อาการบาดเจ็บภายในเช่นนี้ก็ดูไม่เหมือนถูกทุบตีเลย!หรือว่าจะทำร้ายตัวเอง? หรือมีอุบัติเหตุอื่น?หลิงอวี๋คิดไม่ออกว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นจึงลุกขึ้นยืนพวกเขาจะเป็นเช่นไรก็มิได้เกี่ยวอะไรกับนาง นางมารักษาเซียวหลินเทียนก็เพราะเห็นแก่จ้าวซวน!เซียวหลินเทียนพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุใดนางต้องกังวลแทนเขาด้วยว่าผู้ใดเป็นคนวางแผนจัดการเขา?หลิงอวี๋เบ้ปากอย่างยินดี หึ สมน้ำหน้า!เซียวหลินเทียนควรจะได้ดื่มด่ำรสชาติของการถูกคนที่ไว้ใจมากที่สุดวางแผนร้ายใส่เสียบ้าง!เพื่อเลี่ยงให้บุรุษผู้นี้คิดว่าใต้หล้านี้มีเพียงแค่จ้าวเจินเจินที่เป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุด!ในใจเขา หลิงอวี๋เป็นสตรีเลวทรามตลอดไป!หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว จึงหยิบล่วมยาของตนขึ้นมาแล้วเดินออกไป“พระชายา… ท่านอ๋องเป็นเยี่ยงไรบ้างขอรับ?”จ้าวซวนก้าวไปหาอย่างร้อนใจยังไม่ทันที่หลิงอวี๋จะพูดอะไร ดวงตาที่เฉียบคมของหลิงซวนก็เห็นอาการบาดเจ็บบนใบหน้าของหลิงอวี๋ จึงกรีดร้องด้วยความโกรธขึ้นมา“อาจารย์ อ๋องบัดซบนั่นตีท่านหรือ? บัดซบ… ท่านมาช่วยเขา เขาก็ยังกล้าตีท่านอีก! ข้าจะจัดการให้ท่านเอง…”หลิงซวนพุ่งเข้าไปข้า
“ท่านอ๋อง กระหม่อมตรวจสอบแล้ว กวนอิ่งอาศัยอยู่ในเรือนที่เป็นสินสอดของจ้าวเจินเจินพ่ะย่ะค่ะ นางยังมีความขัดแย้งกับจ้าวเจินเจิน และยังเฆี่ยนตีคนในเรือนกับนางรับใช้ของจ้าวเจินเจินด้วย!”จ้าวซวนเอ่ยอย่างใจเย็น “การต่อสู้ระหว่างสตรีนั้นมิเหมือนกับดาบจริงระหว่างบุรุษพ่ะย่ะค่ะ...”“บางที พระชายาคังอาจกังวลว่าหากกวนอิ่งแต่งงานเข้ามาในตำหนักองค์ชายคังแล้วจะแย่งความเป็นที่โปรดปรานกับตน กลัวว่าจักควบคุมนางมิได้จึงวางแผนใส่ร้ายกวนอิ่งพ่ะย่ะค่ะ!”“เช่นนั้นเหตุใดจึงเป็นข้าเล่า? หากจ้าวเจินเจินอยากใส่ร้ายกวนอิ่งก็แค่หาบุรุษใดก็ได้ให้นางก็ได้นี่!”เซียวหลินเทียนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสตรีที่เขาเคยรักมากจะผลักเขาไปหาสตรีอื่น!จ้าวซวนมองเซียวหลินเทียน พลางเอ่ยเบา ๆ “ท่านอ๋อง ลู่หนานบอกเรื่องที่หอริมธาราวันนั้นกับผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว...”“กระหม่อมได้แต่เดาว่าพระชายาคังกลัวว่าท่านอ๋องกับพระชายาอ๋องอี้จักเปิดโปงในสิ่งที่นางทำ ดังนั้นจึงรีบร้อนตีตัวออกหากจากท่านอ๋อง!”“ท่านอ๋องปราดเปรื่องและเป็นเทพสงคราม แต่มิได้มีประสบการณ์ในเรื่องระหว่างบุรุษสตรีนัก ท่านอ๋องมิเข้าใจหัวใจของสตรีนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได
พอจ้าวซวนพูดมาเช่นนั้นสีหน้าของเซียวหลินเทียนก็มืดมนความอับอายที่หลิงอวี๋นำมาให้ตนจะทิ้งมันลงเช่นนี้ได้หรือ?แต่จ้าวซวนพูดถูก ไม่ว่าเมื่อก่อนหลิงอวี๋จะทำผิดต่อตนเช่นไร นางก็ช่วยตนไว้สองครั้ง เช่นนั้นความแค้นทั้งหมดควรลบมันไปได้แล้ว!“ท่านอ๋อง… ท่านอ๋องกังวลว่าหากทำดีกับพระชายาแล้วนางจักได้คืบเอาศอกใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวซวนยิ้มขมขื่น “กระหม่อมรู้สึกว่า ท่านอ๋องมิจำเป็นต้องมีความกังวลเช่นนี้เลย!”เซียวหลินเทียนมองเขาอย่างสงสัยจ้าวซวนเอ่ยเสียงเบา “ท่านอ๋องโดนวางยาประเภทนั้น… เมื่อครู่ครั้นพระชายามา ท่านอ๋องก็กัดนางจนเจ็บตัว!”“หากพระชายายังมีความคิดเกินเลยกับท่านอ๋องอยู่ เช่นนั้นคงมิขัดขืนแล้วปล่อยเลยตามเลยไป… ก็จบแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่พระชายามิได้ทำเยี่ยงนั้น! กลับให้ยาแก้พิษแก่ท่านอ๋องแทน!”เซียวหลินเทียนหน้าแดงทันทีเขา… เขากัดหลิงอวี๋หรือ?“ท่านอ๋องพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมไปจัดการเรื่องต่าง ๆ เอง!”จ้าวซวนกลัวว่าเซียวหลินเทียนจะอาย จึงถอยออกไปอย่างรู้งานเซียวหลินเทียนรู้สึกอายมากจริง ๆ ทั้งยังโกรธอยู่เล็ก ๆ ด้วยหลิงอวี๋เห็นด้านที่น่าเกลียดของเขาจริง
วันนี้หลิงอวี๋ไปเปลี่ยนยาให้หลู่ชิ่งอีกครั้งจ้าวซวนมองอยู่ด้านข้าง พอเห็นหลิงอวี๋ตรวจเสร็จ เขาก็เอ่ยถามก่อนดื่ม“พระชายา นี่ก็หลายวันแล้ว! เหตุใดหลู่ชิ่งยังพูดมิได้อีกขอรับ?”หลิงอวี๋ก็รู้สึกว่ามันแปลกเช่นกัน อาการบาดเจ็บของหลู่ชิ่งฟื้นตัวได้ดี ครั้นเมื่อตนตรวจเขาดวงตาของเขายังมองตามมือของตนได้นี่เป็นการพิสูจน์ว่าสติปัญญาของหลู่ชิ่งมิได้รับผลกระทบใด ๆนางกำลังจะพูด แต่สายตาเหลือบไปเห็นชิวเฮ่าเดินอยู่ข้างนอกหลิงอวี๋ใจเต้น ส่ายหัวพลางเอ่ย “ข้ามิพบปัญหาใด ๆ ! มิรู้ว่าสิ่งใดส่งผลกระทบต่อเขา!”จ้าวซวนมองหลู่ชิ่ง ถอนหายใจพลางเอ่ย “หากเขามิหายดี ข้าก็ทำได้เพียงให้คนไปส่งเขากลับบ้านเกิดเท่านั้น!”“เขายังเยาว์นัก ครั้นมาพึ่งพิงข้ายังมีสุขภาพแข็งแรง... บัดนี้กลายเป็นเช่นนี้... ข้าไม่มีหน้าไปพบพ่อแม่ของเขาแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มมิเอ่ยสิ่งใด พลางก้มหน้าเก็บล่วมยาทันใดนั้น นางก็เห็นหลู่ชิ่งกะพริบตาให้ตนอย่างสิ้นหวังหลิงอวี๋มองอีกครั้ง หลู่ชิ่งก็ดูท่าทางบื้อ ๆ ไปอีกครั้งหลิงอวี๋เงยหน้าขึ้น ก็เห็นชิวเฮ่าเดินเข้ามา“พระชายาอ๋องอี้ หลู่ชิ่งมิสามารถฟื้นตัวได้แล้วจริงหรือขอรับ?”ชิวเฮ่าเอ
จ้าวซวนส่ายหัว “มิใช่เพราะเจ้าหรอก! พระชายามิสามารถช่วยหลู่ชิ่งได้จริง ๆ … เมื่อครู่นางบอกข้าว่านางพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว!”จ้าวซวนยิ้มขมขื่น “ชิวเฮ่า ขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้าดูแลหลู่ชิ่งในช่วงนี้! ช่วยข้าดูแลต่ออีกสักสองสามวัน รอบาดแผลเขาหายดี แล้วข้าจักส่งเขากลับบ้านเกิด!”“หืม… เหตุใดกะทันหันเช่นนี้เล่า?”ชิวเฮ่าขมวดคิ้ว หลิงอวี๋พูดอะไรกับจ้าวซวน?หรือว่าพวกเขาสงสัยตน?แต่เขาหยั่งเชิงไปหลายครั้งแล้ว ท่าทีของเซียวหลินเทียนที่มีต่อเขาไม่มีอะไรแปลกเลย!จ้าวซวนหยิบผ้าจากมือของชิวเฮ่าแล้วเช็ดร่างกายของหลู่ชิ่ง พลางเอ่ย“ไม่กะทันหันหรอก… ข้ามีแผนเช่นนี้มานานแล้ว! ยามนี้หลู่ชิ่งเป็นเช่นนี้… ต่อไปเขาก็มิสามารถรับใช้ท่านอ๋องได้แล้ว!”“หากเขาอยู่ในตำหนักอ๋องอี้ พวกเราก็ต้องดูแลเขา! เช่นนี้ทุกครั้งที่เห็นเขาคงทำให้ทุกคนอึดอัด!”“ส่งกลับไปบ้านเกิด… ภรรยาข้ากับพ่อแม่ของเขาก็สามารถดูแลเขาได้!”จ้าวซวนพูดไปก็หลั่งน้ำตาอย่างเศร้าหมอง“ข้ามิรู้จักอธิบายให้พ่อแม่ของเขาฟังเยี่ยงไร! แต่ข้าให้หลู่ชิ่งอยู่แบบนี้ตลอดไปมิได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาทุกคนก็จะรู้...”ชิวเฮ่ากลอกตาพลางเอ่ย “เช่นนั้นให้ข้าช
“คุณหนู วันนี้บ่าวไปส่งยาที่โรงเหยียนหลิงได้ยินข่าวซุบซิบด้วยเจ้าค่ะ!”วันนี้หลิงอวี๋กำลังเล่นถาดทราบอยู่กับหลิงเยวี่ย หลิงซินกับสุ่ยหลิงกลับมาแล้ว หลิงซินพุ่งเข้ามาหาหลิงอวี๋อย่างตื่นเต้นพลางเอ่ยหลิงอวี๋เหลือบมองนาง มิอยากให้หลิงเยวี่ยได้ยิน จึงลุกขึ้นไปล้างมือ ให้สุ่ยหลิงเล่นถาดทรายกับหลิงเยวี่ยต่อ“เรื่องซุบซิบกระไร?”หลิงซินเอ่ยอย่างตื่นเต้น “องค์ชายคังรับกวนอิ่งเข้าตำหนักแล้วเจ้าค่ะ!”“เมื่อวันที่เกิดเรื่องกับท่านอ๋อง… ได้ยินมาว่าองค์ชายคังพากวนอิ่งไปที่ตำหนักองค์ชายคัง พระชายาคังบอกว่าหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็มิยอมให้กวนอิ่งเข้า… แถมยังทิ้งชาที่กวนอิ่งยกมาทำความเคารพอีกด้วย!”“องค์ชายคังทนมิไหวตบพระชายาคังไป! พระชายาคังโกรธจึงกลับบ้านพ่อแม่ของนางไปเจ้าค่ะ!”“โอ้!” หลิงอวี๋ยิ้มเยาะจ้าวเจินเจินก็มีช่วงที่พ่ายแพ้เช่นกัน!หลิงซินยิ้มอย่างยินดี “อาจารย์ จ้าวเจินเจินมีความงดงามยิ่ง แต่สู้กับกวนอิ่งได้รอบเดียวก็พ่ายแพ้เสียแล้ว!”“ดูท่าทาง นางไม่มีสิ่งใดพิเศษเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ยิ้ม พลางเอ่ยอย่างมีความหมาย “อืม ดูเหมือนว่าครั้งแรกจ้าวเจินเจินก็แพ้แล้ว แต่ก็มิได้หมายความว่านางจักพ
หลิงอวี๋ได้ยินก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย “เถ้าแก่เซี่ยขายภัตตาคารที่เดียวไปสองครั้งรึ? เช่นนี้มิถูกต้องแล้ว! เสี่ยวหาวซื้อภัตตาคาร มิต้องไปขอเปลี่ยนโฉนดกับทางการหรือ?”โฉนดที่ดินไม่มีการเปลี่ยนแปลง เหตุใดเกิ่งเสี่ยวหาวถึงให้เงินไปก่อนอย่างสบายใจได้เล่า?เปียวจื่อยิ้มขมขื่น “โฉนดที่ดินเปลี่ยนแล้ว ยื่นทางการแล้ว! นายของข้าถึงให้เงินเขา!”“แต่วันนี้ เถ้าแก่จ้าวก็นำโฉนดที่ดินมาด้วย โฉนดที่ดินของพวกเขาก็ยื่นไปเช่นกัน อีกอย่างนายของข้าซื้อภัตตาคารเมื่อสองวันก่อน!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นทางการจดทะเบียนภัตตาคารที่เดิมสองครั้งได้เยี่ยงไร?”“คุณหนูใหญ่… นายของข้ามิได้รับความยุติธรรม… เจ้าหน้าที่ที่ยื่นเรื่องให้เขาก็หามิเจอแล้วด้วย!”“ทางการมิพบการยื่นเรื่องของภัตตาคารนายของข้า!”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว เกิ่งเสี่ยวหาวถูกหลอกเข้าแล้วมีคนวางกับดักเขา เกิ่งเสี่ยวหาวเองก็ตกหลุมพรางไปโดยไม่ระวังตัว!“รู้ว่าถูกหลอกแล้วก็ควรทบทวนตัวเอง! จะไปต่อสู้กับเขาได้เยี่ยงไรกัน?”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย“คุณหนูใหญ่… เรามิได้ลงมือก่อนนะขอรับ… ไม่สิ ก็นับว่าเราลงมือก่อน...”เปียวจื่อบ่นไม่รู้จบ “ก็เราเริ
“ประเดี๋ยวค่อยพูด! รีบช่วยคนเร็ว!”หลิงอวี๋รีบพาหลิงซวนไปตรวจผู้บาดเจ็บเหล่านั้น โชคดีที่ตรวจไปรอบหนึ่งแล้วไม่มีคนอันตรายถึงชีวิตมองขาดว่าคนของจ้าวเฉียงฮั๋วก็กลัวสถานการณ์ปะทุหนักขึ้นเช่นกัน จึงมิได้ลงมือเด็ดขาดหลิงอวี๋ช่วยรักษาแผลของผู้บาดเจ็บพลาง เอ่ยถามพลาง “แจ้งทางการหรือยัง?”“แจ้งแล้ว! แม้เจ้าเมืองซุนแห่งศาลาว่าการนครหลวงจะมาแล้ว แต่พวกเขาเพิ่งหยุดมือไป!”เกิ่งเสี่ยวหาวกล่าวเดือดดาล “ใต้เท้าซุนว่าโฉนดที่ดินของเถ้าแก่จ้าวคือของจริง พร้อมลงบันทึกไว้แล้ว หอริมธาราแห่งนี้เป็นของเถ้าแก่จ้าวเพียงผู้เดียว! ข้าแค่ต้องยอมรับความโชคร้ายของตัวข้าเอง!”“พวกเขาแค่ปกป้องขุนนางกันเอง มิกล้าล่วงเกินตระกูลจ้าว จึงเข้าข้างตระกูลจ้าว!”“ใต้เท้าซุนพูดอีกว่าพวกเราทำลายภัตตาคารของเถ้าแก่จ้าว ทำให้ข้าต้องชดใช้เถ้าแก่จ้าวด้วยเงินหนึ่งแสน… ใต้เท้าซุนบอกว่า หากวันพรุ่งเงินมิส่งถึงมือเถ้าแก่จ้าว จักปิดภัตตาคารจี๋เสียงของข้า!”หลิงอวี๋เห็นกำแพงของหอริมธาราถูกเกิ่งเสี่ยวหาวทุบแตกบางส่วน พลันกล่าวอย่างช่วยมิได้“ดูเหมือนว่าเจ้าจักคืนเงินชดใช้ไหวอยู่นะ!”ในเมื่อทางการยอมรับว่าหอริมธาราเป็นของเถ้าแก
“ท่านเจ้าวัง บ่าวเป็นอะไรหรือเพคะ? เหตุใดท่านจึงมองบ่าวเช่นนี้?”หลิงอวี๋ค่อนข้างกังวล จึงซักถามออกไปโดยมิรู้ตัวหวงฝู่หลินเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าตั้งครรภ์ เกือบจะสองเดือนแล้ว เจ้ามิรู้หรือ?”ตั้งครรภ์?ราวกับฟ้าผ่าลงที่หัวของหลิงอวี๋ตอนกลางวันแสก ๆ นางตกใจจนตะลึงไป นางตั้งครรภ์หรือ?เช่นนั้นพ่อของลูกคือใคร?บุรุษที่ใส่ชุดจักรพรรดิสีเหลืองสดใสผู้นั้นแวบเข้ามาในหัวทันทีจะเป็นเขาหรือไม่?สีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก มิรู้ว่าควรจะพูดอะไรหวงฝู่หลินมองท่าทีงุนงงของนางแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “คาดว่าคนที่ปิดผนึกเจ้าก็มิรู้เช่นกันว่าเจ้าตั้งครรภ์ เข็มเงินที่ปักมาที่เจ้าเหล่านี้จะจำกัดการเจริญเติบโตของเด็ก!”“เด็กผู้นี้เจ้าเก็บไว้มิได้แล้ว แม้ว่าจะโชคดีสามารถเจริญเติบโตได้ แต่เกิดมาแล้วก็อาจจะมีผลกระทบทางด้านสติปัญญาหรือไม่ก็ทางร่างกาย!”คำพูดนี้ของหวงฝู่หลินเป็นการโจมตีที่ยิ่งใหญ่เท่ากับที่เขาบอกหลิงอวี๋ว่าตั้งครรภ์นางยังมิทันได้รู้สึกดีใจกับเรื่องที่ตนตั้งครรภ์ก็ถูกการประกาศว่าเด็กอาจจะพิการตีเข้าที่หัวอย่างจังหลิงอวี๋มิรู้ว่าตนรู้สึกอย่างไร นี่เหมือนกับเพิ่งจะมอบภูเข
ประโยคเดียวของหลิงอวี๋ทำเอาหวงฝู่หลินชะงักจนพูดมิออกไปเลยเขามองหลิงอวี๋อย่างแปลกใจเมื่อพิจารณาคำพูดของหลิงอวี๋โดยละเอียดแล้ว มันเต็มไปด้วยปรัชญาและความหมายที่ลึกซึ้ง!คำพูดนี้ของหลิงอวี๋มิเพียงแต่ชี้ให้เห็นว่านางถูกขังอยู่ในวังเทพนี้ แม้ว่าจะนั่งอยู่ทองกองเท่าภูเขาแต่ก็มิได้มีความสุขทั้งยังอาศัยเรื่องนี้บอกกับหวงฝู่หลินเป็นนัย ๆ ด้วยว่า… นี่คือเครื่องรางปกป้องชีวิตของนาง!นอกเสียจากว่า หวงฝู่หลินจะรับปากว่าจะปล่อยนางลงจากภูเขาไป มิเช่นนั้นให้ตายนางก็ไม่มีทางส่งตำรับยาให้!ตอนนี้หวงฝู่หลินเชื่อแล้วว่าหลิงอวี๋มิได้หวั่นไหวกับของล้ำค่าจริง ๆ!สตรีผู้นี้ฉลาดเกินไป นางมองเห็นข้อเสียเปรียบของนางได้อย่างชัดเจน และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์ต่อตนแม้ว่าหวงฝู่หลินจะเติบโตอยู่ในวังเทพมาตั้งแต่เด็ก แต่เพราะว่ามิสบายจึงต้องลงเขาไปหายาหาหมออยู่บ่อย ๆใต้หล้านี้เขาจึงเคยได้ติดต่อกับสตรีอยู่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นคนธรรมดามิได้โดดเด่น และดูเรียบ ๆ มิได้มีอะไรแปลกใหม่ เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับสตรีที่ฉลาดเช่นหลิงอวี๋หวงฝู่หลินเก็บความดูถูกที่มีต่อหลิงอวี๋ไป แล
เกี๊ยววางอยู่นานจนเย็นแล้ว หลิงอวี๋จึงยกกลับไปอุ่นร้อนแล้วยกออกมาใหม่หวงฝู่หมิงจูตักสองสามชิ้นให้หวงฝู่หลินด้วยตนเอง หวงฝู่หลินที่เลือกกินเมื่อชิมแล้วก็รู้สึกว่ารสชาติดีความเป็นศัตรูที่เขามีต่อหลิงอวี๋ลดน้อยลง กระทั่งกินเสร็จแล้วพาหวงฝู่หมิงจูออกไปเดินเล่นกลับมา หวงฝู่หลินก็ให้หลิงอวี๋อยู่ก่อนตามลำพัง ในใจของหลิงอวี๋คิดไปมากมาย เจ้าวังผู้นี้วางแผนจะเอาคืนในภายหลังหรืออย่างไร?นางมองหวงฝู่หลินแล้วยื่นมือไปถอดสร้อยข้อมือโมราออกส่งคืนไปพลางเอ่ย“ท่านเจ้าวัง บ่าวรู้ว่าท่านรับบ่าวเป็นน้องสาวบุญธรรมนั้นเป็นการพูดให้เจ้าวังน้อยฟังเฉย ๆ อาอวี๋มิกล้าหวังสูง มิได้ถือเป็นจริงเพคะ!”“สร้อยข้อมือนี้ขอคืนให้ท่าน อาอวี๋มีเพียงเรื่องเดียวที่อยากขอร้อง หากวันใดที่เจ้าวังน้อยทำใจยอมรับได้ที่อาอวี๋จะต้องจากไป ก็ขอให้ท่านเจ้าวังปล่อยให้อาอวี๋ลงจากภูเขาไปด้วยเถิดเพคะ!”สตรีผู้นี้รู้ว่าสิ่งใดควรมิควร!เมื่อหวงฝู่หลินได้ยินคำพูดนี้ก็ลดความระวังที่มีต่อหลิงอวี๋ลงเล็กน้อยเขามองสร้อยข้อมือแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ของที่ข้ามอบให้แล้วข้ามิรับคืน!”“คำขอของเจ้าข้าตกลง ส่วนสร้อยข้อมือนี้ถือว่าเป็นการขอบคุ
หลิงอวี๋รู้ว่าเรื่องที่หวงฝู่หลินบอกจะรับตนเป็นนางสาวบุญธรรมนั้นถือเป็นจริงมิได้ นี่เป็นเพียงข้ออ้างที่หวงฝู่หลินทำเพื่อปลอบใจหวงฝู่หมิงจูเท่านั้นหลิงอวี๋ชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย จากนั้นก็พยักหน้าแบบฝืน ๆหากมิรับปากก็ตาย!นางรู้ว่าวันนี้คงจะไปมิได้แล้ว เช่นนั้นก็รับปากไปก่อนก็แล้วกัน!หวงฝู่หมิงจูหยุดร้องไห้แล้วยิ้ม ดิ้นลงมาจากอ้อมแขนของหวงฝู่หลินแล้วจูงมือของหลิงอวี๋พลางเอ่ยอย่างเป็นมิตร “พี่อาอวี๋ เช่นนั้นต่อไปข้าต้องเรียกเจ้าว่าท่านอาอาอวี๋ใช่หรือไม่?”“ท่านพ่อ ท่านรับน้องสาวมาแล้ว มิให้ของกำนัลท่านอาหรือเพคะ?”หวงฝู่หมิงจูเอียงหัวช่วยหลิงอวี๋ขอของกำนัลจากหวงฝู่หลิน“มิต้องเพคะ ๆ...”หลิงอวี๋รีบพูดด้วยความลนลาน นางหรือจะกล้าเอาของกำนัลจากเจ้าวังผู้ดุร้ายราวกับปีศาจที่แค่สายตาก็สามารถสังหารคนได้ผู้นี้!แต่หวงฝู่หลินกลับมองมาด้วยสายตาที่มีความหมายลึกซึ้ง เขาควักเอาสร้อยข้อมือหินโมราสีแดงออกมาสองเส้นสร้อยข้อมือเส้นใหญ่หนึ่งเส้นและเล็กหนึ่งเส้น โมรานั้นมีสีแดงสดมาก มองแล้วดูมูลค่าสูงทีเดียวท่านน้าหลินเห็นเช่นนั้นแล้วก็ตะลึง เมื่อเห็นว่าหวงฝู่หลินส่งสร้อยข้อมือเส้นใหญ่ให
“พี่อาอวี๋ เจ้าไปแล้วใครจะเล่นกับข้า? ใครจะดูแลข้า?”“พี่อาอวี๋ เจ้ายังเล่านิทานมิจบเลย! ข้ายังอยากฟังเจ้าเล่านิทานอีก!”คำเรียกพี่อาอวี๋ก็ออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก ทำอะไรมิถูกนางเองก็ทำใจจากหวงฝู่หมิงจูมิได้เช่นกัน แต่วังเทพแห่งนี้มิใช่ที่ที่นางควรอยู่ นางยังต้องไปตามหาน้องสาวของตน!“พี่… อาอวี๋… อย่าไป!”หวงฝู่หมิงจูร้องไห้อย่างใจสลาย น้ำเสียงก็ขาด ๆ หาย ๆ กอดขาหลิงอวี๋ไว้แน่นมิยอมปล่อยมือหวงฝู่หลินทั้งปวดใจทั้งอิจฉา ตนเลี้ยงดูหวงฝู่หมิงจูเติบโตมา หวงฝู่หมิงจูล้วนไม่มีใจที่จะสนใจผู้ใด เมื่อใดกันที่สนใจคนคนหนึ่งถึงเพียงนี้!ท่านน้าหลินเองก็สีหน้ามิสู้ดีเช่นกัน นางก้าวไปข้างหน้าและพยายามดึงหวงฝู่หมิงจูออกพลางเตือนอย่างแสร้งทำดี“หมิงจู เจ้าได้ยินที่อาอวี๋บอกว่านางต้องไปตามหาน้องสาวแล้วหรือไม่? น้องสาวของนางเป็นญาติของนาง เจ้าให้นางไปตามหาน้องสาวนางเถิด!”“ท่านออกไป!”หวงฝู่หมิงจูหันหน้าไปมองท่านน้าหลินด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แล้วตะโกนอย่างมิพอใจอย่างมาก “สตรีสารเลว เป็นเพราะท่านจะตีพี่อาอวี๋จึงบีบให้นางต้องไป!”“ท่านออกไปเสีย ที่นี่มิใช่บ้านของท่าน ข้ามิต้
“ผู้ใดกล้าตีพี่อาอวี๋”“ก็ต้องตีข้าด้วย!”หวงฝู่หมิงจูตะคอกใส่ท่านน้าหลินอย่างโมโห “ข้ายินดีให้พี่อาอวี๋ดูแลข้า… ข้าแค่มิต้อนรับแขกเช่นท่าน!”“ท่านไปเสียเถิด! ข้ามิอยากให้ท่านมาเป็นแขกของตำหนักรุ่ยจู! ข้ามิยินดีให้ท่านกินเกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำ!”“พวกเจ้าหากผู้ใดกล้ารังแกพี่อาอวี๋ก็คือการรังแกข้า!”“ท่านพ่อ หากท่านกล้าให้พวกนางตีพี่อาอวี๋ ข้าเองก็มิต้องการท่านแล้ว ท่านออกไปพร้อมกับพวกนางเลย!”“ฮือ ๆ ถึงอย่างไรท่านก็มิค่อนอยู่บ้านอยู่แล้ว ข้าถูกรังแกท่านก็มิสนใจ ข้ามีพี่อาอวี๋ก็เพียงพอแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูพูดแล้วก็หันไปกอดขาของหลิงอวี๋ไว้แล้วร้องไห้ออกมายกใหญ่ท่าทีเช่นนี้ของหวงฝู่หมิงจูทำเอาท่านน้าหลินไปมิเป็น สีหน้าของนางก็ดูแย่ลงอย่างกระอักกระอ่วนหวงฝู่หลินจึงรีบเอ่ยอย่างปวดใจ “หมิงจูอย่าร้องนะ พ่อมิได้บอกว่าจะตีอาอวี๋ เจ้าอย่าได้โกรธเลย! ระวังโกรธแล้วจะเสียสุขภาพเอาได้!”เขาเดินเข้าไปจะปลอบใจหวงฝู่หมิงจู แต่หวงฝู่หมิงจูมิไว้หน้าเขา ซุกหัวอยู่กับขาของหลิงอวี๋แล้วร้องไห้ต่อหลิงอวี๋หมดคำพูด แม้ว่าหวงฝู่หมิงจูจะกำลังร้องได้ แต่อาอวี๋รู้จักนางดี เด็กน้อยผู้นี้ร้องไห้จริงเสียที่ไห
“พี่อาอวี๋ นี่มานี่สิ!”หวงฝู่หมิงจูเห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ด้านข้างจึงวิ่งไปดึงนางมา“ท่านพ่อ เกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำอร่อยนะเพคะ เป็นเกี๊ยวที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกินมาเลย!”“แล้วนางก็ทำอาหารอร่อย ๆ ได้หลากหลายด้วยเพคะ...”“อีกทั้งพี่อาอวี๋ก็เล่านิทานได้ นางเล่าเรื่องผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าได้สุดยอดไปเลย!”หวงฝู่หมิงจูพูดชื่นชมหลิงอวี๋ให้หวงฝู่หลินฟังอย่างตื่นเต้นหวงฝู่หลินยังมิได้มีท่าทีใด ๆ สำหรับเขาแล้วการที่ทาสทำดีกับหวงฝู่หมิงจูก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วแต่สีหน้าของท่านน้าหลินดูแย่อย่างถึงที่สุด หวงฝู่หมิงจูเอาแต่พูดว่าหลิงอวี๋ดีอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นหวงฝู่หมิงจูชมใครเช่นนี้ปกติแล้วตนดูแลหวงฝู่หมิงจูเป็นอย่างดี ซื้ออาหารซื้ออาภรณ์ให้นาง แต่ก็มิเห็นหวงฝู่หมิงจูจะชมตนเช่นนี้เลยดังนั้น แม้ว่าหลิงอวี๋จะมีรอยแผลอยู่เต็มหน้า ท่านน้าหลินก็ระวังตัวขึ้นมาในทันทีหวงฝู่หลินเป็นหมอชั้นเซียน รอยแผลบนในหน้าของหลิงอวี๋นั้น ขอเพียงหวงฝู่หลินอยากจะรักษาก็สามารถสกัดยาออกมาให้หลิงอวี๋ฟื้นคืนใบหน้าได้สตรีผู้นี้เก็บไว้มิได้แล้ว!“หมิงจู พ่อรู้แล้ว พ่อจะขอบคุณอาอวี๋อย่างดี!”
ตำหนักรุ่ยจูของหวงฝู่หมิงจูยังคงปิดอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าหวงฝู่หมิงจูดีขึ้นแล้วนางมิได้มีไข้แล้ว และตุ่มน้ำก็ตกสะเก็ดแล้วด้วยหลิงอวี๋มิยอมให้นางใช้มือเกาแล้วบอกว่ามันจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ หวงฝู่หมิงจูจึงเชื่อฟังเป็นอย่างดีนางรู้ว่าหลิงอวี๋ทำเพราะหวังดีกับตน อีกทั้งนางเองก็มิอยากให้ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ขาวสะอาดมีรอยแผลเป็นด้วยในทุกวันเมื่อหลิงอวี๋มีเวลาก็จะมาเล่านิทานให้นางฟัง ทั้งยังเปลี่ยนอาหารประเภทต่าง ๆ ให้นางกินด้วยหวงฝู่หมิงจูรู้สึกว่านอกจากพ่อของตนแล้ว คนที่นางชอบที่สุดก็คือหลิงอวี๋ในวันนี้ หลิงอวี๋ก็ห่อเกี๊ยวให้หวงฝู่หมิงจูอีก หวงฝู่หมิงจูก็ยืนมองตาปริบ ๆ อยู่ในครัวแล้วจู่ ๆ ปี้เอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาตะโกนอย่างดีใจและลุกลน “เจ้าวังน้อยเพคะ เจ้าวังกลับมาแล้ว มาถึงหน้าประตูแล้วเพคะ!”“ท่านพ่อข้ากลับมาแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นทันที เกี๊ยวก็มิอยากกินแล้ว นางหันหลังแล้ววิ่งออกไปข้างนอกหลิงอวี๋ยังมิเคยเห็นเจ้าวังผู้ลึกลับคนนี้มาก่อน จึงรีบล้างมือแล้วเดินตามออกไปเมื่อมาถึงที่โถงใหญ่ก็เห็นท่านน้าหลินเดินเข้ามาพร้อมกับบุรุษรูปงามที่ดูมีอำนาจมากผู้หนึ่งบุ
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่