สายตาท่านอดีตเสนาบดีมองหลิงอวี๋อย่างเฉยชาแฉลบผ่านยังดวงหน้าน้อย ๆ ละเอียดอ่อนของหลิงเยวี่ย พลางหยุดลงบนรอยแผลที่หน้าหลิงอวี๋ในที่สุดหลิงอวี๋เดาออกว่าท่านอดีตเสนาบดีมีความเคืองโกรธในใจเลยไม่อยากให้อภัยตัวเองง่าย ๆ เยี่ยงนี้นางเดินไปหน้าเตียงพลันคุกเข่าลงดังตุ้บครั้นหลิงเยวี่ยเห็นแม่คุกเข่าก็คุกเข่าลงตามเช่นกัน“ท่านปู่ อาอวี๋รู้ผิดแล้ว! เมื่อนั้นอาอวี๋กระทำอันใดตามใจ ทำท่านปู่ปวดใจแล้วเจ้าค่ะ!”“อาอวี๋กลับตัวกลับใจแล้วต่อไปจักมิทำเรื่องโง่เขลาอีกเจ้าค่ะ! โปรดท่านปู่ให้โอกาสอาวี๋อีกสักครั้ง!”หลิงอวี๋โขกหัวคำนับให้ท่านอดีตเสนาบดีอย่างฝืนกลั้นน้ำตา!ช่วงเวลาล่อแหลมในงานพระราชสมภพวันนั้นเป็นท่านอดีตเสนาบดีคุกเข่าอ้อนวอนจักรพรรดิให้โอกาสตนชี้แจงเท็จจริงหลิงอวี๋จำเรื่องนี้ได้เสมอ แม้นางมิชอบพิธีคนโบราณเอะอะอะไรก็โขกหัวโขก ๆแต่โขกหัวคำนับให้ท่านอดีตเสนาบดี หลิงอวี๋ก็ยินดีเต็มใจ!“ท่านตาทวด ท่านให้โอกาสท่านแม่ข้าสักครั้งเถิดขอรับ! ต่อไปนางจะเชื่อฟังท่านแน่นอน!”“ภายหน้าเยวี่ยเยวี่ยจะเอาของอร่อย ๆ มาให้ท่าน!”หลิงเยวี่ยปวดใจต่อมารดาตน ดวงตาโตมองปริบ ๆ อย่างบ้องแบ๊วพลางมองท่านอด
ท่านอดีตเสนาบดีมองหลิงอวี๋พลางถาม “อาอวี๋ เจ้ามีแผนอันใดต่อไป? จักใช้ชีวิตกับเซียวหลินเทียนอยู่หรือไม่?”หลังเรื่องในรถม้าที่เซียวหลินเทียนผลักหลิงอวี๋ นางก็หมดความคิดที่จะอยู่กับเซียวหลินเทียนโดยสิ้นเชิง“ท่านปู่เจ้าคะ ก่อนหน้าข้าพูดเรื่องหย่ากับเซียวหลินเทียนแล้ว เขารับปากแล้วเจ้าค่ะ!”“เรารอเมื่อเวลาเหมาะสม ขอร้ององค์จักรพรรดิเห็นด้วยจึงหย่าร้างเจ้าค่ะ!”ท่านอดีตเสนาบดีนับว่าพอใจแล้วพลางพยักหน้า“ทนไม่ไหวก็หย่า จวนเสนาบดีหลังนี้ตราบใดที่มีปู่ก็คือจวนของเจ้าตลอดไป!”หลังหลิงอวี๋หย่าร้างไม่สนย้ายกลับจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนสักกระผีก แต่ตอนนี้ก็ไม่อยากเถียงกับท่านอดีตเสนาบดี ถึงคราวนั้นค่อยว่ากันเถอะ!“ท่านปู่ ท่านล้มเจ็บเองจริงหรือไม่? หากท่านถูกคนทำร้าย เช่นนั้นข้าก็มีสิทธิ์รู้…”หลิงอวี๋เป็นห่วงปัญหาข้อนี้พลันถามร้อนใจท่านอดีตเสนาบดีถามว่า “เจ้าตอบคำถามข้าก่อน วิชาแพทย์ของเจ้ารักษาขาของเซียวหลินเทียนหายได้หรือไม่?”หลิงอวี๋เชื่อใจท่านอดีตเสนาบดีสุดจิตสุดใจพลันกล่าวอย่างเชื่อมั่น“หากทั่วหล้านี้มีคนรักษาขาเซียวหลินเทียนหาย นั่นคงมีแค่ข้า!”สีหน้าท่านอดีตเสนาบดีเคร่งขรึมพลางเ
หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่เซียวหลินเทียนพูดว่า หลิงเสียงเซิงหมายเอาหลิงเยี่ยนออกเรือนเป็นชายารองอีกครั้งก็ตื่นตัวขึ้นพ่อนิสัยแย่คนนี้ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง!ผู้ใดจะรู้ว่าพอบอกความจริงเขาแล้ว เขาจะไม่ทรยศหักหลังเซียวหลินเทียนกัน?ตอนนี้หลิงอวี๋ยังเป็นชายาอ๋องอี้ เซียวหลินเทียนถือว่าเป็นที่พึ่งของตนเหมือนกัน นางไม่อาจปล่อยเซียวหลินเทียนกลายเป็นหนามยอกอกขององค์ชายเว่ยกับคนอื่น ๆ ได้!หลิงอวี๋พูดว่า “ท่านพ่อ พวกเราเป็นคนกันเอง ข้ามิปิดบังท่าน! แม้วิชาแพทย์ข้าเหนือคน แต่ก็มีโรคบางอย่างรักษามิได้!”“ขาของท่านอ๋องอี้ ข้าไร้วิธีช่วยเขารักษาหายแล้ว!”ใบหน้าหลิงเสียงเซิงเผยความสิ้นหวังชัดเจน ในตาฉายความระอาแววหนึ่งหลิงอวี๋มองอารมณ์นัยน์ตาของหลิงเสียงเซิง แต่กลับแสร้งไม่เห็นพลางยิ้มกล่าว“ท่านพ่อ ท่านห่วงใยท่านอ๋องอี้เช่นนี้ อาอวี๋ปลื้มใจนักหนา!”หน้าของหลิงเสียงเซิงกระตุก เขาไม่ได้ห่วงใยสุขภาพเซียวหลินเทียนเถอะ!เขาพะวงว่าเซียวหลินเทียนจะยืนได้และกลับมาเป็นผู้บัญชาการกองทัพอีกครั้งหรือไม่!หากเซียวหลินเทียนยืนมิได้ก็เป็นแค่ของไร้ประโยชน์ เขาจะสนใจของไร้ประโยชน์หาปะไร!“อาอวี๋ เมื่อก่อน
หลิงอวี๋ตั้งอาจารย์ขึ้นมัว ๆ เมื่อเห็นหวางซือสนใจที่ตนถูกพิษขนาดนี้ นางยิ่งมั่นใจว่าการถูกพิษของตนไม่พ้นเกี่ยวข้องกับหวางซือหรอก!หลิงอวี๋ขบคิดพลางกล่าว“ข้าถูกพิษชนิดที่เรียกว่าอินทรีดำ อาจารย์ข้าถอนให้ข้าครึ่งเดียว นางพูดว่าระยะเวลาถูกพิษของข้านานเกินไปทำตับเสียหายแล้วเจ้าค่ะ!”“เดิมทีอาจารย์ข้ากล่าวว่าข้ามีชีวิตได้แค่ครึ่งปี! แต่ตอนนี้อยู่ได้หลายปีแล้วเจ้าค่ะ!”หวางซือปรายมองเล็กน้อย แสร้งเป็นพูดเคือง“ทั้งหมดนี้เป็นขี้ข้าต่ำช้าสองคนนั้นทำชั่ว! พวกนางสมควรถูกถลกหนังทั้งเป็น!”จากนั้นหวางซือก็เปลี่ยนประเด็น จ้องหลิงอวี๋เอ่ยอีกว่า“อาอวี๋ เจ้ารู้เรื่องหรือไม่? เมื่อก่อนแม่เจ้ารู้จักซือคงชวิ่นปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์!”“วิชาแพทย์ซือคงชวิ่นเหนือชั้น เป็นหมอชั้นเซียนชั่วอายุคน ว่ากันว่าเวลานั้นเขาเก็บตำราแพทย์ไว้เล่มหนึ่ง…”“หากเจ้าได้มันมา พิษของเจ้าถอนได้แน่! ขาท่านอ๋องอี้ก็จะมีทางรักษาหายเช่นกัน!”“ตำราแพทย์? ซือคงชวิ่น?”หลิงอวี๋ตะลึงชั่วขณะ คาดไม่ถึงว่าหลานฮุ่ยจวนผู้เป็นมารดาจะรู้จักซือคงชวิ่นหมอเลื่องชื่อ?“อาอวี๋ เจ้ามิรู้เรื่องนี้หรือ?”หวางซือมองในตาเป๋อเหลอของหลิงอวี๋ คว
หลิงอวี๋โกรธจนยืนขึ้นเร็วพลัน“ท่านพ่อ ถ้ามือท่านมีแผลเปิดก็ต้องใช้เวลาหลายวันหาย!”“ท่านปู่ล้มขาหัก ท่านคิดว่าข้าเป็นเทพเซียนเป่าลมหายใจเซียนก็ทำท่านปู่กระโดดโลดเต้นได้หรือ?”ครั้นหวางซือเห็นหลิงอวี๋โมโหเลยมองค้อนหลิงเสียงเซิง รีบกล่าวปลอบ“อาอวี๋ พ่อเจ้าก็เป็นห่วงท่านปู่เจ้าเหมือนกัน กลัวเขาทุกข์ใจ! เลยใจร้อน!”“ถูก ถูกต้อง พ่อมิอยากให้ท่านปู่เจ้าทุกข์ใจ!”หลิงเสียงเซิงมองหลิงอวี๋เอาอกเอาใจ “เจ้าก็ลองคิดวิธีดูเถิด!”“ไม่มีวิธี! ลงเตียงได้ในยี่สิบวันเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวเหลืออด “หากท่านพ่อไม่มีธุระอื่น ข้าขอไปพักแล้ว!”หัวใจหลิงเสียงเซิงอ้างว้าง หรือว่าต้องดูท่านอดีตเสนาบดีสูญเสียตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ตาปริบ ๆ งั้นหรือ?นี่คือการโจมตีหนักหน่วงทั้งครอบครัวพวกเขา!พอหวางซือเห็นหลิงอวี๋หมายไปพลันดึงหลิงเสียงเซิงไว้หลิงเสียงเซิงราวเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคว้าหลิงอวี๋ไว้“อาอวี๋ เจ้าคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของไทเฮากับท่านอ๋องเฉิงมิใช่หรือ?”“เจ้าทวงบุญคุณไทเฮาแนะนำหลิงเฟิงน้องชายเจ้าไปรับตำแหน่งราชการกรมกลาโหมเถอะ!”“อาอวี๋ แผลของท่านปู่เจ้ามิหายเร็ว ๆ นี้”“ตำแห
หลิงอวี๋กลับถึงลานเรือนที่ตนเคยอยู่มาก่อน ป้าสะใภ้ใหญ่ให้คนทำความสะอาดเรียบร้อย หลิงซวนกำลังเก็บกวาดหอนอนกับหลิงซินหลิงหว่านกำลังหยอกเล่นหลิงเยวี่ยเมื่อหลิงเยวี่ยเห็นหลิงอวี๋ก็เอากล่องหนึ่งให้ดูพลางพูดอวด“ท่านแม่ ท่านดูสิ ท่านยายมอบของขวัญพบหน้าข้า!”เมื่อหลิงอวี๋มองด้านในกล่องมีกุญแจเงินอายุยืนประดิษฐ์เงินหนึ่งชุด ยังมีกระบี่สั้นงานประณีตหลิงหว่านกล่าวยิ้ม ๆ “กระบี่สั้นนี้เป็นของขวัญสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ท่านปู่มอบให้พ่อข้าตอนอายุสิบห้าปี!”“พี่ข้าขอกับแม่ข้าหลายหนแล้ว แม่ข้าล้วนหักใจให้เขาไม่ลง!”พี่ชายของหลิงหว่านคือหลิงเซียว ลูกชายแท้ ๆ ของป้าสะใภ้ใหญ่เมื่อหลิงอวี๋ได้ฟังก็แปลกใจนัก ของขวัญนี่ล้ำค่าถึงเพียงนี้!นี่ป้าสะใภ้ใหญ่ช่างรักเอ็นดูหลิงเยวี่ยจริง ๆ ถึงมอบของขวัญเช่นนี้ให้หลิงเสียงเซิงกับหวางซือมีศักดิ์เป็นตายายของหลิงเยวี่ย เมื่อครู่นอกจากบ่นเรื่องแซ่หลิงของหลิงเยวี่ย แม้แต่รากหญ้าล้วนไม่คิดให้หลิงเยวี่ยด้วยซ้ำของขวัญไม่สำคัญ แต่อยู่ที่น้ำใจ!เปรียบเทียบความเมินเฉยของครอบครัวหลิงเสียงเซิงกับป้าสะใภ้ใหญ่ ชัดเจนแล้วว่าผู้ใดคือคนกันเอง!หลิงอวี๋มองหลิงหว่านซาบ
รถม้าของปี้ไห่เฟิงเดินหน้าต่อ หลิงอวี๋กับหลิงหว่านเห็นควันทึบคลุ้งเหนือประตูใหญ่บูรพาแล้ว เพลิงไฟสะท้อนครึ่งนภาเป็นสีแดง“ตะเถร! นั่นเผาไปกี่เรือนแล้ว!”หลิงหว่านโตมาขนาดนี้เห็นไฟรุนแรงเช่นนี้เป็นครั้งแรกพลางตกใจจนคว้าแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น“ท่านพี่ นั่นเผาคนตายไปกี่มากมายแล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวปลอบขวัญ “โชคดีที่ไฟมิใช่เกิดขึ้นกลางดึก ยามนี้ผู้คนล้วนยังมิได้เข้านอน หากเกิดไฟไหม้บางคนก็หนีออกมา!”สีหน้าหลิงซวนยินดี “อาจารย์พูดถูก โชคดีที่ไม่ไหม้กลางดึก มิฉะนั้นคนมากโขจักถูกเผาตายขณะหลับฝันเจ้าค่ะ!”รถม้าแล่นไประยะหนึ่ง ถนนก็ถูกคนลี้ภัยกับคนดับเพลิงตันจนน้ำหยดเดียวก็ลอดไม่ได้“พวกเราลงรถเดิน!”ครั้นหลิงอวี๋มองเหตุการณ์ยุ่งเหยิงนี้ จึงรีบดึงหลิงซวนกับหลิงหว่านลงรถหลิงหว่านเห็นคนลี้ภัยบางคนกำลังแบกกระเป๋าหลายใบหนีไป ต่างสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ผู้ลี้ภัยบางคนกำลังวิ่งเท้าเปล่าไม่สนใจสวมรองเท้า“หลิงหว่าน ตามข้าห้ามแตกแถว!”หลิงอวี๋หันกลับเห็นหลิงหว่านกำลังมองเด๋อด๋า รีบวิ่งมาคว้านางไว้“ยามอลหม่านเช่นนี้ กระไรก็เกิดขึ้นได้ เจ้าต้องรับรองความปลอดภัยของตัวเองก่อนถึงช่วยคนได้!”หลิงอวี๋
เดิมทีเป็นร้านของตระกูลกวน มิแปลกใจเลยที่ลำพองขนาดนี้!แม่ทัพเฉินมองไฟไหม้มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ปล่อยคนลี้ภัยเหล่านี้อีก เขาก็มิกล้าจินตนาการถึงความสูญเสียทั้งมวลแม่ทัพเฉินกระทืบเท้าร้อนรน มองทางเซียวหลินเทียน“ท่านอ๋อง ควรทำเช่นไรดี หากไม่อพยพฝูงชนอีก คนพวกนั้นจักตายกันหมดพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋มองทางเซียวหลินเทียนร้อนใจเช่นกันเซียวหลินเทียนหน้ามืดลง ตะโกนเดือดดาล“แม่ทัพเฉิน ส่งทหารไปบังคับรถม้าไปแล้วกล่าวว่าเป็นคำสั่งของตัวข้า!”“หากเอะอะโวยวายก็ให้พวกเขาว่ากันทีหลัง! ผู้ใดกล้าขัดขวาง ฆ่าอย่างไร้ปรานี!”เมื่อแม่ทัพเฉินได้ยินก็มีเสาหลักแล้วพลางพาทหารกลับสู่การสู้รบทันที“จ้าวซวน เจ้าไปช่วยเสีย!”จ้าวซวนรีบพาองครักษ์หลายคนทะยานไปหลิงอวี๋พลันเห็นทหารเหล่านั้นพุ่งไป ไม่สนการกีดกันข้ารับใช้ของร้านหวางต้าหู้พลางบังคับรถม้าไปแต่ก็ไม่รู้ว่าใช้รถม้าแบกน้ำหนักเกินไปหรือไม่ มีรถม้าคันหนึ่งเพิ่งแล่นไปมิไกลก็พังทลายลงเงินทองอาภรณ์จำนวนมากกลิ้งออกจากรถม้า เมื่อคนลี้ภัยด้านหลังเหล่านั้นเห็นก็เข้ามารุมรีบเก็บทรัพย์สมบัติโกลาหลเมื่อจ้าวซวนเห็นว่าทางแยกที่ถูกขจัดอย่างยากลำบากได้ตันอี
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก