พวกเขาไม่มีทางให้เงินและเสบียงทหารตกเป็นของแม่ทัพฟ่านได้!หรือว่า...จู่ ๆ ชิวเฮ่าก็ใจเต้น ฝ่าบาทให้เขากับชิวเหวินซวงหาเงินด้วยมิใช่หรือ?หากพวกเขารู้เวลาส่งมอบเงินและเสบียงทหาร แล้วพวกเขาก็สกัดกั้นเงินก้อนนี้ในระหว่างทาง เช่นนั้นก็เท่ากับว่าตัดเงินและเสบียงทหารของแม่ทัพฟ่าน และทำภารกิจสำเร็จไปพร้อมกันเลยมิใช่หรือ?หากมีจำนวนมาก เมื่อพวกเราได้เงินและเสบียงทหารนี้ไป ฝ่าบาทจะต้องชื่นชมพวกเขาอย่างแน่นอน!และฝ่าบาทอาจจะเลื่อนขั้นและเพิ่มเงินให้เพราะความสำเร็จยิ่งใหญ่นี้ด้วย!ชิวเฮ่ายิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น พอเห็นพวกเซียวหลินเทียนไปแล้ว เขาก็รีบไปหาชิวเหวินซวงแล้วเล่าเรื่องนี้และความคิดของเขาทันทีชิวเหวินซวงก็ตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน ทว่าเนื่องสตรีมีความละเอียดรอบคอบ นางจึงกระซิบ“ท่านพี่ ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงรึ?”ชิวเฮ่ากลอกตาใส่นาง “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงสิ! ยามนี้เซียวหลินเทียนเชื่อใจพวกเรามาก เจ้าดูสิขนาดวันนี้ปรึกษาเรื่องสำคัญเขายังมิให้ข้าออกไปเลย!”“อีกอย่าง วันนี้เขาออกไปกับลู่หนาน ยังให้ข้าช่วยเขาจัดการเอกสารในห้องตำราด้วย! หากเซียวหลินเทียนสงสัยพวกเรา เขาจักให้ข้าอยู่ในห้องห
เมื่อลู่หนานเห็นว่าเขาไปแล้ว จึงกระซิบกับเซียวหลินเทียน“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องคิดว่าชิวเฮ่าจะไปด้วยตนเองหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เซียวหลินเทียนยิ้มเล็กน้อย “นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างความสำเร็จยิ่งใหญ่ เขาต้องไปแน่!”“ลู่หนาน เชื่อหรือไม่ พอเขาเห็นด้วยตาของตนเองว่าพวกเราได้เตรียมเงินและเสบียงทหารอย่างดีแล้ว เขาจักต้องหาโอกาสขอลาอย่างแน่นอน!”ลู่หนานเอ่ยด้วยความโกรธ “ท่านอ๋อง กระหม่อมก็อยากจะขอลาเช่นกัน กระหม่อมอยากจะตามรัฐทายาทอันไป อยากจับชิวเฮ่ากลับมาด้วยตัวกระหม่อมเอง อยากจับพวกสาบสืบและทำงานให้สำเร็จด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนใจเต้น เขาเองก็อยากจะไปด้วย!พวกชิวเฮ่าจะต้องลงมืออย่างเต็มที่เพื่อเงินจำนวนมหาศาลนี้เป็นแน่ เขามิได้เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกพุลุ่งพล่านในสนามรบมานานมากแล้ว!ในช่วงสองวันที่ผ่านมาขาของตนก็สามารถยืนได้นานขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หากทำอย่างรวดเร็วก็มิน่ามีปัญหาใด!เซียวหลินเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งใจเต้น แล้วความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมา“ลู่หนาน ข้ามีความคิดอะไรบางอย่าง ไม่เพียงแต่พวกเจ้าขอไปได้ แต่มิดึงดูดความสงสัยของชิวเหวินซวงด้วย!”ดวงตาของลู่หนานเป็นประกาย รีบขยับหูไปฟัง
ภารกิจของจูเผิงในครั้งนี้คือการเฝ้าติดตามชิวเฮ่ากับคนของตระกูลชิวอย่างลับ ๆเขาพาองครักษ์สองสามคนติดตามคนของตระกูลชิวไป ระหว่างทางไม่มีอะไรผิดปกติเลยจูเผิงเองก็มิกล้าชะล่าใจ เขารู้เรื่องที่หลู่ชิ่งถูกหลิงอวี๋รับตัวไประหว่างทาง จึงกลัวว่าชิวเฮ่าจะใช้ลูกไม้กลยุทธิ์จักจั่นลอกคราบเช่นนี้มาทำให้ตนตายใจเช่นกันหลังจากเดินทางเช่นนี้เป็นเวลาสามวัน จูเผิงก็กังวลใจเล็กน้อยหรือว่าชิวเฮ่ามิได้คิดจะไปปล้นเงินทหาร?พลบค่ำวันนี้ ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลงแล้ว รถม้าของพวกชิวเฮ่าก็ยังเดินทางไปอย่างสบาย ๆ บนถนนจูเผิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อสองวันก่อนชิวเฮ่าได้พาครอบครัวของเขาไปหาที่พักแล้ว แต่คืนนี้ดูท่าทีไม่เหมือนว่าเขาจะพักโรงเตี๊ยมเลย!หรือว่าชิวเฮ่าวางแผนที่จะหลบหนีในคืนนี้?จูเผิงพาคนตามไปอีกช่วงถนน ถนนส่วนนี้อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ไม่มีผู้ใดอยู่บนถนนเลยจูเผิงมิกล้าตามไปใกล้มากเกินไป กระทั่งเห็นรถม้าหายไปตรงทางเลี้ยว เขาจึงพาคนตามไปแต่เมื่อพวกเขาเลี้ยวไป กลับพบว่ารถม้าของครอบครัวชิวเฮ่าหายไปแล้วจูเผิงตกใจมาก ขณะที่เขากำลังจะไล่ตามไป ก็เห็นป่าที่อยู่ข้างหน้าไม่ไกล“พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี
จูเผิงได้ยินเสียงลม ก็รีบหันกลับมาใช้ดาบต้านไว้ แล้วทั้งสองก็ต่อสู้กันจูเผิงกังวลมาก ในขณะที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น ชิวเหวินอิงก็ตามมาทันแล้ว“ข้าจะจัดการกับเขาเอง...”ชิวเหวินอิงเอ่ย “ชิวเฮ่าเจ้าออกไปแสร้งทำเป็นเผชิญหน้ากับโจร ดูว่าจูเผิงพาคนมากี่คนแล้วล่อพวกเขาเข้ามา!”“พวกเจ้ามันเป็นชายหญิงที่หัวใจโหดเหี้ยม ข้าไม่มีทางยอมให้พวกเจ้าทำสำเร็จหรอก!”จูเผิงกัดฟันตะคอกด้วยความโกรธ จากนั้นก็ยกดาบแทงไปทางชิวเฮ่า ชิวเฮ่าหันกลับมาเหวี่ยงดาบใส่แขนของเขาหนังแยกออกเสียจนเห็นกระดูก!จูเผิงกัดฟัน เขาจับดาบไว้แน่นแล้วหันกลับไปแทงชิวเฮ่าอีกครั้งชิวเหวินอิงแทงไปที่เอวของจูเผิงเขาเดินโซเซ อดทนต่ออาการบาดเจ็บยกดาบฟันไปที่ชิวเหวินอิงชิวเฮ่ารีบวิ่งออกไป พลางตะโกน “ใครก็ได้… พวกเราถูกซุ่มโจมตี!”พวกองครักษ์ที่ติดตามจูเผิงได้ยินเสียงจึงลงจากหลังม้าแล้ววิ่งเข้าไปเมื่อชิวเฮ่าเห็นว่าอีกฝ่ายมีทั้งหมดสี่คน ก็รู้สึกสบายใจทันที“ข้าง… ข้างใน รีบหน่อย จูเผิงจักทนมิไหวแล้ว!”ชิวเฮ่าวิ่งนำเข้าไปข้างใน พวกองครักษ์ได้ยินเสียงการต่อสู้กันในป่าจึงรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว“ตรง… ข้างหน้านั่น...”ชิวเฮ่า
“ฮูหยิน… แล้ว… แล้วฮูหยินเล่า!”ชิวเฮ่าอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสแล้วลุกขึ้น เทยาลงบนแผลไปด้วย พลางเอ่ยถามไปด้วย“ข้าจักไปสอบสวนจูเผิง เขายังมิตาย! ข้าอยากรู้ว่าเซียวหลินเทียนรู้อะไรบ้าง!”ชิวเหวินอิงตะคอก “ฝ่าบาทมุมานะทำงานหนัก วางกลยุทธ์มานานนับทศวรรษเพื่อสร้างเครือข่ายข่าวกรองนี้...”“หากมันถูกทำลายด้วยมือของพวกเรา ชิวเฮ่า พระองค์ไม่มีวันปล่อยพวกเราไปแน่!”“ครั้งนี้ข้าถูกพวกเจ้าทำให้ตาย!”ชิวเหวินอิงบีบคอของชิวเฮ่า พลางเอ่ยอย่างชั่วร้าย“รีบไปขวางคนของเราไว้มิให้ตกหลุมพราง! หวังว่าทุกอย่างยังมิสายเกินไป!”“ชิวเฮ่า เจ้าอย่าคิดหลบหนีไประหว่างทาง! เจ้าก็รู้ว่าวิธีการของฝ่าบาทนั้นร้ายแรงเพียงใด เว้นแต่เจ้าจักตาย มิฉะนั้นแม้ว่าเจ้าหนีไปซ่อนตัวอยู่สุดขอบหล้า พระองค์ก็สามารถจับเจ้าได้!”ชิวเฮ่าตัวสั่น กำลังจะพูดอะไรบางอย่างชิวเหวินอิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา “อย่าลืมว่าชิวเหวินซวงยังอยู่ในตำหนักอ๋องอี้... เจ้าคงมิอยากให้ญาติเพียงคนเดียวในใต้หล้านี้ของเจ้ามีชีวิตที่ตายทั้งเป็นนับจากนี้กระมัง?”ชิวเฮ่านึกถึงชะตากรรมที่น่าสังเวชของสายสืบเหล่านั้นที่แอบหลบหนี แล้วก็กลัวจนตัวสั่นเขากั
“ความตายมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เจ้ายังปากแข็งอยู่อีกรึ?”ชิวเหวินอิงโน้มตัวไปจ้องมองจูเผิง พลางเอ่ยอย่างดุร้าย“หากเจ้าตอบข้ามาดี ๆ ข้าจักปล่อยให้เจ้าตายแบบสบาย ๆ มิเช่นนั้น… เจ้าคงต้องทนทุกข์ยิ่งกว่าตกนรก!”เท้าทั้งสองข้างของจูเผิงเลือดออก เขารู้สึกได้ว่าตนนอนจมกองเลือดอยู่ แต่เขาก็ไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด“ชิวเหวินอิง หากข้าตกนรก เจ้าก็คงตกนรกขุมที่สิบแปด ต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าข้าหลายร้อยหลายพันเท่าแน่นอน!”จูเผิงจ้องชิวเหวินอิงอย่างดุเดือด “จะทุบตีหรือฆ่าก็มาเลย! หากข้าจูเผิงขมวดคิ้วแม้สักนิด ข้าก็เป็นเดรัจฉานแล้ว!”ชิวเหวินอิงยิ้มเหยียด “ได้ อยากเป็นบุรุษผู้แข็งแกร่งใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าจักช่วยสงเคราะห์เจ้าเอง!”นางหยิบผงยาออกมาจากแขนแล้วโรยลงบนเลือดของจูเผิงหลังจากนั้นไม่นาน ฝูงมดก็คลานมาจากทุกทิศทุกทาง เข้าไปในบาดแผลและเสื้อผ้าของจูเผิงอย่างรวดเร็ว“เจ้าใช้วิธีนี้ มันต่างอะไรกับการจักจี้ข้าเล่า?”จูเผิงที่ในตอนแรกยังเหยียดหยัน รู้สึกคันอย่างรุนแรงไปทั้งตัวแล้ว!แล้วบาดแผลก็เริ่มรู้สึกเจ็บแปลก ๆความเจ็บปวดเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขามิเคยพบมาก่อน มันกัดกินกระดูก เจ็บปวดอย่างแสนสาหั
กระทั่งตอนที่ชิวเหวินอิงได้สติ จูเผิงก็สิ้นลมไปแล้วเขาตาเบิกกว้าง ใบหน้าถูกชิวเหวินอิงฟันเละ เลือดไหลเข้าไปในดวงตาแล้วค่อย ๆ เต็มเบ้าตาของเขามดพวกนั้นได้กลิ่นเลือดก็พากันคลานเข้าไปในดวงตาของเขา!“หึ... ผู้ใดให้เจ้าปากแข็งกันเล่า!”ชิวเหวินอิงหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าไปในรถม้าของตระกูลชิว เอาตั๋วเงินออกมาแล้วรีบออกไปนางเร่งม้าวิ่งออกไปให้ไกล ๆ ก่อนจะหาที่ที่ไม่มีคนรักษาบาดแผลของตนเองจากนั้น ชิวเหวินอิงก็หยิบสัมภาระออกมา เปลี่ยนเป็นอาภรณ์สะอาด หยิบหน้ากากหนังมนุษย์ออกมาแล้วสวมใส่กระทั่งนางเดินออกจากที่ซ่อนตัว ชิวเหวินอิงก็กลายเป็นสตรีในวัยสี่สิบกว่า เป็นคนธรรมดาที่เมื่อเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็มิได้มีใครมองมากนักนางปล่อยม้าไป ถือสัมภาระ เดินเป็นระยะทางสิบกว่าลี้เพื่อหาโรงเตี๊ยมชิวเหวินอิงมิได้ไปที่จุดซุ่มโจมตีเพื่อปล้นเงินทหารชิวเฮ่าไปรายงานข่าวแล้ว หากไปถึงทันเวลาก็จะสามารถช่วยสหายเหล่านั้นได้!และสามารถควบคุมเซียวหลินเทียนได้ด้วย!เช่นนี้พวกเขาก็ยังสามารถแฝงตัวอยู่ในฉินตะวันตกต่อไปได้ โค่นล้มฉินตะวันตก ร่วมมือกับภายนอก ทำให้องค์ชายเยี่ยน ขยายอาณาเ
เซียวหลินเทียนพาพวกลู่หนานกลับไปที่ท้องพระโรง แต่ชิวเฮ่าก็ตามทันก่อนที่ไปถึงเมืองหลวง“ท่านอ๋อง...”ชิวเฮ่าเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด ขี่ม้าตามมา แล้วแซงหน้ารถม้าของเซียวหลินเทียนไป จากนั้นร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรงกลิ้งลงไปที่พื้นเซียวหลินเทียนเห็นเข้าแววตาก็สั่นระริก แล้วมองจ้าวซวนตามสัญชาตญาณหัวใจของจ้าวซวนก็กระตุกเช่นกัน เขาให้จูเผิงพาคนไปติดตามชิวเฮ่าเมื่อคืนชิวเฮ่ามิได้มาร่วมในการปล้นเงินทหาร กลุ่มของพวกเขาก็ยังรู้สึกแปลก ๆ ไหนเลยจะคิดว่าวันนี้ชิวเฮ่าจะตามมาที่นี่ด้วยเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยเลือดเช่นนั้นจูเผิงเล่า?จู่ ๆ จ้าวซวนก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีหรือว่ามีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับจูเผิง?“ชิวเฮ่า นี่เจ้าเป็นกระไรไป?”จ้าวซวนกระโดดลงจากหลังม้า เมื่อเห็นชิวเฮ่าหมดสติไปก็รีบวิ่งไปหาข้อมือข้างหนึ่งของเขาถูกตัดไปและมีผ้าพันแผลพันไว้อย่างลวก ๆ บาดแผลยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาอยู่เลย“รีบพาชิวเฮ่าไปที่รถม้าเร็วเข้า!”จ้าวซวนสั่งขณะที่แอบขยิบตาให้ท่านจินต้าไปด้วยท่านจินต้าเข้าใจทันที แล้วไปหาองครักษ์ที่ชาญฉลาดอย่างเงียบ ๆ ให้ไปตรวจสอบทิศทางที่พวกจูเผิงไป“ท่านอ๋อง… เราถูก
สิ่งที่เถาจื่อคิดได้ จงเจิ้งเฟยก็คิดได้เช่นกัน นางห้ามมิให้เถาจื่อพูดต่อก็เพราะกังวลว่าหลิงอวี๋จะกลัวหากเป็นเช่นนี้ยังมิทันได้เริ่มการประลอง ขวัญกำลังใจของหลิงอวี๋คงได้ตกต่ำลงไปก่อนแล้วถึงอย่างไรการประลองครั้งนี้ก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นนั้นก็พูดให้น้อยลงหลิงอวี๋จะได้กังวลน้อยลงกลุ่มพวกนางจึงล้อมรอบหลิงอวี๋ไว้แล้วเดินไปทางหอปรุงโอสถหอปรุงโอสถมีคนเบียดเสียดกันจนเต็มพื้นที่ มิเพียงแต่คนของหอปรุงโอสถเท่านั้นที่มาชม แต่คนของหออื่น ๆ ก็มากันทั้งหมดเป็นดังที่เย่หรงคาดเอาไว้ พ่อแม่ของเหมียวหยางก็มาเช่นกัน ทั้งยังใช้เกี้ยวแบกเหมียวหยางเข้ามาด้วยเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มาแล้วเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าก็ด่าทอขึ้นมา“สิงอวี๋ เหตุใดเจ้าจึงโหดร้ายเช่นนี้ เจ้าดูเสีย เจ้าทำให้ศิษย์พี่ของข้าทรมานจนเป็นอย่างไรไปแล้ว?”“ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยไปหมด มีไข้สูงอยู่ตลอด ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วเจ้าก็ยังมิยอมให้ยาแก้พิษแก่เขา จิตใจช่างชั่วร้ายนัก!”เกี้ยวที่เหมียวหยางนั่งอยู่เปิดม่านขึ้น เขาเอนตัวนั่งพิง ตุ่มน้ำที่เต็มใบหน้านั้นก็เน่าเปื่อยจนมองมิเห็นถึงสภาพในอดีตแล้วฮูหยินเหมียวอยู
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาและกำลังคิดว่าจะไปทำอาหารเช้า แต่ไป๋อวี้ดันวิ่งออกมาพร้อมรอยยิ้มแล้วก็เอ่ยขึ้นมา “แม่นางสิง มิต้องทำอาหารเช้าแล้ว ท่านหญิงบอกว่านางจะส่งอาหารเช้ามาให้!”เป็นดังที่คาด ไป๋อวี้ยังพูดมิทันจบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วไป๋อวี้จึงวิ่งไปเปิดประตู และเมื่อหลิงอวี๋เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ตกตะลึงไปมิเพียงแต่หลงเพ่ยเพ่ยเท่านั้นที่มา เหลยเหวิน จงเจิ้งเฟย อู่เถาและคนอื่น ๆ ล้วนมากันทั้งหมด“ศิษย์พี่หญิง พวกเรามากินอาหารเช้ากับเจ้า กินเสร็จแล้วเราก็ไปสำนักศึกษาชิงหลงด้วยกันเลยเถิด!”พวกเหลยเหวินพากันเดินเข้าไปพร้อมกับกล่องอาหารเรื่องการประลองพวกนางมิสามารถช่วยหลิงอวี๋ได้ พวกนางจึงใช้วิธีนี้เพื่อบอกกับหลิงอวี๋ว่านางมิได้ตัวคนเดียวหลิงอวี๋เผยยิ้มเล็กน้อย นางรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนักนางมิได้ตัวคนเดียว นางยังมีสหาย!“สิงอวี๋ ข้าซื้ออาหารเช้าจากภัตตาคารที่ดังที่สุดในเมืองหลวงแดนเทพมาให้เจ้าทั้งหมดเลย รับน้ำใจไว้เถิด กินให้มาก ๆ นะ!”หลงเพ่ยเพ่ยเองก็จัดเตรียมอาหารเช้าออกมาอย่างกระตือรือร้นไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องการประลอง แล้วก็แย่งกันส่งชามและตะเกียบให้หลิง
หา!เย่ซื่อฝานตกตะลึง ตกใจกับคำพูดของท่านผู้เฒ่าเย่จนพูดมิออกหลิงอวี๋ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่หัวใจกลับสงบลงทันทีเจ้าวังเทียนจีก็คืออาจารย์ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หลงอิงและแม้กระทั่งเฉียวเค่อ จุดประสงค์ในการลงจากภูเขาของพวกเขามิแน่ว่าจะมาเพื่อช่วยไป่หลี่ไห่!พวกเขามาเพื่อหลิงอวี๋ต่างหาก!แต่หลิงอวี๋ก็คือตนเอง!สิ่งนี้ไป ๆ มา ๆ ก็ล้วนมาเพื่อจัดการกับตนกันทั้งนั้น ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือตอนนี้พวกเขายังมิรู้ว่าเป้าหมายที่พวกเขาต้องการจัดการนั้นคือคนคนเดียวกัน!ส่วนทางท่านผู้เฒ่าเย่ เนื่องจากความสัมพันธ์ของหลงอิงและจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าคนของวังเทียนจีมาเพื่อช่วยเหลือไป่หลี่ไห่“ใต้หล้านี้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เหตุใดจึงเต็มไปด้วยคนที่ไร้ยางอายมากถึงเพียงนี้!”ท่านผู้เฒ่าเย่ทั้งกังวลทั้งโกรธ ต่อหน้าหลิงอวี๋มิอาจพูดออกไปได้ ทว่าก็แอบบ่นอยู่ในใจนี่สวรรค์ต้องการทำลายตระกูลเย่หรือไร?“ท่านพ่อ ท่านบอกว่าเชิญคนมาเพื่อดูแลเรื่องความยุติธรรมมิใช่หรือ?”เย่ซื่อฝานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความหวัง“ข้าไปเชิญแล้วแต่เขามิอยู่ ข้าจึงทิ้งข้อความไว้ หากเขาได้รับข้อความ วันพรุ่งเขาก็คงจะมา!
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อคิดได้ว่าหลิงอวี๋อาจจะเข้าร่วมในเรื่องนี้ เผยอวี้กับฉินซานก็ล้วนมิรู้สึกว่าจะมีอะไรผิดปกติแม้ว่าหลิงอวี๋จะสูญเสียความทรงจำไป แต่นางก็มิได้สูญเสียความมีเหตุผล ความฉลาดและความใจดีไปด้วย ในเมื่อนางสนับสนุนเย่หรง เช่นนั้นพวกเขาก็จะเห็นแก่นางและช่วยเย่หรงเช่นกันเซียวหลินเทียนก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เรื่องที่หลิงอวี๋ทำล้วนมีเหตุผลของนาง หากนางเข้าร่วมแผนการแหกคุกของเย่หรง เช่นนั้นเขาก็ต้องปกป้องคนเหล่านี้ให้ปลอดภัย“ให้สือหรงไปทำความเข้าใจการจัดการคุกน้ำที่สระเก้ามังกรมาให้ละเอียด การประลองของหลิงอวี๋กับไป่หลี่ไห่ในวันมะรืนนี้จะต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน… ข้ารู้สึกว่าหลิงอวี๋จะมิอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพอีกต่อไปแล้ว!”“ก่อนที่นางจะไป นางจะต้องคิดวิธีช่วยเย่หรงช่วยท่านแม่ของเขาออกมาเป็นแน่ พวกเราจะปล่อยให้นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมิได้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้และฉินซานต่างรู้สึกได้ว่าพายุใกล้เข้ามาแล้ว การประลองครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งที่จะตัดสินว่า พวกเขาจะไปหรือจะอยู่ จะรอดหรือจะตายหลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว เซียวหลินเทียนก็ตกสู่ห้ว
ฉินซานรู้สึกสนใจขึ้นมา “หืม มีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ด้วยหรือ หลังจากนี้หากมีโอกาสก็แนะนำให้ข้ารู้สึกหน่อยสิ!”เซียวหลินเทียนต้องการคนที่มีความสามารถในเมืองหลวงแดนเทพจำนวนมาก หากมีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ แล้วแนะนำให้เขา เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ“วันหลังเจ้าก็จะได้พบกับนาง!”เย่หรงยังคงต้องการความช่วยเหลือจากฉินซานเรื่องช่วยท่านแม่ ถึงเวลานั้นค่อยแนะนำเสี่ยวชีให้เขารู้จักทั้งสองคนคุยเรื่องรายละเอียดกันอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ แล้วพวกเขาก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปดำเนินการฉินซานกลับไปที่คฤหาสน์อู่ และบอกเรื่องความคิดของเย่หรงให้เซียวหลินเทียนกับเผยอวี้ฟังเผยอวี้กำหมัดชกมืออีกข้างหนึ่งของตนอย่างตื่นเต้น แล้วตะโกนขึ้นมา “สวรรค์… หากเย่หรงผู้นี้มิไปเป็นโจรก็ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!”“มีความกล้าหาญมีกลอุบาย ทั้งยังคิดแผนการได้เหนือความคาดหมายเช่นนี้ หากทำมิสำเร็จก็คงจะรู้สึกผิดต่อเขาแล้ว!”ความสนใจของเซียวหลินเทียนอยู่ที่ประโยคสุดท้ายที่ฉินซานกับเย่หรงคุยกัน“เย่หรงบอกว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจจากคนผู้หนึ่งมาหรือ?”ฉินซานพยักหน้าอย่างมิรู้ตัว “เขาบอกเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”มุมปากของเ
เย่หรงยิ่งคิดก็ยิ่งสนใจ ฉินซานสามารถบอกความลับเรื่องการปล้นให้ตนฟังได้ หากว่าตนช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย เช่นนั้นก็จะเป็นการสร้างพันธมิตรโดยปริยาย“ข้าต้องการแค่สองส่วนเท่านั้น!”เย่หรงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ส่วนอีกสองส่วน ก็ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนที่ข้าให้พวกท่านล่วงหน้า!”“พี่อู่ ข้าก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ต้องการให้พวกท่านช่วยเช่นกัน จัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อนแล้วข้าค่อยบอกท่านก็แล้วกัน!”เมื่อฉินซานเห็นว่าเย่หรงตกลง เขาก็เอ่ยออกไปทันที "พี่หรงเต็มใจที่จะช่วยพวกเรา หากท่านมีความยากลำบากใด พวกเราก็จะช่วยโดยมิลังเลเช่นกัน!”“เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้ จัดการเรื่องนี้ก่อนค่อยว่ากัน!”“วันมะรืนคือวันที่เสี่ยวชีกับไป่หลี่ไห่จะประลองกัน พี่หรง ตระกูลเหมียวกำลังเตรียมเงินที่จะมอบให้ไป่หลี่ไห่ พวกเราต้องลงมือชิงมาก่อนที่ตระกูลเหมียวจะส่งเงินให้ไป่หลี่ไห่!”“มิเช่นนั้นหากเงินไปที่บ้านของไป่หลี่ไห่แล้วจะยุ่งยากเอาได้!”สมองของเย่หรงก็ครุ่นคิดเช่นกันฉินซานพูดถูก ตระกูลเหมียวบรรจุเงินลงกล่องแล้วแต่ยังมิได้ขนย้ายไป เวลานี้คือโอกาสในการปล้นที่ดีที่สุดหากส่งไปถึ
ก่อนการประลองจะสิ้นสุดลง?ฉินซานกับเผยอวี้ได้ยินคำพูดของเซียวหลินเทียนแล้วก็มองหน้ากันไปมาเผยอวี้อยากจะร้องไห้มิใช่เพราะเซียวหลินเทียนให้เวลาพวกเขาน้อยเกินไปหรอก!แต่ว่า ในฐานะที่เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น เขาจะต้องตกต่ำจนกลายเป็นโจรปล้นทรัพย์หรือ?ฝ่าบาท นี่คือการลงโทษที่พวกเราประมาทจนทำให้สิงจั๋วถูกแก้แค้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?ฉินซานมิได้ “อ่อนไหว” ดังเช่นเผยอวี้ เมื่อเขาได้รับบัญชาจากเซียวหลินเทียนมา สมองของเขาก็ครุ่นคิดในทันทีมีเวลาเพียงแค่หนึ่งวันกว่าเท่านั้น จะไปชิงทรัพย์สินของตระกูลเหมียวมาโดยที่มิถูกจับได้ได้อย่างไร?ฉินซานมิได้รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนกำลังลงโทษพวกเขา เขาเข้าใจว่าคำสั่งของเซียวหลินเทียนเป็นการระบายความโกรธแทนหลิงอวี๋และสิงจั๋วแต่ฉินซานและเผยอวี้ต่างก็เป็นแม่ทัพของราชสำนัก พวกเขามิเคยทำเรื่องการปล้นมาก่อน พวกเขาจึงมิรู้ว่าจะเริ่มลงมือจากที่ใดทั้งสองคนอับจนหนทาง คิดแผนไว้สองสามแผนแต่ก็รู้สึกว่ามิเหมาะสมสักแผนแล้วจู่ ๆ ฉินซานก็นึกถึงเย่หรงขึ้นมา ช่วงนี้เย่หรงกำลังคิดวิธีหาเงินอยู่ ฉินซานมีสัญชาตญาณบางอย่างว่าเย่หรงจะต้องกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่
วันนี้ทั้งวันที่สำนักศึกษาชิงหลงต่างก็พูดกันว่า สิงอวี๋จากหอปรุงโอสถจะประลองวิชาพิษกับไป่หลี่ไห่สำหรับการประลองนี้ มีข่าวลือต่าง ๆ นานาที่เล่าต่อกันไปทั่วมีข่าวลือบางส่วนบอกว่า สิงอวี๋มิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อาศัยว่ามีความสามารถในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรที่แข็งแกร่งแล้วไปท้าทายอำนาจของไป่หลี่ไห่เมื่อบัณฑิตจากหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ทั้งสองชั้นเรียนได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็ตั้งตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกันทันที แล้วก็เริ่มด่าทอกันขึ้นมาในสำนักย่อยบัณฑิตของหอโอสถซ่างกู่ด่าทอไป่หลี่ไห่ว่าไร้ยางอาย เป็นผู้ใหญ่มารังแกเด็กถึงอย่างไรสิงอวี๋ก็เป็นบัณฑิตใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียนได้มิถึงเดือน ส่วนไป่หลี่ไห่เป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว การที่ปรมาจารย์ท้าประลองกับศิษย์น้อยนั้น ต่อให้ชนะก็ดูมิสง่างามหรอกเหลยเหวินและจงเจิ้งเฟยก็โกรธมากเช่นกัน ทั้งสองคนรู้เรื่องที่สิงจั๋วพี่ชายของสิงอวี๋ถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้วเหลยเหวินจึงเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้าธารกำนัล แล้วนางก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “ปรมาจารย์ไป่หลี่มิรู้หรือว่าศิษย์ของตนมีนิสัยอย่างไร? หากมิใช่เพราะเหมียวหยางไปทำลายบ้านของศิษย์พี่ห
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ