หลิงอวี๋โกรธจนยืนขึ้นเร็วพลัน“ท่านพ่อ ถ้ามือท่านมีแผลเปิดก็ต้องใช้เวลาหลายวันหาย!”“ท่านปู่ล้มขาหัก ท่านคิดว่าข้าเป็นเทพเซียนเป่าลมหายใจเซียนก็ทำท่านปู่กระโดดโลดเต้นได้หรือ?”ครั้นหวางซือเห็นหลิงอวี๋โมโหเลยมองค้อนหลิงเสียงเซิง รีบกล่าวปลอบ“อาอวี๋ พ่อเจ้าก็เป็นห่วงท่านปู่เจ้าเหมือนกัน กลัวเขาทุกข์ใจ! เลยใจร้อน!”“ถูก ถูกต้อง พ่อมิอยากให้ท่านปู่เจ้าทุกข์ใจ!”หลิงเสียงเซิงมองหลิงอวี๋เอาอกเอาใจ “เจ้าก็ลองคิดวิธีดูเถิด!”“ไม่มีวิธี! ลงเตียงได้ในยี่สิบวันเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวเหลืออด “หากท่านพ่อไม่มีธุระอื่น ข้าขอไปพักแล้ว!”หัวใจหลิงเสียงเซิงอ้างว้าง หรือว่าต้องดูท่านอดีตเสนาบดีสูญเสียตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ตาปริบ ๆ งั้นหรือ?นี่คือการโจมตีหนักหน่วงทั้งครอบครัวพวกเขา!พอหวางซือเห็นหลิงอวี๋หมายไปพลันดึงหลิงเสียงเซิงไว้หลิงเสียงเซิงราวเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคว้าหลิงอวี๋ไว้“อาอวี๋ เจ้าคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของไทเฮากับท่านอ๋องเฉิงมิใช่หรือ?”“เจ้าทวงบุญคุณไทเฮาแนะนำหลิงเฟิงน้องชายเจ้าไปรับตำแหน่งราชการกรมกลาโหมเถอะ!”“อาอวี๋ แผลของท่านปู่เจ้ามิหายเร็ว ๆ นี้”“ตำแห
หลิงอวี๋กลับถึงลานเรือนที่ตนเคยอยู่มาก่อน ป้าสะใภ้ใหญ่ให้คนทำความสะอาดเรียบร้อย หลิงซวนกำลังเก็บกวาดหอนอนกับหลิงซินหลิงหว่านกำลังหยอกเล่นหลิงเยวี่ยเมื่อหลิงเยวี่ยเห็นหลิงอวี๋ก็เอากล่องหนึ่งให้ดูพลางพูดอวด“ท่านแม่ ท่านดูสิ ท่านยายมอบของขวัญพบหน้าข้า!”เมื่อหลิงอวี๋มองด้านในกล่องมีกุญแจเงินอายุยืนประดิษฐ์เงินหนึ่งชุด ยังมีกระบี่สั้นงานประณีตหลิงหว่านกล่าวยิ้ม ๆ “กระบี่สั้นนี้เป็นของขวัญสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ท่านปู่มอบให้พ่อข้าตอนอายุสิบห้าปี!”“พี่ข้าขอกับแม่ข้าหลายหนแล้ว แม่ข้าล้วนหักใจให้เขาไม่ลง!”พี่ชายของหลิงหว่านคือหลิงเซียว ลูกชายแท้ ๆ ของป้าสะใภ้ใหญ่เมื่อหลิงอวี๋ได้ฟังก็แปลกใจนัก ของขวัญนี่ล้ำค่าถึงเพียงนี้!นี่ป้าสะใภ้ใหญ่ช่างรักเอ็นดูหลิงเยวี่ยจริง ๆ ถึงมอบของขวัญเช่นนี้ให้หลิงเสียงเซิงกับหวางซือมีศักดิ์เป็นตายายของหลิงเยวี่ย เมื่อครู่นอกจากบ่นเรื่องแซ่หลิงของหลิงเยวี่ย แม้แต่รากหญ้าล้วนไม่คิดให้หลิงเยวี่ยด้วยซ้ำของขวัญไม่สำคัญ แต่อยู่ที่น้ำใจ!เปรียบเทียบความเมินเฉยของครอบครัวหลิงเสียงเซิงกับป้าสะใภ้ใหญ่ ชัดเจนแล้วว่าผู้ใดคือคนกันเอง!หลิงอวี๋มองหลิงหว่านซาบ
รถม้าของปี้ไห่เฟิงเดินหน้าต่อ หลิงอวี๋กับหลิงหว่านเห็นควันทึบคลุ้งเหนือประตูใหญ่บูรพาแล้ว เพลิงไฟสะท้อนครึ่งนภาเป็นสีแดง“ตะเถร! นั่นเผาไปกี่เรือนแล้ว!”หลิงหว่านโตมาขนาดนี้เห็นไฟรุนแรงเช่นนี้เป็นครั้งแรกพลางตกใจจนคว้าแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น“ท่านพี่ นั่นเผาคนตายไปกี่มากมายแล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวปลอบขวัญ “โชคดีที่ไฟมิใช่เกิดขึ้นกลางดึก ยามนี้ผู้คนล้วนยังมิได้เข้านอน หากเกิดไฟไหม้บางคนก็หนีออกมา!”สีหน้าหลิงซวนยินดี “อาจารย์พูดถูก โชคดีที่ไม่ไหม้กลางดึก มิฉะนั้นคนมากโขจักถูกเผาตายขณะหลับฝันเจ้าค่ะ!”รถม้าแล่นไประยะหนึ่ง ถนนก็ถูกคนลี้ภัยกับคนดับเพลิงตันจนน้ำหยดเดียวก็ลอดไม่ได้“พวกเราลงรถเดิน!”ครั้นหลิงอวี๋มองเหตุการณ์ยุ่งเหยิงนี้ จึงรีบดึงหลิงซวนกับหลิงหว่านลงรถหลิงหว่านเห็นคนลี้ภัยบางคนกำลังแบกกระเป๋าหลายใบหนีไป ต่างสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ผู้ลี้ภัยบางคนกำลังวิ่งเท้าเปล่าไม่สนใจสวมรองเท้า“หลิงหว่าน ตามข้าห้ามแตกแถว!”หลิงอวี๋หันกลับเห็นหลิงหว่านกำลังมองเด๋อด๋า รีบวิ่งมาคว้านางไว้“ยามอลหม่านเช่นนี้ กระไรก็เกิดขึ้นได้ เจ้าต้องรับรองความปลอดภัยของตัวเองก่อนถึงช่วยคนได้!”หลิงอวี๋
เดิมทีเป็นร้านของตระกูลกวน มิแปลกใจเลยที่ลำพองขนาดนี้!แม่ทัพเฉินมองไฟไหม้มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ปล่อยคนลี้ภัยเหล่านี้อีก เขาก็มิกล้าจินตนาการถึงความสูญเสียทั้งมวลแม่ทัพเฉินกระทืบเท้าร้อนรน มองทางเซียวหลินเทียน“ท่านอ๋อง ควรทำเช่นไรดี หากไม่อพยพฝูงชนอีก คนพวกนั้นจักตายกันหมดพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋มองทางเซียวหลินเทียนร้อนใจเช่นกันเซียวหลินเทียนหน้ามืดลง ตะโกนเดือดดาล“แม่ทัพเฉิน ส่งทหารไปบังคับรถม้าไปแล้วกล่าวว่าเป็นคำสั่งของตัวข้า!”“หากเอะอะโวยวายก็ให้พวกเขาว่ากันทีหลัง! ผู้ใดกล้าขัดขวาง ฆ่าอย่างไร้ปรานี!”เมื่อแม่ทัพเฉินได้ยินก็มีเสาหลักแล้วพลางพาทหารกลับสู่การสู้รบทันที“จ้าวซวน เจ้าไปช่วยเสีย!”จ้าวซวนรีบพาองครักษ์หลายคนทะยานไปหลิงอวี๋พลันเห็นทหารเหล่านั้นพุ่งไป ไม่สนการกีดกันข้ารับใช้ของร้านหวางต้าหู้พลางบังคับรถม้าไปแต่ก็ไม่รู้ว่าใช้รถม้าแบกน้ำหนักเกินไปหรือไม่ มีรถม้าคันหนึ่งเพิ่งแล่นไปมิไกลก็พังทลายลงเงินทองอาภรณ์จำนวนมากกลิ้งออกจากรถม้า เมื่อคนลี้ภัยด้านหลังเหล่านั้นเห็นก็เข้ามารุมรีบเก็บทรัพย์สมบัติโกลาหลเมื่อจ้าวซวนเห็นว่าทางแยกที่ถูกขจัดอย่างยากลำบากได้ตันอี
แต่ในช่วงสั้น ๆ หวางต้าหู้ก็เรียกขึ้นอย่างลำพองต่อ“ท่านอ๋องอี้ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทำลายทรัพย์สมบัติมากมายของตระกูลกวนเสียหาย เราจะฟ้องร้องท่านแน่!”“ท่านต้องชดใช้ให้ตระกูลกวน!”ลู่หนานฟังเสียงร้องสังเวชของข้ารับใช้เหล่านั้นพลางมองหวางต้าหู้ที่หมกมุ่นแต่ทรัพย์สมบัติท่าทางเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ต่อข้ารับใช้ที่ตายเปล่าเหล่านั้นโดยสิ้นเชิงเขาโกรธจนชักดาบออกตะโกนลั่น“ไม่รีบหนีเอาตัวรอดยังสร้างความยุ่งยาก ข้าจักเสี่ยงตายฆ่าเจ้าก่อนไอ้ชั่ว!”หวางต้าหู้ตกใจสะดุ้ง เมื่อเห็นหลู่ชิ่งและองครักษ์สองสามคนชักดาบด้วยท่าทีมาประชิดตนด้วยรูปลักษณ์ดุร้ายพรั่นพรึงเขาไม่กล้าด่าอีกพลางพาข้ารับใช้กับครอบครัวตนหนีภัยไปข้างหน้าต่ออย่างเศร้าซึมแม่ทัพเฉินพาทหารของตนวิ่งมา หน้าผมของเขาเปรอะฝุ่น เสื้อคลุมขุนนางบนร่างถูกไฟไหม้จนขาดรุ่งริ่ง“ท่านอ๋อง สถานการณ์ไฟหนักเกินไปไร้ทางช่วย! ควรทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”ขณะนี้เอง ราชองครักษ์ผางพากองทัพหลวงรุดมาดับไฟตามพระราชโองการจักรพรรดิแล้ว เขาเห็นไฟหนาแน่นเช่นนี้ก็ตะลึงปากอ้าตาค้างเหมือนกัน“เซียวหลินเทียน หากไหม้อย่างนี้จะลุกลามทวีขึ้นอีกพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋สัง
ลานขนาดใหญ่ที่มุมประตูเมืองมีทหารยามประจำการด้านในห้องถูกรื้อเละเทะ ไม่รู้ว่าเป็นผู้ลี้ภัยโจรกรรมขณะเพลิงไหม้หรือมีเหตุผลอะไรอื่น“หลิงซวน จุดตะเกียงน้ำมัน!”หลิงอวี๋เห็นมีโต๊ะยาวในห้องก็กวาดสิ่งของตรงหน้าทุกอย่างลงพื้น ให้ฉินซานวางดรุณีลงบนโต๊ะ“ยังต้องการของอันใด ข้าจักไปหา!”ฉินซานช่วยหลิงซวนหาตะเกียงน้ำมันสองสามดวงแล้วจุดไฟทั้งหมด“ฉินซาน นางรับใช้ของข้าหลิงซินไปหาคนส่งเครื่องยาแล้ว เจ้าอยู่ปากประตูเมืองช่วยข้าดูพวกเขามาก็ให้พวกเขาขนเครื่องยามานี่!”“พ่อแม่ของดรุณีผู้นี้ไม่รู้ว่าก็ตามหานางอยู่หรือไม่ เจ้าจับตาดูหน่อย!”หลิงอวี๋ถอดเสื้อผ้าดรุณีพลางเอ่ยกำชับ“แล้วก็ หากมีคนเจ็บต้องการรักษาด่วน เจ้าก็ส่งพวกเขามานี่เถอะ!”“ขอรับ!” ด้านนอกฉินซานยังจำต้องดูแลก็รีบร้อนไปแล้ว“หลิงหว่าน ดูว่ามีน้ำหรือไม่ หาน้ำมาให้หน่อย!”หลิงอวี๋กล่าวสั่ง “หาผ้าสะอาด ๆ สักสองสามผืนด้วย!”“เจ้าค่ะ!” หลิงหว่านดูสถานการณ์คับขันก็รีบไปหาหลิงอวี๋เห็นมีตู้ขนาดใหญ่อยู่ในห้อง นางรีบวิ่งไปหลังตู้พลันแฉลบกายเข้ามิตินางรีบคว้ากระเป๋าเครื่องยาฉุกเฉินใบใหญ่และผ้าพันแผลเป็นต้นพลันรุดออกมา แสร้งทำรื้อห
“พวกเจ้าออกไปก่อน!”หลิงอวี๋กับหลิงซวนวางสตรีบนโต๊ะพลันไล่คนออกไปหลิงหว่านยังมิได้ออกเรือน เห็นสตรีการคลอดบุตรเป็นครั้งแรก พอฟังเสียงร้องโหยหวนของหญิงสาวก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก“หว่านเอ๋อร์ เจ้าไปต้มน้ำร้อน! ดูว่ายังมีที่ไหนอยู่ได้ชั่วคราวหาที่พักให้นางผู้นี้!”หลิงอวี๋ดูหลิงอวี๋ช่วยไม่ได้จึงกำชับหลิงอวี๋รีบออกไปเรียกสามีกับแม่สามีนางช่วยต้มน้ำหลิงอวี๋ตรวจหัวใจของสตรีเต้นช้าลง ทารกในครรภ์ก็อ่อนลงเช่นกันหลิงอวี๋ตรวจสอบสักพัก ตำแหน่งทารกยังปกติ คาดว่าสตรีเป็นเกษตรกรโดยพื้นฐานร่างกายทำงานใช้แรงเป็นนิตย์นางหยิบยาบำรุงหัวใจฉีดให้สตรี“เจ้าให้ความร่วมมือข้าดี ๆ ข้าจะทำคลอดลูกเจ้าราบรื่นแน่!”หลิงอวี๋เห็นสตรีลืมตาจับจ้องตน จึงกล่าวปลอบ“มา หายใจเข้า… ลึก ๆ… เบ่ง! ”สตรีผู้นั้นเห็นหน้าสวย ๆ ของหลิงอวี๋เผยรอยยิ้มต่อตน รอยยิ้มนั้นทำสงบลงมากโขนางหายใจลึก ๆ ตามหลิงอวี๋โดยไม่รู้ตัว“ดี ออกแรง… เห็นหัวทารกแล้ว! เรือนผมช่างดำนัก!”หลิงอวี๋ให้กำลังใจสตรีออกแรงครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับเสียงตื่นเต้นของหลิงอวี๋“ครั้งสุดท้าย ใช้แรงทั้งหมดของเจ้าเบ่งเสีย…”แม้แต่หลิงซวนกลั้นหายใจตึ
“แม่นางหลิงกับพี่ ๆ ทุกท่านมากินอะไรสักหน่อย!”มารดาของหลี่ชุงป้าหลี่ตามมาแล้วเช่นกัน ต้มโจ๊กหม้อใหญ่กับหลิงซินและทำแป้งทอดเล็กน้อยส่งเข้ามาหลิงอวี๋กล่าวทัก “หว่านเอ๋อร์ หลิซวนรีบกินเถอะ เราต้องไปศาลหลักเมืองตรวจดูทางนั้นอีกว่ามีคนเจ็บให้รักษาหรือไม่!”หลิงหว่านจึงยันขึ้น เหล่าคนพอกินตะกละตะกลามเสร็จ เหลือหลี่ชุงกับหมอเลี่ยวไว้ดูแลคนเจ็บก็เดินออกไปแล้วเพลิงไหม้กว่าครึ่งมอดไปแล้ว แต่ยังมีควันหนาทึบลอยอยู่บนอากาศพร้อมขี้เถ้าจากการเผาไหม้แผ่ตามกันมา ทำให้เขตพื้นที่ผืนนี้ดูเปลี่ยวร้างยิ่งทั่วหัวระแหงบนถนนหลักมีขยะที่เหล่าผู้ลี้ภัยทิ้งไว้ แถมมีรถม้าที่โดนปล่อยทิ้งหลิงอวี๋กำลังคิดพาพวกหลิงหว่านไปศาลหลักเมืองพลันเห็นผู้ลี้ภัยรวมตัวกันเป็นกลุ่มทะลักไปทางประตูเมืองผู้ลี้ภัยเหล่านั้นถือตะบองอย่างฮึกเหิม เดินพลางพูดไปด่าไปเกิดเรื่องอะไรขึ้น?หลิงอวี๋กำลังขบคิดก็ได้ยินคนกล่าวด่า“ท่านอ๋องอี้กับแม่ทัพเฉินสมควรรับผิดชอบอัคคีภัยครั้งนี้ พวกเขาดับไฟไม่ทันกาลทำให้พวกเราไร้บ้านกลับ!”“เรือนข้าถูกเผายับแล้ว สินค้าปักทอมากมายในร้านล้วนเสียสิ้น ภายหน้าข้าจักพึ่งกระไรอยู่รอด!”“ใช่แล้ว เรื