“ท่านอ๋อง กระหม่อมตรวจสอบแล้ว กวนอิ่งอาศัยอยู่ในเรือนที่เป็นสินสอดของจ้าวเจินเจินพ่ะย่ะค่ะ นางยังมีความขัดแย้งกับจ้าวเจินเจิน และยังเฆี่ยนตีคนในเรือนกับนางรับใช้ของจ้าวเจินเจินด้วย!”จ้าวซวนเอ่ยอย่างใจเย็น “การต่อสู้ระหว่างสตรีนั้นมิเหมือนกับดาบจริงระหว่างบุรุษพ่ะย่ะค่ะ...”“บางที พระชายาคังอาจกังวลว่าหากกวนอิ่งแต่งงานเข้ามาในตำหนักองค์ชายคังแล้วจะแย่งความเป็นที่โปรดปรานกับตน กลัวว่าจักควบคุมนางมิได้จึงวางแผนใส่ร้ายกวนอิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”“เช่นนั้นเหตุใดจึงเป็นข้าเล่า? หากจ้าวเจินเจินอยากใส่ร้ายกวนอิ่งก็แค่หาบุรุษใดก็ได้ให้นางก็ได้นี่!”เซียวหลินเทียนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสตรีที่เขาเคยรักมากจะผลักเขาไปหาสตรีอื่น!จ้าวซวนมองเซียวหลินเทียน พลางเอ่ยเบา ๆ “ท่านอ๋อง ลู่หนานบอกเรื่องที่หอริมธาราวันนั้นกับผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว...”“กระหม่อมได้แต่เดาว่าพระชายาคังกลัวว่าท่านอ๋องกับพระชายาอ๋องอี้จักเปิดโปงในสิ่งที่นางทำ ดังนั้นจึงรีบร้อนตีตัวออกหากจากท่านอ๋อง!”“ท่านอ๋องปราดเปรื่องและเป็นเทพสงคราม แต่มิได้มีประสบการณ์ในเรื่องระหว่างบุรุษสตรีนัก ท่านอ๋องมิเข้าใจหัวใจของสตรีนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได
พอจ้าวซวนพูดมาเช่นนั้นสีหน้าของเซียวหลินเทียนก็มืดมนความอับอายที่หลิงอวี๋นำมาให้ตนจะทิ้งมันลงเช่นนี้ได้หรือ?แต่จ้าวซวนพูดถูก ไม่ว่าเมื่อก่อนหลิงอวี๋จะทำผิดต่อตนเช่นไร นางก็ช่วยตนไว้สองครั้ง เช่นนั้นความแค้นทั้งหมดควรลบมันไปได้แล้ว!“ท่านอ๋อง… ท่านอ๋องกังวลว่าหากทำดีกับพระชายาแล้วนางจักได้คืบเอาศอกใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวซวนยิ้มขมขื่น “กระหม่อมรู้สึกว่า ท่านอ๋องมิจำเป็นต้องมีความกังวลเช่นนี้เลย!”เซียวหลินเทียนมองเขาอย่างสงสัยจ้าวซวนเอ่ยเสียงเบา “ท่านอ๋องโดนวางยาประเภทนั้น… เมื่อครู่ครั้นพระชายามา ท่านอ๋องก็กัดนางจนเจ็บตัว!”“หากพระชายายังมีความคิดเกินเลยกับท่านอ๋องอยู่ เช่นนั้นคงมิขัดขืนแล้วปล่อยเลยตามเลยไป… ก็จบแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่พระชายามิได้ทำเยี่ยงนั้น! กลับให้ยาแก้พิษแก่ท่านอ๋องแทน!”เซียวหลินเทียนหน้าแดงทันทีเขา… เขากัดหลิงอวี๋หรือ?“ท่านอ๋องพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมไปจัดการเรื่องต่าง ๆ เอง!”จ้าวซวนกลัวว่าเซียวหลินเทียนจะอาย จึงถอยออกไปอย่างรู้งานเซียวหลินเทียนรู้สึกอายมากจริง ๆ ทั้งยังโกรธอยู่เล็ก ๆ ด้วยหลิงอวี๋เห็นด้านที่น่าเกลียดของเขาจริง
วันนี้หลิงอวี๋ไปเปลี่ยนยาให้หลู่ชิ่งอีกครั้งจ้าวซวนมองอยู่ด้านข้าง พอเห็นหลิงอวี๋ตรวจเสร็จ เขาก็เอ่ยถามก่อนดื่ม“พระชายา นี่ก็หลายวันแล้ว! เหตุใดหลู่ชิ่งยังพูดมิได้อีกขอรับ?”หลิงอวี๋ก็รู้สึกว่ามันแปลกเช่นกัน อาการบาดเจ็บของหลู่ชิ่งฟื้นตัวได้ดี ครั้นเมื่อตนตรวจเขาดวงตาของเขายังมองตามมือของตนได้นี่เป็นการพิสูจน์ว่าสติปัญญาของหลู่ชิ่งมิได้รับผลกระทบใด ๆนางกำลังจะพูด แต่สายตาเหลือบไปเห็นชิวเฮ่าเดินอยู่ข้างนอกหลิงอวี๋ใจเต้น ส่ายหัวพลางเอ่ย “ข้ามิพบปัญหาใด ๆ ! มิรู้ว่าสิ่งใดส่งผลกระทบต่อเขา!”จ้าวซวนมองหลู่ชิ่ง ถอนหายใจพลางเอ่ย “หากเขามิหายดี ข้าก็ทำได้เพียงให้คนไปส่งเขากลับบ้านเกิดเท่านั้น!”“เขายังเยาว์นัก ครั้นมาพึ่งพิงข้ายังมีสุขภาพแข็งแรง... บัดนี้กลายเป็นเช่นนี้... ข้าไม่มีหน้าไปพบพ่อแม่ของเขาแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มมิเอ่ยสิ่งใด พลางก้มหน้าเก็บล่วมยาทันใดนั้น นางก็เห็นหลู่ชิ่งกะพริบตาให้ตนอย่างสิ้นหวังหลิงอวี๋มองอีกครั้ง หลู่ชิ่งก็ดูท่าทางบื้อ ๆ ไปอีกครั้งหลิงอวี๋เงยหน้าขึ้น ก็เห็นชิวเฮ่าเดินเข้ามา“พระชายาอ๋องอี้ หลู่ชิ่งมิสามารถฟื้นตัวได้แล้วจริงหรือขอรับ?”ชิวเฮ่าเอ
จ้าวซวนส่ายหัว “มิใช่เพราะเจ้าหรอก! พระชายามิสามารถช่วยหลู่ชิ่งได้จริง ๆ … เมื่อครู่นางบอกข้าว่านางพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว!”จ้าวซวนยิ้มขมขื่น “ชิวเฮ่า ขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้าดูแลหลู่ชิ่งในช่วงนี้! ช่วยข้าดูแลต่ออีกสักสองสามวัน รอบาดแผลเขาหายดี แล้วข้าจักส่งเขากลับบ้านเกิด!”“หืม… เหตุใดกะทันหันเช่นนี้เล่า?”ชิวเฮ่าขมวดคิ้ว หลิงอวี๋พูดอะไรกับจ้าวซวน?หรือว่าพวกเขาสงสัยตน?แต่เขาหยั่งเชิงไปหลายครั้งแล้ว ท่าทีของเซียวหลินเทียนที่มีต่อเขาไม่มีอะไรแปลกเลย!จ้าวซวนหยิบผ้าจากมือของชิวเฮ่าแล้วเช็ดร่างกายของหลู่ชิ่ง พลางเอ่ย“ไม่กะทันหันหรอก… ข้ามีแผนเช่นนี้มานานแล้ว! ยามนี้หลู่ชิ่งเป็นเช่นนี้… ต่อไปเขาก็มิสามารถรับใช้ท่านอ๋องได้แล้ว!”“หากเขาอยู่ในตำหนักอ๋องอี้ พวกเราก็ต้องดูแลเขา! เช่นนี้ทุกครั้งที่เห็นเขาคงทำให้ทุกคนอึดอัด!”“ส่งกลับไปบ้านเกิด… ภรรยาข้ากับพ่อแม่ของเขาก็สามารถดูแลเขาได้!”จ้าวซวนพูดไปก็หลั่งน้ำตาอย่างเศร้าหมอง“ข้ามิรู้จักอธิบายให้พ่อแม่ของเขาฟังเยี่ยงไร! แต่ข้าให้หลู่ชิ่งอยู่แบบนี้ตลอดไปมิได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาทุกคนก็จะรู้...”ชิวเฮ่ากลอกตาพลางเอ่ย “เช่นนั้นให้ข้าช
“คุณหนู วันนี้บ่าวไปส่งยาที่โรงเหยียนหลิงได้ยินข่าวซุบซิบด้วยเจ้าค่ะ!”วันนี้หลิงอวี๋กำลังเล่นถาดทราบอยู่กับหลิงเยวี่ย หลิงซินกับสุ่ยหลิงกลับมาแล้ว หลิงซินพุ่งเข้ามาหาหลิงอวี๋อย่างตื่นเต้นพลางเอ่ยหลิงอวี๋เหลือบมองนาง มิอยากให้หลิงเยวี่ยได้ยิน จึงลุกขึ้นไปล้างมือ ให้สุ่ยหลิงเล่นถาดทรายกับหลิงเยวี่ยต่อ“เรื่องซุบซิบกระไร?”หลิงซินเอ่ยอย่างตื่นเต้น “องค์ชายคังรับกวนอิ่งเข้าตำหนักแล้วเจ้าค่ะ!”“เมื่อวันที่เกิดเรื่องกับท่านอ๋อง… ได้ยินมาว่าองค์ชายคังพากวนอิ่งไปที่ตำหนักองค์ชายคัง พระชายาคังบอกว่าหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็มิยอมให้กวนอิ่งเข้า… แถมยังทิ้งชาที่กวนอิ่งยกมาทำความเคารพอีกด้วย!”“องค์ชายคังทนมิไหวตบพระชายาคังไป! พระชายาคังโกรธจึงกลับบ้านพ่อแม่ของนางไปเจ้าค่ะ!”“โอ้!” หลิงอวี๋ยิ้มเยาะจ้าวเจินเจินก็มีช่วงที่พ่ายแพ้เช่นกัน!หลิงซินยิ้มอย่างยินดี “อาจารย์ จ้าวเจินเจินมีความงดงามยิ่ง แต่สู้กับกวนอิ่งได้รอบเดียวก็พ่ายแพ้เสียแล้ว!”“ดูท่าทาง นางไม่มีสิ่งใดพิเศษเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ยิ้ม พลางเอ่ยอย่างมีความหมาย “อืม ดูเหมือนว่าครั้งแรกจ้าวเจินเจินก็แพ้แล้ว แต่ก็มิได้หมายความว่านางจักพ
หลิงอวี๋ได้ยินก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย “เถ้าแก่เซี่ยขายภัตตาคารที่เดียวไปสองครั้งรึ? เช่นนี้มิถูกต้องแล้ว! เสี่ยวหาวซื้อภัตตาคาร มิต้องไปขอเปลี่ยนโฉนดกับทางการหรือ?”โฉนดที่ดินไม่มีการเปลี่ยนแปลง เหตุใดเกิ่งเสี่ยวหาวถึงให้เงินไปก่อนอย่างสบายใจได้เล่า?เปียวจื่อยิ้มขมขื่น “โฉนดที่ดินเปลี่ยนแล้ว ยื่นทางการแล้ว! นายของข้าถึงให้เงินเขา!”“แต่วันนี้ เถ้าแก่จ้าวก็นำโฉนดที่ดินมาด้วย โฉนดที่ดินของพวกเขาก็ยื่นไปเช่นกัน อีกอย่างนายของข้าซื้อภัตตาคารเมื่อสองวันก่อน!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นทางการจดทะเบียนภัตตาคารที่เดิมสองครั้งได้เยี่ยงไร?”“คุณหนูใหญ่… นายของข้ามิได้รับความยุติธรรม… เจ้าหน้าที่ที่ยื่นเรื่องให้เขาก็หามิเจอแล้วด้วย!”“ทางการมิพบการยื่นเรื่องของภัตตาคารนายของข้า!”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว เกิ่งเสี่ยวหาวถูกหลอกเข้าแล้วมีคนวางกับดักเขา เกิ่งเสี่ยวหาวเองก็ตกหลุมพรางไปโดยไม่ระวังตัว!“รู้ว่าถูกหลอกแล้วก็ควรทบทวนตัวเอง! จะไปต่อสู้กับเขาได้เยี่ยงไรกัน?”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย“คุณหนูใหญ่… เรามิได้ลงมือก่อนนะขอรับ… ไม่สิ ก็นับว่าเราลงมือก่อน...”เปียวจื่อบ่นไม่รู้จบ “ก็เราเริ
“ประเดี๋ยวค่อยพูด! รีบช่วยคนเร็ว!”หลิงอวี๋รีบพาหลิงซวนไปตรวจผู้บาดเจ็บเหล่านั้น โชคดีที่ตรวจไปรอบหนึ่งแล้วไม่มีคนอันตรายถึงชีวิตมองขาดว่าคนของจ้าวเฉียงฮั๋วก็กลัวสถานการณ์ปะทุหนักขึ้นเช่นกัน จึงมิได้ลงมือเด็ดขาดหลิงอวี๋ช่วยรักษาแผลของผู้บาดเจ็บพลาง เอ่ยถามพลาง “แจ้งทางการหรือยัง?”“แจ้งแล้ว! แม้เจ้าเมืองซุนแห่งศาลาว่าการนครหลวงจะมาแล้ว แต่พวกเขาเพิ่งหยุดมือไป!”เกิ่งเสี่ยวหาวกล่าวเดือดดาล “ใต้เท้าซุนว่าโฉนดที่ดินของเถ้าแก่จ้าวคือของจริง พร้อมลงบันทึกไว้แล้ว หอริมธาราแห่งนี้เป็นของเถ้าแก่จ้าวเพียงผู้เดียว! ข้าแค่ต้องยอมรับความโชคร้ายของตัวข้าเอง!”“พวกเขาแค่ปกป้องขุนนางกันเอง มิกล้าล่วงเกินตระกูลจ้าว จึงเข้าข้างตระกูลจ้าว!”“ใต้เท้าซุนพูดอีกว่าพวกเราทำลายภัตตาคารของเถ้าแก่จ้าว ทำให้ข้าต้องชดใช้เถ้าแก่จ้าวด้วยเงินหนึ่งแสน… ใต้เท้าซุนบอกว่า หากวันพรุ่งเงินมิส่งถึงมือเถ้าแก่จ้าว จักปิดภัตตาคารจี๋เสียงของข้า!”หลิงอวี๋เห็นกำแพงของหอริมธาราถูกเกิ่งเสี่ยวหาวทุบแตกบางส่วน พลันกล่าวอย่างช่วยมิได้“ดูเหมือนว่าเจ้าจักคืนเงินชดใช้ไหวอยู่นะ!”ในเมื่อทางการยอมรับว่าหอริมธาราเป็นของเถ้าแก
“ข้ากำลังช่วยเจ้าสมมุติฐานว่าอาจเกิดอันใดขึ้น…”หลิงอวี๋กล่าวอย่างใจเย็น “ข้าขอถามเจ้า หากเจ้าแย้งข้าชนะเจ้าก็ไปฟ้อง! แต่หากมิชนะเจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้า!”“ถึงท่านถาม! ข้าก็มิเชื่อว่าบนแผ่นดินนี้จักไร้ซึ่งความยุติธรรม!”เกิ่งเสี่ยวหาวกล่าวเคืองขุ่น“ดี สมมติว่าข้าคือเถ้าแก่เซี่ย แล้วเจ้าว่าข้าสมคบคิดกับจ้าวเฉียงฮั๋ว…”“เช่นนั้นข้าจักบอกว่า เจ้าบังคับข้าขายหอริมธาราให้เจ้า พอข้ามิขายเจ้าจึงมีใจโกรธแค้น แล้วใส่ไคล้ข้า!”“เกิ่งเสี่ยวหาว เจ้าจักแก้ตัวเช่นไร?”เกิ่งเสี่ยวหาวตะลึงตาค้างกะทันหัน ความคิดของเขามิซับซ้อน แถมยังมิเคยประสบเรื่องไร้สัจจะเช่นนี้มาก่อน!“เสี่ยวหาว… นี่ยังง่ายนัก… หากจ้าวเฉียงฮั๋วหมายคิดร้ายกับเจ้าจริง ๆ อาจอ้างว่าเจ้าปลอมแปลงโฉนดที่ดินกับหนังสือทางการ…”เมื่อหลิงอวี๋พูดถึงจุดนี้ หัวใจก็สั่นสะท้านพลางถาม “หนังสือราชการล่ะ? เจ้าเมืองซุนได้อ่านหนังสือราชการหรือยัง? หนังสือเป็นของจริงหรือไม่?”เกิ่งเสี่ยวหาวตอบเคียดแค้น “เจ้าเมืองซุนเอาหนังสือราชการไปแล้ว เขาอ้างว่าเป็นของปลอม! เกรงว่าหากอยู่ในมือข้าข้าจักนำไปหลอกคนอื่น จึงยึดไปแล้ว!”หลิงอวี๋มองค้อนใส่เกิ่งเสี่ย