“ท่านพี่! ท่านพี่ต้องตัดสินให้ข้า!”ณ ตำหนักอ๋องอี้ เสิ่นจวนเห็นว่าหลิงอวี๋ไม่อยู่ ก็พานางรับใช้ของตนเองที่ถูกทุบตีมาร้องห่มร้องไห้ฟ้องเซียวหลินเทียน“จวนเอ๋อร์เองก็อยากให้ท่านพี่พักผ่อนอย่างเต็มที่ ถึงได้ให้คนมาคอยเฝ้าท่านพี่!”“ดูสิว่าภรรยาของท่านพี่เผด็จการถึงเพียงนี้ ทุบตีนางรับใช้ของข้าจนกลายเป็นเช่นนี้!”เสิ่นจวนผลักนางรับใช้ที่จมูกช้ำหน้าบวมไปข้างหน้าให้เซียวหลินเทียนเห็นเซียวหลินเทียนเหลือบมองนางรับใช้ผู้นั้นด้วยความรังเกียจ จมูกช้ำใบหน้าบวม นางถูกทุบตีอย่างหนักจริง ๆ!“ท่านพี่ ท่านพี่ต้องตัดสินให้หม่อมฉันนะ! นางรับใช้ก็เป็นมนุษย์เช่นกัน พี่สะใภ้มีสิทธิ์อันใดถึงทำร้ายนางเช่นนี้?”“เรือนของข้ามิต้องการให้คนของเจ้ามาเฝ้า! อีกทั้งเจ้ายังส่งนางรับใช้มากั้นประตูอีก นี่มันเรื่องอันใดกัน?”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยความโกรธ “หลิงอวี๋เป็นพระชายาของข้า นางมาเยี่ยมข้า พวกตาไม่มีแววพวกนี้ กล้าดีไฉนมาขวางนางไว้ คิดว่านี่คือคฤหาสน์เสิ่นรึ?”“เสิ่นจวน ข้าสบายดีแล้ว มิต้องการให้เจ้ามาดูแลแล้ว วันนี้เจ้าพาพวกนางกลับไปเถอะ!”เสิ่นจวนเห็นว่าเซียวหลินเทียนมิได้เห็นแก่นางเลย ก็ร้อนใจขึ้นมา
“คารวะท่านพี่จ้าวเจ้าค่ะ!”เสิ่นจวนโค้งคำนับอย่างเชื่อฟัง พลางยิ้มเล็กน้อย“พี่จ้าวไปเยี่ยมท่านพี่แล้ว ค่อยมาคุยกับข้านะเจ้าคะ! มิได้เจอพี่จ้าวกันนมนาน จวนเอ๋อร์อยากคุยกับพี่จ้าว!”จ้าวเจินเจินมองนางอย่างประหลาดใจ เสิ่นจวนกะพริบตาอย่างลึกลับ แล้วพานางรับใช้เดินออกไปจ้าวเจินเจินกระตุกริมฝีปาก แล้วก้าวเข้าไปในประตูเรือนเซียวหลินเทียนนั่งอยู่ในเรือน เห็นสาวงามหยดย้อยเดินมาหาตนเขามองนิ่ง มิได้เจอกันมาสี่ปีแล้ว จ้าวเจินเจินสวยขึ้นกว่าเดิม!ใบหน้าที่ในวันเก่า ๆ ยังมีความเคร่งขรึมอยู่หน่อย ๆ ตอนนี้คลายแล้ว ดูงดงามสะดุดตายิ่งนักจ้าวเจินเจินเดินไปหยุดอยู่ตรงที่ห่างจากเซียวหลินเทียนเพียงไม่กี่เมตร นางเองยังมองเซียวหลินเทียนอย่างนิ่ง ๆ เช่นกันหนที่มาครั้งล่าสุด เซียวหลินเทียนยังมิได้สติ จะเป็นจะตายก็ยังมิรู้เลย!แต่ตอนนี้ นอกจากใบหน้าซีดเซียวที่เสียเลือดมากเกินไปแล้ว ก็ไม่มีเค้าของการที่ชีวิตถูกแขวนไว้บนเส้นด้ายอีกต่อไปแล้วไม่ได้เจอกันมาสี่ปี เซียวหลินเทียนเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว ใบหน้าที่ทำให้นางหลงใหลในอดีตนั้นหล่อเหลามาดบุรุษมากขึ้นอีก!หัวใจของจ้าวเจินเจินรู้สึกราวกับว่าถูกแมวข่
“หลิงอวี๋ นาง...”เซียวหลินเทียนกำลังคิดจะบอกออกไปเรื่องที่หลิงอวี๋รักษาขาของตนได้ผล แต่คำพูดติดอยู่บนริมฝีปากเซียวหลินเทียนเห็นจ้าวเจินเจินกำลังเล่นกับจี้หยกบนเข็มขัดของตน!จี้หยกนั่นเป็นจี้หยกไม้ไผ่ของบุรุษ เช่นนั้นคงจะเป็นสิ่งที่องค์ชายคังมอบให้กับจ้าวเจินเจิน!เซียวหลินเทียนนึกขึ้นได้ถึงตัวตนของจ้าวเจินเจินในเวลานี้...นางเป็นภริยาขององค์ชายสอง เป็นพระชายาคัง!เซียวหลินเทียนเพิ่งจะคิดแผนจัดการองค์ชายคังกับองค์ชายเว่ย แล้วจ้าวเจินเจินก็มาเยี่ยมถึงที่!ระหว่างทั้งสองฝ่ายนี้ไม่มีความสัมพันธ์ใดหรือ?“น้องสะใภ้เป็นเยี่ยงไรบ้าง? หาวิธีรักษาขาของท่านได้แล้วหรือไม่?”จ้าวเจินเจินเอ่ยอย่างรีบร้อน “เช่นนี้ก็เยี่ยมมากเลย! หากพี่สี่สามารถยืนขึ้นได้ในเร็ววัน พวกเราล้วนยินดีกับท่านด้วย!”เซียวหลินเทียนหลุบตาลง ในใจรู้สึกสับสนมากจ้าวเจินเจินอยากให้ขาของตนหายขาดจริง ๆ หรือ?นางเป็นห่วงตนจริง ๆ หรือ?แต่หากไม่ใช่เล่า?หากนางมาหยั่งเชิงตนเองแทนองค์ชายสองเล่า?“ไม่… หลิงอวี๋ตรวจขาของข้าแล้ว นางบอกว่าทำอันใดมิได้แล้ว!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “หมอว่านก็บอกด้วยว่า ไม่มีผู้ใดส
จ้าวเจินเจินเห็นท่าทีโกรธเกรี้ยวของเซียวหลินเทียน ในใจก็แอบหัวเราะอย่างภาคภูมิใจหลิงอวี๋ แม้ว่ายามนี้เจ้าได้รับความไว้วางใจจากเซียวหลินเทียนแล้วจะอย่างไรเล่า!ข้าพูดไม่กี่คำ ก็สามารถดึงเจ้ากลับไปอยู่ในจุดเดิมได้แล้ว!จ้าวเจินเจินมาครั้งนี้มิได้มาเพียงเพื่อหยั่งเชิงดูว่าขาของเซียวหลินเทียนสามารถรักษาได้หรือไม่!หากนางต้องการเป็นฮองเฮาของฉินตะวันตกในอนาคต นางมิสามารถให้ใครมาทำลายแผนการขององค์ชายคังได้!แม้แต่เซียวหลินเทียนก็มิได้!ครั้งนี้เซียวหลินเทียนบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้นแต่ก็สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ สิ่งนี้ทำให้จ้าวเจินเจินกับองค์ชายคังมิสามารถประมาทของหลิงอวี๋ได้อีกต่อไป!หลิงอวี๋ทำให้ท่านอดีตเสนาบดีที่ควรจะต้องตายกลับมีชีวิตอยู่ได้ พวกเขาจะต้องมิให้โอกาสหลิงอวี๋รักษาขาของเซียวหลินเทียนอีก!ข้อเสนอเดิมของจ้าวเจินเจินคือฆ่าหลิงอวี๋เสีย แต่องค์ชายคังมิเห็นด้วยองค์ชายคังบอกว่าหลิงอวี๋ยังมีประโยชน์ เขาจะยังมิเอาชีวิตของหลิงอวี๋ในขณะนี้!แม้ว่าจ้าวเจินเจินจะสงสัยว่าเหตุใดยามนี้ถึงมิสามารถฆ่าหลิงอวี๋ได้ แต่องค์ชายคังมิได้บอก บอกเพียงแค่ว่าเดี๋ยวต่อไปจ้าวเจินเจินก็จะรู้เอง!วั
จ้าวเจินเจินเพิ่งจะเดินออกจากตำหนักอ๋องอี้ ก็มีนางรับใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาพลางเอ่ยเสียงเบา“พระชายาคัง บ่าวเป็นนางรับใช้ของคุณหนูเสิ่นเจ้าค่ะ คุณหนูเสิ่นบอกว่าขอเชิญพระชายาดื่มชา นางรอพระชายาอยู่ที่โรงน้ำชาข้างหน้าเจ้าค่ะ!”จ้าวเจินเจินยิ้มเล็กน้อย เรื่องที่เสิ่นจวนพักอยู่ในตำหนักอ๋องอี้ชั่วคราวนั้นนางรู้อยู่แล้วนางอยากแยกหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนออกจากกัน และเสิ่นจวนผู้นี้ก็เป็นมีดที่เหมาะสมมาก!จ้าวเจินเจินพานางรับใช้ไปที่โรงน้ำชาเสิ่นจวนสั่งชาไปแล้ว เมื่อนางเห็นนางก็ยืนขึ้นต้อนรับหลังจากที่ทั้งสองทักทายกันแล้ว เสิ่นจวนก็รีบเปลี่ยนหัวข้อไปเรื่องของเซียวหลินเทียนอย่างรวดเร็ว“พี่จ้าว ข้ารู้เรื่องในอดีตของพี่กับท่านพี่ของข้า พี่มาเยี่ยมเขา คงต้องเป็นห่วงเขาแน่ ๆ!”จ้าวเจินเจินยิ้มพลางเอ่ย “เรื่องในอดีตมันเป็นอดีตไปแล้ว! วันนี้ข้ามาเยี่ยมเพราะสามีข้าขอให้ข้ามา!”“พระองค์เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของน้องสี่มาก เพียงแต่พระองค์งานยุ่ง ไม่มีเวลาถึงส่งข้ามาแทน!”เสิ่นจวนรีบเอ่ย “ข้าผิดไปแล้ว! พวกท่านเป็นครอบครัวเดียวกัน ย่อมเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านพี่ข้าอยู่แล้ว!”“พี่จ้าว ข้าก็เป็น
“ไม่ได้ ข้าจักต้องแต่งงานกับท่านพี่ข้า!”เสิ่นจวนเอ่ยอย่างหนักแน่น “ข้าจักไม่มีทางแต่งงานกับผู้ใดนอกจากเขา!”จ้าวเจินเจินแสร้งเป็นทุกข์ “สาวน้อย เหตุใดเจ้ามิฟังคำเตือนหนา! เห้อ มิรู้ว่าหลิงอวี๋มีกระไรดี ไฉนท่านพี่ของเจ้ามิหย่ากับนางแล้วมาแต่งงานกับเจ้านะ?”“เจ้ารักท่านพี่ของเจ้าถึงเพียงนี้ ต้องทำให้ท่านอ๋องอี้มีความสุขได้อย่างแน่นอน!”“จริงสิ งานฉลองวันพระราชสมภพครั้งที่แล้ว หลิงอวี๋พิสูจน์ว่าเด็กคนนั้นเป็นบุตรของท่านอ๋องอี้มิใช่หรือ? เหตุใดท่านอ๋องอี้มิพาเด็กคนนั้นไปเข้าราชวงศ์เล่า?”“หรือว่าท่านอ๋องอี้ยังสงสัยอยู่ว่าเด็กคนนั้นมิใช่ลูกแท้ ๆ ของเขา?”เสิ่นจวนเอ่ยด้วยความโกรธ “มิรู้ว่าท่านพี่คิดเยี่ยงไร… ข้าก็บอกเขาไปแล้วว่าการหลั่งเลือดพิสูจน์เชื้อสายนั้นมันมิจริง แต่เขามิฟังข้า!”จ้าวเจินเจินเอ่ยราวกับไม่ได้ตั้งใจ “ท่านอ๋องอี้เป็นคนที่ต้องการหลักฐานแน่น จากที่ได้ฟังเขาไม่มีทางเชื่อแน่นอน เจ้าจักโน้มน้าวเขาเจ้าต้องมีหลักฐาน!”“เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว ข้าจักไปหาหลักฐานได้จากที่ใดกัน?” เสิ่นจวนเอ่ยถามอย่างกังวลจ้าวเจินเจินเหลือบมองเสิ่นจวนอย่างดูถูก นังหัวหมูนี่ เตือนชัดเจนถึ
แต่แม่นมลี่มิสนใจมิได้ นางเอ่ยอย่างกังวล“คุณหนู คุณหนูจักประมาทมิได้หนาเจ้าคะ… ครานั้นคุณหนูแย่งท่านอ๋องมา จ้าวเจินเจินต้องเกลียดคุณหนูมากแน่ ๆ!”“หากนางพูดมิดีเกี่ยวกับคุณหนูต่อหน้าท่านอ๋อง ท่านอ๋องจักทรงเกลียดคุณหนูอีกหนาเจ้าคะ!”หลิงอวี๋ยิ้ม “แม่นม มิต้องกังวลหรอก! เซียวหลินเทียนมิใช่คนประเภทที่ถูกยุยงได้ง่าย ๆ นะ!”แม่นมลี่จ้องหลิงอวี๋ด้วยความโกรธ“คุณหนู คุณหนูมิระวังเลย!”“ยามนี้ในตำหนักมีเสิ่นจวนเข้ามาก็รบกวนคุณหนูมากพอแล้วหนาเจ้าคะ! หากเพิ่มพระชายาคังมาอีกคน จักต้องเกิดเรื่องวุ่นวายมากมายเป็นแน่!”“คุณหนู อย่าว่าบ่าวพูดมากเลยเจ้าค่ะ… บ่าวเห็นว่าช่วงนี้คุณหนูกับท่านอ๋องเข้ากันได้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!”“เช่นนั้น… อย่าหย่ากันเลยเจ้าค่ะ! ใช้ชีวิตกับท่านอ๋องเถิด!”“เสิ่นจวนผู้นั้นอยากแต่งงานกับท่านอ๋องเข้ามาเป็นชายารอง คุณหนูอย่าให้นางมีโอกาสเอาเปรียบได้หนาเจ้าคะ!”หลิงอวี๋ได้ยินสิ่งนี้ใบหน้าก็กระตุก พลางเอ่ยอย่างจนใจ“แม่นม อย่าคิดเหลวไหลเลย!”“ช่วงนี้ข้าสนิทกับเซียวหลินเทียนเพราะเขาช่วยข้า และข้าก็ช่วยเขาในเรื่องบางอย่างด้วย!”แม่นมลี่ยังคงมิยอมแพ้ พลางเอ่ยเตือน“
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจู่ ๆ ถึงรีบร้อนเช่นนี้?”หลิงอวี๋เองก็เก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว จึงเอ่ยถาม“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก… ข้าแค่อยากรู้ว่าข้าต้องใช้เวลารักษาอีกนานแค่ไหนถึงยืนได้?”เซียวหลินเทียนเบือนหน้าหลบสายตาของหลิงอวี๋ พลางเอ่ยอย่างหงุดหงิด“จักทำอันใดให้สำเร็จก็ต้องมีความอดทน!”หลิงอวี๋เอ่ยปลอบใจ “ก่อนหน้านี้หม่อมฉันก็บอกท่านแล้วมิใช่หรือ? ว่าขาของท่าน...”“เจ้าก็บอกมาว่านานแค่ไหน… หนึ่งเดือนหรือสองเดือน?”เซียวหลินเทียนพูดตัดบทหลิงอวี๋อย่างไม่อดทน ด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้างหลิงอวี๋ตะลึงกับการที่เขาตะคอกอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็มิได้คิดอะไรมาก คิดว่าเซียวหลินเทียนไปเจอเรื่องที่ไม่สบายใจมา ดังนั้นวันนี้จึงหงุดหงิด“ฝังเข็มอีกสักสองสามครั้ง ก็น่าจะดีขึ้นแล้ว!”หลิงอวี๋คิดอยู่ครู่หนึ่งพลางเอ่ย “หม่อมฉันจักเปลี่ยนตำรับโอสถให้ท่าน ทำร่วมกับการอาบน้ำสมุนไพรจักยิ่งได้ผลดี!”“เช่นนั้นก็ฝังเข็มเลย! จัดการตำรับยาก่อน ข้าจักให้ลู่หนานไปเอาโอสถ!”เมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนร้อนใจถึงเพียงนี้ หลิงอวี๋จึงทำได้เพียงเขียนตำรับโอสถก่อน จากนั้นจึงหยิบเข็มเงินออกมาเซียวหลินเที
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก