ยังดีที่มีคนเข้าใจ!หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนกระจ่าง เขาไม่ได้แค้นตนเพียงเพราะการยุยงของตระกูลเสิ่น ช่างปลื้มใจนักหากเซียวหลินเทียนยังสับสนเหมือนแต่ก่อน โดนคนเสี้ยมไม่กี่ประโยคก็เกลียดตนแล้ว เช่นนั้นหลิงอวี๋คงไม่รักษาขาเขาอีก!“จ้าวซวนทูลท่านหรือยังว่าองค์ชายเว่ยแย่งกิจราชการท่าน?”หลิงอวี๋นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงพลางดึงมือเซียวหลินเทียนมาตรวจชีพจรใจนางยังหวาดระแวงกับยาถอนพิษของชิวเฮ่า นางต้องตรวจเซียวหลินเทียนว่าล้างพิษแล้วจริงหรือไม่“ทูลแล้วขอรับ แม้แต่เรื่องที่ไปขอยาก็บอกแล้ว!”เซียวหลินเทียนนึกถึงวาจาที่จ้าวซวนเอ่ยก็โกรธจนคันฟันองค์ชายเว่ยส่งคนมาลอบฆ่าตนพลางวางพิษใส่ตน!เขายังกล้าให้หลิงอวี๋คุกเข่าถอดรองเท้าให้ ราวกับเซียวหลินเทียนถูกทำให้อัปยศด้วย“ข้าจะไม่ปล่อยไปอย่างนี้!”ดวงตาเซียวหลินเทียนดุดัน “เจ้าวางใจ หนี้อัปยศก้อนนี้ ข้าจักทวงคืนให้พวกเจ้าแน่!”หลิงอวี๋หัวเราะน้อย ๆ กล่าวมีนัยลึกซึ้ง“องค์ชายเว่ยทรงงานที่กรมโยธาธิการ ท่านหมายชิงกิจราชการคืนก็มิใช่ไร้ทางเพคะ!”เซียวหลินเทียนหัวเราะหยัน “เจ้าพูดถูก! ข้าฟังจ้าวซวนมาว่าองค์ชายคังคิดทวงคืนความยุติธรรมเพื่อข้า
แม่นมเฉา!หลิงอวี๋นึกถึงคำที่หลิงซวนพูดฉับพลัน แม่นมที่มีหน้าคล้ายม้าและหางคิ้วโก่งคือแม่นมเฉาที่เสิ่นจวนพามา!หลิงอวี๋หัวเราะหยัน ไม่คิดว่าจะเคยชินกับการอาศัยบารมีของนาย เที่ยวรังแกชาวบ้าน!“แม่นมเฉามิพอใจรึ? อ้อ งั้นข้าก็รู้จักเรือนดี ๆ อยู่หนา แม่นมอยากให้คุณหนูของพวกเจ้าย้ายไปหรือไม่เล่า!”เมื่อแม่นมเฉาได้ฟังก็คิดว่าหลิงอวี๋กลัวตน กล่าวอย่างกิ้งก่าได้ทอง“หากมีเรือนดีก็ต้องย้ายแน่ เจ้าให้คนมาขนของพวกเราไปเดี๋ยวนี้เลย!”หลิงอวี๋ชี้ไปยังศาลาพักริมน้ำที่ด้านหลัง ยิ้มกล่าวว่า“ศาลาริมน้ำคือเรือนที่ดีที่สุดแห่งตำหนักอ๋องอี้ พวกเจ้าอยากย้ายก็ย้ายมาเถอะ!”“ตัวข้าเหนื่อยมาทั้งวันต้องไปพักก่อน! ข้าเห็นเจ้าพาคนมามิน้อยอยากย้ายก็ขนเองแล้วกัน!”ครั้นพูดจบ หลิงอวี๋ก็พาหลิงซวนไปแม่นมเฉาโกรธจนตะโกนเรียก “พระชายาอ๋องอี้ ท่านต้อนรับแขกเช่นนี้เรอะ?”“ข้าจักไปทูลนายท่านกับพระชายาหรงเฟย… จักทำให้ท่านอ๋องหย่ากับเจ้าแน่!”หลิงอวี๋ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ นางอยากเอ็ดตะโรก็เอาเลย ให้เซียวหลินเทียนฟังเองว่า บุตรผู้น้องเขาพาคนพฤติกรรมเยี่ยงไรมา!แม่นมเฉามิได้โง่ขนาดนั้น เมื่อร้องสองประโยคเสร็จเห็นหล
เมื่อนางรับใช้ในเรือนมากขึ้น หลิงอวี๋จึงคิดเรียกให้แม่นมลี่กับหลิงซินมานางกล่าว “พวกเจ้าทุกคนเชื่อฟังแม่นมลี่ยามปกติ ส่วนยามออกตำหนักกลุ่มสุ่ยหลิงกับหลิงซวน กลุ่มเถาจื่อกับหลิงซินผลัดกันติดตามข้า!”“ที่เรือนจัดการงานตามคำสั่งแม่นมลี่! ที่นี่ข้าไม่มีกฎมากนัก ทุกคนรับเงินเดือนเหมือนกัน และรับเบี้ยบำเหน็จครึ่งปีหนึ่งครั้ง!”“เบี้ยบำเหน็จสูงต่ำขึ้นกับความขยันทำงาน! อย่างไรก็ตาม ติดตามข้าพวกเจ้าจักได้รับปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน!”เมื่อสุ่ยหลิงได้ยินข่าวดีแบบนี้ ดวงตาก็ประกายฉับพลันพลางถามตรงไปตรงมา“คุณหนูเจ้าคะ พวกเราใช้เงินพวกนี้ไถ่ถอนตัวเองได้หรือไม่เจ้าคะ?”หลิงอวี๋ผงกศีรษะ ยิ้มตอบ “ได้แน่นอน! แต่ตอนนี้ข้าต้องการกำลังคน หากพวกเจ้าอยากไปก็ต้องอยู่อย่างน้อยสองปี!”“หลังสองปีถ้าประพฤติตัวดี ข้าก็มิต้องการเงินค่าไถ่ถอนพวกเจ้า ข้าจักคืนสัญญาทาสให้พวกเจ้าเลย!”เมื่อเถาจื่อฟังก็ใจเต้น แต่ก็ยากจะเชื่อลงว่าคุณหนูผู้นี้จะเป็นนักบุญปานนี้เชียวรึ?หลิงซินมองทั้งสองอย่างหน้าใหญ่พลางเอ่ย “คุณหนูพูดคำไหนคำนั้น ยามนี้พวกเจ้ายังไม่เชื่อก็คอยดูเอาเถิดหนา!”“ข้าขอรับประกัน หากพวกเจ้ารู้ว่าคุณหน
“คุณหนู ไยท่านยังใจเย็น!”หลิงซวนดูท่าทางหลิงอวี๋ไม่เคืองขุ่นเลยสักกะผีก พลันเอ่ยร้อนใจ“ยามนี้พ่อค้าพวกนั้นต่างกำลังโวยวายว่า หากมิให้ค่าชดเชยพวกเขาจักมิย้ายออกเด็ดขาด!”ขณะทั้งสองกำลังคุยกัน หลี่ชุงก็วิ่งรุดเข้ามาหัวใจหลิงอวี๋บีบรัดขึ้นฉับพลัน หรือว่าสถานการณ์พัฒนาไปเหนือจินตนาการตนแล้ว?“อาจารย์ แย่แล้วเจ้าค่ะ พวกพ่อค้ารอบ ๆ วิ่งมาก่อเรื่องที่โรงเหยียนหลิงมิรู้เป็นผู้ใดบงการเจ้าค่ะ!”“พวกเขาว่าเดิมทีไม่ต้องรื้อถอนเป็นเพราะพระชายาล่วงเกินองค์ชายเว่ย องค์ชายเว่ยจึงยืนกรานจะรื้อจนพัวพันถึงพวกเขา!”“พวกเขาต้องการคำอธิบาย หากมิแก้ไข พวกเขาจักพังโรงเหยียนหลิง!”“ไป ไปดูกัน! หลิงซวนเจ้าเรียกสุ่ยหลิง เถาจื่อไปด้วย!”หลิงอวี๋รีบผลัดผ้ากำลังจะออกไปก็คิดอะไรขึ้นได้จึงกล่าว“หลิงซวน เจ้าไปบอกพี่ใหญ่จ้าวส่งองครักษ์สักสองสามคนให้ข้า!”หลิงซวนรู้ว่าถ้าทะเลาะกันขึ้นจริง พวกนางที่เป็นผู้หญิงไม่กี่คนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนั้นแน่ จึงรีบไปเรียกคนทันทีในไม่ช้า หลิงซวนก็วิ่งกลับมาคนเดียว เมื่อนางเห็นหลิงอวี๋พลันยิ้มขื่นกล่าวคำ“คุณหนู พี่ใหญ่จ้าวมิอยู่ตำหนักเจ้าค่ะ!”“นางรับใช้ของเสิ่นจวนข
“พระชายาอ๋องอี้ ท่านมิต้องขู่ขวัญพวกเราหรอก คุยด้วยเหตุผลเถอะ!”เถ้าแก่หลี่เห็นฝูงชนต่างกลัวจนมิกล้าลงมือ จำต้องกล่าวหน้าเจื่อน ๆหลิงอวี๋พบว่าฝูงชนถูกตนทำประหวั่นเสียแล้ว จึงผ่อนน้ำเสียงลง“เถ้าแก่หลี่พูดถูกต้อง พวกเราคุยด้วยเหตุผลเถอะ! ทุกคนเป็นคนบ้านเดียวกัน ปกติพวกเจ้าเห็นข้าวางตัวเป็นพระชายารึ?”“ร้านของข้าก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน แม้ข้าเป็นพระชายา แต่เงินข้าก็มิได้ลอยมาตามลม! พวกเจ้าสูญเสีย ข้าจักมิสูญเสียด้วยได้อย่างไร?”“ผลประโยชน์พวกเราต่างเหมือนกัน มีปัญหาเราก็หารือแก้ไขได้ ทุกคนร่วมแรงร่วมใจหามีสิ่งใดยากไม่!”มีคนบ่นงึมงำว่า “ปัญหาก็อยู่ตรงหน้าแล้ว พระองค์ให้เวลาเราภายในสองวันย้ายออก! เราจักย้ายไปที่ใดในเวลาน้อยนิดเท่านี้!”“ใช่แล้ว! เงินชดเชยจากทางการช่างน้อยนิดนัก เดิมทียามนี้ซื้อร้านค้ามิได้ด้วยซ้ำ!”“พระชายาอ๋องอี้ ครอบครัวเราอาศัยหน้าร้านหาเลี้ยงชีพ หากไม่มีแล้ว เราจักอยู่กันอย่างไรเล่า!”หลิงอวี๋พูดอย่างใจเย็น “เถ้าแก่หลี่ ข้าก็เพิ่งได้ข่าวและยังมิเข้าใจเรื่องเงินชดเชยกระจ่าง เจ้าบอกข้าหน่อยว่าทางการกำหนดชดเชยอย่างไร?”เถ้าแก่หลี่หยิบใบประกาศฉบับหนึ่งส่งให้หลิงอ
หลิงอวี๋เพิ่งเข้ามาไม่นานก็นั่งลง เถ้าแก่หลี่พาตัวแทนเข้ามาแล้ว และพวกเขาล้วนเป็นพ่อค้าที่ถนนสายนี้ในบรรดานั้นมีเถ้าแก่ถังแห่งโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดบนถนนกับลูกชายของเขาเถ้าแก่ถังวัยห้าสิบกว่าปี สวมอาภรณ์คุมยาวสีน้ำเงินเข้มใบหน้าเขาอ้วนจ้ำม่ำ ล่างหน้าผากมีสีชาดำวับวาบ สองคิ้วโก่งโค้ง ดวงตาเรียวยาว เค้าหน้านั้นดุจพระสังกัจจายน์ถังซุนลูกชายของเขาวัยสี่สิบกว่าปี ดวงตาเหมือนเถ้าแก่ถัง มีผิวสีข้าวสาลี เติบโตมารูปงามนักเถ้าแก่หลี่แนะนำพวกเขาให้หลิงอวี๋รู้จัก พลันเอ่ยว่า“เราเลือกเถ้าแก่ถังเป็นตัวแทน ร้านเขาใหญ่สุดและเสียหายมากสุดเช่นกัน!”หลิงอวี๋ก็รู้จักร้านของตระกูลถังแม้ธุรกิจของเถ้าแก่ถังจะไม่ได้เปิดทั่วแคว้นเหมือนตระกูลกวน แต่เหล่าพ่อค้าต่างถิ่นครั้นมาเมืองหลวงต่างมาซื้อใบชาร้านตระกูลถังกลับไปเป็นพื้นฐาน“คารวะเถ้าแก่ถัง!”หลิงอวี๋คำนับมือกระตือรือร้น กล่าวตรง ๆ โดยไร้พิธีรีตอง“เถ้าแก่ถัง เรื่องในวันนี้ท่านว่าเป็นเช่นใด? ท่านคิดว่า หากข้าไปขอประทานอภัยจักแก้ปัญหาได้หรือไม่?”เถ้าแก่ถังมองหลิงอวี๋ยิ้ม ๆ “เกรงว่าพระชายาไปก็ไร้ประโยชน์!”“ข้าเป็นนักการค้าเชื่อในผลประโยชน์
หลิงอวี๋กล่าวเยือกเย็น “ข้าพูดให้พวกท่านฟังมากมายก็เพื่อบอกว่าการทะเลาะเบาะแว้งนั้นแก้ปัญหามิได้!”“ยิ่งพวกเราทะเลาะรุนแรงมากเท่าไร ยิ่งเสียเปรียบ! องค์ชายเว่ยคงคำนวณว่าเราต้องก่อการเป็นแน่ พลางคิดดีแล้วว่าจะเพิ่มโทษให้เราอย่างไร!”เถ้าแก่หลี่ข่มความโกรธมิได้ “พระชายาอ๋องอี้ งั้นหากไม่ก่อการจักทำสิ่งใดเล่า? หรือควรว่านอนสอนง่ายย้ายออกเช่นนี้รึ?”หลิงอวี๋หัวเราะเจ้าเล่ห์ “หากอยากแก้ปัญหาจักมัวแต่ทะเลาะวิวาทมิได้!”“เรามาเปลี่ยนวิธีดู ข้ารับปากว่า หากพวกท่านเชื่อฟังข้า ทุกร้านบนถนนสายนี้จักมิถูกรื้อถอน!”“วิธีใด?” ถังซุนเร่งถามเถ้าแก่ถังมองหลิงอวี๋สนเท่ห์ วันนี้เขาหาเส้นสายมาช่วยกอบกู้ตลอดตั้งแต่ได้รับข่าวทว่าเมื่อคนพวกนั้นได้ยินว่าเป็นองค์ชายเว่ยหมายรื้อถอนก็พลันโน้มน้าวเขากลับลําเนื่องไม่อาจต่อกรองค์ชายเว่ยได้!เขาคิดสมองแตกก็คิดวิธีไม่ออก เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋มีทางไฉนจะไม่สงสัยหลิงอวี๋หัวเราะซุกชน “พวกท่านรวบรวมพ่อค้าที่จะถูกรื้อถอนบนถนนสายนี้หาคนได้มากยิ่งดี จากนั้นก็กระจายข่าวไป!”“ว่าด้วยความกรุณาขององค์ชายเว่ย ลือว่าบ้านพวกท่านจะถูกรื้อถอนเห็นพวกท่านไร้บ้านกลับจึงยิน
เมื่อเผชิญกับผลได้ร่วมกัน เหล่าพ่อค้าจึงสามัคคีเป็นพิเศษครั้นได้รับข่าวก็เริ่มเก็บของไม่มีค่ายัดใส่รถม้าทันทีสายลับที่องค์ชายเว่ยส่งมาเห็นสิ่งนี้จึงคิดว่าเหล่าพ่อค้าหวาดกลัวพลางกำลังตระเตรียมย้ายเรือนหลิงอวี๋พาบรรดานางรับใช้เก็บพวกของไม่มีค่าช่วยหมอเลี่ยว หลังทำเสร็จนางก็กลับตำหนักอ๋องอี้สายมากแล้วนางหมายรายงานเซียวหลินเทียนขอยืมองครักษ์ไปช่วยดูว่ามีคนปะปนเข้ามาหรือไม่สักหลาย ๆ คนแต่เมื่อไปถึงศาลาริมน้ำก็เห็นนางรับใช้ของเสิ่นจวนกำลังเฝ้าประตูนางรับใช้คนนั้นเห็นหลิงอวี๋ก็ยิ้มหยันกล่าวว่า “พระชายาอ๋องอี้ ท่านอ๋องบรรทมแล้ว มิอนุญาตคนรบกวน พระชายาเชิญกลับเถอะ!”“มิเจียมตัว!”หลิงอวี๋ตวาดขึ้นอย่างเดือดดาล โชคดีที่วันนี้ไปโรงเหยียนหลิงไม่เกิดเรื่อง หากมีเรื่อง นางคงอยากฆ่านางรับใช้คนนี้ไปแล้ว!ก่อนหน้าวุ่นจัดการเรื่องโรงเหยียนหลิง ไม่ได้คิดจุกจิกกับนาง!ตอนนี้ยังกล้าเล่นมุกเดิม ๆ คิดจริง ๆ เหรอว่าพระชายาอ๋องอี้คือของประดับ?“นี่คือตำหนักอ๋องอี้ ตัวข้าเป็นพระชายาอ๋องอี้ นางรับใช้อาคันตุกะเช่นเจ้ากล้ามาขวางข้าได้ตั้งแต่เมื่อใด?”หลิงอวี๋ตวาด “เถาจื่อ ตบปาก!”เถาจื่อกับหลิงซว