“ร้านค้าตระกูลกวนอยู่ทางแยกของประตูใหญ่บูรพา! หวางต้าหู้คนนี้เป็นเถ้าแก่ของตระกูลกวน!”เซียวหลินเทียนตะโกนเสียงดัง “เมื่อคืนคนที่หนีเอาตัวรอดผ่านทางแยกประตูใหญ่บูรพา ต่างต้องเห็นรถม้าหลายคันของตระกูลพวกเขาขวางอยู่ทางแยก!”“พวกเขากำลังทำอะไร? พวกเขาพยายามเก็บทรัพย์สมบัติ ก็ไม่มีกระไรผิดปกติหรอก!”“ทว่าคนข้างหลังที่ไร้ทางหนีตายถูกพวกเขาขวางไว้ บัดนี้จิตใจพวกเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”พอเซียวหลินเทียนนึกถึงฉากหวาดเสียวในยามนั้นก็สิ้นวิธีควบคุมความโกรธของตนเขาตวาดว่า “ตัวข้าสั่งให้ทหารบังคับรถม้าไปจริง!”“พวกเจ้าคนด้านหลังที่หนีออกมาต่างควรรู้ว่าถ้าตัวข้าไม่ทำเช่นนี้ พวกเจ้าจะต้องตายในทะเลเพลิง!”“ตัวข้าไม่ต้องการความซาบซึ้งที่ข้าช่วยชีวิตพวกเจ้า! แต่เวลาเช่นนี้กลับช่วยคนชั่วทำชั่ว พวกเจ้ามิกลัวหัวใจคนที่ช่วยพวกเจ้าเย็นชารึ?”เซียวหลินเทียนยิ่งเอ่ยเสียงยิ่งดังขึ้น เขาชี้ยังทหารบาดเจ็บหลายนายพลางตะโกน“ดูทหารเหล่านี้ พวกเขาก็เช่นพวกเจ้ามีพ่อแม่มีลูกเหมือนกันและเป็นกายเนื้อ”“พวกเจ้ารับบาดเจ็บก็ได้นอนพักผ่อน!”“พวกเขาเล่า? พวกเขาบาดเจ็บก็สร้างเพิงหลบภัยให้พวกเจ้าได้มีแหล่งหลบภัย!”“ใจ
เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินสิ่งนี้ก็ยิ้มหยัน “คำพูดของคุณหนูใหญ่กวนงี่เง่าไร้เหตุผลแล้ว!”“ตัวข้ามิได้ก่อเพลิงใส่พวกเจ้า! ข้าคิดว่าทุกคนไร้เรือนกลับจึงช่วยสุดกำลังเท่าที่ทำได้!”“ชาวเมืองทั้งหลาย ราชสำนักจักจัดสรรเงินช่วยทุกคนร่วมฝ่าวิกฤต! แต่พวกเราก็มิอาจรอการสงเคราะห์จากราชสำนักที่เดียวได้!”เซียวหลินเทียนพูดฮึกเหิม “แคว้นโดยรอบยังจ้องฉินตะวันตกตาเป็นมัน ทุกคนควรคำนึงถึงความลำบากของราชสำนัก!”“ตัวข้าบริจาคเงินหนึ่งล้านตำลึง คาดหวังทุกคนที่มีกำลังบริจาคเงินช่วยเหล่าชาวเมืองสร้างบ้านเกิดเมืองนอนขึ้นใหม่!”“ส่วนผู้ที่ไม่มีเงินก็ออกแรงช่วย พวกเรามีกำลังเท่าไรก็สนับสนุนกำลังเท่านั้น!”กวนอิ่งยิ้มหยันกล่าวขัดเซียวหลินเทียน “ทุกคนอย่าฟังเขา! เขาแค่อยากปฏิเสธความรับผิดชอบให้พวกเจ้าออกเงินออกแรง!”เซียวหลินเทียนโกรธตะโกนสะเทือนฟ้า “คุณหนูใหญ่กวนจงใจหาเรื่องหรือไม่? เจ้าทนดูทุกคนได้ดิบได้ดีมิได้? ไม่อยากให้ทุกคนสร้างเรือนใหม่ได้ในเร็ววันหรือไร?”“คนมากหลายที่นี่ต่างเคยซื้อของร้านเจ้าใช่หรือไม่? พวกเขาทำเงินกำไรอักโขให้ตระกูลกวนของเจ้า!”“เหตุใดเล่า? ครั้นทุกคนตกทุกข์ได้ยาก ตระกูลกวนของเ
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของทุกคนค่อย ๆ สงบลง หลิงอวี๋ก็รีบให้หลิงซินกลับไปให้เกิ่งเสี่ยวหาวช่วยส่งอาหารมา และให้ส่งพ่อครัวอีกสองสามคนไปทำโจ๊กให้ทุกคนเซียวหลินเทียนก็ถือโอกาสตีเหล็กตอนร้อนเช่นกัน เรียกร้องให้ครอบครัวที่มีกำลังแรงงานส่งคนออกไปช่วยทหารสร้างที่เพิงหลบภัยหลิงหว่านเห็นว่าคนจำนวนมากมิได้นำสัมภาระมามากนักเพราะการหนีโกลาหลนางจึงตะโกน “พี่หลิงหลิง ข้ากลับก่อน จักหาพวกอันซินให้ไปเก็บพวกเครื่องนอนของใช้ประจำวันให้คนส่งมา!”“ดีเลย!” หลิงอวี๋เห็นว่าหลิงหว่านรู้ความเช่นนี้ จึงให้ลู่หนานหาองครักษ์ส่งหลิงหว่านกลับไปส่วนหลิงอวี๋กับหลิงซวนไปรักษาผู้บาดเจ็บต่อยาของโรงเหยียนหลิงนั้นเกิ่งเสี่ยวหาวให้คนส่งมาที่ศาลหลักเมือง ทุกคนที่มีแผลไหม้ก็ได้รับยาทากัน ทุกคนต่างแสดงความขอบคุณต่อหลิงอวี๋กระทั่งอาหารและผักของเกิ่งเสี่ยวหาวส่งมาถึง เหล่าสตรีบางส่วนก็เข้ามาช่วยทำข้าวปลาอาหารช่วงเวลานั้น ทางศาลหลักเมืองเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นกระทั่งสร้างที่หลบภัยเสร็จ แม่ทัพเฉินก็ไม่สนใจเรื่องพักผ่อน แล้วทำการแจกแจงให้แต่ละครอบครัวตามจำนวนคนจากเดิมที่เป็นศาลหลักเมืองที่วุ่นวาย หลังจากที่ทุกคนย้
ครั้นเห็นว่าอารมณ์ของผู้ประสบภัยมั่นคงแล้ว ท่านอ๋องเฉิงกับหลี่ว์เซียงจึงกลับวังไปรายงานองค์จักรพรรดิเซียวหลินเทียนไปบอกหลิงอวี๋กับแม่ทัพเฉิน จากนั้นจึงนำรายชื่อบริจาคที่แม่ทัพเฉินบันทึกไว้เรียบร้อย แล้วตามพวกเขากลับวังจักรพรรดิอู่อันกำลังเตรียมจะรับประทานอาหารกลางวัน นอกจากพระชายาเส้ากับฮองเฮาเว่ยแล้ว ก็ยังมีองค์ชายอีกหลายพระองค์อยู่ด้วยเมื่อเห็นรายชื่อบริจาคที่เซียวหลินเทียนนำมา จักรพรรดิอู่อันก็มีความสุขมาก และกล่าวชมต่อหน้าองค์ชายทั้งหลาย“ดี… ดียิ่ง… เรื่องนี้องค์ชายสี่ทำได้ดีมาก!”“สร้างความอุ่นใจให้กับราษฎร ทั้งยังช่วยราชสำนักแก้ปัญหาเรื่องทุนการสร้างฟื้นฟูอีกส่วนหนึ่งด้วย! เรื่องนี้ทำได้ดีจริง ๆ!”จักรพรรดิอู่อันเห็นเซียวหลินเทียนบริจาคเงินเองด้วยหนึ่งล้านก็หรี่ตาลงพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“องค์ชายสี่บริจาคเงินด้วยตัวเองหนึ่งล้าน นี่ก็เอาเงินออมส่วนใหญ่ออกมาเลยกระมัง?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเก้อเขิน “ขอตอบเสด็จพ่อ นี่คือรางวัลจากเสด็จพ่อที่กระหม่อมสะสมไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมมิมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้เงิน เมื่อคิดว่าเงินคลังมีอยู่จำกัด หากสามารถช
กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเจ้ากรมพระคลังและพวกหลี่ว์เซียงทำแผนการก่อสร้างฟื้นฟูออกมาก็พบกับองค์ชายเว่ยเซียวหลินเยี่ยนที่เตรียมจะออกจากวังเข้าพอดีองค์ชายเว่ยจ้องเซียวหลินเทียนอย่างอึมครึม“ช่วงนี้องค์ชายสี่สุขภาพแข็งแรงดียิ่ง! ทำงานหนักตลอดทั้งวันมิพักเลย!”“ข้าว่าเจ้าพักผ่อนอยู่ที่บ้านดีกว่าเถอะ!”“เนื่องสูญเสียขาไปก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่หากเสียชีวิตไปแล้วล่ะก็… เช่นนั้นจักมิมีที่ให้ร้องไห้หนา!”องค์ชายเว่ยเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มจอมปลอม การข่มขู่ในคำพูดนั้นเผยให้เห็นบนใบหน้าเซียวหลินเทียนสีหน้าเย็นชา พลางเอ่ยอย่างมีความหมาย“มีความพยายามที่จะกังวลในเรื่องนี้ได้ เสด็จพี่ไปกังวลเกี่ยวกับความสูญเสียของเหมืองไม่ดีกว่าหรือ!”“เจ้า...!”องค์ชายเว่ยจ้องเขาอย่างดุร้าย อยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่ถูกที่ปรึกษาหานหลินดึงตัวออกไปหานหลินกระซิบเตือน “องค์ชาย มิทรงฉุนเฉียวพ่ะย่ะค่ะ!”“แม้ว่าท่านอ๋องอี้จะได้รับงานใหญ่ขั้นนี้ แต่จักทำต่อได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความปรารถนาขององค์ชายมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”องค์ชายเว่ยยิ้มร้าย มองหานหลิน “เรื่องนี้ข้าฝากให้เจ้าไปจัดการ…”“คราวที่แล้วเจ้าคนพิการนี่ก็ทำข
หลิงอวี๋เห็นกระดาษบนโต๊ะจึงเอ่ยถาม“อืม นี่คือแผนที่แน่นอนแล้ว เจ้าช่วยข้าดูหน่อยว่ายังมีตรงไหนที่ผิดปกติหรือไม่!”เซียวหลินเทียนเองก็ไม่เคอะเขิน ผลักกระดาษนั้นไปให้หลิงอวี๋ทั้งทีที่เห็นเส้นเหล่านั้นหลิงอวี๋ก็รู้สึกปวดหัว ถือถ้วยชาแล้วนั่งลงโดยไม่แม้แต่จะมองเลย“ท่านตรัสให้หม่อมฉันฟังดีกว่า! หม่อมฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างบ้าน ท่านแค่บอกหม่อมฉันว่าวางแผนเยี่ยงไร มีสิ่งอำนวยความสะดวกอันใดบ้าง หากหม่อมฉันฟังแล้วคิดว่าไม่พอ หม่อมฉันค่อยเพิ่มให้ท่าน!” เซียวหลินเทียนอธิบายคร่าว ๆ ให้หลิงอวี๋ฟัง หลิงอวี๋ง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น แต่ก็ยังฝืนดึงสติเอาไว้แล้วฟังอยู่กระทั่งเมื่อได้ยินเงื่อนไขที่ตระกูลกวนโวยวายเรียกร้อง และความลำบากใจของเจ้ากรมพระคลังหลิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางเอ่ย “นี่ไม่ใช่เรื่องยากอันใดเลย! แม้ว่าตระกูลกวนจะมีร้านค้าอยู่ แต่คนอื่น ๆ ก็มีเช่นกัน!”“ท่านก็ยึดตามทำเลที่จดเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วสร้างร้านให้พวกเขาใหม่ตามนั้น!”“ทั้งทำเลที่รุ่งเรืองและทำเลธรรมดาต่างก็มีราคาที่กำหนดไว้ หากอยากขยายพื้นที่ ก็จ่ายส่วนต่างเพิ่ม!”“ผู้ที่ยินดีจะแลกเปลี่ยน สามารถใช้พื้นที่ข
”บังอาจ!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนเห็นก็ตะคอกด้วยความโกรธ “หยุดให้หมด ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสังหารผู้ประสบภัย!”พวกทหารเหล่านั้นเพิกเฉยต่อคำพูดของเซียวหลินเทียน และยังคงบุกเข้าไปต่อ“พวกเจ้าเป็นลูกน้องของผู้ใด?”จ้าวซวนเห็นว่าทหารพวกนั้นยังคงบุกเข้าไป ก็ขี่ม้าไปข้างหน้าคิดจะหยุดพวกเขา“ท่านอ๋อง… ช่วยด้วย!”ผู้ประสบภัยหลายคนพุ่งเข้ามาที่หน้ารถม้าของเซียวหลินเทียนจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็รู้สึกถึงเจตนาฆ่า เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นผู้ประสบภัยคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างดุร้าย มือของเขาดึงออกจากเสื้อผ้า...เขาถือดาบที่ส่องประกายอยู่ในมือ...“ระวัง… พวกเขาไม่ใช่ผู้ประสบภัยจริง ๆ…”เซียวหลินเทียนตะโกนอย่างทั้งตกใจทั้งโกรธ แล้วเห็นดาบพุ่งเข้ามาทางตนเองเขารีบเอนตัวไปข้างหลังเพื่อหลีกเลี่ยงดาบที่จะแทงเข้าที่หน้าอกของเขาดาบแทงเข้าที่หน้าอก จากนั้นผงแป้งก็โปรยลงบนใบหน้าของเขาเซียวหลินเทียนติดอยู่ในรถม้า ไม่สามารถหลบหนีได้ทัน ร่างกายของเขาก็อ่อนแรงไปทันที!พวกมันใช้ยาพิษ!ปลอมตัวเป็นผู้ประสบภัยที่เขาจะไม่ระวังตัวที่สุดแล้วมาลอบสังหารเขา!มือสังหารไม่ให้เวลาเขาได้โกรธเลย!ดาบเล่มที่สอ
“เหลือไว้สักคน!”คำพูดของหลิงอวี๋เอ่ยออกไปแล้ว แต่มันก็สายเกินไป!จ้าวซวนกับพวกองครักษ์ต่างได้รับบาดเจ็บ หากพวกเขาไม่รีบจัดการอย่างรวดเร็ว อาจจะไม่มีใครสามารถอยู่ต่อได้แล้วพวกองครักษ์ภายใต้การนำของจ้าวซวน ทุกการเคลื่อนไหวล้วนต้องถึงแก่ชีวิตการร่วมมือของแส้ม้าของปี้ไห่เฟิงที่อยู่บนรถม้านั้นระงับเหตุลงได้ทันใดนั้น มือสังหารเหล่านั้นก็ตายด้วยน้ำมือขององครักษ์เหล่านี้“รีบไปดูท่านอ๋องเร็วเข้า...”จ้าวซวนได้รับบาดเจ็บที่ต้นขา โลหิตเปื้อนชุ่มขากางเกงจนเป็นสีแดง แต่เขาไม่สนใจตัวเขาเอง คว้าคบไฟแล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าหลิงอวี๋ก็รีบวิ่งแซงจ้าวซวนขึ้นไปบนรถม้าเมื่อได้รับแสงสว่างจากคบไฟ หลิงอวี๋ก็เห็นว่าในรถม้าเต็มไปด้วยโลหิต เซียวหลินเทียนก็ถูกศพของมือสังหารทั้งสองคนกดทับอยู่ข้างใต้“เซียวหลินเทียน...”หลิงอวี๋มือสั่น จะไปยกศพของมือสังหาร แต่กลับไม่สามารถขยับออกไปได้จ้าวซวนเห็นดังนั้น เขาก็ส่งคบไฟให้กับองครักษ์คนหนึ่ง ลากศพทั้งสองออกจากรถม้าด้วยมือคนละข้างอย่างไม่สนใจแสงคบไฟส่องไปที่ตัวของเซียวหลินเทียน ตาของหลิงอวี๋แดงขึ้นมาทันทีร่างกายของเซียวหลินเทียนเต็มไปด้วยโลหิต เสื้อผ้า