“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ
“ข้าไม่เชื่อว่าโลกกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสักคนที่จะสามารถช่วยเหลือเฮยจื่อได้!” “ออกไปตามหามาให้ข้า! ของเพียงแค่ช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม!” เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อมองเห็นลมหายใจของเฮยจื่อขาดช่วง ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ มีท่านหมอหลายคนที่พากันถอดใจไปแล้ว ต่างก็หาคำอ้างเพื่อทูลลา เมื่อเห็นว่าท่านหมอพากันจากไป เซียวหลินเทียนเองก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้อีก ตบลงบนที่พักแขนของรถเข็นคำรามด้วยความกรุ่นโกรธขึ้นมา “กลุ่มคนเศษสวะ!” ลู่หนาน ทหารองค์รักษ์ที่มีใบหน้าเหลี่ยมคิ้วหนาดวงตาโตที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้น เขาติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี ลักษณะนิสัยดูสงบนิ่ง จงรักภักดีต่อเซียวหลินเทียนอย่างมาก และได้รับความไว้วางใจจากเซียวหลินเทียนเป็นที่สุด เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา จึงทำได้เพียงฝืนตนกล้าเดินก้าวออกมา เอ่ยอย่างลำบากใจ “ท่านอ๋อง หมอที่มีชื่อในเมืองหลวงพวกเราต่างก็หากันมาแล้ว เฮยจื่อคราวนี้ เกรงว่าคงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว...” “ท่านอ๋อง...ข้าจะไปจับตัวหญิงสาวคนนั้นมา ให้นางได้ชดใช้ชีวิตให้กับเฮยจื่อ!” ชิวเฮ่า
เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนจ้องมองที่ขวดยาของเธอ หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การเปิดเผยในคราวนี้ นางใคร่ครวญมาอย่างดีแล้ว ขอเพียงแค่ทำให้เซียวหลินเทียนตกตะลึงก่อนเท่านั้น นางจึงจะมีโอกาสช่วยเฮยจื่อได้! ขณะที่หลิงหยูเงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ ทันใดนั้น มือของเธอก็ว่างเปล่า ขวดยาถูกชิวเฮ่าแย่งไปแล้ว ชิวเฮ่าวิ่งกลับไปที่ด้านข้าง เซียวหลินเทียนเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก่อนจะส่งขวดยาให้อย่างภาคภูมิใจ "ท่านอ๋อง ข้าได้รับยาลับมาแล้ว รีบไปช่วยเฮยจื่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ!" เซียวหลินเทียนยิ้มเย้ยหยันออกมา หยิบมันขึ้นมาและมอบให้กับหมอในตำหนัก ไป๋สือที่ติดตามเขามาหลายปี เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจะเข้าไปในห้อง หลิงอวี๋ก็กัดฟันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยาลับสามารถห้ามเลือดของเฮยจื่อได้เท่านั้น แต่ข้าได้ยินมาว่า ซี่โครงของเฮยจื่อหัก และเสียบเข้าไปในปอดของเขา ถ้าไม่ดึงซี่โครงออกมา เขาก็ยังคงตายไปอยู่ดี!” “หมอของพวกเจ้าจะช่วยได้หรือ? ถ้าไม่ ข้าจะรอเจ้ามาขอร้องข้า! เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะเจรจาเงื่อนไขด้วย!” “เฮยจื่อ เป็นเพราะเจ้าที่ทำร้ายเขา… เจ้ายังกล้าเจรจาข้อตกลงกับท่านอ๋องของพวกเรา
“หลิงผิง เจ้าติดตามคุณหนูของเจ้ามากว่าสิบปี สิ่งที่เจ้าเอ่ยน่าเชื่อถือที่สุด เจ้าบอกมาว่าหลิงอวี๋มีทักษะทางการแพทย์หรือไม่?” ชิวเหวินซวงดึงหลิงผิงที่ตามมาข้างหลังตนเองออกมา หลิงผิงแสร้งทำเป็นไม่สบายใจนัก ก้าวไปข้างหน้าเอ่ยอย่างลังเล “กราบบังคมทูลฝ่าบาท บ่าวรับใช้ติดตามหลิงอวี๋ตั้งแต่เล็ก นางโง่เขลาเหมือนหมู หมากล้อม เขียนพู่กัน วาดภาพก็ไม่ได้ นับประสาอะไรกับทักษะทางการแพทย์ ท่านอ๋องทรงอย่าได้เชื่อคำพูดของนางเพคะ!” หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา นางรับใช้คนนี้ขายนางจนหมดสิ้นจริง ๆ ! ทว่าหลิงอวี๋จะไม่มีทางหวาดกลัว ตราบใดที่เธอช่วยเฮยจื่อได้ ใครจะจริงจังกับคำพูดของนางรับใช้! เซียวหลินเทียนจ้องมองยังหลิงอวี๋ เมื่อเห็นว่านางมิได้รู้สึกตื่นตระหนกใดที่ถูกเปิดเผยความลับออกมา ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา หญิงผู้นี้ดูผิดปกติอย่างยิ่ง! ก่อนหน้านี้หากว่านางรับใช้กล้าพูดเรื่องลับหลังของเจ้านายเช่นนี้ นางจะต้องรีบร้องตะโกนอธิบายให้กับตนเอง! เซียวหลินเทียนไม่เอ่ยวาจาใด ชิวเฮ่ากลับทนไม่ได้จนร้องคำรามออกมา “คนชั้นต่ำ นางรับใช้ของเจ้าพูดความจริงออกมาแล้ว เจ้ายังจะกล้ามาหลอกท่านอ๋องของข้าอีกรึ?
“นำนางเข้าไป!” ถึงแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าหลิงอวี๋วันนี้ดูประหลาดไป แต่ถ้าไม่ช่วย เฮยจื่อก็คงจะตาย เขาทำได้เพียงแค่เดิมพันกับมัน หลิงอวี๋เหลือบมองเขา นางเดินเข้าไปอุ้มเสี่ยวเมาออกมาส่งให้แม่นมลี่พากลับไปดูแลบาดแผล จากนั้นก็เอ่ยกับลู่หนานใบหน้าเคร่งคนนั้นว่า “เตรียมห้องสะอาดให้ข้าห้องหนึ่ง น้ำร้อน เหล้า ผ้าปูที่นอนสะอาด… เจ้า ทหารทั้งสองนาย!” สิ่งที่เอ่ยออกมาก่อนหน้านั้นลู่หนานสามารถฟังเข้าใจได้ แต่ทหารสองคน และตนเองนั้นมันคืออะไรกัน? หลิงอวี๋เมื่อเห็นว่าเขาดูประหลาดใจ ก็เอ่ยเสียงขรึมออกมา “ตอนที่ข้าจัดการบาดแผลให้กับเฮยจื่อนั้น ต้องการคนคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก ห้ามมิให้ใครเข้ามารบกวนข้า!” นางมองไปยังชิวเฮ่าอย่างยั่วยุ แล้วจงใจเอ่ย “โดยเฉพาะคนบางคน ข้าเกรงว่าจะมีคนจงใจทำให้เฮยจื่อต้องตาย แล้วมาใส่ร้ายข้า!” ชิวเฮ่าโมโหเสียจนเส้นเอ็นตรงหน้าผากกระตุกเต้น มือของเขาวางอยู่บนด้ามของดาบ เกลียดที่ไม่อาจพุ่งเข้าไปฟันหญิงผู้นี้ให้ตายได้! เมื่อถูกคนชั้นต่ำเปิดเผยออกมาเช่นนี้ ต่อไปหากว่าเหวินซวงเข้าใกล้ท่านอ๋อง ไม่รู้ว่าจะถูกคนมากมายเท่าไหร่ที่จับจ้อง! หญิงผู้นี้จะต้องเป็นอุปส
หลิงอวี๋เข้าใกล้เซียวหลินเทียน แต่กลับดูเงอะงะ กระโปรงของนางพันกันโดยไม่ได้ตั้งใจ นางเซถลาทิ้งตัวลงบนเท้าของเขา คิดที่จะส่งตัวเองเข้าในอ้อมแขนเขาอีกครั้ง? หลิงอวี๋ใช้อุบายนี้หลายครั้งตั้งแต่เซียวหลินเทียนกลับมาเมืองหลวง! พฤติกรรมของนางผู้นี้ทำให้เขาคิดว่านางเปลี่ยนไปแล้ว แต่เขาไม่คาดคิดว่านางจะยังน่าขยะแขยง! เขาไม่ควรเชื่อเลยว่า นางจะช่วยเฮยจื่อได้จริง! เซียวหลินเทียนโกรธจนอยากจะเตะนางออกไป ทว่าเขาไม่สามารถขยับเท้าได้เลย เขากำลังจะเรียกชิวเฮ่าเข้ามา ก็ได้ยินเสียงแหบแห้งของหลิงอวี๋เอ่ยออกมา “ท่านอ๋อง ท่านเหนื่อยเกินไปแล้ว พักผ่อนเถอะ...” สองขาของเซียวหลินเทียนนั้นไม่มีความรู้สึก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าตอนที่หลิงอวี๋แกล้งล้มลง เข็มฉีดยาในมือได้ฉีดยาสลบเข้าที่ขาของเขาแล้ว จนรู้สึกว่าการมองเห็นค่อย ๆ มัวลง…“คนชั้นต่ำ เจ้าทำอะไรข้า...” เซียวหลินเทียนตระหนักได้ทันทีว่า มีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว ประมาทเกินไปจนตกลงไปในแผนของคนชั้นต่ำนี้! วินาทีต่อมา เซียวหลินเทียนก็ตกอยู่ในความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด... เซียวหลินเทียนหมดสติ หลิงอวี๋ช่วยพยุงเขาขึ้นรถเข็น
ผู้นำคนหนึ่งและชาวบ้านของหลายหมู่บ้านพากันคุกเข่าลงอย่างล้นหลาม“ฝ่าบาททรงนึกถึงราษฎรและนำพาความร่ำรวยมาสู่พวกเราเช่นนี้ พวกเราจะให้ความร่วมมือกับฝ่าบาท จะเลี้ยงวัวนมอย่างดี ทำให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไปพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาทโปรดวางประทัย กระหม่อมเสี่ยวเฮยจะเลี้ยงวัวนมให้ขาวสะอาดและแข็งแรง ในทุกวันจะรีดนมวัวให้ได้มาก ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”ชาวบ้านแต่ละคนแย่งกันแสดงออกถึงความภักดีและความมุ่งมั่นต่อเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ยิ้มให้ชาวบ้านเหล่านั้นอย่างเมตตาพลางเอ่ย “ผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้ล้วนเป็นฮองเฮาที่คิดขึ้นมา พวกเรามิอาจทำให้เจตนาของฮองเฮาต้องผิดหวังได้! พวกเราต้องพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์วัวนมให้ดี ทำให้แคว้นฉินตะวันตกร่ำรวยและราษฎรแข็งแกร่ง!”“อีกอย่างผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้มิเพียงแต่ทำให้อิ่มท้องแต่ยังทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย คนชรากินเข้าไปกระดูกก็จะดี เด็ก ๆ กินแล้วก็แข็งแรงและเติบโตขึ้น...”“ฉินตะวันตกของเราต้องเลี้ยงวัวนมให้มาก ให้ราษฎรของฉินตะวันตกสามารถดื่มนมได้วันละถ้วย เมื่อร่างกายแข็งแรง ก็จะสร้างฉินตะวันตกที่แข็งแกร่งได้!”คำพูดขอ
เซียวหลินเทียนอยู่บนแท่นสูงเห็นผลิตภัณฑ์นมเหล่านั้นถูกทุกคนลิ้มลองไปอย่างเอร็ดอร่อย มุมปากของเขาก็ปรากฏความเยาะเย้ยต่อหมู่บ้านที่ค้านการเลี้ยงวัวนมเหล่านั้น เรื่องนี้ทำให้เขานึกถึงตอนแรก หลิงอวี๋กับเกิ่งเสี่ยวหาวสร้างโรงงานยาที่หมู่บ้านตระกูลเฉินจนทำให้ชาวบ้านท้องถิ่งนั้นร่ำรวยกันขึ้นมา!แต่องค์หญิงหกต้องการจะแย่งโรงงานยาของหลิงอวี๋ จึงซื้อโรงงานยาด้วยราคาที่สูง เกิ่งเสี่ยวหาวโกรธมากก็เลยย้ายโรงงานยาไปที่หมู่บ้านอื่น!หลิงอวี๋กับตนพยายามคิดทุกทางเพื่อส่งเสริมการเพาะเลี้ยง และคิดที่จะช่วยให้ชาวบ้านท้องถิ่นให้ร่ำรวยขึ้น ในเมื่อพวกเขามิเห็นค่าก็มองหมู่บ้านอื่นร่ำรวยด้วยความอิจฉาตาร้อนไปเสียเถิด!กฎหมายมิได้รับผิดชอบต่อทุกคน เมื่อเทียบกับการลงโทษชาวบ้านเหล่านี้ เซียวหลินเทียนคิดว่าการลงโทษที่ดีที่สุดก็คือปล่อยให้พวกเขาได้มองการสูญเสียความร่ำรวยนั้นไป...ฉินซานกับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเดินตามงานเลี้ยงและแจกใบประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรและบัณฑิตเหล่านั้น ประกาศว่าผลิตภัณฑ์นมจะนำพาผลกำไรทางเศรษฐกิจมาให้เทียบกับการโฆษณาปากเปล่าแล้ว การมีผลิตภัณฑ์นมจำนวนมากวางอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ ทุกคนทั้งได้ลิ
การผ่าตัดเปิดกะโหลก นี่เป็นครั้งแรกในรอบพันปีของเมืองหลวง!หลิงเสียงกังเลือดท่วม สถานการณ์เร่งด่วนร้ายแรงถึงชีวิตทำให้เหล่าบัณฑิตและราษฎรเหล่านั้นวางความโกรธที่มีต่อหลิงอวี๋ลงชั่วคราวแม้จะมีข้อสงสัยในใจ แต่ท่านอดีตเสนาบดีเป็นบิดาของหลิงเสียงกัง ตามกฎหมายแล้วมีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะให้หลิงอวี๋รักษาหรือไม่ และพวกเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านนางซุนในฐานะภรรยามิได้มีสิทธิ์ตัดสินใจ การคัดค้านของนางจึงถูกเมินไปหลิงอวี๋พาพวกหลิงหว่านเข้าไปปฐมพยาบาลหลิงเสียงกังข้างในเซียวหลินเทียนมองนางซุนอย่างเย็นชาราวกับมองคนตายนางซุนผู้นี้ใส่ร้ายหลิงอวี๋ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าจะมีความยากบำลาก ก็มิคู่ควรที่จะได้รับการอภัยนางซุนเห็นหลิงเสียงกังถูกล้อมไว้ ส่วนนางนั้นเดียวดายไร้ผู้ใดสนใจ เมื่อเห็นเผยอวี้นั่งอยู่ด้านข้างและมีองครักษ์คนหนึ่งกำลังจัดการบาดแผลให้เขาอยู่นางซุนก็เข้าไปอย่างรู้สึกผิด พลางเอ่ยถามอย่างเศร้าใจ “แม่ทัพเผย หว่านเอ๋อร์ของข้าเล่า?”เผยอวี้มิรู้ว่าควรจะเกลียดหรือโกรธนางซุนดี จึงเอ่ยเรียบ ๆ “นางก็ถูกช่วยออกมาแล้ว อีกประเดี๋ยวก็มาถึง!”นางซุนได้ยินดังนั้นก็โล่งใจแล้วรีบเอ่ย “คนที่ข
“ฉึก… ฉึก...”เสียงลูกธนูคมกริบทั้งสองที่แทงทะลุร่าง ทำให้ราษฎรและบัณฑิตที่พุ่งไปข้างหน้าเมื่อเห็นทหารสองคนถูกยิงเข้าที่อกก็ชะงักอยู่กับที่ทันทียังมิทันที่พวกเขาจะได้ตอบสนองก็ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของเซียวหลินเทียนเอ่ยขึ้นมา “ทหารของข้าไม่มีทางสังหารคนบริสุทธิ์มิเลือกหน้า คนเลวสองคนนี้คิดจะสังหารพวกเจ้า กระตุ้นให้เกิดความวุ่นวาย มีเจตนาแอบแฝง เป็นความผิดร้ายแรงมิอาจให้อภัยได้!”“ข้าสังหารพวกเขาเป็นการเตือน! ผู้ใดที่กล้ามิฟังคำสั่งและลงมืออีกก็จะมีจุดจบดังเช่นพวกเขา!”ราษฎรและบัณฑิตเหล่านั้นตกตะลึงไปกับฉากนี้ คนที่มีเหตุผลเมื่อคิดแล้วก็เหงื่อออกทั่วร่างหากมิใช่เพราะมือธนูที่ซ่อนตัวอยู่บนที่สูงสังหารมือสังหารที่ก่อเรื่องสองคนนั้น พวกเขาก็จะถูกปลุกปั่น เมื่อเห็นทหารของจักรพรรดิสังหารราษฎร พวกเขาจะพุ่งเข้าไปทุบตีต่อสู้กับเหล่าทหารหรือไม่!ถึงเวลานั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?มิว่าจะเป็นราษฎรหรือทหารที่ตายก็ล้านทำให้จัตุรัสเกิดสถานการณ์นองเลือดที่ไหลดั่งสายน้ำ...เมื่อนึกถึงภาพนองเลือดนั้น ทุกคนก็กลัวจนตัวสั่น!และในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เผยอวี้ก็ขี่ม้าพร้อมแบกหลิงเสียงกังมาออกมาตามทางที
เหล่าบัณฑิตและขุนนางที่เดิมทีคล้อยตามท่านอดีตเสนาบดีกับผู้ป่วยแต่ละคนจนเลือกเชื่อหลิงอวี๋แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็หวั่นไหวทันทีเมื่อเห็นนางซุนที่คำนับหัวโขกพื้นจนเลือดไหลคุกเข่าขอร้องหลิงอวี๋อยู่ที่พื้น ภาพนองเลือดนี้กระตุ้นให้หัวใจแห่งความชอบธรรมของพวกเขาปั่นป่วนขึ้นอีกครั้งแล้ว“หลิงอวี๋เผด็จการรังแกผู้คนเช่นนี้ จะคู่ควรกับการนั่งเพลิดเพลินอยู่ในตำแหน่งฮองเฮาบนแท่นสูงนั้นได้อย่างไร!”“หลิงอวี๋ ลงมาเสีย เจ้าควรจะฆ่าตัวตายเป็นการขอโทษ!”“ประหารมือสังหารที่บีบให้คนตายผู้นี้เสีย!”เสียงแห่งความโกรธเกรี้ยวดังก้องขึ้นมาในจัตุรัส บัณฑิตเหล่านั้นพยักหน้า และทุกคนก็พุ่งไปที่แท่นสูงกองทัพหลวงก้าวออกมากั้นเอาไว้ แต่พวกเขามิสามารถสังหารราษฎรได้ และมิสามารถลงมือกับพวกเขาได้ด้วย จึงถูกบีบจนต้องถอยร่นไปเซียวหลินเทียนเด้งตัวลุกขึ้นมา สีหน้าของเขามืดครึ้ม วันนี้แม้จะต้องสังหารคนที่ก่อเรื่องเหล่านี้ให้หมดและขึ้นชื่อเรื่องเผด็จการเป็นชนักติดหลัง เขาก็จะมิยอมพูดได้มิชัดเจนแล้วอย่างไร เขาก็จะใช้สถานการณ์ที่นองเลือดยิ่งกว่ามาทำให้นางซุนและคนที่ด่าหลิงอวี๋ต้องหุบปากตลอดไป!หลิงอวี๋เองก็ลุกขึ้
ผู้ป่วยเหล่านี้แต่ละคนต่างก็แย่งกันเล่าว่าหลิงอวี๋รักษาโรคให้พวกเขาอย่างไร จนเสียงดังที่จัตุรัสยิ่งวุ่นวายมากขึ้นแต่ใต้เท้าเถี่ยมิได้คิดจะห้ามแม้แต่น้อยคนที่ด่าเหล่านั้นก็ยังคงตะโกนอย่างมิพอใจ “พวกเจ้าถูกหลิงอวี๋ซื้อตัวเพื่อมาล้างมลทินให้ชื่อของนาง!”“พวกเจ้าจะต้องเห็นว่านางเป็นฮองเฮาจึงได้ตั้งใจจะเอาใจนาง พูดดีกับนาง!”ครอบครัวผู้ป่วยคนหนึ่งมีคนด่าที่ลุกออกไปด้านข้าง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ครอบครัวนั้นก็ทนมิไหวแล้วซัดหมัดให้หน้าคนที่ด่าไปเต็ม ๆ“พล่ามไร้สาระอะไรของเจ้า ข้ามิเคยได้รับเงินจากฮองเฮาสักตำลึง!”“เรามีกันมากถึงเพียงนี้ ล้วนรู้บุญคุณของฮองเฮา มิอยากเห็นพระนางที่มีความคิดที่ดีต่อราษฎรเช่นนี้ต้องถูกคำต่ำช้าเยี่ยงพวกเจ้าใส่ร้าย!”“หมู่บ้านข้าก็มีคนมา เจ้ามิเชื่อคำพูดของข้าก็ไปถามคนในหมู่บ้านว่าฮองเฮาส่งคนไปจ่ายเงินซื้อพวกเราหรือไม่?”“หากฮองเฮาซื้อพวกเราได้ แล้วพระนางจะสามารถซื้อตัวคนในหลายหมู่บ้านทั้งหมดนั้นได้หรือ?”คนที่ด่าเหล่านั้นเห็นว่าคนนับมิถ้วนส่งสายตาโกรธเกรี้ยวมาให้พวกเขา คนที่ด่าคนหนึ่งยังคงเอ่ยอย่างแข็งกร้าว “พูดเรื่องพวกนี้หาได้มีประโยชน์ไม่… ต้องให้หลิงเส
เมื่อไต่สวนคดีนี้แล้ว หลี่ต้าหนิวมิเพียงแต่มิถูกลงโทษ แต่ยังได้รับชื่อเสียงที่ดีมากอีกด้วย ครอบครัวผู้เสียหายเหล่านั้นก็รู้สึกละอายใจต่อหลี่ต้าหนิววันที่อาคารศึกษาถล่ม พวกเขาโกรธจนมีคนวิ่งไปที่บ้านของหลี่ต้าหนิวแล้วทุบบ้านเขาจนพังตอนนี้เมื่อรู้ว่าถูกคนทำให้เข้าใจหลี่ต้าหนิวผิด คนเหล่านั้นจึงละอายกับการกระทำของตน“เมื่อพูดเรื่องของหลี่ต้าหนิวกระจ่างแล้ว ตอนนี้จะไต่สวนคดีที่หลิงอวี๋เรียกเงินค่ารักษาเกินจริงและเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา!”ใต้เท้าเถี่ยเป็นคนที่เที่ยงตรงมิเห็นแก่หน้าใครอย่างแท้จริง ยามไต่สวนคดีก็ถือว่าหลิงอวี๋เป็นคนผิด มิเรียกแม้แต่ฮองเฮาแต่เรียกชื่อออกไปตรง ๆการกระทำนี้ได้รับการยอมรับจากบัณฑิตอย่างล้นหลาม พวกเขารู้สึกว่าใต้เท้าเถี่ยจะต้องตัดสินคดีโดยยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างแน่นอนเมื่อเห็นหลิงอวี๋แต่งกายด้วยชุดฮองเฮา รอให้คดีตัดสินเสร็จสิ้น นางจะไม่มีวาสนาได้แต่งชุดฮองเฮาอีกต่อไป!ใต้เท้าเถี่ยยังมิได้รับข่าวว่าเผยอวี้พาตัวหลิงเสียงกังกลับมา ภายนอกเขาดูสงบ แต่กลับแอบมองไปทางแม่ทัพสือตอนนี้คำให้การของหลิงเสียงกังสำคัญที่สุด หากเขามิมาให้การ คำให้การของพวกท่านอดีตเสน
เถ้าแก่เหอถูกใต้เท้าเถี่ยรัวคำถามใส่ก็พูดมิออก เหงื่อเย็นพลันผุดออกมาเต็มไปหมด“เถ้าแก่เหอ ข้าไปเยี่ยมชมร้านค้าที่อยู่ใกล้ ๆ กับร้านตั๋วเงินมาแล้ว ทั้งยังมีผู้ที่อยู่แถวนั้นอีกหลายสิบคน วันที่ในสมุดบัญชีเจ้าบันทึกว่าหลี่ต้าหนิวไปฝากเงินสองแสนไว้ ไม่มีผู้ใดเห็นหลี่ต้าหนิวมาฝากเงินเลย!”“สองแสนนี้มาโผล่ในสมุดบัญชีอย่างน่าประหลาดได้อย่างไร?”“หรือเจ้ามิพอใจหลี่ต้าหนิวจึงจงใจปลอมแปลงบัญชีเพื่อกล่าวหาเท็จว่าเขาทุจริต?”เถ้าแก่เหอทนมิไหวอีกต่อไปแล้วจึงตะโกนออกไป “ใต้เท้าเถี่ย ข้าหรือจะกล้ากล่าวหาหลี่ต้าหนิวอย่างเป็นเท็จ มีคนที่รูปร่างหน้าตาดูเหมือนหลี่ต้าหนิวเอาตั๋วเงินของร้านตั๋วเงินไท่เหอมาที่ร้านตั๋วเงินสี่หลายแล้วฝากในชื่อของหลี่ต้าหนิวจริง ๆ ขอรับ!”“ตอนนั้นเขาใช้ตั๋วเงิน ย่อมไม่มีทางที่จะมีคนมาขนย้าย!”“คล้ายหลี่ต้าหนิว มิได้หมายความว่าคนที่มาฝากเงินคือหลี่ต้าหนิว เงินนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่ามีคนจงใจใช้ชื่อเขาฝากเงินเพื่อใส่ร้ายหลี่ต้าหนิว ใช่หรือไม่?”“ขอรับ!” เถ้าแก่เหอทำได้เพียงยอมรับ“เรื่องนี้หยุดไว้ก่อน ตอนนี้ข้าจะไต่สวนเรื่องที่พวกเจ้าฟ้องร้องว่าหลี่ต้าหนิวทุจริตเงินก่อสร
คนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งการล้วนปะปนอยู่ในฝูงชน เมื่อเห็นคนนั้นกระโดดออกมาฟ้องร้องหลี่ต้าหนิว ก็มีคนตามกันออกมา“ใต้เท้าเถี่ยทำเพื่อฮองเฮา จึงจงใจปกปิดหลี่ต้าหนิว!”“สังหารหลี่ต้าหนิว ลงโทษฮองเฮาสถานหนัก ถอดถอนฮองเฮา!”“ถอดถอนฮองเฮา!”เสียงคัดค้านเหล่านั้นแหลมสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เงียบ!”แม่ทัพสือตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง พลางตะคอกเสียงแข็ง “ใต้เท้าเถี่ยกำลังไต่สวน ห้ามพวกเจ้าเอะอะเสียงดัง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษที่ส่งเสียงดัง!”“เกรียงไกร...”ทหารกองทัพหลงที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันบรรยากาศที่ทรงอำนาจและหอกที่ส่องประกายในมือพวกเขาปรามให้คนที่โวยวายจำนวนมากมิกล้าพูดคนหนึ่งคิดว่าแม่ทัพสือมิกล้าสังหารตนต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ จึงตะโกนขึ้นมา“ใต้เท้าเถี่ยตัดสินคดีมิยุติธรรม ยังมิให้เราเอ่ยทวงความยุติธรรมอีกหรือ? พวกเราเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวใต้เท้าเถี่ยแล้วไต่สวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง!เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่งลง นี่มิได้กำลังท้าทายใต้เท้าเถี่ย แต่กำลังท้าทายอำนาจของตน!เขามองแม่ทัพสือ แม่ทัพสือจึงโบกมือทันที จากนั้นทหารกองทัพหลวงหลายคนก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วกดคนผู้นั้นลงกับพื้