“ถึงคราวนั้นองค์ชายคังสามารถไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทฟ้องร้องท่านได้ โดยตรัสว่าท่านบังคับรื้อถอนบ้านเรือนร้านค้าพวกเขาจึงเกิดเรื่องเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ!”“องค์ชาย ยามนี้คือเวลาสำคัญของศึกชิงรัชทายาท หากท่านคร่าชีวิตคน ยั่วยุฝ่าบาทกริ้วโกรธ ท่านจะนั่งบนตำแหน่งนี้ได้อยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“กระทั่งโครงการฟื้นฟูย่านการค้าที่เพิ่งได้รับก็อาจถูกฝ่าบาทยกให้คนอื่นทำพ่ะย่ะค่ะ!”หานหลินวิเคราะห์ผลเสียบานปลายเรื่องนี้ให้องค์ชายเว่ยครั้นองค์ชายเว่ยฟังก็ตระหนักถึงความรุนแรงของเรื่องได้ สิ่งที่หลานหลินเอ่ยอาจจะเกิดขึ้นได้จริง ๆ!หากรักษากิจราชการโครงการฟื้นฟูย่านการค้าไว้ได้ เขายังหาเงินจากแหล่งอื่นได้อยู่แต่หากเสียกิจราชการไปจะสะเทือนถึงการชิงตำแหน่งรัชทายาท มันได้ไม่คุ้มเสีย!“ได้ ท่านหาน ตัวข้าเชื่อฟังท่าน ข้าจักออกไปปลอบพวกเข้าประเดี๋ยวนี้!”ขณะองค์ชายเว่ยกล่าวก็รีบรุดหมายไปหานหลินพลันเอ่ย “องค์ชาย โปรดส่งคนของเราออกไปเฝ้าดู จะปล่อยให้คนขององค์ชายคังปะปนด้านในก่อเรื่องมิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ไหน ๆ จักเป็นคนดีแล้ว ให้คนของเราช่วยพ่อค้าพวกนั้นส่งของกลับด้วย! อย่างนี้จักได้ชื่อเสียงที่ดีขึ้นอีก!”เม
กวนอิ่งยังใคร่มาชมฉากโรงเหยียนหลิงถูกรื้อถอนนางรุดมาถึงพบว่าพ่อค้าพวกนั้นต่างมิได้ย้ายบ้าน อีกทั้งกำลังขนของกลับเมื่อกวนอิ่งสอบถามถึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนางขาดการมองการณ์ไกลเรื่องพ่อค้าล้อมกั้นตำหนักองค์ชายเว่ย รู้สึกพระองค์ไม่ได้เรื่องโดยแท้!พอโดนขวางประตูก็กลัวจนอะลุ้มอล่วยเสียแล้ว!กวนอิ่งไฉนจะยอมเลิกราเช่นนี้ นางยังคิดยืมอิทธิพลองค์ชายเว่ยกดหลิงอวี๋ จึงพาคนไปประตูตำหนักองค์ชายเว่ยนางคิดว่า หากตนยั่วยุองค์ชายเว่ยไม่กี่ประโยค องค์ชายเว่ยจะช่วยตนรื้อโรงเหยียนหลิงของหลิงอวี๋วันนี้แน่!ขณะนี้องค์ชายเว่ยกริ้วเต็มทรวง เรื่องบังคับรื้อมิเพียงมิได้ประโยชน์ยังเกือบไปถึงหูองค์จักรพรรดิด้วยทั้งหมดนี้เป็นหลุมพรางที่องค์ชายคังกับกวนอิ่งวางใส่ตนเขากำลังมีน้ำโหว่าจะชำระทั้งสองอย่างไร คิดไม่ถึงว่าคนเฝ้ายามจะมาแจ้งว่าคุณหนูใหญ่กวนมา“นางยังกล้ามาอีกรึ? ข้ากำลังจะไปหานาง! ให้นางเข้ามา!”หลังองค์ชายเว่ยเอ่ยจบ จู่ ๆ ก็นึกถึงถ้อยคำนั้นของหานหลิน ‘คุณหนูใหญ่กวนเอ่ยว่าท่านมิเข้าตานาง!’องค์ชายเว่ยแสยะยิ้ม ตัวข้าไม่เข้าตาหรือ?ตัวข้ารับเจ้าเป็นพระชายารอง ข้ายังไม่เข้าตาเจ้าอีกรึ!ได้ งั้
“ไปให้พ้น…!”กวนอิ่งเดือดจัดยกมือขึ้นหมายตบองค์ชายเว่ย ทว่ามือกลับอ่อนแรงยกไม่ขึ้นเลย…“แควก…”กวนอิ่งได้ยินเพียงเสียงเฉียบคม อาภรณ์ส่วนบนถูกฉีกออกจากกันทันใด!“เลวนัก… ท่านจะทำอะไร?”กวนอิ่งตะโกนกราดเกรี้ยว “หยุดซะ ไม่งั้นข้าจะฆ่าท่านแน่!”“เพียะ!”องค์ชายเว่ยตบหน้ากวนอิ่งไวว่อง นัยน์ตาพลางฉายรัศมีโหดเหี้ยม“สารเลว!”กวนอิ่งถูกตบจนล้มกับพื้นนางดิ้นรนหมายลุกขึ้น แต่ตัวอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง“ท่าน ท่านวางยาในชา?”ในที่สุดกวนอิ่งก็หยั่งรู้ขึ้น กลัวจนหน้าถอดสี“หญิงชั่ว เพิ่งมารู้ตัวเอาตอนนี้รึ! ใครใช้ให้เจ้าใส่ไคล้ตัวข้า!”องค์ชายเว่ยเตะกวนอิ่งอย่างเหี้ยมโหด ครั้นนึกถึงว่าเกือบถูกหญิงชั่วนี่คิดร้ายก็ทวีความเดือดดาลจนคันฟัน พลางหยิบแส้บนผนังหวดร่างกวนอิ่ง“เพียะ!”“เพียะ!”“เพียะ!”กวนอิ่งพลันร่ำร้องน่าสังเวช เจ็บปวดจนแดดิ้นตามพื้นแต่ไหนมาเป็นนางใช้แส้หวดคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มรสแส้!“เซียวหลินเยี่ยน ท่านกล้าทำกับข้าเช่นนี้ ข้าจะฆ่าท่านแน่!”กวนอิ่งกรีดร้องเสียงแหลมแต่เขากลับตอบนางด้วยแส้อันเหี้ยมเกรียม“หญิงชั่ว เจ้ามีสิทธิ์คิดสังหารข้าเหรอ? ที่ตัวข้า
“เหอะ!”“เห็นแก่หน้าพี่เจ้า ครั้งนี้ตัวข้าจักไว้ชีวิตเจ้า!”องค์ชายเว่ยเห็นว่ากวนอิ่งจวนสิ้นใจก็นึกถึงว่าเขายังต้องการความมั่งคั่งของตระกูลกวนและผลพลอยได้ของกวนซิน พลันคลายมือออกกวนอิ่งทรุดลงแทบเท้าองค์ชายเว่ย หายใจหอบหนักหน่วงในที่สุดนางก็รู้จักความหวั่นเกรง!นางคิดมาตลอดว่าตระกูลกวนร่ำรวยเทียมแคว้น แม้แต่องค์จักรพรรดิยังต้องหวาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูก ๆ ทางสายเลือดเขาเลย!แต่นางพอเห็นนัยน์ตาจิตสังหารของเซียวหลินเยี่ยนเท่านั้! เมื่อครู่ชั่วพริบตานั้น นางเกือบคิดว่าตัวเองจะไม่รอดแล้ว!“หญิงชั่ว เจ้ามีแค้นกับพระชายาอ๋องอี้! หมายรื้อร้านนาง เจ้าหลอกใช้ตัวข้ามิเป็นไร แต่เจ้าบังอาจร่วมมือกับองค์ชายคังตลบหลังข้า!”เท้าข้างหนึ่งขององค์ชายเว่ยเหยียบหน้าอกกวนอิ่งพลางขยี้อย่างแรงกวนอิ่งเจียนสลบจากความเจ็บครั้นองค์ชายเว่ยนึกถึงแผนกวนอิ่งกับองค์ชายคังที่เกือบติดกับเข้าให้ พลันกล่าวอย่างน่าหวาดประหวั่น“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นพระชายาอ๋องอี้ลอบเผยเรื่องที่เจ้ากับองค์ชายคังใส่ไคล้ตัวข้า! ไม่งั้นข้าคงตกหลุมพรางพวกเจ้า!”“ฉะนั้น ที่เจ้าประสบวันนี้เป็นเจ้าทำตัวเจ้าเอง! ตัวข้ามิฆ่าหญิงชั่วเช
“ท่านพี่! ท่านพี่ต้องตัดสินให้ข้า!”ณ ตำหนักอ๋องอี้ เสิ่นจวนเห็นว่าหลิงอวี๋ไม่อยู่ ก็พานางรับใช้ของตนเองที่ถูกทุบตีมาร้องห่มร้องไห้ฟ้องเซียวหลินเทียน“จวนเอ๋อร์เองก็อยากให้ท่านพี่พักผ่อนอย่างเต็มที่ ถึงได้ให้คนมาคอยเฝ้าท่านพี่!”“ดูสิว่าภรรยาของท่านพี่เผด็จการถึงเพียงนี้ ทุบตีนางรับใช้ของข้าจนกลายเป็นเช่นนี้!”เสิ่นจวนผลักนางรับใช้ที่จมูกช้ำหน้าบวมไปข้างหน้าให้เซียวหลินเทียนเห็นเซียวหลินเทียนเหลือบมองนางรับใช้ผู้นั้นด้วยความรังเกียจ จมูกช้ำใบหน้าบวม นางถูกทุบตีอย่างหนักจริง ๆ!“ท่านพี่ ท่านพี่ต้องตัดสินให้หม่อมฉันนะ! นางรับใช้ก็เป็นมนุษย์เช่นกัน พี่สะใภ้มีสิทธิ์อันใดถึงทำร้ายนางเช่นนี้?”“เรือนของข้ามิต้องการให้คนของเจ้ามาเฝ้า! อีกทั้งเจ้ายังส่งนางรับใช้มากั้นประตูอีก นี่มันเรื่องอันใดกัน?”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยความโกรธ “หลิงอวี๋เป็นพระชายาของข้า นางมาเยี่ยมข้า พวกตาไม่มีแววพวกนี้ กล้าดีไฉนมาขวางนางไว้ คิดว่านี่คือคฤหาสน์เสิ่นรึ?”“เสิ่นจวน ข้าสบายดีแล้ว มิต้องการให้เจ้ามาดูแลแล้ว วันนี้เจ้าพาพวกนางกลับไปเถอะ!”เสิ่นจวนเห็นว่าเซียวหลินเทียนมิได้เห็นแก่นางเลย ก็ร้อนใจขึ้นมา
“คารวะท่านพี่จ้าวเจ้าค่ะ!”เสิ่นจวนโค้งคำนับอย่างเชื่อฟัง พลางยิ้มเล็กน้อย“พี่จ้าวไปเยี่ยมท่านพี่แล้ว ค่อยมาคุยกับข้านะเจ้าคะ! มิได้เจอพี่จ้าวกันนมนาน จวนเอ๋อร์อยากคุยกับพี่จ้าว!”จ้าวเจินเจินมองนางอย่างประหลาดใจ เสิ่นจวนกะพริบตาอย่างลึกลับ แล้วพานางรับใช้เดินออกไปจ้าวเจินเจินกระตุกริมฝีปาก แล้วก้าวเข้าไปในประตูเรือนเซียวหลินเทียนนั่งอยู่ในเรือน เห็นสาวงามหยดย้อยเดินมาหาตนเขามองนิ่ง มิได้เจอกันมาสี่ปีแล้ว จ้าวเจินเจินสวยขึ้นกว่าเดิม!ใบหน้าที่ในวันเก่า ๆ ยังมีความเคร่งขรึมอยู่หน่อย ๆ ตอนนี้คลายแล้ว ดูงดงามสะดุดตายิ่งนักจ้าวเจินเจินเดินไปหยุดอยู่ตรงที่ห่างจากเซียวหลินเทียนเพียงไม่กี่เมตร นางเองยังมองเซียวหลินเทียนอย่างนิ่ง ๆ เช่นกันหนที่มาครั้งล่าสุด เซียวหลินเทียนยังมิได้สติ จะเป็นจะตายก็ยังมิรู้เลย!แต่ตอนนี้ นอกจากใบหน้าซีดเซียวที่เสียเลือดมากเกินไปแล้ว ก็ไม่มีเค้าของการที่ชีวิตถูกแขวนไว้บนเส้นด้ายอีกต่อไปแล้วไม่ได้เจอกันมาสี่ปี เซียวหลินเทียนเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว ใบหน้าที่ทำให้นางหลงใหลในอดีตนั้นหล่อเหลามาดบุรุษมากขึ้นอีก!หัวใจของจ้าวเจินเจินรู้สึกราวกับว่าถูกแมวข่
“หลิงอวี๋ นาง...”เซียวหลินเทียนกำลังคิดจะบอกออกไปเรื่องที่หลิงอวี๋รักษาขาของตนได้ผล แต่คำพูดติดอยู่บนริมฝีปากเซียวหลินเทียนเห็นจ้าวเจินเจินกำลังเล่นกับจี้หยกบนเข็มขัดของตน!จี้หยกนั่นเป็นจี้หยกไม้ไผ่ของบุรุษ เช่นนั้นคงจะเป็นสิ่งที่องค์ชายคังมอบให้กับจ้าวเจินเจิน!เซียวหลินเทียนนึกขึ้นได้ถึงตัวตนของจ้าวเจินเจินในเวลานี้...นางเป็นภริยาขององค์ชายสอง เป็นพระชายาคัง!เซียวหลินเทียนเพิ่งจะคิดแผนจัดการองค์ชายคังกับองค์ชายเว่ย แล้วจ้าวเจินเจินก็มาเยี่ยมถึงที่!ระหว่างทั้งสองฝ่ายนี้ไม่มีความสัมพันธ์ใดหรือ?“น้องสะใภ้เป็นเยี่ยงไรบ้าง? หาวิธีรักษาขาของท่านได้แล้วหรือไม่?”จ้าวเจินเจินเอ่ยอย่างรีบร้อน “เช่นนี้ก็เยี่ยมมากเลย! หากพี่สี่สามารถยืนขึ้นได้ในเร็ววัน พวกเราล้วนยินดีกับท่านด้วย!”เซียวหลินเทียนหลุบตาลง ในใจรู้สึกสับสนมากจ้าวเจินเจินอยากให้ขาของตนหายขาดจริง ๆ หรือ?นางเป็นห่วงตนจริง ๆ หรือ?แต่หากไม่ใช่เล่า?หากนางมาหยั่งเชิงตนเองแทนองค์ชายสองเล่า?“ไม่… หลิงอวี๋ตรวจขาของข้าแล้ว นางบอกว่าทำอันใดมิได้แล้ว!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “หมอว่านก็บอกด้วยว่า ไม่มีผู้ใดส
จ้าวเจินเจินเห็นท่าทีโกรธเกรี้ยวของเซียวหลินเทียน ในใจก็แอบหัวเราะอย่างภาคภูมิใจหลิงอวี๋ แม้ว่ายามนี้เจ้าได้รับความไว้วางใจจากเซียวหลินเทียนแล้วจะอย่างไรเล่า!ข้าพูดไม่กี่คำ ก็สามารถดึงเจ้ากลับไปอยู่ในจุดเดิมได้แล้ว!จ้าวเจินเจินมาครั้งนี้มิได้มาเพียงเพื่อหยั่งเชิงดูว่าขาของเซียวหลินเทียนสามารถรักษาได้หรือไม่!หากนางต้องการเป็นฮองเฮาของฉินตะวันตกในอนาคต นางมิสามารถให้ใครมาทำลายแผนการขององค์ชายคังได้!แม้แต่เซียวหลินเทียนก็มิได้!ครั้งนี้เซียวหลินเทียนบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้นแต่ก็สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ สิ่งนี้ทำให้จ้าวเจินเจินกับองค์ชายคังมิสามารถประมาทของหลิงอวี๋ได้อีกต่อไป!หลิงอวี๋ทำให้ท่านอดีตเสนาบดีที่ควรจะต้องตายกลับมีชีวิตอยู่ได้ พวกเขาจะต้องมิให้โอกาสหลิงอวี๋รักษาขาของเซียวหลินเทียนอีก!ข้อเสนอเดิมของจ้าวเจินเจินคือฆ่าหลิงอวี๋เสีย แต่องค์ชายคังมิเห็นด้วยองค์ชายคังบอกว่าหลิงอวี๋ยังมีประโยชน์ เขาจะยังมิเอาชีวิตของหลิงอวี๋ในขณะนี้!แม้ว่าจ้าวเจินเจินจะสงสัยว่าเหตุใดยามนี้ถึงมิสามารถฆ่าหลิงอวี๋ได้ แต่องค์ชายคังมิได้บอก บอกเพียงแค่ว่าเดี๋ยวต่อไปจ้าวเจินเจินก็จะรู้เอง!วั
ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้
เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค
ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร
“เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ
เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย
หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ
หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“
เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี
หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห