กวนอิ่งไม่สนใจแม้แต่จะเช็ดเลือดออกจากใบหน้า นางมองนายท่านกวนที่มองนางอย่างเย็นชาด้วยความตกใจส่วนทุกคนในตระกูลกวนที่อยู่ในห้อง กวนซินกับฮูหยินกวนเห็นนายท่านกวนลุกขึ้นนั่งโดยที่หลิงอวี๋พยุงขึ้นมาเกิดอะไรขึ้น?พิษควรจะออกฤทธิ์แล้วมิใช่หรือ?กวนซินมองดูนายท่านกวนอย่างว่างเปล่า ไม่รู้จะมีปฏิกิริยาเยี่ยงไร!"ดีมาก… ดีมาก!"นายท่านกวนหัวเราะอย่างเย็นชา และดวงตาที่เย็นชาของเขาก็เคลื่อนจากกวนอิ่งไปที่ใบหน้าของกวนซินจากนั้นเขาก็กวาดสายตามองฮูหยินกวน อีกทั้งฮูหยินใหญ่กวนที่ยืนจับกรอบประตูพยุงตนไว้“ใคร ๆ ก็อยากให้ข้าตายหรือ? แค่ก...”นายท่านกวนพ่นเลือดที่เหลืออยู่ในปากออกมา น้ำเสียงของเขาไม่แหบแห้งอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยพลังอันดุเดือดเหมือนเมื่อก่อน“พระชายาอ๋องอี้ช่วยข้าไว้ พวกเจ้ามิขอบคุณ มิหนำซ้ำยังเอาดาบบุกเข้ามา นี่ต้องการจะฆ่านางกับข้าใช่หรือไม่?”“ท่าน… ท่านปู่… หลานกับน้องสาวมีหรือจักกล้าฆ่าพวกท่าน… นี่เป็นความเข้าใจผิด!”กวนซินก็รู้สึกตัวได้หลังจากถูกดุ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“อิ่งเอ๋อร์เห็นท่านอาเจียนออกมาเป็นเลือดสีดำ ก็เลยคิดว่าพระชายาอ๋องอี้วางยาพิษจะฆ่าท่าน!”“เข้าใจผิด
ฮูหยินกวนเห็นผู้คุ้มกันคนหนึ่งวิ่งไป ก็กังวลมากจนคลานเข้ามาและจับกวนอิ่งคุกเข่าลง กวนอิ่งยังคงไม่เต็มใจ แต่ฮูหยินกวนก็กดนางไว้แน่น มิให้ดิ้นหนีไปได้“พระชายาอ๋องอี้ อิ่งเอ๋อร์คุกเข่าขออภัยท่านแล้ว โปรดยกโทษให้นางด้วยเถิด!”“นายท่าน อิ่งเอ๋อร์เป็นห่วงท่านเช่นกัน ท่านโปรดช่วยอิ่งเอ๋อร์ขอความเมตตาด้วยเถิด!”นายท่านกวนมองกวนอิ่งกับกวนซินอย่างเย็นชา หลานที่ไม่กตัญญูเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร?เขาทำงานหนักเพื่อตระกูลกวน เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่ดี แต่กลับจะเอามีดมาแทงข้างหลังเขาหรือ?สัตว์ร้ายเหล่านี้ คู่ควรต่อการวิงวอนของเขาเช่นนั้นหรือ?ฮูหยินใหญ่กวนก็เข้ามาตัวสั่นเทาและขอร้องเช่นกัน“นายท่าน เรามีหลานสองคนนี้เท่านั้น!”“พวกเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านจึงได้ทำผิด ท่านเห็นแก่ความกตัญญูของพวกเขา ขอความเมตตาให้พวกเขาเถิด!”“พระชายาอ๋องอี้ ข้าขอร้องให้ท่านปล่อยพวกเขาไป! หากคิดว่ายังมิเพียงพอ… ข้าจักคุกเข่าขออภัยเจ้าด้วย!”ฮูหยินใหญ่กวนบอกจะคุกเข่า แต่ร่างกายของนางยังคงนิ่งอยู่หลิงอวี๋แสร้งทำเป็นไม่เห็นไม่ได้ยินฮูหยินใหญ่กวนแอบมิพอใจ นางก็แค่พูดเท่านั้น เด็กผู้หญิงตัวเล็กอย่างหลิง
เมื่อท่านกวนเอ้อร์นึกถึงอันตรายเมื่อกี้ ก็รู้ว่าวิธีจัดการของหลิงอวี๋นั้นถูกต้องที่สุด!เขาทำความเคารพหลิงอวี๋อย่างสุภาพมาก "พระชายาอ๋องอี้ ขอบคุณสำหรับวันนี้! แซ่กวน,bสังเกต เกือบจะทำให้พระชายาบาดเจ็บ… แซ่กวนรู้สึกละอายใจแล้ว!""คำขอบคุณมิพอสำหรับบุญคุณ แซ่กวนจักตอบแทนบุญคุณของพระชายาในภายภาคหน้าเป็นแน่!"“พระชายาโปรดพยายามค้นคว้ายาแก้พิษให้ได้โดยเร็วที่สุดด้วยเถิด!”หลิงอวี๋พยักหน้า พลางเอ่ย "ท่านกวนเอ้อร์ เรื่องวันนี้ เขาวางแผนทั้งกับท่านและข้า!""ข้าแค่กลัวว่า แผนของพวกเขาล้มเหลวแล้วพวกเขาจะลองแผนอื่นอีก!"เมื่อคิดถึงว่านายท่านกวนต้องเอาร่างกายที่ป่วยของเขามาขอร้องเพื่อตระกูลกวน หลิงอวี๋ก็รู้สึกหนักใจนายท่านกวนใส่ใจเรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือด อยากให้โอกาสตระกูลกวนเป็นครั้งสุดท้ายแค่กลัวว่าตระกูลกวนจะไม่เพียงแต่ไม่เห็นค่าเท่านั้น แต่ยังจะทำให้แย่ลงอีกด้วย!ท่านกวนเอ้อร์มองนายท่านกวนด้วยสายตาจริงจังแม้ว่านายท่านกวนจะอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ยังตื่นอยู่ เขาสบตาท่านกวนเอ้อร์ ครุ่นคิดอยู่นานพลางเอ่ย“ส่งพระชายาอ๋องอี้กลับกันก่อนเถิด!”นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนแล้วว่า เขาไม่อยากสนใ
“เกิดอะไรขึ้นกับพิษของนายท่าน?”เซียวหลินเทียนไม่มีเวลาทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เพิ่งมีโอกาสถามอย่างชัดเจนสิ่งที่เกิดขึ้นติดต่อกันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้หลิงอวี๋รู้สึกว่าตกอยู่ในภาวะวิกฤต!นางเข้าใจว่าตนกับเซียวหลินเทียนก็ลงเรือลำเดียวกันเช่นกัน หากเซียวหลินเทียนไม่ดี นางก็ไม่ดีเช่นกัน!หลิงอวี๋มิได้ปิดบังอะไร บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้เซียวหลินเทียนรู้เซียวหลินเทียนได้ฟังก็ตกใจมาก นี่เป็นแผนการชั่วร้ายที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัวทีเดียว!หากหลิงอวี๋มิได้มีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยมและระงับพิษของนายท่านได้ทันเวลา ทั้งหลิงอวี๋และท่านกวนเอ้อร์คงติดกับดักในวันนี้ ถูกตระกูลกวนวางแผนให้ไม่มีโอกาสฟื้นตัวแล้ว!“นายท่านมิได้บอกว่าใครวางยาพิษเขาหรือ?”เซียวหลินเทียนถามพลางครุ่นคิดหลิงอวี๋ส่ายหัว "นายท่านบอกว่ามีคนในวังวางยาพิษเขา เขาสงสัยว่ากวนซินกับลูกชายของเขามีส่วนเกี่ยวข้อง!"“ยามนั้นเขาไม่ได้สติ สิ่งที่เขาอยากจะแสดงออกก็คือ คนในวังสั่ง ให้กวนซินกับลูกชายเขาวางยาพิษ!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ "นายท่านกวนมีพิษสองชนิดในร่างกายของเขา ชนิดหนึ่งคือพิษเฉียบพลัน และอีกชนิดคือพิษเ
“องค์หญิงหกมิชอบกวนซิน แต่กวนซินชอบนางมาก ฮองเฮานี่คาดว่าต้องการตีสนิทตระกูลกวน จึงพยายามจับคู่อย่างเต็มที่! นางยังต้องการให้จักรพรรดิพระราชทานงานอภิเษกด้วยซ้ำ!”เซียวหลินเทียนคิดพลางเอ่ย "ได้ยินมาว่าองค์หญิงหกเกือบแขวนคอตายเพื่อต่อต้าน! สำหรับเรื่องนี้ ฮองเฮาถูกไทเฮาตำหนิอย่างหนักหนา!"หลิงอวี๋ตกตะลึง ทอดถอนใจพลางเอ่ย“ทะเลาะกันรุนแรงมาก! ดูเหมือนว่าองค์หญิงหกจักมีนิสัยใจร้อนมากด้วย!”นางฝังเข็มเสร็จแล้ว เอามันออก แล้วช่วยพยุงเซียวหลินเทียนพลิกตัวกลับ...แต่ในขณะนี้ ไม่รู้ว่ารถม้าชนเข้ากับอะไร รถม้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงหลิงอวี๋มิได้ตั้งตัว จึงสูญเสียการประคองตัวแล้วล้มลงบนตัวเซียวหลินเทียน...บังเอิญที่ทั้งสองชนกัน หน้าชนกัน ปากชนกัน...ริมฝีปากนุ่มเม้มเข้าหากัน...สัมผัสอันอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายทั้งสองทันที...หลิงอวี๋เบิกตาโต มองใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนอยู่ใกล้มาก ๆ อย่างตกใจ!ขนตาของเขายาว เคลื่อนไหวเบา ๆ...เหมือนพัดเล็ก ๆ พัดมาในใจของหลิงอวี๋หัวใจของนางเต้นแรง จ้องมองใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของเซียวหลินเทียนอย่างเหม่อลอย ลืมที่จะลุกขึ้น...หัวใจของเซียวหลิน
กระทั่งกลับไปถึงเมืองหลวงก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วหลิงอวี๋ยังคงคิดที่จะไปตรวจท่านอดีตเสนาบดีที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนอีกครั้ง นางกลับไปที่เรือนบุหงาพร้อมกับหลิงซวนทานอาหารเย็นแบบเร่งรีบและวางแผนที่จะพาหลิงเยวี่ยไปด้วยเมื่อหลิงเยวี่ยได้ยินว่าสามารถไปเยี่ยมท่านอดีตเสนาบดีได้ ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข“ท่านแม่ เช่นนั้นข้าควรเอาของขวัญอันใดไปให้ท่านปู่ทวดดีหรือขอรับ? ข้าเอาหนังสติ๊กที่ลุงปี้ทำมาให้ไปดีหรือไม่?”หลิงอวี๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและบีบจมูกเล็ก ๆ ของหลิงเยวี่ย“ท่านปู่ทวดเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่เล่นหนังสติ๊กแล้ว เจ้าเก็บไว้เล่นคนเดียวเถิด!”“เดี๋ยวแม่จักนำตำรับยาบำรุงร่างกายไปให้ก็พอแล้ว!”“แม่นม หากดึกเกินไป คืนนี้เรามิกลับมาที่ตำหนักอ๋องอี้แล้ว!”หลิงอวี๋บอกแม่นมลี่ "ประเดี๋ยวข้าจักไปบอกท่านอ๋อง!"แม่นมลี่พยักหน้าเห็นด้วย แล้วให้หลิงซินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หลิงเยวี่ยนี่เป็นการไปเยี่ยมจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนครั้งแรกของหลิงเยวี่ยนับตั้งแต่เขาเกิด ต้องสร้างความประทับใจที่ดีให้กับท่านอดีตเสนาบดีเสียหน่อยหลิงอวี๋ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน แล้วก็พาทั้งสามคนไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนสา
สายตาท่านอดีตเสนาบดีมองหลิงอวี๋อย่างเฉยชาแฉลบผ่านยังดวงหน้าน้อย ๆ ละเอียดอ่อนของหลิงเยวี่ย พลางหยุดลงบนรอยแผลที่หน้าหลิงอวี๋ในที่สุดหลิงอวี๋เดาออกว่าท่านอดีตเสนาบดีมีความเคืองโกรธในใจเลยไม่อยากให้อภัยตัวเองง่าย ๆ เยี่ยงนี้นางเดินไปหน้าเตียงพลันคุกเข่าลงดังตุ้บครั้นหลิงเยวี่ยเห็นแม่คุกเข่าก็คุกเข่าลงตามเช่นกัน“ท่านปู่ อาอวี๋รู้ผิดแล้ว! เมื่อนั้นอาอวี๋กระทำอันใดตามใจ ทำท่านปู่ปวดใจแล้วเจ้าค่ะ!”“อาอวี๋กลับตัวกลับใจแล้วต่อไปจักมิทำเรื่องโง่เขลาอีกเจ้าค่ะ! โปรดท่านปู่ให้โอกาสอาวี๋อีกสักครั้ง!”หลิงอวี๋โขกหัวคำนับให้ท่านอดีตเสนาบดีอย่างฝืนกลั้นน้ำตา!ช่วงเวลาล่อแหลมในงานพระราชสมภพวันนั้นเป็นท่านอดีตเสนาบดีคุกเข่าอ้อนวอนจักรพรรดิให้โอกาสตนชี้แจงเท็จจริงหลิงอวี๋จำเรื่องนี้ได้เสมอ แม้นางมิชอบพิธีคนโบราณเอะอะอะไรก็โขกหัวโขก ๆแต่โขกหัวคำนับให้ท่านอดีตเสนาบดี หลิงอวี๋ก็ยินดีเต็มใจ!“ท่านตาทวด ท่านให้โอกาสท่านแม่ข้าสักครั้งเถิดขอรับ! ต่อไปนางจะเชื่อฟังท่านแน่นอน!”“ภายหน้าเยวี่ยเยวี่ยจะเอาของอร่อย ๆ มาให้ท่าน!”หลิงเยวี่ยปวดใจต่อมารดาตน ดวงตาโตมองปริบ ๆ อย่างบ้องแบ๊วพลางมองท่านอด
ท่านอดีตเสนาบดีมองหลิงอวี๋พลางถาม “อาอวี๋ เจ้ามีแผนอันใดต่อไป? จักใช้ชีวิตกับเซียวหลินเทียนอยู่หรือไม่?”หลังเรื่องในรถม้าที่เซียวหลินเทียนผลักหลิงอวี๋ นางก็หมดความคิดที่จะอยู่กับเซียวหลินเทียนโดยสิ้นเชิง“ท่านปู่เจ้าคะ ก่อนหน้าข้าพูดเรื่องหย่ากับเซียวหลินเทียนแล้ว เขารับปากแล้วเจ้าค่ะ!”“เรารอเมื่อเวลาเหมาะสม ขอร้ององค์จักรพรรดิเห็นด้วยจึงหย่าร้างเจ้าค่ะ!”ท่านอดีตเสนาบดีนับว่าพอใจแล้วพลางพยักหน้า“ทนไม่ไหวก็หย่า จวนเสนาบดีหลังนี้ตราบใดที่มีปู่ก็คือจวนของเจ้าตลอดไป!”หลังหลิงอวี๋หย่าร้างไม่สนย้ายกลับจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนสักกระผีก แต่ตอนนี้ก็ไม่อยากเถียงกับท่านอดีตเสนาบดี ถึงคราวนั้นค่อยว่ากันเถอะ!“ท่านปู่ ท่านล้มเจ็บเองจริงหรือไม่? หากท่านถูกคนทำร้าย เช่นนั้นข้าก็มีสิทธิ์รู้…”หลิงอวี๋เป็นห่วงปัญหาข้อนี้พลันถามร้อนใจท่านอดีตเสนาบดีถามว่า “เจ้าตอบคำถามข้าก่อน วิชาแพทย์ของเจ้ารักษาขาของเซียวหลินเทียนหายได้หรือไม่?”หลิงอวี๋เชื่อใจท่านอดีตเสนาบดีสุดจิตสุดใจพลันกล่าวอย่างเชื่อมั่น“หากทั่วหล้านี้มีคนรักษาขาเซียวหลินเทียนหาย นั่นคงมีแค่ข้า!”สีหน้าท่านอดีตเสนาบดีเคร่งขรึมพลางเ
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่
ชิงพลังไปหรือ?เช่นนั้นหลิงอวี๋จะมิเป็นดังเช่นเมื่อก่อนที่ไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตัวแล้วต้องยอมให้คนอื่นรักแกหรือ?ความกังวลของเซียวหลินเทียนกัมีมากกว่าฉินซานนัก เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ตามที่หานเหมยบอกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับอาอวี๋ก็แยกจากกันไปแล้ว ศิษย์พี่ที่ช่วยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหานเหมยก็คือเฉียวเค่อ!”“แต่เมื่อวานเผยอวี้ไปสืบมา เฉียวเค่อตายแล้ว แล้วใครเป็นคนสังหารเฉียวเค่อเล่า?”“หรือจะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”ฉินซานก็วิเคราะห์ตามไปด้วยเช่นกัน แต่รู้สึกว่าความคิดของตนนั้นเหลวไหลเกินไปเฉียวเค่อเป็นศิษย์พี่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะสังหารเขาได้อย่างไรกัน!ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของเฉียวเค่อก็สูงมาก คนธรรมดาไม่มีทางที่จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!“หรือจะเป็นเย่หรง?”เซียวหลินเทียนนึกถึงเย่หรงที่ติดตามจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่ออยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงพูดชื่อของเขาออกมาโดยมิรู้ตัว“ก็เป็นไปได้!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ขันทีโม่ก็พาหานเหมยกลับมาหานเหมยดูท่าทางอ่อนแอ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาท บ่าวมิได้ปกป้องฮองเฮาให้ดี ฝ่าบาทโปรดลงโทษบ่าวเถิดเพคะ!”“เจ้
เซียวหลินเทียน ฉินซานและขันทีโม่นำเกวียนทาสหญิงกลับมาที่โรงเตี๊ยมทาสคุนหลุนผู้นั้นซื่อสัตย์มาก ฉินซานบอกว่า เซียวหลินเทียนเป็นเจ้านายของเขา จากนั้นเขาก็ติดตามเซียวหลินเทียนมิยอมห่างเซียวหลินเทียนเห็นว่าเขาแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก จึงตั้งชื่อให้เขาว่าเถี่ยจู้กระทั่งกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เถ้าแก่จูก็บอกว่า มีสตรีสองคนมาหาพวกเขา แล้วบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยของพวกเขาเถ้าแก่จูจัดห้องให้สตรีทั้งสองคนเป็นการชั่วคราวเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกลับมาแล้ว เถ้าแก่จูจึงให้เสี่ยวเอ้อร์ไปแจ้งสตรีทั้งสองคนผลก็คือคนที่มาคือเถาจื่อกับหานอวี้นั่นเอง“หานอวี้ เจอพี่หญิงของเจ้าแล้วนะ!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น“อยู่ที่ใด!” หานอวี้ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“เจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปพานางมา!”ฉินซานรีบเดินออกไป แต่หานอวี้รอมิไหวแล้วจึงรีบตามฉินซานไปที่เรือน แล้วก็เห็นทาสหญิงถูกขังอยู่ในเกวียนหานอวี้มิได้สนใจถามฉินซานว่าทาสหญิงเหล่านี้มาจากที่ใด นางรีบเปิดประตูเกวียนนั้นแล้วดึงพวกนางออกมาทีละคนหานเหมยถูกดึงลงมา แล้วหานอวี้ก็กอดนางอย่างตื่นเต้น “พี่หญิง ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว! เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ช่างดี
การกระทำนี้ของเซียวหลินเทียนทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงถอนหายใจโล่งอก ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะยอมลดทิฐิลงขอร้องให้เซียวหลินเทียนช่วยเหลือ ไหนเลยจะคิดว่า มิต้องให้ตนเอ่ยปากเซียวหลินเทียนช่วยเหลือแล้วในใจของเก๋อเฟิ่งฉิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มิรู้สึกอยากแข่งขันกับเซียวหลินเทียนอีกต่อไปแล้วนางพยักหน้าให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเรียบ ๆ “ในเมื่อคุณชายผู้นี้ซื้อทาสหญิงเหล่านี้ด้วยความจริงใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะมิสู้กับท่านอีก!”หม่าเฉียงเห็นเช่นนี้ก็พอใจแล้ว และแทบจะรอมิไหวที่จะลากฉินซานไปดำเนินการซื้อขายกันป้าวเฉิงมองเซียวหลินเทียนแล้วพาคนของตนเดินออกไปเขามองออกว่า เซียวหลินเทียนมิใช่คนธรรมดา แต่ตราบใดที่รับรองว่าตนจะได้ส่วนแบ่งทางการค้า เขาก็จะมิสนใจว่าเซียวหลินเทียนเป็นใครขันทีโม่ใช้เงินห้าร้อยตำลึงไปซื้อตัวทาสหญิงที่เชี่ยวชาญเรื่องการติดตามและทาสคุนหลุนที่มีพลังมากมาหม่าเฉียงมอบให้ฉินซานแม้กระทั่งเกวียน ฉินซานเห็นว่าคนตระกูลเก๋อยังมิไป จึงมิยอมปล่อยหานเหมยออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเก๋อเซียวหลินเทียนยังต้องการถามคำถามหม่าเฉีย
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห
บุรุษผู้นี้ฉลาดนัก!เก๋อเฟิ่งฉิงกลุ้มอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็มิได้โกรธ สิ่งที่นางต้องการคือบุรุษที่ได้ทั้งบุ๋นและบู๊เช่นนี้ หากเซียวหลินเทียนโง่เกินไป นางก็มิสนใจแล้ว!“พี่หญิง ข้าคิดว่าคุณชายผู้นี้พูดถูกนะ!”เก๋อเฟิ่งเจียวเบียดเข้ามาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “ทาสหญิงเหล่านี้มิคุ้มราคาจริง ๆ หากท่านใช้เงินมากมายเช่นนี้ซื้อพวกนาง กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุเป็นแน่!”“ท่านก็ทำตามที่คุณชายผู้นี้บอก ยอมให้เขาไปเถิด เลือกมาสองคนให้เขามอบให้ท่านเปล่า ๆ เขาจะต้องยอมแน่นอน!”เซียวหลินเทียนเกือบจะหัวเราะออกมา เขามิคาดคิดว่าความขัดแย้งภายในของตระกูลเก๋อจะชัดเจนถึงเพียงนี้ คุณหนูรองตระกูลเก๋อมาช่วยเหลือคนนอกเช่นนี้เก๋อเฟิ่งฉิงสีหน้ามิพอใจ นางคาดมิถึงว่าเก๋อเฟิ่งเจียวจะเผยจุดอ่อนของตนออกไป นี่มิใช่เป็นการบอกเซียวหลินเทียนหรือว่าหากตนเสนอราคาขึ้นอีก กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุ?“เฟิ่งเจียว ไปยืนด้านข้างเสีย ข้าทำอะไรอย่างมีเหตุผล ท่านยายมิดุข้าหรอก!”เก๋อเฟิ่งฉิงฝืนพูดต่อไปเก๋อเฟิ่งเจียวยิ้มเยาะ “เช่นนั้นท่านมีเหตุผลอะไรก็พูดมาสิ พูดให้ชัดเจนแล้วข้าจะมิคัดค้านที่ท่านใช้เงินมหาศาลซื้อทาสหญิงเหล่านี้ มิเช่นนั้นข
เซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ไกล ๆ ก็รู้ว่ามีคนทำให้ฉินซานลำบากแล้วเขาเห็นซูจู๋ที่ขัดแย้งอยู่กับฉินซานก็พอจะคาดเดาเจตนาของเก๋อเฟิ่งฉิงได้เซียวหลินเทียนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น อยากจะแข่งความรวยหรือ?เขามิเชื่อว่ากำลังทรัพย์ของคุณหนูตระกูลเก๋อจะเทียบกับตนที่เป็นจักรพรรดิได้ความเย่อหยิ่งของเซียวหลินเทียนเพิ่มขึ้นในทันที อย่างไรวันนี้เขาก็จะต้องปรามอำนาจของเก๋อเฟิ่งฉิงให้ได้เขาเดินเข้าไปด้วยใบหน้ามิสบอารมณ์เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นว่าคนในใจเดินเข้าไปก็ตามเข้าไปด้วย“หกหมื่น!”ซูจู๋ให้ราคาเป็นสองเท่าจากที่หม่าเฉียงเสนอ หม่าเฉียงมีความสุขมาก แต่ยังฝืนมิพยักหน้าแล้วมองไปทางฉินซานฉินซานรู้ว่าเซียวหลินเทียนมิได้ใส่ใจกับเงินจำนวนนี้ เขาสามารถตัดสินใจเสนอราคาตามไปได้แต่เขาก็มองออกเช่นกันว่า วันนี้นางรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าตั้งใจจะมีปัญหากับตน จึงกลัวว่าหากตนขึ้นราคา นางรับใช้ผู้นี้ก็จะขึ้นราคาไปด้วยแล้วเมื่อใดจึงจะสิ้นสุดเล่า?เวลานี้ฉินซานก็เห็นเซียวหลินเทียนเดินเข้ามา แล้วพยักหน้าให้เขาอย่างยากที่ใครจะสังเกตเห็นฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “แปดหมื่น!”เซียวหลินเทียนบอกเป็นนัยแล้วว่าเขาสามารถดันรา
ฉินซานได้รับคำสั่งแล้วไปเจรจาธุรกิจกับผู้ค้ามนุษย์ทันทีสิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ วันนี้เก๋อเฟิ่งฉิงคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อและเก๋อเฟิ่งเจียวคุณหนูรองตระกูลเก๋อก็มาด้วยเก๋อเฟิ่งฉิงมองปราดเดียวก็เห็นเซียวหลินเทียนที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนทันทีเมื่อเห็นเขาสั่งให้คนรับใช้ไปเจรจาการค้ากับผู้ค้ามนุษย์ เก๋อเฟิ่งฉิงก็กลอกตาแล้วกระซิบกับซูจู๋ทันที จากนั้นซูจู๋ก็ตามฉินซานไปเก๋อเฟิ่งเจียวมิเชื่อใจเก๋อเฟิ่งฉิง การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้ก็ดึงความสนใจของเก๋อเฟิ่งเจียวเช่นกัน นางจึงให้นางรับใช้ของตนตามไปดูด้วยฉินซานกำลังคุยอยู่กับหม่าเฉียงหัวหน้าผู้ค้ามนุษย์วัยสี่สิบปี“นายของเราบอกว่า เขาสนใจทาสหญิงเกวียนนี้ อยากซื้อตามราคาสูงสุด และขอเพียงให้เจ้าตอบคำถามเขามิกี่ข้อ...เรื่องดีเช่นนี้หากพลาดไปคงไม่มีอีกแล้ว เจ้าต้องคว้าโอกาสไว้!”หม่าเฉียงได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นแรงทันที คุณภาพของทาสหญิงเกวียนนี้ของตนมิได้นับว่าดีมากนัก เมื่อวานมาแล้ววันหนึ่งก็ขายมิออกสักคน วันนี้มีคนอยากจะซื้อทั้งหมดในคราวเดียว แล้วเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไรเล่า!“นายใหญ่อยากถามอะไรข้า?”หม่าเฉียงเอ่ยอย่างตื่นเต้น
เซียวหลินเทียนกับฉินซานแทบจะหันไปมองพร้อมกันทันทีที่ได้ยินชื่อหานเหมยแล้วก็เห็นว่าบนเกวียนคันนั้นก็มีทาสหญิงอยู่จำนวนมิน้อยสตรีคนที่ขันทีโม่พูดถึงยืนนิ่งอยู่ในมุมหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย บนตัวและใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผล ชุดก็ขาดรุ่งริ่งจนเผยผิวหนังส่วนใหญ่ออกมา“หานเหมย!”ฉินซานตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นที่เขาเป็นฝ่ายอาสาออกมาตามหาหลิงอวี๋ครั้งนี้ เหตุผลอีกครึ่งหนึ่งก็เพื่อหานเหมยนับตั้งแต่ที่ฉินซานมีความคิดที่จะแต่งงานกับหานเหมย เขาก็ให้ความสนใจหานเหมยอย่างมากหานเหมยทำงานอย่างจริงจัง ทั้งยังขยันเรียนรู้และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนน้อมอย่างยิ่งไป ๆ มา ๆ ฉินซานก็ตกหลุมรักหานเหมยที่ขยันและจิตใจดีผู้นี้ไปเสียแล้วเดิมทีเขาอยากหาโอกาสหยั่งเชิงหานเหมยว่าจะยินดีแต่งงานกับตนหรือไม่ ไหนเลยจะคิดว่ายังมิทันได้โอกาส หานเหมยก็หายตัวไปพร้อมกับหลิงอวี๋เสียก่อนแล้วฉินซานกังวลมาตลอดว่า หานเหมยจะถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารไปแล้วเพราะไม่มีประโยชน์และมูลค่า คาดมิถึงว่าจะได้เห็นหานเหมยยังมีชีวิตอยู่ฉินซานตื่นเต้นจนอยากจะพุ่งเข้าไปช่วยหานเหมยออกมาขันทีโม่คว้าตัวเขาไว้แล้วกระซิบ “อย่าหุนหัน