“พระชายาอ๋องอี้ ท่านมิต้องขู่ขวัญพวกเราหรอก คุยด้วยเหตุผลเถอะ!”เถ้าแก่หลี่เห็นฝูงชนต่างกลัวจนมิกล้าลงมือ จำต้องกล่าวหน้าเจื่อน ๆหลิงอวี๋พบว่าฝูงชนถูกตนทำประหวั่นเสียแล้ว จึงผ่อนน้ำเสียงลง“เถ้าแก่หลี่พูดถูกต้อง พวกเราคุยด้วยเหตุผลเถอะ! ทุกคนเป็นคนบ้านเดียวกัน ปกติพวกเจ้าเห็นข้าวางตัวเป็นพระชายารึ?”“ร้านของข้าก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน แม้ข้าเป็นพระชายา แต่เงินข้าก็มิได้ลอยมาตามลม! พวกเจ้าสูญเสีย ข้าจักมิสูญเสียด้วยได้อย่างไร?”“ผลประโยชน์พวกเราต่างเหมือนกัน มีปัญหาเราก็หารือแก้ไขได้ ทุกคนร่วมแรงร่วมใจหามีสิ่งใดยากไม่!”มีคนบ่นงึมงำว่า “ปัญหาก็อยู่ตรงหน้าแล้ว พระองค์ให้เวลาเราภายในสองวันย้ายออก! เราจักย้ายไปที่ใดในเวลาน้อยนิดเท่านี้!”“ใช่แล้ว! เงินชดเชยจากทางการช่างน้อยนิดนัก เดิมทียามนี้ซื้อร้านค้ามิได้ด้วยซ้ำ!”“พระชายาอ๋องอี้ ครอบครัวเราอาศัยหน้าร้านหาเลี้ยงชีพ หากไม่มีแล้ว เราจักอยู่กันอย่างไรเล่า!”หลิงอวี๋พูดอย่างใจเย็น “เถ้าแก่หลี่ ข้าก็เพิ่งได้ข่าวและยังมิเข้าใจเรื่องเงินชดเชยกระจ่าง เจ้าบอกข้าหน่อยว่าทางการกำหนดชดเชยอย่างไร?”เถ้าแก่หลี่หยิบใบประกาศฉบับหนึ่งส่งให้หลิงอ
หลิงอวี๋เพิ่งเข้ามาไม่นานก็นั่งลง เถ้าแก่หลี่พาตัวแทนเข้ามาแล้ว และพวกเขาล้วนเป็นพ่อค้าที่ถนนสายนี้ในบรรดานั้นมีเถ้าแก่ถังแห่งโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดบนถนนกับลูกชายของเขาเถ้าแก่ถังวัยห้าสิบกว่าปี สวมอาภรณ์คุมยาวสีน้ำเงินเข้มใบหน้าเขาอ้วนจ้ำม่ำ ล่างหน้าผากมีสีชาดำวับวาบ สองคิ้วโก่งโค้ง ดวงตาเรียวยาว เค้าหน้านั้นดุจพระสังกัจจายน์ถังซุนลูกชายของเขาวัยสี่สิบกว่าปี ดวงตาเหมือนเถ้าแก่ถัง มีผิวสีข้าวสาลี เติบโตมารูปงามนักเถ้าแก่หลี่แนะนำพวกเขาให้หลิงอวี๋รู้จัก พลันเอ่ยว่า“เราเลือกเถ้าแก่ถังเป็นตัวแทน ร้านเขาใหญ่สุดและเสียหายมากสุดเช่นกัน!”หลิงอวี๋ก็รู้จักร้านของตระกูลถังแม้ธุรกิจของเถ้าแก่ถังจะไม่ได้เปิดทั่วแคว้นเหมือนตระกูลกวน แต่เหล่าพ่อค้าต่างถิ่นครั้นมาเมืองหลวงต่างมาซื้อใบชาร้านตระกูลถังกลับไปเป็นพื้นฐาน“คารวะเถ้าแก่ถัง!”หลิงอวี๋คำนับมือกระตือรือร้น กล่าวตรง ๆ โดยไร้พิธีรีตอง“เถ้าแก่ถัง เรื่องในวันนี้ท่านว่าเป็นเช่นใด? ท่านคิดว่า หากข้าไปขอประทานอภัยจักแก้ปัญหาได้หรือไม่?”เถ้าแก่ถังมองหลิงอวี๋ยิ้ม ๆ “เกรงว่าพระชายาไปก็ไร้ประโยชน์!”“ข้าเป็นนักการค้าเชื่อในผลประโยชน์
หลิงอวี๋กล่าวเยือกเย็น “ข้าพูดให้พวกท่านฟังมากมายก็เพื่อบอกว่าการทะเลาะเบาะแว้งนั้นแก้ปัญหามิได้!”“ยิ่งพวกเราทะเลาะรุนแรงมากเท่าไร ยิ่งเสียเปรียบ! องค์ชายเว่ยคงคำนวณว่าเราต้องก่อการเป็นแน่ พลางคิดดีแล้วว่าจะเพิ่มโทษให้เราอย่างไร!”เถ้าแก่หลี่ข่มความโกรธมิได้ “พระชายาอ๋องอี้ งั้นหากไม่ก่อการจักทำสิ่งใดเล่า? หรือควรว่านอนสอนง่ายย้ายออกเช่นนี้รึ?”หลิงอวี๋หัวเราะเจ้าเล่ห์ “หากอยากแก้ปัญหาจักมัวแต่ทะเลาะวิวาทมิได้!”“เรามาเปลี่ยนวิธีดู ข้ารับปากว่า หากพวกท่านเชื่อฟังข้า ทุกร้านบนถนนสายนี้จักมิถูกรื้อถอน!”“วิธีใด?” ถังซุนเร่งถามเถ้าแก่ถังมองหลิงอวี๋สนเท่ห์ วันนี้เขาหาเส้นสายมาช่วยกอบกู้ตลอดตั้งแต่ได้รับข่าวทว่าเมื่อคนพวกนั้นได้ยินว่าเป็นองค์ชายเว่ยหมายรื้อถอนก็พลันโน้มน้าวเขากลับลําเนื่องไม่อาจต่อกรองค์ชายเว่ยได้!เขาคิดสมองแตกก็คิดวิธีไม่ออก เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋มีทางไฉนจะไม่สงสัยหลิงอวี๋หัวเราะซุกชน “พวกท่านรวบรวมพ่อค้าที่จะถูกรื้อถอนบนถนนสายนี้หาคนได้มากยิ่งดี จากนั้นก็กระจายข่าวไป!”“ว่าด้วยความกรุณาขององค์ชายเว่ย ลือว่าบ้านพวกท่านจะถูกรื้อถอนเห็นพวกท่านไร้บ้านกลับจึงยิน
เมื่อเผชิญกับผลได้ร่วมกัน เหล่าพ่อค้าจึงสามัคคีเป็นพิเศษครั้นได้รับข่าวก็เริ่มเก็บของไม่มีค่ายัดใส่รถม้าทันทีสายลับที่องค์ชายเว่ยส่งมาเห็นสิ่งนี้จึงคิดว่าเหล่าพ่อค้าหวาดกลัวพลางกำลังตระเตรียมย้ายเรือนหลิงอวี๋พาบรรดานางรับใช้เก็บพวกของไม่มีค่าช่วยหมอเลี่ยว หลังทำเสร็จนางก็กลับตำหนักอ๋องอี้สายมากแล้วนางหมายรายงานเซียวหลินเทียนขอยืมองครักษ์ไปช่วยดูว่ามีคนปะปนเข้ามาหรือไม่สักหลาย ๆ คนแต่เมื่อไปถึงศาลาริมน้ำก็เห็นนางรับใช้ของเสิ่นจวนกำลังเฝ้าประตูนางรับใช้คนนั้นเห็นหลิงอวี๋ก็ยิ้มหยันกล่าวว่า “พระชายาอ๋องอี้ ท่านอ๋องบรรทมแล้ว มิอนุญาตคนรบกวน พระชายาเชิญกลับเถอะ!”“มิเจียมตัว!”หลิงอวี๋ตวาดขึ้นอย่างเดือดดาล โชคดีที่วันนี้ไปโรงเหยียนหลิงไม่เกิดเรื่อง หากมีเรื่อง นางคงอยากฆ่านางรับใช้คนนี้ไปแล้ว!ก่อนหน้าวุ่นจัดการเรื่องโรงเหยียนหลิง ไม่ได้คิดจุกจิกกับนาง!ตอนนี้ยังกล้าเล่นมุกเดิม ๆ คิดจริง ๆ เหรอว่าพระชายาอ๋องอี้คือของประดับ?“นี่คือตำหนักอ๋องอี้ ตัวข้าเป็นพระชายาอ๋องอี้ นางรับใช้อาคันตุกะเช่นเจ้ากล้ามาขวางข้าได้ตั้งแต่เมื่อใด?”หลิงอวี๋ตวาด “เถาจื่อ ตบปาก!”เถาจื่อกับหลิงซว
หลิงอวี๋พิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน เอ่ยปลอบเซียวหลินเทียน“สายาคนใต้หล้าต่างเฉียบคม! ท่านอย่าได้ทรงกังวล องค์ชายเว่ยไร้ทางทำแผนชั่วสำเร็จ หม่อมฉันคิดแผนรับมือไว้แล้วเพคะ!”หลิงอวี๋บอกเซียวหลินเทียนเรื่องที่ตนกระทำเซียวหลินเทียนผงะไปพักใหญ่ ถึงกับมองหลิงอวี๋อย่างเอ่ยมิออกมีแต่หลิงอวี๋ที่คิดอุบายร้ายกาจเช่นนี้ได้เท่านั้น!แต่อุบายอย่างนี้กลับเป็นวิธีที่ได้ผลกับองค์ชายเว่ยที่สุด!“ข้าพะวงองค์ชายเว่ยจะอับอายกลายโทสใช้กำลังทหารสะสางต่อพ่อค้าพวกนั้น! แบบนี้เรามีชัย แต่สูญเสียใหญ่หลวงนัก!”หลิงอวี๋ยิ้มขื่นเอ่ยว่า “หากมีทางอื่น หม่อมฉันไม่ยอมเลือกวิธีนี้เป็นแน่เพคะ!”พอเซียวหลินเทียนฟังก็เข้าใจและยิ่งคิดปรุโปร่งกว่าหลิงอวี๋ เขากังวลว่าองค์ชายคังจะวางหมากอยู่เบื้องหลัง“หลิงอวี๋ องค์ชายคังมิยอมถูกองค์ชายเว่ยแย่งผลประโยชน์ไปแน่!”“ข้าแค่พะวงว่า เขาจงใจสาดโคลนใส่องค์ชชายเว่ยเพื่อเอาหลักฐานความผิดขององค์ชายเว่ย”เซียวหลินเทียนกล่าวกังวล “แม้ถึงเวลานั้นองค์ชายเว่ยจักมิออกมือ องค์ชายคังอาจส่งคนไปแอบอ้างสะสางพวกเจ้า แล้วโทษก็ยังเป็นองค์ชายเว่ยแบกรับ!”แม้การที่องค์ชายคังกัดกับองค์ชายเว่ย
หลิงอวี๋เห็นเซียวหลินเทียนกำลังครุ่นคิดก็นึกถึงสิ่งที่ลู่หนานพูดตอนเข้าประตู พลันถามว่า“เซียวหลินเทียน ท่านจัดการกับครอบครัวแม่นมเกาเช่นไร?”เซียวหลินเทียนถูกหลิงอวี๋ปลุกจากภวังค์ ครั้นเอ่ยถึงแม่นมเกาสีหน้าเขาก็มืดลงทันใด“จ้าวซวนพบโฉนดบ้านสองฉบับในเรือนแม่นมเกา และโฉนดที่ดินร้อยกว่าหมู่(1)! ตั๋วเงินห้าแสนกว่าตำลึง!”“นึกไม่ถึงว่าแม่นมในครัวผู้หนึ่งจะกล้าทุจริตเงินมากเพียงนี้! ข้าสั่งให้จ้าวซวนส่งครอบครัวนางไปให้ทางการแล้ว!”หลิงอวี๋เบิกตากว้างงงงัน การทุจริตของแม่นมเกามหาศาลนัก!“แล้วทางการตัดสินเช่นไร?”ทาสในสมัยโบราณ ความเป็นตายของพวกเขาถูกกำหนดโดยนายเหนือหัวเซียวหลินเทียนส่งคนไปให้ทางการ เพราะไม่อยากเปื้อนเลือดของแม่นมเกาและครอบครัวเช่นนั้นหรือ?“แม่นมเการับโทษประหารคนเดียว ครอบครัวที่เหลือถูกขายเป็นทาสให้ขุนนาง!”เซียวหลินเทียนกล่าวเย็นชา “ตัวข้าออมมือแล้ว! ไม่เช่นนั้นตามที่นางกระทำก็ควรถูกหวดจนตายต่อหน้าธารกํานัล เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินว่าหวดต่อหน้าธารกำนัลก็นึกถึงฉากนั้นที่ตนประสบครั้นข้ามมิติมา นางมีความรังเกียจการลงทัณฑ์เช่นนี้อักโขหลิงอวี๋เป
วันรุ่งขึ้นฟ้ายังไม่สาง ตำหนักขององค์ชายใหญ่ก็ถูกรถม้าหลายคันขวางกั้นทางไปเสียแล้วขณะคนรับใช้ตำหนักองค์ชายเว่ยเปิดประตูก็พบว่าฝูงชนแน่นขนัดต่างตกใจจนคิดว่าเกิดจลาจลเสียแล้ว“องค์ชายเว่ยทรงมีเมตตาโดยแท้ เราจักจุดธูปกราบไหว้แน่นอนที่ทรงเต็มใจรับเราอาศัย ขอให้พระโพธิสัตว์คุ้มครององค์ชายเว่ยอายุมั่นขวัญยืนด้วยเถิด!”“ใช่ ทุกวันนี้คนจิตใจกุศลเช่นนี้มีน้อยนัก องค์ชายเว่ยทรงคำนึงถึงความทุกข์สุขของราษฎรและแคว้น ทรงเห็นอกเห็นใจพวกเรา…”คำพูดเชิดชูถ่ายทอดจากพ่อค้าคนหนึ่งสู่อีกคนโดยไม่ต้องเสียเงิน ณ ปากประตูตำหนักองค์ชายเว่ยเสียงบทเพลงสรรเสริญพระองค์ก้องไปทั่วคนเฝ้ายามรู้สึกมึนงง ไยเขาไม่ได้ยินว่าองค์ชายเว่ยเชิญครัวเรือนที่จะรื้อย้ายเหล่านี้มาอยู่ตำหนักองค์ชายเว่ยเลย!คนเฝ้ายามรีบส่งคนไปทูลองค์ชายเว่ยองค์ชายเว่ยยังไม่ตื่น พลางได้ยินว่ามีคนเรียกอยู่ข้างนอกขณะกำลังหลับ“องค์ชาย ครัวเรือนที่จะรื้อย้ายมากหลายมาข้างนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ โดยว่าท่านคำนึงถึงการไร้บ้านกลับของพวกเขา เชิญพวกเขามาอยู่ตำหนักองค์ชายเว่ยพ่ะย่ะค่ะ…”“กระหม่อมเกรงเป็นข่าวเข้าใจผิดจึงมาสอบถาม… องค์ชาย จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ถึงคราวนั้นองค์ชายคังสามารถไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทฟ้องร้องท่านได้ โดยตรัสว่าท่านบังคับรื้อถอนบ้านเรือนร้านค้าพวกเขาจึงเกิดเรื่องเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ!”“องค์ชาย ยามนี้คือเวลาสำคัญของศึกชิงรัชทายาท หากท่านคร่าชีวิตคน ยั่วยุฝ่าบาทกริ้วโกรธ ท่านจะนั่งบนตำแหน่งนี้ได้อยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“กระทั่งโครงการฟื้นฟูย่านการค้าที่เพิ่งได้รับก็อาจถูกฝ่าบาทยกให้คนอื่นทำพ่ะย่ะค่ะ!”หานหลินวิเคราะห์ผลเสียบานปลายเรื่องนี้ให้องค์ชายเว่ยครั้นองค์ชายเว่ยฟังก็ตระหนักถึงความรุนแรงของเรื่องได้ สิ่งที่หลานหลินเอ่ยอาจจะเกิดขึ้นได้จริง ๆ!หากรักษากิจราชการโครงการฟื้นฟูย่านการค้าไว้ได้ เขายังหาเงินจากแหล่งอื่นได้อยู่แต่หากเสียกิจราชการไปจะสะเทือนถึงการชิงตำแหน่งรัชทายาท มันได้ไม่คุ้มเสีย!“ได้ ท่านหาน ตัวข้าเชื่อฟังท่าน ข้าจักออกไปปลอบพวกเข้าประเดี๋ยวนี้!”ขณะองค์ชายเว่ยกล่าวก็รีบรุดหมายไปหานหลินพลันเอ่ย “องค์ชาย โปรดส่งคนของเราออกไปเฝ้าดู จะปล่อยให้คนขององค์ชายคังปะปนด้านในก่อเรื่องมิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ไหน ๆ จักเป็นคนดีแล้ว ให้คนของเราช่วยพ่อค้าพวกนั้นส่งของกลับด้วย! อย่างนี้จักได้ชื่อเสียงที่ดีขึ้นอีก!”เม
เย่หรงได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็เอ่ยตอบไป “เรื่องนี้ข้ารู้ดีทีเดียว ตระกูลเหมียวมีฐานะขึ้นมาจากการพึ่งพาเครื่องยาสมุนไพร เนื่องจัดหาสมุนไพรให้หอโอสถไป๋เป่าอยู่บ่อยครั้ง กอปรกับที่เหมียวหยางค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรด้วย ไป่หลี่ไห่จึงรับไปเป็นศิษย์!”“หลายปีมานี้ด้วยอำนาจของไป่หลี่ไห่ ตระกูลเหมียวจึงมีสถานะที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วก็ค่อย ๆ ขึ้นไปเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย!”มิน่า!หลิงอวี๋นึกถึงเงื่อนไขที่ตนเสนอให้หลงอิงก่อนหน้านี้ว่า ให้ไป่หลี่ไห่ขับไล่เขาออกจากสำนักเวลานั้นหลิงอวี๋มิรู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเหมียว คิดว่านี่เป็นการกระทำที่จะรักษาชื่อเสียงของไป่หลี่ไห่เอาไว้ตอนนี้เมื่อได้รู้ฐานะของตระกูลเหมียวแล้ว หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าเหตุใดตระกูลเหมียวจึงใช้ผู้รอบรู้แก้แค้นตนฐานะระดับตระกูลเหมียวนี้เรื่องเงินเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องเกียรติต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่หากเหมียวหยางถูกไป่หลี่ไห่ขับไล่ออกจากสำนัก ตระกูลเหมียวจะต้องเสียทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี อีกทั้งยังหมายความว่า นับจากนี้จะไม่มีไป่หลี่ไห่คอยสนับสนุนพวกเขาอีกต่อไปด้วยเช่นกันสำหรับตระก
นี่คือสิ่งที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่ในใจ แต่ผู้รอบรู้กลับมองออกหลิงอวี๋อ้าปากค้างอย่างงุนงง มิรู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร“น้องหญิง วันนั้นพี่ใหญ่เห็นเจ้าตากฝนตัวเปียกโชก แล้วก็เห็นบ้านของเราถูกทำลายพังยับเยิน!”“ตอนนั้นข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า… หากข้ามีความสามารถ ข้าก็จะไปทุบบ้านของเหมียวหยางเช่นกัน!”“หากข้าวางยาพิษเป็น ก็คงมิต้องให้เจ้าลงมือหรอก ข้าจะวางยาพิษเขาด้วยตัวข้าเอง!”ผู้รอบรู้เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่ “ดังนั้น ข้ามิได้รับเคราะห์แทนเจ้า และมิได้ถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนด้วย เจ้ามิต้องรู้สึกผิด!”“พี่ใหญ่!”ดวงตาของหลิงอวี๋มีน้ำตาคลอขึ้นอย่างอธิบายมิถูก“ข้าเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก หลังจากแยกอาจารย์ข้าก็เตร็ดเตร่อยู่ในยุทธภพเพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว และไม่มีเป้าหมายใด!”ผู้รอบรู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หลังจากที่ได้รู้จักเจ้า ข้าจึงได้มีบ้านและครอบครัว! ข้าออกไปไหนก็มิต้องกังวลแล้วว่าจะไม่มีบ้านให้กลับ และเมื่อกลับมาก็ยังมีเจ้ารอข้ากินข้าวอยู่!”“น้องหญิง ข้าชอบครอบครัวที่พวกเราสร้างขึ้นมา มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าก็มีความห่วงใยและมีเป้าหมายอยู่เช่นกัน ข้าหวังว่าจะหาเงินได้ม
“พี่ใหญ่มู่ เห็ดหยกนี้มีอยู่ที่ภูเขาใดหรือ?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามเขาหากซื้อมิได้นางก็จะไปเก็บด้วยตนเอง มิว่าจะยากลำบากแค่ไหน นางจะต้องหาเห็ดหยกมารักษาสิงจั๋วให้จงได้“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”มู่ตงมองหลิงอวี๋ “เจ้าคงมิคิดจะไปเก็บที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระมัง! เป็นไปมิได้หรอก!”“มีหลายสาเหตุทีเดียว ประการแรก ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นของราชวงศ์ มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเก็บสมุนไพรได้ง่าย ๆ!”“ประการที่สอง แม้ว่าท่านหญิงของข้าจะสามารถพูดให้เจ้าและให้เจ้าเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เจ้ารู้หรือว่าจะต้องไปเก็บที่ใด?”“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีอยู่สิบแปดยอดเขา ซึ่งแต่ละยอดเขาก็จะมีความสูงชันและอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่พวกตระกูลอู่ที่คอยเฝ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ ก็ยังมิสามารถสำรวจยอดเขาครบทั้งสิบแปดยอดเขาได้ เจ้าไม่มีทางที่จะหาเห็ดหยกเจอท่ามกลางยอดเขามากมายถึงเพียงนั้นหรอก!”ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มิได้มีเพียงแค่มู่ตงผู้เดียวที่เอ่ยถึงความลึกลับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้กับตนวันนั้นเย่หรงก็บอกกับตนว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการพานางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรมาสลายเลือดเนื้อของนางและก่อน
หลังจากที่พวกเขารับคำสั่งแล้วก็ออกไป แล้วจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงตะโกนขึ้นมา “หานเหมย เจ้ารอก่อน!”หานเหมยหยุดชะงัก หานอวี้ก็หยุดเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างสงสัย“ตอนที่ข้าจับตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ที่ภูเขาหมางหลิ่ง นางเผลอหลุดปากออกมาเรื่องหนึ่ง… นางบอกว่านางโกหกหลิงอวี๋ว่าน้องสาวนางถูกจับตัวมาขายที่เมืองหลวงแดนเทพ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป และคิดมาตลอดว่าเจ้าคือเสี่ยวอวี้ น้องสาวของนาง! นางมาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อมาตามหาเจ้า!”หานเหมยตะลึง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ฝ่าบาททรงหมายความว่าจะให้หม่อมฉันไปเข้าใกล้ฮองเฮาหรือเพคะ?”“อืม ตอนนี้หลิงอวี๋มีความคลางแคลงใจต่อพวกเรา ทว่ากับเจ้านั้นแตกต่างออกไป หลังจากที่นางสูญเสียความทรงจำไปเจ้าก็อยู่กับนางตลอด! จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดเช่นนี้แล้ว นางจะต้องเชื่อว่าเป็นจริงแน่ ๆ!”เซียวหลินเทียนมองไปทางหานเหมย “สิ่งที่ข้ามิแน่ใจตอนนี้ก็คือ หลิงอวี๋จำเรื่องอะไรได้บ้าง และนางสงสัยหรือไม่ว่าเจ้ามิใช่น้องสาวของนาง!”“หากเจ้าบุ่มบ่ามไปเข้าใกล้นางเช่นนี้
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”
เป็นหนี้บุญคุณหนึ่งครั้งก็นับว่าเป็นหนี้ เป็นหนี้บุญคุณสองครั้งก็นับว่าเป็นหนี้เช่นกัน!หลิงอวี๋รับความกรุณาของหลงเพ่ยเพ่ยมาแล้ว เอาไว้ค่อยตอบแทนนางภายหน้าก็แล้วกัน!“ข้าจะไปเตรียมยา พี่ใหญ่มู่ ประเดี๋ยวเจ้าช่วยทายาให้พี่ชายข้าที!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าหน้าอกที่เปลือยเปล่าของผู้รอบรู้นั้นแทบจะไม่มีผิวหนังตรงไหนปกติดีเลย นางจึงจดจำความโหดร้ายของครอบครัวเหมียวหยางไว้ แล้วรีบออกไปเตรียมยานางรีบนำยาทากระปุกใหญ่ที่เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วไปที่ห้องของผู้รอบรู้มู่ตงก็มิได้ปฏิเสธ เขารับยามาแล้วเอ่ยออกไป “แม่นางสิง เมื่อครู่ข้าตรวจดูพี่ชายของเจ้า นอกจากบาดแผลที่ผิวหนังภายนอกเหล่านี้แล้ว แขนซ้ายของเขาก็ถูกตีจนหัก และซี่โครงก็หักไปสองซี่!”“แล้วก็…”ดูเหมือนว่ามู่ตงจะยากที่จะพูดออกมาหลงเพ่ยเพ่ยก็มองไปทางหลิงอวี๋อย่างเห็นใจเช่นกัน“แล้วก็อะไร? พี่ใหญ่มู่พูดออกมาตามตรงเถิด ข้ารับได้ทุกอย่าง!”หลิงอวี๋รู้สึกกังวลขึ้นมา แต่ใบหน้าก็ยังดูสงบอยู่“เชื้อ… เชื้อสายลูกหลานของพี่ใหญ่เจ้าถูกทำลายไปเสียแล้ว ต่อไปอาจจะมิสามารถมีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลเจ้าได้แล้ว!”มู่ตงกัดฟันพูดออกมาหลิงอวี๋ราวกั
หลิงอวี๋นั่งอยู่เช่นนั้น มิรู้ว่านั่งอยู่นานเท่าใด เมื่อน้ำมันในตะเกียงหมดลงภายในห้องก็เข้าสู่ความมืดมิด และนางก็มิได้จุดตะเกียงอีกนางนั่งอยู่เงียบ ๆ มิได้หลับทั้งคืนแต่ก็ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อยในสมองครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ในขณะที่กำลังคิดจนเข้าสู่ภวังค์ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก“แม่นางสิง ข้าชื่อไป๋อวี้ เป็นนางรับใช้ของท่านหญิง นางให้ข้านำข้อความมาบอกเจ้า!”หลิงอวี๋ได้สติขึ้นมาทันที จึงวิ่งออกไปเปิดประตูไป๋อวี้คือนางรับใช้ที่หลิงอวี๋พบที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้ก่อนหน้านี้ นางรับใช้ผู้นั้นที่ติดตามหลงเพ่ยเพ่ย นางสูงมาก หลิงอวี๋จึงจำนางได้“ไป๋อวี้ มีข่าวคราวพี่ชายข้าแล้วหรือ?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างร้อนใจไป๋อวี้ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ท่านหญิงของข้าลงมือเอง หากไม่มีข่าวอะไร จะมิเป็นการรู้สึกผิดต่อเจ้าหรือ!”“วางใจเถิด เราเจอพี่ชายของเจ้าแล้ว และท่านหญิงก็กำลังพาเขากลับมา นางเกรงว่าเจ้าจะกังวล จึงให้ข้าล่วงหน้ามาบอกเจ้าก่อน!”หลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็จ้องแล้วเอ่ยถามออกไป “ผู้ใดจับตัวเขาไป?”รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋อวี้จางหายไป แล้วมองหลิงอวี๋อย่างเห็นอกเห็นใจ “ก็เป็
หลิงอวี๋ออกจากบ้าน แล้วก็ตรงไปที่จวนเจ้าแห่งทิศใต้นางให้คนเฝ้ายามไปรายงานหลงเพ่ยเพ่ย เมื่อคนเฝ้ายามได้ยินว่านางมาหาหลงเพ่ยเพ่ย ก็รีบส่งคนเข้าไปรายงานในทันทีหลิงอวี๋ยืนอยู่ที่หน้าประตู ก่อนหน้านี้นางเคยผ่านจวนเจ้าแห่งทิศใต้ และรู้สึกเพียงว่าจวนเจ้าแห่งทิศใต้นั้นหรูหรามาก นางมิเคยคาดคิดว่าวันหนึ่งตนจะต้องติดต่อกับจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลังจากรอไปสักพัก ก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยพานางรับใช้หนึ่งคนเดินออกมาอย่างรีบร้อนเมื่อหลงเพ่ยเพ่ยเห็นหลิงอวี๋ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “มีเรื่องอันใดหรือ? มิเช่นนั้นมืดค่ำป่านนี้เจ้าก็คงมิมาหาข้ากระมัง!”ความเฉียบแหลมของหลงเพ่ยเพ่ยทำให้หลิงอวี๋รู้สึกชื่นชมยิ่งนัก นางจึงดึงหลงเพ่ยเพ่ยไปยืนด้านข้าง แล้วเอ่ยเบา ๆ “ข้าอยากให้เจ้าช่วย เวลานี้ข้านึกมิออกว่านอกจากเจ้าแล้วจะมีผู้ใดช่วยข้าได้ ข้าจึงมาหาเจ้า!”“เจ้าอย่าได้กังวล บอกข้ามา หากข้าสามารถช่วยได้ข้าก็จะช่วยอย่างแน่นอน!” หลงเพ่ยเพ่ยเอ่ยปลอบใจหลิงอวี๋หายใจเข้าลึก ๆ ระหว่างทางที่มานางได้เตรียมคำพูดไว้แล้ว จึงเอ่ยออกไป “เจ้าก็รู้ว่าข้ามาหาโอกาสที่เมืองหลวงแดนเทพกับพี่ใหญ่ของข้า และพี่ใหญ่ก็เป็นญาติเพียงคนเดี
หลิงอวี๋ยิ้มออกมา ต่อให้นางใจดีแค่ไหนก็มีขอบเขตของตน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดักแล้วตนจะพาตัวเองเข้าไปได้อย่างไรกัน!หากตนรู้จักฮูหยินเฉิง บางทีอาจจะเสี่ยงไปช่วยชีวิตนาง!แต่ตนกับฮูหยินเฉิงมิได้รู้จักกัน มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนดีหรือคนเลวแม้ว่าจะเห็นใจฮูหยินเฉิงที่ต้องประสบความทรมานของการเจ็บป่วย แต่นางก็มิใช่แม่พระ มิสามารถไปช่วยชีวิตทุกคนที่เจ็บป่วยได้หรอก!หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วเอ่ยกับเย่หรง “ในช่วงสองวันนี้ท่านคอยติดตามอาการป่วยของฮูหยินเฉิงไว้ และไปตรวจสอบตัวตนของแม่ทัพเฉิงให้ละเอียดอีกสักหน่อย!”“หากเขาสามารถเป็นสายลับให้ท่านไปช่วยมารดาของท่านออกมาได้จริง ๆ ข้าจะหาวิธีตามหาหลิงอวี๋มาช่วยชีวิตนาง!”สำหรับเย่หรงแล้ว คนที่สำคัญที่สุดนั้นคือมารดาของเขาหากมั่นใจได้ว่าแม่ทัพเฉิงยินดีจะช่วยเป็นสายลับให้เย่หรง ต่อให้หลิงอวี๋ต้องเสี่ยงอันตรายก็จะช่วยเย่หรงทำสิ่งนี้“เจ้ามีวิธีตามหานางหรือ?”เย่หรงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“พี่ชายข้าเก่งเรื่องการสืบหาข่าวมาก บางทีคนที่ผู้อื่นหามิเจอ เขาอาจจะตามหาเจอก็ได้!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน หากแม่ทัพเฉิงมิควรเชื่อ