ลู่หนานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดอะไร จูเผิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยเสียงเย็นชา “แค่นางรับใช้คนหนึ่งหายตัวไป ก็ให้ทหารองครักษ์ของตำหนักอย่างพวกเราไปตามหาหรือ? พระชายาอ๋องอี้ พระชายาคิดว่าพวกเราไม่มีสิ่งใดทำหรือ?”“ผู้ใดจักรู้ว่านางรับใช้ผู้นั้นห่วงเที่ยวเล่นแล้วจงใจมิกลับมาหรือไม่!”หลิงอวี๋โกรธขึ้นมาทันที “นางรับใช้แล้วเป็นเยี่ยงไร? นางรับใช้มิใช่คนรึ?”“ลู่หนาน เจ้าจะช่วยข้าได้หรือไม่? หากเจ้ามิช่วย ข้าจักไปหาคนอื่นให้ช่วย!”“แต่เจ้าจำไว้เถอะว่า หากครั้งนี้พวกเจ้าไม่ช่วยข้าอีก ต่อไปหากมีปัญหาเกิดขึ้นในตำหนักอ๋องอี้ก็ไม่ต้องมาหาข้าแล้ว!”ลู่หนานกลัวว่าจะทำให้หลิงอวี๋โกรธ จึงรีบเอ่ย “พระชายาอย่าได้โกรธข้าเลย พวกเราจักมิช่วยได้เยี่ยงไรกันขอรับ!”“จูเผิง อย่าพูดจาไร้สาระ! พระชายาช่วยพวกเราไว้มากถึงเพียงนั้น พวกเราก็ควรช่วยนางสิ!”จูเผิงส่งเสียงหึอย่างเย็นชา อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกเฉาอี้ดึงไปข้าง ๆ พลางกระซิบเตือน“เจ้าอย่าพูดให้มันมากนัก! แม้ว่าเจ้ามิชอบนาง แต่นางก็เป็นพระชายาของพวกเราหนา!”หลิงอวี๋เหลือบมองจูเผิงอย่างเย็นชานางจำองครักษ์ผู้นี้ได้ ชักสีหน้าใส่ตนมาห
ไป๋ผิงเข้าใจในทันที “พระชายา พระชายาฉลาดยิ่งเพคะ!”“เมื่อเป็นเช่นนี้ หลิงอวี๋ต้องเกลียดกวนอิ่งมาก พอถึงคราวแก้แค้นขึ้นมาคงโหดเหี้ยม!”จ้าวเจินเจินยิ้มเล็กน้อย แต่ดวงตากลับเย็นชามากกวนอิ่งนางสารเลว คิดว่ากอดขาองค์ชายคังเอาไว้แล้วจะเป็นที่โปรดปรานไปตลอดชีวิตหรือ?คนสารเลวเช่นนี้ หากจ้าวเจินเจินจัดการมิได้ เช่นนั้นจะคู่ควรเป็นพระชายาคังได้เยี่ยงไร!หลิงอวี๋ เจ้ารอข้าก่อนเถอะ ข้าขอจัดการกวนอิ่งก่อน!แล้วข้าค่อยไปจัดการกับเจ้า!......คนของตำหนักอ๋องอี้ คนของเกิ่งเสี่ยวหาว และคนของปี้ไห่เฟิงออกตามหากันเกือบทั้งคืน แต่ก็มิพบตัวหลิงซินลู่หนานจึงกลับมากับรายงานเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่เป็นกังวลอยู่ พลางเอ่ยเสียงขรึม“ไปถามที่ประตูเมือง แล้วตรวจค้นรถม้าของพวกองค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังที่ออกจากเมืองหลวงหลังจากที่หลิงซินหายตัวไปให้หมด!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ลู่หนานกำลังจะออกไปสั่งการองครักษ์คนอื่น ๆเซียวหลินเทียนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเรียกเขาไว้ พลางเอ่ย“ลู่หนาน เน้นตรวจสอบที่กวนอิ่งกับคนรอบตัวนางด้วย!”“แม้ว่าองค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังจักทำบางเรื่องที่น่ารังเกียจ
ฟ้าสว่างแล้วคนของตำหนักอ๋องอี้ออกค้นหาตลอดทั้งคืน แต่ก็ยังมิพบหลิงซินเป็นครั้งแรกที่เรือนบุหงาไร้เสียงหัวเราะ บนใบหน้าของทุกคนมีแต่ความหนักใจเดิมทีหลิงเยวี่ยจะไปจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วน แต่ยังหาหลิงซินมิพบ หลิงอวี๋จะวางใจปล่อยเขาออกไปได้เยี่ยงไร?นางจึงให้พี่น้องฉีเต๋อพาเขากลับเข้าไปเขียนอักษรกันในเรือนแม่นมลี่ไปทำอาหารเช้าให้ทุกคน เดิมทีหลิงอวี๋มิอยากให้นางทำ เตรียมไว้แล้วว่าจะให้คนซื้ออาหารจากข้างนอกมาแต่พอนึกถึงว่าบางทีการทำอะไรยุ่ง ๆ อาจทำให้แม่นมลี่หยุดคิดมากได้ จึงมิได้ห้ามนางกระทั่งแม่นมลี่เตรียมอาหารเช้าเสร็จ แม้ว่าทุกคนจะไม่รู้สึกอยากอาหาร แต่นึกถึงว่าแม่นมลี่เตรียมไว้แล้ว หากไม่กินคงจะรู้สึกผิดกับแม่นม จึงเดินไปที่โต๊ะด้วยกัน“พระชายา… มีคนส่งขนมกล่องหนึ่งมาให้พระชายาเจ้าค่ะ!”จู่ ๆ เสียงของแม่นางซุนที่อยู่ห้องครัวก็ดังมาจากข้างนอกหลิงอวี๋ลุกออกไปดูอย่างสับสนแม่นางซุนถือกล่องหนึ่งกล่อง ยิ้มพลางเอ่น “บ่าวเพิ่งไปจ่ายตลาดกลับมา เจอกับบุรุษผู้หนึ่งที่หน้าประตู เขาบอกว่าขนมนี้สำหรับพระชายาเจ้าค่ะ!”“เขามีธุระยุ่งอยู่ จึงให้บ่าวเอาเข้ามาให้พระชายาเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋
“อาจารย์!”น้ำตาของหลิงซวนร่วงหล่นลงมาเถาจื่อกับสุ่ยหลิงก็น้ำตาไหลอาบแก้มทันที เห็นแค่แวบแรกก็ทนมองเป็นครั้งที่สองไม่ไหวแล้ว“พระชายา พวกท่านอย่าเพิ่งร้องไห้เลย… บางทีนางอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้!”จ้าวซวนทั้งกังวลทั้งโกรธ แล้วก็ปลอบใจพวกเขาก่อนบนใบหน้าหลิงอวี๋ไร้น้ำตา มิใช่ว่ามิอยากร้องไห้ แต่เป็นเพราะร้องมิออกต่างหาก!ในใจนางมีเพียงความเคียดแค้นอย่างหนัก!กวนอิ่ง… เจ้ายั่วให้ข้าโกรธจริง ๆ แล้ว!หากครั้งนี้ข้ามิสับเจ้าเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ก็คงยากที่จะระบายความโกรธในใจของข้า!“ท่านแม่… นั่นคือพี่… หลิงซินใช่หรือไม่?”หลิงเยวี่ยผละออกจากมือของฉีเต๋อ ร้องไห้อยากเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องหลิงอวี๋ก้าวไปคุกเข่าลงกอดเขาไว้“เยวี่ยเยวี่ย นั่นมิใช่พี่หลิงซิน… นั่นคือสิ่งที่คนร้ายทำให้เรากลัว!”หลิงเยวี่ยอดทนต่อความเศร้าโศกพลางปลอบหลิงเยวี่ย “เยวี่ยเยวี่ยเด็กดี กลับห้องไปเขียนหนังสือกับพวกพี่ชายนะ… พวกผู้ใหญ่มีธุระต้องคุยกันสักหน่อย!”“มิใช่พี่หลิงซินจริง ๆ หรือขอรับ?”เพราะว่าหลิงเยวี่ยไม่รู้ความ เมื่อกี้ยังเห็นไม่ชัดว่าคืออะไรก็ถูกฉีป้าวปิดตาเอาไว้ก่อนแล้ว“เด็กโง่… พี่หลิงซินตั
“เจ้าดูเอาเองเถิด!”จูเผิงทนมิได้ที่จะพูด พลางหันไปด้านข้างด้วยความหดหู่“จดหมายอะไร?”แต่เซียวหลินเทียนรอมิไหว จึงเอ่ยถามไปตรง ๆลู่หนานส่งจดหมายให้เซียวหลินเทียนอย่างรวดเร็ว ส่วนตนก็เดินไปที่หน้ากล่องอย่างอยากรู้อยากเห็น พอมองปราดเดียว ลู่หนานก็เข้าใจว่าเหตุใดสีหน้าของทุกคนจึงดูเคร่งขรึมนักเซียวหลินเทียนหยิบจดหมายออกมา ในจดหมายนั้นเขียนไว้เพียงบรรทัดเดียว“หลิงซินอยู่ในทุ่งหญ้าตรงหัวสะพานของตระกูลกวน!”“จ้าวซวน!”ขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังจะให้จ้าวซวนอ่านจดหมายนี้ ก็มีองครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามา“ท่านอ๋อง มีข่าวจากทางพี่เฉาพ่ะย่ะค่ะ บอกว่าเห็นเลี่ยวซงหัวหน้าผู้คุ้มกันของกวนอิ่ง เขาเพิ่งเข้าไปในทุ่งหญ้าที่หัวสะพานของตระกูลกวนพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนมิสนใจแล้วว่าคนส่งจดหมายเป็นผู้ใด ข่าวทั้งสองเป็นการยืนยันความถูกต้องแล้ว“ไปที่หัวสะพานกันเถอะ! จูเผิง เจ้าไปหาแม่ทัพเฉิน! ให้เขาพาคนมาด้วย!”“พ่ะย่ะค่ะ!” จูเผิงรีบไปทันที“ข้าไปด้วย!” หลิงอวี๋ปิดกล่องแล้วยื่นให้หลิงซวนเอาไปด้วยนี่คือหลักฐานในการกระทำผิด!วันนี้นางจะต้องทวงความยุติธรรมให้กับหลิงซินให้ได้กระทั่งพวกเขามาถึง
ทันทีที่จ้าวซวนเห็นหลิงอวี๋เข้ามา ก็กลัวว่าเลี่ยวซงจะทำร้ายหลิงอวี๋ จึงตัดเอ็นที่มืออีกข้างของเลี่ยวซงไปเสียเลี่ยวซงส่งเสียง อดกลั้นไม่กรีดร้องออกมา“ข้าจักถามเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลิงซินอยู่ที่ใด?”คำพูดของหลิงอวี๋แทบจะลอดไรฟันออกมาเลี่ยวซงมองหลิงอวี๋อย่างเย็นชา แล้วหันไปด้านข้างพลางเอ่ยอย่างดูถูกเป็นอย่างมาก“ข้าเป็นคนขององค์ชายคัง หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องข้า องค์ชายคังไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลิงอวี๋หันไปมองผู้คุ้มกันที่ทรยศเลี่ยวซงเมื่อครู่นี้ “หลิงซินอยู่ที่ใด?”ผู้คุ้มกันมองไปที่เลี่ยวซงอย่างลังเล คำพูดของเลี่ยวซงทำให้ใจเขาเกิดความหวังริบหรี่ขอเพียงไม่บอกที่อยู่ของนางรับใช้ผู้นั้น แล้วยืนหยัดรอไปจนกว่าองค์ชายคังจะมา ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยใช่หรือไม่?หลิงอวี๋เห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ใบหน้าก็มืดมน พลางหยิบมีดผ่าตัดออกมาขณะที่ทุกคนยังมิได้สติ หลิงอวี๋ก็ก้าวไปคว้าหูของเลี่ยวซงไว้...ยกมีดขึ้นแล้วหูข้างหนึ่งของเลี่ยวซงก็ถูกหลิงอวี๋เฉือนออกมา เลือดสด ๆ ไหลอาบลงมาจากหูของเลี่ยวซงจนกระทั่งเห็นปลายมีดของหลิงอวี๋มีหูของตนอยู่ เลี่ยวซงถึงได้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเซียวหลินเทีย
องค์ชายสององค์ชายคังมาแล้วพวกหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนหันไปมอง เห็นองค์ชายคังพากวนอิ่งมาพร้อมกับพวกองครักษ์เมื่อศัตรูคู่อาฆาตมาเจอหน้ากัน หลิงอวี๋เกลียดเสียจนอยากจะพุ่งเข้าไปตัดหูของกวนอิ่งเสีย!ให้นางได้ลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานที่หลิงซินต้องเผชิญดูเสียบ้าง!พอเลี่ยวซงเห็นองค์ชายคังดวงตาของเขาก็เป็นประกาย พลางตะโกนอย่างรู้สึกผิด “องค์อาย… องค์อายอ้องอัดอิ๋นใอ้อะอ่อมอ่ะอ่ะอ่ะ (องค์ชาย… องค์ชายต้องตัดสินให้กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ)...”ลู่หนานทำให้ฟันของเขาร่วงไปหลายซี่ ตอนนี้จึงพูดไม่รู้เรื่องพอกวนอิ่งเห็นบนตัวของเลี่ยวซงเต็มไปด้วยเลือด ก็ตะโกนด้วยความโกรธ“เซียวหลินเทียน หลิงอวี๋ พวกเจ้ากล้ามาสร้างปัญหาที่โรงเลี้ยงม้าของข้าหรือ...”“องค์ชาย พวกเขามิได้เห็นองค์ชายอยู่ในสายตาเลยเพคะ!”องค์ชายคังเห็นสภาพน่าสังเวชของเลี่ยวซง ทั้งยังมีศพของผู้คุ้มกันทั้งสองอยู่บนพื้นอีก ใบหน้าของเขาก็มิพอใจขึ้นมาทันทีองค์ชายคังตะคอกด้วยความโกรธ “เซียวหลินเทียน ผู้ใดเป็นคนทำ? หากวันนี้ข้ามิได้ตัดมือมันผู้นั้น ก็อย่ามานับว่าข้าแซ่เซียวเลย!”เซียวหลินเทียนยิ้มเย็นชา พลางเอ่ยเสียงทุ้ม “เสด็จพี่ ก่อนที่เสด
กวนอิ่งเองก็คิดไม่ถึงว่าหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจะหาที่นี่เจอเร็วถึงเพียงนี้ตระกูลกวนของนางมีร้านค้าตั้งมากมาย หากรอให้พวกหลิงอวี๋ค้นหากันไปทีละแห่ง กว่าจะมาเจอที่นี่ซากกระดูกของหลิงซินก็คงหายไปแล้ว!คราวนี้นางโชคไม่ดีเลยจริง ๆ!แต่องค์ชายคังหมายความว่าอะไรกัน?เขาบอกว่าเขาโปรดปรานตนที่สุดมิใช่หรือ?เหตุใดเซียวหลินเทียนพูดเพียงไม่กี่ประโยคจึงเปลี่ยนทัศนคติของเขาได้เล่า? และคำพูดนี้ขององค์ชายคัง ก็คือเตรียมจะทิ้งเลี่ยวซงแล้วใช่หรือไม่?เดิมทีกวนอิ่งคิดว่าจะยืมอำนาจขององค์ชายคังมาปกป้องเลี่ยวซงไว้ แต่องค์ชายคังพูดเช่นนี้ กวนอิ่งก็รู้สึกหวั่นใจแล้ว“องค์ชาย เลี่ยวซง…”กวนอิ่งมิยอมแพ้ คิดจะขอความเมตตาให้เลี่ยวซง แต่เมื่อนางสบตาที่เป็นคำเตือนขององค์ชายคัง กวนอิ่งก็มิกล้าเอ่ยขอความเมตตาแล้วหากต้องทำสิ่งที่ส่งผลกระทบต่ออนาคตขององค์ชายคังเพื่อผู้คุ้มกันคนหนึ่ง เช่นนั้นองค์ชายคังไม่มีทางปล่อยตนไปแน่!“เลี่ยวซง… เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน!”กวนอิ่งเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นตะคอก “แม้ว่าข้ากับพระชายาอ๋องอี้มีความขัดแย้งกันเล็กน้อย เจ้าก็มิควรคิดระบายความโกรธแทนข้าแล้วไปหาเรื่องนางรั
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก