“ท่านอ๋อง กระหม่อมตรวจสอบแล้ว กวนอิ่งอาศัยอยู่ในเรือนที่เป็นสินสอดของจ้าวเจินเจินพ่ะย่ะค่ะ นางยังมีความขัดแย้งกับจ้าวเจินเจิน และยังเฆี่ยนตีคนในเรือนกับนางรับใช้ของจ้าวเจินเจินด้วย!”จ้าวซวนเอ่ยอย่างใจเย็น “การต่อสู้ระหว่างสตรีนั้นมิเหมือนกับดาบจริงระหว่างบุรุษพ่ะย่ะค่ะ...”“บางที พระชายาคังอาจกังวลว่าหากกวนอิ่งแต่งงานเข้ามาในตำหนักองค์ชายคังแล้วจะแย่งความเป็นที่โปรดปรานกับตน กลัวว่าจักควบคุมนางมิได้จึงวางแผนใส่ร้ายกวนอิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”“เช่นนั้นเหตุใดจึงเป็นข้าเล่า? หากจ้าวเจินเจินอยากใส่ร้ายกวนอิ่งก็แค่หาบุรุษใดก็ได้ให้นางก็ได้นี่!”เซียวหลินเทียนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสตรีที่เขาเคยรักมากจะผลักเขาไปหาสตรีอื่น!จ้าวซวนมองเซียวหลินเทียน พลางเอ่ยเบา ๆ “ท่านอ๋อง ลู่หนานบอกเรื่องที่หอริมธาราวันนั้นกับผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว...”“กระหม่อมได้แต่เดาว่าพระชายาคังกลัวว่าท่านอ๋องกับพระชายาอ๋องอี้จักเปิดโปงในสิ่งที่นางทำ ดังนั้นจึงรีบร้อนตีตัวออกหากจากท่านอ๋อง!”“ท่านอ๋องปราดเปรื่องและเป็นเทพสงคราม แต่มิได้มีประสบการณ์ในเรื่องระหว่างบุรุษสตรีนัก ท่านอ๋องมิเข้าใจหัวใจของสตรีนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได
พอจ้าวซวนพูดมาเช่นนั้นสีหน้าของเซียวหลินเทียนก็มืดมนความอับอายที่หลิงอวี๋นำมาให้ตนจะทิ้งมันลงเช่นนี้ได้หรือ?แต่จ้าวซวนพูดถูก ไม่ว่าเมื่อก่อนหลิงอวี๋จะทำผิดต่อตนเช่นไร นางก็ช่วยตนไว้สองครั้ง เช่นนั้นความแค้นทั้งหมดควรลบมันไปได้แล้ว!“ท่านอ๋อง… ท่านอ๋องกังวลว่าหากทำดีกับพระชายาแล้วนางจักได้คืบเอาศอกใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวซวนยิ้มขมขื่น “กระหม่อมรู้สึกว่า ท่านอ๋องมิจำเป็นต้องมีความกังวลเช่นนี้เลย!”เซียวหลินเทียนมองเขาอย่างสงสัยจ้าวซวนเอ่ยเสียงเบา “ท่านอ๋องโดนวางยาประเภทนั้น… เมื่อครู่ครั้นพระชายามา ท่านอ๋องก็กัดนางจนเจ็บตัว!”“หากพระชายายังมีความคิดเกินเลยกับท่านอ๋องอยู่ เช่นนั้นคงมิขัดขืนแล้วปล่อยเลยตามเลยไป… ก็จบแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่พระชายามิได้ทำเยี่ยงนั้น! กลับให้ยาแก้พิษแก่ท่านอ๋องแทน!”เซียวหลินเทียนหน้าแดงทันทีเขา… เขากัดหลิงอวี๋หรือ?“ท่านอ๋องพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมไปจัดการเรื่องต่าง ๆ เอง!”จ้าวซวนกลัวว่าเซียวหลินเทียนจะอาย จึงถอยออกไปอย่างรู้งานเซียวหลินเทียนรู้สึกอายมากจริง ๆ ทั้งยังโกรธอยู่เล็ก ๆ ด้วยหลิงอวี๋เห็นด้านที่น่าเกลียดของเขาจริง
วันนี้หลิงอวี๋ไปเปลี่ยนยาให้หลู่ชิ่งอีกครั้งจ้าวซวนมองอยู่ด้านข้าง พอเห็นหลิงอวี๋ตรวจเสร็จ เขาก็เอ่ยถามก่อนดื่ม“พระชายา นี่ก็หลายวันแล้ว! เหตุใดหลู่ชิ่งยังพูดมิได้อีกขอรับ?”หลิงอวี๋ก็รู้สึกว่ามันแปลกเช่นกัน อาการบาดเจ็บของหลู่ชิ่งฟื้นตัวได้ดี ครั้นเมื่อตนตรวจเขาดวงตาของเขายังมองตามมือของตนได้นี่เป็นการพิสูจน์ว่าสติปัญญาของหลู่ชิ่งมิได้รับผลกระทบใด ๆนางกำลังจะพูด แต่สายตาเหลือบไปเห็นชิวเฮ่าเดินอยู่ข้างนอกหลิงอวี๋ใจเต้น ส่ายหัวพลางเอ่ย “ข้ามิพบปัญหาใด ๆ ! มิรู้ว่าสิ่งใดส่งผลกระทบต่อเขา!”จ้าวซวนมองหลู่ชิ่ง ถอนหายใจพลางเอ่ย “หากเขามิหายดี ข้าก็ทำได้เพียงให้คนไปส่งเขากลับบ้านเกิดเท่านั้น!”“เขายังเยาว์นัก ครั้นมาพึ่งพิงข้ายังมีสุขภาพแข็งแรง... บัดนี้กลายเป็นเช่นนี้... ข้าไม่มีหน้าไปพบพ่อแม่ของเขาแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มมิเอ่ยสิ่งใด พลางก้มหน้าเก็บล่วมยาทันใดนั้น นางก็เห็นหลู่ชิ่งกะพริบตาให้ตนอย่างสิ้นหวังหลิงอวี๋มองอีกครั้ง หลู่ชิ่งก็ดูท่าทางบื้อ ๆ ไปอีกครั้งหลิงอวี๋เงยหน้าขึ้น ก็เห็นชิวเฮ่าเดินเข้ามา“พระชายาอ๋องอี้ หลู่ชิ่งมิสามารถฟื้นตัวได้แล้วจริงหรือขอรับ?”ชิวเฮ่าเอ
จ้าวซวนส่ายหัว “มิใช่เพราะเจ้าหรอก! พระชายามิสามารถช่วยหลู่ชิ่งได้จริง ๆ … เมื่อครู่นางบอกข้าว่านางพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว!”จ้าวซวนยิ้มขมขื่น “ชิวเฮ่า ขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้าดูแลหลู่ชิ่งในช่วงนี้! ช่วยข้าดูแลต่ออีกสักสองสามวัน รอบาดแผลเขาหายดี แล้วข้าจักส่งเขากลับบ้านเกิด!”“หืม… เหตุใดกะทันหันเช่นนี้เล่า?”ชิวเฮ่าขมวดคิ้ว หลิงอวี๋พูดอะไรกับจ้าวซวน?หรือว่าพวกเขาสงสัยตน?แต่เขาหยั่งเชิงไปหลายครั้งแล้ว ท่าทีของเซียวหลินเทียนที่มีต่อเขาไม่มีอะไรแปลกเลย!จ้าวซวนหยิบผ้าจากมือของชิวเฮ่าแล้วเช็ดร่างกายของหลู่ชิ่ง พลางเอ่ย“ไม่กะทันหันหรอก… ข้ามีแผนเช่นนี้มานานแล้ว! ยามนี้หลู่ชิ่งเป็นเช่นนี้… ต่อไปเขาก็มิสามารถรับใช้ท่านอ๋องได้แล้ว!”“หากเขาอยู่ในตำหนักอ๋องอี้ พวกเราก็ต้องดูแลเขา! เช่นนี้ทุกครั้งที่เห็นเขาคงทำให้ทุกคนอึดอัด!”“ส่งกลับไปบ้านเกิด… ภรรยาข้ากับพ่อแม่ของเขาก็สามารถดูแลเขาได้!”จ้าวซวนพูดไปก็หลั่งน้ำตาอย่างเศร้าหมอง“ข้ามิรู้จักอธิบายให้พ่อแม่ของเขาฟังเยี่ยงไร! แต่ข้าให้หลู่ชิ่งอยู่แบบนี้ตลอดไปมิได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาทุกคนก็จะรู้...”ชิวเฮ่ากลอกตาพลางเอ่ย “เช่นนั้นให้ข้าช
“คุณหนู วันนี้บ่าวไปส่งยาที่โรงเหยียนหลิงได้ยินข่าวซุบซิบด้วยเจ้าค่ะ!”วันนี้หลิงอวี๋กำลังเล่นถาดทราบอยู่กับหลิงเยวี่ย หลิงซินกับสุ่ยหลิงกลับมาแล้ว หลิงซินพุ่งเข้ามาหาหลิงอวี๋อย่างตื่นเต้นพลางเอ่ยหลิงอวี๋เหลือบมองนาง มิอยากให้หลิงเยวี่ยได้ยิน จึงลุกขึ้นไปล้างมือ ให้สุ่ยหลิงเล่นถาดทรายกับหลิงเยวี่ยต่อ“เรื่องซุบซิบกระไร?”หลิงซินเอ่ยอย่างตื่นเต้น “องค์ชายคังรับกวนอิ่งเข้าตำหนักแล้วเจ้าค่ะ!”“เมื่อวันที่เกิดเรื่องกับท่านอ๋อง… ได้ยินมาว่าองค์ชายคังพากวนอิ่งไปที่ตำหนักองค์ชายคัง พระชายาคังบอกว่าหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็มิยอมให้กวนอิ่งเข้า… แถมยังทิ้งชาที่กวนอิ่งยกมาทำความเคารพอีกด้วย!”“องค์ชายคังทนมิไหวตบพระชายาคังไป! พระชายาคังโกรธจึงกลับบ้านพ่อแม่ของนางไปเจ้าค่ะ!”“โอ้!” หลิงอวี๋ยิ้มเยาะจ้าวเจินเจินก็มีช่วงที่พ่ายแพ้เช่นกัน!หลิงซินยิ้มอย่างยินดี “อาจารย์ จ้าวเจินเจินมีความงดงามยิ่ง แต่สู้กับกวนอิ่งได้รอบเดียวก็พ่ายแพ้เสียแล้ว!”“ดูท่าทาง นางไม่มีสิ่งใดพิเศษเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ยิ้ม พลางเอ่ยอย่างมีความหมาย “อืม ดูเหมือนว่าครั้งแรกจ้าวเจินเจินก็แพ้แล้ว แต่ก็มิได้หมายความว่านางจักพ
หลิงอวี๋ได้ยินก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย “เถ้าแก่เซี่ยขายภัตตาคารที่เดียวไปสองครั้งรึ? เช่นนี้มิถูกต้องแล้ว! เสี่ยวหาวซื้อภัตตาคาร มิต้องไปขอเปลี่ยนโฉนดกับทางการหรือ?”โฉนดที่ดินไม่มีการเปลี่ยนแปลง เหตุใดเกิ่งเสี่ยวหาวถึงให้เงินไปก่อนอย่างสบายใจได้เล่า?เปียวจื่อยิ้มขมขื่น “โฉนดที่ดินเปลี่ยนแล้ว ยื่นทางการแล้ว! นายของข้าถึงให้เงินเขา!”“แต่วันนี้ เถ้าแก่จ้าวก็นำโฉนดที่ดินมาด้วย โฉนดที่ดินของพวกเขาก็ยื่นไปเช่นกัน อีกอย่างนายของข้าซื้อภัตตาคารเมื่อสองวันก่อน!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นทางการจดทะเบียนภัตตาคารที่เดิมสองครั้งได้เยี่ยงไร?”“คุณหนูใหญ่… นายของข้ามิได้รับความยุติธรรม… เจ้าหน้าที่ที่ยื่นเรื่องให้เขาก็หามิเจอแล้วด้วย!”“ทางการมิพบการยื่นเรื่องของภัตตาคารนายของข้า!”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว เกิ่งเสี่ยวหาวถูกหลอกเข้าแล้วมีคนวางกับดักเขา เกิ่งเสี่ยวหาวเองก็ตกหลุมพรางไปโดยไม่ระวังตัว!“รู้ว่าถูกหลอกแล้วก็ควรทบทวนตัวเอง! จะไปต่อสู้กับเขาได้เยี่ยงไรกัน?”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย“คุณหนูใหญ่… เรามิได้ลงมือก่อนนะขอรับ… ไม่สิ ก็นับว่าเราลงมือก่อน...”เปียวจื่อบ่นไม่รู้จบ “ก็เราเริ
“ประเดี๋ยวค่อยพูด! รีบช่วยคนเร็ว!”หลิงอวี๋รีบพาหลิงซวนไปตรวจผู้บาดเจ็บเหล่านั้น โชคดีที่ตรวจไปรอบหนึ่งแล้วไม่มีคนอันตรายถึงชีวิตมองขาดว่าคนของจ้าวเฉียงฮั๋วก็กลัวสถานการณ์ปะทุหนักขึ้นเช่นกัน จึงมิได้ลงมือเด็ดขาดหลิงอวี๋ช่วยรักษาแผลของผู้บาดเจ็บพลาง เอ่ยถามพลาง “แจ้งทางการหรือยัง?”“แจ้งแล้ว! แม้เจ้าเมืองซุนแห่งศาลาว่าการนครหลวงจะมาแล้ว แต่พวกเขาเพิ่งหยุดมือไป!”เกิ่งเสี่ยวหาวกล่าวเดือดดาล “ใต้เท้าซุนว่าโฉนดที่ดินของเถ้าแก่จ้าวคือของจริง พร้อมลงบันทึกไว้แล้ว หอริมธาราแห่งนี้เป็นของเถ้าแก่จ้าวเพียงผู้เดียว! ข้าแค่ต้องยอมรับความโชคร้ายของตัวข้าเอง!”“พวกเขาแค่ปกป้องขุนนางกันเอง มิกล้าล่วงเกินตระกูลจ้าว จึงเข้าข้างตระกูลจ้าว!”“ใต้เท้าซุนพูดอีกว่าพวกเราทำลายภัตตาคารของเถ้าแก่จ้าว ทำให้ข้าต้องชดใช้เถ้าแก่จ้าวด้วยเงินหนึ่งแสน… ใต้เท้าซุนบอกว่า หากวันพรุ่งเงินมิส่งถึงมือเถ้าแก่จ้าว จักปิดภัตตาคารจี๋เสียงของข้า!”หลิงอวี๋เห็นกำแพงของหอริมธาราถูกเกิ่งเสี่ยวหาวทุบแตกบางส่วน พลันกล่าวอย่างช่วยมิได้“ดูเหมือนว่าเจ้าจักคืนเงินชดใช้ไหวอยู่นะ!”ในเมื่อทางการยอมรับว่าหอริมธาราเป็นของเถ้าแก
“ข้ากำลังช่วยเจ้าสมมุติฐานว่าอาจเกิดอันใดขึ้น…”หลิงอวี๋กล่าวอย่างใจเย็น “ข้าขอถามเจ้า หากเจ้าแย้งข้าชนะเจ้าก็ไปฟ้อง! แต่หากมิชนะเจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้า!”“ถึงท่านถาม! ข้าก็มิเชื่อว่าบนแผ่นดินนี้จักไร้ซึ่งความยุติธรรม!”เกิ่งเสี่ยวหาวกล่าวเคืองขุ่น“ดี สมมติว่าข้าคือเถ้าแก่เซี่ย แล้วเจ้าว่าข้าสมคบคิดกับจ้าวเฉียงฮั๋ว…”“เช่นนั้นข้าจักบอกว่า เจ้าบังคับข้าขายหอริมธาราให้เจ้า พอข้ามิขายเจ้าจึงมีใจโกรธแค้น แล้วใส่ไคล้ข้า!”“เกิ่งเสี่ยวหาว เจ้าจักแก้ตัวเช่นไร?”เกิ่งเสี่ยวหาวตะลึงตาค้างกะทันหัน ความคิดของเขามิซับซ้อน แถมยังมิเคยประสบเรื่องไร้สัจจะเช่นนี้มาก่อน!“เสี่ยวหาว… นี่ยังง่ายนัก… หากจ้าวเฉียงฮั๋วหมายคิดร้ายกับเจ้าจริง ๆ อาจอ้างว่าเจ้าปลอมแปลงโฉนดที่ดินกับหนังสือทางการ…”เมื่อหลิงอวี๋พูดถึงจุดนี้ หัวใจก็สั่นสะท้านพลางถาม “หนังสือราชการล่ะ? เจ้าเมืองซุนได้อ่านหนังสือราชการหรือยัง? หนังสือเป็นของจริงหรือไม่?”เกิ่งเสี่ยวหาวตอบเคียดแค้น “เจ้าเมืองซุนเอาหนังสือราชการไปแล้ว เขาอ้างว่าเป็นของปลอม! เกรงว่าหากอยู่ในมือข้าข้าจักนำไปหลอกคนอื่น จึงยึดไปแล้ว!”หลิงอวี๋มองค้อนใส่เกิ่งเสี่ย
สิ่งที่เถาจื่อคิดได้ จงเจิ้งเฟยก็คิดได้เช่นกัน นางห้ามมิให้เถาจื่อพูดต่อก็เพราะกังวลว่าหลิงอวี๋จะกลัวหากเป็นเช่นนี้ยังมิทันได้เริ่มการประลอง ขวัญกำลังใจของหลิงอวี๋คงได้ตกต่ำลงไปก่อนแล้วถึงอย่างไรการประลองครั้งนี้ก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นนั้นก็พูดให้น้อยลงหลิงอวี๋จะได้กังวลน้อยลงกลุ่มพวกนางจึงล้อมรอบหลิงอวี๋ไว้แล้วเดินไปทางหอปรุงโอสถหอปรุงโอสถมีคนเบียดเสียดกันจนเต็มพื้นที่ มิเพียงแต่คนของหอปรุงโอสถเท่านั้นที่มาชม แต่คนของหออื่น ๆ ก็มากันทั้งหมดเป็นดังที่เย่หรงคาดเอาไว้ พ่อแม่ของเหมียวหยางก็มาเช่นกัน ทั้งยังใช้เกี้ยวแบกเหมียวหยางเข้ามาด้วยเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มาแล้วเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าก็ด่าทอขึ้นมา“สิงอวี๋ เหตุใดเจ้าจึงโหดร้ายเช่นนี้ เจ้าดูเสีย เจ้าทำให้ศิษย์พี่ของข้าทรมานจนเป็นอย่างไรไปแล้ว?”“ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยไปหมด มีไข้สูงอยู่ตลอด ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วเจ้าก็ยังมิยอมให้ยาแก้พิษแก่เขา จิตใจช่างชั่วร้ายนัก!”เกี้ยวที่เหมียวหยางนั่งอยู่เปิดม่านขึ้น เขาเอนตัวนั่งพิง ตุ่มน้ำที่เต็มใบหน้านั้นก็เน่าเปื่อยจนมองมิเห็นถึงสภาพในอดีตแล้วฮูหยินเหมียวอยู
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาและกำลังคิดว่าจะไปทำอาหารเช้า แต่ไป๋อวี้ดันวิ่งออกมาพร้อมรอยยิ้มแล้วก็เอ่ยขึ้นมา “แม่นางสิง มิต้องทำอาหารเช้าแล้ว ท่านหญิงบอกว่านางจะส่งอาหารเช้ามาให้!”เป็นดังที่คาด ไป๋อวี้ยังพูดมิทันจบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วไป๋อวี้จึงวิ่งไปเปิดประตู และเมื่อหลิงอวี๋เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ตกตะลึงไปมิเพียงแต่หลงเพ่ยเพ่ยเท่านั้นที่มา เหลยเหวิน จงเจิ้งเฟย อู่เถาและคนอื่น ๆ ล้วนมากันทั้งหมด“ศิษย์พี่หญิง พวกเรามากินอาหารเช้ากับเจ้า กินเสร็จแล้วเราก็ไปสำนักศึกษาชิงหลงด้วยกันเลยเถิด!”พวกเหลยเหวินพากันเดินเข้าไปพร้อมกับกล่องอาหารเรื่องการประลองพวกนางมิสามารถช่วยหลิงอวี๋ได้ พวกนางจึงใช้วิธีนี้เพื่อบอกกับหลิงอวี๋ว่านางมิได้ตัวคนเดียวหลิงอวี๋เผยยิ้มเล็กน้อย นางรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนักนางมิได้ตัวคนเดียว นางยังมีสหาย!“สิงอวี๋ ข้าซื้ออาหารเช้าจากภัตตาคารที่ดังที่สุดในเมืองหลวงแดนเทพมาให้เจ้าทั้งหมดเลย รับน้ำใจไว้เถิด กินให้มาก ๆ นะ!”หลงเพ่ยเพ่ยเองก็จัดเตรียมอาหารเช้าออกมาอย่างกระตือรือร้นไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องการประลอง แล้วก็แย่งกันส่งชามและตะเกียบให้หลิง
หา!เย่ซื่อฝานตกตะลึง ตกใจกับคำพูดของท่านผู้เฒ่าเย่จนพูดมิออกหลิงอวี๋ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่หัวใจกลับสงบลงทันทีเจ้าวังเทียนจีก็คืออาจารย์ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หลงอิงและแม้กระทั่งเฉียวเค่อ จุดประสงค์ในการลงจากภูเขาของพวกเขามิแน่ว่าจะมาเพื่อช่วยไป่หลี่ไห่!พวกเขามาเพื่อหลิงอวี๋ต่างหาก!แต่หลิงอวี๋ก็คือตนเอง!สิ่งนี้ไป ๆ มา ๆ ก็ล้วนมาเพื่อจัดการกับตนกันทั้งนั้น ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือตอนนี้พวกเขายังมิรู้ว่าเป้าหมายที่พวกเขาต้องการจัดการนั้นคือคนคนเดียวกัน!ส่วนทางท่านผู้เฒ่าเย่ เนื่องจากความสัมพันธ์ของหลงอิงและจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าคนของวังเทียนจีมาเพื่อช่วยเหลือไป่หลี่ไห่“ใต้หล้านี้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เหตุใดจึงเต็มไปด้วยคนที่ไร้ยางอายมากถึงเพียงนี้!”ท่านผู้เฒ่าเย่ทั้งกังวลทั้งโกรธ ต่อหน้าหลิงอวี๋มิอาจพูดออกไปได้ ทว่าก็แอบบ่นอยู่ในใจนี่สวรรค์ต้องการทำลายตระกูลเย่หรือไร?“ท่านพ่อ ท่านบอกว่าเชิญคนมาเพื่อดูแลเรื่องความยุติธรรมมิใช่หรือ?”เย่ซื่อฝานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความหวัง“ข้าไปเชิญแล้วแต่เขามิอยู่ ข้าจึงทิ้งข้อความไว้ หากเขาได้รับข้อความ วันพรุ่งเขาก็คงจะมา!
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อคิดได้ว่าหลิงอวี๋อาจจะเข้าร่วมในเรื่องนี้ เผยอวี้กับฉินซานก็ล้วนมิรู้สึกว่าจะมีอะไรผิดปกติแม้ว่าหลิงอวี๋จะสูญเสียความทรงจำไป แต่นางก็มิได้สูญเสียความมีเหตุผล ความฉลาดและความใจดีไปด้วย ในเมื่อนางสนับสนุนเย่หรง เช่นนั้นพวกเขาก็จะเห็นแก่นางและช่วยเย่หรงเช่นกันเซียวหลินเทียนก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เรื่องที่หลิงอวี๋ทำล้วนมีเหตุผลของนาง หากนางเข้าร่วมแผนการแหกคุกของเย่หรง เช่นนั้นเขาก็ต้องปกป้องคนเหล่านี้ให้ปลอดภัย“ให้สือหรงไปทำความเข้าใจการจัดการคุกน้ำที่สระเก้ามังกรมาให้ละเอียด การประลองของหลิงอวี๋กับไป่หลี่ไห่ในวันมะรืนนี้จะต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน… ข้ารู้สึกว่าหลิงอวี๋จะมิอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพอีกต่อไปแล้ว!”“ก่อนที่นางจะไป นางจะต้องคิดวิธีช่วยเย่หรงช่วยท่านแม่ของเขาออกมาเป็นแน่ พวกเราจะปล่อยให้นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมิได้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้และฉินซานต่างรู้สึกได้ว่าพายุใกล้เข้ามาแล้ว การประลองครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งที่จะตัดสินว่า พวกเขาจะไปหรือจะอยู่ จะรอดหรือจะตายหลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว เซียวหลินเทียนก็ตกสู่ห้ว
ฉินซานรู้สึกสนใจขึ้นมา “หืม มีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ด้วยหรือ หลังจากนี้หากมีโอกาสก็แนะนำให้ข้ารู้สึกหน่อยสิ!”เซียวหลินเทียนต้องการคนที่มีความสามารถในเมืองหลวงแดนเทพจำนวนมาก หากมีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ แล้วแนะนำให้เขา เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ“วันหลังเจ้าก็จะได้พบกับนาง!”เย่หรงยังคงต้องการความช่วยเหลือจากฉินซานเรื่องช่วยท่านแม่ ถึงเวลานั้นค่อยแนะนำเสี่ยวชีให้เขารู้จักทั้งสองคนคุยเรื่องรายละเอียดกันอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ แล้วพวกเขาก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปดำเนินการฉินซานกลับไปที่คฤหาสน์อู่ และบอกเรื่องความคิดของเย่หรงให้เซียวหลินเทียนกับเผยอวี้ฟังเผยอวี้กำหมัดชกมืออีกข้างหนึ่งของตนอย่างตื่นเต้น แล้วตะโกนขึ้นมา “สวรรค์… หากเย่หรงผู้นี้มิไปเป็นโจรก็ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!”“มีความกล้าหาญมีกลอุบาย ทั้งยังคิดแผนการได้เหนือความคาดหมายเช่นนี้ หากทำมิสำเร็จก็คงจะรู้สึกผิดต่อเขาแล้ว!”ความสนใจของเซียวหลินเทียนอยู่ที่ประโยคสุดท้ายที่ฉินซานกับเย่หรงคุยกัน“เย่หรงบอกว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจจากคนผู้หนึ่งมาหรือ?”ฉินซานพยักหน้าอย่างมิรู้ตัว “เขาบอกเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”มุมปากของเ
เย่หรงยิ่งคิดก็ยิ่งสนใจ ฉินซานสามารถบอกความลับเรื่องการปล้นให้ตนฟังได้ หากว่าตนช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย เช่นนั้นก็จะเป็นการสร้างพันธมิตรโดยปริยาย“ข้าต้องการแค่สองส่วนเท่านั้น!”เย่หรงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ส่วนอีกสองส่วน ก็ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนที่ข้าให้พวกท่านล่วงหน้า!”“พี่อู่ ข้าก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ต้องการให้พวกท่านช่วยเช่นกัน จัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อนแล้วข้าค่อยบอกท่านก็แล้วกัน!”เมื่อฉินซานเห็นว่าเย่หรงตกลง เขาก็เอ่ยออกไปทันที "พี่หรงเต็มใจที่จะช่วยพวกเรา หากท่านมีความยากลำบากใด พวกเราก็จะช่วยโดยมิลังเลเช่นกัน!”“เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้ จัดการเรื่องนี้ก่อนค่อยว่ากัน!”“วันมะรืนคือวันที่เสี่ยวชีกับไป่หลี่ไห่จะประลองกัน พี่หรง ตระกูลเหมียวกำลังเตรียมเงินที่จะมอบให้ไป่หลี่ไห่ พวกเราต้องลงมือชิงมาก่อนที่ตระกูลเหมียวจะส่งเงินให้ไป่หลี่ไห่!”“มิเช่นนั้นหากเงินไปที่บ้านของไป่หลี่ไห่แล้วจะยุ่งยากเอาได้!”สมองของเย่หรงก็ครุ่นคิดเช่นกันฉินซานพูดถูก ตระกูลเหมียวบรรจุเงินลงกล่องแล้วแต่ยังมิได้ขนย้ายไป เวลานี้คือโอกาสในการปล้นที่ดีที่สุดหากส่งไปถึ
ก่อนการประลองจะสิ้นสุดลง?ฉินซานกับเผยอวี้ได้ยินคำพูดของเซียวหลินเทียนแล้วก็มองหน้ากันไปมาเผยอวี้อยากจะร้องไห้มิใช่เพราะเซียวหลินเทียนให้เวลาพวกเขาน้อยเกินไปหรอก!แต่ว่า ในฐานะที่เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น เขาจะต้องตกต่ำจนกลายเป็นโจรปล้นทรัพย์หรือ?ฝ่าบาท นี่คือการลงโทษที่พวกเราประมาทจนทำให้สิงจั๋วถูกแก้แค้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?ฉินซานมิได้ “อ่อนไหว” ดังเช่นเผยอวี้ เมื่อเขาได้รับบัญชาจากเซียวหลินเทียนมา สมองของเขาก็ครุ่นคิดในทันทีมีเวลาเพียงแค่หนึ่งวันกว่าเท่านั้น จะไปชิงทรัพย์สินของตระกูลเหมียวมาโดยที่มิถูกจับได้ได้อย่างไร?ฉินซานมิได้รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนกำลังลงโทษพวกเขา เขาเข้าใจว่าคำสั่งของเซียวหลินเทียนเป็นการระบายความโกรธแทนหลิงอวี๋และสิงจั๋วแต่ฉินซานและเผยอวี้ต่างก็เป็นแม่ทัพของราชสำนัก พวกเขามิเคยทำเรื่องการปล้นมาก่อน พวกเขาจึงมิรู้ว่าจะเริ่มลงมือจากที่ใดทั้งสองคนอับจนหนทาง คิดแผนไว้สองสามแผนแต่ก็รู้สึกว่ามิเหมาะสมสักแผนแล้วจู่ ๆ ฉินซานก็นึกถึงเย่หรงขึ้นมา ช่วงนี้เย่หรงกำลังคิดวิธีหาเงินอยู่ ฉินซานมีสัญชาตญาณบางอย่างว่าเย่หรงจะต้องกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่
วันนี้ทั้งวันที่สำนักศึกษาชิงหลงต่างก็พูดกันว่า สิงอวี๋จากหอปรุงโอสถจะประลองวิชาพิษกับไป่หลี่ไห่สำหรับการประลองนี้ มีข่าวลือต่าง ๆ นานาที่เล่าต่อกันไปทั่วมีข่าวลือบางส่วนบอกว่า สิงอวี๋มิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อาศัยว่ามีความสามารถในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรที่แข็งแกร่งแล้วไปท้าทายอำนาจของไป่หลี่ไห่เมื่อบัณฑิตจากหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ทั้งสองชั้นเรียนได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็ตั้งตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกันทันที แล้วก็เริ่มด่าทอกันขึ้นมาในสำนักย่อยบัณฑิตของหอโอสถซ่างกู่ด่าทอไป่หลี่ไห่ว่าไร้ยางอาย เป็นผู้ใหญ่มารังแกเด็กถึงอย่างไรสิงอวี๋ก็เป็นบัณฑิตใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียนได้มิถึงเดือน ส่วนไป่หลี่ไห่เป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว การที่ปรมาจารย์ท้าประลองกับศิษย์น้อยนั้น ต่อให้ชนะก็ดูมิสง่างามหรอกเหลยเหวินและจงเจิ้งเฟยก็โกรธมากเช่นกัน ทั้งสองคนรู้เรื่องที่สิงจั๋วพี่ชายของสิงอวี๋ถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้วเหลยเหวินจึงเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้าธารกำนัล แล้วนางก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “ปรมาจารย์ไป่หลี่มิรู้หรือว่าศิษย์ของตนมีนิสัยอย่างไร? หากมิใช่เพราะเหมียวหยางไปทำลายบ้านของศิษย์พี่ห
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ