เมื่อนางรับใช้ในเรือนมากขึ้น หลิงอวี๋จึงคิดเรียกให้แม่นมลี่กับหลิงซินมานางกล่าว “พวกเจ้าทุกคนเชื่อฟังแม่นมลี่ยามปกติ ส่วนยามออกตำหนักกลุ่มสุ่ยหลิงกับหลิงซวน กลุ่มเถาจื่อกับหลิงซินผลัดกันติดตามข้า!”“ที่เรือนจัดการงานตามคำสั่งแม่นมลี่! ที่นี่ข้าไม่มีกฎมากนัก ทุกคนรับเงินเดือนเหมือนกัน และรับเบี้ยบำเหน็จครึ่งปีหนึ่งครั้ง!”“เบี้ยบำเหน็จสูงต่ำขึ้นกับความขยันทำงาน! อย่างไรก็ตาม ติดตามข้าพวกเจ้าจักได้รับปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน!”เมื่อสุ่ยหลิงได้ยินข่าวดีแบบนี้ ดวงตาก็ประกายฉับพลันพลางถามตรงไปตรงมา“คุณหนูเจ้าคะ พวกเราใช้เงินพวกนี้ไถ่ถอนตัวเองได้หรือไม่เจ้าคะ?”หลิงอวี๋ผงกศีรษะ ยิ้มตอบ “ได้แน่นอน! แต่ตอนนี้ข้าต้องการกำลังคน หากพวกเจ้าอยากไปก็ต้องอยู่อย่างน้อยสองปี!”“หลังสองปีถ้าประพฤติตัวดี ข้าก็มิต้องการเงินค่าไถ่ถอนพวกเจ้า ข้าจักคืนสัญญาทาสให้พวกเจ้าเลย!”เมื่อเถาจื่อฟังก็ใจเต้น แต่ก็ยากจะเชื่อลงว่าคุณหนูผู้นี้จะเป็นนักบุญปานนี้เชียวรึ?หลิงซินมองทั้งสองอย่างหน้าใหญ่พลางเอ่ย “คุณหนูพูดคำไหนคำนั้น ยามนี้พวกเจ้ายังไม่เชื่อก็คอยดูเอาเถิดหนา!”“ข้าขอรับประกัน หากพวกเจ้ารู้ว่าคุณหน
“คุณหนู ไยท่านยังใจเย็น!”หลิงซวนดูท่าทางหลิงอวี๋ไม่เคืองขุ่นเลยสักกะผีก พลันเอ่ยร้อนใจ“ยามนี้พ่อค้าพวกนั้นต่างกำลังโวยวายว่า หากมิให้ค่าชดเชยพวกเขาจักมิย้ายออกเด็ดขาด!”ขณะทั้งสองกำลังคุยกัน หลี่ชุงก็วิ่งรุดเข้ามาหัวใจหลิงอวี๋บีบรัดขึ้นฉับพลัน หรือว่าสถานการณ์พัฒนาไปเหนือจินตนาการตนแล้ว?“อาจารย์ แย่แล้วเจ้าค่ะ พวกพ่อค้ารอบ ๆ วิ่งมาก่อเรื่องที่โรงเหยียนหลิงมิรู้เป็นผู้ใดบงการเจ้าค่ะ!”“พวกเขาว่าเดิมทีไม่ต้องรื้อถอนเป็นเพราะพระชายาล่วงเกินองค์ชายเว่ย องค์ชายเว่ยจึงยืนกรานจะรื้อจนพัวพันถึงพวกเขา!”“พวกเขาต้องการคำอธิบาย หากมิแก้ไข พวกเขาจักพังโรงเหยียนหลิง!”“ไป ไปดูกัน! หลิงซวนเจ้าเรียกสุ่ยหลิง เถาจื่อไปด้วย!”หลิงอวี๋รีบผลัดผ้ากำลังจะออกไปก็คิดอะไรขึ้นได้จึงกล่าว“หลิงซวน เจ้าไปบอกพี่ใหญ่จ้าวส่งองครักษ์สักสองสามคนให้ข้า!”หลิงซวนรู้ว่าถ้าทะเลาะกันขึ้นจริง พวกนางที่เป็นผู้หญิงไม่กี่คนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกนั้นแน่ จึงรีบไปเรียกคนทันทีในไม่ช้า หลิงซวนก็วิ่งกลับมาคนเดียว เมื่อนางเห็นหลิงอวี๋พลันยิ้มขื่นกล่าวคำ“คุณหนู พี่ใหญ่จ้าวมิอยู่ตำหนักเจ้าค่ะ!”“นางรับใช้ของเสิ่นจวนข
“พระชายาอ๋องอี้ ท่านมิต้องขู่ขวัญพวกเราหรอก คุยด้วยเหตุผลเถอะ!”เถ้าแก่หลี่เห็นฝูงชนต่างกลัวจนมิกล้าลงมือ จำต้องกล่าวหน้าเจื่อน ๆหลิงอวี๋พบว่าฝูงชนถูกตนทำประหวั่นเสียแล้ว จึงผ่อนน้ำเสียงลง“เถ้าแก่หลี่พูดถูกต้อง พวกเราคุยด้วยเหตุผลเถอะ! ทุกคนเป็นคนบ้านเดียวกัน ปกติพวกเจ้าเห็นข้าวางตัวเป็นพระชายารึ?”“ร้านของข้าก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน แม้ข้าเป็นพระชายา แต่เงินข้าก็มิได้ลอยมาตามลม! พวกเจ้าสูญเสีย ข้าจักมิสูญเสียด้วยได้อย่างไร?”“ผลประโยชน์พวกเราต่างเหมือนกัน มีปัญหาเราก็หารือแก้ไขได้ ทุกคนร่วมแรงร่วมใจหามีสิ่งใดยากไม่!”มีคนบ่นงึมงำว่า “ปัญหาก็อยู่ตรงหน้าแล้ว พระองค์ให้เวลาเราภายในสองวันย้ายออก! เราจักย้ายไปที่ใดในเวลาน้อยนิดเท่านี้!”“ใช่แล้ว! เงินชดเชยจากทางการช่างน้อยนิดนัก เดิมทียามนี้ซื้อร้านค้ามิได้ด้วยซ้ำ!”“พระชายาอ๋องอี้ ครอบครัวเราอาศัยหน้าร้านหาเลี้ยงชีพ หากไม่มีแล้ว เราจักอยู่กันอย่างไรเล่า!”หลิงอวี๋พูดอย่างใจเย็น “เถ้าแก่หลี่ ข้าก็เพิ่งได้ข่าวและยังมิเข้าใจเรื่องเงินชดเชยกระจ่าง เจ้าบอกข้าหน่อยว่าทางการกำหนดชดเชยอย่างไร?”เถ้าแก่หลี่หยิบใบประกาศฉบับหนึ่งส่งให้หลิงอ
หลิงอวี๋เพิ่งเข้ามาไม่นานก็นั่งลง เถ้าแก่หลี่พาตัวแทนเข้ามาแล้ว และพวกเขาล้วนเป็นพ่อค้าที่ถนนสายนี้ในบรรดานั้นมีเถ้าแก่ถังแห่งโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดบนถนนกับลูกชายของเขาเถ้าแก่ถังวัยห้าสิบกว่าปี สวมอาภรณ์คุมยาวสีน้ำเงินเข้มใบหน้าเขาอ้วนจ้ำม่ำ ล่างหน้าผากมีสีชาดำวับวาบ สองคิ้วโก่งโค้ง ดวงตาเรียวยาว เค้าหน้านั้นดุจพระสังกัจจายน์ถังซุนลูกชายของเขาวัยสี่สิบกว่าปี ดวงตาเหมือนเถ้าแก่ถัง มีผิวสีข้าวสาลี เติบโตมารูปงามนักเถ้าแก่หลี่แนะนำพวกเขาให้หลิงอวี๋รู้จัก พลันเอ่ยว่า“เราเลือกเถ้าแก่ถังเป็นตัวแทน ร้านเขาใหญ่สุดและเสียหายมากสุดเช่นกัน!”หลิงอวี๋ก็รู้จักร้านของตระกูลถังแม้ธุรกิจของเถ้าแก่ถังจะไม่ได้เปิดทั่วแคว้นเหมือนตระกูลกวน แต่เหล่าพ่อค้าต่างถิ่นครั้นมาเมืองหลวงต่างมาซื้อใบชาร้านตระกูลถังกลับไปเป็นพื้นฐาน“คารวะเถ้าแก่ถัง!”หลิงอวี๋คำนับมือกระตือรือร้น กล่าวตรง ๆ โดยไร้พิธีรีตอง“เถ้าแก่ถัง เรื่องในวันนี้ท่านว่าเป็นเช่นใด? ท่านคิดว่า หากข้าไปขอประทานอภัยจักแก้ปัญหาได้หรือไม่?”เถ้าแก่ถังมองหลิงอวี๋ยิ้ม ๆ “เกรงว่าพระชายาไปก็ไร้ประโยชน์!”“ข้าเป็นนักการค้าเชื่อในผลประโยชน์
หลิงอวี๋กล่าวเยือกเย็น “ข้าพูดให้พวกท่านฟังมากมายก็เพื่อบอกว่าการทะเลาะเบาะแว้งนั้นแก้ปัญหามิได้!”“ยิ่งพวกเราทะเลาะรุนแรงมากเท่าไร ยิ่งเสียเปรียบ! องค์ชายเว่ยคงคำนวณว่าเราต้องก่อการเป็นแน่ พลางคิดดีแล้วว่าจะเพิ่มโทษให้เราอย่างไร!”เถ้าแก่หลี่ข่มความโกรธมิได้ “พระชายาอ๋องอี้ งั้นหากไม่ก่อการจักทำสิ่งใดเล่า? หรือควรว่านอนสอนง่ายย้ายออกเช่นนี้รึ?”หลิงอวี๋หัวเราะเจ้าเล่ห์ “หากอยากแก้ปัญหาจักมัวแต่ทะเลาะวิวาทมิได้!”“เรามาเปลี่ยนวิธีดู ข้ารับปากว่า หากพวกท่านเชื่อฟังข้า ทุกร้านบนถนนสายนี้จักมิถูกรื้อถอน!”“วิธีใด?” ถังซุนเร่งถามเถ้าแก่ถังมองหลิงอวี๋สนเท่ห์ วันนี้เขาหาเส้นสายมาช่วยกอบกู้ตลอดตั้งแต่ได้รับข่าวทว่าเมื่อคนพวกนั้นได้ยินว่าเป็นองค์ชายเว่ยหมายรื้อถอนก็พลันโน้มน้าวเขากลับลําเนื่องไม่อาจต่อกรองค์ชายเว่ยได้!เขาคิดสมองแตกก็คิดวิธีไม่ออก เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋มีทางไฉนจะไม่สงสัยหลิงอวี๋หัวเราะซุกชน “พวกท่านรวบรวมพ่อค้าที่จะถูกรื้อถอนบนถนนสายนี้หาคนได้มากยิ่งดี จากนั้นก็กระจายข่าวไป!”“ว่าด้วยความกรุณาขององค์ชายเว่ย ลือว่าบ้านพวกท่านจะถูกรื้อถอนเห็นพวกท่านไร้บ้านกลับจึงยิน
เมื่อเผชิญกับผลได้ร่วมกัน เหล่าพ่อค้าจึงสามัคคีเป็นพิเศษครั้นได้รับข่าวก็เริ่มเก็บของไม่มีค่ายัดใส่รถม้าทันทีสายลับที่องค์ชายเว่ยส่งมาเห็นสิ่งนี้จึงคิดว่าเหล่าพ่อค้าหวาดกลัวพลางกำลังตระเตรียมย้ายเรือนหลิงอวี๋พาบรรดานางรับใช้เก็บพวกของไม่มีค่าช่วยหมอเลี่ยว หลังทำเสร็จนางก็กลับตำหนักอ๋องอี้สายมากแล้วนางหมายรายงานเซียวหลินเทียนขอยืมองครักษ์ไปช่วยดูว่ามีคนปะปนเข้ามาหรือไม่สักหลาย ๆ คนแต่เมื่อไปถึงศาลาริมน้ำก็เห็นนางรับใช้ของเสิ่นจวนกำลังเฝ้าประตูนางรับใช้คนนั้นเห็นหลิงอวี๋ก็ยิ้มหยันกล่าวว่า “พระชายาอ๋องอี้ ท่านอ๋องบรรทมแล้ว มิอนุญาตคนรบกวน พระชายาเชิญกลับเถอะ!”“มิเจียมตัว!”หลิงอวี๋ตวาดขึ้นอย่างเดือดดาล โชคดีที่วันนี้ไปโรงเหยียนหลิงไม่เกิดเรื่อง หากมีเรื่อง นางคงอยากฆ่านางรับใช้คนนี้ไปแล้ว!ก่อนหน้าวุ่นจัดการเรื่องโรงเหยียนหลิง ไม่ได้คิดจุกจิกกับนาง!ตอนนี้ยังกล้าเล่นมุกเดิม ๆ คิดจริง ๆ เหรอว่าพระชายาอ๋องอี้คือของประดับ?“นี่คือตำหนักอ๋องอี้ ตัวข้าเป็นพระชายาอ๋องอี้ นางรับใช้อาคันตุกะเช่นเจ้ากล้ามาขวางข้าได้ตั้งแต่เมื่อใด?”หลิงอวี๋ตวาด “เถาจื่อ ตบปาก!”เถาจื่อกับหลิงซว
หลิงอวี๋พิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน เอ่ยปลอบเซียวหลินเทียน“สายาคนใต้หล้าต่างเฉียบคม! ท่านอย่าได้ทรงกังวล องค์ชายเว่ยไร้ทางทำแผนชั่วสำเร็จ หม่อมฉันคิดแผนรับมือไว้แล้วเพคะ!”หลิงอวี๋บอกเซียวหลินเทียนเรื่องที่ตนกระทำเซียวหลินเทียนผงะไปพักใหญ่ ถึงกับมองหลิงอวี๋อย่างเอ่ยมิออกมีแต่หลิงอวี๋ที่คิดอุบายร้ายกาจเช่นนี้ได้เท่านั้น!แต่อุบายอย่างนี้กลับเป็นวิธีที่ได้ผลกับองค์ชายเว่ยที่สุด!“ข้าพะวงองค์ชายเว่ยจะอับอายกลายโทสใช้กำลังทหารสะสางต่อพ่อค้าพวกนั้น! แบบนี้เรามีชัย แต่สูญเสียใหญ่หลวงนัก!”หลิงอวี๋ยิ้มขื่นเอ่ยว่า “หากมีทางอื่น หม่อมฉันไม่ยอมเลือกวิธีนี้เป็นแน่เพคะ!”พอเซียวหลินเทียนฟังก็เข้าใจและยิ่งคิดปรุโปร่งกว่าหลิงอวี๋ เขากังวลว่าองค์ชายคังจะวางหมากอยู่เบื้องหลัง“หลิงอวี๋ องค์ชายคังมิยอมถูกองค์ชายเว่ยแย่งผลประโยชน์ไปแน่!”“ข้าแค่พะวงว่า เขาจงใจสาดโคลนใส่องค์ชชายเว่ยเพื่อเอาหลักฐานความผิดขององค์ชายเว่ย”เซียวหลินเทียนกล่าวกังวล “แม้ถึงเวลานั้นองค์ชายเว่ยจักมิออกมือ องค์ชายคังอาจส่งคนไปแอบอ้างสะสางพวกเจ้า แล้วโทษก็ยังเป็นองค์ชายเว่ยแบกรับ!”แม้การที่องค์ชายคังกัดกับองค์ชายเว่ย
หลิงอวี๋เห็นเซียวหลินเทียนกำลังครุ่นคิดก็นึกถึงสิ่งที่ลู่หนานพูดตอนเข้าประตู พลันถามว่า“เซียวหลินเทียน ท่านจัดการกับครอบครัวแม่นมเกาเช่นไร?”เซียวหลินเทียนถูกหลิงอวี๋ปลุกจากภวังค์ ครั้นเอ่ยถึงแม่นมเกาสีหน้าเขาก็มืดลงทันใด“จ้าวซวนพบโฉนดบ้านสองฉบับในเรือนแม่นมเกา และโฉนดที่ดินร้อยกว่าหมู่(1)! ตั๋วเงินห้าแสนกว่าตำลึง!”“นึกไม่ถึงว่าแม่นมในครัวผู้หนึ่งจะกล้าทุจริตเงินมากเพียงนี้! ข้าสั่งให้จ้าวซวนส่งครอบครัวนางไปให้ทางการแล้ว!”หลิงอวี๋เบิกตากว้างงงงัน การทุจริตของแม่นมเกามหาศาลนัก!“แล้วทางการตัดสินเช่นไร?”ทาสในสมัยโบราณ ความเป็นตายของพวกเขาถูกกำหนดโดยนายเหนือหัวเซียวหลินเทียนส่งคนไปให้ทางการ เพราะไม่อยากเปื้อนเลือดของแม่นมเกาและครอบครัวเช่นนั้นหรือ?“แม่นมเการับโทษประหารคนเดียว ครอบครัวที่เหลือถูกขายเป็นทาสให้ขุนนาง!”เซียวหลินเทียนกล่าวเย็นชา “ตัวข้าออมมือแล้ว! ไม่เช่นนั้นตามที่นางกระทำก็ควรถูกหวดจนตายต่อหน้าธารกํานัล เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินว่าหวดต่อหน้าธารกำนัลก็นึกถึงฉากนั้นที่ตนประสบครั้นข้ามมิติมา นางมีความรังเกียจการลงทัณฑ์เช่นนี้อักโขหลิงอวี๋เป
“พี่อาอวี๋ เจ้าไปแล้วใครจะเล่นกับข้า? ใครจะดูแลข้า?”“พี่อาอวี๋ เจ้ายังเล่านิทานมิจบเลย! ข้ายังอยากฟังเจ้าเล่านิทานอีก!”คำเรียกพี่อาอวี๋ก็ออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก ทำอะไรมิถูกนางเองก็ทำใจจากหวงฝู่หมิงจูมิได้เช่นกัน แต่วังเทพแห่งนี้มิใช่ที่ที่นางควรอยู่ นางยังต้องไปตามหาน้องสาวของตน!“พี่… อาอวี๋… อย่าไป!”หวงฝู่หมิงจูร้องไห้อย่างใจสลาย น้ำเสียงก็ขาด ๆ หาย ๆ กอดขาหลิงอวี๋ไว้แน่นมิยอมปล่อยมือหวงฝู่หลินทั้งปวดใจทั้งอิจฉา ตนเลี้ยงดูหวงฝู่หมิงจูเติบโตมา หวงฝู่หมิงจูล้วนไม่มีใจที่จะสนใจผู้ใด เมื่อใดกันที่สนใจคนคนหนึ่งถึงเพียงนี้!ท่านน้าหลินเองก็สีหน้ามิสู้ดีเช่นกัน นางก้าวไปข้างหน้าและพยายามดึงหวงฝู่หมิงจูออกพลางเตือนอย่างแสร้งทำดี“หมิงจู เจ้าได้ยินที่อาอวี๋บอกว่านางต้องไปตามหาน้องสาวแล้วหรือไม่? น้องสาวของนางเป็นญาติของนาง เจ้าให้นางไปตามหาน้องสาวนางเถิด!”“ท่านออกไป!”หวงฝู่หมิงจูหันหน้าไปมองท่านน้าหลินด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แล้วตะโกนอย่างมิพอใจอย่างมาก “สตรีสารเลว เป็นเพราะท่านจะตีพี่อาอวี๋จึงบีบให้นางต้องไป!”“ท่านออกไปเสีย ที่นี่มิใช่บ้านของท่าน ข้ามิต้
“ผู้ใดกล้าตีพี่อาอวี๋”“ก็ต้องตีข้าด้วย!”หวงฝู่หมิงจูตะคอกใส่ท่านน้าหลินอย่างโมโห “ข้ายินดีให้พี่อาอวี๋ดูแลข้า… ข้าแค่มิต้อนรับแขกเช่นท่าน!”“ท่านไปเสียเถิด! ข้ามิอยากให้ท่านมาเป็นแขกของตำหนักรุ่ยจู! ข้ามิยินดีให้ท่านกินเกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำ!”“พวกเจ้าหากผู้ใดกล้ารังแกพี่อาอวี๋ก็คือการรังแกข้า!”“ท่านพ่อ หากท่านกล้าให้พวกนางตีพี่อาอวี๋ ข้าเองก็มิต้องการท่านแล้ว ท่านออกไปพร้อมกับพวกนางเลย!”“ฮือ ๆ ถึงอย่างไรท่านก็มิค่อนอยู่บ้านอยู่แล้ว ข้าถูกรังแกท่านก็มิสนใจ ข้ามีพี่อาอวี๋ก็เพียงพอแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูพูดแล้วก็หันไปกอดขาของหลิงอวี๋ไว้แล้วร้องไห้ออกมายกใหญ่ท่าทีเช่นนี้ของหวงฝู่หมิงจูทำเอาท่านน้าหลินไปมิเป็น สีหน้าของนางก็ดูแย่ลงอย่างกระอักกระอ่วนหวงฝู่หลินจึงรีบเอ่ยอย่างปวดใจ “หมิงจูอย่าร้องนะ พ่อมิได้บอกว่าจะตีอาอวี๋ เจ้าอย่าได้โกรธเลย! ระวังโกรธแล้วจะเสียสุขภาพเอาได้!”เขาเดินเข้าไปจะปลอบใจหวงฝู่หมิงจู แต่หวงฝู่หมิงจูมิไว้หน้าเขา ซุกหัวอยู่กับขาของหลิงอวี๋แล้วร้องไห้ต่อหลิงอวี๋หมดคำพูด แม้ว่าหวงฝู่หมิงจูจะกำลังร้องได้ แต่อาอวี๋รู้จักนางดี เด็กน้อยผู้นี้ร้องไห้จริงเสียที่ไห
“พี่อาอวี๋ นี่มานี่สิ!”หวงฝู่หมิงจูเห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ด้านข้างจึงวิ่งไปดึงนางมา“ท่านพ่อ เกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำอร่อยนะเพคะ เป็นเกี๊ยวที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกินมาเลย!”“แล้วนางก็ทำอาหารอร่อย ๆ ได้หลากหลายด้วยเพคะ...”“อีกทั้งพี่อาอวี๋ก็เล่านิทานได้ นางเล่าเรื่องผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าได้สุดยอดไปเลย!”หวงฝู่หมิงจูพูดชื่นชมหลิงอวี๋ให้หวงฝู่หลินฟังอย่างตื่นเต้นหวงฝู่หลินยังมิได้มีท่าทีใด ๆ สำหรับเขาแล้วการที่ทาสทำดีกับหวงฝู่หมิงจูก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วแต่สีหน้าของท่านน้าหลินดูแย่อย่างถึงที่สุด หวงฝู่หมิงจูเอาแต่พูดว่าหลิงอวี๋ดีอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นหวงฝู่หมิงจูชมใครเช่นนี้ปกติแล้วตนดูแลหวงฝู่หมิงจูเป็นอย่างดี ซื้ออาหารซื้ออาภรณ์ให้นาง แต่ก็มิเห็นหวงฝู่หมิงจูจะชมตนเช่นนี้เลยดังนั้น แม้ว่าหลิงอวี๋จะมีรอยแผลอยู่เต็มหน้า ท่านน้าหลินก็ระวังตัวขึ้นมาในทันทีหวงฝู่หลินเป็นหมอชั้นเซียน รอยแผลบนในหน้าของหลิงอวี๋นั้น ขอเพียงหวงฝู่หลินอยากจะรักษาก็สามารถสกัดยาออกมาให้หลิงอวี๋ฟื้นคืนใบหน้าได้สตรีผู้นี้เก็บไว้มิได้แล้ว!“หมิงจู พ่อรู้แล้ว พ่อจะขอบคุณอาอวี๋อย่างดี!”
ตำหนักรุ่ยจูของหวงฝู่หมิงจูยังคงปิดอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าหวงฝู่หมิงจูดีขึ้นแล้วนางมิได้มีไข้แล้ว และตุ่มน้ำก็ตกสะเก็ดแล้วด้วยหลิงอวี๋มิยอมให้นางใช้มือเกาแล้วบอกว่ามันจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ หวงฝู่หมิงจูจึงเชื่อฟังเป็นอย่างดีนางรู้ว่าหลิงอวี๋ทำเพราะหวังดีกับตน อีกทั้งนางเองก็มิอยากให้ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ขาวสะอาดมีรอยแผลเป็นด้วยในทุกวันเมื่อหลิงอวี๋มีเวลาก็จะมาเล่านิทานให้นางฟัง ทั้งยังเปลี่ยนอาหารประเภทต่าง ๆ ให้นางกินด้วยหวงฝู่หมิงจูรู้สึกว่านอกจากพ่อของตนแล้ว คนที่นางชอบที่สุดก็คือหลิงอวี๋ในวันนี้ หลิงอวี๋ก็ห่อเกี๊ยวให้หวงฝู่หมิงจูอีก หวงฝู่หมิงจูก็ยืนมองตาปริบ ๆ อยู่ในครัวแล้วจู่ ๆ ปี้เอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาตะโกนอย่างดีใจและลุกลน “เจ้าวังน้อยเพคะ เจ้าวังกลับมาแล้ว มาถึงหน้าประตูแล้วเพคะ!”“ท่านพ่อข้ากลับมาแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นทันที เกี๊ยวก็มิอยากกินแล้ว นางหันหลังแล้ววิ่งออกไปข้างนอกหลิงอวี๋ยังมิเคยเห็นเจ้าวังผู้ลึกลับคนนี้มาก่อน จึงรีบล้างมือแล้วเดินตามออกไปเมื่อมาถึงที่โถงใหญ่ก็เห็นท่านน้าหลินเดินเข้ามาพร้อมกับบุรุษรูปงามที่ดูมีอำนาจมากผู้หนึ่งบุ
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่
ชิงพลังไปหรือ?เช่นนั้นหลิงอวี๋จะมิเป็นดังเช่นเมื่อก่อนที่ไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตัวแล้วต้องยอมให้คนอื่นรักแกหรือ?ความกังวลของเซียวหลินเทียนกัมีมากกว่าฉินซานนัก เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ตามที่หานเหมยบอกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับอาอวี๋ก็แยกจากกันไปแล้ว ศิษย์พี่ที่ช่วยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหานเหมยก็คือเฉียวเค่อ!”“แต่เมื่อวานเผยอวี้ไปสืบมา เฉียวเค่อตายแล้ว แล้วใครเป็นคนสังหารเฉียวเค่อเล่า?”“หรือจะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”ฉินซานก็วิเคราะห์ตามไปด้วยเช่นกัน แต่รู้สึกว่าความคิดของตนนั้นเหลวไหลเกินไปเฉียวเค่อเป็นศิษย์พี่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะสังหารเขาได้อย่างไรกัน!ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของเฉียวเค่อก็สูงมาก คนธรรมดาไม่มีทางที่จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!“หรือจะเป็นเย่หรง?”เซียวหลินเทียนนึกถึงเย่หรงที่ติดตามจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่ออยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงพูดชื่อของเขาออกมาโดยมิรู้ตัว“ก็เป็นไปได้!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ขันทีโม่ก็พาหานเหมยกลับมาหานเหมยดูท่าทางอ่อนแอ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาท บ่าวมิได้ปกป้องฮองเฮาให้ดี ฝ่าบาทโปรดลงโทษบ่าวเถิดเพคะ!”“เจ้
เซียวหลินเทียน ฉินซานและขันทีโม่นำเกวียนทาสหญิงกลับมาที่โรงเตี๊ยมทาสคุนหลุนผู้นั้นซื่อสัตย์มาก ฉินซานบอกว่า เซียวหลินเทียนเป็นเจ้านายของเขา จากนั้นเขาก็ติดตามเซียวหลินเทียนมิยอมห่างเซียวหลินเทียนเห็นว่าเขาแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก จึงตั้งชื่อให้เขาว่าเถี่ยจู้กระทั่งกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เถ้าแก่จูก็บอกว่า มีสตรีสองคนมาหาพวกเขา แล้วบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยของพวกเขาเถ้าแก่จูจัดห้องให้สตรีทั้งสองคนเป็นการชั่วคราวเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกลับมาแล้ว เถ้าแก่จูจึงให้เสี่ยวเอ้อร์ไปแจ้งสตรีทั้งสองคนผลก็คือคนที่มาคือเถาจื่อกับหานอวี้นั่นเอง“หานอวี้ เจอพี่หญิงของเจ้าแล้วนะ!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น“อยู่ที่ใด!” หานอวี้ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“เจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปพานางมา!”ฉินซานรีบเดินออกไป แต่หานอวี้รอมิไหวแล้วจึงรีบตามฉินซานไปที่เรือน แล้วก็เห็นทาสหญิงถูกขังอยู่ในเกวียนหานอวี้มิได้สนใจถามฉินซานว่าทาสหญิงเหล่านี้มาจากที่ใด นางรีบเปิดประตูเกวียนนั้นแล้วดึงพวกนางออกมาทีละคนหานเหมยถูกดึงลงมา แล้วหานอวี้ก็กอดนางอย่างตื่นเต้น “พี่หญิง ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว! เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ช่างดี
การกระทำนี้ของเซียวหลินเทียนทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงถอนหายใจโล่งอก ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะยอมลดทิฐิลงขอร้องให้เซียวหลินเทียนช่วยเหลือ ไหนเลยจะคิดว่า มิต้องให้ตนเอ่ยปากเซียวหลินเทียนช่วยเหลือแล้วในใจของเก๋อเฟิ่งฉิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มิรู้สึกอยากแข่งขันกับเซียวหลินเทียนอีกต่อไปแล้วนางพยักหน้าให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเรียบ ๆ “ในเมื่อคุณชายผู้นี้ซื้อทาสหญิงเหล่านี้ด้วยความจริงใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะมิสู้กับท่านอีก!”หม่าเฉียงเห็นเช่นนี้ก็พอใจแล้ว และแทบจะรอมิไหวที่จะลากฉินซานไปดำเนินการซื้อขายกันป้าวเฉิงมองเซียวหลินเทียนแล้วพาคนของตนเดินออกไปเขามองออกว่า เซียวหลินเทียนมิใช่คนธรรมดา แต่ตราบใดที่รับรองว่าตนจะได้ส่วนแบ่งทางการค้า เขาก็จะมิสนใจว่าเซียวหลินเทียนเป็นใครขันทีโม่ใช้เงินห้าร้อยตำลึงไปซื้อตัวทาสหญิงที่เชี่ยวชาญเรื่องการติดตามและทาสคุนหลุนที่มีพลังมากมาหม่าเฉียงมอบให้ฉินซานแม้กระทั่งเกวียน ฉินซานเห็นว่าคนตระกูลเก๋อยังมิไป จึงมิยอมปล่อยหานเหมยออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเก๋อเซียวหลินเทียนยังต้องการถามคำถามหม่าเฉีย
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห