หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่เซียวหลินเทียนพูดว่า หลิงเสียงเซิงหมายเอาหลิงเยี่ยนออกเรือนเป็นชายารองอีกครั้งก็ตื่นตัวขึ้นพ่อนิสัยแย่คนนี้ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง!ผู้ใดจะรู้ว่าพอบอกความจริงเขาแล้ว เขาจะไม่ทรยศหักหลังเซียวหลินเทียนกัน?ตอนนี้หลิงอวี๋ยังเป็นชายาอ๋องอี้ เซียวหลินเทียนถือว่าเป็นที่พึ่งของตนเหมือนกัน นางไม่อาจปล่อยเซียวหลินเทียนกลายเป็นหนามยอกอกขององค์ชายเว่ยกับคนอื่น ๆ ได้!หลิงอวี๋พูดว่า “ท่านพ่อ พวกเราเป็นคนกันเอง ข้ามิปิดบังท่าน! แม้วิชาแพทย์ข้าเหนือคน แต่ก็มีโรคบางอย่างรักษามิได้!”“ขาของท่านอ๋องอี้ ข้าไร้วิธีช่วยเขารักษาหายแล้ว!”ใบหน้าหลิงเสียงเซิงเผยความสิ้นหวังชัดเจน ในตาฉายความระอาแววหนึ่งหลิงอวี๋มองอารมณ์นัยน์ตาของหลิงเสียงเซิง แต่กลับแสร้งไม่เห็นพลางยิ้มกล่าว“ท่านพ่อ ท่านห่วงใยท่านอ๋องอี้เช่นนี้ อาอวี๋ปลื้มใจนักหนา!”หน้าของหลิงเสียงเซิงกระตุก เขาไม่ได้ห่วงใยสุขภาพเซียวหลินเทียนเถอะ!เขาพะวงว่าเซียวหลินเทียนจะยืนได้และกลับมาเป็นผู้บัญชาการกองทัพอีกครั้งหรือไม่!หากเซียวหลินเทียนยืนมิได้ก็เป็นแค่ของไร้ประโยชน์ เขาจะสนใจของไร้ประโยชน์หาปะไร!“อาอวี๋ เมื่อก่อน
หลิงอวี๋ตั้งอาจารย์ขึ้นมัว ๆ เมื่อเห็นหวางซือสนใจที่ตนถูกพิษขนาดนี้ นางยิ่งมั่นใจว่าการถูกพิษของตนไม่พ้นเกี่ยวข้องกับหวางซือหรอก!หลิงอวี๋ขบคิดพลางกล่าว“ข้าถูกพิษชนิดที่เรียกว่าอินทรีดำ อาจารย์ข้าถอนให้ข้าครึ่งเดียว นางพูดว่าระยะเวลาถูกพิษของข้านานเกินไปทำตับเสียหายแล้วเจ้าค่ะ!”“เดิมทีอาจารย์ข้ากล่าวว่าข้ามีชีวิตได้แค่ครึ่งปี! แต่ตอนนี้อยู่ได้หลายปีแล้วเจ้าค่ะ!”หวางซือปรายมองเล็กน้อย แสร้งเป็นพูดเคือง“ทั้งหมดนี้เป็นขี้ข้าต่ำช้าสองคนนั้นทำชั่ว! พวกนางสมควรถูกถลกหนังทั้งเป็น!”จากนั้นหวางซือก็เปลี่ยนประเด็น จ้องหลิงอวี๋เอ่ยอีกว่า“อาอวี๋ เจ้ารู้เรื่องหรือไม่? เมื่อก่อนแม่เจ้ารู้จักซือคงชวิ่นปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์!”“วิชาแพทย์ซือคงชวิ่นเหนือชั้น เป็นหมอชั้นเซียนชั่วอายุคน ว่ากันว่าเวลานั้นเขาเก็บตำราแพทย์ไว้เล่มหนึ่ง…”“หากเจ้าได้มันมา พิษของเจ้าถอนได้แน่! ขาท่านอ๋องอี้ก็จะมีทางรักษาหายเช่นกัน!”“ตำราแพทย์? ซือคงชวิ่น?”หลิงอวี๋ตะลึงชั่วขณะ คาดไม่ถึงว่าหลานฮุ่ยจวนผู้เป็นมารดาจะรู้จักซือคงชวิ่นหมอเลื่องชื่อ?“อาอวี๋ เจ้ามิรู้เรื่องนี้หรือ?”หวางซือมองในตาเป๋อเหลอของหลิงอวี๋ คว
หลิงอวี๋โกรธจนยืนขึ้นเร็วพลัน“ท่านพ่อ ถ้ามือท่านมีแผลเปิดก็ต้องใช้เวลาหลายวันหาย!”“ท่านปู่ล้มขาหัก ท่านคิดว่าข้าเป็นเทพเซียนเป่าลมหายใจเซียนก็ทำท่านปู่กระโดดโลดเต้นได้หรือ?”ครั้นหวางซือเห็นหลิงอวี๋โมโหเลยมองค้อนหลิงเสียงเซิง รีบกล่าวปลอบ“อาอวี๋ พ่อเจ้าก็เป็นห่วงท่านปู่เจ้าเหมือนกัน กลัวเขาทุกข์ใจ! เลยใจร้อน!”“ถูก ถูกต้อง พ่อมิอยากให้ท่านปู่เจ้าทุกข์ใจ!”หลิงเสียงเซิงมองหลิงอวี๋เอาอกเอาใจ “เจ้าก็ลองคิดวิธีดูเถิด!”“ไม่มีวิธี! ลงเตียงได้ในยี่สิบวันเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวเหลืออด “หากท่านพ่อไม่มีธุระอื่น ข้าขอไปพักแล้ว!”หัวใจหลิงเสียงเซิงอ้างว้าง หรือว่าต้องดูท่านอดีตเสนาบดีสูญเสียตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ตาปริบ ๆ งั้นหรือ?นี่คือการโจมตีหนักหน่วงทั้งครอบครัวพวกเขา!พอหวางซือเห็นหลิงอวี๋หมายไปพลันดึงหลิงเสียงเซิงไว้หลิงเสียงเซิงราวเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคว้าหลิงอวี๋ไว้“อาอวี๋ เจ้าคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของไทเฮากับท่านอ๋องเฉิงมิใช่หรือ?”“เจ้าทวงบุญคุณไทเฮาแนะนำหลิงเฟิงน้องชายเจ้าไปรับตำแหน่งราชการกรมกลาโหมเถอะ!”“อาอวี๋ แผลของท่านปู่เจ้ามิหายเร็ว ๆ นี้”“ตำแห
หลิงอวี๋กลับถึงลานเรือนที่ตนเคยอยู่มาก่อน ป้าสะใภ้ใหญ่ให้คนทำความสะอาดเรียบร้อย หลิงซวนกำลังเก็บกวาดหอนอนกับหลิงซินหลิงหว่านกำลังหยอกเล่นหลิงเยวี่ยเมื่อหลิงเยวี่ยเห็นหลิงอวี๋ก็เอากล่องหนึ่งให้ดูพลางพูดอวด“ท่านแม่ ท่านดูสิ ท่านยายมอบของขวัญพบหน้าข้า!”เมื่อหลิงอวี๋มองด้านในกล่องมีกุญแจเงินอายุยืนประดิษฐ์เงินหนึ่งชุด ยังมีกระบี่สั้นงานประณีตหลิงหว่านกล่าวยิ้ม ๆ “กระบี่สั้นนี้เป็นของขวัญสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ท่านปู่มอบให้พ่อข้าตอนอายุสิบห้าปี!”“พี่ข้าขอกับแม่ข้าหลายหนแล้ว แม่ข้าล้วนหักใจให้เขาไม่ลง!”พี่ชายของหลิงหว่านคือหลิงเซียว ลูกชายแท้ ๆ ของป้าสะใภ้ใหญ่เมื่อหลิงอวี๋ได้ฟังก็แปลกใจนัก ของขวัญนี่ล้ำค่าถึงเพียงนี้!นี่ป้าสะใภ้ใหญ่ช่างรักเอ็นดูหลิงเยวี่ยจริง ๆ ถึงมอบของขวัญเช่นนี้ให้หลิงเสียงเซิงกับหวางซือมีศักดิ์เป็นตายายของหลิงเยวี่ย เมื่อครู่นอกจากบ่นเรื่องแซ่หลิงของหลิงเยวี่ย แม้แต่รากหญ้าล้วนไม่คิดให้หลิงเยวี่ยด้วยซ้ำของขวัญไม่สำคัญ แต่อยู่ที่น้ำใจ!เปรียบเทียบความเมินเฉยของครอบครัวหลิงเสียงเซิงกับป้าสะใภ้ใหญ่ ชัดเจนแล้วว่าผู้ใดคือคนกันเอง!หลิงอวี๋มองหลิงหว่านซาบ
รถม้าของปี้ไห่เฟิงเดินหน้าต่อ หลิงอวี๋กับหลิงหว่านเห็นควันทึบคลุ้งเหนือประตูใหญ่บูรพาแล้ว เพลิงไฟสะท้อนครึ่งนภาเป็นสีแดง“ตะเถร! นั่นเผาไปกี่เรือนแล้ว!”หลิงหว่านโตมาขนาดนี้เห็นไฟรุนแรงเช่นนี้เป็นครั้งแรกพลางตกใจจนคว้าแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น“ท่านพี่ นั่นเผาคนตายไปกี่มากมายแล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวปลอบขวัญ “โชคดีที่ไฟมิใช่เกิดขึ้นกลางดึก ยามนี้ผู้คนล้วนยังมิได้เข้านอน หากเกิดไฟไหม้บางคนก็หนีออกมา!”สีหน้าหลิงซวนยินดี “อาจารย์พูดถูก โชคดีที่ไม่ไหม้กลางดึก มิฉะนั้นคนมากโขจักถูกเผาตายขณะหลับฝันเจ้าค่ะ!”รถม้าแล่นไประยะหนึ่ง ถนนก็ถูกคนลี้ภัยกับคนดับเพลิงตันจนน้ำหยดเดียวก็ลอดไม่ได้“พวกเราลงรถเดิน!”ครั้นหลิงอวี๋มองเหตุการณ์ยุ่งเหยิงนี้ จึงรีบดึงหลิงซวนกับหลิงหว่านลงรถหลิงหว่านเห็นคนลี้ภัยบางคนกำลังแบกกระเป๋าหลายใบหนีไป ต่างสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ผู้ลี้ภัยบางคนกำลังวิ่งเท้าเปล่าไม่สนใจสวมรองเท้า“หลิงหว่าน ตามข้าห้ามแตกแถว!”หลิงอวี๋หันกลับเห็นหลิงหว่านกำลังมองเด๋อด๋า รีบวิ่งมาคว้านางไว้“ยามอลหม่านเช่นนี้ กระไรก็เกิดขึ้นได้ เจ้าต้องรับรองความปลอดภัยของตัวเองก่อนถึงช่วยคนได้!”หลิงอวี๋
เดิมทีเป็นร้านของตระกูลกวน มิแปลกใจเลยที่ลำพองขนาดนี้!แม่ทัพเฉินมองไฟไหม้มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ปล่อยคนลี้ภัยเหล่านี้อีก เขาก็มิกล้าจินตนาการถึงความสูญเสียทั้งมวลแม่ทัพเฉินกระทืบเท้าร้อนรน มองทางเซียวหลินเทียน“ท่านอ๋อง ควรทำเช่นไรดี หากไม่อพยพฝูงชนอีก คนพวกนั้นจักตายกันหมดพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋มองทางเซียวหลินเทียนร้อนใจเช่นกันเซียวหลินเทียนหน้ามืดลง ตะโกนเดือดดาล“แม่ทัพเฉิน ส่งทหารไปบังคับรถม้าไปแล้วกล่าวว่าเป็นคำสั่งของตัวข้า!”“หากเอะอะโวยวายก็ให้พวกเขาว่ากันทีหลัง! ผู้ใดกล้าขัดขวาง ฆ่าอย่างไร้ปรานี!”เมื่อแม่ทัพเฉินได้ยินก็มีเสาหลักแล้วพลางพาทหารกลับสู่การสู้รบทันที“จ้าวซวน เจ้าไปช่วยเสีย!”จ้าวซวนรีบพาองครักษ์หลายคนทะยานไปหลิงอวี๋พลันเห็นทหารเหล่านั้นพุ่งไป ไม่สนการกีดกันข้ารับใช้ของร้านหวางต้าหู้พลางบังคับรถม้าไปแต่ก็ไม่รู้ว่าใช้รถม้าแบกน้ำหนักเกินไปหรือไม่ มีรถม้าคันหนึ่งเพิ่งแล่นไปมิไกลก็พังทลายลงเงินทองอาภรณ์จำนวนมากกลิ้งออกจากรถม้า เมื่อคนลี้ภัยด้านหลังเหล่านั้นเห็นก็เข้ามารุมรีบเก็บทรัพย์สมบัติโกลาหลเมื่อจ้าวซวนเห็นว่าทางแยกที่ถูกขจัดอย่างยากลำบากได้ตันอี
แต่ในช่วงสั้น ๆ หวางต้าหู้ก็เรียกขึ้นอย่างลำพองต่อ“ท่านอ๋องอี้ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทำลายทรัพย์สมบัติมากมายของตระกูลกวนเสียหาย เราจะฟ้องร้องท่านแน่!”“ท่านต้องชดใช้ให้ตระกูลกวน!”ลู่หนานฟังเสียงร้องสังเวชของข้ารับใช้เหล่านั้นพลางมองหวางต้าหู้ที่หมกมุ่นแต่ทรัพย์สมบัติท่าทางเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ต่อข้ารับใช้ที่ตายเปล่าเหล่านั้นโดยสิ้นเชิงเขาโกรธจนชักดาบออกตะโกนลั่น“ไม่รีบหนีเอาตัวรอดยังสร้างความยุ่งยาก ข้าจักเสี่ยงตายฆ่าเจ้าก่อนไอ้ชั่ว!”หวางต้าหู้ตกใจสะดุ้ง เมื่อเห็นหลู่ชิ่งและองครักษ์สองสามคนชักดาบด้วยท่าทีมาประชิดตนด้วยรูปลักษณ์ดุร้ายพรั่นพรึงเขาไม่กล้าด่าอีกพลางพาข้ารับใช้กับครอบครัวตนหนีภัยไปข้างหน้าต่ออย่างเศร้าซึมแม่ทัพเฉินพาทหารของตนวิ่งมา หน้าผมของเขาเปรอะฝุ่น เสื้อคลุมขุนนางบนร่างถูกไฟไหม้จนขาดรุ่งริ่ง“ท่านอ๋อง สถานการณ์ไฟหนักเกินไปไร้ทางช่วย! ควรทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”ขณะนี้เอง ราชองครักษ์ผางพากองทัพหลวงรุดมาดับไฟตามพระราชโองการจักรพรรดิแล้ว เขาเห็นไฟหนาแน่นเช่นนี้ก็ตะลึงปากอ้าตาค้างเหมือนกัน“เซียวหลินเทียน หากไหม้อย่างนี้จะลุกลามทวีขึ้นอีกพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋สัง
ลานขนาดใหญ่ที่มุมประตูเมืองมีทหารยามประจำการด้านในห้องถูกรื้อเละเทะ ไม่รู้ว่าเป็นผู้ลี้ภัยโจรกรรมขณะเพลิงไหม้หรือมีเหตุผลอะไรอื่น“หลิงซวน จุดตะเกียงน้ำมัน!”หลิงอวี๋เห็นมีโต๊ะยาวในห้องก็กวาดสิ่งของตรงหน้าทุกอย่างลงพื้น ให้ฉินซานวางดรุณีลงบนโต๊ะ“ยังต้องการของอันใด ข้าจักไปหา!”ฉินซานช่วยหลิงซวนหาตะเกียงน้ำมันสองสามดวงแล้วจุดไฟทั้งหมด“ฉินซาน นางรับใช้ของข้าหลิงซินไปหาคนส่งเครื่องยาแล้ว เจ้าอยู่ปากประตูเมืองช่วยข้าดูพวกเขามาก็ให้พวกเขาขนเครื่องยามานี่!”“พ่อแม่ของดรุณีผู้นี้ไม่รู้ว่าก็ตามหานางอยู่หรือไม่ เจ้าจับตาดูหน่อย!”หลิงอวี๋ถอดเสื้อผ้าดรุณีพลางเอ่ยกำชับ“แล้วก็ หากมีคนเจ็บต้องการรักษาด่วน เจ้าก็ส่งพวกเขามานี่เถอะ!”“ขอรับ!” ด้านนอกฉินซานยังจำต้องดูแลก็รีบร้อนไปแล้ว“หลิงหว่าน ดูว่ามีน้ำหรือไม่ หาน้ำมาให้หน่อย!”หลิงอวี๋กล่าวสั่ง “หาผ้าสะอาด ๆ สักสองสามผืนด้วย!”“เจ้าค่ะ!” หลิงหว่านดูสถานการณ์คับขันก็รีบไปหาหลิงอวี๋เห็นมีตู้ขนาดใหญ่อยู่ในห้อง นางรีบวิ่งไปหลังตู้พลันแฉลบกายเข้ามิตินางรีบคว้ากระเป๋าเครื่องยาฉุกเฉินใบใหญ่และผ้าพันแผลเป็นต้นพลันรุดออกมา แสร้งทำรื้อห
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ
หลิงอวี๋จึงบอกการคาดเดาของตนให้พ่อลูกตระกูลเย่ฟังทั้งหมดท่านผู้เฒ่าเย่หมดคำพูดไปเลยทีเดียว ทรัพย์สินของตระกูลเหมียวไป่หลี่ไห่ก็จับจ้องอยู่เช่นกัน คนผู้นี้ช่างไม่มีขอบเขตของความเป็นคนเอาเสียเลย!“ท่านผู้อาวุโส ท่านอาจารย์ ข้าคาดว่าการประลองครั้งนี้คงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้นเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ไป่หลี่ไห่กล้าเสนอข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ เขามั่นใจว่าจะบีบข้าลงได้แน่นอน! เพียงแต่ข้ามิรู้ว่าเขาจะใช้วิธีใด!”ท่านผู้เฒ่าเย่หัวเราะเยาะออกมา “เขาจะใช้วิธีใดได้อีกเล่า… อำนาจของเจ้าแห่งทะเลและความโปรดปรานของมหาเทพหลงก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการได้แล้ว!”“เขาสามารถทำได้แม้กระทั่งขอพระราชโองการบีบให้เจ้ามอบยาแก้พิษให้ แต่นี่จะเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกินไป หากเขายังคิดที่จะอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เขาก็น่าจะมิทำเช่นนั้น!”หลงเพ่ยเพ่ยเพิ่งเข้าประตูมาก็ได้ยินประโยคนี้เข้า นางจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา“ท่านผู้เฒ่าเย่ ท่านคิดผิดไปแล้ว… ไป่หลี่ไห่จะทำเช่นนั้นจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ว่ากระไรนะ?”ท่านผู้เ
หลังจากที่หลงอิงไปแล้ว เรือนเล็กก็เงียบสงบลง แต่หลิงอวี๋รู้ว่านี่เป็นเพียงความสงบภายนอกเท่านั้นในเมื่อไป่หลี่ไห่มีความคิดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นเขาจะต้องหาวิธีมาบีบให้ตนประลองกับเขาอย่างแน่นอนเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงแค่สามวัน ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเน่าเปื่อยและตายไป ดังนั้นไป่หลี่ไห่จึงเหลือเวลาอยู่มิมากแล้วหลิงอวี๋ทำอาหารกลางวันแล้วกินพร้อมกับมู่ตงและไป๋อวี้นางต้มโจ๊กที่มีคุณค่าทางโภชนาแยกให้กับผู้รอบรู้ และเมื่อป้อนโจ๊กให้ผู้รอบรู้เสร็จแล้วเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าตระกูลเย่ก็มาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าเย่มา ในใจของนางก็พลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา พวกเขามาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่ ก็นับว่าเป็นการมาสนับสนุนตนเช่นกัน!“เสี่ยวชี พี่ชายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ท่านผู้เฒ่าเย่เดินเข้าประตูมาก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงหลิงอวี๋ยิ้มขมขื่น “ยังดีที่ช่วยเหลือกลับมาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นก็คงสิ้นชีพไปแล้วเจ้าค่ะ!”ท่านผู้เฒ่าเย่สีหน้ามืดมนลง แล้วเดินเข้าไปในห้องของผู้รอบรู้พร้อมกับหลิงอวี๋ด้วยผู้รอบรู้นอนอยู่บนเตียง ยังมิสามารถขยับตัวได้ จมูกช้ำและใบหน้าบวม ร
หลิงอวี๋เห็นว่าสีหน้าหลงอิงดูจริงใจ จึงจะเชื่อนางไปก่อน“เจ้ารู้เรื่องที่พี่ชายของข้าถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้ว เช่นนั้นอาจารย์ของเจ้าก็ต้องรู้แล้วเช่นกัน แล้วเขามีท่าทีอย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกไปหลงอิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา จากนั้นเอ่ยออกไปด้วยใจแน่วแน่ “เสี่ยวอวี๋ ข้าจะพูดกับเจ้าตามความจริงก็แล้วกัน ท่านอาจารย์ของข้ามิอยากรับเงื่อนไขการขับไล่เหมียวหยางออกจากสำนักอีกต่อไปแล้ว เขาบอกว่าเดิมทีแล้วนี่เป็นการประลองระหว่างคนรุ่นหลัง มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถ!”“เขาต้องการประลองกับเจ้าดูสักครั้ง เป็นการประลองปรุงยาพิษต่อหน้าธารกำนัล หากว่าเขาแพ้ เขาจะตอบตกลงในเงื่อนไขทั้งหมดของเจ้า!”“แต่หากว่าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องมอบยาแก้พิษให้เหมียวหยาง!”หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา “มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถงั้นหรือ? ปรมาจารย์ไป่หลี่ก็สามารถพูดคำเช่นนี้ออกมาได้ ข้านับถือเขาเสียจนอยากจะโขกหัวคารวะให้เสียจริง ๆ!”“ข้าให้เวลาเขาสิบวัน เขาปรุงยาแก้พิษมิได้ แล้วยังมิยอมรับว่าเขาไร้ความสามารถอีกหรือ? ในเมื่อนี่เป็นการประลองของคนรุ่นหลัง ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโสจะมาประลองกับข้า เช่นนี้จะ
เย่หรงได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็เอ่ยตอบไป “เรื่องนี้ข้ารู้ดีทีเดียว ตระกูลเหมียวมีฐานะขึ้นมาจากการพึ่งพาเครื่องยาสมุนไพร เนื่องจัดหาสมุนไพรให้หอโอสถไป๋เป่าอยู่บ่อยครั้ง กอปรกับที่เหมียวหยางค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรด้วย ไป่หลี่ไห่จึงรับไปเป็นศิษย์!”“หลายปีมานี้ด้วยอำนาจของไป่หลี่ไห่ ตระกูลเหมียวจึงมีสถานะที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วก็ค่อย ๆ ขึ้นไปเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย!”มิน่า!หลิงอวี๋นึกถึงเงื่อนไขที่ตนเสนอให้หลงอิงก่อนหน้านี้ว่า ให้ไป่หลี่ไห่ขับไล่เขาออกจากสำนักเวลานั้นหลิงอวี๋มิรู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเหมียว คิดว่านี่เป็นการกระทำที่จะรักษาชื่อเสียงของไป่หลี่ไห่เอาไว้ตอนนี้เมื่อได้รู้ฐานะของตระกูลเหมียวแล้ว หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าเหตุใดตระกูลเหมียวจึงใช้ผู้รอบรู้แก้แค้นตนฐานะระดับตระกูลเหมียวนี้เรื่องเงินเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องเกียรติต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่หากเหมียวหยางถูกไป่หลี่ไห่ขับไล่ออกจากสำนัก ตระกูลเหมียวจะต้องเสียทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี อีกทั้งยังหมายความว่า นับจากนี้จะไม่มีไป่หลี่ไห่คอยสนับสนุนพวกเขาอีกต่อไปด้วยเช่นกันสำหรับตระก
นี่คือสิ่งที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่ในใจ แต่ผู้รอบรู้กลับมองออกหลิงอวี๋อ้าปากค้างอย่างงุนงง มิรู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร“น้องหญิง วันนั้นพี่ใหญ่เห็นเจ้าตากฝนตัวเปียกโชก แล้วก็เห็นบ้านของเราถูกทำลายพังยับเยิน!”“ตอนนั้นข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า… หากข้ามีความสามารถ ข้าก็จะไปทุบบ้านของเหมียวหยางเช่นกัน!”“หากข้าวางยาพิษเป็น ก็คงมิต้องให้เจ้าลงมือหรอก ข้าจะวางยาพิษเขาด้วยตัวข้าเอง!”ผู้รอบรู้เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่ “ดังนั้น ข้ามิได้รับเคราะห์แทนเจ้า และมิได้ถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนด้วย เจ้ามิต้องรู้สึกผิด!”“พี่ใหญ่!”ดวงตาของหลิงอวี๋มีน้ำตาคลอขึ้นอย่างอธิบายมิถูก“ข้าเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก หลังจากแยกอาจารย์ข้าก็เตร็ดเตร่อยู่ในยุทธภพเพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว และไม่มีเป้าหมายใด!”ผู้รอบรู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หลังจากที่ได้รู้จักเจ้า ข้าจึงได้มีบ้านและครอบครัว! ข้าออกไปไหนก็มิต้องกังวลแล้วว่าจะไม่มีบ้านให้กลับ และเมื่อกลับมาก็ยังมีเจ้ารอข้ากินข้าวอยู่!”“น้องหญิง ข้าชอบครอบครัวที่พวกเราสร้างขึ้นมา มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าก็มีความห่วงใยและมีเป้าหมายอยู่เช่นกัน ข้าหวังว่าจะหาเงินได้ม
“พี่ใหญ่มู่ เห็ดหยกนี้มีอยู่ที่ภูเขาใดหรือ?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามเขาหากซื้อมิได้นางก็จะไปเก็บด้วยตนเอง มิว่าจะยากลำบากแค่ไหน นางจะต้องหาเห็ดหยกมารักษาสิงจั๋วให้จงได้“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”มู่ตงมองหลิงอวี๋ “เจ้าคงมิคิดจะไปเก็บที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระมัง! เป็นไปมิได้หรอก!”“มีหลายสาเหตุทีเดียว ประการแรก ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นของราชวงศ์ มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเก็บสมุนไพรได้ง่าย ๆ!”“ประการที่สอง แม้ว่าท่านหญิงของข้าจะสามารถพูดให้เจ้าและให้เจ้าเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เจ้ารู้หรือว่าจะต้องไปเก็บที่ใด?”“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีอยู่สิบแปดยอดเขา ซึ่งแต่ละยอดเขาก็จะมีความสูงชันและอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่พวกตระกูลอู่ที่คอยเฝ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ ก็ยังมิสามารถสำรวจยอดเขาครบทั้งสิบแปดยอดเขาได้ เจ้าไม่มีทางที่จะหาเห็ดหยกเจอท่ามกลางยอดเขามากมายถึงเพียงนั้นหรอก!”ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มิได้มีเพียงแค่มู่ตงผู้เดียวที่เอ่ยถึงความลึกลับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้กับตนวันนั้นเย่หรงก็บอกกับตนว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการพานางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรมาสลายเลือดเนื้อของนางและก่อน
หลังจากที่พวกเขารับคำสั่งแล้วก็ออกไป แล้วจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงตะโกนขึ้นมา “หานเหมย เจ้ารอก่อน!”หานเหมยหยุดชะงัก หานอวี้ก็หยุดเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างสงสัย“ตอนที่ข้าจับตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ที่ภูเขาหมางหลิ่ง นางเผลอหลุดปากออกมาเรื่องหนึ่ง… นางบอกว่านางโกหกหลิงอวี๋ว่าน้องสาวนางถูกจับตัวมาขายที่เมืองหลวงแดนเทพ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป และคิดมาตลอดว่าเจ้าคือเสี่ยวอวี้ น้องสาวของนาง! นางมาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อมาตามหาเจ้า!”หานเหมยตะลึง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ฝ่าบาททรงหมายความว่าจะให้หม่อมฉันไปเข้าใกล้ฮองเฮาหรือเพคะ?”“อืม ตอนนี้หลิงอวี๋มีความคลางแคลงใจต่อพวกเรา ทว่ากับเจ้านั้นแตกต่างออกไป หลังจากที่นางสูญเสียความทรงจำไปเจ้าก็อยู่กับนางตลอด! จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดเช่นนี้แล้ว นางจะต้องเชื่อว่าเป็นจริงแน่ ๆ!”เซียวหลินเทียนมองไปทางหานเหมย “สิ่งที่ข้ามิแน่ใจตอนนี้ก็คือ หลิงอวี๋จำเรื่องอะไรได้บ้าง และนางสงสัยหรือไม่ว่าเจ้ามิใช่น้องสาวของนาง!”“หากเจ้าบุ่มบ่ามไปเข้าใกล้นางเช่นนี้
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”