“คุณหนู วันนี้บ่าวไปส่งยาที่โรงเหยียนหลิงได้ยินข่าวซุบซิบด้วยเจ้าค่ะ!”วันนี้หลิงอวี๋กำลังเล่นถาดทราบอยู่กับหลิงเยวี่ย หลิงซินกับสุ่ยหลิงกลับมาแล้ว หลิงซินพุ่งเข้ามาหาหลิงอวี๋อย่างตื่นเต้นพลางเอ่ยหลิงอวี๋เหลือบมองนาง มิอยากให้หลิงเยวี่ยได้ยิน จึงลุกขึ้นไปล้างมือ ให้สุ่ยหลิงเล่นถาดทรายกับหลิงเยวี่ยต่อ“เรื่องซุบซิบกระไร?”หลิงซินเอ่ยอย่างตื่นเต้น “องค์ชายคังรับกวนอิ่งเข้าตำหนักแล้วเจ้าค่ะ!”“เมื่อวันที่เกิดเรื่องกับท่านอ๋อง… ได้ยินมาว่าองค์ชายคังพากวนอิ่งไปที่ตำหนักองค์ชายคัง พระชายาคังบอกว่าหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็มิยอมให้กวนอิ่งเข้า… แถมยังทิ้งชาที่กวนอิ่งยกมาทำความเคารพอีกด้วย!”“องค์ชายคังทนมิไหวตบพระชายาคังไป! พระชายาคังโกรธจึงกลับบ้านพ่อแม่ของนางไปเจ้าค่ะ!”“โอ้!” หลิงอวี๋ยิ้มเยาะจ้าวเจินเจินก็มีช่วงที่พ่ายแพ้เช่นกัน!หลิงซินยิ้มอย่างยินดี “อาจารย์ จ้าวเจินเจินมีความงดงามยิ่ง แต่สู้กับกวนอิ่งได้รอบเดียวก็พ่ายแพ้เสียแล้ว!”“ดูท่าทาง นางไม่มีสิ่งใดพิเศษเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ยิ้ม พลางเอ่ยอย่างมีความหมาย “อืม ดูเหมือนว่าครั้งแรกจ้าวเจินเจินก็แพ้แล้ว แต่ก็มิได้หมายความว่านางจักพ
หลิงอวี๋ได้ยินก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย “เถ้าแก่เซี่ยขายภัตตาคารที่เดียวไปสองครั้งรึ? เช่นนี้มิถูกต้องแล้ว! เสี่ยวหาวซื้อภัตตาคาร มิต้องไปขอเปลี่ยนโฉนดกับทางการหรือ?”โฉนดที่ดินไม่มีการเปลี่ยนแปลง เหตุใดเกิ่งเสี่ยวหาวถึงให้เงินไปก่อนอย่างสบายใจได้เล่า?เปียวจื่อยิ้มขมขื่น “โฉนดที่ดินเปลี่ยนแล้ว ยื่นทางการแล้ว! นายของข้าถึงให้เงินเขา!”“แต่วันนี้ เถ้าแก่จ้าวก็นำโฉนดที่ดินมาด้วย โฉนดที่ดินของพวกเขาก็ยื่นไปเช่นกัน อีกอย่างนายของข้าซื้อภัตตาคารเมื่อสองวันก่อน!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นทางการจดทะเบียนภัตตาคารที่เดิมสองครั้งได้เยี่ยงไร?”“คุณหนูใหญ่… นายของข้ามิได้รับความยุติธรรม… เจ้าหน้าที่ที่ยื่นเรื่องให้เขาก็หามิเจอแล้วด้วย!”“ทางการมิพบการยื่นเรื่องของภัตตาคารนายของข้า!”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว เกิ่งเสี่ยวหาวถูกหลอกเข้าแล้วมีคนวางกับดักเขา เกิ่งเสี่ยวหาวเองก็ตกหลุมพรางไปโดยไม่ระวังตัว!“รู้ว่าถูกหลอกแล้วก็ควรทบทวนตัวเอง! จะไปต่อสู้กับเขาได้เยี่ยงไรกัน?”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย“คุณหนูใหญ่… เรามิได้ลงมือก่อนนะขอรับ… ไม่สิ ก็นับว่าเราลงมือก่อน...”เปียวจื่อบ่นไม่รู้จบ “ก็เราเริ
“ประเดี๋ยวค่อยพูด! รีบช่วยคนเร็ว!”หลิงอวี๋รีบพาหลิงซวนไปตรวจผู้บาดเจ็บเหล่านั้น โชคดีที่ตรวจไปรอบหนึ่งแล้วไม่มีคนอันตรายถึงชีวิตมองขาดว่าคนของจ้าวเฉียงฮั๋วก็กลัวสถานการณ์ปะทุหนักขึ้นเช่นกัน จึงมิได้ลงมือเด็ดขาดหลิงอวี๋ช่วยรักษาแผลของผู้บาดเจ็บพลาง เอ่ยถามพลาง “แจ้งทางการหรือยัง?”“แจ้งแล้ว! แม้เจ้าเมืองซุนแห่งศาลาว่าการนครหลวงจะมาแล้ว แต่พวกเขาเพิ่งหยุดมือไป!”เกิ่งเสี่ยวหาวกล่าวเดือดดาล “ใต้เท้าซุนว่าโฉนดที่ดินของเถ้าแก่จ้าวคือของจริง พร้อมลงบันทึกไว้แล้ว หอริมธาราแห่งนี้เป็นของเถ้าแก่จ้าวเพียงผู้เดียว! ข้าแค่ต้องยอมรับความโชคร้ายของตัวข้าเอง!”“พวกเขาแค่ปกป้องขุนนางกันเอง มิกล้าล่วงเกินตระกูลจ้าว จึงเข้าข้างตระกูลจ้าว!”“ใต้เท้าซุนพูดอีกว่าพวกเราทำลายภัตตาคารของเถ้าแก่จ้าว ทำให้ข้าต้องชดใช้เถ้าแก่จ้าวด้วยเงินหนึ่งแสน… ใต้เท้าซุนบอกว่า หากวันพรุ่งเงินมิส่งถึงมือเถ้าแก่จ้าว จักปิดภัตตาคารจี๋เสียงของข้า!”หลิงอวี๋เห็นกำแพงของหอริมธาราถูกเกิ่งเสี่ยวหาวทุบแตกบางส่วน พลันกล่าวอย่างช่วยมิได้“ดูเหมือนว่าเจ้าจักคืนเงินชดใช้ไหวอยู่นะ!”ในเมื่อทางการยอมรับว่าหอริมธาราเป็นของเถ้าแก
“ข้ากำลังช่วยเจ้าสมมุติฐานว่าอาจเกิดอันใดขึ้น…”หลิงอวี๋กล่าวอย่างใจเย็น “ข้าขอถามเจ้า หากเจ้าแย้งข้าชนะเจ้าก็ไปฟ้อง! แต่หากมิชนะเจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้า!”“ถึงท่านถาม! ข้าก็มิเชื่อว่าบนแผ่นดินนี้จักไร้ซึ่งความยุติธรรม!”เกิ่งเสี่ยวหาวกล่าวเคืองขุ่น“ดี สมมติว่าข้าคือเถ้าแก่เซี่ย แล้วเจ้าว่าข้าสมคบคิดกับจ้าวเฉียงฮั๋ว…”“เช่นนั้นข้าจักบอกว่า เจ้าบังคับข้าขายหอริมธาราให้เจ้า พอข้ามิขายเจ้าจึงมีใจโกรธแค้น แล้วใส่ไคล้ข้า!”“เกิ่งเสี่ยวหาว เจ้าจักแก้ตัวเช่นไร?”เกิ่งเสี่ยวหาวตะลึงตาค้างกะทันหัน ความคิดของเขามิซับซ้อน แถมยังมิเคยประสบเรื่องไร้สัจจะเช่นนี้มาก่อน!“เสี่ยวหาว… นี่ยังง่ายนัก… หากจ้าวเฉียงฮั๋วหมายคิดร้ายกับเจ้าจริง ๆ อาจอ้างว่าเจ้าปลอมแปลงโฉนดที่ดินกับหนังสือทางการ…”เมื่อหลิงอวี๋พูดถึงจุดนี้ หัวใจก็สั่นสะท้านพลางถาม “หนังสือราชการล่ะ? เจ้าเมืองซุนได้อ่านหนังสือราชการหรือยัง? หนังสือเป็นของจริงหรือไม่?”เกิ่งเสี่ยวหาวตอบเคียดแค้น “เจ้าเมืองซุนเอาหนังสือราชการไปแล้ว เขาอ้างว่าเป็นของปลอม! เกรงว่าหากอยู่ในมือข้าข้าจักนำไปหลอกคนอื่น จึงยึดไปแล้ว!”หลิงอวี๋มองค้อนใส่เกิ่งเสี่ย
หลิงอวี๋ตะลึงกับวาจาของเกิ่งเสี่ยวหาว คิดไม่ถึงว่าเบื้องลึกเบื้องหลังที่เซียวหลินเทียนถูกลอบกัดจะเป็นเช่นนี้!เหตุเซียวหลินเทียนปกป้องจ้าวเจินเจินนั้น หลิงอวี๋กระจ่างรู้อย่างไรเสียครานั้นพวกเขาก็เป็นคู่รักที่รักกันลึกซึ้ง!ด้วยวาจาเช่นนี้ ความกังวลของเกิ่งเสี่ยวหาวก็ดูสมเหตุสมผล!ตนกับเกิ่งเสี่ยวหาวหมายชำระลูกผู้พี่ของจ้าวเจินเจิน ผู้ใดจะรู้ว่าเซียวหลินเทียนจะใจอ่อนแอบส่งข่าวให้จ้าวเจินเจินหรือเปล่า?“ท่านพี่ ท่านรีบพูด ท่านคิดหาทางใดได้?”“เราเสียเงินไปมากปานนี้ จะปล่อยให้ตระกูลจ้าวได้ไปเปล่า ๆ มิได้!”เกิ่งเสี่ยวหาวถามอย่างรีบเร่งหลิงอวี๋เลิกขบคิด พลันกล่าว “คดีนี้มิต้องไปฟ้องร้อง! สถานการณ์ปัจจุบันมิเข้าข้างเจ้า!”“แม้พวกเราไปหาหลักฐาน แต่จ้าวเฉียงฮั๋วฉลาดนัก ถึงเราหาพบเขาก็คิดวิธีไว้แล้วเป็นแน่!”“ไม่แน่จ้าวเฉียงฮั๋วอาจเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้วด้วย เพียงรอแค่เจ้าก้าวไปติดกับเอง!”เมื่อเกิ่งเสี่ยวหาวได้ฟังก็ร้อนใจ “ท่านพี่ หากไม่ฟ้อง เช่นนั้นเราจักเอาเงินพวกนั้นกลับมาอย่างไร! นั่นคือเงินสี่แสนที่เสียไปเปล่า ๆ เราต้องใช้เวลานานตั้งเท่าใดถึงคืนกำไรได้กัน!”“มิได้ ข้าจักปล
ครั้นกลับถึงตำหนักอ๋องอี้หลิงอวี๋ยังคงกังวลเรื่องของเกิ่งเสี่ยวหาวนางรู้สึกว่านี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นการสมรู้ร่วมคิด!หากตระกูลจ้าวจะเล่นงานเกิ่งเสี่ยวหาว เป้าหมายต้องไม่ใช่แค่เงินสามแสนของเกิ่งเสี่ยวหาวเป็นแน่หากเรื่องนี้มิได้มุ่งเป้าเพียงเกิ่งเสี่ยวหาว แต่ยังมุ่งมาที่ตนด้วย เช่นนั้นนางต้องเตรียมตัวให้พร้อม!ก่อนหน้าองค์ชายรองมิได้ป้องกันตน ทว่าอนุภรรยาของเขาตอนนี้คือกวนอิ่งกวนอิ่งคือคนประเภทไร้ขีดกำจัด ไร้ขอบเขตศีลธรรม ไม่ว่าเรื่องอันใดก็ล้วนกระทำได้!แต่ท่านลุงกับหมอหลวงจางก็มีความแค้นต่อตนเหมือนกัน เมื่อคนกลุ่มนี้รวมตัวกันจะเกิดเรื่องดีขึ้นหรือไร?!ณ เรือนริมวารี เซียวหลินเทียนก็กำลังหารือเรื่องนี้กับจ้าวซวนเช่นกันถึงแม้เกิ่งเสี่ยวหาวจะมิยินยอมให้ตนช่วยเหลือ แต่เซียวหลินเทียนก็ปล่อยเลยตามเลยต่อสถานการณ์นี้มิได้!อย่าว่าแต่หนี้ความรู้สึก เขาก็ต้องคืนหลิงอวี๋!เมื่อมุ่งเป้ายังจ้าวเฉียงฮั๋วกับองค์ชายรองคัง เซียวหลินเทียนก็มิอาจชะล่าใจได้ยังมีอีกจุดที่เซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋คิดเหมือนกันกวนอิ่งเข้าตำหนักองค์ชายคังแล้ว สตรีผู้นี้ใจดำอำมหิต และนางทำเรื่องประเภทนั้
เซียวหลินเทียนมิได้บอกความสงสัยของตัวเองที่มีต่อสองพี่น้องชิวเฮ่ากับจ้าวซวนและลู่หนานเขาคิดว่าลู่หนานมีนิสัยตรงไปตรงมา หากรู้ว่าสงสัยชิวเฮ่า อาจถูกชิวเฮ่าปะเหลาะเอาได้!และชิวเฮ่าก็ช่วยหลู่ชิ่ง จ้าวซวนเลยตายใจต่อชิวเฮ่าไปเสียแล้ว แม้หาหลักฐานมิพบ และพิสูจน์ความน่าสงสัยของสองพี่น้องชิวเฮ่ามิได้ก็ตามทีเซียวหลินเทียนกลัวจ้าวซวนใจร้อนจนเผยความลับต่อหน้าชิวเฮ่าดังนั้น คราวนี้เซียวหลินเทียนจึงให้แค่คนของอิ๋นฮู๋แอบสืบเท่านั้น ต่อหน้าเหล่าองครักษ์ในตำหนัก เซียวหลินเทียนมิได้แสดงความสงสัยใด ๆ ต่อชิวเฮ่าเลยเซียวหลินเทียนพลิกอ่านเอกสารอย่างสงบเยือกเย็น เขาพลางทำเครื่องหมายลับในเอกสารเหล่านั้นเพียงพลิกเดียวก็พลันรู้การเคลื่อนไหวของชิวเหวินซวงบนเอกสาร!เรื่องที่เซียวหลินเทียนเข้าเป็นกรมโยธาธิการ เอกสารมากมายบนโต๊ะล้วนเป็นแผนที่เมืองหลวงคราก่อนหลิงอวี๋เคยพูดถึงการช่วยชลประทานที่นาของราษฎร เซียวหลินเทียนจึงหาแผนที่ที่เกี่ยวกับการทดน้ำเข้านาจำนวนมากมาศึกษาในแผนที่เหล่านี้มีอ่างเก็บน้ำ และแม่น้ำสายสำคัญแต่ละสายเมื่อเซียวหลินเทียนเห็นก็รู้ทันทีว่าชิวเหวินซวงแก้ไขที่อ่างเก็บน้ำ โดยเน้นแ
“ระยะนี้แช่ยาสมุนไพรผลเป็นเช่นไรบ้างเพคะ?”หลิงอวี๋มาเพื่อรักษาขา สายตานางเปลี่ยนจากมองหน้าเซียวหลินเทียนเป็นขาของเขาแทน พลันถามอย่างเป็นธรรมชาติ“ดีขึ้นมากแล้ว! นับวันขายิ่งมีกำลังขึ้น!”ทว่าเซียวหลินเทียนกลับเกร็ง ๆ เล็กน้อย อย่างไรเสียเมื่อก่อนตนก็ทำกิริยาแย่ ๆ ต่อหลิงอวี๋ บัดนี้ต้องการนางจึงยังรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย“หม่อมฉันขอตรวจท่านสักหน่อย!”หลิงอวี๋นั่งยอง ๆ กำลังจะแตะขาของเซียวหลินเทียน ทันใดนั้นก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเลี่ยงจะสัมผัสตนในคราก่อนนางลุกขึ้นพลางหยิบแหนบยาว แล้วขอให้เซียวหลินเทียนพับกางเกงตัวเองขึ้นเซียวหลินเทียนลืมเรื่องที่ตัวเองรังเกียจการสัมผัสของหลิงอวี๋ในคราก่อนหมดสิ้น พลางพับขากางเองขึ้นอย่างว่าง่ายหลิงอวี๋เคาะหัวเข่าเขาพลางตรวจสักพัก พบว่าขาทั้งสองข้างของเซียวหลินเทียนมีกำลังมากกว่าตอนตรวจครั้งก่อนจริง ๆ“หม่อมฉันจักเปลี่ยนเทียบโอสถใหม่ให้ท่าน นี่เป็นโอสถเสวย ต่อไปจะแช่พระบาทในยาสมุนไพรในยามราตรี ควบคู่กับเสวยพระโอสถไปด้วย จากนั้นค่อยเริ่มฟื้นตัวเพคะ!”หลิงอวี๋สอนวิธีฟื้นตัวให้เซียวหลินเทียน นั่นคือการออกกำลังกายห้ามเกินครึ่งชั่วยามในทุกวัน โด