เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของทุกคนค่อย ๆ สงบลง หลิงอวี๋ก็รีบให้หลิงซินกลับไปให้เกิ่งเสี่ยวหาวช่วยส่งอาหารมา และให้ส่งพ่อครัวอีกสองสามคนไปทำโจ๊กให้ทุกคนเซียวหลินเทียนก็ถือโอกาสตีเหล็กตอนร้อนเช่นกัน เรียกร้องให้ครอบครัวที่มีกำลังแรงงานส่งคนออกไปช่วยทหารสร้างที่เพิงหลบภัยหลิงหว่านเห็นว่าคนจำนวนมากมิได้นำสัมภาระมามากนักเพราะการหนีโกลาหลนางจึงตะโกน “พี่หลิงหลิง ข้ากลับก่อน จักหาพวกอันซินให้ไปเก็บพวกเครื่องนอนของใช้ประจำวันให้คนส่งมา!”“ดีเลย!” หลิงอวี๋เห็นว่าหลิงหว่านรู้ความเช่นนี้ จึงให้ลู่หนานหาองครักษ์ส่งหลิงหว่านกลับไปส่วนหลิงอวี๋กับหลิงซวนไปรักษาผู้บาดเจ็บต่อยาของโรงเหยียนหลิงนั้นเกิ่งเสี่ยวหาวให้คนส่งมาที่ศาลหลักเมือง ทุกคนที่มีแผลไหม้ก็ได้รับยาทากัน ทุกคนต่างแสดงความขอบคุณต่อหลิงอวี๋กระทั่งอาหารและผักของเกิ่งเสี่ยวหาวส่งมาถึง เหล่าสตรีบางส่วนก็เข้ามาช่วยทำข้าวปลาอาหารช่วงเวลานั้น ทางศาลหลักเมืองเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นกระทั่งสร้างที่หลบภัยเสร็จ แม่ทัพเฉินก็ไม่สนใจเรื่องพักผ่อน แล้วทำการแจกแจงให้แต่ละครอบครัวตามจำนวนคนจากเดิมที่เป็นศาลหลักเมืองที่วุ่นวาย หลังจากที่ทุกคนย้
ครั้นเห็นว่าอารมณ์ของผู้ประสบภัยมั่นคงแล้ว ท่านอ๋องเฉิงกับหลี่ว์เซียงจึงกลับวังไปรายงานองค์จักรพรรดิเซียวหลินเทียนไปบอกหลิงอวี๋กับแม่ทัพเฉิน จากนั้นจึงนำรายชื่อบริจาคที่แม่ทัพเฉินบันทึกไว้เรียบร้อย แล้วตามพวกเขากลับวังจักรพรรดิอู่อันกำลังเตรียมจะรับประทานอาหารกลางวัน นอกจากพระชายาเส้ากับฮองเฮาเว่ยแล้ว ก็ยังมีองค์ชายอีกหลายพระองค์อยู่ด้วยเมื่อเห็นรายชื่อบริจาคที่เซียวหลินเทียนนำมา จักรพรรดิอู่อันก็มีความสุขมาก และกล่าวชมต่อหน้าองค์ชายทั้งหลาย“ดี… ดียิ่ง… เรื่องนี้องค์ชายสี่ทำได้ดีมาก!”“สร้างความอุ่นใจให้กับราษฎร ทั้งยังช่วยราชสำนักแก้ปัญหาเรื่องทุนการสร้างฟื้นฟูอีกส่วนหนึ่งด้วย! เรื่องนี้ทำได้ดีจริง ๆ!”จักรพรรดิอู่อันเห็นเซียวหลินเทียนบริจาคเงินเองด้วยหนึ่งล้านก็หรี่ตาลงพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“องค์ชายสี่บริจาคเงินด้วยตัวเองหนึ่งล้าน นี่ก็เอาเงินออมส่วนใหญ่ออกมาเลยกระมัง?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเก้อเขิน “ขอตอบเสด็จพ่อ นี่คือรางวัลจากเสด็จพ่อที่กระหม่อมสะสมไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมมิมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้เงิน เมื่อคิดว่าเงินคลังมีอยู่จำกัด หากสามารถช
กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเจ้ากรมพระคลังและพวกหลี่ว์เซียงทำแผนการก่อสร้างฟื้นฟูออกมาก็พบกับองค์ชายเว่ยเซียวหลินเยี่ยนที่เตรียมจะออกจากวังเข้าพอดีองค์ชายเว่ยจ้องเซียวหลินเทียนอย่างอึมครึม“ช่วงนี้องค์ชายสี่สุขภาพแข็งแรงดียิ่ง! ทำงานหนักตลอดทั้งวันมิพักเลย!”“ข้าว่าเจ้าพักผ่อนอยู่ที่บ้านดีกว่าเถอะ!”“เนื่องสูญเสียขาไปก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่หากเสียชีวิตไปแล้วล่ะก็… เช่นนั้นจักมิมีที่ให้ร้องไห้หนา!”องค์ชายเว่ยเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มจอมปลอม การข่มขู่ในคำพูดนั้นเผยให้เห็นบนใบหน้าเซียวหลินเทียนสีหน้าเย็นชา พลางเอ่ยอย่างมีความหมาย“มีความพยายามที่จะกังวลในเรื่องนี้ได้ เสด็จพี่ไปกังวลเกี่ยวกับความสูญเสียของเหมืองไม่ดีกว่าหรือ!”“เจ้า...!”องค์ชายเว่ยจ้องเขาอย่างดุร้าย อยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่ถูกที่ปรึกษาหานหลินดึงตัวออกไปหานหลินกระซิบเตือน “องค์ชาย มิทรงฉุนเฉียวพ่ะย่ะค่ะ!”“แม้ว่าท่านอ๋องอี้จะได้รับงานใหญ่ขั้นนี้ แต่จักทำต่อได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความปรารถนาขององค์ชายมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”องค์ชายเว่ยยิ้มร้าย มองหานหลิน “เรื่องนี้ข้าฝากให้เจ้าไปจัดการ…”“คราวที่แล้วเจ้าคนพิการนี่ก็ทำข
หลิงอวี๋เห็นกระดาษบนโต๊ะจึงเอ่ยถาม“อืม นี่คือแผนที่แน่นอนแล้ว เจ้าช่วยข้าดูหน่อยว่ายังมีตรงไหนที่ผิดปกติหรือไม่!”เซียวหลินเทียนเองก็ไม่เคอะเขิน ผลักกระดาษนั้นไปให้หลิงอวี๋ทั้งทีที่เห็นเส้นเหล่านั้นหลิงอวี๋ก็รู้สึกปวดหัว ถือถ้วยชาแล้วนั่งลงโดยไม่แม้แต่จะมองเลย“ท่านตรัสให้หม่อมฉันฟังดีกว่า! หม่อมฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างบ้าน ท่านแค่บอกหม่อมฉันว่าวางแผนเยี่ยงไร มีสิ่งอำนวยความสะดวกอันใดบ้าง หากหม่อมฉันฟังแล้วคิดว่าไม่พอ หม่อมฉันค่อยเพิ่มให้ท่าน!” เซียวหลินเทียนอธิบายคร่าว ๆ ให้หลิงอวี๋ฟัง หลิงอวี๋ง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น แต่ก็ยังฝืนดึงสติเอาไว้แล้วฟังอยู่กระทั่งเมื่อได้ยินเงื่อนไขที่ตระกูลกวนโวยวายเรียกร้อง และความลำบากใจของเจ้ากรมพระคลังหลิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางเอ่ย “นี่ไม่ใช่เรื่องยากอันใดเลย! แม้ว่าตระกูลกวนจะมีร้านค้าอยู่ แต่คนอื่น ๆ ก็มีเช่นกัน!”“ท่านก็ยึดตามทำเลที่จดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วสร้างร้านให้พวกเขาใหม่ตามนั้น!”“ทั้งทำเลที่รุ่งเรืองและทำเลธรรมดาต่างก็มีราคาที่กำหนดไว้ หากอยากขยายพื้นที่ ก็จ่ายส่วนต่างเพิ่ม!”“ผู้ที่ยินดีจะแลกเปลี่ยน สามารถใช้พื้นที่ข
”บังอาจ!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนเห็นก็ตะคอกด้วยความโกรธ “หยุดให้หมด ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสังหารผู้ประสบภัย!”พวกทหารเหล่านั้นเพิกเฉยต่อคำพูดของเซียวหลินเทียน และยังคงบุกเข้าไปต่อ“พวกเจ้าเป็นลูกน้องของผู้ใด?”จ้าวซวนเห็นว่าทหารพวกนั้นยังคงบุกเข้าไป ก็ขี่ม้าไปข้างหน้าคิดจะหยุดพวกเขา“ท่านอ๋อง… ช่วยด้วย!”ผู้ประสบภัยหลายคนพุ่งเข้ามาที่หน้ารถม้าของเซียวหลินเทียนจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็รู้สึกถึงเจตนาฆ่า เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นผู้ประสบภัยคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างดุร้าย มือของเขาดึงออกจากเสื้อผ้า...เขาถือดาบที่ส่องประกายอยู่ในมือ...“ระวัง… พวกเขาไม่ใช่ผู้ประสบภัยจริง ๆ…”เซียวหลินเทียนตะโกนอย่างทั้งตกใจทั้งโกรธ แล้วเห็นดาบพุ่งเข้ามาทางตนเองเขารีบเอนตัวไปข้างหลังเพื่อหลีกเลี่ยงดาบที่จะแทงเข้าที่หน้าอกของเขาดาบแทงเข้าที่หน้าอก จากนั้นผงแป้งก็โปรยลงบนใบหน้าของเขาเซียวหลินเทียนติดอยู่ในรถม้า ไม่สามารถหลบหนีได้ทัน ร่างกายของเขาก็อ่อนแรงไปทันที!พวกมันใช้ยาพิษ!ปลอมตัวเป็นผู้ประสบภัยที่เขาจะไม่ระวังตัวที่สุดแล้วมาลอบสังหารเขา!มือสังหารไม่ให้เวลาเขาได้โกรธเลย!ดาบเล่มที่สอ
“เหลือไว้สักคน!”คำพูดของหลิงอวี๋เอ่ยออกไปแล้ว แต่มันก็สายเกินไป!จ้าวซวนกับพวกองครักษ์ต่างได้รับบาดเจ็บ หากพวกเขาไม่รีบจัดการอย่างรวดเร็ว อาจจะไม่มีใครสามารถอยู่ต่อได้แล้วพวกองครักษ์ภายใต้การนำของจ้าวซวน ทุกการเคลื่อนไหวล้วนต้องถึงแก่ชีวิตการร่วมมือของแส้ม้าของปี้ไห่เฟิงที่อยู่บนรถม้านั้นระงับเหตุลงได้ทันใดนั้น มือสังหารเหล่านั้นก็ตายด้วยน้ำมือขององครักษ์เหล่านี้“รีบไปดูท่านอ๋องเร็วเข้า...”จ้าวซวนได้รับบาดเจ็บที่ต้นขา โลหิตเปื้อนชุ่มขากางเกงจนเป็นสีแดง แต่เขาไม่สนใจตัวเขาเอง คว้าคบไฟแล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าหลิงอวี๋ก็รีบวิ่งแซงจ้าวซวนขึ้นไปบนรถม้าเมื่อได้รับแสงสว่างจากคบไฟ หลิงอวี๋ก็เห็นว่าในรถม้าเต็มไปด้วยโลหิต เซียวหลินเทียนก็ถูกศพของมือสังหารทั้งสองคนกดทับอยู่ข้างใต้“เซียวหลินเทียน...”หลิงอวี๋มือสั่น จะไปยกศพของมือสังหาร แต่กลับไม่สามารถขยับออกไปได้จ้าวซวนเห็นดังนั้น เขาก็ส่งคบไฟให้กับองครักษ์คนหนึ่ง ลากศพทั้งสองออกจากรถม้าด้วยมือคนละข้างอย่างไม่สนใจแสงคบไฟส่องไปที่ตัวของเซียวหลินเทียน ตาของหลิงอวี๋แดงขึ้นมาทันทีร่างกายของเซียวหลินเทียนเต็มไปด้วยโลหิต เสื้อผ้า
รถม้าของตำหนักอ๋องอี้เพิ่งออกไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม รถก็กลับมาอย่างเร่งรีบแม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืนแล้ว แต่ร่างกายที่เต็มไปด้วยโลหิตก็อยู่ในสายตาของคนจำนวนไม่น้อยคนเดินผ่านไปมาต่างก็ตกใจ นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?จ้าวซวนมิสนใจว่าคนเหล่านั้นจะสงสัยอะไร ขี่รถม้าตรงเข้าไปในตำหนักอ๋องอี้ ไปที่เรือนของเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่ที่ขาของเซียวหลินเทียนได้รับบาดเจ็บ สถานที่หลายจุดของตำหนักอ๋องอี้ก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าออกของเขาคิดไม่ถึงเลยว่าความสะดวกสบายเช่นนี้ วันหนึ่งจะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยชีวิต“ใครก็ได้ หาตะเกียงน้ำมันมาหน่อย ยิ่งเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี!”“หลิงซิน ไปเอาน้ำร้อนมา!”“หลิงซวน ถือล่วมยาตามข้าเข้ามา ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า!”หลิงอวี๋สั่งอย่างเร่งรีบจ้าวซวนทนอาการบาดเจ็บที่ขาแล้วอุ้มเซียวหลินเทียนเข้าไปในห้องนอนเพียงลำพัง“ลู่หนาน ถอดม่านเตียงออก!”หลิงอวี๋ไม่ชอบม่านบังแสง จึงรีบเอ่ยลู่หนานรีบวิ่งไปดึงม่านเตียงออกอย่างรวดเร็วหลู่ชิ่งกับองครักษ์คนหนึ่งรีบจุดตะเกียงน้ำมันในห้องทั้งหมด มีองครักษ์นำตะเกียงมาเพิ่มอีกสองสามอัน ทำให้
ชิวเหวินซวงจิตใจสับสนวุ่นวายมาก ตั้งแต่ชิวเฮ่าจากไป เซียวหลินเทียนก็มีหลายเรื่องเลยที่นางไม่รู้!นางเป็นเหมือนคนตาบอดที่ติดอยู่ในตำหนักอ๋องอี้แห่งนี้ ไม่รู้เลยว่าเซียวหลินเทียนทำอะไรอยู่ข้างนอกบ้าง!หากเซียวหลินเทียนได้รับการช่วยชีวิตไว้ได้ นางจะต้องหาวิธีให้เซียวหลินเทียนพาชิวเฮ่ากลับมา!สองพี่น้องทำมามากมายถึงเพียงนี้กว่าจะให้ได้รับความไว้วางใจของเซียวหลินเทียน จะมาล้มเหลวเช่นนี้มิได้!ชิวเหวินซวงทำแผลให้จ้าวซวน พลางถือโอกาสถามว่าเกิดอะไรขึ้นภายในห้อง หลิงซวนได้ตรวจเลือดแล้ว พบว่ามีองครักษ์หลายคนที่มีหมู่เลือดตรงกับของเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋ให้นางเจาะเลือดออกมาใส่ไว้ในถุงเลือดแล้วถ่ายเลือดให้เซียวหลินเทียนหลิงอวี๋หยิบสำลีแอลกอฮอล์มาทำความสะอาดบาดแผลของเซียวหลินเทียนด้วยตัวนางเองแม้ว่านางจะทำเรื่องเช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีครั้งไหนทำให้นางใจสั่นเช่นวันนี้นางไม่กล้ามองหน้าเซียวหลินเทียน แล้วหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ตนเองนางจะต้องช่วยชีวิตเขาให้ได้!หลิงอวี๋สร้างกำลังใจให้ตน พลางเย็บแผลอย่างรวดเร็วไปด้วยกระทั่งตอนที่จัดการกับบาดแผลบนหน้าอกของเซียวหล
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ
หลิงอวี๋จึงบอกการคาดเดาของตนให้พ่อลูกตระกูลเย่ฟังทั้งหมดท่านผู้เฒ่าเย่หมดคำพูดไปเลยทีเดียว ทรัพย์สินของตระกูลเหมียวไป่หลี่ไห่ก็จับจ้องอยู่เช่นกัน คนผู้นี้ช่างไม่มีขอบเขตของความเป็นคนเอาเสียเลย!“ท่านผู้อาวุโส ท่านอาจารย์ ข้าคาดว่าการประลองครั้งนี้คงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้นเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ไป่หลี่ไห่กล้าเสนอข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ เขามั่นใจว่าจะบีบข้าลงได้แน่นอน! เพียงแต่ข้ามิรู้ว่าเขาจะใช้วิธีใด!”ท่านผู้เฒ่าเย่หัวเราะเยาะออกมา “เขาจะใช้วิธีใดได้อีกเล่า… อำนาจของเจ้าแห่งทะเลและความโปรดปรานของมหาเทพหลงก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการได้แล้ว!”“เขาสามารถทำได้แม้กระทั่งขอพระราชโองการบีบให้เจ้ามอบยาแก้พิษให้ แต่นี่จะเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกินไป หากเขายังคิดที่จะอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เขาก็น่าจะมิทำเช่นนั้น!”หลงเพ่ยเพ่ยเพิ่งเข้าประตูมาก็ได้ยินประโยคนี้เข้า นางจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา“ท่านผู้เฒ่าเย่ ท่านคิดผิดไปแล้ว… ไป่หลี่ไห่จะทำเช่นนั้นจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ว่ากระไรนะ?”ท่านผู้เ
หลังจากที่หลงอิงไปแล้ว เรือนเล็กก็เงียบสงบลง แต่หลิงอวี๋รู้ว่านี่เป็นเพียงความสงบภายนอกเท่านั้นในเมื่อไป่หลี่ไห่มีความคิดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นเขาจะต้องหาวิธีมาบีบให้ตนประลองกับเขาอย่างแน่นอนเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงแค่สามวัน ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเน่าเปื่อยและตายไป ดังนั้นไป่หลี่ไห่จึงเหลือเวลาอยู่มิมากแล้วหลิงอวี๋ทำอาหารกลางวันแล้วกินพร้อมกับมู่ตงและไป๋อวี้นางต้มโจ๊กที่มีคุณค่าทางโภชนาแยกให้กับผู้รอบรู้ และเมื่อป้อนโจ๊กให้ผู้รอบรู้เสร็จแล้วเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าตระกูลเย่ก็มาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าเย่มา ในใจของนางก็พลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา พวกเขามาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่ ก็นับว่าเป็นการมาสนับสนุนตนเช่นกัน!“เสี่ยวชี พี่ชายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ท่านผู้เฒ่าเย่เดินเข้าประตูมาก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงหลิงอวี๋ยิ้มขมขื่น “ยังดีที่ช่วยเหลือกลับมาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นก็คงสิ้นชีพไปแล้วเจ้าค่ะ!”ท่านผู้เฒ่าเย่สีหน้ามืดมนลง แล้วเดินเข้าไปในห้องของผู้รอบรู้พร้อมกับหลิงอวี๋ด้วยผู้รอบรู้นอนอยู่บนเตียง ยังมิสามารถขยับตัวได้ จมูกช้ำและใบหน้าบวม ร
หลิงอวี๋เห็นว่าสีหน้าหลงอิงดูจริงใจ จึงจะเชื่อนางไปก่อน“เจ้ารู้เรื่องที่พี่ชายของข้าถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้ว เช่นนั้นอาจารย์ของเจ้าก็ต้องรู้แล้วเช่นกัน แล้วเขามีท่าทีอย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกไปหลงอิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา จากนั้นเอ่ยออกไปด้วยใจแน่วแน่ “เสี่ยวอวี๋ ข้าจะพูดกับเจ้าตามความจริงก็แล้วกัน ท่านอาจารย์ของข้ามิอยากรับเงื่อนไขการขับไล่เหมียวหยางออกจากสำนักอีกต่อไปแล้ว เขาบอกว่าเดิมทีแล้วนี่เป็นการประลองระหว่างคนรุ่นหลัง มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถ!”“เขาต้องการประลองกับเจ้าดูสักครั้ง เป็นการประลองปรุงยาพิษต่อหน้าธารกำนัล หากว่าเขาแพ้ เขาจะตอบตกลงในเงื่อนไขทั้งหมดของเจ้า!”“แต่หากว่าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องมอบยาแก้พิษให้เหมียวหยาง!”หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา “มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถงั้นหรือ? ปรมาจารย์ไป่หลี่ก็สามารถพูดคำเช่นนี้ออกมาได้ ข้านับถือเขาเสียจนอยากจะโขกหัวคารวะให้เสียจริง ๆ!”“ข้าให้เวลาเขาสิบวัน เขาปรุงยาแก้พิษมิได้ แล้วยังมิยอมรับว่าเขาไร้ความสามารถอีกหรือ? ในเมื่อนี่เป็นการประลองของคนรุ่นหลัง ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโสจะมาประลองกับข้า เช่นนี้จะ
เย่หรงได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็เอ่ยตอบไป “เรื่องนี้ข้ารู้ดีทีเดียว ตระกูลเหมียวมีฐานะขึ้นมาจากการพึ่งพาเครื่องยาสมุนไพร เนื่องจัดหาสมุนไพรให้หอโอสถไป๋เป่าอยู่บ่อยครั้ง กอปรกับที่เหมียวหยางค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรด้วย ไป่หลี่ไห่จึงรับไปเป็นศิษย์!”“หลายปีมานี้ด้วยอำนาจของไป่หลี่ไห่ ตระกูลเหมียวจึงมีสถานะที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วก็ค่อย ๆ ขึ้นไปเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย!”มิน่า!หลิงอวี๋นึกถึงเงื่อนไขที่ตนเสนอให้หลงอิงก่อนหน้านี้ว่า ให้ไป่หลี่ไห่ขับไล่เขาออกจากสำนักเวลานั้นหลิงอวี๋มิรู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเหมียว คิดว่านี่เป็นการกระทำที่จะรักษาชื่อเสียงของไป่หลี่ไห่เอาไว้ตอนนี้เมื่อได้รู้ฐานะของตระกูลเหมียวแล้ว หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าเหตุใดตระกูลเหมียวจึงใช้ผู้รอบรู้แก้แค้นตนฐานะระดับตระกูลเหมียวนี้เรื่องเงินเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องเกียรติต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่หากเหมียวหยางถูกไป่หลี่ไห่ขับไล่ออกจากสำนัก ตระกูลเหมียวจะต้องเสียทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี อีกทั้งยังหมายความว่า นับจากนี้จะไม่มีไป่หลี่ไห่คอยสนับสนุนพวกเขาอีกต่อไปด้วยเช่นกันสำหรับตระก
นี่คือสิ่งที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่ในใจ แต่ผู้รอบรู้กลับมองออกหลิงอวี๋อ้าปากค้างอย่างงุนงง มิรู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร“น้องหญิง วันนั้นพี่ใหญ่เห็นเจ้าตากฝนตัวเปียกโชก แล้วก็เห็นบ้านของเราถูกทำลายพังยับเยิน!”“ตอนนั้นข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า… หากข้ามีความสามารถ ข้าก็จะไปทุบบ้านของเหมียวหยางเช่นกัน!”“หากข้าวางยาพิษเป็น ก็คงมิต้องให้เจ้าลงมือหรอก ข้าจะวางยาพิษเขาด้วยตัวข้าเอง!”ผู้รอบรู้เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่ “ดังนั้น ข้ามิได้รับเคราะห์แทนเจ้า และมิได้ถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนด้วย เจ้ามิต้องรู้สึกผิด!”“พี่ใหญ่!”ดวงตาของหลิงอวี๋มีน้ำตาคลอขึ้นอย่างอธิบายมิถูก“ข้าเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก หลังจากแยกอาจารย์ข้าก็เตร็ดเตร่อยู่ในยุทธภพเพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว และไม่มีเป้าหมายใด!”ผู้รอบรู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หลังจากที่ได้รู้จักเจ้า ข้าจึงได้มีบ้านและครอบครัว! ข้าออกไปไหนก็มิต้องกังวลแล้วว่าจะไม่มีบ้านให้กลับ และเมื่อกลับมาก็ยังมีเจ้ารอข้ากินข้าวอยู่!”“น้องหญิง ข้าชอบครอบครัวที่พวกเราสร้างขึ้นมา มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าก็มีความห่วงใยและมีเป้าหมายอยู่เช่นกัน ข้าหวังว่าจะหาเงินได้ม
“พี่ใหญ่มู่ เห็ดหยกนี้มีอยู่ที่ภูเขาใดหรือ?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามเขาหากซื้อมิได้นางก็จะไปเก็บด้วยตนเอง มิว่าจะยากลำบากแค่ไหน นางจะต้องหาเห็ดหยกมารักษาสิงจั๋วให้จงได้“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”มู่ตงมองหลิงอวี๋ “เจ้าคงมิคิดจะไปเก็บที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระมัง! เป็นไปมิได้หรอก!”“มีหลายสาเหตุทีเดียว ประการแรก ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นของราชวงศ์ มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเก็บสมุนไพรได้ง่าย ๆ!”“ประการที่สอง แม้ว่าท่านหญิงของข้าจะสามารถพูดให้เจ้าและให้เจ้าเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เจ้ารู้หรือว่าจะต้องไปเก็บที่ใด?”“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีอยู่สิบแปดยอดเขา ซึ่งแต่ละยอดเขาก็จะมีความสูงชันและอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่พวกตระกูลอู่ที่คอยเฝ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ ก็ยังมิสามารถสำรวจยอดเขาครบทั้งสิบแปดยอดเขาได้ เจ้าไม่มีทางที่จะหาเห็ดหยกเจอท่ามกลางยอดเขามากมายถึงเพียงนั้นหรอก!”ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มิได้มีเพียงแค่มู่ตงผู้เดียวที่เอ่ยถึงความลึกลับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้กับตนวันนั้นเย่หรงก็บอกกับตนว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการพานางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรมาสลายเลือดเนื้อของนางและก่อน
หลังจากที่พวกเขารับคำสั่งแล้วก็ออกไป แล้วจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงตะโกนขึ้นมา “หานเหมย เจ้ารอก่อน!”หานเหมยหยุดชะงัก หานอวี้ก็หยุดเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างสงสัย“ตอนที่ข้าจับตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ที่ภูเขาหมางหลิ่ง นางเผลอหลุดปากออกมาเรื่องหนึ่ง… นางบอกว่านางโกหกหลิงอวี๋ว่าน้องสาวนางถูกจับตัวมาขายที่เมืองหลวงแดนเทพ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป และคิดมาตลอดว่าเจ้าคือเสี่ยวอวี้ น้องสาวของนาง! นางมาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อมาตามหาเจ้า!”หานเหมยตะลึง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ฝ่าบาททรงหมายความว่าจะให้หม่อมฉันไปเข้าใกล้ฮองเฮาหรือเพคะ?”“อืม ตอนนี้หลิงอวี๋มีความคลางแคลงใจต่อพวกเรา ทว่ากับเจ้านั้นแตกต่างออกไป หลังจากที่นางสูญเสียความทรงจำไปเจ้าก็อยู่กับนางตลอด! จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดเช่นนี้แล้ว นางจะต้องเชื่อว่าเป็นจริงแน่ ๆ!”เซียวหลินเทียนมองไปทางหานเหมย “สิ่งที่ข้ามิแน่ใจตอนนี้ก็คือ หลิงอวี๋จำเรื่องอะไรได้บ้าง และนางสงสัยหรือไม่ว่าเจ้ามิใช่น้องสาวของนาง!”“หากเจ้าบุ่มบ่ามไปเข้าใกล้นางเช่นนี้
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”