ครั้นเห็นว่าอารมณ์ของผู้ประสบภัยมั่นคงแล้ว ท่านอ๋องเฉิงกับหลี่ว์เซียงจึงกลับวังไปรายงานองค์จักรพรรดิเซียวหลินเทียนไปบอกหลิงอวี๋กับแม่ทัพเฉิน จากนั้นจึงนำรายชื่อบริจาคที่แม่ทัพเฉินบันทึกไว้เรียบร้อย แล้วตามพวกเขากลับวังจักรพรรดิอู่อันกำลังเตรียมจะรับประทานอาหารกลางวัน นอกจากพระชายาเส้ากับฮองเฮาเว่ยแล้ว ก็ยังมีองค์ชายอีกหลายพระองค์อยู่ด้วยเมื่อเห็นรายชื่อบริจาคที่เซียวหลินเทียนนำมา จักรพรรดิอู่อันก็มีความสุขมาก และกล่าวชมต่อหน้าองค์ชายทั้งหลาย“ดี… ดียิ่ง… เรื่องนี้องค์ชายสี่ทำได้ดีมาก!”“สร้างความอุ่นใจให้กับราษฎร ทั้งยังช่วยราชสำนักแก้ปัญหาเรื่องทุนการสร้างฟื้นฟูอีกส่วนหนึ่งด้วย! เรื่องนี้ทำได้ดีจริง ๆ!”จักรพรรดิอู่อันเห็นเซียวหลินเทียนบริจาคเงินเองด้วยหนึ่งล้านก็หรี่ตาลงพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“องค์ชายสี่บริจาคเงินด้วยตัวเองหนึ่งล้าน นี่ก็เอาเงินออมส่วนใหญ่ออกมาเลยกระมัง?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเก้อเขิน “ขอตอบเสด็จพ่อ นี่คือรางวัลจากเสด็จพ่อที่กระหม่อมสะสมไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมมิมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้เงิน เมื่อคิดว่าเงินคลังมีอยู่จำกัด หากสามารถช
กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเจ้ากรมพระคลังและพวกหลี่ว์เซียงทำแผนการก่อสร้างฟื้นฟูออกมาก็พบกับองค์ชายเว่ยเซียวหลินเยี่ยนที่เตรียมจะออกจากวังเข้าพอดีองค์ชายเว่ยจ้องเซียวหลินเทียนอย่างอึมครึม“ช่วงนี้องค์ชายสี่สุขภาพแข็งแรงดียิ่ง! ทำงานหนักตลอดทั้งวันมิพักเลย!”“ข้าว่าเจ้าพักผ่อนอยู่ที่บ้านดีกว่าเถอะ!”“เนื่องสูญเสียขาไปก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่หากเสียชีวิตไปแล้วล่ะก็… เช่นนั้นจักมิมีที่ให้ร้องไห้หนา!”องค์ชายเว่ยเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มจอมปลอม การข่มขู่ในคำพูดนั้นเผยให้เห็นบนใบหน้าเซียวหลินเทียนสีหน้าเย็นชา พลางเอ่ยอย่างมีความหมาย“มีความพยายามที่จะกังวลในเรื่องนี้ได้ เสด็จพี่ไปกังวลเกี่ยวกับความสูญเสียของเหมืองไม่ดีกว่าหรือ!”“เจ้า...!”องค์ชายเว่ยจ้องเขาอย่างดุร้าย อยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่ถูกที่ปรึกษาหานหลินดึงตัวออกไปหานหลินกระซิบเตือน “องค์ชาย มิทรงฉุนเฉียวพ่ะย่ะค่ะ!”“แม้ว่าท่านอ๋องอี้จะได้รับงานใหญ่ขั้นนี้ แต่จักทำต่อได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความปรารถนาขององค์ชายมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”องค์ชายเว่ยยิ้มร้าย มองหานหลิน “เรื่องนี้ข้าฝากให้เจ้าไปจัดการ…”“คราวที่แล้วเจ้าคนพิการนี่ก็ทำข
หลิงอวี๋เห็นกระดาษบนโต๊ะจึงเอ่ยถาม“อืม นี่คือแผนที่แน่นอนแล้ว เจ้าช่วยข้าดูหน่อยว่ายังมีตรงไหนที่ผิดปกติหรือไม่!”เซียวหลินเทียนเองก็ไม่เคอะเขิน ผลักกระดาษนั้นไปให้หลิงอวี๋ทั้งทีที่เห็นเส้นเหล่านั้นหลิงอวี๋ก็รู้สึกปวดหัว ถือถ้วยชาแล้วนั่งลงโดยไม่แม้แต่จะมองเลย“ท่านตรัสให้หม่อมฉันฟังดีกว่า! หม่อมฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างบ้าน ท่านแค่บอกหม่อมฉันว่าวางแผนเยี่ยงไร มีสิ่งอำนวยความสะดวกอันใดบ้าง หากหม่อมฉันฟังแล้วคิดว่าไม่พอ หม่อมฉันค่อยเพิ่มให้ท่าน!” เซียวหลินเทียนอธิบายคร่าว ๆ ให้หลิงอวี๋ฟัง หลิงอวี๋ง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น แต่ก็ยังฝืนดึงสติเอาไว้แล้วฟังอยู่กระทั่งเมื่อได้ยินเงื่อนไขที่ตระกูลกวนโวยวายเรียกร้อง และความลำบากใจของเจ้ากรมพระคลังหลิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางเอ่ย “นี่ไม่ใช่เรื่องยากอันใดเลย! แม้ว่าตระกูลกวนจะมีร้านค้าอยู่ แต่คนอื่น ๆ ก็มีเช่นกัน!”“ท่านก็ยึดตามทำเลที่จดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วสร้างร้านให้พวกเขาใหม่ตามนั้น!”“ทั้งทำเลที่รุ่งเรืองและทำเลธรรมดาต่างก็มีราคาที่กำหนดไว้ หากอยากขยายพื้นที่ ก็จ่ายส่วนต่างเพิ่ม!”“ผู้ที่ยินดีจะแลกเปลี่ยน สามารถใช้พื้นที่ข
”บังอาจ!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนเห็นก็ตะคอกด้วยความโกรธ “หยุดให้หมด ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสังหารผู้ประสบภัย!”พวกทหารเหล่านั้นเพิกเฉยต่อคำพูดของเซียวหลินเทียน และยังคงบุกเข้าไปต่อ“พวกเจ้าเป็นลูกน้องของผู้ใด?”จ้าวซวนเห็นว่าทหารพวกนั้นยังคงบุกเข้าไป ก็ขี่ม้าไปข้างหน้าคิดจะหยุดพวกเขา“ท่านอ๋อง… ช่วยด้วย!”ผู้ประสบภัยหลายคนพุ่งเข้ามาที่หน้ารถม้าของเซียวหลินเทียนจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็รู้สึกถึงเจตนาฆ่า เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นผู้ประสบภัยคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างดุร้าย มือของเขาดึงออกจากเสื้อผ้า...เขาถือดาบที่ส่องประกายอยู่ในมือ...“ระวัง… พวกเขาไม่ใช่ผู้ประสบภัยจริง ๆ…”เซียวหลินเทียนตะโกนอย่างทั้งตกใจทั้งโกรธ แล้วเห็นดาบพุ่งเข้ามาทางตนเองเขารีบเอนตัวไปข้างหลังเพื่อหลีกเลี่ยงดาบที่จะแทงเข้าที่หน้าอกของเขาดาบแทงเข้าที่หน้าอก จากนั้นผงแป้งก็โปรยลงบนใบหน้าของเขาเซียวหลินเทียนติดอยู่ในรถม้า ไม่สามารถหลบหนีได้ทัน ร่างกายของเขาก็อ่อนแรงไปทันที!พวกมันใช้ยาพิษ!ปลอมตัวเป็นผู้ประสบภัยที่เขาจะไม่ระวังตัวที่สุดแล้วมาลอบสังหารเขา!มือสังหารไม่ให้เวลาเขาได้โกรธเลย!ดาบเล่มที่สอ
“เหลือไว้สักคน!”คำพูดของหลิงอวี๋เอ่ยออกไปแล้ว แต่มันก็สายเกินไป!จ้าวซวนกับพวกองครักษ์ต่างได้รับบาดเจ็บ หากพวกเขาไม่รีบจัดการอย่างรวดเร็ว อาจจะไม่มีใครสามารถอยู่ต่อได้แล้วพวกองครักษ์ภายใต้การนำของจ้าวซวน ทุกการเคลื่อนไหวล้วนต้องถึงแก่ชีวิตการร่วมมือของแส้ม้าของปี้ไห่เฟิงที่อยู่บนรถม้านั้นระงับเหตุลงได้ทันใดนั้น มือสังหารเหล่านั้นก็ตายด้วยน้ำมือขององครักษ์เหล่านี้“รีบไปดูท่านอ๋องเร็วเข้า...”จ้าวซวนได้รับบาดเจ็บที่ต้นขา โลหิตเปื้อนชุ่มขากางเกงจนเป็นสีแดง แต่เขาไม่สนใจตัวเขาเอง คว้าคบไฟแล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าหลิงอวี๋ก็รีบวิ่งแซงจ้าวซวนขึ้นไปบนรถม้าเมื่อได้รับแสงสว่างจากคบไฟ หลิงอวี๋ก็เห็นว่าในรถม้าเต็มไปด้วยโลหิต เซียวหลินเทียนก็ถูกศพของมือสังหารทั้งสองคนกดทับอยู่ข้างใต้“เซียวหลินเทียน...”หลิงอวี๋มือสั่น จะไปยกศพของมือสังหาร แต่กลับไม่สามารถขยับออกไปได้จ้าวซวนเห็นดังนั้น เขาก็ส่งคบไฟให้กับองครักษ์คนหนึ่ง ลากศพทั้งสองออกจากรถม้าด้วยมือคนละข้างอย่างไม่สนใจแสงคบไฟส่องไปที่ตัวของเซียวหลินเทียน ตาของหลิงอวี๋แดงขึ้นมาทันทีร่างกายของเซียวหลินเทียนเต็มไปด้วยโลหิต เสื้อผ้า
รถม้าของตำหนักอ๋องอี้เพิ่งออกไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม รถก็กลับมาอย่างเร่งรีบแม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืนแล้ว แต่ร่างกายที่เต็มไปด้วยโลหิตก็อยู่ในสายตาของคนจำนวนไม่น้อยคนเดินผ่านไปมาต่างก็ตกใจ นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?จ้าวซวนมิสนใจว่าคนเหล่านั้นจะสงสัยอะไร ขี่รถม้าตรงเข้าไปในตำหนักอ๋องอี้ ไปที่เรือนของเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่ที่ขาของเซียวหลินเทียนได้รับบาดเจ็บ สถานที่หลายจุดของตำหนักอ๋องอี้ก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าออกของเขาคิดไม่ถึงเลยว่าความสะดวกสบายเช่นนี้ วันหนึ่งจะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยชีวิต“ใครก็ได้ หาตะเกียงน้ำมันมาหน่อย ยิ่งเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี!”“หลิงซิน ไปเอาน้ำร้อนมา!”“หลิงซวน ถือล่วมยาตามข้าเข้ามา ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า!”หลิงอวี๋สั่งอย่างเร่งรีบจ้าวซวนทนอาการบาดเจ็บที่ขาแล้วอุ้มเซียวหลินเทียนเข้าไปในห้องนอนเพียงลำพัง“ลู่หนาน ถอดม่านเตียงออก!”หลิงอวี๋ไม่ชอบม่านบังแสง จึงรีบเอ่ยลู่หนานรีบวิ่งไปดึงม่านเตียงออกอย่างรวดเร็วหลู่ชิ่งกับองครักษ์คนหนึ่งรีบจุดตะเกียงน้ำมันในห้องทั้งหมด มีองครักษ์นำตะเกียงมาเพิ่มอีกสองสามอัน ทำให้
ชิวเหวินซวงจิตใจสับสนวุ่นวายมาก ตั้งแต่ชิวเฮ่าจากไป เซียวหลินเทียนก็มีหลายเรื่องเลยที่นางไม่รู้!นางเป็นเหมือนคนตาบอดที่ติดอยู่ในตำหนักอ๋องอี้แห่งนี้ ไม่รู้เลยว่าเซียวหลินเทียนทำอะไรอยู่ข้างนอกบ้าง!หากเซียวหลินเทียนได้รับการช่วยชีวิตไว้ได้ นางจะต้องหาวิธีให้เซียวหลินเทียนพาชิวเฮ่ากลับมา!สองพี่น้องทำมามากมายถึงเพียงนี้กว่าจะให้ได้รับความไว้วางใจของเซียวหลินเทียน จะมาล้มเหลวเช่นนี้มิได้!ชิวเหวินซวงทำแผลให้จ้าวซวน พลางถือโอกาสถามว่าเกิดอะไรขึ้นภายในห้อง หลิงซวนได้ตรวจเลือดแล้ว พบว่ามีองครักษ์หลายคนที่มีหมู่เลือดตรงกับของเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋ให้นางเจาะเลือดออกมาใส่ไว้ในถุงเลือดแล้วถ่ายเลือดให้เซียวหลินเทียนหลิงอวี๋หยิบสำลีแอลกอฮอล์มาทำความสะอาดบาดแผลของเซียวหลินเทียนด้วยตัวนางเองแม้ว่านางจะทำเรื่องเช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีครั้งไหนทำให้นางใจสั่นเช่นวันนี้นางไม่กล้ามองหน้าเซียวหลินเทียน แล้วหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ตนเองนางจะต้องช่วยชีวิตเขาให้ได้!หลิงอวี๋สร้างกำลังใจให้ตน พลางเย็บแผลอย่างรวดเร็วไปด้วยกระทั่งตอนที่จัดการกับบาดแผลบนหน้าอกของเซียวหล
ชิวเหวินซวงฉวยโอกาสนั้นเอ่ยขึ้นมา “พระชายา ท่านเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ไปพักผ่อนเถิด! ข้าจะดูแลท่านอ๋องเอง!”“ไม่ต้อง! ข้าเป็นพระชายา ทั้งยังเป็นหมอ มีหรือที่ข้าจะยังหลับสบายได้ขณะที่สามีได้รับบาดเจ็บ!”หลิงอวี๋ปฏิเสธเรียบ ๆ “ความหวังดีของเจ้า ข้าจะบอกท่านอ๋องเมื่อเขาตื่นมา!”“หากเจ้าอยากช่วยจริง ๆ ก็ไปบอกให้ที่ห้องครัวต้มไข่น้ำตาลทรายแดงให้กับพวกองครักษ์ที่บริจาคเลือดและได้รับบาดเจ็บเสีย! ทำอาหารให้พวกเขากินด้วย!”ชิวเหวินซวงเกลียดน้ำเสียงที่เหมือนเป็นนายหญิงของหลิงอวี๋มาก แต่หลิงอวี๋พูดถูก นางจึงหาเหตุผลที่จะปฏิเสธมิได้ชิวเหวินซวงทำได้เพียงเอ่ย “ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย โชคดีที่พระชายาเตือนข้า ข้าจักไปจัดการเดี๋ยวนี้แล!”ชิวเหวินซวงเดินไปด้วยความโกรธ จ้าวซวนยังคงกังวลอยู่ เขาจ้องหลิงอวี๋ พลางเอ่ยถาม“ท่านอ๋องจะฟื้นเมื่อใดหรือขอรับ?”หลิงอวี๋รู้ว่าจ้าวซวนเป็นคนหนักแน่น ในเวลานี้นางไม่สามารถปิดบังจ้าวซวนได้“ข้าช่วยดูแลบาดแผลให้ท่านอ๋องแล้ว! แต่...”“ท่านอ๋องถูกพิษ ข้าแยกมิออกว่ามันคือพิษชนิดใด! ยามนี้ข้ามิสามารถช่วยให้เขาฟื้นขึ้นมาได้!”หลิงอวี๋เห็นจ้าวซวนหน้าซีดลงทันที ในใจก็รู้
หลิงอวี๋ยิ้มออกมา ต่อให้นางใจดีแค่ไหนก็มีขอบเขตของตน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นกับดักแล้วตนจะพาตัวเองเข้าไปได้อย่างไรกัน!หากตนรู้จักฮูหยินเฉิง บางทีอาจจะเสี่ยงไปช่วยชีวิตนาง!แต่ตนกับฮูหยินเฉิงมิได้รู้จักกัน มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนดีหรือคนเลวแม้ว่าจะเห็นใจฮูหยินเฉิงที่ต้องประสบความทรมานของการเจ็บป่วย แต่นางก็มิใช่แม่พระ มิสามารถไปช่วยชีวิตทุกคนที่เจ็บป่วยได้หรอก!หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วเอ่ยกับเย่หรง “ในช่วงสองวันนี้ท่านคอยติดตามอาการป่วยของฮูหยินเฉิงไว้ และไปตรวจสอบตัวตนของแม่ทัพเฉิงให้ละเอียดอีกสักหน่อย!”“หากเขาสามารถเป็นสายลับให้ท่านไปช่วยมารดาของท่านออกมาได้จริง ๆ ข้าจะหาวิธีตามหาหลิงอวี๋มาช่วยชีวิตนาง!”สำหรับเย่หรงแล้ว คนที่สำคัญที่สุดนั้นคือมารดาของเขาหากมั่นใจได้ว่าแม่ทัพเฉิงยินดีจะช่วยเป็นสายลับให้เย่หรง ต่อให้หลิงอวี๋ต้องเสี่ยงอันตรายก็จะช่วยเย่หรงทำสิ่งนี้“เจ้ามีวิธีตามหานางหรือ?”เย่หรงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“พี่ชายข้าเก่งเรื่องการสืบหาข่าวมาก บางทีคนที่ผู้อื่นหามิเจอ เขาอาจจะตามหาเจอก็ได้!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน หากแม่ทัพเฉิงมิควรเชื่อ
วันรุ่งขึ้นเมื่อหลิงอวี๋ไปที่บ้านตระกูลเย่ นางก็บอกเรื่องหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่ซื่อฝานในบ้านตระกูลเย่นั้นเย่ซื่อฝานจัดการเพียงแค่การปรุงโอสถเท่านั้น มิได้จัดการเรื่องการบริหาร เนื่องจากการบริหารเป็นเรื่องของผู้นำตระกูลแต่ในฐานะที่เย่ซื่อฝานเป็นสมาชิกตระกูลเย่ เขาก็รู้เรื่องภายในบางส่วนเช่นกันเขาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าแห่งทิศใต้จึงให้หลงเพ่ยเพ่ยมาแสดงความปรารถนาดีต่อเจ้าในเวลานี้?”“ก่อนหน้านี้เขามิได้สนใจการต่อสู้ระหว่างหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ เขาแค่หวังว่าหอโอสถไป๋เป่าจะกดหอโอสถซ่างกู่ลงไปให้ถึงจุดต่ำสุดเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยยื่นไมตรี เช่นนี้ก็จะเป็นการช่วยเหลือในยามลำบาก แล้วกูลเย่ของข้าก็จะจงรักภักดีต่อเขาอย่างสุดหัวใจ!”เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้นมา “หากท่านอาจารย์รู้สึกว่ามิเหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะรักษาระยะห่างกับหลงเพ่ยเพ่ยเจ้าค่ะ!”ถึงอย่างไรตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝาน นางจะมิละทิ้งสำนักไปทำดีกับศัตรูของอาจารย์เพื่อความปลอดภัยของตน“ไม่! มิต้อง!”เย่ซื่อฝานส่ายหัวแล้วเอ่ย “เมื่อเทียบกับเจ้าแห่งทะเละชายาเจ้าแห่งทะเล
จงเจิ้งเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็เอ่ยขึ้นมา “ใช่แล้ว เมื่อขัดแย้งกันก็ควรจะแก้ปัญหามิใช่สร้างความบาดหมาง ท่านพ่อท่านแม่หลายตระกูลล้วนเป็นมิตรสนิทกัน ไม่มีใครอยากให้คนรุ่นหลังทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายหรอก!”“ศิษย์พี่หญิง เย่หรงกับเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เจ้าก็ไปโน้มน้าวเขาด้วยเถิด แม้ว่าจะมิยอมแต่งงานกับหยางหงหนิง ก็อย่าได้ทะเลาะกันจนตึงเครียดเกินไปนัก!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าทั้งสองคนล้วนเอ่ยเช่นนี้ นางก็คิดแล้วเอ่ยออกมา “ข้าจะไปคุยกับเย่หรงดู ขอเพียงมิบังคับให้เขาแต่งงานกับหยางหงหนิง ข้าคิดว่าเขาก็น่าจะยอมคืนดี!”“ใช่ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมมิหวาน พวกเราล้วนรู้เหตุผลข้อนี้ดี เราไม่มีทางไปบังคับให้เย่หรงทำเรื่องเช่นนั้นแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยพยักหน้าแล้วเอ่ย “เจ้ากลับไปโน้มน้าวเย่หรงดูก่อน ประเดี๋ยววันหลังข้าจะจัดงานเลี้ยง เมื่อทุกคนมารวมตัวกัน เช่นนี้พวกเขาก็จะมิอึดอัด แล้วก็ปรับความเข้าใจกันได้!”“อืม!”หลิงอวี๋พยักหน้า และกำลังจะเดินไป หลงเพ่ยเพ่ยก็เรียกนางไว้อีก “สิงอวี๋ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับเหมียวหยางผู้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ไป่หลี่ก็ทะเลาะกันหรือ?”“เรื่องนี้ข้าจะยืนอยู่ข้างเจ้า
กระทั่งเดินตามจงเจิ้งเฟยมาถึงในศาลาแห่งหนึ่งของสำนักศึกษาชิงหลง หลงเพ่ยเพ่ยก็รออยู่ที่นั่นแล้วเมื่อเห็นหลิงอวี๋ นางก็มองพิจารณาหลิงอวี๋อย่างสงสัยใคร่รู้อยู่หลายครั้ง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าได้ยินมาว่า หงหนิงแพ้การประลองปรุงยากับเจ้า ฮ่า ๆ นางหยิ่งทะนงมาโดยตลอด ควรจะมีคนมาทำให้นางรับรู้ได้แล้วว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนอีก!”“สิงอวี๋ เรื่องสาเหตุและขั้นตอนในการประลองของเจ้ากับหงหนิงนั้นข้ารู้ทั้งหมดแล้ว ข้ามิได้เข้าข้างผู้ใด ข้าคิดว่าเจ้าทำถูกต้องแล้ว หากใครมาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ข้าก็จะสู้กับนางจนถึงที่สุดเช่นกัน!”หลิงอวี๋ย่อมมิเชื่อหลงเพ่ยเพ่ยเสียทั้งหมดเพราะคำพูดมิกี่คำอยู่แล้ว“คุณหนูหลงมาหาข้ามีธุระอันใดหรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามไปตามตรงหลงเพ่ยเพ่ยยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ข้าชอบผูกมิตร และนิสัยของเจ้าก็ถูกใจข้ายิ่งนัก!”“แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ข้ายังอยากให้เจ้ากับหงหนิงปรับความเข้าใจกันอยู่ หงหนิงมิใช่คนเลว เพียงแต่นางหลงเย่หรงจนหน้ามืดตามัว จึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ เหล่านั้นไป!”“ควรจะหาทางแก้ไขมิใช่สร้างความบาดหมางต่อกัน เจ้าเห็นแก่ข้าเถิด อย่าได้ถือสาหาความกับนางเล
เมื่อหลิงอวี๋เห็นหยางหงหนิงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วก็นึกถึงคำขู่ที่หยางหงหนิงบอกว่าจะทำให้เย่หรงแต่งงานกับนางให้ได้ภายในหนึ่งเดือนหรือว่าหยางหงหนิงทำมิได้ ในตอนนี้จึงคิดจะมาทำให้ตนลำบาก?“สิงอวี๋ เจ้าจะเป็นศัตรูกับข้าจริง ๆ หรือ?”เป็นดังที่คาด ทันทีที่เอ่ยปากหยางหงหนิงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างก้าวร้าว “เจ้าก็รู้อยู่ว่าข้าชอบเย่หรง เจ้ายังกล้าชวนเขาไปที่ภูเขาหมางหลิ่งด้วยกันอีก เจ้ายังจะเถียงว่าเจ้ามิชอบเขาอีกหรือ!”“ข้าขอเตือนเจ้า อยู่ให้ห่างจากเย่หรง มิฉะนั้นข้าจะมิเกรงใจเจ้าแน่!”หลิงอวี๋หมดคำพูดไปทันที ตนมาที่สำนักศึกษาชิงหลงเพื่อศึกษาเล่าเรียน มิใช่มาแย่งชิงบุรุษกับผู้ใด!ในหัวของหยางหงหนิงนั้นนอกจากเรื่องระหว่างบุรุษกับสตรีแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นเลยหรือ?“คุณหนูหยาง ข้าได้แสดงทัศนคติของจ้าไปอย่างชัดเจนแล้ว เย่หรงเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะชอบใครก็เป็นอิสระของเขา!”“ข้ามิได้ตั้งใจจะแย่งเขากับเจ้า เจ้าก็อย่ามายุ่งกับข้าเช่นกัน!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้วว่า เจ้าอย่าได้ผลักเขาให้ไกลออกไปเรื่อย ๆ แล้วเจ้าดูพฤติกรรมของเจ้าในตอนนี้สิ แพ้แล้วก็มิรักษาคำพูด แล้ว
“ฮูหยินเฉียว นอกจากนี้แล้ว พวกเราต้องตามหาป้าวซวนให้เจอโดยเร็วที่สุดด้วย!”นี่คือสิ่งที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยนึกขึ้นได้ตอนที่ถูกเซียวหลินเทียนซักถาม แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นการรับมือกับเซียวหลินเทียน แต่หลังจากนั้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็รู้สึกว่าคำโกหกที่ตนพูดไปนั้นสามารถนำมาใช้ได้เช่นกันหลิงอวี๋เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพและศีลธรรม นางกับป้าวซวนร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน หากจับตัวป้าวซวนไว้ จะต้องล่อให้หลิงอวี๋มาติดกับได้อย่างแน่นอนเป็นดังที่นางบอกกับเซียวหลินเทียนไว้ว่า ป้าวซวนมิได้ฉลาดเท่าหลิงอวี๋ นางไม่มีทางหนีการไล่ล่าของตำหนักหมาป่าสวรรค์ได้อย่างแน่นอน“ฮูหยินเฉียว ข้าเคยบอกเซียวหลินเทียนไว้ว่า หลิงอวี๋จะไปช่วยป้าวซวน เซียวหลินเทียนจะต้องมิอยากให้หลิงอวี๋ตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ขอเพียงพวกเราปล่อยข่าวออกไปว่าป้าวซวนอยู่ในมือพวกเรา เซียวหลินเทียนจะต้องชิงมาช่วยป้าวซวนก่อนหลิงอวี๋เป็นแน่!”“เมื่อเป็นเช่นนี้ มิว่าใครจะมาช่วย พวกเราก็จะสามารถหนึ่งในนั้นได้แล้ว!”กลยุทธ์ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้รับการชื่นชมจากฮูหยินเฉียว ฮูหยินเฉียวจึงให้คนออกไปแพร่ข่าวลือในทันทีในขณะเดียวกันก็วางกับดักไว้อย่างรัดกุม
หลิงอวี๋คิดตามความคิดนี้ต่อไป ก่อนหน้านี้เถาจื่อขอให้ตนช่วย และบอกไว้ว่าหากตัวตนของเซียวหลินเทียนถูกเปิดเผยออกไป ชีวิตของคนนับร้อยในคฤหาสน์อู่อาจตกอยู่ในอันตรายนั่นก็คือปัจจัยที่เซียวหลินเทียนกังวลเซียวหลินเทียนมิได้เปิดเผยตัวตนของตน ก็แค่มิอยากเปิดโปงตนให้ผู้อื่นรู้เขาต้องการเก็บหยกหล้าสุขาวดีไว้ผู้เดียว!นี่ก็หมายความว่า ในตอนที่เซียวหลินเทียนยังคลี่คลายวิกฤตมิได้นั้น นางจะปลอดภัยอยู่ก่อนชั่วคราวหลิงอวี๋บอกสิ่งที่ตนนึกได้กับผู้รอบรู้ แล้วสุดท้ายก็เอ่ยออกมา “พวกเรายังมีเวลา กระทั่งงานประมูลตอนปลายเดือนจัดขึ้น แล้วจะได้รับเงินจากการประมูลโสมเก้าคด จากนั้นพวกเราก็จะหาวิธีออกไปจากเมืองหลวงแดนเทพกัน!”“ตอนนี้เซียวหลินเทียนไม่มีทางทำให้พวกเราลำบากแน่ หากเขากล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น พวกเราก็จะกระจายข่าวเรื่องเสือปีกกาฬออกไปเพื่อดึงดูดความสนใจของตระกูลเหล่านั้น!”หลิงอวี๋นึกถึงคำพูดของเย่หรงเมื่อครู่ ในเมื่อนางกับเย่หรงมีโชคชะตาของเมื่อชาติที่แล้ว เช่นนั้นก่อนจากไปนางจะต้องช่วยให้เขาช่วยมารดาของเขาออกมาให้ได้“พี่ใหญ่ ท่านช่วยข้าสืบอีกสักหน่อยเถิดว่า ในเกวียนทาสหญิงที่เซียวหลินเที
“เย่หรง!”หลิงอวี๋เรียกงึมงำ และกำลังคิดว่าจะบอกเรื่องภาพที่ตนเห็นกับเย่หรงเพื่อยืนยันสักหน่อย แล้วก็ได้ยินเสียงประตูใหญ่ดังมาแย่แล้ว!หรือว่ามีคนแอบฟัง?หลิงอวี๋ตกใจจนเด้งตัวลุกขึ้นทันที เย่หรงเองก็ชักกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน“น้องหญิง ข้ากลับมาแล้ว!”เสียงของผู้รอบรู้ดังขึ้นมา เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินว่าเป็นผู้รอบรู้จึงได้ถอนหายใจโล่งอก แล้วเก็บแผนที่ไปอย่างรวดเร็ว“พี่ชายข้ามิรู้ว่าท่านกำลังวางแผนเรื่องพวกนี้ อย่าได้หลุดปากไปนะ ข้ามิอยากลากเขาเข้ามาเกี่ยวด้วย!”เย่หรงพยักหน้าแล้วซ่อนแผนที่ไว้ในมิติ“น้องหญิง…”ผู้รอบรู้พุ่งเข้ามา เมื่อเขาเห็นเย่หรงก็ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วกวาดสายตามองทั้งสองคนอย่างสงสัย“เสี่ยวชี ข้ามีธุระอื่นอีก ข้าไปก่อนนะ ไว้วันหลังข้าค่อยมาพาเจ้าไปงานประมูล!”เย่หรงรีบบอกกับหลิงอวี๋แล้วเดินจากไป“เขามาทำอะไร?”ผู้รอบรู้เอ่ยถามออกมา“มาหารือกับข้าเรื่องขายเครื่องยาสมุนไพร!”หลิงอวี๋ตอบออกไปแล้วเปลี่ยนหัวข้อ "ท่านสืบได้ข่าวอะไรมาหรือไม่?”ผู้รอบรู้เห็นว่ามีชาอยู่บนโต๊ะ จึงดื่มไปรวดเดียว ก่อนจะเอ่ยออก “น้องหญิง พวกเราต้องออกจากเมืองหลวงแดนเทพโดยเร็ว
“เย่หรง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอ้างว่าเคยจับตัวหลิงอวี๋ได้มิใช่หรือ? เหตุใดนางมิสังหารหลิงอวี๋แล้วชิงหยกหล้าสุขาวดีไปเล่า?”หลิงอวี๋ถามคำถามที่ตนคิดมิตกออกไปเย่หรงจึงหัวเราะเยาะออกมา “ข้ารู้เหตุผลในเรื่องนี้!”“ข้าได้ยินมาว่า หยกหล้าสุขาวดีเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่มีวิญญาณ ต้องใช้ยาสลายเลือดเนื้อของผู้ครอบครองในขณะที่คนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่จึงจะนำมันไปได้ มิเช่นนั้นหยกหล้าสุขาวดีจะตายไปพร้อมกับความตายของผู้ครอบครอง!”“เครื่องยาสมุนไพรที่พิเศษนี้ก็มีเพียงที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น และเมื่อขุดเครื่องยาสมุนไพรนี้ออกมาแล้วจะต้องใช้ภายในครึ่งชั่วยาม มิเช่นนั้นก็จะเฉาตายไป!”“ดังนั้น จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงทำได้เพียงต้องพาหลิงอวี๋กลับมาที่เมืองหลวงแดนเทพ และเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรนั้น จึงจะสามารถนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาจากตัวหลิงอวี๋ได้!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ขนลุกซู่ เข้าใจเหตุผลแล้วว่าเหตุใดจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงมิสังหารตน!จริงสิ หรือว่านี่จะเป็นสาเหตุที่เซียวหลินเทียนมิสังหารนางเช่นกัน?เขาเองก็อยากได้หยกหล้าสุขาวดีที่ตัวนางด้วยใช่หรือไม่?แต่เมื่อคิดอีกแง่หนึ่ง หลิงอวี๋ก็รู้ส