“องครักษ์จ้าว บ่าวถูกใส่ร้ายอย่างมิยุติธรรม!”“บ่าวไม่ได้โกงเลย… นี่คงเป็นแผนการใส่ร้ายบ่าวของพระชายาเพื่อขับไล่บ่าวออกไป!”“พระชายายังต้องจำคำพูดไม่ดีที่บ่าวต่อว่าหลิงซินเมื่อคราที่แล้วได้ และนี่เป็นการมาล้างแค้นให้หลิงซิน!”หัวใจของหลิงอวี๋เต้นตึกตัก นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ที่แท้นี่ก็เป็นกับดักที่ชิวเหวินซวงกับแม่นมเกาวางไว้จริง ๆ!สมุดบัญชีเป็นของปลอม หากแม่นมเกามิได้โกง การที่ตนต่อว่านางเช่นนี้ คนรับใช้ในตำหนักก็จะคิดว่าตนเอาอำนาจมาใช้ในการแก้แค้น!หลิงซวนตกตะลึง นางไม่เคยคิดเลยว่าแม่นมเกาจะมาไม้นี้หลิงซวนตะโกนอย่างร้อนใจ "พี่จ้าว นางเป็นคนให้สมุดบัญชีนี้พวกเรา พวกเรามิได้สับเปลี่ยน! จะใส่ร้ายนางได้เยี่ยงไร!"“องครักษ์จ้าว พระชายาสับเปลี่ยนสมุดบัญชีของแม่นมเกาจริง ๆ เจ้าค่ะ! เราทุกคนเห็นกับตา สมุดบัญชีที่แม่นมเกาหยิบออกมาไม่ใช่เล่มนี้!”“สมุดบัญชีครัวแม่นมเกาบันทึกเองทั้งหมด ลายมือของแม่นมเกาจะต้องบิดเบี้ยว เรียบร้อยเช่นนี้ที่ไหนกัน!”แม่ครัวที่มีไฝดำอยู่ตรงจมูกก้าวเข้ามาช่วยคนรับใช้คนอื่น ๆ ในครัวก็เอ่ยขึ้นอย่างร่วมมือกัน“องครักษ์จ้าว พระชา
แม้ว่าองครักษ์ผู้นั้นจะไม่พอใจที่หลิงอวี๋ทำให้คนรับใช้ต้องเดือดร้อน แต่เห็นจ้าวซวนจ้องมองตนอยู่ ก็มิกล้าขัดคำสั่ง ดังนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้า พลางเอ่ยเรียบ ๆ“หมูตุ๋นวุ้นเส้น แตงกวาตุ๋นซี่โครง เต้าหู้หม้อไฟ และน้ำแกงกะหล่ำปลีขอรับ!”หลิงอวี๋ชี้ไปที่โต๊ะของแม่นมเกา “เจ้าไปดูว่าสิ่งที่พวกเขากินคืออะไร?”องครักษ์เดินไปดูอาหารบนโต๊ะของครอบครัวแม่นมเกา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยองครักษ์ก้าวถอยหลังมา มองหลิงอวี๋ หากหลิงอวี๋มิเอ่ยถาม เขาก็มิกล้าพูดออกไป“พวกเจ้าทุกคน ผลัดกันเข้ามาดู!”พวกองครักษ์หลายคนพร้อมทั้งจ้าวซวนก้าวไปอย่างสงสัย หลังจากมองไปรอบ ๆ สีหน้าของทุกคนก็ดูไม่มีความสุข แต่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา“ทุกคนในครัวต่างบอกว่าข้าสับเปลี่ยนบัญชี! ก็อาจจะเป็นข้าเองที่สับเปลี่ยนบัญชีก็ได้!”"แต่ข้าก็มิได้เก่งถึงขนาดที่ข้ากับหลิงซวนจักจงใจเอาอาหารจำนวนมากมาสับเปลี่ยนอาหารบนโต๊ะของพวกเขาได้หรอกใช่หรือไม่?”พวกองครักษ์พูดไม่ออกแล้ว หากจะทำเช่นนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่! จะเป็นไปได้เยี่ยงไร!หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ “เมื่อครู่แม่นมเกาเพิ่งบอกกับข้าว่า อาหารพวกนี้องครักษ์อย่างพวกเจ้ากินมิหมด
หลิงอวี๋ยิ้ม หลิงซวนนี่นับวันก็ยิ่งใส่ใจจริง ๆ!นางยิ้มพลางเอ่ย “มิอาจใช้อำนาจของทางการในทางที่ผิดได้!"พวกแม่ครัวได้ยินหลิงซวนบอกว่าจะส่งให้ทางการ สีหน้าก็ตกใจหน้าซีดไปทันทีกระทั่งได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋ สีหน้าถึงได้ดีขึ้นเล็กน้อยไหนเลยจะรู้ว่าหลิงอวี๋จะพูดประโยคถัดไป“ทำร้ายพวกเขานั้นมิดี! แต่หลิงซวนคำพูดของเจ้ามันเตือนข้า ได้ยินว่ากองทัพตะวันตกเฉียงเหนือนั้นลำบากนัก อาหารก็ไม่ดี ไม่มีผู้ใดทำอาหารให้!”“มิสู้ข้าทำความดีซื้อพวกนางแล้วส่งไปทำอาหารให้ทหารกองทัพตะวันตกเฉียงเหนือดีกว่ารึ!”หลิงซวนแสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างไม่สบายใจ “เช่นนี้ก็ดีเลยเจ้าค่ะ แต่ข้าได้ยินมาว่า ทางตะวันตกเฉียงเหนือมีหมาป่าจำนวนมากนัก แม่ครัวของพวกเขาจำนวนมากเลยที่วิ่งมิเร็วแล้วถูกหมาป่ากินไป...”แม่ครัวเหล่านี้ต่างหวาดกลัวแทบตายกับคำพูดของหลิงซวน!ทางตะวันตกเฉียงเหนือนั้นยากลำบากยิ่ง กอปรกับมีหมาป่าอยู่ด้วย น่ากลัวนัก!“พระชายา… บ่าวจักบอกว่าแม่นมเกาบังคับให้เราทำสิ่งนี้ นางบอกว่าให้เราร่วมมือกับนางเพื่อไล่พระชายาออกไป…”“พระชายา… บ่าวเห็นแล้วเจ้าค่ะ สมุดบัญชีที่แม่นมเกามอบให้พระชายานั้นเป็นเล่มที่อยู่ในม
แม่นมเกากับครอบครัวของนางถูกองครักษ์จ้าวจับตัวไป ในไม่ช้าเรื่องนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วตำหนักอ๋องอี้คนรับใช้ต่างตัวสั่นด้วยความกลัวมิกล้าเล่นลูกไม้ใด ๆ แล้วส่วนทางด้านแม่นมลี่ วิธีที่หลิงอวี๋สอนคือการใช้เงินหากออกคำสั่งแล้วไม่ทำ ก็จ่ายเงิน เพิ่มเงินให้อีกหนึ่งตำลึง ก็มีคนรับใช้แย่งกันไปทำให้แล้ว!แม้ว่าชิวเหวินซวงจะเคยบอกว่าจะทำให้หลิงอวี๋ลำบาก แต่ก็ยังไม่ได้ผลอย่างแท้จริงเลย พวกคนที่ยอมโอนอ่อนให้พวกนี้ก็แค่ฟังแล้วก็จบ!ยิ่งไปกว่านั้น ชะตากรรมของครอบครัวแม่นมเกาก็เป็นตัวอย่างแล้ว คนเหล่านี้ต้องมีการสนับสนุนเยอะมากเท่านั้นถึงจะมีปัญหากับหลิงอวี๋ได้ทันทีที่เรื่องในครัวผ่านพ้นไป ถึงจะไม่ให้เงิน คนรับใช้หล่านี้ต่างก็ทำงานให้!อย่างมากก็รอชิวเหวินซวงกลับมา แล้วร้องห่มร้องไห้บอกว่าตนถูกหลิงอวี๋บังคับ ชิวเหวินซวงจะมีปัญญาทำให้พวกเขาทั้งหมดทำงานให้จริงหรือ?หลิงอวี๋คุยกับแม่ครัวที่เหลืออยู่เป็นเวลานานแม้ว่าห้องครัวจะดูไม่โดดเด่นนัก ทำแค่งานบ้านเท่านั้น แต่ห้องครัวก็เป็นสถานที่ที่รวบรวมข้อมูลไว้มากที่สุดเจ้านายคนไหนชอบรสชาติไหน หรือแม้กระทั่งความรู้สึกในแต่ละวันเป็นเช่นไร แม่ครัวเห
ยังดีที่มีคนเข้าใจ!หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนกระจ่าง เขาไม่ได้แค้นตนเพียงเพราะการยุยงของตระกูลเสิ่น ช่างปลื้มใจนักหากเซียวหลินเทียนยังสับสนเหมือนแต่ก่อน โดนคนเสี้ยมไม่กี่ประโยคก็เกลียดตนแล้ว เช่นนั้นหลิงอวี๋คงไม่รักษาขาเขาอีก!“จ้าวซวนทูลท่านหรือยังว่าองค์ชายเว่ยแย่งกิจราชการท่าน?”หลิงอวี๋นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงพลางดึงมือเซียวหลินเทียนมาตรวจชีพจรใจนางยังหวาดระแวงกับยาถอนพิษของชิวเฮ่า นางต้องตรวจเซียวหลินเทียนว่าล้างพิษแล้วจริงหรือไม่“ทูลแล้วขอรับ แม้แต่เรื่องที่ไปขอยาก็บอกแล้ว!”เซียวหลินเทียนนึกถึงวาจาที่จ้าวซวนเอ่ยก็โกรธจนคันฟันองค์ชายเว่ยส่งคนมาลอบฆ่าตนพลางวางพิษใส่ตน!เขายังกล้าให้หลิงอวี๋คุกเข่าถอดรองเท้าให้ ราวกับเซียวหลินเทียนถูกทำให้อัปยศด้วย“ข้าจะไม่ปล่อยไปอย่างนี้!”ดวงตาเซียวหลินเทียนดุดัน “เจ้าวางใจ หนี้อัปยศก้อนนี้ ข้าจักทวงคืนให้พวกเจ้าแน่!”หลิงอวี๋หัวเราะน้อย ๆ กล่าวมีนัยลึกซึ้ง“องค์ชายเว่ยทรงงานที่กรมโยธาธิการ ท่านหมายชิงกิจราชการคืนก็มิใช่ไร้ทางเพคะ!”เซียวหลินเทียนหัวเราะหยัน “เจ้าพูดถูก! ข้าฟังจ้าวซวนมาว่าองค์ชายคังคิดทวงคืนความยุติธรรมเพื่อข้า
แม่นมเฉา!หลิงอวี๋นึกถึงคำที่หลิงซวนพูดฉับพลัน แม่นมที่มีหน้าคล้ายม้าและหางคิ้วโก่งคือแม่นมเฉาที่เสิ่นจวนพามา!หลิงอวี๋หัวเราะหยัน ไม่คิดว่าจะเคยชินกับการอาศัยบารมีของนาย เที่ยวรังแกชาวบ้าน!“แม่นมเฉามิพอใจรึ? อ้อ งั้นข้าก็รู้จักเรือนดี ๆ อยู่หนา แม่นมอยากให้คุณหนูของพวกเจ้าย้ายไปหรือไม่เล่า!”เมื่อแม่นมเฉาได้ฟังก็คิดว่าหลิงอวี๋กลัวตน กล่าวอย่างกิ้งก่าได้ทอง“หากมีเรือนดีก็ต้องย้ายแน่ เจ้าให้คนมาขนของพวกเราไปเดี๋ยวนี้เลย!”หลิงอวี๋ชี้ไปยังศาลาพักริมน้ำที่ด้านหลัง ยิ้มกล่าวว่า“ศาลาริมน้ำคือเรือนที่ดีที่สุดแห่งตำหนักอ๋องอี้ พวกเจ้าอยากย้ายก็ย้ายมาเถอะ!”“ตัวข้าเหนื่อยมาทั้งวันต้องไปพักก่อน! ข้าเห็นเจ้าพาคนมามิน้อยอยากย้ายก็ขนเองแล้วกัน!”ครั้นพูดจบ หลิงอวี๋ก็พาหลิงซวนไปแม่นมเฉาโกรธจนตะโกนเรียก “พระชายาอ๋องอี้ ท่านต้อนรับแขกเช่นนี้เรอะ?”“ข้าจักไปทูลนายท่านกับพระชายาหรงเฟย… จักทำให้ท่านอ๋องหย่ากับเจ้าแน่!”หลิงอวี๋ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ นางอยากเอ็ดตะโรก็เอาเลย ให้เซียวหลินเทียนฟังเองว่า บุตรผู้น้องเขาพาคนพฤติกรรมเยี่ยงไรมา!แม่นมเฉามิได้โง่ขนาดนั้น เมื่อร้องสองประโยคเสร็จเห็นหล
เมื่อนางรับใช้ในเรือนมากขึ้น หลิงอวี๋จึงคิดเรียกให้แม่นมลี่กับหลิงซินมานางกล่าว “พวกเจ้าทุกคนเชื่อฟังแม่นมลี่ยามปกติ ส่วนยามออกตำหนักกลุ่มสุ่ยหลิงกับหลิงซวน กลุ่มเถาจื่อกับหลิงซินผลัดกันติดตามข้า!”“ที่เรือนจัดการงานตามคำสั่งแม่นมลี่! ที่นี่ข้าไม่มีกฎมากนัก ทุกคนรับเงินเดือนเหมือนกัน และรับเบี้ยบำเหน็จครึ่งปีหนึ่งครั้ง!”“เบี้ยบำเหน็จสูงต่ำขึ้นกับความขยันทำงาน! อย่างไรก็ตาม ติดตามข้าพวกเจ้าจักได้รับปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน!”เมื่อสุ่ยหลิงได้ยินข่าวดีแบบนี้ ดวงตาก็ประกายฉับพลันพลางถามตรงไปตรงมา“คุณหนูเจ้าคะ พวกเราใช้เงินพวกนี้ไถ่ถอนตัวเองได้หรือไม่เจ้าคะ?”หลิงอวี๋ผงกศีรษะ ยิ้มตอบ “ได้แน่นอน! แต่ตอนนี้ข้าต้องการกำลังคน หากพวกเจ้าอยากไปก็ต้องอยู่อย่างน้อยสองปี!”“หลังสองปีถ้าประพฤติตัวดี ข้าก็มิต้องการเงินค่าไถ่ถอนพวกเจ้า ข้าจักคืนสัญญาทาสให้พวกเจ้าเลย!”เมื่อเถาจื่อฟังก็ใจเต้น แต่ก็ยากจะเชื่อลงว่าคุณหนูผู้นี้จะเป็นนักบุญปานนี้เชียวรึ?หลิงซินมองทั้งสองอย่างหน้าใหญ่พลางเอ่ย “คุณหนูพูดคำไหนคำนั้น ยามนี้พวกเจ้ายังไม่เชื่อก็คอยดูเอาเถิดหนา!”“ข้าขอรับประกัน หากพวกเจ้ารู้ว่าคุณหน
“คุณหนู ไยท่านยังใจเย็น!”หลิงซวนดูท่าทางหลิงอวี๋ไม่เคืองขุ่นเลยสักกะผีก พลันเอ่ยร้อนใจ“ยามนี้พ่อค้าพวกนั้นต่างกำลังโวยวายว่า หากมิให้ค่าชดเชยพวกเขาจักมิย้ายออกเด็ดขาด!”ขณะทั้งสองกำลังคุยกัน หลี่ชุงก็วิ่งรุดเข้ามาหัวใจหลิงอวี๋บีบรัดขึ้นฉับพลัน หรือว่าสถานการณ์พัฒนาไปเหนือจินตนาการตนแล้ว?“อาจารย์ แย่แล้วเจ้าค่ะ พวกพ่อค้ารอบ ๆ วิ่งมาก่อเรื่องที่โรงเหยียนหลิงมิรู้เป็นผู้ใดบงการเจ้าค่ะ!”“พวกเขาว่าเดิมทีไม่ต้องรื้อถอนเป็นเพราะพระชายาล่วงเกินองค์ชายเว่ย องค์ชายเว่ยจึงยืนกรานจะรื้อจนพัวพันถึงพวกเขา!”“พวกเขาต้องการคำอธิบาย หากมิแก้ไข พวกเขาจักพังโรงเหยียนหลิง!”“ไป ไปดูกัน! หลิงซวนเจ้าเรียกสุ่ยหลิง เถาจื่อไปด้วย!”หลิงอวี๋รีบผลัดผ้ากำลังจะออกไปก็คิดอะไรขึ้นได้จึงกล่าว“หลิงซวน เจ้าไปบอกพี่ใหญ่จ้าวส่งองครักษ์สักสองสามคนให้ข้า!”หลิงซวนรู้ว่าถ้าทะเลาะกันขึ้นจริง พวกนางที่เป็นผู้หญิงไม่กี่คนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนั้นแน่ จึงรีบไปเรียกคนทันทีในไม่ช้า หลิงซวนก็วิ่งกลับมาคนเดียว เมื่อนางเห็นหลิงอวี๋พลันยิ้มขื่นกล่าวคำ“คุณหนู พี่ใหญ่จ้าวมิอยู่ตำหนักเจ้าค่ะ!”“นางรับใช้ของเสิ่นจวนข
“พี่อาอวี๋ เจ้าไปแล้วใครจะเล่นกับข้า? ใครจะดูแลข้า?”“พี่อาอวี๋ เจ้ายังเล่านิทานมิจบเลย! ข้ายังอยากฟังเจ้าเล่านิทานอีก!”คำเรียกพี่อาอวี๋ก็ออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก ทำอะไรมิถูกนางเองก็ทำใจจากหวงฝู่หมิงจูมิได้เช่นกัน แต่วังเทพแห่งนี้มิใช่ที่ที่นางควรอยู่ นางยังต้องไปตามหาน้องสาวของตน!“พี่… อาอวี๋… อย่าไป!”หวงฝู่หมิงจูร้องไห้อย่างใจสลาย น้ำเสียงก็ขาด ๆ หาย ๆ กอดขาหลิงอวี๋ไว้แน่นมิยอมปล่อยมือหวงฝู่หลินทั้งปวดใจทั้งอิจฉา ตนเลี้ยงดูหวงฝู่หมิงจูเติบโตมา หวงฝู่หมิงจูล้วนไม่มีใจที่จะสนใจผู้ใด เมื่อใดกันที่สนใจคนคนหนึ่งถึงเพียงนี้!ท่านน้าหลินเองก็สีหน้ามิสู้ดีเช่นกัน นางก้าวไปข้างหน้าและพยายามดึงหวงฝู่หมิงจูออกพลางเตือนอย่างแสร้งทำดี“หมิงจู เจ้าได้ยินที่อาอวี๋บอกว่านางต้องไปตามหาน้องสาวแล้วหรือไม่? น้องสาวของนางเป็นญาติของนาง เจ้าให้นางไปตามหาน้องสาวนางเถิด!”“ท่านออกไป!”หวงฝู่หมิงจูหันหน้าไปมองท่านน้าหลินด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แล้วตะโกนอย่างมิพอใจอย่างมาก “สตรีสารเลว เป็นเพราะท่านจะตีพี่อาอวี๋จึงบีบให้นางต้องไป!”“ท่านออกไปเสีย ที่นี่มิใช่บ้านของท่าน ข้ามิต้
“ผู้ใดกล้าตีพี่อาอวี๋”“ก็ต้องตีข้าด้วย!”หวงฝู่หมิงจูตะคอกใส่ท่านน้าหลินอย่างโมโห “ข้ายินดีให้พี่อาอวี๋ดูแลข้า… ข้าแค่มิต้อนรับแขกเช่นท่าน!”“ท่านไปเสียเถิด! ข้ามิอยากให้ท่านมาเป็นแขกของตำหนักรุ่ยจู! ข้ามิยินดีให้ท่านกินเกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำ!”“พวกเจ้าหากผู้ใดกล้ารังแกพี่อาอวี๋ก็คือการรังแกข้า!”“ท่านพ่อ หากท่านกล้าให้พวกนางตีพี่อาอวี๋ ข้าเองก็มิต้องการท่านแล้ว ท่านออกไปพร้อมกับพวกนางเลย!”“ฮือ ๆ ถึงอย่างไรท่านก็มิค่อนอยู่บ้านอยู่แล้ว ข้าถูกรังแกท่านก็มิสนใจ ข้ามีพี่อาอวี๋ก็เพียงพอแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูพูดแล้วก็หันไปกอดขาของหลิงอวี๋ไว้แล้วร้องไห้ออกมายกใหญ่ท่าทีเช่นนี้ของหวงฝู่หมิงจูทำเอาท่านน้าหลินไปมิเป็น สีหน้าของนางก็ดูแย่ลงอย่างกระอักกระอ่วนหวงฝู่หลินจึงรีบเอ่ยอย่างปวดใจ “หมิงจูอย่าร้องนะ พ่อมิได้บอกว่าจะตีอาอวี๋ เจ้าอย่าได้โกรธเลย! ระวังโกรธแล้วจะเสียสุขภาพเอาได้!”เขาเดินเข้าไปจะปลอบใจหวงฝู่หมิงจู แต่หวงฝู่หมิงจูมิไว้หน้าเขา ซุกหัวอยู่กับขาของหลิงอวี๋แล้วร้องไห้ต่อหลิงอวี๋หมดคำพูด แม้ว่าหวงฝู่หมิงจูจะกำลังร้องได้ แต่อาอวี๋รู้จักนางดี เด็กน้อยผู้นี้ร้องไห้จริงเสียที่ไห
“พี่อาอวี๋ นี่มานี่สิ!”หวงฝู่หมิงจูเห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ด้านข้างจึงวิ่งไปดึงนางมา“ท่านพ่อ เกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำอร่อยนะเพคะ เป็นเกี๊ยวที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกินมาเลย!”“แล้วนางก็ทำอาหารอร่อย ๆ ได้หลากหลายด้วยเพคะ...”“อีกทั้งพี่อาอวี๋ก็เล่านิทานได้ นางเล่าเรื่องผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าได้สุดยอดไปเลย!”หวงฝู่หมิงจูพูดชื่นชมหลิงอวี๋ให้หวงฝู่หลินฟังอย่างตื่นเต้นหวงฝู่หลินยังมิได้มีท่าทีใด ๆ สำหรับเขาแล้วการที่ทาสทำดีกับหวงฝู่หมิงจูก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วแต่สีหน้าของท่านน้าหลินดูแย่อย่างถึงที่สุด หวงฝู่หมิงจูเอาแต่พูดว่าหลิงอวี๋ดีอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นหวงฝู่หมิงจูชมใครเช่นนี้ปกติแล้วตนดูแลหวงฝู่หมิงจูเป็นอย่างดี ซื้ออาหารซื้ออาภรณ์ให้นาง แต่ก็มิเห็นหวงฝู่หมิงจูจะชมตนเช่นนี้เลยดังนั้น แม้ว่าหลิงอวี๋จะมีรอยแผลอยู่เต็มหน้า ท่านน้าหลินก็ระวังตัวขึ้นมาในทันทีหวงฝู่หลินเป็นหมอชั้นเซียน รอยแผลบนในหน้าของหลิงอวี๋นั้น ขอเพียงหวงฝู่หลินอยากจะรักษาก็สามารถสกัดยาออกมาให้หลิงอวี๋ฟื้นคืนใบหน้าได้สตรีผู้นี้เก็บไว้มิได้แล้ว!“หมิงจู พ่อรู้แล้ว พ่อจะขอบคุณอาอวี๋อย่างดี!”
ตำหนักรุ่ยจูของหวงฝู่หมิงจูยังคงปิดอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าหวงฝู่หมิงจูดีขึ้นแล้วนางมิได้มีไข้แล้ว และตุ่มน้ำก็ตกสะเก็ดแล้วด้วยหลิงอวี๋มิยอมให้นางใช้มือเกาแล้วบอกว่ามันจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ หวงฝู่หมิงจูจึงเชื่อฟังเป็นอย่างดีนางรู้ว่าหลิงอวี๋ทำเพราะหวังดีกับตน อีกทั้งนางเองก็มิอยากให้ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ขาวสะอาดมีรอยแผลเป็นด้วยในทุกวันเมื่อหลิงอวี๋มีเวลาก็จะมาเล่านิทานให้นางฟัง ทั้งยังเปลี่ยนอาหารประเภทต่าง ๆ ให้นางกินด้วยหวงฝู่หมิงจูรู้สึกว่านอกจากพ่อของตนแล้ว คนที่นางชอบที่สุดก็คือหลิงอวี๋ในวันนี้ หลิงอวี๋ก็ห่อเกี๊ยวให้หวงฝู่หมิงจูอีก หวงฝู่หมิงจูก็ยืนมองตาปริบ ๆ อยู่ในครัวแล้วจู่ ๆ ปี้เอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาตะโกนอย่างดีใจและลุกลน “เจ้าวังน้อยเพคะ เจ้าวังกลับมาแล้ว มาถึงหน้าประตูแล้วเพคะ!”“ท่านพ่อข้ากลับมาแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นทันที เกี๊ยวก็มิอยากกินแล้ว นางหันหลังแล้ววิ่งออกไปข้างนอกหลิงอวี๋ยังมิเคยเห็นเจ้าวังผู้ลึกลับคนนี้มาก่อน จึงรีบล้างมือแล้วเดินตามออกไปเมื่อมาถึงที่โถงใหญ่ก็เห็นท่านน้าหลินเดินเข้ามาพร้อมกับบุรุษรูปงามที่ดูมีอำนาจมากผู้หนึ่งบุ
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่
ชิงพลังไปหรือ?เช่นนั้นหลิงอวี๋จะมิเป็นดังเช่นเมื่อก่อนที่ไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตัวแล้วต้องยอมให้คนอื่นรักแกหรือ?ความกังวลของเซียวหลินเทียนกัมีมากกว่าฉินซานนัก เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ตามที่หานเหมยบอกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับอาอวี๋ก็แยกจากกันไปแล้ว ศิษย์พี่ที่ช่วยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหานเหมยก็คือเฉียวเค่อ!”“แต่เมื่อวานเผยอวี้ไปสืบมา เฉียวเค่อตายแล้ว แล้วใครเป็นคนสังหารเฉียวเค่อเล่า?”“หรือจะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”ฉินซานก็วิเคราะห์ตามไปด้วยเช่นกัน แต่รู้สึกว่าความคิดของตนนั้นเหลวไหลเกินไปเฉียวเค่อเป็นศิษย์พี่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะสังหารเขาได้อย่างไรกัน!ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของเฉียวเค่อก็สูงมาก คนธรรมดาไม่มีทางที่จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!“หรือจะเป็นเย่หรง?”เซียวหลินเทียนนึกถึงเย่หรงที่ติดตามจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่ออยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงพูดชื่อของเขาออกมาโดยมิรู้ตัว“ก็เป็นไปได้!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ขันทีโม่ก็พาหานเหมยกลับมาหานเหมยดูท่าทางอ่อนแอ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาท บ่าวมิได้ปกป้องฮองเฮาให้ดี ฝ่าบาทโปรดลงโทษบ่าวเถิดเพคะ!”“เจ้
เซียวหลินเทียน ฉินซานและขันทีโม่นำเกวียนทาสหญิงกลับมาที่โรงเตี๊ยมทาสคุนหลุนผู้นั้นซื่อสัตย์มาก ฉินซานบอกว่า เซียวหลินเทียนเป็นเจ้านายของเขา จากนั้นเขาก็ติดตามเซียวหลินเทียนมิยอมห่างเซียวหลินเทียนเห็นว่าเขาแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก จึงตั้งชื่อให้เขาว่าเถี่ยจู้กระทั่งกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เถ้าแก่จูก็บอกว่า มีสตรีสองคนมาหาพวกเขา แล้วบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยของพวกเขาเถ้าแก่จูจัดห้องให้สตรีทั้งสองคนเป็นการชั่วคราวเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกลับมาแล้ว เถ้าแก่จูจึงให้เสี่ยวเอ้อร์ไปแจ้งสตรีทั้งสองคนผลก็คือคนที่มาคือเถาจื่อกับหานอวี้นั่นเอง“หานอวี้ เจอพี่หญิงของเจ้าแล้วนะ!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น“อยู่ที่ใด!” หานอวี้ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“เจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปพานางมา!”ฉินซานรีบเดินออกไป แต่หานอวี้รอมิไหวแล้วจึงรีบตามฉินซานไปที่เรือน แล้วก็เห็นทาสหญิงถูกขังอยู่ในเกวียนหานอวี้มิได้สนใจถามฉินซานว่าทาสหญิงเหล่านี้มาจากที่ใด นางรีบเปิดประตูเกวียนนั้นแล้วดึงพวกนางออกมาทีละคนหานเหมยถูกดึงลงมา แล้วหานอวี้ก็กอดนางอย่างตื่นเต้น “พี่หญิง ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว! เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ช่างดี
การกระทำนี้ของเซียวหลินเทียนทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงถอนหายใจโล่งอก ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะยอมลดทิฐิลงขอร้องให้เซียวหลินเทียนช่วยเหลือ ไหนเลยจะคิดว่า มิต้องให้ตนเอ่ยปากเซียวหลินเทียนช่วยเหลือแล้วในใจของเก๋อเฟิ่งฉิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มิรู้สึกอยากแข่งขันกับเซียวหลินเทียนอีกต่อไปแล้วนางพยักหน้าให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเรียบ ๆ “ในเมื่อคุณชายผู้นี้ซื้อทาสหญิงเหล่านี้ด้วยความจริงใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะมิสู้กับท่านอีก!”หม่าเฉียงเห็นเช่นนี้ก็พอใจแล้ว และแทบจะรอมิไหวที่จะลากฉินซานไปดำเนินการซื้อขายกันป้าวเฉิงมองเซียวหลินเทียนแล้วพาคนของตนเดินออกไปเขามองออกว่า เซียวหลินเทียนมิใช่คนธรรมดา แต่ตราบใดที่รับรองว่าตนจะได้ส่วนแบ่งทางการค้า เขาก็จะมิสนใจว่าเซียวหลินเทียนเป็นใครขันทีโม่ใช้เงินห้าร้อยตำลึงไปซื้อตัวทาสหญิงที่เชี่ยวชาญเรื่องการติดตามและทาสคุนหลุนที่มีพลังมากมาหม่าเฉียงมอบให้ฉินซานแม้กระทั่งเกวียน ฉินซานเห็นว่าคนตระกูลเก๋อยังมิไป จึงมิยอมปล่อยหานเหมยออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเก๋อเซียวหลินเทียนยังต้องการถามคำถามหม่าเฉีย
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห