา...”“ท่านพ่อ…”บุรุษผู้นั้นมีไข้สูงและพูดเพ้อออกมา หลิงอวี๋เห็นว่าใบหน้ารูปงามของเขาขมวดคิ้วมุ่น ดูท่าทางเจ็บปวด ราวกับว่าในฝันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซึ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากเมื่อหลิงอวี๋เห็นเหงื่อผุดขึ้นมาที่หน้าผากของเขา นางก็ฉีกอาภรณ์ขาด ๆ ของเขามาทำเป็นผ้าเช็ดเหงื่อให้เขา“อย่า… อย่าทำเช่นนี้กับข้า!”บุรุษผู้ที่มีบาดแผลอยู่ทั่วร่างกายผู้นั้นก็คือ เฉียวไป๋ที่ถูกท่านอาเฉียวพาลงมาจากภูเขาหิมะนั่นเองบนร่างกายของเฉียวไป๋มีบาดแผลอยู่หลายแห่ง ในตอนนั้นเขากำลังรู้สึกสับสน แต่หลังจากที่ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา เฉียวไป๋ก็จำช่วงเวลาที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลได้เขานึกขึ้นได้ว่าตนกับท่านพ่อต่างก็สู้กัน ทั้งยังจำได้ด้วยว่าตนแทงเข้าไปที่ท้องของท่านพ่อเฉียวไป๋กังวลใจขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็คว้าตัวท่านอาเฉียวไว้แล้วตะโกนออกมา “ท่านอา ข้า... ข้า... ข้าสังหารท่านพ่อใช่หรือไม่?”นี่มันเป็นการปิตุฆาต!เฉียวมองท่านอาเฉียวตาปริบ ๆ หวังว่าท่านอาเฉียวจะตอบปฏิเสธในคำถามของตนแต่ไหนเลยจะรู้ว่าท่านอาเฉียวจะมองเขา แล้วผ่านไปสักพักเขาก็พยักหน้าหัวใจของเฉียวไป๋จมดิ่งลงไปทันที เขาถอยหลังไปสองสามก้าว
ท้องใหญ่เท่ากลองเลยหรือ?เมื่อหลิงอวี๋ฟังหมอเถาเล่าถึงอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อเสร็จแล้ว ในหัวของนางก็มีวิธีรักษาเกี่ยวกับโรคประเภทนี้หลายวิธีผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพียงแต่หากมิได้พบผู้ป่วย ก็มิสามารถยืนยันได้ว่าควรใช้วิธีไหนดี“หมอเถา วันพรุ่งท่านจะไปที่จวนข้าหลวงเก๋อเมื่อใดหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกมา“ก่อนยามเหม่า[footnoteRef:0]!” [0: ยามเหม่า คือ ช่วง 05.00 - 07.00 น.] หมอเถามองหลิงอวี๋อตาปริบ ๆ “แม่นาง เจ้ามีวิธีรักษาโรคประหลาดเช่นนี้นี้หรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มออกมา “ก็มีวิธีอยู่ ทว่าหากยังมิพบผู้ป่วยก็มิอาจตัดสินได้ว่าใช้ได้จริงหรือไม่! หมอเถา วันพรุ่งตอนยามอู่[footnoteRef:1]ข้าจะมาหาท่าน แล้วไปที่ตระกูลเก๋อพร้อมกับท่าน!” [1: ยามอู่ คือ ช่วง 11.00 - 13.00 น.] เมื่อหมอเถาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา แม้ว่าจะมีความสงสัยอยู่ในใจว่า วัยรุ่นเช่นหลิงอวี๋นี้สามารถรักษาโรคของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อได้หรือไม่ แต่ตนก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว ลองดูสักหน่อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย“แม่นาง เจ้าวางใจเถิด หากเจ้ามิอาจรักษาได้ ต่อให้ข้าต้องทุ่มทั้งชีวิต ข้าก็จ
หมอเถาถอนหายใจออกมา แล้วโบกมือ “มิต้องพูดแล้ว ไปเถิด ๆ! หากข้าผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ในภายหน้าโรงฮุ่ยเฉ่าก็คงจะได้เปิดขึ้นอีกครั้ง ถึงเวลานั้นพวกเจ้าอยากจะกลับมาก็ค่อยกลับมากันเถิด!”หลังจากนั้นมินาน ลูกจ้างหนุ่มหลายคนก็เดินหอบห่อผ้าเข้าไปกล่าวลาหมอเถาทีละคนทั้งน้ำตาและเดินออกมาหลิงอวี๋รีบเดินเข้าไป จากนั้นเสี่ยวซิ่งลูกจ้างหนุ่มที่ยังมิไปก็เห็นนางเข้าจึงเอ่ย “ฮูหยิน ร้านเราปิดแล้ว หากท่านอยากจะตรวจรักษาก็ไปที่ร้านอื่นเถิด!”“ข้าต้องการยา!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างรวดเร็วขณะที่เสี่ยวซิ่งกำลังจะพูดออกมา หมอเถาก็เอ่ย “เจ้าดูว่านางต้องการเครื่องยาสมุนไพรอันใด แล้วมอบให้นางไปเสียเถิด โรงฮุ่ยเฉ่าปิดแล้ว นางเป็นลูกค้ารายสุดท้าย ก็ถือได้ว่านางมีโชคชะตากับข้า!”เสี่ยวซิ่งจึงยื่นมือออกไป “ใบเทียบยาเล่า?”“ข้าไม่มีใบเทียบยา ข้าจะบอกให้เอง เจ้าแค่ใส่มาตามปริมาณที่ข้าบอกก็พอ!”หลิงอวี๋รีบบอกเครื่องยาสมุนไพรที่ต้องการออกไป แล้วเสี่ยวซิ่งก็วางห่อผ้าลง จากนั้นก็ไปเปิดกล่องและตู้เพื่อช่วยหยิบยาให้หลิงอวี๋หลิงอวี๋เห็นว่าเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นเหลืออยู่มิมาก และบางอันก็ถูกห่อเอาไว้แล้
“น้องหญิง มีคนกำลังมา!”หลิงอวี๋รีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ป้าวซวนก็มิได้หลับเช่นกันจึงรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วเอ่ยถามด้วยความกังวล “พี่หญิงเจียง จะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมาตามหาเราหรือไม่?”สิ่งที่นางกลัวมากที่สุดคือการตกไปอยู่ในมือของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย“น่าจะมิใช่!”หลิงอวี๋เอ่ยเสียงเบาอย่างปลอบใจ จากนั้นนางก็ย่องไปที่ข้างหน้าต่าง อาศัยแสงจันทร์มองไป ก็เห็นร่างหนึ่งเดินโซเซเข้ามาในลานคนผู้นี้ดูเหมือนจะใช้แรงจนหมด จึงล้มลงกับพื้นอย่างเสียงดังโครม“พี่หญิงเจียง นั่นคือใครกัน?”ป้าวซวนก็ขยับเข้ามาข้าง ๆ หลิงอวี๋เช่นกัน แล้วนางก็มองออกไปอย่างอยากรู้อยากเห็น“อย่าพูด...”หลิงอวี๋เงียบลง จากนั้นทั้งสองคนก็โน้มตัวมองไปตรงหน้าต่างอย่างเงียบ ๆแล้วก็เห็นเพียงว่าคนที่อยู่ตรงพื้นนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆหลิงอวี๋รออยู่อีกสักพักก็มิเห็นใครตามมา นางจึงพาป้าวซวนเดินออกมา“น้องหญิง เจ้าออกไปดูนอกวัดว่ามีคนอื่นหรือไม่ ส่วนข้าจะตรวจคนผู้นี้เสียหน่อย!”หลิงอวี๋สั่งออกไปแม้ว่าป้าวซวนจะกลัว แต่นางก็ยังคงฟังคำพูดของหลิงอวี๋ แล้วเดินย่องออกไปหลิงอวี๋วิ่งเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ตรงพื้น จากนั้นก็อาศัยแสงจั
หม่าเปียวตอบตกลงทันที กระทั่งกินบะหมี่เสร็จแล้วเขาก็พาคนของตนกับกลุ่มพ่อค้าออกเดินทางไปหลิงอวี๋กับป้าวซวนเห็นว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพาผู้คุ้มกันทั้งสองออกไปตามหาพวกตนอีกครั้งแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงกินอาหารเช้าจนเสร็จอย่างใจเย็นแล้วเดินออกมา“น้องหญิง เราหาที่พักกันก่อนสักสองวันเถิด เช่นนี้แล้วข้าจะได้จัดเตรียมยาแก้พิษให้เจ้าได้ และอีกอย่างคือข้าจะได้ซ่อนตัวจากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ด้วย!”“หากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหาพวกเรามิพบ นางก็คงจะไปที่เมืองหลวงแดนเทพ แล้วพวกเราค่อยออกเดินทางล่าช้าไปสักสองสามวัน ก็คงจะมิพบนางอีก!”หลิงอวี๋จับเศษเงินใต้แขนเสื้อ ของมีค่าทั้งหมดที่นางพกติดตัวมา ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแย่งชิงไปจนหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงเศษเงินมิกี่ตำลึงเท่านั้น นางยังต้องทำงานหาเงินอีก เมื่อเก็บรวบรวมค่าเดินทางได้แล้ว จึงจะสามารถเดินทางได้ป้าวซวนไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวมาเลย และหากทั้งสองจะเดินทาง เมื่อไม่มีเงินก็ไม่มีทางไปถึงเมืองหลวงแดนเทพได้แน่ตอนนี้ป้าวซวนทำได้เพียงติดตามหลิงอวี๋ไปเท่านั้น หลิงอวี๋ว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้นทั้งสองแสดงเป็นพี่น้องที่หนีภัยกันมาแล้วไปหาที่พักอาศัยแต่เมืองจงกวนนั้นใหญ่นัก
“เจ้ามิรู้หรือว่าที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด?”หลิงอวี๋ยิ้มปลอบใจแล้วเอ่ยออกมา “เรากลับไปที่โรงเตี๊ยม ก็จะดูได้ด้วยว่าเมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหาพวกเรามิเจอแล้วนางจะทำอย่างไรต่อ! เจ้ามิต้องกังวล มากับข้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!”ภายใต้การชักชวนของหลิงอวี๋ ป้าวซวนจึงเดินตามหลิงอวี๋กลับไปอย่างจนใจทั้งสองคนเดินเข้าไปทางประตูหลัก แสร้งทำเป็นจะรีบเดินทางแล้วมากินอาหารเช้า และนั่งลงตรงที่นั่งริมหน้าต่างจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่อยู่เรือนด้านหลังพบแล้วว่าหลิงอวี๋กับป้าวซวนหายไป นางก็โกรธมากจนอยากจะทุบโรงเตี๊ยมแห่งนี้ทิ้งไปเสียแต่นางยังคงข่มความโกรธไว้ และขอความช่วยเหลือจากสำนักคุ้มภัยและกลุ่มพ่อค้าอย่างน่าสงสาร ให้พวกเขาช่วยตนตามหาจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแสร้งทำเป็นจิตใจดีต่อหน้าคนเหล่านี้ นางร้องไห้และบอกว่านางรับใช้ทั้งสองของตนนั้น จะต้องถูกคนร้ายลักพาตัวไปอย่างแน่นอนพวกพ่อค้าและคนจากสำนักคุ้มภัยล้วนได้รับตำรับยาแก้ท้องเสียนั้นไปแล้ว ดังนั้นเพื่อตอบแทนกันและกัน พวกเขาจึงระดมทุกคนให้ช่วยกันตามหา และบางคนก็บอกว่าจะไปรายงานทางการ และขอให้ทางการส่งคนมาช่วยตามหาด้วยหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็