ครั้นเห็นว่าอารมณ์ของผู้ประสบภัยมั่นคงแล้ว ท่านอ๋องเฉิงกับหลี่ว์เซียงจึงกลับวังไปรายงานองค์จักรพรรดิเซียวหลินเทียนไปบอกหลิงอวี๋กับแม่ทัพเฉิน จากนั้นจึงนำรายชื่อบริจาคที่แม่ทัพเฉินบันทึกไว้เรียบร้อย แล้วตามพวกเขากลับวังจักรพรรดิอู่อันกำลังเตรียมจะรับประทานอาหารกลางวัน นอกจากพระชายาเส้ากับฮองเฮาเว่ยแล้ว ก็ยังมีองค์ชายอีกหลายพระองค์อยู่ด้วยเมื่อเห็นรายชื่อบริจาคที่เซียวหลินเทียนนำมา จักรพรรดิอู่อันก็มีความสุขมาก และกล่าวชมต่อหน้าองค์ชายทั้งหลาย“ดี… ดียิ่ง… เรื่องนี้องค์ชายสี่ทำได้ดีมาก!”“สร้างความอุ่นใจให้กับราษฎร ทั้งยังช่วยราชสำนักแก้ปัญหาเรื่องทุนการสร้างฟื้นฟูอีกส่วนหนึ่งด้วย! เรื่องนี้ทำได้ดีจริง ๆ!”จักรพรรดิอู่อันเห็นเซียวหลินเทียนบริจาคเงินเองด้วยหนึ่งล้านก็หรี่ตาลงพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“องค์ชายสี่บริจาคเงินด้วยตัวเองหนึ่งล้าน นี่ก็เอาเงินออมส่วนใหญ่ออกมาเลยกระมัง?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเก้อเขิน “ขอตอบเสด็จพ่อ นี่คือรางวัลจากเสด็จพ่อที่กระหม่อมสะสมไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมมิมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้เงิน เมื่อคิดว่าเงินคลังมีอยู่จำกัด หากสามารถช
กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเจ้ากรมพระคลังและพวกหลี่ว์เซียงทำแผนการก่อสร้างฟื้นฟูออกมาก็พบกับองค์ชายเว่ยเซียวหลินเยี่ยนที่เตรียมจะออกจากวังเข้าพอดีองค์ชายเว่ยจ้องเซียวหลินเทียนอย่างอึมครึม“ช่วงนี้องค์ชายสี่สุขภาพแข็งแรงดียิ่ง! ทำงานหนักตลอดทั้งวันมิพักเลย!”“ข้าว่าเจ้าพักผ่อนอยู่ที่บ้านดีกว่าเถอะ!”“เนื่องสูญเสียขาไปก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่หากเสียชีวิตไปแล้วล่ะก็… เช่นนั้นจักมิมีที่ให้ร้องไห้หนา!”องค์ชายเว่ยเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มจอมปลอม การข่มขู่ในคำพูดนั้นเผยให้เห็นบนใบหน้าเซียวหลินเทียนสีหน้าเย็นชา พลางเอ่ยอย่างมีความหมาย“มีความพยายามที่จะกังวลในเรื่องนี้ได้ เสด็จพี่ไปกังวลเกี่ยวกับความสูญเสียของเหมืองไม่ดีกว่าหรือ!”“เจ้า...!”องค์ชายเว่ยจ้องเขาอย่างดุร้าย อยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่ถูกที่ปรึกษาหานหลินดึงตัวออกไปหานหลินกระซิบเตือน “องค์ชาย มิทรงฉุนเฉียวพ่ะย่ะค่ะ!”“แม้ว่าท่านอ๋องอี้จะได้รับงานใหญ่ขั้นนี้ แต่จักทำต่อได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความปรารถนาขององค์ชายมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”องค์ชายเว่ยยิ้มร้าย มองหานหลิน “เรื่องนี้ข้าฝากให้เจ้าไปจัดการ…”“คราวที่แล้วเจ้าคนพิการนี่ก็ทำข
หลิงอวี๋เห็นกระดาษบนโต๊ะจึงเอ่ยถาม“อืม นี่คือแผนที่แน่นอนแล้ว เจ้าช่วยข้าดูหน่อยว่ายังมีตรงไหนที่ผิดปกติหรือไม่!”เซียวหลินเทียนเองก็ไม่เคอะเขิน ผลักกระดาษนั้นไปให้หลิงอวี๋ทั้งทีที่เห็นเส้นเหล่านั้นหลิงอวี๋ก็รู้สึกปวดหัว ถือถ้วยชาแล้วนั่งลงโดยไม่แม้แต่จะมองเลย“ท่านตรัสให้หม่อมฉันฟังดีกว่า! หม่อมฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างบ้าน ท่านแค่บอกหม่อมฉันว่าวางแผนเยี่ยงไร มีสิ่งอำนวยความสะดวกอันใดบ้าง หากหม่อมฉันฟังแล้วคิดว่าไม่พอ หม่อมฉันค่อยเพิ่มให้ท่าน!” เซียวหลินเทียนอธิบายคร่าว ๆ ให้หลิงอวี๋ฟัง หลิงอวี๋ง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น แต่ก็ยังฝืนดึงสติเอาไว้แล้วฟังอยู่กระทั่งเมื่อได้ยินเงื่อนไขที่ตระกูลกวนโวยวายเรียกร้อง และความลำบากใจของเจ้ากรมพระคลังหลิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางเอ่ย “นี่ไม่ใช่เรื่องยากอันใดเลย! แม้ว่าตระกูลกวนจะมีร้านค้าอยู่ แต่คนอื่น ๆ ก็มีเช่นกัน!”“ท่านก็ยึดตามทำเลที่จดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วสร้างร้านให้พวกเขาใหม่ตามนั้น!”“ทั้งทำเลที่รุ่งเรืองและทำเลธรรมดาต่างก็มีราคาที่กำหนดไว้ หากอยากขยายพื้นที่ ก็จ่ายส่วนต่างเพิ่ม!”“ผู้ที่ยินดีจะแลกเปลี่ยน สามารถใช้พื้นที่ข
”บังอาจ!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนเห็นก็ตะคอกด้วยความโกรธ “หยุดให้หมด ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสังหารผู้ประสบภัย!”พวกทหารเหล่านั้นเพิกเฉยต่อคำพูดของเซียวหลินเทียน และยังคงบุกเข้าไปต่อ“พวกเจ้าเป็นลูกน้องของผู้ใด?”จ้าวซวนเห็นว่าทหารพวกนั้นยังคงบุกเข้าไป ก็ขี่ม้าไปข้างหน้าคิดจะหยุดพวกเขา“ท่านอ๋อง… ช่วยด้วย!”ผู้ประสบภัยหลายคนพุ่งเข้ามาที่หน้ารถม้าของเซียวหลินเทียนจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็รู้สึกถึงเจตนาฆ่า เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นผู้ประสบภัยคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างดุร้าย มือของเขาดึงออกจากเสื้อผ้า...เขาถือดาบที่ส่องประกายอยู่ในมือ...“ระวัง… พวกเขาไม่ใช่ผู้ประสบภัยจริง ๆ…”เซียวหลินเทียนตะโกนอย่างทั้งตกใจทั้งโกรธ แล้วเห็นดาบพุ่งเข้ามาทางตนเองเขารีบเอนตัวไปข้างหลังเพื่อหลีกเลี่ยงดาบที่จะแทงเข้าที่หน้าอกของเขาดาบแทงเข้าที่หน้าอก จากนั้นผงแป้งก็โปรยลงบนใบหน้าของเขาเซียวหลินเทียนติดอยู่ในรถม้า ไม่สามารถหลบหนีได้ทัน ร่างกายของเขาก็อ่อนแรงไปทันที!พวกมันใช้ยาพิษ!ปลอมตัวเป็นผู้ประสบภัยที่เขาจะไม่ระวังตัวที่สุดแล้วมาลอบสังหารเขา!มือสังหารไม่ให้เวลาเขาได้โกรธเลย!ดาบเล่มที่สอ
“เหลือไว้สักคน!”คำพูดของหลิงอวี๋เอ่ยออกไปแล้ว แต่มันก็สายเกินไป!จ้าวซวนกับพวกองครักษ์ต่างได้รับบาดเจ็บ หากพวกเขาไม่รีบจัดการอย่างรวดเร็ว อาจจะไม่มีใครสามารถอยู่ต่อได้แล้วพวกองครักษ์ภายใต้การนำของจ้าวซวน ทุกการเคลื่อนไหวล้วนต้องถึงแก่ชีวิตการร่วมมือของแส้ม้าของปี้ไห่เฟิงที่อยู่บนรถม้านั้นระงับเหตุลงได้ทันใดนั้น มือสังหารเหล่านั้นก็ตายด้วยน้ำมือขององครักษ์เหล่านี้“รีบไปดูท่านอ๋องเร็วเข้า...”จ้าวซวนได้รับบาดเจ็บที่ต้นขา โลหิตเปื้อนชุ่มขากางเกงจนเป็นสีแดง แต่เขาไม่สนใจตัวเขาเอง คว้าคบไฟแล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าหลิงอวี๋ก็รีบวิ่งแซงจ้าวซวนขึ้นไปบนรถม้าเมื่อได้รับแสงสว่างจากคบไฟ หลิงอวี๋ก็เห็นว่าในรถม้าเต็มไปด้วยโลหิต เซียวหลินเทียนก็ถูกศพของมือสังหารทั้งสองคนกดทับอยู่ข้างใต้“เซียวหลินเทียน...”หลิงอวี๋มือสั่น จะไปยกศพของมือสังหาร แต่กลับไม่สามารถขยับออกไปได้จ้าวซวนเห็นดังนั้น เขาก็ส่งคบไฟให้กับองครักษ์คนหนึ่ง ลากศพทั้งสองออกจากรถม้าด้วยมือคนละข้างอย่างไม่สนใจแสงคบไฟส่องไปที่ตัวของเซียวหลินเทียน ตาของหลิงอวี๋แดงขึ้นมาทันทีร่างกายของเซียวหลินเทียนเต็มไปด้วยโลหิต เสื้อผ้า
รถม้าของตำหนักอ๋องอี้เพิ่งออกไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม รถก็กลับมาอย่างเร่งรีบแม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืนแล้ว แต่ร่างกายที่เต็มไปด้วยโลหิตก็อยู่ในสายตาของคนจำนวนไม่น้อยคนเดินผ่านไปมาต่างก็ตกใจ นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?จ้าวซวนมิสนใจว่าคนเหล่านั้นจะสงสัยอะไร ขี่รถม้าตรงเข้าไปในตำหนักอ๋องอี้ ไปที่เรือนของเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่ที่ขาของเซียวหลินเทียนได้รับบาดเจ็บ สถานที่หลายจุดของตำหนักอ๋องอี้ก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าออกของเขาคิดไม่ถึงเลยว่าความสะดวกสบายเช่นนี้ วันหนึ่งจะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยชีวิต“ใครก็ได้ หาตะเกียงน้ำมันมาหน่อย ยิ่งเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี!”“หลิงซิน ไปเอาน้ำร้อนมา!”“หลิงซวน ถือล่วมยาตามข้าเข้ามา ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า!”หลิงอวี๋สั่งอย่างเร่งรีบจ้าวซวนทนอาการบาดเจ็บที่ขาแล้วอุ้มเซียวหลินเทียนเข้าไปในห้องนอนเพียงลำพัง“ลู่หนาน ถอดม่านเตียงออก!”หลิงอวี๋ไม่ชอบม่านบังแสง จึงรีบเอ่ยลู่หนานรีบวิ่งไปดึงม่านเตียงออกอย่างรวดเร็วหลู่ชิ่งกับองครักษ์คนหนึ่งรีบจุดตะเกียงน้ำมันในห้องทั้งหมด มีองครักษ์นำตะเกียงมาเพิ่มอีกสองสามอัน ทำให้
ชิวเหวินซวงจิตใจสับสนวุ่นวายมาก ตั้งแต่ชิวเฮ่าจากไป เซียวหลินเทียนก็มีหลายเรื่องเลยที่นางไม่รู้!นางเป็นเหมือนคนตาบอดที่ติดอยู่ในตำหนักอ๋องอี้แห่งนี้ ไม่รู้เลยว่าเซียวหลินเทียนทำอะไรอยู่ข้างนอกบ้าง!หากเซียวหลินเทียนได้รับการช่วยชีวิตไว้ได้ นางจะต้องหาวิธีให้เซียวหลินเทียนพาชิวเฮ่ากลับมา!สองพี่น้องทำมามากมายถึงเพียงนี้กว่าจะให้ได้รับความไว้วางใจของเซียวหลินเทียน จะมาล้มเหลวเช่นนี้มิได้!ชิวเหวินซวงทำแผลให้จ้าวซวน พลางถือโอกาสถามว่าเกิดอะไรขึ้นภายในห้อง หลิงซวนได้ตรวจเลือดแล้ว พบว่ามีองครักษ์หลายคนที่มีหมู่เลือดตรงกับของเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋ให้นางเจาะเลือดออกมาใส่ไว้ในถุงเลือดแล้วถ่ายเลือดให้เซียวหลินเทียนหลิงอวี๋หยิบสำลีแอลกอฮอล์มาทำความสะอาดบาดแผลของเซียวหลินเทียนด้วยตัวนางเองแม้ว่านางจะทำเรื่องเช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีครั้งไหนทำให้นางใจสั่นเช่นวันนี้นางไม่กล้ามองหน้าเซียวหลินเทียน แล้วหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ตนเองนางจะต้องช่วยชีวิตเขาให้ได้!หลิงอวี๋สร้างกำลังใจให้ตน พลางเย็บแผลอย่างรวดเร็วไปด้วยกระทั่งตอนที่จัดการกับบาดแผลบนหน้าอกของเซียวหล
ชิวเหวินซวงฉวยโอกาสนั้นเอ่ยขึ้นมา “พระชายา ท่านเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ไปพักผ่อนเถิด! ข้าจะดูแลท่านอ๋องเอง!”“ไม่ต้อง! ข้าเป็นพระชายา ทั้งยังเป็นหมอ มีหรือที่ข้าจะยังหลับสบายได้ขณะที่สามีได้รับบาดเจ็บ!”หลิงอวี๋ปฏิเสธเรียบ ๆ “ความหวังดีของเจ้า ข้าจะบอกท่านอ๋องเมื่อเขาตื่นมา!”“หากเจ้าอยากช่วยจริง ๆ ก็ไปบอกให้ที่ห้องครัวต้มไข่น้ำตาลทรายแดงให้กับพวกองครักษ์ที่บริจาคเลือดและได้รับบาดเจ็บเสีย! ทำอาหารให้พวกเขากินด้วย!”ชิวเหวินซวงเกลียดน้ำเสียงที่เหมือนเป็นนายหญิงของหลิงอวี๋มาก แต่หลิงอวี๋พูดถูก นางจึงหาเหตุผลที่จะปฏิเสธมิได้ชิวเหวินซวงทำได้เพียงเอ่ย “ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย โชคดีที่พระชายาเตือนข้า ข้าจักไปจัดการเดี๋ยวนี้แล!”ชิวเหวินซวงเดินไปด้วยความโกรธ จ้าวซวนยังคงกังวลอยู่ เขาจ้องหลิงอวี๋ พลางเอ่ยถาม“ท่านอ๋องจะฟื้นเมื่อใดหรือขอรับ?”หลิงอวี๋รู้ว่าจ้าวซวนเป็นคนหนักแน่น ในเวลานี้นางไม่สามารถปิดบังจ้าวซวนได้“ข้าช่วยดูแลบาดแผลให้ท่านอ๋องแล้ว! แต่...”“ท่านอ๋องถูกพิษ ข้าแยกมิออกว่ามันคือพิษชนิดใด! ยามนี้ข้ามิสามารถช่วยให้เขาฟื้นขึ้นมาได้!”หลิงอวี๋เห็นจ้าวซวนหน้าซีดลงทันที ในใจก็รู้
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก