หลิงอวี๋และทั้งสองคนนำหัวกวนอิ่งมาถึงหน้าหลุมศพของหลิงซินเรียบร้อยเถาจื่อกำลังวางหัวคนลงหน้าหลุมศพหลิงซินพลางพูดประโลม“หลิงซินไปสู่สุคติเถิด! คุณหนูล้างแค้นให้เจ้าแล้ว!”หลิงอวี๋จ้องหลุมศพหลิงซินอย่างเงียบงัน แม้จะช่วยหลิงซินล้างแค้นแล้ว แต่หัวใจหลิงอวี๋ก็ยังคงหนักอึ้งนักหลิงซินยังเด็ก… และนางยังมิได้ใช้ชีวิตให้มีความสุขเลย!คนต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์เช่นกวนอิ่ง… สมควรตายจริง ๆ!หลิงอวี๋แอบสาบานว่า ต่อไปนางจะมิปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้กับคนข้างกายตนอีกเด็ดขาด นางจะปกป้องทุกคนอย่างเต็มกำลัง!ครั้นทำพิธีเซ่นไหว้หลิงซินเสร็จ เถาจื่อก็ถือหัวกวนอิ่งหมายหาที่ฝังสักที่การวางหน้าหลุมศพอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้จะก่อเรื่องเอาได้!เมื่อหลิงอวี๋เห็นสถานการณ์จึงรีบปราม “อย่าฝัง หัวคนยังมีประโยชน์อยู่!”เถาจื่อมองทางหลิงอวี๋ค่อนข้างสับสนพลางกล่าวเฉยเมย “คุณหนู มันมีประโยชน์ันใดเจ้าคะ! ขนาดสุนัขยังมิกินหัวคนเลยเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ยิ้มมีเลศนัย “เอากลับไปถวายเซียวหลินเทียนเถอะ!”ช่วงหลายวันมานี้ เซียวหลินเทียนก็ออกแรงวางกลเช่นกันการที่นางกับท่านกวนเอ้อร์ขนย้ายสมบัติของตระกูลกวนได้ราบรื่น เป็นเพราะ
ที่แท้สามีภรรยาอ๋องอี้ใช้แผนหว่านความขัดแย้งนี่เอง!เมื่อลู่หนานฟังก็แจ่มแจ้งโดยพลัน แล้วรีบให้คนนำศีรษะไปให้อิ๋นฮู๋เซียวหลินเทียนเห็นหลิงอวี๋ช่วยเหลือตนจึงกล่าวขอบคุณ“หลิงอวี๋ มีเรื่องที่เจ้าต้องรู้! วันนั้นข้าได้รับจดหมายว่าเลี่ยวซงอยู่ทุ่งหญ้าข้างสะพานใช่หรือไม่เล่า?”“ข้าสืบเรื่องนี้แล้ว เป็นจ้าวเจินเจินหาคนส่งข่าวมา!”หลิงอวี๋ผงะชั่วขณะ อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ท่านหมายความว่าหม่อมฉันควรขอบคุณจ้าวเจินเจิน และต่อไปอย่าสร้างเรื่องยากให้นางอีกใช่หรือไม่?”ครั้นเซียวหลินเทียนได้ยินก็รู้ทันทีว่าหลิงอวี๋เข้าใจผิดซะแล้วแล้วจึงคิดถึงอดีตที่หลิงอวี๋กับเกิ่งเสี่ยวหาวคอยระวังตัวจากเขาหลิงอวี๋มิเต็มใจบอกแผนกับตนมากนัก หรือเพราะสงสัยว่าตนจะแอบส่งข่าวให้จ้าวเจินเจิน?แต่ยามนี้เขาปล่อยวางความรักที่มีต่อจ้าวเจินเจินในตอนนั้นไปแล้ว!ทุกสิ่งที่จ้าวเจินเจินทำมันไม่เหมือนจ้าวเจินเจินผู้นั้นที่เขาเคยชื่นชมในอดีตแสนนาน!ฉะนั้น เซียวหลินเทียนจะไม่ปกป้องนางอีกต่อไป!เขายังต้องร่วมมือกับหลิงอวี๋ต่อต้านองค์ชายเว่ยและองค์ชายคังอยู่ จึงมิอาจเกิดความเข้าใจผิดใด ๆ กับหลิงอวี๋ได้อีก!เซียวหลินเทียนอธิ
ครั้นรอกลับถึงเรือนบุหงา หลิงอวี๋จึงเปิดจดหมายแล้วพบว่าเป็นตั๋วเงินหลายใบอยู่ข้างใน รวม ๆ ก็สองแสนหลิงอวี๋ตกตะลึงทันที ของกำนัลวันเกิดชิ้นนี้ที่เซียวหลินเทียนให้ช่างใจกว้างเหลือเกิน!นางใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งก็พลันเข้าใจทันใดเซียวหลินเทียนคงกำลังคิดจะลงทุนให้หอริมธาราของตนกับเกิ่งเสี่ยวหาวที่ถูกจ้าวเฉียงฮั๋วหลอกสี่แสนเป็นแน่เซียวหลินเทียนคงกลัวว่าพวกเขาจะไม่มีเงินหมุน ฉะนั้นจึงอ้างว่าฉลองวันเกิดตน เพื่อให้เงินมากโขนี้ต่อตนละสิ!หลิงอวี๋กำลังคิดว่า บัดนี้เกิ่งเสี่ยวหาวก็หมุนเงินทุนลำบากจริง ๆ จึงยังไม่ได้คืนตั๋วเงินกลับไปเงินพวกนี้นางจะรับจากเซียวหลินเทียนมาเปล่า ๆ มิได้ งั้นถือเสียว่าตนยืมเขามาแล้วกัน!รอเมื่อนางกับเกิ่งเสี่ยวหาวมีเงินเหลือเฟือ นางค่อยคืนเขาก็ย่อมได้!วันรุ่งขึ้น ขณะที่หลิงอวี๋กำลังพาหลิงเยวี่ย สองพี่น้องฉีเต๋อ หลิงซวนและเถาจื่อออกไปข้างนอก สุ่ยหลิงก็อยู่ดูแลแม่นมลี่หลังจากที่แม่นมลี่เห็นหูของหลิงซินในวันนั้นก็ตกใจล้มป่วยกะทันหันไปหลิงอวี๋ขบคิดว่าจะซื้อนางรับใช้มาเพิ่มสองคน และเอาที่ได้วรยุทธ์เป็นดีที่สุด!เรื่องนี้ยังต้องไหว้วานเกิ่งเสี่ยวหาวฉะนั้นหลิ
หลิงอวี๋ยกยิ้ม ก่อนหน้านี้ยังกลัวท่านเกิ่งเอ้อร์กับเกิ่งเสี่ยวหาวจะไม่เข้าใจอยู่เลยตอนนี้เห็นพวกเขาคิดได้เช่นนี้นางก็วางใจแล้วท้ายที่สุดหลิงอวี๋ก็นำสองแสนของเซียวหลินเทียนให้เกิ่งเสี่ยวหาวไปเกิ่งเสี่ยวหาวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะปฏิเสธอ้อม ๆ“ท่านพี่ ข้ามิอาจรับ เงินของท่านเหลือไม่มากแล้ว ท่านเก็บไว้เองเถิด!”“ข้ายังมีอยู่ เป็นเซียวหลินเทียนมอบเงินพวกนี้ให้!”หลิงอวี๋บอกสิ่งที่ตนเดาเอาเองเกี่ยวกับเงินที่เซียวหลินเทียนมอบให้ต่อเกิ่งเสี่ยวหาว กล่าวปิดท้ายว่า“เซียวหลินเทียนช่างจิตใจดีนัก ข้าจึงมิได้ปฏิเสธ เจ้ารับไปเถอะ! รอเราได้กำไรแล้วค่อยคืนพระองค์!”เมื่อเกิ่งเสี่ยวหาวได้ยินเช่นนั้นถึงรับไว้ เขาพูดอย่างปลงใจไปหนึ่งประโยค“สิ่งที่ท่านอ๋องอี้กระทำในครั้งนี้ยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่!”“เอาเถอะ ตราบใดที่พระองค์ไม่ถือหางให้จ้าวเจินเจินกับคนของตระกูลจ้าว ต่อไปข้าก็มิหักหน้าพระองค์แล้ว!”“ท่านพี่ วันหลังขอเชิญท่านอ๋องอี้กับคนข้างกายพระองค์ที่ท่านพี่ถูกชะตามาทานอาหารที่ภัตตาคารจี๋เสียงสักมื้อเถอะ! ข้าเลี้ยงเอง! ถือเสียว่าจัดงานวันคล้ายเกิดให้ท่านย้อนหลัง!”“เอาสิ!”ช่วงระยะนี้หลิงอว
หลิงอวี๋ไม่อยากให้ท่านอดีตเสนาบดีว้าวุ่นใจ ครั้นเข้าไปจึงมิได้เอ่ยถึงเรื่องที่ถูกคนเฝ้าประตูขัดขวางขาของท่านอดีตเสนาบดีฟื้นตัวได้มิเลว ตอนนี้เขาสามารถลงเตียงได้แล้วหลิงหว่านและคนรับใช้ชายผู้หนึ่งกำลังประคองเขาเดินอยู่ในลานจวนเมื่อเห็นหลิงอวี๋มา ท่านอดีตเสนาบดีก็กลอกตาใส่นางด้วยท่าทีเด็ก ๆ พลางกิริยาของเขาดูไม่ต้อนรับอย่างยิ่งครั้นแล้วก็หันหน้ามามองทางหลิงเยวี่ยอย่างยิ้มแย้ม กล่าวด้วยใบหน้าอ่อนโยน“เยวี่ยเยวี่ย คิดถึงปู่ทวดหรือไม่?”หลิงอวี๋ “…”หลิงเยวี่ยเด็กน้อยปากหวานคนนี้ เมื่อได้ยินคำถามเช่นนี้ของท่านอดีตเสนาบดีก็พลันวิ่งไปกอดต้นขาท่านอดีตเสนาบดีทันที แล้วพูดด้วยความน่าเอ็นดู“เยวี่ยเยวี่ยคิดถึงท่านปู่ทวดมากขอรับ! คิดถึงที่สุดเลย!”ท่านอดีตเสนาบดีปรายมองหลิงอวี๋ จากนั้นก็หัวเราะเยาะและเอ่ยด่า “เด็กขี้โกหก! คิดถึงปู่ทวดก็ไม่เห็นมาหาปู่ทวดเลย!”“ปู่ทวดคิดถึงเจ้าแทบแย่ แต่เจ้ากลับไม่คิดถึงปู่ทวดเลย!”“ท่านปู่ทวด ท่านก้มลงมาขอรับ!”ท่านอดีตเสนาบดีมิรู้ว่าหลิงเยวี่ยจะทำอันใด พลันก้มลงหลิงเยวี่ยกอดคอท่านอดีตเสนาบดีพลางหอมปรางแก้มของเขาจากนั้นก็หอมลงไปอีกข้างหนึ่ง!ท่
ทว่าโดยเนื้อแท้แล้วนี่คือทางเลือกของหลิงเยี่ยน หลิงอวี๋จึงมิใส่ใจแต่นางกังวลว่าองค์ชายเว่ยจะวางอุบายบางอย่างต่อจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนผ่านหลิงเยี่ยนกับหลิงเสียงเซิงน่ะสิ“ท่านปู่ ท่านมิใช่แม่ทัพใหญ่แล้ว! องค์ชายเว่ยจักถูกใจหลิงเยี่ยนหรือเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ถามอย่างแปลกใจก่อนหน้านี้องค์ชายคิดดึงท่านอดีตเสนาบดีมาเป็นพวก จึงอยากแต่งหลิงเยี่ยนเป็นชายารอง!แต่ตอนนี้ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ถูกคนอื่นได้รับเลือกไปแล้ว องค์ชายเว่ยจะเหลียวมองหลิงเสียงเซิงที่ไร้อำนาจสิ้นอิทธิพลได้อย่างไร!“ไปคุยกันในเรือนเถอะ!”ท่านอดีตเสนาบดีหวั่นหน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง จึงให้หลิงอวี๋กับเถาจื่อประคองตัวเองเข้าเรือน“อาอวี๋ ถึงแม้ปู่เจ้าจักมิใช่แม่ทัพใหญ่แล้ว แต่ทหารที่ข้าเคยฝึกฝนก็มีคนที่ประสบความสำเร็จมิน้อย!”ท่านอดีตเสนาบดีนั่งลงพลันพูดอย่างภูมิใจ “แม่ทัพเสิ่นปินที่องค์จักรพรรดิแต่งตั้งขึ้นใหม่คือศิษย์ของข้าเอง!”ด้วยวาจาของท่านอดีตเสนาบดีทำให้หลิงอวี๋ตกตะลึงช่วงระยะนี้ นางมักขัดแย้งกับเซียวหลินเทียน หลายเรื่องในราชสำนักเซียวหลินเทียนจึงล้วนมิได้บอกตนนางมิรู้ว่าแม่ทัพใหญ่ที่ได้รับแต่งตั้งใหม่จะเป็นศิษย์ขอ
ที่จริงท่านอดีตเสนาบดีแฝงกายอยู่ท้องพระโรงมานับหลายปี และสัญชาตญาณทางการเมืองอันเฉียบแหลมนั้นตนก็เทียบมิติดในเมื่อเขาพูดแบบนี้ หลิงอวี๋ก็มิกล้าชะล่าใจ“ท่านปู่โปรดวางใจ กลับไปข้าจักช่วยหาคู่ให้หว่านเอ๋อร์โดยเร็วที่สุดเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋กล่าวปลอบใจ “ท่านปู่ท่านก็อย่าคิดมากเกินไป องค์จักรพรรดิทรงปราดเปรื่องพระองค์มิให้โอกาสพวกเขาแน่เจ้าค่ะ!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เสียงผู้คุ้มกันของท่านอดีตเสนาบดีก็ลอยมาจากข้างนอก“พระชายา ท่านรัฐทายาทส่งคนมาเชิญท่านไปพูดคุยขอรับ!”หลิงอวี๋พลันลุกขึ้นเดินออกไปก็พบสาวงามแปลกหน้าผู้หนึ่งกำลังรออยู่หน้าประตูลานจวนหัวใจหลิงอวี๋สั่นไหว นี่น่าจะเป็นกู่ซุ่ย!นางตีหน้าตายพินิจพิจารณากู่ซุ่ยไปชั่วครู่มีวัยยี่สิบกว่าปี เครื่องหน้างามวิจิตร แม้อาภรณ์ที่สวมจะพราวเสน่ห์ แต่ทั้งคนกลับดูไร้ความยั่วยวนที่เกินงามเลยเสียอย่างนั้น“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ข้ามาเชิญท่านตามคำสั่งของท่านรัฐทายาทเจ้าค่ะ กรุณาไปสักเที่ยวเถิดเจ้าค่ะ!”กู่ซุ่ยโค้งคำนับหลิงอวี๋ พลันถอยหลังครึ่งก้าวเดินไปเป็นกับหลิงอวี๋“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ กู่ซุ่ยสืบมาแล้วว่าช่วงนี้หลิงหลานมักพบปะกับหวางซือข
“ใต้เท้าหลิง จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนแห่งนี้ยังมิใช่ของท่าน ตัวข้าขอเตือนท่านว่าอย่าโอหังให้มากนัก!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นเขาชักสีหน้าก็ยิ้มหยันเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ“องค์ชายเว่ยยังมิได้แต่งหลิงเยี่ยนเข้าเรือน ท่านเอาความมั่นใจจากที่ใดมากล้าขวางมิให้ข้ามาจวนเสนาบดี?”“ตัวข้าเป็นถึงพระชายาอ๋องอี้ผู้สง่า! ที่เรียกท่านว่าพ่อก็เพราะเห็นแก่หน้าท่านอดีตเสนาบดี ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าท่านจะวางท่าต่อข้าได้?”หลิงอวี๋กล่าวดูแคลน “แม้องค์ชายเว่ยให้ตำแหน่งขุนนางกับท่านและหลิงเฟิง แล้วอย่างไรเล่า?”“แค่วาจาข้าประโยคเดียวก็เอาพวกท่านกลับสู่สภาพเดิมได้แล้ว! หากท่านมิเชื่อก็ลองดูสิ!”หลิงเสียงเซิงโมโหตัวสั่นทั้งร่างกับคำพูดหลิงอวี๋“เจ้า… เจ้าลูกเลว เจ้า… ลูกชู้!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นตึก ๆ ตัก ๆ ครั้นได้ยินหลิงเสียงเซิงด่าสองคำว่า ‘ลูกชู้’หรือเรื่องที่หลิงผิงบอกว่าตนกับท่านพี่มิใช่ลูกโดยกำเนิดของหลิงเสียงเซิงจะเป็นความจริง?หลิงอวี๋ตัดสินใจแน่วแน่ว่าวันนี้ต้องเค้นหลิงเสียงเซิงพูดความจริงออกมาให้จงได้นางมองยังหลิงเสียงเซิงด้วยสายตาดูถูก“ลูกชู้? เฮอะ…ใต้เท้าหลิง ท่านรู้หรือไม่ว่าสองคำนี้หมายถึงสิ่งใด