Share

บทที่ 447

Author: กานเฟย
วันนี้หลิงอวี๋ไปเปลี่ยนยาให้หลู่ชิ่งอีกครั้ง

จ้าวซวนมองอยู่ด้านข้าง พอเห็นหลิงอวี๋ตรวจเสร็จ เขาก็เอ่ยถามก่อนดื่ม

“พระชายา นี่ก็หลายวันแล้ว! เหตุใดหลู่ชิ่งยังพูดมิได้อีกขอรับ?”

หลิงอวี๋ก็รู้สึกว่ามันแปลกเช่นกัน อาการบาดเจ็บของหลู่ชิ่งฟื้นตัวได้ดี ครั้นเมื่อตนตรวจเขาดวงตาของเขายังมองตามมือของตนได้

นี่เป็นการพิสูจน์ว่าสติปัญญาของหลู่ชิ่งมิได้รับผลกระทบใด ๆ

นางกำลังจะพูด แต่สายตาเหลือบไปเห็นชิวเฮ่าเดินอยู่ข้างนอก

หลิงอวี๋ใจเต้น ส่ายหัวพลางเอ่ย “ข้ามิพบปัญหาใด ๆ ! มิรู้ว่าสิ่งใดส่งผลกระทบต่อเขา!”

จ้าวซวนมองหลู่ชิ่ง ถอนหายใจพลางเอ่ย “หากเขามิหายดี ข้าก็ทำได้เพียงให้คนไปส่งเขากลับบ้านเกิดเท่านั้น!”

“เขายังเยาว์นัก ครั้นมาพึ่งพิงข้ายังมีสุขภาพแข็งแรง... บัดนี้กลายเป็นเช่นนี้... ข้าไม่มีหน้าไปพบพ่อแม่ของเขาแล้ว!”

หลิงอวี๋ยิ้มมิเอ่ยสิ่งใด พลางก้มหน้าเก็บล่วมยา

ทันใดนั้น นางก็เห็นหลู่ชิ่งกะพริบตาให้ตนอย่างสิ้นหวัง

หลิงอวี๋มองอีกครั้ง หลู่ชิ่งก็ดูท่าทางบื้อ ๆ ไปอีกครั้ง

หลิงอวี๋เงยหน้าขึ้น ก็เห็นชิวเฮ่าเดินเข้ามา

“พระชายาอ๋องอี้ หลู่ชิ่งมิสามารถฟื้นตัวได้แล้วจริงหรือขอรับ?”

ชิวเฮ่าเอ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 448

    จ้าวซวนส่ายหัว “มิใช่เพราะเจ้าหรอก! พระชายามิสามารถช่วยหลู่ชิ่งได้จริง ๆ … เมื่อครู่นางบอกข้าว่านางพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว!”จ้าวซวนยิ้มขมขื่น “ชิวเฮ่า ขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้าดูแลหลู่ชิ่งในช่วงนี้! ช่วยข้าดูแลต่ออีกสักสองสามวัน รอบาดแผลเขาหายดี แล้วข้าจักส่งเขากลับบ้านเกิด!”“หืม… เหตุใดกะทันหันเช่นนี้เล่า?”ชิวเฮ่าขมวดคิ้ว หลิงอวี๋พูดอะไรกับจ้าวซวน?หรือว่าพวกเขาสงสัยตน?แต่เขาหยั่งเชิงไปหลายครั้งแล้ว ท่าทีของเซียวหลินเทียนที่มีต่อเขาไม่มีอะไรแปลกเลย!จ้าวซวนหยิบผ้าจากมือของชิวเฮ่าแล้วเช็ดร่างกายของหลู่ชิ่ง พลางเอ่ย“ไม่กะทันหันหรอก… ข้ามีแผนเช่นนี้มานานแล้ว! ยามนี้หลู่ชิ่งเป็นเช่นนี้… ต่อไปเขาก็มิสามารถรับใช้ท่านอ๋องได้แล้ว!”“หากเขาอยู่ในตำหนักอ๋องอี้ พวกเราก็ต้องดูแลเขา! เช่นนี้ทุกครั้งที่เห็นเขาคงทำให้ทุกคนอึดอัด!”“ส่งกลับไปบ้านเกิด… ภรรยาข้ากับพ่อแม่ของเขาก็สามารถดูแลเขาได้!”จ้าวซวนพูดไปก็หลั่งน้ำตาอย่างเศร้าหมอง“ข้ามิรู้จักอธิบายให้พ่อแม่ของเขาฟังเยี่ยงไร! แต่ข้าให้หลู่ชิ่งอยู่แบบนี้ตลอดไปมิได้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาทุกคนก็จะรู้...”ชิวเฮ่ากลอกตาพลางเอ่ย “เช่นนั้นให้ข้าช

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 449

    “คุณหนู วันนี้บ่าวไปส่งยาที่โรงเหยียนหลิงได้ยินข่าวซุบซิบด้วยเจ้าค่ะ!”วันนี้หลิงอวี๋กำลังเล่นถาดทราบอยู่กับหลิงเยวี่ย หลิงซินกับสุ่ยหลิงกลับมาแล้ว หลิงซินพุ่งเข้ามาหาหลิงอวี๋อย่างตื่นเต้นพลางเอ่ยหลิงอวี๋เหลือบมองนาง มิอยากให้หลิงเยวี่ยได้ยิน จึงลุกขึ้นไปล้างมือ ให้สุ่ยหลิงเล่นถาดทรายกับหลิงเยวี่ยต่อ“เรื่องซุบซิบกระไร?”หลิงซินเอ่ยอย่างตื่นเต้น “องค์ชายคังรับกวนอิ่งเข้าตำหนักแล้วเจ้าค่ะ!”“เมื่อวันที่เกิดเรื่องกับท่านอ๋อง… ได้ยินมาว่าองค์ชายคังพากวนอิ่งไปที่ตำหนักองค์ชายคัง พระชายาคังบอกว่าหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็มิยอมให้กวนอิ่งเข้า… แถมยังทิ้งชาที่กวนอิ่งยกมาทำความเคารพอีกด้วย!”“องค์ชายคังทนมิไหวตบพระชายาคังไป! พระชายาคังโกรธจึงกลับบ้านพ่อแม่ของนางไปเจ้าค่ะ!”“โอ้!” หลิงอวี๋ยิ้มเยาะจ้าวเจินเจินก็มีช่วงที่พ่ายแพ้เช่นกัน!หลิงซินยิ้มอย่างยินดี “อาจารย์ จ้าวเจินเจินมีความงดงามยิ่ง แต่สู้กับกวนอิ่งได้รอบเดียวก็พ่ายแพ้เสียแล้ว!”“ดูท่าทาง นางไม่มีสิ่งใดพิเศษเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ยิ้ม พลางเอ่ยอย่างมีความหมาย “อืม ดูเหมือนว่าครั้งแรกจ้าวเจินเจินก็แพ้แล้ว แต่ก็มิได้หมายความว่านางจักพ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 450

    หลิงอวี๋ได้ยินก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย “เถ้าแก่เซี่ยขายภัตตาคารที่เดียวไปสองครั้งรึ? เช่นนี้มิถูกต้องแล้ว! เสี่ยวหาวซื้อภัตตาคาร มิต้องไปขอเปลี่ยนโฉนดกับทางการหรือ?”โฉนดที่ดินไม่มีการเปลี่ยนแปลง เหตุใดเกิ่งเสี่ยวหาวถึงให้เงินไปก่อนอย่างสบายใจได้เล่า?เปียวจื่อยิ้มขมขื่น “โฉนดที่ดินเปลี่ยนแล้ว ยื่นทางการแล้ว! นายของข้าถึงให้เงินเขา!”“แต่วันนี้ เถ้าแก่จ้าวก็นำโฉนดที่ดินมาด้วย โฉนดที่ดินของพวกเขาก็ยื่นไปเช่นกัน อีกอย่างนายของข้าซื้อภัตตาคารเมื่อสองวันก่อน!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นทางการจดทะเบียนภัตตาคารที่เดิมสองครั้งได้เยี่ยงไร?”“คุณหนูใหญ่… นายของข้ามิได้รับความยุติธรรม… เจ้าหน้าที่ที่ยื่นเรื่องให้เขาก็หามิเจอแล้วด้วย!”“ทางการมิพบการยื่นเรื่องของภัตตาคารนายของข้า!”หลิงอวี๋เข้าใจแล้ว เกิ่งเสี่ยวหาวถูกหลอกเข้าแล้วมีคนวางกับดักเขา เกิ่งเสี่ยวหาวเองก็ตกหลุมพรางไปโดยไม่ระวังตัว!“รู้ว่าถูกหลอกแล้วก็ควรทบทวนตัวเอง! จะไปต่อสู้กับเขาได้เยี่ยงไรกัน?”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย“คุณหนูใหญ่… เรามิได้ลงมือก่อนนะขอรับ… ไม่สิ ก็นับว่าเราลงมือก่อน...”เปียวจื่อบ่นไม่รู้จบ “ก็เราเริ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 451

    “ประเดี๋ยวค่อยพูด! รีบช่วยคนเร็ว!”หลิงอวี๋รีบพาหลิงซวนไปตรวจผู้บาดเจ็บเหล่านั้น โชคดีที่ตรวจไปรอบหนึ่งแล้วไม่มีคนอันตรายถึงชีวิตมองขาดว่าคนของจ้าวเฉียงฮั๋วก็กลัวสถานการณ์ปะทุหนักขึ้นเช่นกัน จึงมิได้ลงมือเด็ดขาดหลิงอวี๋ช่วยรักษาแผลของผู้บาดเจ็บพลาง เอ่ยถามพลาง “แจ้งทางการหรือยัง?”“แจ้งแล้ว! แม้เจ้าเมืองซุนแห่งศาลาว่าการนครหลวงจะมาแล้ว แต่พวกเขาเพิ่งหยุดมือไป!”เกิ่งเสี่ยวหาวกล่าวเดือดดาล “ใต้เท้าซุนว่าโฉนดที่ดินของเถ้าแก่จ้าวคือของจริง พร้อมลงบันทึกไว้แล้ว หอริมธาราแห่งนี้เป็นของเถ้าแก่จ้าวเพียงผู้เดียว! ข้าแค่ต้องยอมรับความโชคร้ายของตัวข้าเอง!”“พวกเขาแค่ปกป้องขุนนางกันเอง มิกล้าล่วงเกินตระกูลจ้าว จึงเข้าข้างตระกูลจ้าว!”“ใต้เท้าซุนพูดอีกว่าพวกเราทำลายภัตตาคารของเถ้าแก่จ้าว ทำให้ข้าต้องชดใช้เถ้าแก่จ้าวด้วยเงินหนึ่งแสน… ใต้เท้าซุนบอกว่า หากวันพรุ่งเงินมิส่งถึงมือเถ้าแก่จ้าว จักปิดภัตตาคารจี๋เสียงของข้า!”หลิงอวี๋เห็นกำแพงของหอริมธาราถูกเกิ่งเสี่ยวหาวทุบแตกบางส่วน พลันกล่าวอย่างช่วยมิได้“ดูเหมือนว่าเจ้าจักคืนเงินชดใช้ไหวอยู่นะ!”ในเมื่อทางการยอมรับว่าหอริมธาราเป็นของเถ้าแก

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 452

    “ข้ากำลังช่วยเจ้าสมมุติฐานว่าอาจเกิดอันใดขึ้น…”หลิงอวี๋กล่าวอย่างใจเย็น “ข้าขอถามเจ้า หากเจ้าแย้งข้าชนะเจ้าก็ไปฟ้อง! แต่หากมิชนะเจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้า!”“ถึงท่านถาม! ข้าก็มิเชื่อว่าบนแผ่นดินนี้จักไร้ซึ่งความยุติธรรม!”เกิ่งเสี่ยวหาวกล่าวเคืองขุ่น“ดี สมมติว่าข้าคือเถ้าแก่เซี่ย แล้วเจ้าว่าข้าสมคบคิดกับจ้าวเฉียงฮั๋ว…”“เช่นนั้นข้าจักบอกว่า เจ้าบังคับข้าขายหอริมธาราให้เจ้า พอข้ามิขายเจ้าจึงมีใจโกรธแค้น แล้วใส่ไคล้ข้า!”“เกิ่งเสี่ยวหาว เจ้าจักแก้ตัวเช่นไร?”เกิ่งเสี่ยวหาวตะลึงตาค้างกะทันหัน ความคิดของเขามิซับซ้อน แถมยังมิเคยประสบเรื่องไร้สัจจะเช่นนี้มาก่อน!“เสี่ยวหาว… นี่ยังง่ายนัก… หากจ้าวเฉียงฮั๋วหมายคิดร้ายกับเจ้าจริง ๆ อาจอ้างว่าเจ้าปลอมแปลงโฉนดที่ดินกับหนังสือทางการ…”เมื่อหลิงอวี๋พูดถึงจุดนี้ หัวใจก็สั่นสะท้านพลางถาม “หนังสือราชการล่ะ? เจ้าเมืองซุนได้อ่านหนังสือราชการหรือยัง? หนังสือเป็นของจริงหรือไม่?”เกิ่งเสี่ยวหาวตอบเคียดแค้น “เจ้าเมืองซุนเอาหนังสือราชการไปแล้ว เขาอ้างว่าเป็นของปลอม! เกรงว่าหากอยู่ในมือข้าข้าจักนำไปหลอกคนอื่น จึงยึดไปแล้ว!”หลิงอวี๋มองค้อนใส่เกิ่งเสี่ย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 453

    หลิงอวี๋ตะลึงกับวาจาของเกิ่งเสี่ยวหาว คิดไม่ถึงว่าเบื้องลึกเบื้องหลังที่เซียวหลินเทียนถูกลอบกัดจะเป็นเช่นนี้!เหตุเซียวหลินเทียนปกป้องจ้าวเจินเจินนั้น หลิงอวี๋กระจ่างรู้อย่างไรเสียครานั้นพวกเขาก็เป็นคู่รักที่รักกันลึกซึ้ง!ด้วยวาจาเช่นนี้ ความกังวลของเกิ่งเสี่ยวหาวก็ดูสมเหตุสมผล!ตนกับเกิ่งเสี่ยวหาวหมายชำระลูกผู้พี่ของจ้าวเจินเจิน ผู้ใดจะรู้ว่าเซียวหลินเทียนจะใจอ่อนแอบส่งข่าวให้จ้าวเจินเจินหรือเปล่า?“ท่านพี่ ท่านรีบพูด ท่านคิดหาทางใดได้?”“เราเสียเงินไปมากปานนี้ จะปล่อยให้ตระกูลจ้าวได้ไปเปล่า ๆ มิได้!”เกิ่งเสี่ยวหาวถามอย่างรีบเร่งหลิงอวี๋เลิกขบคิด พลันกล่าว “คดีนี้มิต้องไปฟ้องร้อง! สถานการณ์ปัจจุบันมิเข้าข้างเจ้า!”“แม้พวกเราไปหาหลักฐาน แต่จ้าวเฉียงฮั๋วฉลาดนัก ถึงเราหาพบเขาก็คิดวิธีไว้แล้วเป็นแน่!”“ไม่แน่จ้าวเฉียงฮั๋วอาจเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้วด้วย เพียงรอแค่เจ้าก้าวไปติดกับเอง!”เมื่อเกิ่งเสี่ยวหาวได้ฟังก็ร้อนใจ “ท่านพี่ หากไม่ฟ้อง เช่นนั้นเราจักเอาเงินพวกนั้นกลับมาอย่างไร! นั่นคือเงินสี่แสนที่เสียไปเปล่า ๆ เราต้องใช้เวลานานตั้งเท่าใดถึงคืนกำไรได้กัน!”“มิได้ ข้าจักปล

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 454

    ครั้นกลับถึงตำหนักอ๋องอี้หลิงอวี๋ยังคงกังวลเรื่องของเกิ่งเสี่ยวหาวนางรู้สึกว่านี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นการสมรู้ร่วมคิด!หากตระกูลจ้าวจะเล่นงานเกิ่งเสี่ยวหาว เป้าหมายต้องไม่ใช่แค่เงินสามแสนของเกิ่งเสี่ยวหาวเป็นแน่หากเรื่องนี้มิได้มุ่งเป้าเพียงเกิ่งเสี่ยวหาว แต่ยังมุ่งมาที่ตนด้วย เช่นนั้นนางต้องเตรียมตัวให้พร้อม!ก่อนหน้าองค์ชายรองมิได้ป้องกันตน ทว่าอนุภรรยาของเขาตอนนี้คือกวนอิ่งกวนอิ่งคือคนประเภทไร้ขีดกำจัด ไร้ขอบเขตศีลธรรม ไม่ว่าเรื่องอันใดก็ล้วนกระทำได้!แต่ท่านลุงกับหมอหลวงจางก็มีความแค้นต่อตนเหมือนกัน เมื่อคนกลุ่มนี้รวมตัวกันจะเกิดเรื่องดีขึ้นหรือไร?!ณ เรือนริมวารี เซียวหลินเทียนก็กำลังหารือเรื่องนี้กับจ้าวซวนเช่นกันถึงแม้เกิ่งเสี่ยวหาวจะมิยินยอมให้ตนช่วยเหลือ แต่เซียวหลินเทียนก็ปล่อยเลยตามเลยต่อสถานการณ์นี้มิได้!อย่าว่าแต่หนี้ความรู้สึก เขาก็ต้องคืนหลิงอวี๋!เมื่อมุ่งเป้ายังจ้าวเฉียงฮั๋วกับองค์ชายรองคัง เซียวหลินเทียนก็มิอาจชะล่าใจได้ยังมีอีกจุดที่เซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋คิดเหมือนกันกวนอิ่งเข้าตำหนักองค์ชายคังแล้ว สตรีผู้นี้ใจดำอำมหิต และนางทำเรื่องประเภทนั้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 455

    เซียวหลินเทียนมิได้บอกความสงสัยของตัวเองที่มีต่อสองพี่น้องชิวเฮ่ากับจ้าวซวนและลู่หนานเขาคิดว่าลู่หนานมีนิสัยตรงไปตรงมา หากรู้ว่าสงสัยชิวเฮ่า อาจถูกชิวเฮ่าปะเหลาะเอาได้!และชิวเฮ่าก็ช่วยหลู่ชิ่ง จ้าวซวนเลยตายใจต่อชิวเฮ่าไปเสียแล้ว แม้หาหลักฐานมิพบ และพิสูจน์ความน่าสงสัยของสองพี่น้องชิวเฮ่ามิได้ก็ตามทีเซียวหลินเทียนกลัวจ้าวซวนใจร้อนจนเผยความลับต่อหน้าชิวเฮ่าดังนั้น คราวนี้เซียวหลินเทียนจึงให้แค่คนของอิ๋นฮู๋แอบสืบเท่านั้น ต่อหน้าเหล่าองครักษ์ในตำหนัก เซียวหลินเทียนมิได้แสดงความสงสัยใด ๆ ต่อชิวเฮ่าเลยเซียวหลินเทียนพลิกอ่านเอกสารอย่างสงบเยือกเย็น เขาพลางทำเครื่องหมายลับในเอกสารเหล่านั้นเพียงพลิกเดียวก็พลันรู้การเคลื่อนไหวของชิวเหวินซวงบนเอกสาร!เรื่องที่เซียวหลินเทียนเข้าเป็นกรมโยธาธิการ เอกสารมากมายบนโต๊ะล้วนเป็นแผนที่เมืองหลวงคราก่อนหลิงอวี๋เคยพูดถึงการช่วยชลประทานที่นาของราษฎร เซียวหลินเทียนจึงหาแผนที่ที่เกี่ยวกับการทดน้ำเข้านาจำนวนมากมาศึกษาในแผนที่เหล่านี้มีอ่างเก็บน้ำ และแม่น้ำสายสำคัญแต่ละสายเมื่อเซียวหลินเทียนเห็นก็รู้ทันทีว่าชิวเหวินซวงแก้ไขที่อ่างเก็บน้ำ โดยเน้นแ

Latest chapter

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1902

    ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1901

    เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1900

    ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1899

    “เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1897

    หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1896

    หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1895

    เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status