Share

บทที่ 308

Author: กานเฟย
เดิมทีเป็นร้านของตระกูลกวน มิแปลกใจเลยที่ลำพองขนาดนี้!

แม่ทัพเฉินมองไฟไหม้มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ปล่อยคนลี้ภัยเหล่านี้อีก เขาก็มิกล้าจินตนาการถึงความสูญเสียทั้งมวล

แม่ทัพเฉินกระทืบเท้าร้อนรน มองทางเซียวหลินเทียน

“ท่านอ๋อง ควรทำเช่นไรดี หากไม่อพยพฝูงชนอีก คนพวกนั้นจักตายกันหมดพ่ะย่ะค่ะ!”

หลิงอวี๋มองทางเซียวหลินเทียนร้อนใจเช่นกัน

เซียวหลินเทียนหน้ามืดลง ตะโกนเดือดดาล

“แม่ทัพเฉิน ส่งทหารไปบังคับรถม้าไปแล้วกล่าวว่าเป็นคำสั่งของตัวข้า!”

“หากเอะอะโวยวายก็ให้พวกเขาว่ากันทีหลัง! ผู้ใดกล้าขัดขวาง ฆ่าอย่างไร้ปรานี!”

เมื่อแม่ทัพเฉินได้ยินก็มีเสาหลักแล้วพลางพาทหารกลับสู่การสู้รบทันที

“จ้าวซวน เจ้าไปช่วยเสีย!”

จ้าวซวนรีบพาองครักษ์หลายคนทะยานไป

หลิงอวี๋พลันเห็นทหารเหล่านั้นพุ่งไป ไม่สนการกีดกันข้ารับใช้ของร้านหวางต้าหู้พลางบังคับรถม้าไป

แต่ก็ไม่รู้ว่าใช้รถม้าแบกน้ำหนักเกินไปหรือไม่ มีรถม้าคันหนึ่งเพิ่งแล่นไปมิไกลก็พังทลายลง

เงินทองอาภรณ์จำนวนมากกลิ้งออกจากรถม้า เมื่อคนลี้ภัยด้านหลังเหล่านั้นเห็นก็เข้ามารุมรีบเก็บทรัพย์สมบัติโกลาหล

เมื่อจ้าวซวนเห็นว่าทางแยกที่ถูกขจัดอย่างยากลำบากได้ตันอี
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 309

    แต่ในช่วงสั้น ๆ หวางต้าหู้ก็เรียกขึ้นอย่างลำพองต่อ“ท่านอ๋องอี้ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทำลายทรัพย์สมบัติมากมายของตระกูลกวนเสียหาย เราจะฟ้องร้องท่านแน่!”“ท่านต้องชดใช้ให้ตระกูลกวน!”ลู่หนานฟังเสียงร้องสังเวชของข้ารับใช้เหล่านั้นพลางมองหวางต้าหู้ที่หมกมุ่นแต่ทรัพย์สมบัติท่าทางเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ต่อข้ารับใช้ที่ตายเปล่าเหล่านั้นโดยสิ้นเชิงเขาโกรธจนชักดาบออกตะโกนลั่น“ไม่รีบหนีเอาตัวรอดยังสร้างความยุ่งยาก ข้าจักเสี่ยงตายฆ่าเจ้าก่อนไอ้ชั่ว!”หวางต้าหู้ตกใจสะดุ้ง เมื่อเห็นหลู่ชิ่งและองครักษ์สองสามคนชักดาบด้วยท่าทีมาประชิดตนด้วยรูปลักษณ์ดุร้ายพรั่นพรึงเขาไม่กล้าด่าอีกพลางพาข้ารับใช้กับครอบครัวตนหนีภัยไปข้างหน้าต่ออย่างเศร้าซึมแม่ทัพเฉินพาทหารของตนวิ่งมา หน้าผมของเขาเปรอะฝุ่น เสื้อคลุมขุนนางบนร่างถูกไฟไหม้จนขาดรุ่งริ่ง“ท่านอ๋อง สถานการณ์ไฟหนักเกินไปไร้ทางช่วย! ควรทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”ขณะนี้เอง ราชองครักษ์ผางพากองทัพหลวงรุดมาดับไฟตามพระราชโองการจักรพรรดิแล้ว เขาเห็นไฟหนาแน่นเช่นนี้ก็ตะลึงปากอ้าตาค้างเหมือนกัน“เซียวหลินเทียน หากไหม้อย่างนี้จะลุกลามทวีขึ้นอีกพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋สัง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 310

    ลานขนาดใหญ่ที่มุมประตูเมืองมีทหารยามประจำการด้านในห้องถูกรื้อเละเทะ ไม่รู้ว่าเป็นผู้ลี้ภัยโจรกรรมขณะเพลิงไหม้หรือมีเหตุผลอะไรอื่น“หลิงซวน จุดตะเกียงน้ำมัน!”หลิงอวี๋เห็นมีโต๊ะยาวในห้องก็กวาดสิ่งของตรงหน้าทุกอย่างลงพื้น ให้ฉินซานวางดรุณีลงบนโต๊ะ“ยังต้องการของอันใด ข้าจักไปหา!”ฉินซานช่วยหลิงซวนหาตะเกียงน้ำมันสองสามดวงแล้วจุดไฟทั้งหมด“ฉินซาน นางรับใช้ของข้าหลิงซินไปหาคนส่งเครื่องยาแล้ว เจ้าอยู่ปากประตูเมืองช่วยข้าดูพวกเขามาก็ให้พวกเขาขนเครื่องยามานี่!”“พ่อแม่ของดรุณีผู้นี้ไม่รู้ว่าก็ตามหานางอยู่หรือไม่ เจ้าจับตาดูหน่อย!”หลิงอวี๋ถอดเสื้อผ้าดรุณีพลางเอ่ยกำชับ“แล้วก็ หากมีคนเจ็บต้องการรักษาด่วน เจ้าก็ส่งพวกเขามานี่เถอะ!”“ขอรับ!” ด้านนอกฉินซานยังจำต้องดูแลก็รีบร้อนไปแล้ว“หลิงหว่าน ดูว่ามีน้ำหรือไม่ หาน้ำมาให้หน่อย!”หลิงอวี๋กล่าวสั่ง “หาผ้าสะอาด ๆ สักสองสามผืนด้วย!”“เจ้าค่ะ!” หลิงหว่านดูสถานการณ์คับขันก็รีบไปหาหลิงอวี๋เห็นมีตู้ขนาดใหญ่อยู่ในห้อง นางรีบวิ่งไปหลังตู้พลันแฉลบกายเข้ามิตินางรีบคว้ากระเป๋าเครื่องยาฉุกเฉินใบใหญ่และผ้าพันแผลเป็นต้นพลันรุดออกมา แสร้งทำรื้อห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 311

    “พวกเจ้าออกไปก่อน!”หลิงอวี๋กับหลิงซวนวางสตรีบนโต๊ะพลันไล่คนออกไปหลิงหว่านยังมิได้ออกเรือน เห็นสตรีการคลอดบุตรเป็นครั้งแรก พอฟังเสียงร้องโหยหวนของหญิงสาวก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก“หว่านเอ๋อร์ เจ้าไปต้มน้ำร้อน! ดูว่ายังมีที่ไหนอยู่ได้ชั่วคราวหาที่พักให้นางผู้นี้!”หลิงอวี๋ดูหลิงอวี๋ช่วยไม่ได้จึงกำชับหลิงอวี๋รีบออกไปเรียกสามีกับแม่สามีนางช่วยต้มน้ำหลิงอวี๋ตรวจหัวใจของสตรีเต้นช้าลง ทารกในครรภ์ก็อ่อนลงเช่นกันหลิงอวี๋ตรวจสอบสักพัก ตำแหน่งทารกยังปกติ คาดว่าสตรีเป็นเกษตรกรโดยพื้นฐานร่างกายทำงานใช้แรงเป็นนิตย์นางหยิบยาบำรุงหัวใจฉีดให้สตรี“เจ้าให้ความร่วมมือข้าดี ๆ ข้าจะทำคลอดลูกเจ้าราบรื่นแน่!”หลิงอวี๋เห็นสตรีลืมตาจับจ้องตน จึงกล่าวปลอบ“มา หายใจเข้า… ลึก ๆ… เบ่ง! ”สตรีผู้นั้นเห็นหน้าสวย ๆ ของหลิงอวี๋เผยรอยยิ้มต่อตน รอยยิ้มนั้นทำสงบลงมากโขนางหายใจลึก ๆ ตามหลิงอวี๋โดยไม่รู้ตัว“ดี ออกแรง… เห็นหัวทารกแล้ว! เรือนผมช่างดำนัก!”หลิงอวี๋ให้กำลังใจสตรีออกแรงครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับเสียงตื่นเต้นของหลิงอวี๋“ครั้งสุดท้าย ใช้แรงทั้งหมดของเจ้าเบ่งเสีย…”แม้แต่หลิงซวนกลั้นหายใจตึ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 312

    “แม่นางหลิงกับพี่ ๆ ทุกท่านมากินอะไรสักหน่อย!”มารดาของหลี่ชุงป้าหลี่ตามมาแล้วเช่นกัน ต้มโจ๊กหม้อใหญ่กับหลิงซินและทำแป้งทอดเล็กน้อยส่งเข้ามาหลิงอวี๋กล่าวทัก “หว่านเอ๋อร์ หลิซวนรีบกินเถอะ เราต้องไปศาลหลักเมืองตรวจดูทางนั้นอีกว่ามีคนเจ็บให้รักษาหรือไม่!”หลิงหว่านจึงยันขึ้น เหล่าคนพอกินตะกละตะกลามเสร็จ เหลือหลี่ชุงกับหมอเลี่ยวไว้ดูแลคนเจ็บก็เดินออกไปแล้วเพลิงไหม้กว่าครึ่งมอดไปแล้ว แต่ยังมีควันหนาทึบลอยอยู่บนอากาศพร้อมขี้เถ้าจากการเผาไหม้แผ่ตามกันมา ทำให้เขตพื้นที่ผืนนี้ดูเปลี่ยวร้างยิ่งทั่วหัวระแหงบนถนนหลักมีขยะที่เหล่าผู้ลี้ภัยทิ้งไว้ แถมมีรถม้าที่โดนปล่อยทิ้งหลิงอวี๋กำลังคิดพาพวกหลิงหว่านไปศาลหลักเมืองพลันเห็นผู้ลี้ภัยรวมตัวกันเป็นกลุ่มทะลักไปทางประตูเมืองผู้ลี้ภัยเหล่านั้นถือตะบองอย่างฮึกเหิม เดินพลางพูดไปด่าไปเกิดเรื่องอะไรขึ้น?หลิงอวี๋กำลังขบคิดก็ได้ยินคนกล่าวด่า“ท่านอ๋องอี้กับแม่ทัพเฉินสมควรรับผิดชอบอัคคีภัยครั้งนี้ พวกเขาดับไฟไม่ทันกาลทำให้พวกเราไร้บ้านกลับ!”“เรือนข้าถูกเผายับแล้ว สินค้าปักทอมากมายในร้านล้วนเสียสิ้น ภายหน้าข้าจักพึ่งกระไรอยู่รอด!”“ใช่แล้ว เรื

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 313

    จ้าวซวนยังพูดไม่จบ หวางต้าหู้ก็ตะโกนเรียกขัดคำพูดเขาแล้ว“ทุกคนอย่าไปฟังเขา! พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน! แน่นอนว่าช่วยพูดให้คนของตนเอง!”“ท่านอ๋องอี้ แม่ทัพเฉิน ร้านของตระกูลกวนเผายับเยอะเพียงนี้ ร้านทองล้วนถูกคนปล้นไม่เหลือ!”“หรือว่ามิใช่ความผิดพวกท่านขณะไฟไหม้ปล่อยให้คนปล้น!”“ชดใช้ค่าเสียหาย! หากวันนี้ไม่ชดใช้ให้เราก็อย่าหาว่าเราไม่เกรงใจ!”เซียวหลินเทียนมุ่นคิ้ว สายตามองทางหวางต้าหู้ดุดันกวนอิ่งข่มเสียงเรียกเช่นกัน “เซียวหลินเทียน ท่านพึ่งว่าตนเป็นอ๋องเลยไม่สนใจความเป็นความตายของราษฎร ทำร้ายผู้คุ้มกันห้าคนของตระกูลกวนถูกเผาในกองเพลิงทั้งเป็น!”“พวกเขาช่างน่าสงสารแม้ซากกระดูกล้วนหาไม่พบ หากวันนี้ท่านไร้คำอธิบาย พวกเราจักมิยอมจบกับท่าน!”“ท่านอ๋องนี้ ท่านคืนสามีให้ข้า…”สตรีสองคนภายในฝูงชนถลันออกมาขณะร่ำร้อง ครวญลั่นฟ้าโขกหัวสู่ดินกล่าวว่า“ทุกคนตัดสิน! สามีข้าพวกเขามีโอกาสวิ่งหนีเห็น ๆ!”“ล้วนเป็นเพราะท่านอ๋องอี้ปิดกั้นทาง พวกเขาจึงถูงเผาในกองเพลิงทั้งเป็น!”“ในเรือนพวกเรามีท่านแม่วัยแปดสิบปียันเด็กแบเบาะร้องกินนม หากไม่มีเสาหลักแล้วครอบครัวเราจะอยู่เช่นไร!”ครั้นถูกพวกจ้า

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 314

    “ร้านค้าตระกูลกวนอยู่ทางแยกของประตูใหญ่บูรพา! หวางต้าหู้คนนี้เป็นเถ้าแก่ของตระกูลกวน!”เซียวหลินเทียนตะโกนเสียงดัง “เมื่อคืนคนที่หนีเอาตัวรอดผ่านทางแยกประตูใหญ่บูรพา ต่างต้องเห็นรถม้าหลายคันของตระกูลพวกเขาขวางอยู่ทางแยก!”“พวกเขากำลังทำอะไร? พวกเขาพยายามเก็บทรัพย์สมบัติ ก็ไม่มีกระไรผิดปกติหรอก!”“ทว่าคนข้างหลังที่ไร้ทางหนีตายถูกพวกเขาขวางไว้ บัดนี้จิตใจพวกเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”พอเซียวหลินเทียนนึกถึงฉากหวาดเสียวในยามนั้นก็สิ้นวิธีควบคุมความโกรธของตนเขาตวาดว่า “ตัวข้าสั่งให้ทหารบังคับรถม้าไปจริง!”“พวกเจ้าคนด้านหลังที่หนีออกมาต่างควรรู้ว่าถ้าตัวข้าไม่ทำเช่นนี้ พวกเจ้าจะต้องตายในทะเลเพลิง!”“ตัวข้าไม่ต้องการความซาบซึ้งที่ข้าช่วยชีวิตพวกเจ้า! แต่เวลาเช่นนี้กลับช่วยคนชั่วทำชั่ว พวกเจ้ามิกลัวหัวใจคนที่ช่วยพวกเจ้าเย็นชารึ?”เซียวหลินเทียนยิ่งเอ่ยเสียงยิ่งดังขึ้น เขาชี้ยังทหารบาดเจ็บหลายนายพลางตะโกน“ดูทหารเหล่านี้ พวกเขาก็เช่นพวกเจ้ามีพ่อแม่มีลูกเหมือนกันและเป็นกายเนื้อ”“พวกเจ้ารับบาดเจ็บก็ได้นอนพักผ่อน!”“พวกเขาเล่า? พวกเขาบาดเจ็บก็สร้างเพิงหลบภัยให้พวกเจ้าได้มีแหล่งหลบภัย!”“ใจ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 315

    เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินสิ่งนี้ก็ยิ้มหยัน “คำพูดของคุณหนูใหญ่กวนงี่เง่าไร้เหตุผลแล้ว!”“ตัวข้ามิได้ก่อเพลิงใส่พวกเจ้า! ข้าคิดว่าทุกคนไร้เรือนกลับจึงช่วยสุดกำลังเท่าที่ทำได้!”“ชาวเมืองทั้งหลาย ราชสำนักจักจัดสรรเงินช่วยทุกคนร่วมฝ่าวิกฤต! แต่พวกเราก็มิอาจรอการสงเคราะห์จากราชสำนักที่เดียวได้!”เซียวหลินเทียนพูดฮึกเหิม “แคว้นโดยรอบยังจ้องฉินตะวันตกตาเป็นมัน ทุกคนควรคำนึงถึงความลำบากของราชสำนัก!”“ตัวข้าบริจาคเงินหนึ่งล้านตำลึง คาดหวังทุกคนที่มีกำลังบริจาคเงินช่วยเหล่าชาวเมืองสร้างบ้านเกิดเมืองนอนขึ้นใหม่!”“ส่วนผู้ที่ไม่มีเงินก็ออกแรงช่วย พวกเรามีกำลังเท่าไรก็สนับสนุนกำลังเท่านั้น!”กวนอิ่งยิ้มหยันกล่าวขัดเซียวหลินเทียน “ทุกคนอย่าฟังเขา! เขาแค่อยากปฏิเสธความรับผิดชอบให้พวกเจ้าออกเงินออกแรง!”เซียวหลินเทียนโกรธตะโกนสะเทือนฟ้า “คุณหนูใหญ่กวนจงใจหาเรื่องหรือไม่? เจ้าทนดูทุกคนได้ดิบได้ดีมิได้? ไม่อยากให้ทุกคนสร้างเรือนใหม่ได้ในเร็ววันหรือไร?”“คนมากหลายที่นี่ต่างเคยซื้อของร้านเจ้าใช่หรือไม่? พวกเขาทำเงินกำไรอักโขให้ตระกูลกวนของเจ้า!”“เหตุใดเล่า? ครั้นทุกคนตกทุกข์ได้ยาก ตระกูลกวนของเ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 316

    เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของทุกคนค่อย ๆ สงบลง หลิงอวี๋ก็รีบให้หลิงซินกลับไปให้เกิ่งเสี่ยวหาวช่วยส่งอาหารมา และให้ส่งพ่อครัวอีกสองสามคนไปทำโจ๊กให้ทุกคนเซียวหลินเทียนก็ถือโอกาสตีเหล็กตอนร้อนเช่นกัน เรียกร้องให้ครอบครัวที่มีกำลังแรงงานส่งคนออกไปช่วยทหารสร้างที่เพิงหลบภัยหลิงหว่านเห็นว่าคนจำนวนมากมิได้นำสัมภาระมามากนักเพราะการหนีโกลาหลนางจึงตะโกน “พี่หลิงหลิง ข้ากลับก่อน จักหาพวกอันซินให้ไปเก็บพวกเครื่องนอนของใช้ประจำวันให้คนส่งมา!”“ดีเลย!” หลิงอวี๋เห็นว่าหลิงหว่านรู้ความเช่นนี้ จึงให้ลู่หนานหาองครักษ์ส่งหลิงหว่านกลับไปส่วนหลิงอวี๋กับหลิงซวนไปรักษาผู้บาดเจ็บต่อยาของโรงเหยียนหลิงนั้นเกิ่งเสี่ยวหาวให้คนส่งมาที่ศาลหลักเมือง ทุกคนที่มีแผลไหม้ก็ได้รับยาทากัน ทุกคนต่างแสดงความขอบคุณต่อหลิงอวี๋กระทั่งอาหารและผักของเกิ่งเสี่ยวหาวส่งมาถึง เหล่าสตรีบางส่วนก็เข้ามาช่วยทำข้าวปลาอาหารช่วงเวลานั้น ทางศาลหลักเมืองเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นกระทั่งสร้างที่หลบภัยเสร็จ แม่ทัพเฉินก็ไม่สนใจเรื่องพักผ่อน แล้วทำการแจกแจงให้แต่ละครอบครัวตามจำนวนคนจากเดิมที่เป็นศาลหลักเมืองที่วุ่นวาย หลังจากที่ทุกคนย้

Latest chapter

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1897

    หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1896

    หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1895

    เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1893

    เมื่อครอบครัวของเจี่ยงหัวกลับมาที่เรือ พวกเขาก็พบศพไร้หัวในห้องของเขา มีคราบเลือดยาวบนผนังไม้ของห้องโดยสาร ซึ่งเป็นประโยคที่ถูกสลักด้วยกระบี่อาบเลือด“จุดจบของคนทรยศ!”ครอบครัวของเจี่ยงหัวตกใจกลัวมากจนสละเรือและหนีไปในคืนนั้นพวกเขามิรู้ว่าที่จริงแล้วเซียวหลินเทียนมิคิดจะเอาผิดพวกเขา ทุกคนควรรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง และการสังหารเจี่ยงหัวนั้นก็เพียงพอแล้วเซียวหลินเทียนส่งศีรษะของเจี่ยงหัวให้สือหรง ทันใดนั้นสือหรงก็ร้องไห้เศร้าโศกและนำศีรษะของเจี่ยงหัวไปเซ่นให้กับครอบครัวของตนหลังจากนั้น สือหรงก็กระทำการบางอย่าง เขาเขียนจดหมายเลือดเรื่องที่เจี่ยงหัวสมคบคิดกับมหาปราชญ์สังหารเหล่าศิษย์ของตำหนักปีกเงิน และคัดลอกสำเนาไปหลายสิบฉบับภายในคืนเดียววันรุ่งขึ้น ที่ประตูเมืองในพื้นที่นั้นมีพ่อค้าจำนวนมากกำลังต่อแถวรอเข้าเมือง แล้วก็มีคนพบศีรษะของเจี่ยงหัวที่แขวนอยู่บนกำแพงเมือง และยังมีจดหมายเลือดที่สือหรงเป็นคนเขียน ซึ่งเขียนประณามความผิดของเจี่ยงหัวขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันเรื่องนี้ ก็มีจดหมายเลือดมากมายปลิวลงมาจากกำแพงเมืองทันใดนั้นความผิดฐานทรยศอาจารย์และสมคบคิดกับมหาปราชญ์ของเ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1892

    หลังจากได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น หลิงอวี๋ก็คิดว่าเซียวหลินเทียนเป็นปีศาจร้ายที่ก่อกรรมทำชั่วสารพัดและสังหารผู้คนเป็นผักปลาแต่หลิงอวี๋กลับมิรู้เลยว่ามหาปราชญ์เป็นผู้สั่งให้คนบิดเบือนและแพร่กระจายข่าวนี้ออกไปหลังจากที่เขากลับไปถึงเมืองหลวงแดนเทพเซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินนั้นคนหนึ่งทำให้มหาปราชญ์ตาบอด และอีกคนก็ตัดแขนข้างหนึ่งของมหาปราชญ์ มหาปราชญ์จะกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไรหากเขามิแก้แค้น!เขาทำให้เซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินเสียชื่อเสียงและทำให้ผู้คนทั่วหล้าลุกขึ้นมาโจมตีพวกเขา ส่วนมหาปราชญ์ใช้โอกาสนี้พักฟื้นและหาโอกาสเหมาะเพื่อช่วงชิงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคือ กระบี่คุณอู่ของเซียวหลินเทียนอีกครั้งมหาปราชญ์มิได้บอกใครเกี่ยวกับการค้นพบกระบี่อายุนับพันปีเล่มนี้ ด้วยคิดว่ากระบี่เล่มนี้เป็นของตน จึงมิอยากให้ใครมาแย่งชิงมันไปการแพร่กระจายข่าวลือเป็นหนึ่งในอุบายของมหาปราชญ์ที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของเซียวหลินเทียนและป้องกันมิให้เขาพบกับเหล่าศิษย์จากตำหนักปีกเงินซึ่งเป็นไปตามคาดว่าข่าวลือนั้นแพร่กระจายไปยังวงกว้างด้วยความรวดเร็วบรรดาศิษย์ตำหนักปีกเงินบางส่วนที่กระจายอยู่ตามสถาน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1891

    ผู้รอบรู้ซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล เมื่อไรกันที่เขาได้รับความเชื่อใจจากใครบางคนมากมายถึงเพียงนี้!หลิงอวี๋พูดไปตามตรง “พี่ใหญ่ มีเรื่องบางอย่างที่ตอนนี้ข้ายังบอกท่านมิได้ มิใช่ว่าข้ามิไว้ใจท่าน แต่หากพูดไปแล้วมันอาจสร้างปัญหามากมายให้ท่านได้!”“เชื่อใจข้าเถิด สักวันข้าจะเล่าให้ท่านฟังทุกอย่าง!”ผู้รอบรู้มองตั๋วเงินในมือของตนพลางพูดอย่างใจกว้างว่า “ทุกคนต่างก็มีความลับของตัวเอง หากเจ้ามิอยากพูดก็มิต้องพูดหรอก พี่ใหญ่เชื่อใจเจ้า!”หลิงอวี๋ถึงกับยอมมอบของมีค่าทั้งหมดให้กับตนเช่นนี้ แม้จะมีความลับปิดบังต่อตนผู้รอบรู้ก็ย่อมยอมรับได้ขอแค่เขาเชื่อใจว่าหลิงอวี๋ไม่มีเจตนาร้ายก็พอแล้วสองพี่น้องพักที่โรงเตี๊ยมหนึ่งคืน ต่อมาในวันรุ่งขึ้นที่ฟ้ายังมิสว่าง ผู้รอบรู้ก็รีบรุดไปเช่ารถม้ามาหนึ่งคันโชคดีที่รถม้าเพิ่งส่งผู้โดยสารเพื่อขึ้นเรือไป ผู้รอบรู้จึงได้เช่ารถม้ามาในราคาสิบตำลึงส่วนหลิงอวี๋นั้นเพิ่งตื่น และผู้รอบรู้ก็วิ่งเข้ามาเคาะประตูด้วยความลิงโลด “น้องชาย รีบลุกเถิด พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว! รถม้ากำลังรออยู่ข้างนอก”หลิงอวี๋รีบอาบน้ำแต่งตัวและแบกห่อผ้าของตนออกมา ผู้รอบรู้ยัดถุงกระดาษไขใบห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1890

    ผู้รอบรู้พูดมิออกแล้ว หลิงอวี๋มิรู้อะไรเลย แล้วจะจ่ายยาที่ถูกต้องได้อย่างไร!“พี่สิง ข้าอยากรู้มากว่าท่านรู้เรื่องมากมายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าผู้รอบรู้ลำบากใจ นางจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ก่อนหน้านี้ท่านเคยใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงแดนเทพหรือ?”ใบหน้าของผู้รอบรู้กระตุก เขาหันมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา จึงเอ่ยขึ้นมา “ข้าจะพูดกับเจ้าตามตรง เมื่อก่อนข้าเป็นคนของตำหนักปีกเงิน ข้าเป็นคนของเจี่ยงฮั๋วผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา เมื่อสองปีก่อนข้าทำงานพลาดไป ทำให้เจี่ยงฮั๋วโกรธ เขาจึงไล่ข้าออกจากตำหนักปีกเงิน!”“ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังคิดจะหาโอกาสขอพบท่านเจ้าตำหนักเก่า แล้วกลับไปที่ตำหนักปีกเงินอีกครั้ง แต่ตอนนี้ตำหนักปีกเงินเสื่อมโทรมลงไปแล้ว ได้ยินว่าเจ้าตำหนักเก่าป่วยหนักและมิรับงานแล้ว ข้าจึงได้เร่ร่อนอยู่ข้างนอกตลอดเช่นนี้!”“คนที่ออกมาจากตำหนักปีกเงินล้วนเก่งในการสืบหาข้อมูล แม้ว่าข้าจะออกจากตำหนักปีกเงินไปแล้ว แต่ข้าก็เคยชินกับสัญชาตญาณนี้ ดังนั้นข้าจึงใส่ใจกับข้อมูลแต่ละประเภทมาก อยากจะรู้มากแค่ไหนก็มิยาก!”หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าผู้รอบรู้ก็เป็นคนที่มีภูมิหลังเช่นก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status