“พวกเจ้าออกไปก่อน!”หลิงอวี๋กับหลิงซวนวางสตรีบนโต๊ะพลันไล่คนออกไปหลิงหว่านยังมิได้ออกเรือน เห็นสตรีการคลอดบุตรเป็นครั้งแรก พอฟังเสียงร้องโหยหวนของหญิงสาวก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก“หว่านเอ๋อร์ เจ้าไปต้มน้ำร้อน! ดูว่ายังมีที่ไหนอยู่ได้ชั่วคราวหาที่พักให้นางผู้นี้!”หลิงอวี๋ดูหลิงอวี๋ช่วยไม่ได้จึงกำชับหลิงอวี๋รีบออกไปเรียกสามีกับแม่สามีนางช่วยต้มน้ำหลิงอวี๋ตรวจหัวใจของสตรีเต้นช้าลง ทารกในครรภ์ก็อ่อนลงเช่นกันหลิงอวี๋ตรวจสอบสักพัก ตำแหน่งทารกยังปกติ คาดว่าสตรีเป็นเกษตรกรโดยพื้นฐานร่างกายทำงานใช้แรงเป็นนิตย์นางหยิบยาบำรุงหัวใจฉีดให้สตรี“เจ้าให้ความร่วมมือข้าดี ๆ ข้าจะทำคลอดลูกเจ้าราบรื่นแน่!”หลิงอวี๋เห็นสตรีลืมตาจับจ้องตน จึงกล่าวปลอบ“มา หายใจเข้า… ลึก ๆ… เบ่ง! ”สตรีผู้นั้นเห็นหน้าสวย ๆ ของหลิงอวี๋เผยรอยยิ้มต่อตน รอยยิ้มนั้นทำสงบลงมากโขนางหายใจลึก ๆ ตามหลิงอวี๋โดยไม่รู้ตัว“ดี ออกแรง… เห็นหัวทารกแล้ว! เรือนผมช่างดำนัก!”หลิงอวี๋ให้กำลังใจสตรีออกแรงครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับเสียงตื่นเต้นของหลิงอวี๋“ครั้งสุดท้าย ใช้แรงทั้งหมดของเจ้าเบ่งเสีย…”แม้แต่หลิงซวนกลั้นหายใจตึ
“แม่นางหลิงกับพี่ ๆ ทุกท่านมากินอะไรสักหน่อย!”มารดาของหลี่ชุงป้าหลี่ตามมาแล้วเช่นกัน ต้มโจ๊กหม้อใหญ่กับหลิงซินและทำแป้งทอดเล็กน้อยส่งเข้ามาหลิงอวี๋กล่าวทัก “หว่านเอ๋อร์ หลิซวนรีบกินเถอะ เราต้องไปศาลหลักเมืองตรวจดูทางนั้นอีกว่ามีคนเจ็บให้รักษาหรือไม่!”หลิงหว่านจึงยันขึ้น เหล่าคนพอกินตะกละตะกลามเสร็จ เหลือหลี่ชุงกับหมอเลี่ยวไว้ดูแลคนเจ็บก็เดินออกไปแล้วเพลิงไหม้กว่าครึ่งมอดไปแล้ว แต่ยังมีควันหนาทึบลอยอยู่บนอากาศพร้อมขี้เถ้าจากการเผาไหม้แผ่ตามกันมา ทำให้เขตพื้นที่ผืนนี้ดูเปลี่ยวร้างยิ่งทั่วหัวระแหงบนถนนหลักมีขยะที่เหล่าผู้ลี้ภัยทิ้งไว้ แถมมีรถม้าที่โดนปล่อยทิ้งหลิงอวี๋กำลังคิดพาพวกหลิงหว่านไปศาลหลักเมืองพลันเห็นผู้ลี้ภัยรวมตัวกันเป็นกลุ่มทะลักไปทางประตูเมืองผู้ลี้ภัยเหล่านั้นถือตะบองอย่างฮึกเหิม เดินพลางพูดไปด่าไปเกิดเรื่องอะไรขึ้น?หลิงอวี๋กำลังขบคิดก็ได้ยินคนกล่าวด่า“ท่านอ๋องอี้กับแม่ทัพเฉินสมควรรับผิดชอบอัคคีภัยครั้งนี้ พวกเขาดับไฟไม่ทันกาลทำให้พวกเราไร้บ้านกลับ!”“เรือนข้าถูกเผายับแล้ว สินค้าปักทอมากมายในร้านล้วนเสียสิ้น ภายหน้าข้าจักพึ่งกระไรอยู่รอด!”“ใช่แล้ว เรื
จ้าวซวนยังพูดไม่จบ หวางต้าหู้ก็ตะโกนเรียกขัดคำพูดเขาแล้ว“ทุกคนอย่าไปฟังเขา! พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน! แน่นอนว่าช่วยพูดให้คนของตนเอง!”“ท่านอ๋องอี้ แม่ทัพเฉิน ร้านของตระกูลกวนเผายับเยอะเพียงนี้ ร้านทองล้วนถูกคนปล้นไม่เหลือ!”“หรือว่ามิใช่ความผิดพวกท่านขณะไฟไหม้ปล่อยให้คนปล้น!”“ชดใช้ค่าเสียหาย! หากวันนี้ไม่ชดใช้ให้เราก็อย่าหาว่าเราไม่เกรงใจ!”เซียวหลินเทียนมุ่นคิ้ว สายตามองทางหวางต้าหู้ดุดันกวนอิ่งข่มเสียงเรียกเช่นกัน “เซียวหลินเทียน ท่านพึ่งว่าตนเป็นอ๋องเลยไม่สนใจความเป็นความตายของราษฎร ทำร้ายผู้คุ้มกันห้าคนของตระกูลกวนถูกเผาในกองเพลิงทั้งเป็น!”“พวกเขาช่างน่าสงสารแม้ซากกระดูกล้วนหาไม่พบ หากวันนี้ท่านไร้คำอธิบาย พวกเราจักมิยอมจบกับท่าน!”“ท่านอ๋องนี้ ท่านคืนสามีให้ข้า…”สตรีสองคนภายในฝูงชนถลันออกมาขณะร่ำร้อง ครวญลั่นฟ้าโขกหัวสู่ดินกล่าวว่า“ทุกคนตัดสิน! สามีข้าพวกเขามีโอกาสวิ่งหนีเห็น ๆ!”“ล้วนเป็นเพราะท่านอ๋องอี้ปิดกั้นทาง พวกเขาจึงถูงเผาในกองเพลิงทั้งเป็น!”“ในเรือนพวกเรามีท่านแม่วัยแปดสิบปียันเด็กแบเบาะร้องกินนม หากไม่มีเสาหลักแล้วครอบครัวเราจะอยู่เช่นไร!”ครั้นถูกพวกจ้า
“ร้านค้าตระกูลกวนอยู่ทางแยกของประตูใหญ่บูรพา! หวางต้าหู้คนนี้เป็นเถ้าแก่ของตระกูลกวน!”เซียวหลินเทียนตะโกนเสียงดัง “เมื่อคืนคนที่หนีเอาตัวรอดผ่านทางแยกประตูใหญ่บูรพา ต่างต้องเห็นรถม้าหลายคันของตระกูลพวกเขาขวางอยู่ทางแยก!”“พวกเขากำลังทำอะไร? พวกเขาพยายามเก็บทรัพย์สมบัติ ก็ไม่มีกระไรผิดปกติหรอก!”“ทว่าคนข้างหลังที่ไร้ทางหนีตายถูกพวกเขาขวางไว้ บัดนี้จิตใจพวกเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”พอเซียวหลินเทียนนึกถึงฉากหวาดเสียวในยามนั้นก็สิ้นวิธีควบคุมความโกรธของตนเขาตวาดว่า “ตัวข้าสั่งให้ทหารบังคับรถม้าไปจริง!”“พวกเจ้าคนด้านหลังที่หนีออกมาต่างควรรู้ว่าถ้าตัวข้าไม่ทำเช่นนี้ พวกเจ้าจะต้องตายในทะเลเพลิง!”“ตัวข้าไม่ต้องการความซาบซึ้งที่ข้าช่วยชีวิตพวกเจ้า! แต่เวลาเช่นนี้กลับช่วยคนชั่วทำชั่ว พวกเจ้ามิกลัวหัวใจคนที่ช่วยพวกเจ้าเย็นชารึ?”เซียวหลินเทียนยิ่งเอ่ยเสียงยิ่งดังขึ้น เขาชี้ยังทหารบาดเจ็บหลายนายพลางตะโกน“ดูทหารเหล่านี้ พวกเขาก็เช่นพวกเจ้ามีพ่อแม่มีลูกเหมือนกันและเป็นกายเนื้อ”“พวกเจ้ารับบาดเจ็บก็ได้นอนพักผ่อน!”“พวกเขาเล่า? พวกเขาบาดเจ็บก็สร้างเพิงหลบภัยให้พวกเจ้าได้มีแหล่งหลบภัย!”“ใจ
เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินสิ่งนี้ก็ยิ้มหยัน “คำพูดของคุณหนูใหญ่กวนงี่เง่าไร้เหตุผลแล้ว!”“ตัวข้ามิได้ก่อเพลิงใส่พวกเจ้า! ข้าคิดว่าทุกคนไร้เรือนกลับจึงช่วยสุดกำลังเท่าที่ทำได้!”“ชาวเมืองทั้งหลาย ราชสำนักจักจัดสรรเงินช่วยทุกคนร่วมฝ่าวิกฤต! แต่พวกเราก็มิอาจรอการสงเคราะห์จากราชสำนักที่เดียวได้!”เซียวหลินเทียนพูดฮึกเหิม “แคว้นโดยรอบยังจ้องฉินตะวันตกตาเป็นมัน ทุกคนควรคำนึงถึงความลำบากของราชสำนัก!”“ตัวข้าบริจาคเงินหนึ่งล้านตำลึง คาดหวังทุกคนที่มีกำลังบริจาคเงินช่วยเหล่าชาวเมืองสร้างบ้านเกิดเมืองนอนขึ้นใหม่!”“ส่วนผู้ที่ไม่มีเงินก็ออกแรงช่วย พวกเรามีกำลังเท่าไรก็สนับสนุนกำลังเท่านั้น!”กวนอิ่งยิ้มหยันกล่าวขัดเซียวหลินเทียน “ทุกคนอย่าฟังเขา! เขาแค่อยากปฏิเสธความรับผิดชอบให้พวกเจ้าออกเงินออกแรง!”เซียวหลินเทียนโกรธตะโกนสะเทือนฟ้า “คุณหนูใหญ่กวนจงใจหาเรื่องหรือไม่? เจ้าทนดูทุกคนได้ดิบได้ดีมิได้? ไม่อยากให้ทุกคนสร้างเรือนใหม่ได้ในเร็ววันหรือไร?”“คนมากหลายที่นี่ต่างเคยซื้อของร้านเจ้าใช่หรือไม่? พวกเขาทำเงินกำไรอักโขให้ตระกูลกวนของเจ้า!”“เหตุใดเล่า? ครั้นทุกคนตกทุกข์ได้ยาก ตระกูลกวนของเ
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของทุกคนค่อย ๆ สงบลง หลิงอวี๋ก็รีบให้หลิงซินกลับไปให้เกิ่งเสี่ยวหาวช่วยส่งอาหารมา และให้ส่งพ่อครัวอีกสองสามคนไปทำโจ๊กให้ทุกคนเซียวหลินเทียนก็ถือโอกาสตีเหล็กตอนร้อนเช่นกัน เรียกร้องให้ครอบครัวที่มีกำลังแรงงานส่งคนออกไปช่วยทหารสร้างที่เพิงหลบภัยหลิงหว่านเห็นว่าคนจำนวนมากมิได้นำสัมภาระมามากนักเพราะการหนีโกลาหลนางจึงตะโกน “พี่หลิงหลิง ข้ากลับก่อน จักหาพวกอันซินให้ไปเก็บพวกเครื่องนอนของใช้ประจำวันให้คนส่งมา!”“ดีเลย!” หลิงอวี๋เห็นว่าหลิงหว่านรู้ความเช่นนี้ จึงให้ลู่หนานหาองครักษ์ส่งหลิงหว่านกลับไปส่วนหลิงอวี๋กับหลิงซวนไปรักษาผู้บาดเจ็บต่อยาของโรงเหยียนหลิงนั้นเกิ่งเสี่ยวหาวให้คนส่งมาที่ศาลหลักเมือง ทุกคนที่มีแผลไหม้ก็ได้รับยาทากัน ทุกคนต่างแสดงความขอบคุณต่อหลิงอวี๋กระทั่งอาหารและผักของเกิ่งเสี่ยวหาวส่งมาถึง เหล่าสตรีบางส่วนก็เข้ามาช่วยทำข้าวปลาอาหารช่วงเวลานั้น ทางศาลหลักเมืองเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นกระทั่งสร้างที่หลบภัยเสร็จ แม่ทัพเฉินก็ไม่สนใจเรื่องพักผ่อน แล้วทำการแจกแจงให้แต่ละครอบครัวตามจำนวนคนจากเดิมที่เป็นศาลหลักเมืองที่วุ่นวาย หลังจากที่ทุกคนย้
ครั้นเห็นว่าอารมณ์ของผู้ประสบภัยมั่นคงแล้ว ท่านอ๋องเฉิงกับหลี่ว์เซียงจึงกลับวังไปรายงานองค์จักรพรรดิเซียวหลินเทียนไปบอกหลิงอวี๋กับแม่ทัพเฉิน จากนั้นจึงนำรายชื่อบริจาคที่แม่ทัพเฉินบันทึกไว้เรียบร้อย แล้วตามพวกเขากลับวังจักรพรรดิอู่อันกำลังเตรียมจะรับประทานอาหารกลางวัน นอกจากพระชายาเส้ากับฮองเฮาเว่ยแล้ว ก็ยังมีองค์ชายอีกหลายพระองค์อยู่ด้วยเมื่อเห็นรายชื่อบริจาคที่เซียวหลินเทียนนำมา จักรพรรดิอู่อันก็มีความสุขมาก และกล่าวชมต่อหน้าองค์ชายทั้งหลาย“ดี… ดียิ่ง… เรื่องนี้องค์ชายสี่ทำได้ดีมาก!”“สร้างความอุ่นใจให้กับราษฎร ทั้งยังช่วยราชสำนักแก้ปัญหาเรื่องทุนการสร้างฟื้นฟูอีกส่วนหนึ่งด้วย! เรื่องนี้ทำได้ดีจริง ๆ!”จักรพรรดิอู่อันเห็นเซียวหลินเทียนบริจาคเงินเองด้วยหนึ่งล้านก็หรี่ตาลงพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“องค์ชายสี่บริจาคเงินด้วยตัวเองหนึ่งล้าน นี่ก็เอาเงินออมส่วนใหญ่ออกมาเลยกระมัง?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเก้อเขิน “ขอตอบเสด็จพ่อ นี่คือรางวัลจากเสด็จพ่อที่กระหม่อมสะสมไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมมิมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้เงิน เมื่อคิดว่าเงินคลังมีอยู่จำกัด หากสามารถช
กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเจ้ากรมพระคลังและพวกหลี่ว์เซียงทำแผนการก่อสร้างฟื้นฟูออกมาก็พบกับองค์ชายเว่ยเซียวหลินเยี่ยนที่เตรียมจะออกจากวังเข้าพอดีองค์ชายเว่ยจ้องเซียวหลินเทียนอย่างอึมครึม“ช่วงนี้องค์ชายสี่สุขภาพแข็งแรงดียิ่ง! ทำงานหนักตลอดทั้งวันมิพักเลย!”“ข้าว่าเจ้าพักผ่อนอยู่ที่บ้านดีกว่าเถอะ!”“เนื่องสูญเสียขาไปก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่หากเสียชีวิตไปแล้วล่ะก็… เช่นนั้นจักมิมีที่ให้ร้องไห้หนา!”องค์ชายเว่ยเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มจอมปลอม การข่มขู่ในคำพูดนั้นเผยให้เห็นบนใบหน้าเซียวหลินเทียนสีหน้าเย็นชา พลางเอ่ยอย่างมีความหมาย“มีความพยายามที่จะกังวลในเรื่องนี้ได้ เสด็จพี่ไปกังวลเกี่ยวกับความสูญเสียของเหมืองไม่ดีกว่าหรือ!”“เจ้า...!”องค์ชายเว่ยจ้องเขาอย่างดุร้าย อยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่ถูกที่ปรึกษาหานหลินดึงตัวออกไปหานหลินกระซิบเตือน “องค์ชาย มิทรงฉุนเฉียวพ่ะย่ะค่ะ!”“แม้ว่าท่านอ๋องอี้จะได้รับงานใหญ่ขั้นนี้ แต่จักทำต่อได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความปรารถนาขององค์ชายมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”องค์ชายเว่ยยิ้มร้าย มองหานหลิน “เรื่องนี้ข้าฝากให้เจ้าไปจัดการ…”“คราวที่แล้วเจ้าคนพิการนี่ก็ทำข