เมื่อลู่หนานเห็นว่าเขาไปแล้ว จึงกระซิบกับเซียวหลินเทียน“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องคิดว่าชิวเฮ่าจะไปด้วยตนเองหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เซียวหลินเทียนยิ้มเล็กน้อย “นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างความสำเร็จยิ่งใหญ่ เขาต้องไปแน่!”“ลู่หนาน เชื่อหรือไม่ พอเขาเห็นด้วยตาของตนเองว่าพวกเราได้เตรียมเงินและเสบียงทหารอย่างดีแล้ว เขาจักต้องหาโอกาสขอลาอย่างแน่นอน!”ลู่หนานเอ่ยด้วยความโกรธ “ท่านอ๋อง กระหม่อมก็อยากจะขอลาเช่นกัน กระหม่อมอยากจะตามรัฐทายาทอันไป อยากจับชิวเฮ่ากลับมาด้วยตัวกระหม่อมเอง อยากจับพวกสาบสืบและทำงานให้สำเร็จด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนใจเต้น เขาเองก็อยากจะไปด้วย!พวกชิวเฮ่าจะต้องลงมืออย่างเต็มที่เพื่อเงินจำนวนมหาศาลนี้เป็นแน่ เขามิได้เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกพุลุ่งพล่านในสนามรบมานานมากแล้ว!ในช่วงสองวันที่ผ่านมาขาของตนก็สามารถยืนได้นานขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หากทำอย่างรวดเร็วก็มิน่ามีปัญหาใด!เซียวหลินเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งใจเต้น แล้วความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมา“ลู่หนาน ข้ามีความคิดอะไรบางอย่าง ไม่เพียงแต่พวกเจ้าขอไปได้ แต่มิดึงดูดความสงสัยของชิวเหวินซวงด้วย!”ดวงตาของลู่หนานเป็นประกาย รีบขยับหูไปฟัง
ภารกิจของจูเผิงในครั้งนี้คือการเฝ้าติดตามชิวเฮ่ากับคนของตระกูลชิวอย่างลับ ๆเขาพาองครักษ์สองสามคนติดตามคนของตระกูลชิวไป ระหว่างทางไม่มีอะไรผิดปกติเลยจูเผิงเองก็มิกล้าชะล่าใจ เขารู้เรื่องที่หลู่ชิ่งถูกหลิงอวี๋รับตัวไประหว่างทาง จึงกลัวว่าชิวเฮ่าจะใช้ลูกไม้กลยุทธิ์จักจั่นลอกคราบเช่นนี้มาทำให้ตนตายใจเช่นกันหลังจากเดินทางเช่นนี้เป็นเวลาสามวัน จูเผิงก็กังวลใจเล็กน้อยหรือว่าชิวเฮ่ามิได้คิดจะไปปล้นเงินทหาร?พลบค่ำวันนี้ ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลงแล้ว รถม้าของพวกชิวเฮ่าก็ยังเดินทางไปอย่างสบาย ๆ บนถนนจูเผิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อสองวันก่อนชิวเฮ่าได้พาครอบครัวของเขาไปหาที่พักแล้ว แต่คืนนี้ดูท่าทีไม่เหมือนว่าเขาจะพักโรงเตี๊ยมเลย!หรือว่าชิวเฮ่าวางแผนที่จะหลบหนีในคืนนี้?จูเผิงพาคนตามไปอีกช่วงถนน ถนนส่วนนี้อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ไม่มีผู้ใดอยู่บนถนนเลยจูเผิงมิกล้าตามไปใกล้มากเกินไป กระทั่งเห็นรถม้าหายไปตรงทางเลี้ยว เขาจึงพาคนตามไปแต่เมื่อพวกเขาเลี้ยวไป กลับพบว่ารถม้าของครอบครัวชิวเฮ่าหายไปแล้วจูเผิงตกใจมาก ขณะที่เขากำลังจะไล่ตามไป ก็เห็นป่าที่อยู่ข้างหน้าไม่ไกล“พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี
จูเผิงได้ยินเสียงลม ก็รีบหันกลับมาใช้ดาบต้านไว้ แล้วทั้งสองก็ต่อสู้กันจูเผิงกังวลมาก ในขณะที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น ชิวเหวินอิงก็ตามมาทันแล้ว“ข้าจะจัดการกับเขาเอง...”ชิวเหวินอิงเอ่ย “ชิวเฮ่าเจ้าออกไปแสร้งทำเป็นเผชิญหน้ากับโจร ดูว่าจูเผิงพาคนมากี่คนแล้วล่อพวกเขาเข้ามา!”“พวกเจ้ามันเป็นชายหญิงที่หัวใจโหดเหี้ยม ข้าไม่มีทางยอมให้พวกเจ้าทำสำเร็จหรอก!”จูเผิงกัดฟันตะคอกด้วยความโกรธ จากนั้นก็ยกดาบแทงไปทางชิวเฮ่า ชิวเฮ่าหันกลับมาเหวี่ยงดาบใส่แขนของเขาหนังแยกออกเสียจนเห็นกระดูก!จูเผิงกัดฟัน เขาจับดาบไว้แน่นแล้วหันกลับไปแทงชิวเฮ่าอีกครั้งชิวเหวินอิงแทงไปที่เอวของจูเผิงเขาเดินโซเซ อดทนต่ออาการบาดเจ็บยกดาบฟันไปที่ชิวเหวินอิงชิวเฮ่ารีบวิ่งออกไป พลางตะโกน “ใครก็ได้… พวกเราถูกซุ่มโจมตี!”พวกองครักษ์ที่ติดตามจูเผิงได้ยินเสียงจึงลงจากหลังม้าแล้ววิ่งเข้าไปเมื่อชิวเฮ่าเห็นว่าอีกฝ่ายมีทั้งหมดสี่คน ก็รู้สึกสบายใจทันที“ข้าง… ข้างใน รีบหน่อย จูเผิงจักทนมิไหวแล้ว!”ชิวเฮ่าวิ่งนำเข้าไปข้างใน พวกองครักษ์ได้ยินเสียงการต่อสู้กันในป่าจึงรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว“ตรง… ข้างหน้านั่น...”ชิวเฮ่า
“ฮูหยิน… แล้ว… แล้วฮูหยินเล่า!”ชิวเฮ่าอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสแล้วลุกขึ้น เทยาลงบนแผลไปด้วย พลางเอ่ยถามไปด้วย“ข้าจักไปสอบสวนจูเผิง เขายังมิตาย! ข้าอยากรู้ว่าเซียวหลินเทียนรู้อะไรบ้าง!”ชิวเหวินอิงตะคอก “ฝ่าบาทมุมานะทำงานหนัก วางกลยุทธ์มานานนับทศวรรษเพื่อสร้างเครือข่ายข่าวกรองนี้...”“หากมันถูกทำลายด้วยมือของพวกเรา ชิวเฮ่า พระองค์ไม่มีวันปล่อยพวกเราไปแน่!”“ครั้งนี้ข้าถูกพวกเจ้าทำให้ตาย!”ชิวเหวินอิงบีบคอของชิวเฮ่า พลางเอ่ยอย่างชั่วร้าย“รีบไปขวางคนของเราไว้มิให้ตกหลุมพราง! หวังว่าทุกอย่างยังมิสายเกินไป!”“ชิวเฮ่า เจ้าอย่าคิดหลบหนีไประหว่างทาง! เจ้าก็รู้ว่าวิธีการของฝ่าบาทนั้นร้ายแรงเพียงใด เว้นแต่เจ้าจักตาย มิฉะนั้นแม้ว่าเจ้าหนีไปซ่อนตัวอยู่สุดขอบหล้า พระองค์ก็สามารถจับเจ้าได้!”ชิวเฮ่าตัวสั่น กำลังจะพูดอะไรบางอย่างชิวเหวินอิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา “อย่าลืมว่าชิวเหวินซวงยังอยู่ในตำหนักอ๋องอี้... เจ้าคงมิอยากให้ญาติเพียงคนเดียวในใต้หล้านี้ของเจ้ามีชีวิตที่ตายทั้งเป็นนับจากนี้กระมัง?”ชิวเฮ่านึกถึงชะตากรรมที่น่าสังเวชของสายสืบเหล่านั้นที่แอบหลบหนี แล้วก็กลัวจนตัวสั่นเขากั
“ความตายมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เจ้ายังปากแข็งอยู่อีกรึ?”ชิวเหวินอิงโน้มตัวไปจ้องมองจูเผิง พลางเอ่ยอย่างดุร้าย“หากเจ้าตอบข้ามาดี ๆ ข้าจักปล่อยให้เจ้าตายแบบสบาย ๆ มิเช่นนั้น… เจ้าคงต้องทนทุกข์ยิ่งกว่าตกนรก!”เท้าทั้งสองข้างของจูเผิงเลือดออก เขารู้สึกได้ว่าตนนอนจมกองเลือดอยู่ แต่เขาก็ไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด“ชิวเหวินอิง หากข้าตกนรก เจ้าก็คงตกนรกขุมที่สิบแปด ต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าข้าหลายร้อยหลายพันเท่าแน่นอน!”จูเผิงจ้องชิวเหวินอิงอย่างดุเดือด “จะทุบตีหรือฆ่าก็มาเลย! หากข้าจูเผิงขมวดคิ้วแม้สักนิด ข้าก็เป็นเดรัจฉานแล้ว!”ชิวเหวินอิงยิ้มเหยียด “ได้ อยากเป็นบุรุษผู้แข็งแกร่งใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าจักช่วยสงเคราะห์เจ้าเอง!”นางหยิบผงยาออกมาจากแขนแล้วโรยลงบนเลือดของจูเผิงหลังจากนั้นไม่นาน ฝูงมดก็คลานมาจากทุกทิศทุกทาง เข้าไปในบาดแผลและเสื้อผ้าของจูเผิงอย่างรวดเร็ว“เจ้าใช้วิธีนี้ มันต่างอะไรกับการจักจี้ข้าเล่า?”จูเผิงที่ในตอนแรกยังเหยียดหยัน รู้สึกคันอย่างรุนแรงไปทั้งตัวแล้ว!แล้วบาดแผลก็เริ่มรู้สึกเจ็บแปลก ๆความเจ็บปวดเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขามิเคยพบมาก่อน มันกัดกินกระดูก เจ็บปวดอย่างแสนสาหั
กระทั่งตอนที่ชิวเหวินอิงได้สติ จูเผิงก็สิ้นลมไปแล้วเขาตาเบิกกว้าง ใบหน้าถูกชิวเหวินอิงฟันเละ เลือดไหลเข้าไปในดวงตาแล้วค่อย ๆ เต็มเบ้าตาของเขามดพวกนั้นได้กลิ่นเลือดก็พากันคลานเข้าไปในดวงตาของเขา!“หึ... ผู้ใดให้เจ้าปากแข็งกันเล่า!”ชิวเหวินอิงหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าไปในรถม้าของตระกูลชิว เอาตั๋วเงินออกมาแล้วรีบออกไปนางเร่งม้าวิ่งออกไปให้ไกล ๆ ก่อนจะหาที่ที่ไม่มีคนรักษาบาดแผลของตนเองจากนั้น ชิวเหวินอิงก็หยิบสัมภาระออกมา เปลี่ยนเป็นอาภรณ์สะอาด หยิบหน้ากากหนังมนุษย์ออกมาแล้วสวมใส่กระทั่งนางเดินออกจากที่ซ่อนตัว ชิวเหวินอิงก็กลายเป็นสตรีในวัยสี่สิบกว่า เป็นคนธรรมดาที่เมื่อเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็มิได้มีใครมองมากนักนางปล่อยม้าไป ถือสัมภาระ เดินเป็นระยะทางสิบกว่าลี้เพื่อหาโรงเตี๊ยมชิวเหวินอิงมิได้ไปที่จุดซุ่มโจมตีเพื่อปล้นเงินทหารชิวเฮ่าไปรายงานข่าวแล้ว หากไปถึงทันเวลาก็จะสามารถช่วยสหายเหล่านั้นได้!และสามารถควบคุมเซียวหลินเทียนได้ด้วย!เช่นนี้พวกเขาก็ยังสามารถแฝงตัวอยู่ในฉินตะวันตกต่อไปได้ โค่นล้มฉินตะวันตก ร่วมมือกับภายนอก ทำให้องค์ชายเยี่ยน ขยายอาณาเ
เซียวหลินเทียนพาพวกลู่หนานกลับไปที่ท้องพระโรง แต่ชิวเฮ่าก็ตามทันก่อนที่ไปถึงเมืองหลวง“ท่านอ๋อง...”ชิวเฮ่าเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด ขี่ม้าตามมา แล้วแซงหน้ารถม้าของเซียวหลินเทียนไป จากนั้นร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรงกลิ้งลงไปที่พื้นเซียวหลินเทียนเห็นเข้าแววตาก็สั่นระริก แล้วมองจ้าวซวนตามสัญชาตญาณหัวใจของจ้าวซวนก็กระตุกเช่นกัน เขาให้จูเผิงพาคนไปติดตามชิวเฮ่าเมื่อคืนชิวเฮ่ามิได้มาร่วมในการปล้นเงินทหาร กลุ่มของพวกเขาก็ยังรู้สึกแปลก ๆ ไหนเลยจะคิดว่าวันนี้ชิวเฮ่าจะตามมาที่นี่ด้วยเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยเลือดเช่นนั้นจูเผิงเล่า?จู่ ๆ จ้าวซวนก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีหรือว่ามีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับจูเผิง?“ชิวเฮ่า นี่เจ้าเป็นกระไรไป?”จ้าวซวนกระโดดลงจากหลังม้า เมื่อเห็นชิวเฮ่าหมดสติไปก็รีบวิ่งไปหาข้อมือข้างหนึ่งของเขาถูกตัดไปและมีผ้าพันแผลพันไว้อย่างลวก ๆ บาดแผลยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาอยู่เลย“รีบพาชิวเฮ่าไปที่รถม้าเร็วเข้า!”จ้าวซวนสั่งขณะที่แอบขยิบตาให้ท่านจินต้าไปด้วยท่านจินต้าเข้าใจทันที แล้วไปหาองครักษ์ที่ชาญฉลาดอย่างเงียบ ๆ ให้ไปตรวจสอบทิศทางที่พวกจูเผิงไป“ท่านอ๋อง… เราถูก
ชิวเหวินซวงนึกถึงเรื่องเงินทหารขึ้นมาทันทีการซุ่มโจมตีที่ชิวเฮ่าหมายถึงคือเรื่องนี้ใช่หรือไม่?หรือว่า...เรื่องเงินทหารเป็นเรื่องโกหก สหายที่พวกเขาส่งไปปล้นเงินทหารถูกซุ่มโจมตีกันหมดแล้ว!“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?”ชิวเหวินซวงตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เริ่มร้องไห้ในหัวของนางรีบครุ่นคิดถึงการตอบโต้อย่างรวดเร็วชิวเฮ่าบอกเป็นนัยว่าเซียวหลินเทียนสงสัยพวกเขาแล้วใช่หรือไม่?“ท่านอ๋อง ร่างของพวกจูเผิงถูกนำกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”องครักษ์คนหนึ่งเข้ามารายงานเซียวหลินเทียนมองพี่น้องชิวอย่างเย็นชา พลางเอ่ยเสียงทุ้ม“พระชายามาแล้วหรือยัง?”“ท่านอ๋อง พระชายาได้ทำการชันสูตรพลิกศพตามที่ท่านอ๋องสั่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“หลังจากที่พระชายาตรวจแล้ว เราจักส่งศพไปที่โรงนาพ่ะย่ะค่ะ!”องครักษ์รายงานเสร็จก็ถอยออกไปเซียวหลินเทียนพยักหน้าเล็กน้อย เหลือบมองชิวเหวินซวงที่ยังคงร้องไห้อยู่ พลางยิ้มเย็นชา“ชิวเหวินซวง ชิวเฮ่า ตัวข้าบอกไปแล้วว่าข้าจักตรวจสอบหาคำอธิบายให้พวกเจ้าเอง!”ยังมิทันที่เซียวหลินเทียนจะพูดจบ หลิงอวี๋ก็เดินเข้ามาพร้อมกับเถาจื่อกับหลิงซวนใบหน้าของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธที่มิสามาร
เมื่อมีท่าทีเล็ก ๆ นี้ หลิงอวี๋จึงยิ่งระวังจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิเพียงแต่ของที่ตนกินดื่ม แม้แต่ของที่ไทฮองไทเฮากินและดื่ม หลิงอวี๋ก็จะระวังจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมากแต่ท่าทีที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแสดงออกมานั้นปกติมาก มิได้แตะต้องของกินของทั้งสองคนแต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หลิงอวี๋ก็ยังมิอาจวางใจได้นางรู้สึกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยลึกลับมาก ยอดฝีมือในดินแดนที่หก หากจะลงมือต้องมิทันได้รู้ตัวอย่างแน่นอน นางมิอยากให้ตนตายไปแบบมิรู้เรื่องใดที่จริงแล้วสตรีทั้งสี่ก็มิได้มีสิ่งใดให้พูดคุยกัน ภายนอกพวกนางคือครอบครัวเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นศัตรู เมื่อถอดหน้ากากความเป็นครอบครัวออกก็ล้วนเกลียดกันจนมิใครก็มิใครต้องตายหลังจากคุยกันไปสักพัก และรับประทานอาหารเสร็จ ไท่เฟยเส้ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ขอตัวลาหลิงอวี๋รอให้พวกนางไป แล้วให้หลิงซวนกับแม่นมเว่ยรีบตรวจสอบในจุดที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับไท่เฟยเส้าแตะต้องอย่างละเอียดทันทีไทฮองไทเฮาเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา “อาอวี๋ เจ้ากังวลมากเกินไปหรือไม่? พวกนางสองคนมิได้ไปที่อื่นเลยนอกจากโถงใหญ่ ในโถงใหญ่เองก็มีทุกคนจับตามองอยู่ พวกนางจะทำสิ่งใดได้!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “
“ข้านึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอตัวก่อน!”“อาอวี๋ เจ้าอยู่กินอาหารกับไท่เฟยเส้าและไทฮองไทเฮาเถิด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นพี่สะใภ้ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องร่วมโต๊ะอาหารกับเซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนจึงบอกกับหลิงอวี๋และไทฮองไทเฮาแล้วกำลังจะไป“ฝ่าบาท หรุ่ยหรุ่ยรบกวนการเสวยของพวกท่านหรือเพคะ?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยด้วยใบหน้าที่อึดอัดเจือความรู้สึกผิด “หรุ่ยหรุ่ยแค่อยากจะมาคารวะไทฮองไทเฮาเพคะ หากมิสะดวก เช่นนั้นหรุ่ยหรุ่ยขอทูลลา!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะอยู่ในใจ ระดับความเสแสร้งของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นี้มิได้ด้อยไปว่าจ้าวเจินเจินเลยแม้แต่น้อย!เซียวหลินเทียนกำลังหลีกเลี่ยง แม้ว่าคนที่เข้าใจจะรู้ว่าเป็นเพียงข้ออ้างก็มิควรเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลับหยิบยกมาพูดแสร้งทำเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยผู้ไร้เดียงสา!“พี่สะใภ้รอง องค์จักรพรรดิมีธุระจริง ๆ เมื่อครู่ก็บอกไว้แล้ว ให้เขาไปเถิด พวกเราบรรดาสตรีกินด้วยกันก็พอแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยพลางเอ่ย “ฝ่าบาท กลางคืนหม่อมฉันจะเตรียมพระกระยาหารมื้อดึกไว้ให้ ท่านจัดการเรื่องบ้านเมืองเสร็จแล้วก็มาเสวยเถิดเพคะ!”เซียวหลินเทียนสับสนไปในทันที เข
ไท่เฟยเส้ามิได้พอใจกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้เป็นสะใภ้มากนัก ก่อนหน้านี้นางหวังให้ตระกูลจ้าวให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่งงานเข้ามาและสามารถช่วยให้องค์ชายคังประสบความสำเร็จได้แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเผชิญหน้ากับหลิงอวี๋ครั้งแรกก็พ่ายแพ้แล้ว สิ่งนี้ทำให้ไท่เฟยเส้าผิดหวังเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะมาไหว้ตน ไท่เฟยเส้าก็เรียกเข้ามาตำหนิภายนอกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยฟังอย่างนอบน้อม แต่ในใจอยากจะจัดการนางดังเช่นที่ทำกับองค์ชายคัง“สิ่งที่หมู่เฟยสอนก็คือ คราวนี้หรุ่ยหรุ่ยไม่มีประสบการณ์ เตรียมการมิมากพอ ครั้งต่อไปจะมิให้หลิงอวี๋รอดไปได้แล้วเพคะ!”คำพูดอ่อนโยนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้ความโกรธของไท่เฟยเส้าเบาบางลงไปมาก อย่างน้อยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็สามารถบีบให้หลิงอวี๋อยู่ในสถานการณ์อับจนได้ เมื่อเทียบกับจ้าวเจินเจินแล้วจ้าวหรุ่ยหรุ่ยดีมากแล้วไท่เฟยเส้าได้ต่อว่าไปแล้วน้ำเสียงก็อ่อนลงมา แล้วก็เอ่ยด้วยความเกลียด “ตอนนี้ในวังอยู่ในการควบคุมของหลิงอวี๋กับยายเฒ่านั่น หมู่เฟยจะทำอะไรก็มิได้สะดวกนัก”“หมู่เฟยอยากให้ยายแก่นั่นตายไปเร็ว ๆ เช่นนี้แล้วหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนก็จะไม่มียายเฒ่าคอยหนุนหลัง ก็จะจัดการได้ง่
สำหรับคำถามของหลิงอวี๋ ฮูหยินผู้เฒ่าเผยกับใต้เท้าเผยได้หารือกันในบ้านแล้วฮูหยินผู้เฒ่าเผยเองก็รู้ว่า หากเอาเรื่องที่หลิงหว่านต้องไว้ทุกข์แม่สามปีมาถอนหมั้นนั้นฟังมิขึ้น แต่นางกับตระกูลเผยล้วนมิชอบหลิงหว่าน จึงยอมที่จะถูกด่าลับหลังและยืนกรานที่จะถอนหมั้นฮูหยินผู้เฒ่าเผยมิกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา จึงทำได้เพียงเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ฮองเฮา การแต่งงานเป็นการผูกสัมพันธ์ที่ดีของสองตระกูล มิใช่การผูกความโกรธแค้น...”“ถือเสียว่าตระกูลเผยขอโทษคุณหนูหลิง ขอร้องให้ฮองเฮาทรงเห็นใจ ตกลงกับคำร้องที่จะถอนพระราชโองการด้วยเถิดเพคะ สินสอดก่อนหน้านี้ก็ถือเป็นการชดใช้ให้คุณหนูหลิงเถิด!”หลิงหว่านได้ยินก็โกรธมาก จึงเอ่ยเรียบ ๆ “หม่อมฉันมิต้องการการชดใช้! ฮองเฮา ท่านตกลงเถิดเพคะ! หม่อมฉันหลิงหว่าน แม้ว่าชีวิตนี้จะมิได้แต่งงานก็ไม่มีทางร้องขอแต่งงานเข้าตระกูลเผย!”หลิงอวี๋ทอดถอนใจอยู่ในใจ แม้ว่านางจะรู้สึกว่าเผยอวี้คือคนที่หลิงหว่านสามารถไว้วางใจไปได้ตลอดชีวิต แต่ตระกูลเผยทั้งหลายต่อต้านหลิงหว่านเช่นนี้ หากหลิงหว่านแต่งงานเข้าไปก็ไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขการแต่งงานมิใช่การแต่งกับคนคนเดียว โดยเฉพา
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้