หลิงอวี๋โกรธจนยืนขึ้นเร็วพลัน“ท่านพ่อ ถ้ามือท่านมีแผลเปิดก็ต้องใช้เวลาหลายวันหาย!”“ท่านปู่ล้มขาหัก ท่านคิดว่าข้าเป็นเทพเซียนเป่าลมหายใจเซียนก็ทำท่านปู่กระโดดโลดเต้นได้หรือ?”ครั้นหวางซือเห็นหลิงอวี๋โมโหเลยมองค้อนหลิงเสียงเซิง รีบกล่าวปลอบ“อาอวี๋ พ่อเจ้าก็เป็นห่วงท่านปู่เจ้าเหมือนกัน กลัวเขาทุกข์ใจ! เลยใจร้อน!”“ถูก ถูกต้อง พ่อมิอยากให้ท่านปู่เจ้าทุกข์ใจ!”หลิงเสียงเซิงมองหลิงอวี๋เอาอกเอาใจ “เจ้าก็ลองคิดวิธีดูเถิด!”“ไม่มีวิธี! ลงเตียงได้ในยี่สิบวันเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวเหลืออด “หากท่านพ่อไม่มีธุระอื่น ข้าขอไปพักแล้ว!”หัวใจหลิงเสียงเซิงอ้างว้าง หรือว่าต้องดูท่านอดีตเสนาบดีสูญเสียตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ตาปริบ ๆ งั้นหรือ?นี่คือการโจมตีหนักหน่วงทั้งครอบครัวพวกเขา!พอหวางซือเห็นหลิงอวี๋หมายไปพลันดึงหลิงเสียงเซิงไว้หลิงเสียงเซิงราวเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคว้าหลิงอวี๋ไว้“อาอวี๋ เจ้าคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของไทเฮากับท่านอ๋องเฉิงมิใช่หรือ?”“เจ้าทวงบุญคุณไทเฮาแนะนำหลิงเฟิงน้องชายเจ้าไปรับตำแหน่งราชการกรมกลาโหมเถอะ!”“อาอวี๋ แผลของท่านปู่เจ้ามิหายเร็ว ๆ นี้”“ตำแห
หลิงอวี๋กลับถึงลานเรือนที่ตนเคยอยู่มาก่อน ป้าสะใภ้ใหญ่ให้คนทำความสะอาดเรียบร้อย หลิงซวนกำลังเก็บกวาดหอนอนกับหลิงซินหลิงหว่านกำลังหยอกเล่นหลิงเยวี่ยเมื่อหลิงเยวี่ยเห็นหลิงอวี๋ก็เอากล่องหนึ่งให้ดูพลางพูดอวด“ท่านแม่ ท่านดูสิ ท่านยายมอบของขวัญพบหน้าข้า!”เมื่อหลิงอวี๋มองด้านในกล่องมีกุญแจเงินอายุยืนประดิษฐ์เงินหนึ่งชุด ยังมีกระบี่สั้นงานประณีตหลิงหว่านกล่าวยิ้ม ๆ “กระบี่สั้นนี้เป็นของขวัญสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ท่านปู่มอบให้พ่อข้าตอนอายุสิบห้าปี!”“พี่ข้าขอกับแม่ข้าหลายหนแล้ว แม่ข้าล้วนหักใจให้เขาไม่ลง!”พี่ชายของหลิงหว่านคือหลิงเซียว ลูกชายแท้ ๆ ของป้าสะใภ้ใหญ่เมื่อหลิงอวี๋ได้ฟังก็แปลกใจนัก ของขวัญนี่ล้ำค่าถึงเพียงนี้!นี่ป้าสะใภ้ใหญ่ช่างรักเอ็นดูหลิงเยวี่ยจริง ๆ ถึงมอบของขวัญเช่นนี้ให้หลิงเสียงเซิงกับหวางซือมีศักดิ์เป็นตายายของหลิงเยวี่ย เมื่อครู่นอกจากบ่นเรื่องแซ่หลิงของหลิงเยวี่ย แม้แต่รากหญ้าล้วนไม่คิดให้หลิงเยวี่ยด้วยซ้ำของขวัญไม่สำคัญ แต่อยู่ที่น้ำใจ!เปรียบเทียบความเมินเฉยของครอบครัวหลิงเสียงเซิงกับป้าสะใภ้ใหญ่ ชัดเจนแล้วว่าผู้ใดคือคนกันเอง!หลิงอวี๋มองหลิงหว่านซาบ
รถม้าของปี้ไห่เฟิงเดินหน้าต่อ หลิงอวี๋กับหลิงหว่านเห็นควันทึบคลุ้งเหนือประตูใหญ่บูรพาแล้ว เพลิงไฟสะท้อนครึ่งนภาเป็นสีแดง“ตะเถร! นั่นเผาไปกี่เรือนแล้ว!”หลิงหว่านโตมาขนาดนี้เห็นไฟรุนแรงเช่นนี้เป็นครั้งแรกพลางตกใจจนคว้าแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น“ท่านพี่ นั่นเผาคนตายไปกี่มากมายแล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวปลอบขวัญ “โชคดีที่ไฟมิใช่เกิดขึ้นกลางดึก ยามนี้ผู้คนล้วนยังมิได้เข้านอน หากเกิดไฟไหม้บางคนก็หนีออกมา!”สีหน้าหลิงซวนยินดี “อาจารย์พูดถูก โชคดีที่ไม่ไหม้กลางดึก มิฉะนั้นคนมากโขจักถูกเผาตายขณะหลับฝันเจ้าค่ะ!”รถม้าแล่นไประยะหนึ่ง ถนนก็ถูกคนลี้ภัยกับคนดับเพลิงตันจนน้ำหยดเดียวก็ลอดไม่ได้“พวกเราลงรถเดิน!”ครั้นหลิงอวี๋มองเหตุการณ์ยุ่งเหยิงนี้ จึงรีบดึงหลิงซวนกับหลิงหว่านลงรถหลิงหว่านเห็นคนลี้ภัยบางคนกำลังแบกกระเป๋าหลายใบหนีไป ต่างสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ผู้ลี้ภัยบางคนกำลังวิ่งเท้าเปล่าไม่สนใจสวมรองเท้า“หลิงหว่าน ตามข้าห้ามแตกแถว!”หลิงอวี๋หันกลับเห็นหลิงหว่านกำลังมองเด๋อด๋า รีบวิ่งมาคว้านางไว้“ยามอลหม่านเช่นนี้ กระไรก็เกิดขึ้นได้ เจ้าต้องรับรองความปลอดภัยของตัวเองก่อนถึงช่วยคนได้!”หลิงอวี๋
เดิมทีเป็นร้านของตระกูลกวน มิแปลกใจเลยที่ลำพองขนาดนี้!แม่ทัพเฉินมองไฟไหม้มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ปล่อยคนลี้ภัยเหล่านี้อีก เขาก็มิกล้าจินตนาการถึงความสูญเสียทั้งมวลแม่ทัพเฉินกระทืบเท้าร้อนรน มองทางเซียวหลินเทียน“ท่านอ๋อง ควรทำเช่นไรดี หากไม่อพยพฝูงชนอีก คนพวกนั้นจักตายกันหมดพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋มองทางเซียวหลินเทียนร้อนใจเช่นกันเซียวหลินเทียนหน้ามืดลง ตะโกนเดือดดาล“แม่ทัพเฉิน ส่งทหารไปบังคับรถม้าไปแล้วกล่าวว่าเป็นคำสั่งของตัวข้า!”“หากเอะอะโวยวายก็ให้พวกเขาว่ากันทีหลัง! ผู้ใดกล้าขัดขวาง ฆ่าอย่างไร้ปรานี!”เมื่อแม่ทัพเฉินได้ยินก็มีเสาหลักแล้วพลางพาทหารกลับสู่การสู้รบทันที“จ้าวซวน เจ้าไปช่วยเสีย!”จ้าวซวนรีบพาองครักษ์หลายคนทะยานไปหลิงอวี๋พลันเห็นทหารเหล่านั้นพุ่งไป ไม่สนการกีดกันข้ารับใช้ของร้านหวางต้าหู้พลางบังคับรถม้าไปแต่ก็ไม่รู้ว่าใช้รถม้าแบกน้ำหนักเกินไปหรือไม่ มีรถม้าคันหนึ่งเพิ่งแล่นไปมิไกลก็พังทลายลงเงินทองอาภรณ์จำนวนมากกลิ้งออกจากรถม้า เมื่อคนลี้ภัยด้านหลังเหล่านั้นเห็นก็เข้ามารุมรีบเก็บทรัพย์สมบัติโกลาหลเมื่อจ้าวซวนเห็นว่าทางแยกที่ถูกขจัดอย่างยากลำบากได้ตันอี
แต่ในช่วงสั้น ๆ หวางต้าหู้ก็เรียกขึ้นอย่างลำพองต่อ“ท่านอ๋องอี้ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทำลายทรัพย์สมบัติมากมายของตระกูลกวนเสียหาย เราจะฟ้องร้องท่านแน่!”“ท่านต้องชดใช้ให้ตระกูลกวน!”ลู่หนานฟังเสียงร้องสังเวชของข้ารับใช้เหล่านั้นพลางมองหวางต้าหู้ที่หมกมุ่นแต่ทรัพย์สมบัติท่าทางเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ต่อข้ารับใช้ที่ตายเปล่าเหล่านั้นโดยสิ้นเชิงเขาโกรธจนชักดาบออกตะโกนลั่น“ไม่รีบหนีเอาตัวรอดยังสร้างความยุ่งยาก ข้าจักเสี่ยงตายฆ่าเจ้าก่อนไอ้ชั่ว!”หวางต้าหู้ตกใจสะดุ้ง เมื่อเห็นหลู่ชิ่งและองครักษ์สองสามคนชักดาบด้วยท่าทีมาประชิดตนด้วยรูปลักษณ์ดุร้ายพรั่นพรึงเขาไม่กล้าด่าอีกพลางพาข้ารับใช้กับครอบครัวตนหนีภัยไปข้างหน้าต่ออย่างเศร้าซึมแม่ทัพเฉินพาทหารของตนวิ่งมา หน้าผมของเขาเปรอะฝุ่น เสื้อคลุมขุนนางบนร่างถูกไฟไหม้จนขาดรุ่งริ่ง“ท่านอ๋อง สถานการณ์ไฟหนักเกินไปไร้ทางช่วย! ควรทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”ขณะนี้เอง ราชองครักษ์ผางพากองทัพหลวงรุดมาดับไฟตามพระราชโองการจักรพรรดิแล้ว เขาเห็นไฟหนาแน่นเช่นนี้ก็ตะลึงปากอ้าตาค้างเหมือนกัน“เซียวหลินเทียน หากไหม้อย่างนี้จะลุกลามทวีขึ้นอีกพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋สัง
ลานขนาดใหญ่ที่มุมประตูเมืองมีทหารยามประจำการด้านในห้องถูกรื้อเละเทะ ไม่รู้ว่าเป็นผู้ลี้ภัยโจรกรรมขณะเพลิงไหม้หรือมีเหตุผลอะไรอื่น“หลิงซวน จุดตะเกียงน้ำมัน!”หลิงอวี๋เห็นมีโต๊ะยาวในห้องก็กวาดสิ่งของตรงหน้าทุกอย่างลงพื้น ให้ฉินซานวางดรุณีลงบนโต๊ะ“ยังต้องการของอันใด ข้าจักไปหา!”ฉินซานช่วยหลิงซวนหาตะเกียงน้ำมันสองสามดวงแล้วจุดไฟทั้งหมด“ฉินซาน นางรับใช้ของข้าหลิงซินไปหาคนส่งเครื่องยาแล้ว เจ้าอยู่ปากประตูเมืองช่วยข้าดูพวกเขามาก็ให้พวกเขาขนเครื่องยามานี่!”“พ่อแม่ของดรุณีผู้นี้ไม่รู้ว่าก็ตามหานางอยู่หรือไม่ เจ้าจับตาดูหน่อย!”หลิงอวี๋ถอดเสื้อผ้าดรุณีพลางเอ่ยกำชับ“แล้วก็ หากมีคนเจ็บต้องการรักษาด่วน เจ้าก็ส่งพวกเขามานี่เถอะ!”“ขอรับ!” ด้านนอกฉินซานยังจำต้องดูแลก็รีบร้อนไปแล้ว“หลิงหว่าน ดูว่ามีน้ำหรือไม่ หาน้ำมาให้หน่อย!”หลิงอวี๋กล่าวสั่ง “หาผ้าสะอาด ๆ สักสองสามผืนด้วย!”“เจ้าค่ะ!” หลิงหว่านดูสถานการณ์คับขันก็รีบไปหาหลิงอวี๋เห็นมีตู้ขนาดใหญ่อยู่ในห้อง นางรีบวิ่งไปหลังตู้พลันแฉลบกายเข้ามิตินางรีบคว้ากระเป๋าเครื่องยาฉุกเฉินใบใหญ่และผ้าพันแผลเป็นต้นพลันรุดออกมา แสร้งทำรื้อห
“พวกเจ้าออกไปก่อน!”หลิงอวี๋กับหลิงซวนวางสตรีบนโต๊ะพลันไล่คนออกไปหลิงหว่านยังมิได้ออกเรือน เห็นสตรีการคลอดบุตรเป็นครั้งแรก พอฟังเสียงร้องโหยหวนของหญิงสาวก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก“หว่านเอ๋อร์ เจ้าไปต้มน้ำร้อน! ดูว่ายังมีที่ไหนอยู่ได้ชั่วคราวหาที่พักให้นางผู้นี้!”หลิงอวี๋ดูหลิงอวี๋ช่วยไม่ได้จึงกำชับหลิงอวี๋รีบออกไปเรียกสามีกับแม่สามีนางช่วยต้มน้ำหลิงอวี๋ตรวจหัวใจของสตรีเต้นช้าลง ทารกในครรภ์ก็อ่อนลงเช่นกันหลิงอวี๋ตรวจสอบสักพัก ตำแหน่งทารกยังปกติ คาดว่าสตรีเป็นเกษตรกรโดยพื้นฐานร่างกายทำงานใช้แรงเป็นนิตย์นางหยิบยาบำรุงหัวใจฉีดให้สตรี“เจ้าให้ความร่วมมือข้าดี ๆ ข้าจะทำคลอดลูกเจ้าราบรื่นแน่!”หลิงอวี๋เห็นสตรีลืมตาจับจ้องตน จึงกล่าวปลอบ“มา หายใจเข้า… ลึก ๆ… เบ่ง! ”สตรีผู้นั้นเห็นหน้าสวย ๆ ของหลิงอวี๋เผยรอยยิ้มต่อตน รอยยิ้มนั้นทำสงบลงมากโขนางหายใจลึก ๆ ตามหลิงอวี๋โดยไม่รู้ตัว“ดี ออกแรง… เห็นหัวทารกแล้ว! เรือนผมช่างดำนัก!”หลิงอวี๋ให้กำลังใจสตรีออกแรงครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับเสียงตื่นเต้นของหลิงอวี๋“ครั้งสุดท้าย ใช้แรงทั้งหมดของเจ้าเบ่งเสีย…”แม้แต่หลิงซวนกลั้นหายใจตึ
“แม่นางหลิงกับพี่ ๆ ทุกท่านมากินอะไรสักหน่อย!”มารดาของหลี่ชุงป้าหลี่ตามมาแล้วเช่นกัน ต้มโจ๊กหม้อใหญ่กับหลิงซินและทำแป้งทอดเล็กน้อยส่งเข้ามาหลิงอวี๋กล่าวทัก “หว่านเอ๋อร์ หลิซวนรีบกินเถอะ เราต้องไปศาลหลักเมืองตรวจดูทางนั้นอีกว่ามีคนเจ็บให้รักษาหรือไม่!”หลิงหว่านจึงยันขึ้น เหล่าคนพอกินตะกละตะกลามเสร็จ เหลือหลี่ชุงกับหมอเลี่ยวไว้ดูแลคนเจ็บก็เดินออกไปแล้วเพลิงไหม้กว่าครึ่งมอดไปแล้ว แต่ยังมีควันหนาทึบลอยอยู่บนอากาศพร้อมขี้เถ้าจากการเผาไหม้แผ่ตามกันมา ทำให้เขตพื้นที่ผืนนี้ดูเปลี่ยวร้างยิ่งทั่วหัวระแหงบนถนนหลักมีขยะที่เหล่าผู้ลี้ภัยทิ้งไว้ แถมมีรถม้าที่โดนปล่อยทิ้งหลิงอวี๋กำลังคิดพาพวกหลิงหว่านไปศาลหลักเมืองพลันเห็นผู้ลี้ภัยรวมตัวกันเป็นกลุ่มทะลักไปทางประตูเมืองผู้ลี้ภัยเหล่านั้นถือตะบองอย่างฮึกเหิม เดินพลางพูดไปด่าไปเกิดเรื่องอะไรขึ้น?หลิงอวี๋กำลังขบคิดก็ได้ยินคนกล่าวด่า“ท่านอ๋องอี้กับแม่ทัพเฉินสมควรรับผิดชอบอัคคีภัยครั้งนี้ พวกเขาดับไฟไม่ทันกาลทำให้พวกเราไร้บ้านกลับ!”“เรือนข้าถูกเผายับแล้ว สินค้าปักทอมากมายในร้านล้วนเสียสิ้น ภายหน้าข้าจักพึ่งกระไรอยู่รอด!”“ใช่แล้ว เรื
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต